Special Chapter ll คุณหมาxลูกแมว
ฟางเส้นสุดท้าย
[หลิน มอสี่เราจะย้ายกลับไปอยู่ กทม.แล้วนะ]
“...”
[ทำไมเงียบเลยอ่ะ ไม่ดีใจเหรอเนี่ย] เสียงเจือหัวเราะของคนปลายสายโทรศัพท์ทำเอาเขาได้สติขึ้นมาหลังจากได้ยินในสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินมาก่อน ร่างสูงถึงกับเผลอนั่งตัวตรงแด่วโดยอัตโนมัติ มืออีกข้างยกมือขึ้นขยำเส้นผมตัวเองอย่างไม่รู้ตัว
‘หลิน’ เด็กหนุ่มอายุ 16 ปี ผู้ที่ใครต่างก็บอกกันว่าคนแบบเขาเฉยเมยต่อทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก ไม่ค่อยสนใจและไม่แคร์อะไร เข้าถึงค่อนข้างยากหากไม่ใช่คนที่สนิทด้วย
แต่ใครเลยจะรู้ว่าเพียงแค่ประโยคๆ เดียวของคนในสายที่เพิ่งจะได้ยิน กำลังจะทำให้เขาเป็นบ้าได้ง่ายๆ
“...จินยอง”
[ฮึ]
“พูดจริงรึเปล่าจินยอง จริงๆ เหรอ...จะกลับมาอยู่กรุงเทพจริงๆ เหรอ”
[เราเคยโกหกหลินหรอ] คนปลายสายพูดเจือเสียงหัวเราะอีกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดรัวเร็วของเขา
“...”
[อะไรเนี่ย เงียบอีกแล้ว]
“พ่อยอมให้มาเหรอ”
[อือ ยอมแล้ว พ่อเข้าใจเราเรื่องจะต่อมหาลัยอ่ะ เลยยอมให้กลับเข้ามาเรียนใน กทม. ดีกว่า จะได้เรียนพิเศษด้วย แต่ว่าไม่ยอมให้ไปอยู่กับแม่นะ]
“อ้าว แล้วจะไปอยู่ไหน”
[อพาตเม้นท์ที่พ่อปล่อยเช่าเอาไว้]
“เราไปอยู่ด้วย” หลินพูดต่ออย่างรวดเร็ว
[ตลก!]
“ทำไมอ่ะ”
[หลินก็อยู่บ้านหลินไปดิ]
“ก็เราอยากอยู่กับจินยอง” น้ำเสียงงอแงของเด็กหนุ่มร่างสูงทำให้คนปลายสายถึงกับหัวเราะออกมา
ไม่มีใครบนโลกใบนี้ หรือแม้กระทั่งคนในครอบครัวจะได้เห็นมุมนี้ของหลินหรอกนอกจากคนที่เขากำลังคุยโทรศัพท์ด้วยอยู่ตอนนี้
เพราะสำหรับหลินแล้ว...จินยองเป็นทุกอย่างสำหรับเขาและไม่มีวันที่ใครจะทำให้เขาเป็นแบบนี้ได้
‘หลิน’ เด็กหนุ่มผู้เติบโตมาบนกองเงินกองทอง เขาอยู่กับพ่อเพียงลำพังในบ้านหลังใหญ่ราวกับคฤหาสน์ แม่ของเขาเสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเด็ก เขาเลยเหมือนใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในบ้านหลังนี้พร้อมกับแม่บ้าน คนงาน คนสวน และคนติดตามดูแลของพ่ออีกหลายชีวิต ที่จริงก็ไม่ใช่ว่าครอบครัวจะไม่อบอุ่นอะไร แต่เป็นเพราะพ่อเป็นทุกอย่างของบ้านจึงยุ่งอยู่แต่กับงานและธุรกิจที่มีอยู่ เลยไม่ได้มีเวลาให้เขามากนัก และทั้งๆ ที่พ่อก็ตามใจเขาเสมอ ให้ทุกอย่างที่เขาอยากได้แม้ว่าจะไม่มีเวลาให้ ไม่เคยขัด ดุ ด่า หรือว่าอะไรหลินเลยในชีวิต ทว่าดูเหมือนปัญหามันจะอยู่ที่ตัวหลินเอง
ตั้งแต่เล็กที่หลินมีปัญหาในการเข้าสังคม ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ หลินเหมือนชอบอยู่คนเดียว ชอบเก็บตัว ขวางโลก ไปโรงเรียนก็เหมือนจะขวางหูขวางตากับเพื่อนมีเรื่องชกต่อยกันอยู่บ่อยๆ จนเขาขี้เกียจที่จะทำความรู้จักกับใคร เคยทะเลาะวิวาทหนักถึงขั้นเอาไม้บรรทัดฟุตเหล็กไปฟาดเพื่อนจนได้เลือด ตอนนั้นทั้งที่เป็นแค่เด็กตัวน้อยๆ ที่ยังไม่ประสีประสาแต่กลับต้องโดนเรียกผู้ปกครองอยู่บ่อยครั้ง
แต่ทุกครั้งเรื่องก็จบลงไปเงียบๆ เมื่อพ่อเขาเข้ามาจัดการให้ในทุกปัญหาที่หลินก่อ
แน่ล่ะ...หากใครรู้ว่าพ่อของหลินคือใคร คงไม่อยากมีปัญหาด้วย และหลินเองก็ไม่เคยป่าวประกาศให้ใครรู้ เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ไม่มีใครถามก็เลยไม่บอก หรือต่อให้ถามก็ไม่อยากจะตอบด้วยซ้ำไป
บางทีก็ปฏิเสธไม่ได้หรอก...ว่าเงิน อำนาจและบารมีที่มีอยู่ของพ่อมันก็ซื้อได้ทุกอย่างจริงๆ นี่ก็คงจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขากลายเป็นเด็กนิสัยเสียในบางเรื่องแบบไม่รู้ตัว
จนกระทั่งวันหนึ่ง...
เด็กชายหลินได้ค้นพบว่าการไปขี่จักรยานเล่นในซอยบ้านตัวเองครั้งแรกตอนปิดเทอมก่อนขึ้นชั้นป.3 จะทำให้เขาได้เจอกับอะไรที่ทำให้โลกของเด็กตัวคนเดียวอย่างเขาเปลี่ยนไป
คนละแวกนี้อาจจะรู้กันดีว่าบ้านของหลินคือบ้านของมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในซอย แต่เจ้าตัวกลับไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ข้างบ้านของตัวเองมีบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขาอาศัยอยู่
ใช่...เด็กคนนั้นคือ ‘จินยอง’
หลินเจอจินยองครั้งแรกตอนที่กำลังขี่จักรยานแล้วจินยองเปิดประตูออกมาจากบ้านพอดี ถ้ามันเป็นหนังรัก มันก็คงจะเป็นหนังรักของเด็กประถมติ๊งต๊องที่เขาเกือบจะขี่จักรยานชนจินยองเข้า ในตอนนั้นแค่เพียงระยะอีกไม่กี่คืบเท่านั้นก็เกือบจะเกิดโศกอนาฏกรรมจักรยานระหว่างหลินกับจินยองเข้าซะแล้ว
แต่ ณ เวลานั้นจินยองเอาแต่หัวเราะที่เขาจะขี่จักรยานชนโดยไม่มีท่าทีตกใจหรือโกรธเคืองใดๆ แล้วเป็นฝ่ายพูดกับเขาก่อน อย่างที่เขาเองก็ไม่คาดคิด
‘เราอยู่บ้านข้างกันใช่มั้ย เราเห็นนายบ่อยมากเลย’
‘…’
‘นายชอบนั่งหน้าบึ้งอยู่บนรถตอนเช้าเหมือนคนไม่อยากไปโรงเรียน’
‘…’
‘เราอยู่ห้องหนึ่ง นายอยู่ห้องสาม แล้วพ่อนายก็ไปโรงเรียนบ่อยมาก เข้าไปคุยกับคุณครู’
ใครจะไปเชื่อ ว่าตั้งแต่วันนั้นโลกของเด็กชายหลินก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
คนที่เคยคิดว่าตัวคนเดียวกลับมีคนจดจำเขาได้อย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อน เด็กชายที่ไม่เคยมีเพื่อนกลับมีเพื่อนเล่นตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป
มีเพื่อนมาชวนไปไหนมาไหนด้วย มีคนไปปั่นจักรยานเป็นเพื่อน มีคนชวนทำการบ้าน มีคนคอยมาหาที่บ้าน และมันทำให้เขาเริ่มมีเพื่อนคนอื่นมากขึ้นเมื่อจินยองพยายามพาเขาไปเล่นกับคนอื่นๆ รวมถึงขนาดญาติของหลินเองที่หลินแทบไม่ได้คุยด้วยอย่าง ‘ซอนโฮ’ ก็กลายเป็นเพื่อนเล่นด้วยทุกครั้งที่ครอบครัวของซอนโฮมาบ้านของเขา เพราะจินยองเป็นตัวกลางให้เขากับซอนโฮ หรือแม้กระทั่งครอบครัวของจินยองเองก็พาเขาไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ รวมถึงกลายเป็นว่าพ่อของหลินก็เอ็นดูจินยองไม่ต่างจากลูกของตัวเอง
จินยองเป็นเด็กน่ารัก เรียนเก่ง เป็นที่รักของเพื่อนๆ และเป็นที่เอ็นดูของคุณครูทุกคน ไม่รู้ว่าการที่เพราะจินยองเป็นแบบนี้รึเปล่า มันถึงทำให้ชีวิตของเด็กชายหลินดีขึ้นไปด้วยเมื่อมีจินยองอยู่ ความสุขในแบบที่เด็กตัวเล็กๆ จะได้รับมันเป็นแบบไหนเขาเพิ่งได้รู้ตอนนั้น และมันก็ทำให้เขารู้สึกว่าสำหรับเขาแล้วจินยองคือเพื่อนที่ดีที่สุดที่คนแบบเขาคงจะหาใครแบบนี้ไม่ได้อีก
มันยากมาก...ที่คนแบบหลินจะได้มีเพื่อนหรือจะเข้าหาใครก่อนได้ แต่เพราะมีจินยองอยู่ เขาถึงมีความสุขได้
แต่แล้ว...
สิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นก็มาถึง
มันเป็นฝันร้ายสำหรับเด็กอย่างเขาที่ไม่มีเพื่อนคนไหน
ก่อนจะขึ้นม.1 เขาได้รู้ว่าพ่อแม่ของจินยองได้เลิกกัน และจินยองต้องย้ายตามพ่อไปอยู่ต่างจังหวัด
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเขาจะไม่ได้เจอจินยองอีกเหมือนที่เคยเป็นมา...
เด็กอย่างเขาไม่รู้หรอก ไม่เคยเข้าใจด้วยว่าคนสำคัญคืออะไรและมันพิเศษแค่ไหน เขารู้แค่ว่าเขาไม่อยากให้เป็นแบบนี้ และไม่อยากให้จินยองต้องไปไหน ไม่อยากให้ต้องไปไกลๆ จากเขา หลินถึงขนาดกับไปขอร้องพ่อว่าจะย้ายตามจินยองไปเรียนที่ต่างจังหวัดด้วย แต่แน่นอนว่าคงไม่มีใครพ่อแม่คนไหนยอม คงไม่มีใครรู้หรอกว่าเขากลายเป็นเด็กขี้แงร้องไห้โวยวายพ่อเพราะเรื่องนี้ และไม่ยอมคุยกับพ่อไปอีกหลายวัน
เขารู้สึกว่าตัวเองกลับมาเคว้งคว้างอีกครั้งเมื่อไม่มีจินยองอยู่เป็นเพื่อนอย่างที่เคยเป็น เขาไม่ชินกับมันและยอมรับมันไม่ได้ ในทุกๆ วันแม้ว่าจะอยู่ห่างกันเขาก็จะต้องโทรไปคุยหรือวิดิโอคอลกับจินยองทุกวัน รายงานทุกอย่างว่าทำอะไรเหมือนคนที่ยังอยู่ด้วยกัน ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องระหว่างคนสองคนแล้วจะไม่รู้ เขารู้ว่าจินยองเป็นคนแบบไหน เขารู้ว่าจินยองชอบเก็บความกังวลใจไว้คนเดียว ไม่ชอบร้องไห้ต่อหน้าใครแม้จะเป็นเด็ก เขาเห็นจินยองร้องไห้น้อยครั้งมาก แม้กระทั่งที่พ่อแม่ของจินยองเลิกกัน หลินยังไม่เคยเห็นจินยองร้องไห้กับเขาเลย และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกว่ายังไงเขาก็ต้องอยู่ข้างจินยอง เหมือนที่จินยองอยู่ข้างเขามาโดยตลอด
จินยองเป็นห่วงเขาเสมอ ขนาดตอนจะขึ้นม.1 เขาต้องไปโรงเรียนวันแรก จินยองยังแนะนำเขาซะดิบดี ว่าต้องทำตัวยังไง ทำตัวแบบไหนถึงจะมีเพื่อน จินยองกลัวว่าเขาจะไม่มีใครและจะอยู่คนเดียวเหมือนแต่ก่อนอีก
แล้วเขาก็โชคดี...
ไม่สิ...โชคดีในความโชคร้ายต่างหากล่ะ
หลินได้รู้จักกับ ‘จีฮุน’ ตั้งแต่วันปฐมนิเทศน์วันแรก จีฮุนเป็นฝ่ายเข้ามาทักทายเขาก่อน และเพราะจีฮุนทำให้เขาได้มีสังคมและมีเพื่อนในรั้วมัธยม
แต่หลินก็ยังคงเป็นหลิน เขาไม่ค่อยสนใจอะไรนัก ชีวิตเขามีแค่ไปเรียน เล่นบาส และอยู่กับกลุ่มเพื่อนและรุ่นพี่ไปวันๆ ก็เท่านั้น กลับมาบ้านกิจวัตรประจำวันของเขาก็ต้องโทรหรือวิดิโอคอลหาจินยอง เล่าให้ฟังว่าแต่ละวันไปทำอะไรมา ไปกับใคร ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขาที่จินยองไม่รู้ และทุกๆ ปิดเทอมเขาก็ไม่เคยไปไหนกับเพื่อนที่โรงเรียน ทุกคนจะรู้ว่าปิดเทอมเวลาไปไหนไม่จำเปนต้องชวนหลิน เขาแทบจะไม่ติดต่อใคร และไม่มีใครรู้ว่าเขาไปทำอะไรอยู่ที่ไหน
เพราะเขาขอพ่อไปค้างเที่ยวเล่นบ้านของจินยองที่ต่างจังหวัดยังไงล่ะ
หลินไม่เคยเล่าเรื่องจินยองให้เพื่อนคนไหนฟัง เพราะเขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของส่วนตัวของเขาและไม่มีความจำเป็นต้องเล่าและใครจะต้องมายุ่งกับจินยอง แต่มันก็น่าแปลกที่กับจินยองเรื่องส่วนตัวของหลินกลายเป็นเรื่องที่จินยองรับรู้ไปด้วยซะทุกเรื่อง เพราะเขาเต็มใจที่จะเล่ามันเอง
ไม่รู้สิ...สำหรับหลินแล้วสุดท้ายก็ไม่มีใครที่ดีเท่าจินยองอีกแล้ว
ในรั้วมัธยมที่เขาอยู่ หลายๆ ครั้งเขาก็รู้สึกแปลกๆ กับเพื่อนกลุ่มตัวเอง เพียงแต่ไม่อยากกจะยุ่งอะไรนักก็แค่นั้น
หรือแม้แต่กระทั่งคนที่คนอื่นเข้าใจว่าสนิทกับเขามากที่สุดอย่างจีฮุนด้วยก็ตาม...
[งอแงจัง ไว้เดี๋ยวเรากลับไปหาแม่ที่บ้านนั้น ก็แวะไปหาหลินไง]
“ไม่เอา”
[อะไร]
“ก็จินยองกลับมาหาแม่ไม่บ่อย”
[ก็พ่อไม่ยอมให้ไปนี่ พ่อไม่อยากให้เราไปอยู่กับครอบครัวใหม่แม่อ่ะ]
“มาอยู่บ้านเรา”
[บ้า!]
“จริงจัง”
[เราไม่จริงจังด้วยนะ] ปลายสายยังคงหัวเราะเมื่อหลินชอบจริงจังกับเรื่องแบบนี้ไปซะทุกครั้ง
ใช่ว่าจินยองจะไม่รู้ว่าตัวเองสำคัญกับหลินมากแค่ไหน จินยองรู้มาตลอด...และเชื่อเถอะว่าหลินเองก็สำคัญกับจินยองไม่ต่างกัน
[ไม่ต้องไปอยู่บ้านหลินหรอก ได้เจอกันบ่อยอยู่แล้ว]
“บ่อยยังไงอ่ะ เราอยากจะเจอจินยองทุกวันอ่ะ”
[ก็...]
“ก็อะไรจินยอง”
[เราต่อมอสี่โรงเรียนเดียวกับหลินอ่ะ เซอไพรส์!]
“...” คำพูดของจินยองพร้อมกันเสียงหัวเราะที่คุ้นหูทำให้หลินแทบจะหยุดหายใจอีกครั้ง
เขากำลังช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน...และไม่แน่ใจว่าตัวเองควรรู้สึกแบบไหนดี
แน่นอนว่าเขาดีใจ...ดีใจมาก จะไม่ดีใจได้ยังไงที่เขาจะได้อยู่ข้างๆ จินยองอย่างที่ต้องการมาตลอด
แต่กลับกันในความดีใจนั้นกลับมีความกังวลบางอย่างแฝงอยู่
เขาไม่รู้หรอกว่าสามปีที่ผ่านมาโลกมันหล่อหลอมให้พวกเขาโตกันมากขึ้นแค่ไหน ถึงแม้จะยังเป็นเด็ก แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าการที่จินยองจะกลับมาอยู่ที่นี่อีกครั้ง ทุกอย่างมันอาจไม่ได้สวยงามเหมือนตอนเด็กๆ
ไม่ใช่เพื่อนวัยประถมที่จะคบกันได้โดยไม่คิดอะไร ไม่ใช่แค่เพื่อนที่เจอหน้ากันแล้วจะชวนกันไปเที่ยวเล่นได้แล้วก็จบๆไป ไม่ใช่วัยที่จะไร้เดียงสาแบบนั้นได้อีก ยิ่งโดยเฉพาะกับกลุ่มเพื่อนของหลินด้วยแล้ว เขารับรู้ความเป็นไปของทุกคนมาหลายๆ เรื่อง
ถึงเขาจะเป็นคนไม่ค่อยพูด เหมือนไม่สนใจอะไร แต่เขาก็ดูใครหลายๆ คนออก ถึงได้กังวล...กังวลกับการที่จินยองจะต้องมาอยู่ที่นี่
ดูเหมือนมันอาจจะไม่เหมาะกับคนที่มองอะไรในแง่บวกเกินไปแบบจินยอง นั่นคือสิ่งที่เขากลัวมากที่สุด
“จินยอง”
[ฮึ?]
“เราจะบอกพ่อให้จัดการเรื่องจินยองมาอยู่ห้องเดียวกับเรา”
[อีกแล้ว ชอบให้พ่อไปทำอะไรให้ทุกที ไม่เอาหลิน ไม่ต้องอยู่ห้องเดียวกันก็ได้]
“เราไม่อยากให้จินยองอยู่ห่างเราอ่ะ”
[ก็อยู่โรงเรียนเดียวกันมั้ย ไม่เห็นเป็นไรเลย อีกอย่างหลินก็มีเพื่อนแล้วนี่ จีฮุนไง น่ารักจะตาย เราอยากเจอตัวจริงแล้วเนี่ย]
“เราไม่ได้ห่วงเรื่องเรา เราเป็นห่วงจินยอง”
[ไม่เห็นมีอะไรน่าเป็นห่วงเลย]
นั่นล่ะที่น่าเป็นห่วงที่สุด...
อันที่จริงมันก็น่าคิดไม่ตก...ระหว่างที่จะยอมให้จินยองอยู่ห้องอื่น กับยอมให้มาอยู่กับตัวเองอะไรมันน่าจะเป็นห่วงมากกว่ากัน
ยิ่งโดยเฉพาะกับจีฮุนด้วยแล้ว...
ทำไมเขาจะไม่รู้...ตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมาทำไมเขาจะดูไม่ออก บอกแล้วว่าคนแบบเขาน่ะ ไม่ค่อยพูดอะไรแต่กลับเก็บข้อมูลได้ทุกอย่าง
มองเผินๆ จินยองกับจีฮุนแทบไม่ต่างกัน ค่อนข้างเป็นที่โดดเด่น เรียนเก่ง เป็นที่สนใจของเพื่อนๆ แล้วก็เป็นคนดึงเขาให้ได้มามีสังคมมีเพื่อน
แต่ลึกๆ หลินกลับสัมผัสได้ว่าจีฮุนไม่เหมือนจินยองเลยสักนิด...
จีฮุนฉลาดเป็นกรดและอยู่เป็น...อยู่เป็นมากๆ จนน่ากลัว
ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือมีการกระทบกระทั่งกันระหว่างเพื่อนๆ ทุกครั้งคนที่มักจะลอยตัวเสมอก็คือจีฮุน
เขารู้ตัวว่าเขาลอยตัวเพราะเขาไม่ได้เข้าไปยุ่ง แต่กับจีฮุนแล้วนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ตัวเองเกี่ยวข้องหรือไม่ ก็มักจะเอาตัวรอดได้อยู่เสมอโดยไม่มีใครระแคะระคายใจ จนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าคนอื่นแกล้งทำเป็นปล่อยผ่านไป หรือไม่รู้จริงๆ ว่าจีฮุนอยู่เป็นขนาดนี้ บางทีเขาเองก็ดูไม่ออกเลยเหมือนกัน
อีกอย่างเขาก็พอจะดูออกว่าจีฮุนคิดยังไงกับเขา แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่เคยบอก แต่เขาก็ไม่คิดจะถาม เพราะไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น เขาอยู่เฉยๆ และไม่เคยอยากทำอะไรให้จีฮุนคิด มันอาจจะเป็นเรื่องดีที่จีฮุนดีกับเขาเสมอมา แต่เขาก็ไม่เคยต้องการแต่แรก และจีฮุนก็เป็นฝ่ายดีกับเขาเองโดยที่เขาไม่ได้ร้องขอ เขาไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรเหมือนที่รู้สึกกับจินยองแม้แต่นิด
มันอาจจะน่ากลัว...ถ้าจู่ๆ จินยองจะเข้ามาแทรกกลางระหว่างความเป็นเพื่อนของเขากับจีฮุนแบบนี้
สิ่งนี้กำลังทำให้เขาคิดไม่ตก...
แต่ก็นั่นล่ะ...สุดท้ายเขาก็ไม่อยากปล่อยให้จินยองคลาดสายตา ไม่อยากให้จินยองอยู่ห่างเขาอีกก็แค่นั้น อย่างน้อยถ้าอยู่ในสายตาตลอดเวลาก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องกังวล เขาบอกพ่อให้จัดการเรื่องที่ให้จินยองมาอยู่ห้องเดียวกันกับเขาจนได้
...แต่สังคมนี้มันคงจะโหดร้ายสำหรับคนอ่อนต่อโลกอย่างจินยองมากเกินไป
...มากจนถึงขั้นที่ว่าเขาเองก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นแบบนี้
“จินยอง”
[ฮึ อะไร วันนี้โทรมาเร็วจัง]
“อยากเจอแล้ว พรุ่งนี้ถึงกรุงเทพฯกี่โมง เราจะไปหา จะไปช่วยจัดของ”
[ประมาณสายๆ เดี๋ยวเราโทรบอกอีกทีนะ]
“โอเค”
[ค้าบบผม]
“จินยอง”
[อะไรรร ตื่นเต้นจังง จะเปิดเทอมแล้ววว]
“ถ้าไปโรงเรียนแล้วมีคนถามว่าทำไมเราถึงรู้จักกันบอกไปแค่ว่า เคยเป็นเพื่อนกันตอนเด็กๆ พอนะ ถ้าไม่มีใครถามก็ไม่ต้องเล่าอะไร”
[ก็ถูกแล้วนี่]
“หมายความว่าเราไม่ได้เจอกันนานแล้วสิ ไม่ได้สนิทกัน แค่บังเอิญได้มาเจอกันไง”
[ฮึ? ทำไมอ่ะ]
“เราขี้เกียจตอบคำถามเพื่อน”
[โอเคๆ] ปลายสายตอบเจือเสียงหัวเราะอย่างที่เคย
อย่างจินยอง...ถ้าเขาขอให้ทำอะไรแล้ว ก็มักจะทำให้เขาได้เสมอ และที่ไม่คิดจะถามต่อก็คงเป็นเพราะจินยองคิดว่าอย่างเขาก็แค่ขี้เกียจที่จะไปนั่งตอบคำถามเพื่อนหรือสนใจอะไรมากนักตามนิสัย
แต่ที่จริงมันไม่ใช่...เขาแค่อยากเซฟจินยองไว้ เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่างหาก
[กับจีฮุนก็ด้วยเหรอ หลินสนิทนี่]
“อย่าเลย เราขี้เกียจพูดเยอะ จีฮุนไม่ถามอะไรหรอก”
[โอเคๆ]
“พรุ่งนี้เจอกันนะ”
[เจอกัน]
“ให้เรากอดด้วยนะ”
[บ้าเหรอ พ่ออยู่] เขายกยิ้มออกมาเมื่อสัมผัสได้ว่าปลายสายน่าจะกำลังเขินอายกับคำพูดของเขา
ก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขิน เขาเองก็พูดอย่างที่เคยพูด ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ชอบกอดจินยองเป็นปกติอยู่แล้ว มันก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
ก็เขามีเพื่อนแค่คนเดียวนี่...คนเดียวที่เป็นที่พึ่งทางจิตใจทุกอย่างให้เขา คนเดียวที่แค่ได้ยินเสียงหรือเห็นหน้าก็รู้สึกสบายใจ ยิ่งเวลาได้กอดจินยองเหมือนเขาได้ชาร์จพลังของตัวเองให้กลับคืนมาได้ทันที
แต่ไม่รู้เพราะต่างคนต่างโตขึ้นรึเปล่า มันถึงให้ทั้งคู่รู้สึกแปลกๆ กับสิ่งที่เคยทำเป็นปกติแบบนี้
...สุดท้ายวันที่หลินรอคอยก็มาถึง
หลินมารอเจอจินยองที่หน้าอพาร์ตเม้นท์ก่อนที่จินยองจะถึงเกือบครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขากระตือรือร้นแค่ไหนถึงได้มาก่อนเวลาแบบนี้ จินยองเดินทางมากับพ่อและพวกเขาใช้เวลาในการช่วยกันจัดของเข้าห้องอยู่หลายชั่วโมง ราวสี่โมงเย็นกว่าทุกอย่างจึงเสร็จ หลังจากนั้นพ่อของจินยองถึงได้ออกไปข้างนอกเพื่อไปหาซื้ออะไรให้พวกเขาได้รับประทานเป็นอาหารเย็นวันนี้
“เราต้องตื่นกี่โมงดีอ่ะวันจันทร์ เราจะไปโรงเรียนสายมั้ยหลิน ยังไม่เคยลองไปจากที่นี่เลย” คนตัวสูงที่นั่งอยู่บนเตียง กำลังมองตามจินยองที่กำลังเอาเสื้อผ้าชุดสุดท้ายแขวนเขาตู้
จะว่าไป...ตั้งแต่เมื่อไหร่เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันที่เขากลายเป็นคนที่สูงกว่าจินยองแบบนี้
ทั้งๆ ที่ตอนประถมก็ตัวพอๆ กันแท้ๆ แต่อยู่ๆ ความสูงของเขาก็ดันนำหน้าจินยองไปซะอย่างงั้น รู้ตัวอีกทีเขากลับรู้สึกว่าคนตรงหน้าเขาตอนนี้กลายเป็นลูกแมวตัวเล็กๆ สำหรับเขาไปซะแล้ว
หลินชำเลืองมองตุ๊กตาคุณหมาเจ็ดตัวที่อยู่บนเตียงของจินยอง...มันเป็นของขวัญวันเกิดที่เขาให้จินยองมาทุกปีตั้งแต่รู้จักกันมา และมันก็เป็นฉายาที่จินยองใช้เรียกเขามาตั้งแต่เด็กเมื่อได้ตั้งแก๊งค์กันตามภาษาเด็กน้อยขึ้นมากับญาติอีกคนอย่างซอนโฮ
เขาเป็นคุณหมาสำหรับลูกแมวตรงหน้า...แล้วก็เป็นคุณหมาที่หงอลูกแมวตัวนี้มากซะด้วยสิ
หลินลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินเข้าไปหาคนที่เพิ่งจะปิดตู้เสื้อผ้าเสร็จ จินยองหันหลังกลับมาพร้อมๆ กับที่ร่างสูงเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเข้าพอดี
“อะไร เดินมาทำไม” จินยองแหงนหน้ามองคนที่กำลังก้มมองเขาอยู่เช่นกัน
“กอดหน่อย”
“...” ไม่พูดเปล่า เขาผายมือออกมาทั้งสองข้างเพื่อรอรับกอดจากคนตัวเล็กกว่า ใบหน้าที่ปกติไม่ค่อยแสดงความรู้สึกอะไรเท่าไหร่นักกำลังทำสีหน้าออดอ้อนคนตรงหน้าอย่างเต็มที่
และมันก็ทำให้จินยองหลุดยิ้มออกมาได้ไม่ยากเมื่อเห็นแบบนั้น
“โตแล้วนะหลิน จะกอดกันแบบนี้ไปจนแก่เลยเหรอ”
“โตอะไร แค่สิบหกเอง”
“ก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว”
“จะกอดแบบนี้ไปจนถึงร้อยปีเลยอ่ะ”
“จะไม่ปล่อยให้เราไปไหนเลยว่างั้น?”
“ถ้าคิดจะปล่อย เราคงปล่อยไปนานแล้ว”
จินยองเองก็ไม่รู้ว่าคำพูดของหลินมันเป็นคำพูดประเภทไหนกันแน่ คนพูดก็ดูเหมือนจะพูดแบบไม่ได้คิดอะไรมาก แต่คนฟังแบบเขากลับรู้สึกแปลกๆ ที่หน้าอกด้านซ้ายขึ้นมา มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่เขารู้สึกกับคนตรงหน้ามาสักพัก จำไม่ได้ว่ามันตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอโตขึ้น คำพูดที่เคยพูดกันปกติ...มันกลับทำให้เขารู้สึกไม่ปกติเลย
ราวกับ...ร่างกายมันเบาหวิว...เหมือนหัวใจมันเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
จินยองไม่พูดอะไรต่อ เขาก้าวเข้าไปหาคนตรงหน้าอีกหนึ่งก้าวก่อนจะเป็นฝ่ายสวมกอดร่างสูงตรงหน้าก่อน และคนโดนกอดก็โอบกอดตัวเขากลับอย่างรวดเร็ว
หลายวินาทีที่ต่างคนต่างเงียบและไม่มีใครพูดอะไรออกมา คนตัวสูงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีกราวกับจะซึมซับความคิดถึงที่เขาไม่ได้เจอจินยองมานาน
“อึดอัดแล้วเนี่ย” คนตัวเล็กกว่าพูดเสียงอู้อี้เมื่อโดนกอดจนแทบหายใจไม่ออก
มันก็เหมือนทุกครั้งนั่นล่ะ ก็ทำแค่บ่น...แต่ไม่เคยคิดจะผลักคนตรงหน้าออก
“ก็ใครห้ามไม่ให้เราไปหาปิดเทอมนี้อ่ะ รับผิดชอบเลย”
“ก็เราจะมาอยู่นี่แล้วไง เลยไม่อยากให้ไปหา เกรงใจ”
“เกรงใจทำไมอ่ะ ไม่เห็นมีอะไรต้องเกรงใจเราเลย” จินยองหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น
เมื่อบทสนทนาจบลง ทั้งคู่ต่างก็เงียบไป...กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่จินยองคุ้นเคยจากคนตัวสูงกำลังทำให้หัวใจของเขาทำงานไม่ปกติอีกครั้ง ราวกับเลือดในร่างกายกำลังสูดฉีบแรงกว่าปกติ ไม่ใช่เพียงแค่จินยอง...ร่างสูงที่กำลังกอดเขาอยู่ก็กำลังรู้สึกไม่ต่างกันสักเท่าไหร่
ต่างคนคงต่างไม่รู้ว่าการที่เขากำลังกอดกันอย่างที่เคยทำ มันกำลังทำให้ความรู้สึกบางอย่างของทั้งสองคนค่อยๆ ชัดเจนมากขึ้นไปอีก...
หรืออาจเพราะแค่โตขึ้น...หัวใจมันก็เลยเต้นแรงมากขึ้นก็ไม่รู้
หลินเป็นฝ่ายคลายอ้อมกอดจากคนตรงหน้าเมื่อเริ่มกลัวว่าจินยองจะอึดอัด เขาก้มมองคนตัวเล็กที่กำลังทำหน้ามู่ ก่อนจะยกมือขึ้นเขกหัวไปหนึ่งที
“อะไรเนี่ย เขกหัวเราทำไม”
“ทำหน้าเหมือนไม่พอใจอ่ะ”
“ก็บอกแล้วไงหายใจไม่ออก” จินยองพูดพลางแสร้งเดินหนีเขามานั่งที่เตียง คนตัวสูงคงไม่มีทางได้เห็นว่าเมื่อกี้จินยองกำลังพยายามกลั้นยิ้มอยู่ขนาดไหน
หลินเดินตามมานั่งลงข้างๆ พร้อมกับวางมือลงบนไหล่คนตัวเล็กกว่า แล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้ก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่จินยองกำลังเล่นอยู่
มันเป็นความเคยชินที่เขามักจะโอบจินยองอยู่แบบนี้เสมอเวลานั่งอยู่ข้างๆ กัน
“ดูอะไร”
“จะเช็กให้แน่ใจอีกที่ว่าจะไปโรงเรียนยังไง”
“เดี๋ยวเรามารับ”
“ไม่เอา” จินยองรีบปฏิเสธ “บ้านหลินอยู่คนละทางกันเลย เสียเวลาหลินอ่ะ”
“เราตื่นเช้าขึ้นก็ได้”
“งั้นก็ต้องตื่นตีสี่เลยนะ”
“ตื่นตอนไหนเราก็ตื่นได้” คำพูดจริงจังของหลินทำให้จินยองอมยิ้มอยู่คนเดียว
ก็รู้มาตลอด...ว่าถ้าเป็นเรื่องของจินยองแล้ว ไม่มีอะไรที่หลินจะไม่เต็มใจทำให้ ไม่มีจริงๆ...จินยองรู้ดีว่าหากแค่เขาเอ่ยปากอะไรออกไป หลินก็พร้อมที่จะทำเพื่อเขาได้หมด
นอกจากครอบครัวแล้ว...คงไม่มีใครที่จะดีกับเขาเท่าหลินอีกแล้วล่ะ
“ไม่เอา เราจะไปเอง”
“ไม่เอา”
“หลิน” จินยองเรียกชื่อเขาเสียงแข็ง
“...” จินยองเหลือบมองคนที่กำลังนั่งทำคิ้วขมวดอยู่ข้างๆ หลินมักจะทำหน้าสีหน้าแบบนี้เสมอเมื่อโดนเขาขัดใจ
“ไว้ค่อยกลับด้วยกันก็ได้ แต่ตอนไปเราจะไปเอง”
“...”
“นะ”
“ก็ได้”
“น่ารักมาก” จินยองอมยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปจิ้มแก้มคนตัวสูงข้างๆ เพียงแค่นั้นมันก็ทำให้คนที่กำลังโดนขัดใจเลิกหน้านิ่วคิ้วขมวดได้ “วันจันทร์จะเปิดเทอมแล้ว ตื่นเต้นอ่ะ”
“...”
“เราจะได้เจอเพื่อนใหม่แล้ว จะได้เจอเพื่อนๆ ที่หลินพูดถึงสักที โดยเฉพาะจีฮุนต้องน่ารักมากแน่ๆ เลยอ่ะ”
หลินทำเพียงแค่รับฟังสิ่งที่ลูกแมวน้อยของเขาพูดโดยไม่คิดจะตอบกลับอะไรไป
ตัวเขาเองก็หวังเช่นกันว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี
...วันจันทร์จะเป็นวันแรกที่เปิดเทอม
และจะเป็นอีกครั้งที่เขากับจินยองได้กลับมาอยู่ใกล้ๆ กันอย่างที่เขาต้องการมาโดยตลอด จินยองไม่ต้องอยู่ห่างกับเขาอีกต่อไปแล้ว
แต่ใครจะรู้...
ว่าการที่เขาตัดสินใจให้จินยองมาอยู่ห้องเดียวกับเขาแบบนี้…
มันจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิต
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ก่อนวันสอบปลายภาควันสุดท้าย...
7.58 PM.
ll Jihoon’s Part ll
“พอดีว่าลืมหนังสือที่จะสอบพรุ่งนี้ไว้ที่ล็อกเกอร์ครับ”
“มีแต่คนลืมของนะเนี่ยวันนี้” ยามหน้าประตูโรงเรียนเอ่ยแซวก่อนจะยอมเปิดประตูให้อย่างง่ายดายเมื่อเห็นชุดนักเรียนที่จีฮุนใส่อยู่
จีฮุนก้มหัวลงขอบคุณ จากนั้นจึงเดินผ่านประตูเข้ามา สองขาของเขากำลังก้าวไปยังจุดหมาย จีฮุนเผลอกัดเล็บตัวเองขณะที่กำลังย่ำเดินไปเรื่อยๆ พร้อมกับความรู้สึกที่กำลังตีกันไปหมด
จุดหมายของเขาในตอนนี้ก็คือโรงยิม...
เขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอะไรที่ทำให้เขามาที่นี่ในตอนนี้ และควรต้องทำอะไรต่อหลังจากนี้
ก่อนหน้านี้เขาอยู่กับอง...มันเป็นการไปเจอกันโดยบังเอิญที่ห้างสรรพสินค้าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่นัก ทั้งจีฮุนและองได้ตกลงที่จะกินข้าวเย็นด้วยกันที่นั่น และองก็เอาแต่ถามจีฮุนเกี่ยวกับเรื่องของจินยองที่เกิดขึ้นเมื่อจินยองโดนหาว่าโกงข้อสอบ
‘จินยอง’ ชื่อนี้มันทำให้จีฮุนหงุดหงิดทุกครั้งที่ได้ยิน และเขาก็เบื่อเหลือเกินกับการที่ต้องมาคอยตอบคำถามเกี่ยวกับจินยองไปซะตลอดเวลาที่ใครหลายๆ คนมาถามเขา
แต่จะทำยังได้ ในเมื่อต่อหน้าทุกคน จีฮุนคือเพื่อนที่ช่างดีแสนดีของจินยองซะขนาดนั้น
...โกหกทั้งเพ
คนแบบเขาน่ะเหรอจะเป็นเพื่อนที่แสนดีของใคร เขาก็แค่เด็กคนหนึ่งที่สามารถใช้ชีวิตอยู่บนโลกอันแสนโหดร้ายนี้ได้ตามความต้องการของตัวเองต่างหากล่ะ คนที่เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางแบบเขาน่ะ อยากได้อะไรก็ต้องได้โดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
เรื่องวันนี้มันกำลังทำให้จีฮุนหงุดหงิดใจซะเหลือเกิน...จีฮุนกำลังกินข้าวอยู่กับองที่ร้าน แล้วบังเอิญองไปเข้าห้องน้ำพอดี เขาดันบังเอิญเห็นแจ้งเตือนไลน์ของแดนที่เข้ามาในโทรศัพท์มือถือขององเข้า และเมื่อรู้ว่าเป็นเรื่องอะไรจีฮุนก็เริ่มจะอยู่ไม่สุข
...เพราะจริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ไม่กี่สิบนาทีจินยองเพิ่งจะไลน์มาหาเขาเช่นกัน
ตามจริงวันนี้เขากับจินยองเองก็จะไปเจอกัน จินยองบอกเขาว่าจะตามไปหาที่ห้างเอง และก่อนที่เขาจะเจอกับองเขาก็เพิ่งไลน์ไปถามจินยองว่าถึงไหนแล้ว แต่อยู่ๆ จินยองกลับพิมพ์มาบอกเขาว่าอยู่กับแดน และบอกให้เขารีบไปหา
แล้วคิดว่าอย่างจีฮุนจะถ่อไปหาจินยองจริงๆ น่ะเหรอ?...มันคงไม่ง่ายแบบนั้น
จีฮุนเลือกที่จะปล่อยผ่านข้อความพวกนั้นโดยไม่คิดจะสนใจความเป็นตายร้ายดีของจินยองแม้แต่นิด
ตอนนี้ชีวิตของจินยองกำลังพัง...พังจนฉุดกลับขึ้นมาไม่ได้ง่ายๆ พังจนไม่มีความจำเป็นอะไรที่เขาต้องเสแสร้งแกล้งทำดีและยุแยงตะแคงรั่วใครอีกต่อไป
แต่พอเห็นจากโทรศัพท์มือถือขององว่าแดนกำลังทำไรบางอย่างกับจินยอง เขาก็เริ่มนั่งไม่ติด...มันไม่ใช่เพราะความเป็นห่วง แต่มันเป็นเพราะด้านมืดที่อยู่ลึกที่สุดในตัวของจีฮุนกำลังจะเริ่มเผยออกมาอย่างที่ไม่มีใครหยุดได้
จีฮุนทำทีเป็นขอยืมโทรศัพท์มือถือขององมาถ่ายรูปตัวเองเมื่อองกลับมาจากห้องน้ำ ทุกอย่างดูปกติไปซะหมดเพราะเวลาไปไหนด้วยกันเป็นกลุ่มพวกจีฮุนก็มักจะขอยืมโทรศัพท์มือถือองมาถ่ายรูปเล่นกันเป็นประจำอยู่แล้ว เขาแอบเข้าไปอ่านไลน์ของแดนให้แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับจินยอง และเมื่อรู้ว่าจินยองถูกแดนขังอยู่ในห้องเก็บของหลังโรงยิม ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็ตีกันยุ่งอยู่ภายในร่างกายของเขา
...ถ้าเขายื่นโทรศัพท์คืนอง องก็จะรู้แล้วจะไปช่วยจินยองได้ในทันที
แต่ถ้าเขาลบก็จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้แม้แต่คนเดียว
เสี้ยววินาทีเท่านั้น...
เพียงเสี้ยววินาทีที่จีฮุนชั่งใจ และสุดท้ายก็กดลบข้อความของแดนไปโดยที่องไม่มีทางได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจินยองตอนนี้...
จีฮุนแยกกับองแล้วกลับมาบ้าน เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ยังกวนใจเขาอยู่จนทำให้เขาคิดไม่ตก เขาคิดอะไรเยอะแยะไปหมด
จนกระทั่งสุดท้ายเขาก็พาตัวเองมาอยู่ที่โรงเรียนในเวลาแบบนี้...
ตรงหน้าเขาคือโรงยิม...จีฮุนกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ ในเวลาค่ำแบบนี้แถวนี้ไม่มีใครเลยสักคน มันเงียบจนน่ากลัว...แต่มันก็ไม่ได้ทำให้จีฮุนรู้สึกกลัวอย่างที่ควรจะเป็น เพราะเขากำลังเอาแต่จดจ่อกับสิ่งที่อยู่หลังโรงยิมตอนนี้ต่างหาก
จีฮุนไม่รีรอที่จะสาวเท้าจ้ำเดินผ่านหน้าโรงยิมเลาะเดินไปทางด้านข้างจนไปถึงด้านหลังซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องเก็บของ
บริเวณนี้มืดจนน่ากลัว มีแต่ชั้นและโต๊ะเก้าอี้เก่าๆ กองเต็มไปหมด แต่เหนือสิ่งอื่นใดประตูห้องเก็บของในตอนนี้กลับมีชั้นไม้เก่าๆ ซึ่งสูงเท่าๆกับประตูขวางทางไว้ซ้อนทับกันถึงสองชั้น
...เป็นอย่างที่คิดจริงๆ แดนได้ขังจินยองเอาไว้ในห้องนี้
จีฮุนยืนจ้องชั้นไม้ตรงหน้านิ่ง...ความเงียบสงัดกับความลังเลภายในใจของเขายิ่งทำให้เขาสับสน
...แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ชั้นไม้ที่อยู่หน้าสุด ก่อนจะออกแรงดันมันไปให้พ้นทาง ความหนักของมันไม่ใช่เล่นๆ และเสียงไม้ขูดกับพื้นก็ดังไปทั่วบริเวณ จีฮุนเข้าใจได้ทันทีถ้าคนที่ถูกขังจะเปิดออกมาไม่ได้ เพราะแค่ชั้นแรกเขาก็ดันเกือบแทบไม่ไหว จีฮุนเริ่มดันชั้นไม้ที่สองออกจนกระทั่งเห็นประตูห้องเก็บของอยู่ตรงหน้า
...เหมือนด้านในจะเงียบสนิท
เขาก้าวเข้าไปใกล้ประตูก่อนจะลองเอาหูแนบกับประตูเพื่อฟังเสียงจากด้านในแต่กลับมีแค่ความเงียบเป็นคำตอบกลับมาจนจีฮุนเริ่มไม่แน่ใจว่าจินยองยังอยู่ในนี้จริงๆ รึเปล่า
แต่ระหว่างที่กำลังชั่งใจว่าควรจะทำอะไรต่อ พลันสายตาของจีฮุนก็เหลือบเห็นอะไรบางอย่างอยู่บนพื้นไม่ไกลจากประตูสักเท่าไหร่นัก
...กระเป๋าเป้ของจินยอง
จีฮุนเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะย่อตัวลงพร้อมกับหยิบมันขึ้นมา เขาเปิดกระเป๋าของจินยองดูก็พบว่าของทุกอย่างยังอยู่ดี แม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือของจินยอง และนอกจากหนังสือเรียนและขวดน้ำในกระเป๋าแล้วนั้นเขากลับเจออะไรบางอย่างที่ไม่คาดคิด
...กระปุกยานอนหลับ
จีฮุนชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นมัน...
ที่จริงเขารู้มาตลอดว่าพักหลังมานี่จินยองเครียดมากแค่ไหน แต่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจินยองถึงกับเครียดจนถึงต้องพึ่งยาพวกนี้ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าจินยองคงจะอาการหนักมากจริงๆ...
แต่...
แล้วยังไงล่ะ...ช่วยไม่ได้
ช่วยไม่ได้ที่จินยองกลายมาเป็นมารความสุขในชีวิตของจีฮุนเอง
...เขาเกลียด เกลียดจินยองมาแต่แรก และไม่เคยชอบแม้แต่นิด
คนที่รักการได้รับความสนใจและเป็นจุดศูนย์กลางของคนอื่นมาตลอดอย่างจีฮุน ไม่เคยยอมรับได้ที่อยู่ดีๆ จะมีคนมาแย่งพื้นที่ตรงนี้ของตัวเองไป
จินยองก็แค่คนที่น่ารักสดใส เรียนเก่ง เป็นที่โดดเด่นและเอ็นดูของคนในกลุ่มและใครหลายๆ คน ซึ่งจีฮุนก็เคยเป็นแบบนั้นมาตลอด แต่ทำไมพอมีจินยองเข้ามา จินยองถึงได้แย่งทุกอย่างไปจากเขาได้หน้าตาเฉย
กลุ่มรุ่นพี่ที่สนิทกันจนถึงทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะจีฮุนทั้งนั้นที่ดึงทุกคนมารู้จักกันได้ เพราะความที่จีฮุนถูกเอ็นดูจากรุ่นพี่พวกนี้มาแต่แรก คนอื่นๆ ในกลุ่มของจีฮุนถึงได้สนิทกับรุ่นพี่พวกนี้ไปด้วย แต่พอมีจินยองทุกคนก็เทความสำคัญไปให้จินยองจนหมด แม้กระทั่งหลินก็ดูจะเป็นไปกับคนพวกนั้น...
เขาชอบหลินมาตั้งแต่ต้น ชอบมาตั้งแต่แรกเจอ เขาได้ถึงเป็นฝ่ายเข้าไปทักหลินก่อน และถึงแม้ว่าจะรู้ว่าหลินไม่เหมือนคนอื่นและเข้าหายาก แต่เขาก็เป็นคนเดียวที่ขึ้นชื่อว่าได้สนิทกับหลินมากที่สุด เขาเป็นคนเดียวที่ได้ยืนอยู่ในจุดๆ นี้อย่างที่ไม่มีใครทำได้ แต่พอจินยองเข้ามา บางทีเขากลับรู้สึกว่าหลินดูจะแคร์จินยองในแบบที่เขาไม่เคยได้รับ
...ใช่ จีฮุนอิจฉา เขาน่ะมันคนที่ขี้อิจฉาที่สุดในโลก ไม่มีใครรู้หรอก
เขายอมรับในใจตัวเองทุกอย่างว่าเขาไม่พอใจกับการที่จินยองมาอยู่ที่นี่ รำคาญที่จะได้เห็นหน้า เบื่อเวลามีคนพูดถึง หงุดหงิดที่จินยองทำอะไรได้ดีไปหมด และเกลียดเวลาที่ทุกคนให้ความสนใจกับจินยองอย่างที่จีฮุนเคยได้รับแต่ก่อน
เขาเกลียด...เกลียดจนไม่รู้จะเกลียดยังไง
เกลียดจนรู้สึกสะอิดสะเอียนในบางทีที่ได้เห็นหน้า จินยองไม่มีอะไรสู้เขาได้สักอย่าง...ไม่มีแม้แต่อย่างเดียว
แต่เพราะจีฮุนก็คือจีฮุน...คนอย่างเขาไม่เคยคิดทำอะไรที่ทำลายชีวิตตัวเองง่ายๆ ภายใต้ความแสนดีของจีฮุนที่คนอื่นเข้าใจ ที่จริงเขากลับปั่นหัวและหลอกใช้ความโกรธเกลียด ความอคติ ความหูเบาของคนในกลุ่มไปทำร้ายจินยองโดยที่ตัวเองไม่ต้องลงมือลงแรงอะไรเลย
...พวกโง่ก็คือพวกโง่
และที่สำคัญ...ตอนนี้เขาก็คือผู้ชนะ
จินยองแย่งพื้นที่เขาไปไม่ได้ และที่สำคัญตอนนี้หลินก็เหมือนจะอยู่ข้างๆ เขา...ไม่ใช่จินยอง
มารความสุขของเขาแพ้เขาราบคาบไม่เหลือชิ้นดี...
จีฮุนเอาโทรศัพท์มือถือจินยองใส่กระเป๋ากางเกงตัวเอง ก่อนจะรูดซิปกระเป๋าปิดแล้วลุกขึ้นยืน เขาเอื้อมมือไปเปิดประตูห้องเก็บของด้วยสีหน้าเรียบเฉย และเมื่อประตูเปิดออก เขาก็เห็นจินยองนอนหลับไม่รู้เรื่อง ซ้ำสภาพยังแทบดูไม่ได้อยู่ด้านใน...
จีฮุนก้าวเท้าเข้าไปภายในห้องเก็บของแคบๆ เขาย่อตัวลงพร้อมกับวางกระเป๋เป้ลงที่พื้น ก่อนจะลากสายตามองคนที่หมดสภาพอยู่บนพื้นห้อง แม้แทบจะไม่มีแสงอะไรให้ได้มองเห็น แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าจินยองคงร้องไห้อย่างหนักและพยายามหาทางจะออกจากที่นี่แค่ไหน คงจะหมดแรงจนหลับไป
...จะว่าน่าสงสารก็น่าสงสาร แต่ในใจของจีฮุนกลับมีความรู้สึกสะใจอย่างปิดไม่มิด
“จีฮุน...”
“...!” จีฮุนแทบผงะเมื่อคนที่คิดว่ากำลังหลับอยู่กำลังเรียกชื่อเขา จีฮุนไม่ทันมองว่าคนที่กำลังนอนอยู่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว จินยองตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาแล้วคว้าแขนเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“จีฮุนช่วยด้วย...จีฮุน จีฮุนมาช่วยเราใช่มั้ย แก พี่แดนขังเรา!” จินยองกำลังพร่ำบอกจีฮุนเหมือนคนเสียสติ คนตรงหน้าเขาเริ่มร้องไห้ออกมาอีกครั้ง “เรากลัวจีฮุน พาเราออกไป!”
“จินยองใจเย็นๆ” จีฮุนเอ่ยพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบศรีษะจินยองอย่างแผ่วเบาราวกลับจะปลอบประโลมคนที่กำลังขาดสติให้เย็นลง
...ซึ่งมันก็ทำให้คนที่กำลังร่ำไห้มีท่าทีอ่อนลง
“เราจะพาแกออกไปนะจินยอง”
“...ฮึก”
“แต่ว่าเราเห็นพี่แดนยังอยู่ข้างนอกอยู่เลยเมื่อกี้”
“...”
“เราขอออกไปดูพี่แดนให้แน่ใจก่อนอีกที ว่าถ้าออกไปแล้วจินยองจะไม่เป็นอะไร”
“...” จีฮุนพูดพลางปลดแขนจินยองที่จับแขนเขาอยู่ออก จินยองทำท่าจะคว้าแขนเขาไว้อีกครั้งแต่จีฮุนกลับลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
“รอแป๊บนึงนะ”
“จีฮุนรีบๆ มานะ ต้องรีบมานะ เรากลัว”
“ได้ เราจะรีบไปดูแล้วรีบมา”
จีฮุนยกยิ้มให้จินยอง ก่อนที่เขาจะถอยหลังเดินออกมาจากห้องเก็บของ สายตาของจินยองที่ยังนั่งอยู่ที่พื้นยังคงมองตามจีฮุนไม่ละสายตา
...สายตาของคนรอความหวังที่จะได้ออกจากไปที่นี่อย่างปลอดภัย
แต่เมื่อขาของจีฮุนก้าวพ้นห้องเก็บของมาแล้วเขาก็ปิดประตูห้องเก็บของลงอย่างรวดเร็ว
ครืด~!
จีฮุนใช้กำลังทั้งหมดที่มีดันชั้นไม้กลับมาปิดประตูแทบจะในทันที เสียงไม้ที่ลากไปกับพื้นทำให้คนในห้องเก็บของตื่นตระหนกอีกครั้ง
ปึง! ปึง! ปึง!
“จีฮุน! จีฮุนทำอะไร!” เขาไม่สนใจเสียงทุบประตูและเสียงกรีดร้องของจินยองแม้แต่นิด จีฮุนเดินไปยังชั้นไม้ชั้นที่สองแล้วดันมันกลับไปปิดประตูเหมือนตอนแรก “จีฮุน! ปล่อยเราออกไปจีฮุน!”
...ชั้นไม้ทั้งสองชั้นกลับมาปิดอยู่หน้าประตูห้องเก็บของเหมือนก่อนหน้านี้
ปึง! ปึง! ปึง!
“จีฮุน! ปล่อยเรา!”
เสียงตะโกนกรีดร้องของจินยองราวกับเสียงลมเบาหวิวที่พัดผ่านไปสำหรับจีฮุน เขาเอาโทรศัพท์มือถือจินยองออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วกดพาสเวิร์ดเข้าไปอย่างง่ายดาย
แน่สิ...เขารู้อยู่แล้ว ก็สนิทกับจินยองขนาดนี้จะไม่รู้ได้ยังไงล่ะ จริงมั้ย?
“จีฮุน!”
จีฮุนเข้าไปในไลน์ของจินยอง ก่อนจะกดลบแชทตัวเองด้วยสีหน้าเรียบเฉย...แชทล่าสุดที่จินยองเพิ่งจะไลน์มาหาเขาเมื่อตอนเย็น ให้เขามาช่วยจินยองที่นี่
...ไม่มีหลักฐานอะไรหลงเหลือทั้งนั้น
เขาวางโทรศัพท์มือถือจินยองลงบนชั้นไม้ตรงหน้า เสียงกรีดร้องของจินยองยังดังออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่มันก็ไมได้ทำให้เขาจะกลับใจหรือใจอ่อนตอนนี้ได้อีกต่อไป
...อยู่ในนั้นต่อไปอย่างน้อยถึงพรุ่งนี้ก็แล้วกัน อย่างน้อยน้ำในกระเป๋าเป้คงจะทำให้จินยองมีชีวิตรอดจนถึงวันพรุ่งนี้
แล้วพรุ่งนี้ถ้าหากมีคนมาหาจินยองเจอ ต่อให้จินยองออกมาได้แล้วพูดอะไร ก็คงไม่มีใครเชื่อหรอกว่าเขาทำอะไรไว้
จินยองอยู่ในจุดที่ไม่มีใครรักอีกแล้ว...ต่อให้พูดอะไรออกมาใครก็คงไม่เชื่อ โดยเฉพาะถ้าบอกว่าเป็นจีฮุนทำ เพื่อนๆ คงคิดว่าจินยองโกหก
...คนดีแสนดีอย่างจีฮุนน่ะ ไม่มีใครจับเรื่องพวกนี้ได้หรอก รู้เอาไว้ซะ
จีฮุนเดินออกมาจากตรงนั้นโดยไม่มีความคิดที่จะเดินไปกลับอีกแม้แต่นิด ความรู้สึกของเขาตอนนี้กำลังจมดิ่งจนกู่ไม่กลับ
...มีแต่ความสะใจอยู่ภายในจิตใจ ความเกลียดอยู่ฝ่ายเดียวของเขากำลังทำร้ายคนๆ หนึ่งอย่างรุนแรงจนหาวิธีแก้ไขไม่ได้
...จีฮุนคงไม่รู้ว่าความสะใจของเขาในครั้งนี้กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายของจินยอง
เขาไม่คาดคิดว่าจินยองคิดจะปลิดชีวิตตัวเองลงภายในห้องเก็บของแคบๆ ห้องนั้น...
และฟางเส้นสุดท้ายเส้นนั้น กลายเป็นสิ่งที่จะทำให้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมไปอีกตลอดกาล...
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
วันปิดเทอมวันแรก...
“หลิน”
“...”
“...หลิน”
ซอนโฮเอื้อมมือไปแตะไหล่ผู้เป็นญาติเมื่อเรียกเจ้าตัวแต่ไม่มีเสียงใดๆ ตอบรับกลับมา เมื่อร่างสูงเอาแต่นั่งนิ่งหันหลังให้เขาอยู่ในมุมของห้องผู้ป่วยพิเศษ
ซอนโฮเหลือบตามองคนที่กำลังหลับไหลไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียงผู้ป่วยแล้วก็รู้สึกหัวใจเจ็บแปลบขึ้นมาจนเขาเผลอเม้มปากแน่น รู้สึกจุกจนเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมา
...เขาไม่เข้าใจจริงๆ
ไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กน่ารักแบบจินยองต้องมาเจออะไรที่โหดร้ายแบบนี้
ตอนนี้ซอนโฮยังจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก เขารู้เพียงแค่คร่าวๆ ว่าจินยองน่าจะมีปัญหากับเพื่อน จนกระทั่งเรื่องโดนขังอยู่ในห้องเก็บของที่โรงยิมเมื่อคืน แต่รายละเอียดมากกว่านี้เขาไม่รู้อะไรสักอย่างเลย
ที่จริงเขาก็อยากจะถามหลิน แต่เพราะสถานการณ์ตอนนี้เขาคิดว่าคงไม่ใช่โอกาสดีนักที่จะถาม
ซอนโฮหันกลับมามองผู้เป็นญาติที่ยังคงเอาแต่นั่งนิ่ง เขาเพิ่งจะสังเกตุเห็นว่าหลินกำลังถือโทรศัพท์มือถือของจินยองเอาไว้ในมือ และเหมือนกำลังพิมพ์อะไรบางอย่างในไลน์หากลุ่มไลน์ของใครสักคน
“หลินทำอะไร” คราวนี้ซอนโฮตัดสินใจคว้าไหล่เขาไว้ หลินเงยหน้ามองเขา และมันก็ทำให้เขาผงะเมื่อเห็นนัยน์ตาแดงก่ำของผู้เป็นญาติ
แค่เห็นเขาก็รับรู้ได้ทันทีว่าก่อนหน้านี้หลินต้องร้องไห้หนักขนาดไหน
“ซอนโฮ”
“...”
“เราด่าพวกมันไปแล้ว”
“...”
“ไอ้พวกนั้น เราด่ามันไปแล้ว!” ซอนโฮรู้สึกหัวใจตัวเองหนักอึ้งเมื่อเห็นท่าทางที่ดูไร้สติของคนตรงหน้า ซอนโฮเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ในมือหลินอย่างไม่รู้จะพูดอะไร “เราใช้ไลน์จินยองด่ามัน พวกมันจะได้รู้ว่าทำเหี้ยอะไรไว้ พวกมันจะได้รู้สึกผิด จะได้กลัว ซอนโฮ เราไม่ยอมแน่ เราจะฆ่าพวกมันให้หมด ไอ้พวกเหี้ย เราไม่ปล่อยไว้แน่ พวกมันแม่งต้องตาย ตายไปให้หมด! ที่มันทำขนาดนี้!”
“หลิน”
“มันทำขนาดนี้ได้ยังไงซอนโฮ มันทำลงได้ยังไง ไอ้พวกเหี้ย”
“หลิน ใจเย็น” ซอนโฮโอบกอดรอบคนที่กำลังเสียสติ สายตาของเขาเริ่มพร่ามัวเมื่อน้ำตารื้นจนเอ่อออกมา
หลินไม่เคยเป็นขนาดนี้...ญาติผู้สงบนิ่งของเขาไม่เคยสติหลุดถึงขั้นนี้มาก่อน
เขาพยายามลูบหลังเพื่อให้หลินใจเย็นลง เขาสัมผัสได้ว่าตัวหลินกำลังสั่นจนควบคุมไม่อยู่และน้ำตากำลังไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของหลิน
...ยิ่งได้เห็นว่าหัวใจหลินกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ ซอนโฮก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะใจสลายไปด้วย
“จินยองปลอดภัยแล้วนี่ไง ดูสิหลิน จินยองแค่หลับ เดี๋ยวก็ตื่นแล้ว”
“...”
“มันไม่มีอะไรแล้ว”
“ไม่”
“...”
“เราไม่เคยรู้เลยว่าจินยองต้องกินยานอนหลับ ไม่เคยรู้เลยว่าจินยองมียาอะไรแบบนี้”
“...”
“เราไม่รู้อะไรเลยซอนโฮ เราไม่รู้อะไรเลย”
“...”
“แล้วพ่อจินยองต้องมาตายเพราะพวกมัน ไอ้พวกเหี้ย!”
ซอนโฮทำได้แค่กอดหลินไว้แน่นเมื่อรู้ว่าทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ และหัวใจเขาก็ยิ่งเจ็บมากขึ้นไปอีก
ร่างกายที่สั่นเพราะแรงสะอึ้นของหลินทำให้ซอนโฮเองก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป เขาได้แต่กอดผู้เป็นญาติเอาไว้แล้วร้องไห้เงียบๆ อยู่แบบนั้น
คืนก่อนหลินไปตามหาตัวจินยองที่โรงยิมห้องเก็บของจนเจอ แต่กลับโชคร้ายเมื่อสิ่งที่เขาเจอคือร่างจินยองที่ไม่รู้สึกตัวจากยานอนหลับที่กินไปไม่รู้กี่สิบต่อสิบเม็ด ถึงจะโชคดีที่พาส่งโรงพยาบาลทัน แต่กลับมีเรื่องที่โชคร้ายกว่าตามมา
...พ่อของจินยองที่รีบขับรถมาจากต่างจังหวัดเมื่อรู้ว่าจินยองหายไป กลับประสบอุบัติเหตุระหว่างทางจนเสียชีวิตและไม่มีวันได้รู้ว่าจินยองปลอดภัยดีแล้ว
หลินรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตายทั้งเป็น...แค่เขาคิดว่าจินยองตื่นขึ้นมาแล้วต้องรู้ข่าวร้ายนี้ ทุกอย่างมันจะยิ่งย่ำแย่ไปขนาดไหน
แค่นึกว่าจินยองจะรู้สึกยังไงหลังจากนี้...หัวใจเขาก็แหลกละเอียดไปหมด
พักหลังๆ จินยองมีอะไรไม่บอกเขา อาจเป็นเพราะจินยองรู้ดีว่าเขาเป็นคนยังไง และเขาจะทำอะไรขึ้นมาหากรู้ว่าเพื่อนๆ ทำอะไรจินยองไว้ ถึงได้ปิดปากเงียบและไม่พูดอะไรกับเขาสักอย่าง เขาเพิ่งจะเริ่มมาจับสังเกตอะไรได้มากขึ้นตอนหลัง และทำเป็นให้ความสำคัญกับจีฮุนเพื่ออยากจะปกป้องจินยองเอาไว้ก่อน แต่ดูเหมือนมันจะไม่ทัน...
จินยองนึกถึงคนอื่นก่อนเสมอ...จนมันทำให้เขาโมโหว่าทำไมไม่นึกถึงตัวเองบ้างเลยสักนิด
เขาไม่เคยคิดเลยว่าทุกอย่างมันจะบานปลายมาถึงขนาดนี้
ถ้าไม่เป็นเพราะเขา...
ถ้าเขาไม่เห็นแก่ตัวอยากให้จินยองมาอยู่ใกล้ๆ แล้วให้พ่อจัดการเรื่องให้จินยองมาอยู่ห้องเรียนเดียวกับเขา ป่านนี้จินยองก็คงไม่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ ไม่ต้องเจอคนสารเลวอย่างคนพวกนั้น ไม่ต้องเจอใครทำเรื่องแย่ๆ ใส่ ไม่ต้องมานอนอยู่โรงพยาบาลและพ่อจินยองก็คงไม่เป็นแบบนั้น
หลินเอาแต่เอาแต่พร่ำโทษตัวเองอยู่ในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขารู้สึกเหมือนจะขาดใจตายทุกครั้งที่คิดว่าจินยองต้องเป็นแบบนี้เพราะตัวเอง
ทุกอย่างมันเป็นเพราะเขาเอง...
...ทุกอย่างมันเป็นความผิดของเขา
สามวันต่อมา...
มันคงเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต...
“หลิน”
“...”
“หลินกลับไปก่อนก็ได้นะลูก” หลินเงยหน้ามองคนที่กำลังสัมผัสไหล่ของเขาอย่างแผ่วเบา
แม่ของจินยองกำลังยิ้มให้เขาด้วยสีหน้าอิดโรย หลินทำได้เพียงแค่ส่ายหน้าตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
“ผมยังไม่อยากกลับครับ” เขาพูดพลางมองประตูที่ปิดสนิทอยู่ตรงหน้าเขา
...เขานั่งอยู่หน้าประตูบานนี้มาทั้งวันแล้ว และไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปไหน
นับตั้งแต่ที่จินยองออกจากโรงพยาบาล จินยองก็กลับมาอยู่บ้านแม่ ซึ่งนั่นก็คือข้างบ้านของหลินเหมือนแต่ก่อน
ทั้งที่ๆ มันควรจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่จินยองได้กลับมาอยู่ใกล้ๆ เขา แต่กลับไม่ใช่แบบนั้นเลย...ทุกอย่างมันเลวร้ายไปหมดจนแม้แต่หลินเองก็ตั้งรับกับมันไม่ทัน
ตั้งแต่จินยองตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาล จินยองไม่ยอมคุยกับใคร ไม่พูดอะไร ท่าทางเหมือนคนระแวงอะไรตลอดเวลา หรือแม้แต่กับหลินเองจินยองก็ไม่ยอมให้เข้าใกล้
...จินยองไม่แม้แต่จะไปงานศพพ่อของตัวเอง เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องแบบนี้ ข้าวปลาก็แทบไม่กิน คนที่พอจะเข้าหาจินยองได้ในเวลาแบบนี้ มีเพียงแค่แม่จินยองเท่านั้น แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมา
หัวใจเขาเจ็บ...มันเจ็บจนมันชาไปหมด ชาจนเหมือนคนไร้ความรู้สึกใดๆ
เขารู้เกือบหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นจากอีเมลที่จินยองได้ฝากยองมินเอาไว้ เหลือเพียงแค่ตัวการที่เป็นคนขังจินยองเพียงเท่านั้นที่เขายังไม่รู้
แม้จะกำลังสงสัยใครบางคน แต่เขาก็ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะทำอะไรได้ เขาอยากรู้เรื่องทุกอย่าง เขาอยากได้ยินมันจากปากของจินยองเองว่าใครมันเป็นคนทำเรื่องชั่วๆ พวกนี้ได้ลง
เพียงแค่นึกหลินก็กำมือตัวเองแน่น...ทุกสิ่งทุกอย่างที่จินยองโดนกระทำมันรุนแรงจนทำให้จินยองเป็นแบบนี้
จินยองไม่ไว้ใจใครอีกต่อไปแม้แต่กับเขา...
สิ่งนี้คือสิ่งที่เขาตั้งรับกับมันไม่ได้มากที่สุดจนเขาเองก็แทบจะเสียศูนย์...
โลกของเขามีจินยองแค่คนเดียวมาตลอด...แต่ตอนนี้คนเดียวในโลกทั้งใบกำลังผลักไสเขาโดยมีเขาเป็นต้นเหตุ
หลินยังคงเอาแต่โทษตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะเขา
“หลินลูก กินอะไรมั้ย ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันแล้วนะ”
“...”
“อย่างน้อยกินอะไรหน่อยเนาะ” แม่จินยองพยายามเกลี้ยกล่อมหลินที่เอาแต่นั่งอยู่แบบนี้ไม่ยอมกินข้าวกินปลาตามคนที่อยู่ด้านในห้อง ฝ่ามือที่กำลังลูบศรีษะเพื่อปลอบประโลมหลินทำให้เขาเริ่มโอนอ่อนจนพยักหน้าตอบรับ
“ไป ลงไปข้างล่างลูก แม่เตรียมไว้ให้แล้ว”
“ขอบคุณครับ” หลินสัมผัสได้ว่าแววตาที่แม่ของจินยองมองเขามีความเป็นห่วงอยู่เต็มเปี่ยม
เขายอมลงไปข้างล่างอย่างว่าง่ายเพื่อกินข้าวมื้อแรกของวันนี้
หลินคงไม่รู้ว่าแม่จินยองเองก็เป็นห่วงตัวเขามากขนาดไหน ท่านรับรู้มาตลอดว่าสำหรับหลินแล้ว ลูกชายของท่านสำคัญกับหลินมากกว่าอะไรทั้งหมด
เห็นทั้งคู่มาตั้งแต่ยังเด็ก...ไม่มีเรื่องไหนที่หลินจะไม่ปกป้องจินยอง ไม่มีครั้งไหนที่หลินต้องจะปล่อยให้จินยองต้องอยู่คนเดียว ขนาดแม้กระทั่งตอนที่จินยองย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดตามพ่อ หลายครั้งที่แม่จินยองบังเอิญเห็นหลินมายืนอยู่หน้าบ้านเฉยๆ แล้วมองผ่านรั้วบ้านเข้ามาอยู่หลายนาที ก่อนจะเดินกลับบ้านตัวเองไป
สายตาของหลินในตอนนั้นยังคงตราตรึงผู้เป็นแม่มาจนถึงตอนนี้...สายตาของเด็กคนหนึ่งที่กำลังคิดถึงและโหยหาเพื่อนเพียงคนเดียวของเขา แต่ไม่สามารถเจอได้ทุกวันเหมือนแต่ก่อน
ท่านถึงสัมผัสได้...รู้ดีมาตลอดว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่สำคัญต่อกันมากขนาดไหน
หลินนั่งกินข้าวที่แม่ของจินยองเตรียมไว้ให้ แต่กลับรู้สึกกินไม่ลงจนต้องทนฝืนกินเข้าไปเฉยๆ แบบนั้น เขารู้สึกว่าทุกอย่างมันดูทรมานสำหรับตัวเขาไปซะหมด แค่จะเคี้ยวข้าวแล้วกลืนลงคอยังเป็นไปด้วยความลำบาก
ปึง!
หลินชะงักเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากด้านบนของบ้าน เขารีบวางช้อนส้อมลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปรี่ขึ้นบันไดขึ้นไปยังชั้นบนของบ้านโดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น หลินได้ยินเสียงแม่ของจินยองกำลังตะโกนอะไรบางอย่างและมันก็ดังมาจากห้องที่ประตูปิดสนิทมาทั้งวัน...ห้องของจินยอง! เขาวิ่งไปที่ห้องนั้นอย่างไม่คิดชีวิต
“จินยอง ไม่เอาลูก!” เสียงที่ดังเล็ดลอดออกมาจากห้อง ทำให้หลินรีบผลักประตูเปิดเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว และมันก็ทำให้เขาสติหลุดทันทีเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า
คนที่เขาอยากเห็นมาทั้งวันกำลังถือกรรไกรอยู่ในมือ และพยายามง้างมันเพื่อจะเอาเฉือนแขนตัวเองให้ได้โดยที่มีแม่กำลังห้ามอยู่แต่ก็กลายเป็นสู้กำลังของจินยองไม่ได้
หลินวิ่งเข้าไปหาทั้งสองคนอย่างสติแตก เขาพยายามคว้าตัวจินยองและหยุดมือข้างที่ถือกรรไกรเอาไว้ แต่คนในอ้อมกอดไม่ยอมหยุดแล้วพยายามจะทำร้ายตัวเองอยู่แบบนั้นซ้ำๆ
“จินยอง!” หลินพยายามหยุดมือข้างนั้นของคนที่อยู่ในอ้อมกอดเขาตอนนี้ “จินยองอย่าทำแบบนี้!”
“จินยองลูก !” เสียงแม่ของจินยองกำลังร่ำไห้อยู่ไม่ไกลจากเขา มือของหลินสั่นไปหมด แต่เขาก็พยายามจะควบคุมมันเพื่อที่จะหยุดการกระทำของคนในอ้อมกอดให้จนได้
หลินคว้ากรรไกรออกจากมือจินยองอย่างรวดเร็ว แล้วโยนมันไปให้ไกลที่สุด ก่อนที่เขาจะรวบตัวกอดคนในอ้อมกอดให้แน่น
“จินยอง...”
“...”
“อย่าทำแบบนี้จินยอง อย่าทำแบบนี้ ขอร้อง” เขาราวกับคนประสาทเสียที่กำลังตั้งสติไม่ได้ เอาแต่พร่ำบอกจินยองให้หยุด
...คนในอ้อมกอดเขายืนแน่นิ่งไม่ยอมพูดอะไร สีหน้าของจินยองไร้ความรู้สึกใดๆ ...แต่บนใบหน้าเล็กนั่นกลับมีน้ำตาไหลออกมา
ทั้งๆ ที่อยู่ในอ้อมกอดหลินแต่จินยองไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา
หลินรู้สึกจุกจนพูดอะไรไม่ออก หัวใจของเขาเจ็บ และน้ำตาก็รื้นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
...ตอนนี้เขากำลังกอดจินยอง ทั้งๆ ที่มันก็ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วที่เขาเป็นฝ่ายกอดจินยองแบบนี้
แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนทุกครั้ง...
...เพราะมันเป็นกอดที่เขารู้สึกย่ำแย่มากที่สุดในชีวิต
“พรุ่งนี้แม่จะพาจินยองไปหาหมอนะ”
“ครับ”
“หลินจะไปด้วยกันมั้ยลูก”
“ไปครับ” เขาตอบแม่จินยองอย่างไม่ต้องคิด
แม่ของจินยองยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนก่อนจะเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้เขาอยู่ภายในห้องกับจินยองตามลำพัง
หลินเลื่อนสายตากลับมามองคนที่กำลังนอนหลับไม่รู้เรื่อง จากเหตุการณ์ที่สงบลงเมื่อกี้ หลินออกมารอข้างนอกแล้วปล่อยให้แม่ได้เป็นฝ่ายคุยกับจินยอง พอโดนเรียกเข้ามาอีกทีจินยองก็หลับไปแล้ว
เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะจินยองอย่างแผ่วเบา...นี่คงจะเป็นแค่เวลาเดียวในตอนนี้ที่เขาจะได้อยู่ใกล้ๆ จินยองแบบนี้
มันก็ยังดี...อย่างน้อยให้ได้เห็น ให้ได้อยู่ในสายตา ให้เขาได้รับรู้ว่าจินยองยังอยู่ตรงนี้ ไม่ได้หายไปไหน
“จินยอง” สายตาของเขากำลังลอบสำรวจใบหน้าซีดเซียวที่เขาไม่ชินกับมันเลย...จินยองผู้เคยสดใสของเขา ตอนนี้กลับไม่เหลือคราบความสดใสแบบนั้นหลงเหลืออยู่แม้แต่นิด “จินยอง”
“...”
“รีบกลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ”
“...”
“...อย่าไล่เราเลยนะจินยอง”
“...”
“ตอนนี้ไม่ต้องคุยกับเราก็ได้....แต่อย่าไล่เรา”
“...”
“เราจะไม่ไปไหน...ไม่มีทางไปไหน”
“...”
“เราบอกแล้วว่าเราจะอยู่กับจินยองไปถึงร้อยปี เราจะไม่ไปไหน”
“...”
“กลับมาเป็นแบบเดิมนะ...กลับมาเล่าให้เราฟังด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น” หลินกลืนน้ำลายลงคอตัวเองอย่างลำบากเมื่อรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอ
เขารู้ว่าพูดไปคนตรงหน้าก็คงไม่ได้ยิน แต่เขาก็อยากจะพูด
...เพราะมันเป็นโอกาสเดียวในตอนนี้ที่เขาจะคุยกับจินยองได้โดยที่จินยองไม่ผลักไสเขา
“รีบๆ หายนะลูกแมวของหลิน”
“...”
หลินละมือที่ลูบศีรษะของจินยองมาเปลี่ยนเป็นกุมมือคนตัวเล็กกว่าเอาไว้แทน
หัวสมองของเขาว่างเปล่า ได้แต่นั่งมองหน้าคนที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่แบบนั้น
แต่อยู่ๆ...สมองของหลินกลับนึกถึงกลุ่มคนสารเลวที่ทำให้จินยองต้องเป็นแบบนี้มา เขาเผลอบีบมือจินยองแน่นตามแรงอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในจิตใจของตัวเอง
นัยน์ตาอ่อนโยนที่เขาใช้มองจินยองก่อนหน้านี้ เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวจนน่ากลัวโดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้ตัวแม้แต่นิด
“...ถ้าจินยองหาย”
“...”
“เราสัญญาว่าเราจะทำทุกอย่าง”
“...”
“เราจะลากพวกมันทุกคนมาขอโทษจินยองให้ได้”
“...”
“จินยองต้องหายนะ”
“...”
“แล้วเราจะทำให้มันตายทั้งเป็นยิ่งกว่าที่จินยองเป็น”
“...”
“เราสัญญา”
The End
HOSHIBOSHI'S TALK
ตอนพิเศษ 19 หน้ารวด 55555555555
งานน้ำตาสุด เศร้าหรอ?
อ๋อเปล่า ยาวจัด อ่านจนแสบตา 55555555555555
หวังว่าจะเข้าในใจความสัมพันธ์ของคุณหมากับลูกแมวกันมากขึ้นนะคะ
รวมถึงพาร์ทช่วงที่จินยองได้โดนขัง
จะได้เริ่มเข้าใจความเป็นมาของจีฮุนกันมากขึ้น
นี่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่จีฮุนเคยทำ
จะอยู่ในจอยตอนต่อไปค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่่ติดตามกันมาจนถึงขนาดนี้
อยู่ดูแลลูกแมวน้อยไปพร้อมๆกันจนจบเลยนะคะ
รัก <3
สุดๆจริงๆ อินี้เดาแล้วว่าxxxx ต้องเป็นหลินแน่ๆ (เพราะเอาตามความเป็นจริงตามการชิปของproduce101 555)
น้ำตาไหลอ่ะ คือแบบอะไรอ่ะ ทำร้ายน้องแพได้ขนาดนี้ จิตใจทำด้วยอะไร น้องแค่อยูาเฉยๆน่ารักๆ แต่กลับต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายขนาดนี้ ถ้าเกิดไม่มีหลินอยู่ด้วยละ น้องจะเป๋นยังไงบ้าง น้องจะเป็นขนาดไหน สงสารอ่ะ สงสารหลินกับจินยอง แง่ๆ
จีฮุนนี่สุดๆละ เหมือนที่ฮยอนบินบอกไว้ไม่มีผิด อิเจ้าของสตอเบอรี้ทั้งสวน โอยยยยยยยอะไรจะลอยตัวเก่งเบอร์นั้น กระชากหัวมันมาขอโทษจินยองให้ได้นะหลิน
จินยองลูก ฮือ น่าสงสาร แง้ อยากกอดโอ๋