(Review) BU BU JING XIN - ปู้ปู้จิงซิน - (Review) BU BU JING XIN - ปู้ปู้จิงซิน นิยาย (Review) BU BU JING XIN - ปู้ปู้จิงซิน : Dek-D.com - Writer

    (Review) BU BU JING XIN - ปู้ปู้จิงซิน

    โดย McBoffin.

    [Review] DRAMA TV | BU BU JING XIN ปู้ปู้จิงซิน - รีวิวละครทีวีเจาะมิติพิชิตบัลลังก์

    ผู้เข้าชมรวม

    12,075

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    151

    ผู้เข้าชมรวม


    12.07K

    ความคิดเห็น


    29

    คนติดตาม


    22
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 ก.ค. 57 / 15:38 น.

    แท็กนิยาย

    ปู้ปู้จิงซิน BBJX



    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้










    - รีวิว 3 มีนา 56 -

     
     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ







       

      ชีวิตเจ้าเป็นข้าเก็บตกมาได้
      ต่อไปหากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า
      เจ้าอย่าหวังจะฆ่าตัวตายได้

      หม่าเอ่อไท่รั่วซี ไม่ได้รับอนุญาตจากข้า เจ้าตายไม่ได้!

       

      เมื่อคนผู้หนึ่งเอ่ยอย่างสุขุมว่าเขาต้องการราชบัลลังก์ เขาได้กุมกุญแจไขหัวใจข้าเอาไว้แล้ว
      เมื่อเขาโยนร่มทิ้งไป ยืนตากสายฝนเป็นเพื่อนข้า ทนทุกข์ทรมาน ข้าก็ได้เปิดประตูหัวใจให้แก่เขาแล้ว
      ยามที่เขาปกป้องข้า ใช้ร่างกายตนเองกำบังลูกธนู ตัวข้าไม่มีทางลืมเขาได้ชั่วชีวิต
      ทุกเรื่องที่เกิดหลังจากนั้น มีแต่จะยิ่งดึงข้าให้ถลำลึก เอ่ยเช่นนี้แล้ว

      ท่านยังอยากถามถึงองค์ชายแปดอยู่อีกไหม?

       

      ได้แต่รักอย่างลึกซึ้ง แต่ไร้ซึ่งวาสนา
      กลิ่นหอมของดอกมู่หลานไม่อาจกลบกลืนความเจ็บปวด

       

       
       

      ปู้ปู้จิงซิน บทประพันธ์ของถงหัว ในภาษาไทยปู้ปู้จิงซินแปลได้ว่า สะท้านขวัญทุกย่างก้าว [Startling by Each Step]

      เรื่องราวถูกถ่ายทอดผ่านตัวละครหลักคือ จางเสี่ยว หญิงสาวยุคปัจจุบัน (2011) ที่ประสบอุบัติเหตุทำให้วิญญาณย้อนกลับไปสู่อดีตในร่างของ หม่าเอ่อไท่รั่วซี ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นอดีตชาติของเธอ ในละครได้ปรับเนื้อหาบางส่วน ให้คลื่นสมองของจางเสี่ยวย้อนกลับไปยังสมัยต้าชิง หรือราชวงศ์ชิงแทน เพราะจีนแผ่นดินใหญ่ค่อนข้างถือเรื่องวิญญาณไม่น้อย

      จางเสี่ยวในร่างหม่าเอ่อไท่รั่วซีเมื่อมีอันต้องไปอยู่ในยุคอดีตที่ตัวเองไม่คุ้นเคยก็ต้องปรับตัว โชคดีที่ตัวรั่วซีเป็นลูกผู้ดีมีอันจะกิน เป็นบุตรสาวคนรองของแม่ทัพแห่งซีเป่ย ชีวิตของรั่วซีจึงไม่ลำบากมากไปนัก ได้อาศัยอยู่กับพี่สาวนามรั่วหลาน ที่เป็นชายารองขององค์ชายแปด พระโอรสของฮ่องเต้คังซี รั่วซีจึงมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับองค์ชายพระองค์อื่น

      โดยเฉพาะองค์ชายสี่ ที่รั่วซีมักเรียกว่า หน้าน้ำแข็ง !

       

       

       

      แรกเริ่ม รั่วซีเริ่มปรับตัวโดยการท่องบทกวี เรียนรู้การดำเนินชีวิตในสมัยนั้น เธอซึ่งรู้อดีตอยู่แล้วว่าองค์ชายแปดจะพบจุดจบเช่นไรในอนาคต จึงเริ่มรู้สึกต้องหาที่พึ่งพา แต่เพราะคิดว่าเป็นเรื่องอีกหลายปีข้างหน้าจึงไม่นึกกังวลมากไปกว่าการหาทางกลับไปยังปัจจุบัน หลบหนีจากการคัดเลือกซิ่วหนี่ว์ ซึ่งเป็นการคัดเลือกสาวงามเข้าวังตามธรรมเนียม

      คนสำคัญคนแรกที่เธอพบ หาใช่องค์ชายแปด เจ้าของตำหนักที่อาศัยอยู่ แต่เป็นองค์ชายเก้าที่ประวัติศาสตร์บอกว่าร้ายเหมือนอสรพิษ กับองค์ชายสิบที่ถูกเรียกว่าพวกไร้สมอง แต่องค์ชายสิบผู้นี้กลับกลายมาเป็นเพื่อนสนิทของรั่วซี และเริ่มมีความรู้สึกพิเศษกับเธอ ต่อมาจึงค่อยได้พบองค์ชายสี่ ผู้เป็นฮ่องเต้หย่งเจิ้นในอนาคต(อย่างผาดโผนที่สุด! (ฮา))

      ชั่วขณะที่ได้รับรู้ว่าบุคคลที่เธอไปขวางหน้าม้า จนม้าโลด ควบคุมไม่ได้คือองค์ชายสี่ ตอนนั้นรั่วซีได้แต่นิ่งเพราะความตกใจ ปากหลุดมาแค่ หยงเจิ้น

      คิดว่าตัวองค์ชายสี่ก็รู้สึกดีกับรั่วซีตั้งแต่พบหน้า แม้จะวางท่าทีเรียบเฉยเวลาองค์ชายคนอื่นกล่าวถึงรั่วซีก็ตาม เพราะเมื่อรั่วซีโดดขวางหน้าม้าอีกครั้ง หวังจะกลับโลกปัจจุบันให้ได้ องค์ชายสี่ก็อุตส่าห์หาหยูกยามาให้รั่วซี ซึ่งขาเจ็บเพราะการกระทำนั้น แถมยังกล่าวเตือนสติในภายหลัง เพราะนึกว่ารั่วซีจะฆ่าตัวตาย

       

      ชีวิตเจ้าเป็นข้าเก็บตกมาได้
      ต่อไปหากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า
      เจ้าอย่าหวังจะฆ่าตัวตายได้

       

      โดยหารู้ไม่ว่าตัวองค์ชายสี่เองจะมีโอกาสได้พูดแบบนี้อีกครั้ง ในอีกหลายสิบปีต่อมา

      รั่วซีเริ่มรู้จักกับองค์ชายคนอื่นๆ มากขึ้น ทั้งองค์ชายสิบสามที่ต่อมากลายเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจที่สุด คอยเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างชายสี่กับรั่วซี และองค์ชายสิบสี่ พี่น้องท้องเดียวกับองค์ชายสี่

      ซึ่งองค์ชายสิบสี่จะสนินสนมกับรั่วซีมากขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับเหตุการณ์ และยังเป็นคนสุดท้ายที่

      และจากความช่วยเหลือของเหล่าองค์ชายโดยเฉพาะสี่กับแปด ที่ล้วนแล้วแต่ชอบรั่วซีแน่ๆ เธอจึงหนีรอดจากการถวายตัวเป็นสนมของฮ่องเต้คังซี ซึ่งดูเหมือนจะพออกพอใจเธออยู่เหมือนกัน จากความกล้าหาญ สติปัญญาไหวพริบในการตอบคำถามของพระองค์ รวมถึงคำร่ำลือกันมาในฐานะน้องสาวสิบสามเดนตาย รั่วซีได้ไปทำงานแผนกชา คอยจัดชาถวาย

      คังซีจึงรักและเอ็นดูรั่วซีมาก เหมือนพระธิดาพระองค์หนึ่ง

       

       

       

      กล่าวถึงองค์ชายสี่ ที่เหมือนจะมีใจให้รั่วซี และคิดว่ารั่วซีเองก็มีใจให้เขา เนื่องจากรั่วซีดูเอาอกเอาใจองค์ชายสี่เป็นพิเศษ ขอให้องค์ชายสิบสามช่วยถามถึงความชอบขององค์ชายสี่ แต่ไม่วายใช้ให้คนถามถูกคน โดนจับได้ง่ายดาย อีกทั้งในตอนแรกเธอยังคอยหลบหน้าองค์ชายสี่ ไม่อยากจะพบหน้าน้ำแข็งเช่นเขา เหมือนหญิงสาวคอยหลบหน้าคนที่แอบชอบ แม้เจตนาแท้จริงจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ตาม แต่ทำให้องค์ชายสี่เข้าใจผิดอยู่ไม่ใช่น้อย

      เหตุผลที่รั่วซีทำเช่นนั้น เพราะต้องการเอาอกเอาใจว่าที่ฮ่องเต้หยงเจิ้นในกาลข้างหน้า!

      เพื่อหวังเป็นหลักประกันชีวิตของตนในอนาคต ว่าจะไม่ได้รับอันตรายเพราะอยู่ใต้บารมีองค์ชายแปดนั่นเอง แต่ในเวลาต่อมา รั่วซีก็เหมือนจะมีใจให้องค์ชายสี่ขึ้นมาจริงๆ ทุกการกระทำขององค์ชายสี่ที่มีต่อเธอนั้นคอยกัดกินหัวใจทีละน้อย

      ด้านองค์ชายแปด ที่รักรั่วซีมากเกินกว่าน้องเมีย และรั่วซีก็เหมือนจะตอบรับความรู้สึกนั้น แต่ก็มีอันแตกหักลง เพราะองค์ชายแปดเลือกราชบัลลังก์มากกว่าตัวรั่วซี และไม่ชื่นชอบความสัมพันธ์ของรั่วซีกับองค์ชายสี่นัก ในขณะที่องค์ชายสี่กุมกุญแจไขหัวใจรั่วซีเอาไว้แล้ว ครั้งเธอถามว่าต้องการราชบัลลังก์ไหม องค์ชายสี่ก็ตอบอย่างเฉยเมยว่าต้องการ

       

      เมื่อคนผู้หนึ่งเอ่ยอย่างสุขุมว่าเขาต้องการราชบัลลังก์ เขาได้กุมกุญแจไขหัวใจข้าเอาไว้แล้ว

       

      แต่แล้วความสัมพันธ์ของรั่วซีกับองค์ชายสี่ก็มีอันจบลง เพราะเหตุผลบางอย่าง ทั้งสองต้องประสบกับสิ่งใดบ้างและสุดท้ายจะจบลงด้วยดีหรือไม่

      จะอย่างไรนั้น ต้องติดตามกันเองค่ะ

       
       

      ความคิดถึงชั่วแวบหนึ่ง ความดึงดันที่เกิดขึ้น
      ลิขิตให้จากนี้เป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ทั้งที่รู้ว่าเป็นภัย เหตุใดจึงไม่รู้จะรับมือเช่นไร
      ทางที่ดีอย่าได้เห็น อย่าได้คิดถึง เช่นนี้จะได้ไม่ต้องรักกับเธอ
      ยิ่งเฉียดใกล้กันเท่าไร ก็ยิ่งถลำลึก

      .

      หยุดอยู่ที่นี่ไม่กล้าเดินต่อ ความโศกเศร้าเจ็บปวดจะได้ไม่ปรากฏขึ้น

      เส้นทางนี้พวกเราเดินกันมาอย่างเร่งรีบ
      สิ่งที่โอบกอดอยู่ไม่ใช่ความปรารถนาที่จับต้องได้

      จะไม่มองหาสรวงสวรรค์ที่ให้สัญญาแก่กันไว้
      ด้วยเพราะวันเวลางดงามอันแสนสั้นนั้นขอยืมมาไม่ได้
      สรวงสวรรค์นั้นคือสถานที่ที่ฉันเคยรักเธอ

       
       

       
       

      เราได้มีโอกาสดูตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ซึ่งไม่เคยคิดจะดูหนังจีนประเภทนี้มาก่อนเลยจริงๆ อยากมากก็ซีรีย์เกาหลี ญี่ปุ่นไปตามเรื่อง พอได้ดูเรื่องนี้ไม่ดูเรื่องอื่นไปเป็นเดือน มันค่อนข้างฝังใจเล็กน้อย

      หนังจบแล้วแต่เรายังนั่งเศร้าอยู่ ความรู้สึกมันทะลักทลายอยู่ในใจ บีบคั้นอารมณ์

      ตัวละครทุกตัวอยู่บนพื้นฐานแห่งความเป็นจริง มีความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง

      บอกตรงๆ ว่าเกลียดใครไม่ลง ฉากที่องค์รัชทายาทผิดใจกับ พ่อ แล้วต้องเข้าเฝ้า จึงเอามือแทบอกดูประหม่าเหมือนเด็กน้อยกลัวถูกผู้ใหญ่ดุเวลาทำผิด เล่นเอาเกลียดไม่ลงเลยจริงๆ

       

      ชื่อเรื่อง สะท้านขวัญทุกย่างก้าว ฟังดูเหมือนหนังสยองขวัญ สั่นประสาทอะไรเทือกนั้น แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ ที่ชื่อเป็นแบบนี้คงหมายถึงรั่วซี เมื่อเข้าไปอยู่ในวังต้องห้ามก็ต้องระมัดระวังตัว ระวังกิริยา ความคิด การกระทำทุกอย่างหมด

      เหมือนทุกย่างก้าวที่เธอเดินนั้นชวนให้หวาดผวา ไม่มั่นคง

      แนะนำให้ดูเรื่องนี้ค่ะ มีการชิงไหวชิงพริบกันระหว่างองค์ชาย การแก่งแย่งชิงดี แผนซ้อนแผน กลอุบาย มีข้อคิดชวนให้ไตร่ตรองตาม และมีบทเรียนของแต่ละคนสอนชีวิตเรา เช่นว่าเราควรวาวตัวอย่างไรให้ฉลาด พูดอย่างไรให้ฉลาด คนฉลาดเขาคิดกันอย่างไร รับประกันความสนุกสนานในทุกแง่มุม นอกจากนี้ยังมีดราม่าเป็นระยะ  ทั้งนี้ก็ไม่ทิ้งความสดใส สนุกสนาน น่ารักซึ่งตอนท้ายๆ มักจะโผล่มาเล็กน้อย ก่อนจะเข้าสู่โหมดดราม่า กระชากใจโดยสมบูรณ์แบบ

       

       

       

      {CAUTION! (จากนี้จะเข้าสู่โหมดเพ้อและมีสปอยล์ อาจเสียอรรถรสได้ พึงระวัง)}

       

      ชีวิตของเจ้าเป็นข้าเก็บตกมาได้ ไม่ได้รับอนุญาตจากข้าเจ้าหามตายเด็ดขาด พอดูถึงตอนที่อ่านสาร์นแจ้งข่าวการสิ้นพระชนม์ของรั่วซี แล้วหยงเจิ้นตะโกนออกมาว่า ไม่ได้รับอนุญาตจากข้า เจ้าตายไม่ได้ เล่นเอาสะอึก! ตายแล้ว! ยังจำฉากแรกนั้นติดตาอยู่เลย

      สุดท้ายทั้งสองก็พรากจากกันอย่างไม่มีวันหวนกลับ ด้วยมือของพวกเขาทั้งคู่

      เชียร์องค์ชายสี่มาตั้งแต่เริ่มเรื่องเลยค่ะ ชอบผู้ชายมาดนิ่ง แต่จริงๆ แล้วเป็นคนอบอุ่น อ่อนโยนมาก ตอนงานวันเกิดชายสิบที่อยากให้รั่วซีช่วยเตรียมงาน ตอนพี่น้องคนอื่นๆ กล่าวถึงรั่วซี ชมว่างามนัก ก็วางเฉยมาตลอด แต่จริงๆ เป็นห่วงรั่วซี คอยช่วยเหลืออย่างลับๆ อย่างตอนรั่วซีต้องเข้ารับการคัดเลือกซิ่วหนี่ว์ก็ช่วยทูลขอพระมารดาไม่ให้ไปเป็นสนม

      ช่วยทูลขอให้รั่วซีตามเสด็จประพาสมองโกลด้วย! คอยดูแลเอาใจใส่รั่วซีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ออกแนวพวกปากไม่ตรงกับใจ แสดงออกไปค่อยเก่ง ซ่อนความรู้สึกไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย เคร่งขรึม วางมาดเล็กน้อย มีแอบเนียนหน่อยๆ แลดูน่ารัก ฝ่ายรั่วซีก็เอาแต่หลบหน้าหลบตาท่าเดียว
       






       

      รั่วซีคอยเอาอกเอาใจเพราะเห็นว่าชายสี่จะได้เป็นฮ่องเต้ จนชายสี่ที่มีความรู้สึกดีๆ กับรั่วซีแน่แล้ว เข้าใจผิดว่ารั่วซีชอบตนถึงได้เอาใจใส่กระทั่งของที่ชอบ น่าสงสารซือเย่เนาะ แต่เราแน่ใจว่าฉากสอนขี่ม้านั่นต้องเป็นแผนการองค์ชายสี่แน่นอน !?

      ตอนนั้นเองทำให้เริ่มเห็นความสับสนของรั่วซีเมื่อถูกชกชิงจูบแรกไป ส่วนหนึ่งนั้นเพราะชายสี่คิดว่ารั่วซีมีใจให้ตน และชายสิบสามก็พูดกับรั่วซีทำนองว่า เห็นรั่วซีเอาใจใส่พี่สี่มากกว่าใคร จริงๆ แล้วพี่สี่เองก็รู้สึกแบบเดียวกับรั่วซี (ตรงนี้ให้ความกระจ่างอย่างยิ่ง) แต่รั่วซีอาละวาด คิดว่าเป็นเพราะความรู้สึกสับสนของเธอที่มีต่อองค์ชายสี่ และความรักระหว่างองค์ชายแปด

      องค์ชายแปดนี่พระยาเทครัวของแท้ เห็นแล้วแอบหมันไส้ ไม่เคยนิยมชมชอบท่านแปดกับรั่วซีแม้แต่น้อย พอตัดความสัมพันธ์กันได้ รั่วซีถอดกำไลหยกออกเท่านั้นแหละ เฮ-

                  นับแต่นั้นปิ่นกับสร้อยดอกมู่หลาน ของกำนัลขององค์ชายสี่ก็ได้มาอยู่แทนที่!

                  ต้องขอบคุณองค์รัชทายาทที่ขอพระราชทานสมรสกับรั่วซี ทำเอารั่วซีล้มป่วยและชายสี่ก็คอยดูแลเป็นระยะๆ ทำให้รู้สึกพึ่งพาได้ บวกกับความรู้สึกทับถมกันมาป็นทุนเดิม จากการที่องค์ชายสี่คอยตามจีบ ตามดูแลมาโดยตลอดจึงเปิดใจรับ

                  ขอองค์ชายสี่แต่งงาน!

                  เรื่องก็เข้าทางองค์ชายสี่เลยทีเดียว เป็นไปอย่างมีความสุขมากๆ ค่ะ

       

       

       

                  ตอนองค์ชายสี่จีบรั่วซี จนถึงตอนที่ไปด้วยกันได้ดี ดูแล้วมีสุขใจ จิกหมอน (ฮา) มีการให้ขวดยานัตถุ์เขียนรูปparody ตอนรั่วซีคิดตัดสัมพันธ์ส่งสร้อย น้ำหอม ปิ่น ฯลฯ คืน องค์ชายสี่ก็แอบยิ้มเพราะเขาเข้าใจรั่วซีดี ตอนสระบัวที่ชวนขัดเขิน และพอชายสี่คิดจะตัดใจจากรั่วซีจริงๆ มาเห็นรั่วซีคอยช่วยเหลือองค์หญิงหมินหมิ่นโดยไม่หวังเอาหน้า ก็ตัดใจไม่ลง แถมมโนตอนองค์หญิงหมินหมิ่นเต้นรำเป็นรั่วซีอีก ซึ่งตอนท้ายเรื่องก่อนฮ่องเต้หยงเจิ้นสิ้นพระชนม์ก็ตัดมาเป็นซีนนี้ เหมือนเป็นการส่งเสด็จของรั่วซี เล่นเอาสะอึกกันอีกรอบ

      แต่ฉากที่ชอบมากคือตอนรั่วซีตอบคำถามสิบสามในวันฝกตกแล้วใจตรงกับองค์ชายสี่ ตอนรั่วซีแอบแกล้งชายสี่ใส่เกลือลงไปในขนม มีการคืนของให้กันแกมบังคับขู่เข็ญ มีการออกแบบการกระทำของตัวละครให้องค์ชายสี่ชื่นชอบการดีดหน้าผากรั่วซี (ฮา) และการคัดลายมือที่เป็นdamageอีกจุดในตอนท้ายเรื่อง ส่งผลต่อไปอีกมากมาย

                  แต่เวลาแห่งความสุขก็อยู่ได้ไม่นาน

                  เหมือนเพลงท่อนสุดท้ายที่ร้องว่า

       

      ได้แต่รักอย่างลึกซึ้ง แต่ไร้ซึ่งวาสนา

       

                  หยงเจิ้นหรือองค์ชายสี่ทำทั้งหมดก็เพื่อรั่วซี ไม่แต่งตั้งรั่วซีให้เป็นสนม เพราะอยากให้อยู่ใกล้ๆ อยากพบเมื่อไหร่ก็พบได้ทันที ทั้งสั่งประหารคนอย่างโหดร้ายส่วนหนึ่งเพื่อรั่วซี แม้วิธีการจะไม่ถูกต้องจนรั่วซีไม่เข้าใจก็ตาม พอมีลูกแล้วแท้งก็เห็นแก่รั่วซีมาก่อน แม้จะเสียใจที่ไม่อาจมีลูกกับรั่วซีได้อีก แต่รั่วซีไม่เข้าใจ เห็นหยงเจิ้นเป็นคนโหดร้าย เกิดหวาดหวั่นลึกๆ

                  น่าสงสารหยงเจิ้น

       

          


       

                  หยงเจิ้นหึงแรงจนเข้าใจผิดกันใหญ่โต เนื้อเรื่องช่วงหลังลุ่มลึก บีบครั้นอารมณ์ถึงขีดสุด ทั้งสองทะเลาะกันหนัก หยงเจิ้งทำร้ายจิตใจรั่วซี เหมือนกับที่รั่วซีทำร้ายจิตใจหยงเจิ้น จนรั่วซีทนไม่ไหว ใจคิดอยากเป็นอิสระมาแต่ไหนแต่ไร อยากหนีให้พ้นจากความเจ็บปวดตรงนี้ จึงขอให้สิบสี่ช่วย นำเอาราชโองการที่ฮ่องเต้คังซีเคยพระราชทานสมรสรั่วซีกับสิบสี่มาใช้ ให้ชายแปดช่วยสุมไฟหยงเจิ้น จนหยงเจิ้นกริ้วจัด ประทับตรารับรองราชโองการ รั่วซีจึงมาเป็นชายารององค์ชายสิบสี่

                  หยงเจิ้นก็ไม่วาย ส่งคนมาคอยสอดแนมดูพฤติกรรมของรั่วซีกับสิบสี่ แต่สิบสี่รู้เรื่องจึงแสร้งทำเป็นออดอ้อนรั่วซี เข้าไปอยู่ในห้องด้วยกันยามวิกาล ยั่วจนหยงเจิ้นทนไม่ไหวสั่งให้คนเลิกสอดแนม

                  ฝ่ายรั่วซีคิดว่าหยงเจิ้นโกรธ เกลียด ขยะแขยงตัวเองจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

                  แม้จะเขียนจดหมายไปหาบอกว่าเฝ้ารอ อยากพบเจอ หยงเจิ้นก็ไม่มาจนตนต้องจบชีวิตลง

                  เพราะลายมือของรั่วซีเหมือนฮ่องเต้หยงเจิ้นมาก เนื่องจากรั่วซียึดถือลายมือหยงเจิ้นเป็นแบบคัดลายมือมาตลอด! ภาพตอนองค์ชายสี่ถือกระดาษคัดลายมือของรั่วซีแล้วบอกว่า ใช้เป็นหลักฐานได้อย่างดี จะคอยดูพัฒนาการ ยังติดตาอยู่เลยด้วยความที่ลายมือทั้งสองคล้ายกันมากสิบสี่เลยซ้อนซองจดหมายไปอีก เพราะกลัวคนครหา วิพากษ์วิจารณ์เรื่องลายมือเหมือนฮ่องเต้ แต่กลับกลายเป็นว่าหยงเจิ้นไม่เปิดจดหมายอ่าน คิดว่าสิบสี่เขียนมาต่อว่าอีก เป็นเหตุให้รั่วซีไม่ได้พบหยงเจิ้นก่อนเสียชีวิต โดยมีองค์ชายสิบสี่เฝ้าฟังคำสั่งเสียสุดท้าย

      จะพบกันได้มีเพียงเถ้ากระดูก! แม้แต่ศพยังไม่ได้เห็น ไม่มีคำสั่งเสียใดถึงองค์ชายสี่ผู้นั้น

      มีเพียงหัวใจรักที่ปวดร้าว แหลกสลาย




      - 3 มีนา 56 -

       
       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×