คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Aholic00 ll เหตุผลที่ลิ้มรสรักคนเลว {อัพ100%} อย่าแกล้งน้อง!
Love those who love you
จงรักคนที่เขารักคุณ
“It’s where my demons hide - นี่คือที่ที่ปีศาจซ่อนตัวอยู่”
-SOMJEED TALK-
@มหาวิทยาลัยเอกชน A
“ที่รักวันนี้ไปหาตัวเองไม่ได้นะ ตอนนี้เค้ามารับน้องกับแม่อ่ะ...”
มนุษย์เรามีความรู้สึกเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งที่เด่นชัด นั่นคือการ ‘การมีความรัก’ ซึ่งความรู้สึกดังกล่าวไม่ใช่เรื่องผิด แต่บางคนดันใช้มันในทางที่ผิด ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างเช่นนักศึกษาชายที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ทางนั้น ไม่ว่าจะสีหน้า น้ำเสียง หรือคำพูดบอกชัดว่าเขากำลังโกหกคนในสาย เพื่อรอการปรากฏตัวของใครอีกคน
“บุ๊ค เมื่อกี้คุยกับใคร!?”
“เมื่อกี้เราคุยกับแม่อ่ะ ทำไมนุ่นออกมาไวจังเลย” ท่าทางร้อนรนที่อีกฝ่ายแสดงให้เป้าหมายได้เห็น ยิ่งบอกถึงความมีพิรุธของเขาได้มากเข้าไปใหญ่
“แม่เหรอ!?” แน่นอนว่าการมีรักซ้อนรักดูไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่ เพราะมันสามารถก่อให้เกิดสงครามขนาดย่อมจากผู้โดนกระทำ หากถูกจับได้ “ไอ้บุ๊ค นี่เหรอที่บอกมารับน้องกับแม่อ่ะ!?”
“เธอเป็นใครอ่ะ!?”
“ฉันเป็นเมียบุ๊ค หล่อนนั่นแหละเป็นใคร!!”
แต่ก็อีกนั่นแหละ ผลของการกระทำจะมีผลหรือไม่มีผล มันก็ขึ้นอยู่กับว่าบุคคลที่เริ่มก่อสร้างเรื่องจริงจังกับมันมากแค่ไหน เพราะบ้างก็มองว่าเป็นเรื่องซีเรียสประมานว่ารักทั้งคู่ แต่บ้างก็มองเป็นเรื่องขำๆ ไม่จริงจังอะไร อย่างเช่นนักศึกษาชายที่ฉันยกตัวอย่าง ซึ่งตอนนี้ได้เฟดตัวเองจากวงสงครามแหวกฝูงคนที่กำลังยืนมุงตรงมาหาฉัน
“ส้มจี๊ดจ๋า~ กลับบ้านกัน” เขาชื่อ ‘บุ๊ค’ เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้น ส่วนฉันน่ะชื่อ ‘ส้มจี๊ด’
“ไม่เคลียร์กับผู้หญิงสองคนนั้นหน่อยเหรอ?”
“ไม่อ่ะ รำคาญ กลับกันเถอะ” ว่าแล้วบุ๊คก็ฉวยโอกาสสอดมือดึงแขนฉันไปกอดแน่น จนต้องใช้มืออีกข้างตีแขนกลับไป เนื่องจากเหตุการณ์เมื่อครู่เกิดจากเขาทั้งสิ้น
“นี่ปล่อยเลยนะ คนมองหมดแล้ว!”
“ปล่อยเขามองไปดิ คนอื่นจะได้เข้าใจว่าส้มจี๊ดเป็นแฟนเราไง”
“พอเลยๆ ฉันขี้เกียจมีปัญหากับผู้หญิงของนาย” ฉันว่าพลางแกะมือปลาหมึกของบุ๊คออก
“ขอวันหนึ่งน่า วันนี้แต้วไม่อยู่ไม่มีตัวขัดขวางขอกอดขอสบบ้างไม่ได้เลยเหรอ” บุ๊คมี Skill การอ้อนหญิงอย่างน่าเหลือเชื่อ ขนาดฉันเป็นเพื่อนกับเขาแท้ๆ ยังรู้สึกได้ จึงไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เขาสามารถคบซ้อนได้เกิน 2 คนขึ้นไป ยิ่งบุ๊คเป็นผู้ชายที่หน้าตาดี พ่วงด้วยดีกรีเดือนคณะด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องสงสัย
แต่เพราะไม่ชอบเป็นจุดสนใจของใครมากนักฉันจึงพยายามปฏิเสธลูกตื้อของบุ๊คอย่างสุดกำลัง แต่ถึงไม่มีเขาคอยเกาะแกะ ฉันก็เป็นที่สนใจของนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกันอยู่ดี เพราะตำแหน่งดาวคณะที่ได้มาตอนช่วงเทอมแรกที่เข้าเรียนนั่นแหละ
ถึงแม้จะปฏิเสธและอยากหนีความไม่สงบสุขรอบกายมากเท่าไหร่ แต่สุดท้ายฉันก็หนีไม่พ้นอยู่ดี
เดินออกมาจากหน้ามหาวิทยาลัยได้นิดหน่อย เสียงฮือฮาของผู้คนแถวๆ นั้นก็ยิ่งดังขึ้น เหตุผลไม่ใช่เพราะฉันที่ถูกบุ๊คเกาะแขนหนึบเดินออกมาหรอก แต่พวกเขากำลังสนใจใครอีกคนซึ่งนั่งอยู่บนถังขยะปิดฝาห่างจากรั้วมหาวิทยาลัยไปนิดหน่อยต่างหาก
ในเมืองๆ นี้มีข่าวลือกันหนาหูว่า มีปีศาจ 2 ตนอาศัยอยู่ ที่ลำบากใจฉันอย่างสุดๆ ก็คือปีศาจ 2 ตนนั้นดันเป็นคนที่ฉันรู้จักดี ต่อให้พยายามเลี่ยง ก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะคนหนึ่งฉันรักและเคารพเขาเหมือนเป็นพี่ชายแท้ๆ ส่วนอีกคนซึ่งกำลังปรากฏกายอยู่ต่อหน้าทุกคนในตอนนี้ เขาเป็นพี่ชายที่ฉันทั้ง ‘รัก’ และ ‘เกลียด’ ในคราวเดียวกัน
เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ เขาคือผู้ชายที่เคยขยี้ความรักของฉันจนแตกละเอียดไม่เหลือชิ้นดีน่ะสิ...
เขาชื่อ ‘โต’ เป็นพี่ชายของ ‘แต้ว’
เพื่อนสนิทของฉันเอง เรามีอายุห่างกัน 6 ปี
ในความเป็นจริงแล้วหลังจากเกิดเรื่องแย่ๆ คราวนั้น พี่โตกับฉันไม่ควรจะเจอหน้ากันอีกด้วยซ้ำ
แต่ติดตรงที่ครอบครัวฉันซึ่งตอนนี้ทำงานอยู่ที่ต่างประเทศดันฝากพ่อแต้วที่ทำงานอยู่ในบริษัทของครอบครัวให้ช่วยดูแลฉันในช่วงที่พวกท่านดูงานอยู่ต่างประเทศ
นี่จึงเป็นความซวยขั้นสุดที่ฉันตั้งเผชิญหน้ามาจนเกือบ 10 ปี แม้ว่าในตอนที่ถูกปฏิเสธ ฉันเคยตั้งปนิธานไว้ว่า ฉันจะขัดขวางความรักของเขากับผู้หญิงทุกคนบนโลกใบนี้ก็ตาม พอเริ่มขัดขวางก็เหมือนว่าเขาก็ทำให้เห็นว่าเด็กน้อยอย่างฉัน ไม่มีทางหยุดความต้องการของผู้ใหญ่อย่างเขาได้
ยิ่งทำมากเท่าไหร่
ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
เขาก็ยังมองว่าฉันเป็นเด็กไม่อยู่ในสายตาเขาอยู่ดี โดยเฉพาะตอนนี้
เขาได้กลายมาเป็นคนดัง(ในเรื่องแย่ๆ) ของกลุ่มวัยรุ่นด้วยแล้ว
ระยะห่างระหว่างเราก็ยิ่งไกลเกินเอื้อม
เมื่อรักกันไม่ได้ ก็เกลียดกันไปเลยง่ายกว่า...
บุ๊ครีบปล่อยมือที่กอดแขนฉันออกทันที
เมื่อพบว่าเราทั้งคู่เป็นจุดสนใจของปีศาจผู้มีชื่อเสียงของเมือง
ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่พี่โตกระโดดลงจากฝาถังขยะ เดินปัดเนื้อปัดตัว
เดินตรงเข้ามาหาแบบไม่สนใจเสียงซุบซิบและสายตาของผู้คนรอบข้าง
โดยที่สายตาเขาตอนนี้จับจ้องมายังฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น
“พี่มารับแล้ว กลับบ้านกันค่ะ” รอยยิ้มใจดีซึ่งมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เห็น
ปรากฏขึ้น
เมื่อคนตัวใหญ่หยุดเท้าลงเบื้องหน้าดูขัดกับชื่อเสียงในแง่ลบที่เคยได้ยินและทุกคนเข้าใจโดยสิ้นเชิง
ประมานว่าทำเลวกับทุกคนเว้นฉันและคนในคนบ้านก็ว่าได้
“แต้วกลับไปแล้วนี่ค่ะ พี่โตไม่จำเป็นต้องมารับก็ได้” ต่อหน้าฉันเขามักจะทำตัวเป็นพี่ชายที่แสนดีด้วยการมารับมาส่งที่เรียน
ซึ่งเขาทำแบบนี้นับตั้งแต่ที่ฉันเริ่มย้ายเข้าไปอยู่ร่วมชายคาเดียวกับเขาแล้วล่ะ
คล้ายกับตั้งใจจะย้ำสถานะของเราว่าอยู่ในระดับไหนให้ฉันเข้าใจยังไงอย่างงั้นแหละ!
“ก็พี่มารับจี๊ด ไม่ได้มารับแต้ว...ไปเร็วรถจอดอยู่ซอยข้างๆ” ว่าแล้วพี่โตก็เริ่มใช้กำลัง
คว้ามือฉันต่อหน้าผู้คนพร้อมออกแรงดึงให้เดินตามไป โดยไม่สนใจบุ๊คซึ่งทำได้เพียงยืนมองเราเท่านั้น
แต่เรื่องนั้นไม่ได้ทำให้ฉันสนใจได้มากนัก
เพราะที่สนใจคือแรงบีบจากฝ่ามือแกร่งที่กำลังจูงมือฉันอยู่นั่นแหละ
พี่โตจูงมือฉันเดินผ่านผู้คนที่มองมายังเรา
ทุกวินาทีฉันรู้สึกถึงแรงบีบกระชับจากฝ่ามือเขาที่เริ่มแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเราเดินพ้นสายพวกนั้นเข้ามาในซอยที่เขาจอดรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจทิ้งไว้
แถมยังพูดอะไรบางอย่างซึ่งดูไม่เข้ากับภาพลักษณ์ภายนอกออกมา
“ช่วงนี้มือจี๊ดด้านนะคะ หามอยเจอร์ไรเซอร์มาบำรุงบ้างนะ”
“มือหนูไม่ใช่มือพี่ ไม่ต้องยุ่งก็ได้ค่ะ”
“พี่หวังดีนะคะ มือด้านแบบนี้ระวังไม่มีหนุ่มที่ไหนอยากจับมือด้วยนะ”
“งั้นพี่โตก็ปล่อยมือหนูสิ ใครขอให้พี่จับล่ะ” ฉันเบ้ปากอย่างนึกขัดใจ
ทว่า อีกฝ่ายกลับยิ่งกระชับมือแน่นยิ่งขึ้นแล้วตอบกลับมา
“ไม่ปล่อยค่ะ ถึงมือจี๊ดจะด้านพี่ก็อยากจับ...” พี่โตเหลียวมองฉันเล็กน้อยพร้อมด้วยรอยยิ้ม
และเมื่อเห็นว่าฉันไม่ตอบโต้อะไร เขาก็พูดออกมาอีก “มือน้องสาว
พี่ชายคนไหนๆ ก็อยากจับทั้งนั้นแหละ เนอะ”
ต่อหน้าทุกคนฉันกับแต้วคือน้องสาวที่เขารักและมักทำดีให้ตามแบบฉบับพี่ชายแสนดีให้เห็นอยู่บ่อยๆ
ทั้งที่ฉันไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของเขาสักหน่อย
“เลิกทำดีกับหนูสักทีได้ไหม!?” และฉันเกลียดการทำดีของเขาเวลาที่เราอยู่ต่อหน้าคนอื่นจนกลายเป็นจุดสนใจของคนนอก
ทั้งที่เขาถูกขนานนามว่าเป็น 'ปีศาจ' ของเมืองแท้ๆ
“ทำไมล่ะคะ จี๊ดชอบคนเลวเหรอ?” แต่พี่โตดันย้อนเหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองทำให้ฉันรู้สึกว่าต่างจากคนอื่น
จะให้พูดว่าฉันเกลียดสิ่งที่เขาพยายามตอกย้ำอยู่ตลอดเวลาว่าฉันเป็นได้แค่น้องสาว
มันก็คงไม่ใช่เรื่อง ฉันเองไม่ได้อยากจะตอกย้ำตัวเองกับเรื่องในอดีตเท่าไหร่ และเพราะไม่รู้จะพูดอย่างไรฉันจึงทำได้แค่พูดคำสิ้นคิดกลับไปสั้นๆ
“หนูไม่รู้...” ทว่ายังไม่ทันสิ้นเสียงดี ร่างของฉันกลับถูกแรงมหาศาลเหวี่ยงกระแทกเข้ากับผนังบริเวณจุดจอดรถจักรยนต์อย่างแรง
สังเกตได้ว่าแววตาใจดีของคนตัวสูงตรงหน้าเปลี่ยนไปไม่เหลือเคล้าความใจดี
แต่กลายเป็นนัยน์ตาปีศาจอย่างที่ใครๆว่ากัน โดยเฉพาะมือหนาที่กระแทกลงบนผนังอย่างแรง
ก่อนมืออีกข้างจะเริ่มจู่โจม รุกล้ำผ่านขอบกระโปรงนักศึกษาไล่มาตามเนินขาอ่อนภายในจนฉันสั่นด้วยความตกใจเคล้าความสับสน
ขณะที่สายตาของเราทั้งคู่สบประสานกัน และตอนนั้นเองที่มีเสียงกระซิบ
“เห็นไหม...แค่นี้ก็ตัวสั่นแล้ว”
ตอนที่พี่โตพูด
เขากำลังยิ้มแบบใจดีอย่างที่เขามีให้มาตลอด
“อย่าให้พี่เลวกับเราเลย...ไม่งั้นสักวันจี๊ดคงแหลกคามือพี่แน่ๆ”
ใจฉันเต้นผิดจังหวะเมื่อเจอคำขู่แสนหวานดังกล่าว
ต่อให้เคยเห็นเขาทำเรื่องพรรค์นี้กับคนอื่นมานักต่อนัก แต่ฉันก็ไม่เคยคิด
ว่าตัวเองจะโดนแบบนี้เข้าสักวัน
“คิกๆ” ในช่วงที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
คนตัวใหญ่ก็หลุดหัวเราะขึ้นเหมือนเด็กก่อนละมือของตัวเองออกไปแล้วเอ่ยซ้ำน้ำเสียงติดอารมณ์ขัน
“ตัวสั่นใหญ่เลย คิกๆ พี่ล้อเล่นค่ะ”
ได้ยินเช่นนั้นฉันไม่รอช้ารีบใช้มือผลักอกพี่โตให้ออกห่างทันทีแบบไม่ต้องคิด
“ล้อเล่นได้น่าเกลียดที่สุด!”
พี่โตหัวเราะไม่หยุดคล้ายกับชอบใจที่แกล้งกันได้
ก่อนจัดการขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์คู่กายพร้อมทั้งสตาร์ทเครื่อง
เตรียมพาฉันออกไปจากซอยแคบๆ แห่งนี้
“ขึ้นรถค่ะ ก่อนที่เรื่องล้อเล่นจะเป็นเรื่องจริง คิกๆ”
“ไม่ตลกค่ะ” ฉันเบ้ปากอย่างขัดใจ
แต่ที่สุดแล้วก็ต้องยอมขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายเขาอยู่ดี
เมื่อพี่โตเห็นว่าฉันนั่งประจำที่เรียบร้อย เขาก็รีบบิดรถออกจากซอยแคบๆ
ดังกล่าวทันที แต่แล้วก็มิวายแกล้งกันอยู่ดี
ขับลัดเลาะไปตามซอยแคบไม่นาน จู่ๆ เขาก็เบรกกะทันหันทำฉันที่ไม่ทันตั้งตัวเบียดตัวกระแทกกับแผ่นหลังของคนตัวใหญ่อย่างแรง
แน่นอนว่าเขามักจะแกล้งแบบนี้จนฉันรู้ทันหมดแล้ว
เพราะงั้นมือข้างถนัดจึงตีลงบนหลังเขาทันทีแบไม่ต้องรอให้ใครสั่งพร้อมทั้งต่อว่า
“พี่โต เลิกแกล้งสักทีได้ไหมคะ!”
“รถมันมีปัญหาค่ะ” เขาแก้ต่าง
ก่อนบิดเร่งเครื่องแล้วเบรกให้รถทั้งคันกระตุกเป็นจังหวะๆ ไม่หยุด
“พี่โตนั่นแหละมีปัญหา ขับดีๆ สิคะ!” พอว่าหนักเข้า
คนตัวใหญ่ก็อมยิ้มเหลียวมองหน้า ก่อนพ่นคำพูดสั้นๆ ประโยคหนึ่งขึ้นมา
“ถ้าไม่ทำตัวมีปัญหา พี่ก็ไม่รู้สิคะว่านมจี๊ดใหญ่ขึ้นแล้ว” ทั่วหน้าร้อนขึ้นทันทีเมื่อได้ฟัง
จนเผลอทำตาโตมองสิ่งที่คนตัวใหญ่กระทำนิ่งๆ
ฉันเห็นพี่โตยิ้มทะเล้นแต่ก็ไม่นานหรอก่อนที่เขาจะหันกลับไปนั่งในท่าถนัดแล้วบิดเร่งความเร็วออกจากซอยอีกครั้งด้วยท่าทางปกติ
ไม่หลงเหลือนิสัยขี้แกล้งเมื่อเมื่อครู่
ยอมรับว่าอาย ที่เขาพูดจาหยอกล้อเรื่องหน้าอก
แต่ยิ่งคิด ฉันก็รู้สึกโกรธเขาขึ้นมาไม่ได้
เพราะสิ่งที่เขาพูดนั้นมันทำให้ฉันนึกย้อนไปถึงเรื่องเก่าๆ ระหว่างเราขึ้นมา
ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีก่อน
‘หนูชอบพี่ค่ะ คบกับหนูนะ!’
ฉันยังจำความรู้สึกวันนั้นได้ดี มือของฉันชุ่มไปด้วยเหงื่อ
รู้สึกประหม่าและตื่นเต้นอย่างสุดๆ เมื่อต้องมายืนอยู่หน้าผู้ชายที่ชอบ มันอาจดูเร็วไปหน่อย
เนื่องจากฉันในตอนนั้นเพิ่งอยู่เพียงแค่ ป.6 กำลังสารภาพรักกับผู้ชายซึ่งเรียนอยู่ชั้น
ม.6 แถมเขายังเป็นคนที่ฉันมักเห็นหน้าอยู่บ่อยครั้งในฐานะพี่ชายเพื่อนสนิท
โอเค! ฉันยอมรับว่าตัวเองแรดและแก่แดดเกินตัว เพราะสิ่งที่ทำอยู่นอกจากจะสารภาพรักแล้ว
สมองยังสั่งการให้ฉันจดจำภาพจากหนังสือการ์ตูนรักวัยรุ่นที่ฮิตในช่วงนั้นมาใช้ด้วย
ฉันตั้งใจจะใช้ตัวเองพลีกายแลกความรัก แต่...
ดูเหมือนว่าโลกในหนังสือการ์ตูนกับโลกความเป็นจริงมันต่างกันลิบลับ
ต่อให้รู้สึกชอบมาหลายปีนับตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรก จวบจนเวลาในช่วงปัจจุบัน
ตัวละครหญิงก็ไม่อาจสมหวังในความรักได้ พี่โตไม่ได้สนใจคำบอกรักของฉันในตอนนั้นด้วยซ้ำ
แม้ว่าการบอกความในใจจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเคยได้ฟัง ใช่! ก่อนหน้าเหตุการณ์นั้นฉันเคยบอกรักเขามาแล้วหลายสิบรอบ!
ที่เขาสนใจดูเหมือนจะเป็นการรุกขั้นสุดชนิดเกินงามของเด็กผู้หญิงที่มีอายุอ่อนกว่าเขาถึง
6 ปี
‘ถอดเสื้อทำไม?’
แค่เขาถามเรื่องที่ฉันถอดเสื้อมันก็น่าอายพอทำให้ทั่วหน้าฉันชาได้แล้ว
มิหนำซ้ำเขายังพูดกึ่งต่อว่าและดูถูก ‘ถ้าอยากเสียตัว ไว้นมขึ้นเมื่อไหร่ค่อยว่ากันใหม่นะ’
สิ่งที่ฉันจำได้หลังจากคำปรามาสนั่นสิ้นสุดลง
คือเสียงกรี๊ดของเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับพี่โตที่เปิดประตูเข้ามาเห็นเราทั้งคู่ในสภาพแบบนั้น
เธอตบหน้าพี่โตฉาดใหญ่และวิ่งหนีออกจากห้องนอนของเขาไป ด้วยสถานการณ์ในตอนนั้น
มันเลยทำให้ฉันมีความคิดแย่ๆ ผุดเข้ามา
‘ถ้าพี่ปฏิเสธหนู ชาตินี้อย่างหวังจะได้มีเมียอีกเลย!’ ฉันโกรธเขาและรู้สึกอับอายไปในคราวเดียว
อายที่กล้าทำเรื่องแบบนั้นต่อหน้าพี่ชายเพื่อนแถมยังถูกปฏิเสธ
โกรธที่เขาดูถูกเรื่องหน้าอก
ทั้งที่ผู้หญิงที่เขาพามานอนด้วยก็ไม่ได้มีหน้าอกใหญ่กว่าฉันสักเท่าไหร่ เข้าข่าย
ไม่รักไม่ว่า อย่ามาพูดจาดูถูกนมก็ว่าได้!
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงเกลียดเขานัก
ทั้งที่ช่วงเวลาที่ผ่านมาฉันเอาแต่ขัดขวางความรักของเขาจนต้องไม่สงบสุข
มีอันต้องเลิกรากับแฟนสาวไม่รู้กี่คนต่อกี่คน
แถมความสัมพันธ์ของเราในช่วงที่ผ่านมาก็ไม่ได้ดีเด่ตรงไหน แต่พี่โตก็ยังทำดี
ยังใจดีเหมือนกับวันแรกที่เขาทำให้ฉันตกหลุมรักอย่างงั้น
เกลียดเขาจัง...
ฉันจะไม่พูดต่อยอดเรื่องที่เขายังพยายามแซวเรื่องเก่าๆ
ในอดีต เรื่องคิดเข้าข้างตัวเองน่ะมันจบไปตั้งนานแล้ว คำตอบเดิมๆ ที่รู้ๆ
กันอยู่ก็คือเขาไม่มีทางเอาเด็กอย่างฉันไปเป็นแฟนอย่างแน่นอน ทางที่ดีคือหยุดคิดต่อยอดสร้างความหวังลมๆ
แล้งๆ ให้ตัวเองจะดีกว่า
อีกอย่างตอนนี้พี่โตก็มีแฟนแล้ว...
เอี้ยด!
“เรียนเหนื่อยไหมส้มจี๊ด” เสียงเล็กแหลมของหญิงสาวคนหนึ่งดังทักขึ้นพร้อมรอยยิ้มใจดี
ทันทีที่รถมอเตอร์ไซค์ของพี่หยุดจอดลงบริเวณหน้าร้าน Tattoo ชื่อดังของเมือง
“ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ” เธอชื่อพี่ ‘การ์ตูน’ แฟนสาวของพี่โตที่คบกันมาเกือบ 2 ปีแล้ว
“ดีแล้วจ๊ะ ช่วงมหา’ลัยเรียนหนักหน่อยนะ” เธอใจดี นิสัยน่ารัก ต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ที่พี่โตเคยควง
“ค่า!” เพราะความคิดที่อยากขัดขวางความรักของพี่โตมันได้หมดไปจากหัวแล้ว
ฉันจึงตัดสินใจลงจากเบาะหลัง เดินตรงไปที่ประตูร้านเพื่อเข้าไปหาน้ำกินเหมือนปกติ
อีกอย่างฉันไม่อยากเป็น กขค ของคนทั้งคู่ด้วย ทว่า ในตอนนั้นเอง
กริ้ง~
“อุ๊ย ใครเนี่ยน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ~”
คนตัวสูงซึ่งจงใจมายืนขวางทางเข้าออกของร้านเอ่ยทักอย่างทะเล้น
พานให้รอยยิ้มบนหน้าผุดขึ้นอย่างไม่อาจห้ามได้
“พี่ยูยะ อย่าขวางทางหนูสิ” มือข้างถนัดเอื้อมดันช่วงลำตัวคนตัวใหญ่ตรงหน้าหลบให้พ้นทาง
แต่ว่าเขากันคว้าข้อมือฉันยกขึ้นจุมพิตเบาๆ หลังมือ แล้วพูด
“พี่อยากขวางทางแฟนไม่ได้เหรอ?” และใช่ ตอนนี้ฉันเองก็มีแฟนแล้วเหมือนกัน เขาชื่อพี่ ‘ยูยะ’ เป็นลูกครึ่งและเป็นช่างสักเหมือนพี่โต
ที่สำคัญพี่ยูยะยังเป็นเพื่อนสนิทกับพี่โตตั้งแต่สมัยมัธยมด้วย...
อย่าแกล้งน้องเยอะ น้องมีแฟนแล้วแต่ถ้าโตอยากแกล้ง โตต้องเอาน้องมาเป้นเมียในชาร์ปหน้าให้ได้นะ #ผิด
55555555555
ความคิดเห็น