สุดยอดสไนเปอร์ในสมรภูมิรบ - สุดยอดสไนเปอร์ในสมรภูมิรบ นิยาย สุดยอดสไนเปอร์ในสมรภูมิรบ : Dek-D.com - Writer

    สุดยอดสไนเปอร์ในสมรภูมิรบ

    ผู้เข้าชมรวม

    302

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    302

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  26 ก.ค. 56 / 15:57 น.

    แท็กนิยาย

    สุดยอดสไนเปอร์



    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      สุดยอดสไนเปอร์ในสมรภูมิรบ

      อาวุธร้ายแรงที่สุดในสนามรบคือพลซุ่มยิง  การไล่ล่าคนมันสำคัญที่สุดแล้ว ไม่มีที่ใดที่ซ่อนอยู่ได้ เราจะพยายามมองหาบุคคลที่ดูเป็นผู้ร้าย เราจะไปที่นั่นเพื่อเก็บเขา จากเวียดนามสู่ระยะสังหารไกลที่สุดในประวัติศาสตร์  การลั่นกระสุนเสี่ยงตายที่สุดในโลก และเหล่าชายที่ทำให้ศรัทธาในการเป็นพลซุ่มยิงยังคงอยู่ หนึ่งกระสุนต่อหนึ่งการสังหาร

      การเป็นพลซุ่มยิงในสมรภูมิเป็นสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เราต้องเข้าใจว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ นั่นก็คือเรากำลังไลล่าหัวคนอยู่ พอกวาดสายตาไปทั่วและได้เป้าหมายแล้วก็จะเกิดผลกระทบขึ้นในทันที ที่สมรภูมิเมือง Ramadi อิรัก ปี 2005 ตอนแรกที่เราไปประจำการอยู่ที่ Ramadi อัตราการระเบิดแสวงเครื่องอยู่ที่ราวๆ 95-100 หน่วยต่อสัปดาห์ ภารกิจของเราก็คือหาคนวางระเบิดพวกนั้นและจัดการเก็บพวกเขาซะ ทหารประจำการในอิรักมีคำขวัญว่า สุภาพ มืออาชีพ และวางแผนขจัดคนร้ายให้หมดสิ้น เราจะพยายามมองหาบุคคลที่ดูเป็นผู้ร้าย เราจะไปที่นั่นเพื่อเก็บเขา  พลซุ่มยิง James Gilliland (Shadow Team Leader Longest Kill Shot 7/10 mile With 7.62 Caliber Rifle) ถ้าใครบังอาจก้าวล้ำเส้นเข้ามา นั่นคือเขาเข้ามาในโลกของเราแล้ว และเขาก็กลายเป็นเป้าหมายอย่างแน่นอน เราต้องจัดการ Gilliland และลูกทีมพลซุ่มยิงประกอบด้วยทหารบกสิบนาย เฝ้าดูกิจกรรมคนร้ายจากที่กำบังทั่วเมือง พวกเขาทำจำนวนได้ถึง 276 ศพภายในเวลา 6 เดือน

      หนึ่งในเทคนิคที่เราใช้เพื่อจะหาว่าเป้าหมายอยู่ที่ไหนมันสัมพันธ์กับการล่ากวางหรือไก่งวงโดยตรง คือเราจะไปสังเกตการณ์บริเวณนั้น เหมือนที่นายพรานทำก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูล่า เราเก็บภาพไว้ก่อนว่าเจออะไรบ้าง เห็นอะไร ไม่เห็นอะไร จากมุมไหน ต้องเรียนรู้เหยื่อแบบที่นายพรานทำ เราต้องเฝ้ามองทุกอย่างให้ฝังในหัว ต้องรู้จักแทบทุกคนในเมืองนี้ บางครั้งพวดเขาสวมหน้ากากเป็นตัวช่วย ถ้าเห็นชายสวมหน้าการสกีในอิรักล่ะก็ ใช่เลยนั่นล่ะผู้ร้าย เหล่าพลซุ่มยิงตั้งจุดซ่อนตัวบนหลังคาโรงแรม OP ซึ่งมองลงมาเห็นถนนมิชิแกน (Route Michigan) ที่เป็นเส้นทางหลักไปทั่วเมือง Ramadi มันเป็นตึกที่สูงที่สุดในเมืองจึงเห็นได้ชัด 360 องศา  Gilliland เน้นสองเรื่องให้ทีมของเขา นั่นคือการใช้อาวุธพร้อมกันทีละหลายๆอย่าง และการยิงที่ลำตัวที่เรียกกันว่าเป้ากลางอก มันไม่ใช่แค่มีพื้นที่เป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น และแทนที่จะจำหน้าเพื่อเล็ง และแทนที่จะเสียเวลาเพื่อเล็งหัวให้แม่นเพียงนัดเดียว เราอาจจะยิงที่ลำตัวไปได้แล้ว 5 นัด จนสามารถที่จะกลับมาเติมกระสุนทำงานได้อีกต่อไป เราอาจจะเก็บได้วันละ 3-4 เป้าหมายหรือบางทีอาจมากกว่านั้น

      เราไล่ต้อนพวกเขาให้ไกลออกไปจนถึงจุดที่เขาทำอะไรเราไม่ได้ในระยะห่าง 800 เมตรอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าพวกนั้นกลัวเรา แล้วยิ่งคำว่าคานัสในภาษาอิรักซึ่งหมายถึงพลซุ่มยิง เราได้ยินจากทางอินเตอร์คอมของมัสยิดประมาณว่า คานัสๆ เกือบตลอดเวลา สม่ำเสมอ มันเป็นการเตือนผู้คนว่า เราอยู่ข้างนอกนั่น ซึ่งช่วยเรามาก พูดตามจริงแล้วความกลัวเป็นปัจจัยที่สำคัญ กว่าหกเดือนที่พวกเขากวาดล้างเขตรับผิดชอบจากระเบิดแสวงเครื่อง แต่อันตรายที่แท้จริงมาจากบนหลังคานั่นเอง เราคอยดูแลพลทหารสหรัฐรับจ้าง พวกเขากำลังปิดล้อมและตรวจค้นบริเวณเขตอุตสาหกรรมทางเหนือของโรงแรม OP มันเป็นการปฏิบัติเผ้าดูในจุดที่ดีที่สุดเพื่อให้เห็นชัดเจน พวกเขาขึ้นไปบนหลังคาตึก และทหารสหรัฐนายหนึ่งก็ถูกยิง เขาสะดุ้งเฮือกแล้วก็ล้มลงไป เราคอยดูอยู่แล้วก็ได้ยินจากวิทยุสื่อสารว่า มีคนถูกยิงโดยพลซุ่มยิงของฝ่ายอิรัก เราส่องกล้องตามดูเพื่อจะหาพลซุ่มยิงของอิรักรายนี้ แล้วสิบเอกGilliland ก็เห็นเขาอยู่ที่หน้าต่างชั้นบนสุดของโรงพยาบาล ระยะห่างประมาณ 1,367 หลา หรือ 7/10 ไมล์ จากจุดของเรา ปืนไรเฟิลที่ Gilliland ใช้คือ M24 Sniper Weapon System

      พลซุ่มยิงของฝ่ายศัตรูอยู่ห่างออกไป 1,367 หลา หรือสนามฟุตบอล 13 สนามครึ่ง อยู่พ้นระยะไกลที่สุดที่ปืน M24 ของ Gilliland จะยิงได้เกือบ 500 หลา ปืน M24 ลำนี้มีกล้องเล็งแบบ Leupold M3 Alpha เส้นเล็งแบบ mil dot และปุ่มปรับชดเชยกระสุนตก Gilliland ปรับแท่นหมุนไปที่ 10 เพื่อยิงระยะ 1,000 หลา ประมาณจุดกระสุนตกแบบคำนวณโดยเร็ว และยกปืนให้ไกลราว 3-4 ไมล์เหนือเป้าเพื่อชดเชยค่ากระสุนตก ที่ระยะห่าง 1367 หลา แต่ละ mil dot จะแสดงถึงระยะห่าง 4 ฟุต จากระยะที่ไกลจะทำให้กระสุนตกลงต่ำจากแรงโน้มถ่วงแบบโปรเจ็กไตล์ ก็ต้องเล็งให้สูงกว่าเดิม 12 ฟุต และต้องเผื่อแรงลม ซึ่งจะมีแรงต้านจากความอากาศทำให้กระสุนเบี่ยงเบน ขณะที่กระสุนบินผ่านอากาศและหมุนตัว แรงหมุนจะทำให้มันหมุนขึ้นและดีดออกไปทางขวาจากวิถีกลางเพราะลูกปืนหมุนตามเข็มนาฬิกา Gilliland เล็งห่างออกไปทางซ้ายของเป้า 8 ฟุต เพื่อชดเชยแรงลมจากการหมุน การชดเชยระยะนี้เรียกว่าแรงต้านลมเคนตั๊กกี้ (Kentucky Windage) พอเขาได้ท่าที่เหมาะสมก็ระเบิดรังเพลิงออกไปทันที  เป้าหมายทำหน้าบูดเบี้ยว ล้มไปข้างหลังและไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย

      แหล่งรวมบทความสารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://megatopic.blogspot.com


      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×