คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : :: 20 หวั่นใจ (100%)
{20}
หวั่นใจ
แปลก พักนี้เขากำลังทำตัวแปลกไป แจจุงมั่นใจแบบนั้น
อาการแปลก ๆ แบบนี้ไม่ได้เกิดกับเขาคนเดียวเสียด้วย ดูเหมือนไอ้โรคคิดมากแต่เก็บอาการไว้จะเป็นโรคติดต่อร้ายแรงของสถานที่ที่เขาพักอาศัยอยู่แห่งนี้ แพร่กระจายไปรวดเร็วราวกับเป็นสายลม เริ่มจากฮีชอล ที่เหม่อลอยบ่อย ๆ ซีวอนเองก็เช่นเดียวกัน ดูมีอะไรในใจเยอะแยะไปหมด จนเขาสรุปอาการว่าฮีชอลกับซีวอนเป็นโรคที่เกี่ยวกับความหวาดระแวงบางอย่าง
ตอนนี้ทรายในนาฬิกาบรรลัยที่ไอ้พ่อมดจากขุมนรกขั้นที่หนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดนั่นให้มาเหลือน้อยกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ถ้าหากอนุมานเทียบกับเวลาจริงก็จะพบว่าน่าจะเหลือเวลาอีกประมาณสองอาทิตย์กว่า ๆ ได้ จำนวนนี้ สองอาทิตย์ สิบสี่วันทำให้เขารู้สึกใจหายแปลก ๆ
นี่คงจะเป็นที่มาของอาการแปลก ๆ ที่เขาเป็นตลอดเวลา
แต่คนที่แปลกที่สุดแจจุงขอฟันธงว่าเป็นชองยุนโฮ มะหมีชองยุนโฮที่เขากำลังหวาดหวั่นขั้นหนัก จะบ้าอะไรนักหนาวะ ทำตัวพิลึกขึ้นทุกที ไม่ว่าจะเป็นการทำตัวที่ดีขึ้น แต่ด้วยอคติอันแม่นยำของเขาก็ยังยืนยันว่ายุนโฮมันหวังผล! ผลอะไรก็ไม่รู้เขาขอมองในแง่ร้ายไว้ก่อน แล้วก็พักนี้ ... เขาเถียงชนะมันไม่ได้ซักครั้งเดียว
ไม่ว่าจะเป็นสายตากรุ้มกริ่มที่ยุนโฮใช้ คำพูดที่มีท่าทางประเภท ‘พูดน้อยต่อยหนัก’ นั่นก็เล่นงานให้เขาแพ้ได้ภายในเวลาครู่เดียว ยิ่งคิดแจจุงยิ่งหงุดหงิดใจ ไอ้ท่าทางแบบนั้นน่ะไม่มีผลดีต่อเขาซักนิด
ใจเต้นแรง แถมรู้สึกร้อน ๆ วูบวาบ
ไม่ชอบอาการแบบนี้ มันทำให้เขาแถ มือก็จะอยู่ไม่สุข เปะปะไปทั่วจนเขาเองยังรำคาญเองเสียแบบนั้น
“แจจุงอา~”นี่ไงแซมเปิ้ลของอาการบ้า ๆ บอ ๆ ฉบับหมีขั้วโลกเหนือตัวสูง ๆ ขาว ๆ อย่างยุนโฮ ไม่เข้าใจว่าพอซีวอนดูหงอยไปทำไมยุนโฮถึงสดชื่นขึ้นเยอะแบบนั้น แมวสีขาวเหยียดตัวลงนอน ทำท่าจะหลับโดยไม่สนใจอะไร พี่ชายของเขากำลังหลับสนิทอยู่ใต้หมอนใบโปรด เจ้าของรูปหล่อกำลังออกไปรับจ๊อบอะไรซักอย่างที่ได้ยินฮีชอลบ่นหงุงหงิงมาว่าได้มาจากคุณพ่อของอิมยุนอาอะไรนั่น ส่วนยุนโฮก็ถือโอกาสนักเขียนจอมเล่นตัวโดดงานของยูชอนห้อย ๆ นั่นทำงานอยู่ที่บ้าน
ทำให้เขาปวดหัวขึ้นเยอะ
“ไอ้ฟู~”ชื่อที่เขาเกลียดดังขึ้น แจจุงลืมตาแล้วยกแขนขึ้นข่วนยุนโฮโดยอัตโนมัติ แต่ผลที่ได้กลับออกมาตรงกันข้าม ยุนโฮนั้นเชี่ยวชาญในการหลบอุ้งตีนแมวเสียแล้ว”นอนเยอะจังเลย เดี๋ยวก็อ้วนหรอก”
“เรื่องของฉัน!!”แจจุงแยกเขี้ยวใส่ แต่วินาทีต่อมาก็เหวอสนิทเมื่อยุนโฮยกตัวเขาลอยขึ้น
“อยากให้เล่นด้วยใช่มั้ย?”ทีแบบนี้กระแดะทำเป็นแปลคำด่าภาษาแมวไม่ออก ยุนโฮยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่ออีกฝ่ายมีทีท่าจนมุม ท่าทางแบบนี้ของแจจุง ... น่ารักดี เขาชอบแจจุงแบบนี้ จำได้มั้ยที่ว่าเขาชวนแจจุงไปแม่น้ำฮันคราวก่อน ได้ผลด้วยล่ะ
แจจุงชอบแม่น้ำ ข้อมูลจากฮีชอลถูกต้อง ดูเหมือนคนสวยจะไม่ค่อยมีโอกาสไปเดินเล่นที่แม่น้ำบ่อย ๆ ถึงได้ดูตื่นเต้นเหลือเกิน แล้วไอ้การไปนั่งห่อตัวในผ้าพันคอหนา ๆ กับลมหนาว ๆ นี่มันก็โรแมนติกดีหรอก
จนถึงตอนนี้ ... ยุนโฮก็ชักจะมั่นใจขึ้นมาหน่อย ๆ แล้วว่าเขากำลังเจริญรอยตามซีวอน เพื่อนเวรกรรมของเขา
เขากำลังชอบผู้ชายตามมัน ?
ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้นะ เขาเองก็ไม่เข้าใจ แอบ ๆ ไปเปิดแฟนฟิคชั่นสีม่วงอื๋อในอินเทอร์เน็ตอ่านก็ยิ่งไม่เข้าใจ ถ้าเรื่องไหนคู่หลักเป็น...แบบนั้นน่ะ รอบตัว เพื่อนสนิทเอย อะไรเอยเป็นตามกันไปหมด เหมือนมันเป็นโรคติดต่อยังไงยังงั้นแหล่ะ
“ยุนโฮ ออกไป๊!”แจจุงกำลังเขิน อาจจะเป็นแบบนั้น แต่เจ้าตัวผู้ปากแข็งก็ยืนยันว่ามันคือโกรธ เล็บคม ๆ ข่วนลงไปที่แขนอีกฝ่าย แจจุงจ้องเข้าไปในนัยน์ตาอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว ร่างสูงเองก็จ้องกลับ เบื้องหลังกระจกตาสีฟ้านั่น ...เหมือนกับมีตัวตนของแจจุงยืนแยกเขี้ยวให้เขาอยู่ตรงนั้น
“ดื้อ!”ยุนโฮจัดการประนามแจจุงเสียงดังฟังชัด
“เออ!”แจจุงรับ”รำคาญล่ะสิ ชิ!!!”
“ข่วนเจ็บ เล็บคม!!!”ยุนโฮต่อให้ หน้าตาดูจริงจังจนแจจุงอดไม่ได้ที่จะข่วนไปอีกซักที
“รำคาญฉันมากหรือไง?”ภาษาแมวถูกพ่นส่งออกมาเรื่อย ๆ แจจุงมองนัยน์ตาเข้ม ๆ นั่นแล้วเหมือนมันไปสะกิดสวิทช์อะไรบางอย่างในหัวสมองให้เปิดออก”รู้ว่านายคงรำคาญที่ฉันข่วนมาก พูดจาก็แย่ ซน ดื้อ มีดีแค่หน้าตา ใช่ ฉันมันหล่อ ฉันรู้ ยุนโฮ ไอ้หมีงี่เง่า บ้าบอ”
ยุนโฮถึงกับงง
เพราะทุกคนคงเข้าใจว่าตอนนี้แจจุงเป็นแมว ดังนั้นไอ้เวิ่นเว้อข้างบนนั่นก็ออกมาเป็นภาษาแมวทั้งหมด ดังเหมียว ๆ ถึงแม้จะมีสกิลมั่วขั้นเทพเพียงไรก็ไม่อาจเข้าใจว่าแจจุงจะพูดอะไร แต่สำหรับหมีที่อาศัยอยู่กับแมวตัวนี้อย่างชิดใกล้มาตลอดเดือนกว่า ๆ ที่ผ่านมา ยุนโฮก็ตีความได้อย่างเดียว
“ด่าฉันเหรอ?”เยี่ยมยอดที่สุด
“เออ!!”รู้สึกเป็นอิสระดีเหมือนกันที่ด่าได้ไร้ความกังวลใจ เบาสบายราวกับไม่มีอะไรมากางกั้น แจจุงอยากจะยกมือขึ้นกอดอก แต่ติดตรงที่ว่าแขนสั้นไปหน่อย”ยุนโฮ ถ้านายบอกว่าฉันนิสัยไม่ดีมาก ๆ เข้า นายจะเอาฉันไปปล่อยมั้ย นายจะทิ้งฉันไปมั้ย?”
คำพูดนั้นหลั่งไหลมาจากอะไรก็ไม่รู้ บางทีอาจจะมีต่อมใต้สมองหรือว่าลำไส้เล็กส่วนบนของแจจุง ยุนโฮดูงง ๆ เพราะมันเป็นภาษาแมวทั้งหมด แม้แต่กูเกิ้ลยังไม่มีบริการแปลภาษานี้ แจจุงเองก็อยากจะหยุดพูด แต่ก็หยุดไม่ได้
“แล้วถ้าพี่ฮีชอลบอกเป็นจริง ถ้าฉันจะลืมนาย นายจะทำยังไง?”คำถามนี้วนเวียนในหัวเขามาได้หลายวันตั้งแต่ได้ยินมาแล้ว แมวสีขาวดูเศร้าลงไปเล็กน้อย”นี่ฉันกำลังพูดบ้าอะไรอยู่เนี่ย?”
“แจจุง...”ยุนโฮพูดขัดขึ้นมา หน้าตาดูเข้าอกเข้าใจจนแจจุงอดคิดไมได้ว่าหมีมันเก่งขนาดแปลภาษาแมวเป็นคนได้เก่งยิ่งกว่ากูเกิ้ล แต่ประโยคต่อมาอยากจะทำให้แจจุงเอาหัวโขกพื้นตาย”แนะนำว่ารอไปอีกสองสามชั่วโมงนะ ถ้านายเป็นคนค่อยพูดกัน แต่ถ้าทั้งหมดที่นายว่ามาคือคำด่า ... ไม่ต้องพูดก็ได้”
“ขอบคุณมากยุนโฮ”อยากจะเอาอุ้งตีนประทับรอยบนหน้ามันจริง ๆ พับผ่า
“งอนเหรอแจจุง”หมีป่ายังอุตส่าห์ตีความไปเองจนได้”เฮ้ย ที่ฉันว่านายดื้อนี่ไม่ได้รำคาญนายเลยนะ”
“งั้นเหรอ?”แมวขาวย้อนเสียงเหมียว ๆ ยุนโฮขมวดคิ้ว เขากำลังเป็นบ้าอะไรอยู่วะเนี่ย ?
“นายอาจจะเป็นแมวประหลาดไปหน่อยนะแจจุง แต่นายก็ ... โอ๊ยยยย”ยังพูดไม่ทันจบแจจุงก็เสยเข้าให้อีกรอยบนหน้าแข้ง ร่างสูงกระโดดด้วยความเจ็บปวดพลางมองอย่างไม่เข้าใจไปที่แมวขี้งอนตัวแสบ แจจุงสะบัดหางใส่แล้วเดินไปนอนอยู่บนโซฟาด้วยความสบายอารมณ์ แต่ก็อดเหลือบตามองดูคนโดนแมวข่วนไม่ได้
ไม่ได้ห่วงมันเลยนะว่าจะมีแผลมั้ย
ไม่ได้ห่วงจริง ๆ
“อะไรของนายอีกเนี่ย”คนหน้าแข้งพังบ่นพึม รู้สึกเซ็งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ คือแบบ ..เข้าใจป่ะว่าคนเราก็ต้องอยากอยู่ใกล้ ๆ คนที่ชอบ (สรุปยอมรับว่าชอบแจจุงแล้ว?) ยังซะหน่อย !! ยังไม่ได้บอกซักคำ แล้วคือว่าเขาก็ไม่ได้มีความร้งความรักอะไรแบบนี้มาตั้ง...เอ่อ (นับนิ้ว) สามปีแล้วมั้งที่ปเนโสด ดังนั้นเขาก็ลืมไปหมดแล้วล่ะว่าคำว่ารักเป็นยังไง...
แล้วคือเขาเป็นนักเขียน แต่เขาไม่ได้เขียนนิยายรักซะหน่อย โอ้เย
เอาล่ะ พล่ามกันมานาน สรุปเขาน้อยใจแจจุง
ไม่ใช่ซะหน่อย !!!
คนเถียงกับตัวเองหยุดคิดชั่วครู่ แล้วก็อดบ่นแจจุงอีกรอบไม่ได้
“ไอ้ฟู ... นายนี่มันแย่จริง ๆ”
“เออ แย่แล้วไงล่ะ!!”ไอ้ฟูสวนกลับเป็นภาษาแมว ตะกี้รู้สึกแปลก ๆ พอยุนโฮไม่เดินมาง้อแล้วมันก็แปลก ๆ หรือว่าไอ้หมีนี่มันจะเหนื่อยกับเขา?”ไม่ต้องง้อ ไม่ต้องมาตาม!!!!”
“ต้องการจะสื่อไรของนายเนี่ยแจจุง”ยุนโฮยังเข้าสู่ภาวะฟังภาษาแมวไม่ออกต่อไป
“ไม่เข้าใจใช่มั้ยล่ะ ไม่เข้าใจก็ไปก็ได้!!!”ร่างเล็กเถียงเสียงหลง ไม่เข้าใจตัวเองมากขึ้นทุกที อีโรคแพร่ระบาดที่เขาเวิ่นเว้อไว้ตอนแรก ๆ ท่าทางจะมีผลร้ายแรงกว่าที่เขาคิด ...มันทำให้แจจุงรู้สึกสับสน แล้วก็กำลังคิดไปเองว่าเขางอนยุนโฮอยู่ ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้เลยแม้ซักนิด ยุนโฮขมวดคิ้ว แต่เมื่อเห็นแจจุงหันหลังวิ่งออกไปนอกบ้านก็ทำตาโต
“จะไปไหน!!!”
“หนีออกจากบ้าน!!”มีใครบ้างที่หนีออกจากบ้านแล้วประกาศเสียโจ่งแจ้งแบบนี้ มีการชะงักนิดหน่อยเพื่อรอดูปฏิกิริยาของชองยุนโฮ ร่างสูงสาวเท้าตามมาแล้วจะคว้าแจจุงขึ้นมากอด แต่แมวขาวก็กระโดดหนีอย่างเล่นตัว
“จะหนีเหรอแจจุง!!”คู่นี้ ... ไม่ปกติสินะ”ฉันรู้ว่านายมันน่ารำคาญ ขี้งอน เอาแต่ใจ เล็บคม ข่วนเจ็บ แต่นายต้องอยู่กับฉันต่อนะ ฉันไม่ให้นายไปไหน”
“ไอ้ยุนโฮ!!”คนถูกด่าหยุดกึก หันตัวมาจ้องหน้ายุนโฮที่อยู่ในระดับเดียกวันเพราะแจจุงปีนขึ้นมาบนกำแพง ยุนโฮหยุดยืนอยู่ตรงประตูบ้าน แจจุงหยุดยืนอยู่บนกำแพงบ้าน ทุกอย่างหยุดนิ่ง และแล้วยุนโฮก็กระแอมเสียงขรึมเหมือนพร้อมจะทำอะไรบางอย่างmเจ้าตัววางแผนไว้นานแล้ว
“ไม่ให้เธอไป~~”เสียงประหลาดล้ำถูกเค้นออกมาจากลำคอของชองยุนโฮเพื่อบรรเลงเป็นเสียงเพลงอันไพเราะ แจจุงถึงกับเหวอ”I never let go ~ Don’t walk aways~”
“ยุน..ยุนโฮ?”นี่มันยุนโฮตัวจริงหรือเปล่า หรือว่าโรคระบาดที่เขาคาดไว้ตอนแรกนั่นจะเป็นเรื่องจริง?
“You better run ~ run ~ run ~”ยุนโฮชักจะเอาใหญ่ เห็นฮีชอลเปิดเพลงนี้แล้วเต้นตามเลยเอาบ้าง
“พอได้แล้ว จบได้แล้วยุนโฮ ฉันกลับมาก็ได้”แจจุงขอยอมแพ้
คราวนี้ยุนโฮย่อตัวลงรับแจจุงขึ้นมากอดสมใจ ทำเหมือนอุ้มลูกรักที่ห่างหายไปนาน ร่างสูงทำท่าจะก้มลงหอมแจจุงซักฟอดแต่ก็ชะงักกึก เขาไม่เคยทำแบบนี้นี่หว่า มีแต่ซีวอนมันที่ทำแบบนี้ ไม่ว่าจะแมวหรือคนก็เอะอะหอมแก้ม หรือไม่ก็กอด
แล้วนี่เขาเป็นอะไรวะ เขาอยากให้แมวที่ขี้งอน เอาแต่ใจ น่ารำคาญอยู่กับเขาต่อ แล้วทำไมเขาต้องตามง้อแจจุงแบบนี้ด้วยล่ะ อย่าบอกนะว่าเขากำลังหลงรักแจจุงลึกซึ้งแบบนั้นน่ะ !? ไม่จริงใช่ไหม ไม่จริง ...ไม่จริง ...ไม่จริง....
“ไอ้หมียุนโฮ!!!!”
เสียงเหมียว ๆ ปลุกให้ยุนโฮฟื้นคืนสติ บางทีเขาอาจจะบ้าไปแล้วจริง ๆ ก็ได้ ไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าปล่อยแมวขาวนั่นลงไปจากอ้อมกอดตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วก็ไม่รู้ตัวด้วยว่าเขาเอาหัวไปโขกผนังบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ พอมองไปที่ถนนข้างหน้าก็เห็นคนทั่วไปที่เดินผ่านไปมามองมาที่เขาอย่างงง ๆ ยุนโฮรีบเอาหัวออกจากผนังแล้วส่งยิ้มแก้เก้อ ก่อนที่มือจะคว้าแจจุงเข้ามาในบ้านอย่างรวดเร็ว
“กูจะบ้าตาย”อดบ่นเบา ๆ ไม่ได้ ..อยากจะบ้าจริง ๆ นะ เขาอาจจะเพี้ยนไปแล้วก็ได้ที่คิดไปเองว่าเขากำลังชอบแจจุงอยู่ ไม่มีทางซะหรอก .. สงสัยไอ้การโขกหัวตะกี้คงเป็นการทำให้ความคิดพิลึกทั้งหมดออกไปจากสมองของเขาล่ะมั้ง แจ่มใสขึ้นตั้งเยอะ”ไอ้ยุนโฮ ใจเย็น ๆ สิวะ ใจเย็น ๆ อย่าคิดอะไรเพ้อ ๆ ....”
แจจุงก็ได้แต่งง สรุปยุนโฮเป็นอะไร ??
แปลกต่อเนื่องมาถึงตอนเย็นกันทีเดียว
บางที...ยุนโฮอาจจะเป็นบ้าจริง ๆ ก็ได้
ใครกันนะดลจิตดลใจให้แจจุงทนอากาศร้อนในเดือนมิถุนายนไม่ไหวจนตัดสินใจอาบน้ำเป็นรอบที่สามของวัน ทั้ง ๆ ที่เขาไม่อาบน้ำทั้งวันก็ยังได้(??) มันก็ไม่แปลกอะไรมากมายหรอกใช่ไหมกับการที่แจจุงอาบน้ำ
เขากำลังนั่งทำงานงก ๆ อยู๋ในห้องนอนตัวเอง แล้วห้องน้ำมันดันอยู๋ใกล้ห้องเขา แล้วเสือ้ผ้าแจจุงก็มากองอยู่ในห้องเขา
แล้วไหงแจจุงต้องมาเดินใส่ผ้าเช็ดตัวตัวเดียวอยู่แบบนี้ด้วยวะ !!!!
“ร้อน ... ร้อน ... ร้อน ...”มีซาวด์เอฟเฟ็กต์บ่นพึมพำมาเป็นกระสาย ยุนโฮนั่งพิมพ์ต๊อกแต๊กต่อไป ขึ้นบทใหม่มาได้ตอนนึง...คืบหน้าไปแค่หนึ่งบรรทัด มือใหญ่ตะครุบกระจกเงาบานเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะลงอย่างว่องไวเมื่อเห็นอะไรขาว ๆ แวบผ่านไปมา ยุนโฮรัวนิ้วใส่คีย์บอร์ดจนอ่านไม่เป็นคำ เครื่องเอชพีตัวเก่งเริ่มร้องประท้วงดังตึ่ง”ร้อนชิบหาย...”
แจจุงยังไม่เลิกบ่น ดีนะที่ห้องยุนโฮเปิดแอร์เย็น ๆ ไว้เลยหลบมาเย็นในนี้ได้ เย็นไม่พอก็ต้องถอดเสื้อ กำลังมอง ๆ อยู่ว่าจะใส่อะไรต่อไปดี ทำไมสี่โมงเย็นมันร้อนแบบนี้วะ
หารู้ไม่ ว่าเขากำลังทำให้เพื่อนร่วมห้องร้อนหนักกว่าเดิม
มือขาวค้นกองเสื้อผ้าจนมันเละไปหมด สุดท้ายก็หยิบเสื้อกล้ามสีดำขึ้นมาใส่ กางเกงก็เป็นบ็อกเซอร์สีดำเพิ่มความเย็นแก่ชีวิต แจจุงใส่เสื้อผ้าจนเสร็จแล้วกระโดดลงนอนบนเตียงนุ่ม ๆ หลับตาซึมซับความเย็นสบายของแอร์อย่างซาบซึ้ง ในใจก็นึกขอบคุณคนคิดแอร์ขึ้นมาให้โลกนี้ได้ใช้ เสียงรัวคีย์บอร์ดที่เมื่อครู่หยุดไปพักนึงดังขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ระรัวเร็วจนคนเคลิ้ม ๆ รู้สึกรำคาญ
“ยุนโฮ~ หยุดพิมพ์ รำคาญ~”แจจุงส่งเสียงเบา ๆ ขอ คราวนี้ยุนโฮก็เกิดรีแอคชั่นที่มากกว่าเดิม เลหือบตาไปนิดหน่อยก็ทำเอาขนหลังคอลุกชัน เห็นแอะไรขาว ๆ ตัดกับเสื้อสีดำนั่น ...โอ้เย ใจสั่นไปหมด ไม่รู้เสียด้วยว่าสั่นเพราะอะไร
ข้อสันนิษฐานที่ยืนยันเมื่อเช้าว่าเขาไม่ชอบแจจุง...ได้เป็นหมันก็คราวนี้แหล่ะ
ยิ่งพูดเสียงอ่อน ๆ แบบนี้ยิ่งเอาเข้าไปใหญ่ ปกติเจอแต่แจจุงมาดโหดเหี้ยม แบบนี้ก็มีปรับตัวไม่ทันเหมือนกันนะเฟ้ย!!!
“สี่โมงครึ่งจะนอนอะไร”ถามไปก็ไม่ได้อะไร ยุนโฮรู้ดี”เดี๋ยวลงไปทำกับข้าวได้แล้ว”
“ไม่เอา จะนอนนนนน”ลากเสียงเสียยาว แถมปัดหน้าที่แม่บ้านออกจากตัวเสียอีก ร่างสูงกดเซฟงานแล้วพับหน้าจอแล็ปท็อปสีดำเครื่องโปรดลงแล้วเดินมานั่งที่ริมขอบเตียงจนมันยุบยวบ แจจุงดึงตุ๊กตาหมีปลายเตียงมากอดไว้เสียแน่น นัยน์ตาคู่สวยคู่นั้นหรี่ปรือด้วยความง่วง ไหล่มนที่โผล่พ้นออกมา ...ยิ่งกระตุ้นให้หัวใจของชองยุนโฮสั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหว“มีมือมีตีนก็ทำกับข้าวไปเด่ะ”
แต่ปากก็ยังเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน
“แจจุง ....”ชองยุนโฮโน้มตัวลงไปจนลมหายใจเป่ารดกัน แจจุงครางในลำคอเสียงดังอืออา ไม่ได้ใส่ใจ ...เนื่องด้วยไม่ได้ลืมตาขึ้นมาดูว่าอีกฝ่ายอยู่ใกลชิดเพียงใด”ไม่ลงไปจริงน่ะ?”
“เออ”แอบแปลกใจตงิด ๆ ว่าทำไมเสียงยุนโฮมันดังใกล้จัง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ยุนโฮมองเสี้ยวหน้านั้น ชั่ววินาทีที่นัยน์ตาคมสะท้อนออกมาเป็นสิ่งที่เจ้าตัวไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่ามีมันดำรงอยู่ ชองยุนโฮหลงใหลคิมแจจุง...?”ไปไป๊”
“งั้น....”ร่างสูงยิ้มกริ่ม จินตนาการนักเขียนเริ่มทำงานเกินกำลัง และก็เริ่มทำงานเกินคำสั่งเสียด้วย แล้วตอนนี้ ... เจ็บหน้าอกจังแฮะ สงสัยหัวใจจะเต้นแรงไปหน่อย จะเต้นทำติ๊ดไรก็ไม่รู้ รู้มั้ยว่ามันก็เจ็บ ๆ ตรงคอเหมือนกันนะ”นอนด้วยคนนะ”
“อือ~”แจจุงขานรับ ก่อนที่คำพูดนั่นจะถูกย่อยทัน แต่เมื่อคิดออกทันว่ายุนโฮขออะไรก็ไม่ทันเสียแล้ว ร่างสูงล้มตัวลงนอนแล้วจัดการรวบอีกฝ่ายเข้ามาในวงแขนทันควัน แจจุงทำตาโต แต่แก้มก็อดแดงขึ้นมาไม่ได้”ไอ้หมี!!!”
“ครับ?”มีขานรับด้วยแฮะ
“ปล่อย จะทำกับข้าว!!!”แจจุงยกข้ออ้างข้าง ๆ คู ๆ ที่หล่นลงข้างทางไปแล้วขึ้นมาใช้ใหม่ ซึ่งก็คงไม่ทันเสียแล้ว จิตสำนึกที่ดีสั่งให้เขาเล่นตัว และเล่นตัวแต่พองาม อีกซักแป๊บค่อยโอนอ่อนให้ใหม่ ...ยอมรับก็ได้ว่าว่าแอบ ๆ ...แอบเท่านั้นนะ แอบรู้สึกดีเหมือนกันกับกอดของหมีตัวนี้”ปล่อยน่า...”
“นอนเหอะ อากาศหนาว”
“ใครให้ปรับแอร์ต่ำล่ะ”แจจุงจิกกลับเล็ก ๆ แต่ก็ยอมนิ่งในที่สุด พยายามใช้คำว่าง่วงมาเป็นเกราะกำบังในการยอมรับว่าเขายินยอมให้ชองยุนโฮกอดอย่างเต็มใจ .. ใช่แล้ว อากาศมันหนาวหรอก แอร์เย็น ทำให้เขาเคลิ้ม ..แล้วอารมณ์ก็พาไป เขาไม่ได้สมยอมเลยแม้ซักนิด ยุนโฮแอบใช้ฝ่าเท้าสะกิดผ้าห่มปลายเตียงออกไปอย่างแนบเนียน ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำแบบนั้นเหมือนกัน”ง่วงแล้ว”
“ไม่กินข้าวเหรอ?”ยุนโฮยังคงถาม ไม่หรอก กลัวแจจุงหลับแล้วอดคุยกัน
“ดึก ๆ หิวก็คงลุกขึ้นมากินเอง”แจจุงตอบง่ายแสนง่าย ร่างบางพลิกตัวกลับ ซุกใบหน้าหวานลงกับอกอีกฝ่ายอย่างสบายใจ ยุนโฮเองก็ไม่ได้ตกใจเพียงแต่กระชับอ้อมกอดให้มากขึ้น ทั้งสองคนทำเหมือนเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ทำกันเป็นประจำเหมือนกับการกินข้าวตอนหิว หรือไม่ก็การลืมตาหลังตื่นนอน
ลืมกันไปแล้วสินะว่ายืนยันกับตัวเองไปว่ายังไง
ทั้งคู่นั่นแหล่ะ ไม่ต้องมาเถียง
เพิ่งรู้ว่าการกินข้าวคนเดียวมันเปลี่ยวใจสุด ๆ เมื่อเจอมากับตัว ถ้าหากในอดีตคิมฮีชอลเคยกินข้าวคนเดียวมาก่อน มันก็คงจะนานจนจำไม่ได้แล้วเพาะตอนนี้ฮีชอลกำลังนั่งเขี่ยข้าวในจานอย่างซังกะตาย นี่มันก็สามทุ่มแล้ว ขึ้นไปตามแจจุงกับยุนโฮมารอบนึงก็พบว่าห้องล็อก น่าสงสัยว่าทำอะไร แต่เมื่อเอาหูแนบปุ๊บก็ไม่มีเสียง ... ได้แต่คิดไปเองว่าหลับไปแล้ว สุดท้ายเลยลงมานั่งตีชามข้าวคนเดียวข้างล่าง
ไม่มีใครกินด้วย อยู่คนเดียวตั้งนาน แล้วดู นี่มันก็จะดึกแล้ว ไอ้คุณซีวอนก็ยังไม่เสด็จกลับจากงานของน้องยุนอาอะไรนั่น
ยิ่งคิดถึงคนยังไม่กลับยิ่งรู้สึกแย่ ร่างบางถอนหายใจแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แข็ง ๆ แสงสีเงินของช้อนส้อมที่วางอยู่บนจานดูพร่าเลือน ท้องก็ร้องนิด ๆ แต่เขาก็กลับกินข้าวไม่ลง กับข้าวหน้าตาน่าทานฝีมือแจจุงวางเรียงรายเหมือนปกติ แต่เขาก็ทำใจกินมังลงไปไม่ได้
สงสัยจะชินกับการกินข้าวแบบสี่คนมากไปแล้วสิ
อย่าลืม ... ว่าต้องมีซักวันที่เขาต้องนั่งกินข้าวคนเดียวแบบนี้
นั่งเขี่ยจานไปได้ซักพักก็ได้ยินเสียงรถ ว่าจะไม่ออกไปเปิดประตู แต่ใจก็โอนอ่อนจนเขาอดเดินออกไปไม่ได้ ร่างบางสาวเท้าผ่านห้องแต่ละห้องของบ้านไปด้วยความรวดเร็วราวติดปีก แต่เมื่อมายืนหน้าประตูจริง ๆ ก็อดใจเต้นไม่ได้ ได้แต่โทษตัวเองว่าทำไมถึงได้ใจเต้นบ้า ๆ แบบนี้ ประตูเปิดออกก่อนที่เขาจะทันได้แตะลูกบิด ซีวอนก็เดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่เหมือนปกติเช่นทุกที เมื่อเห็นร่างบางยืนรออยู่ รอยยิ้มก็แผ่ออกมาจนเกิดลักยิ้มที่แก้ม รอยยิ้มที่ฮีชอลชอบมอง
“กลับมาแล้วครับ”
คำนี้สินะที่ทำให้รู้สึกอบอุ่น ฮีชอลมองไปที่อีกฝ่ายแล้วก้มหน้าลงต่ำ ปากก็พึมพำตอบรับเบา ๆ ซีวอนคว้ามืออีกฝ่ายแล้วลากให้เดินไปด้วยกัน ร่างบางเองก็ไหลไปตามแรงดึงอย่างไม่อิดออด ก่อนที่จะมุ่นหัวคิ้วเมื่อได้กลิ่นดอกไม้จาง ๆ ที่เหมือนกับน้ำหอมผู้หญิง รู้สึกตัวชาขึ้นวูบหนึ่งอย่างน่าตกใจเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ที่ผู้ชายหนึ่งคนมีกลิ่นน้ำหอมหวาน ๆ ติดตัวมาขนาดนี้
“กินข้าวรึยังน่ะฮีชอล?”ซีวอนถามขึ้น ร่างบางส่ายหัว พยายามฝืนยิ้มให้ดูเหมือนไม่หิว แต่ความรู้สึกที่กำลังหมุนวนในใจกำลังเร่งตัวเป็นพายุพัด ยิ่งมองหน้าอีกฝ่ายมากเท่าไหร่ยิ่งรู้สึกขมในอก”แย่จัง...ผมกินข้าวมาแล้วด้วยสิ งั้นเดี๋ยวฮีชอลไปกินก่อนมั้ย?”
ไม่ผิดอย่างที่คาดเลยสินะ ร่างบางคิด รู้สึกหิวบ้าง แต่ไม่ได้มากขนาดนั้น ยิ่งมาเจอซีวอนเป็นแบบนี้ก็แทบจะหายหิว ฮีชอลพึมพำตอบรับไปอีกนิดหน่อยแล้วรีบเดินหนีไปที่โต๊ะอาหาร ข้าวเย็นชืดถูกตักใส่ปากช้า ๆ แต่กินไปได้สองสามคำก็กินต่อไม่ลง พอมองไปที่กองอาหารก็ตัดสินใจกวาดใส่ตู้เย็น จานรอยุนโฮถูกแจจุงบังคับล้าง กอง ๆ ไว้ในอ่างแบบนั้น สุดท้ายก็มานั่งจุ้มปุ๊กอยู่หน้าทีวี
มือกดรีโมทไปมาหาช่องที่พอจะดูไปได้ แต่ดูรายการตรงหน้าไปมาก็ไม่เห็นจะรู้เรื่อง ได้ยินแต่เสียงใครบางคนกำลังอาบน้ำอยู่ห่าง ๆ ฮีชอลถอนหายใจเฮือก นับวันเขายิ่งจัดการกับความรู้สึกบ้า ๆ ในใจนี่ไม่ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
เรื่องนี้มันเข้าใจยาก
เขาชอบซีวอน
แต่ยิ่งเห็นในสิ่งที่อีกฝ่ายปฏิบัติต่อเขา และปฏิบัติต่อคนอื่นยิ่งหวาดระแวง เขากลัวว่าความอ่อนโยนที่มีให้เขาจะเป็นแค่นิสัยปกติของอีกฝ่าย กลัวว่าจะเป็นเขาเองที่คิดไปคนเดียวว่าซีวอนจะมีใจให้
กลัวอดีตที่เจ็บปวดมันจะซ้ำรอยกลับมาอีกครั้ง
บางทีก็แอบคิดว่าถ้าหากสารภาพออกไปดีไหม แต่เขาก็มองไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรดีขึ้น กลัวว่าซีวอนอาจจะปฏิเสธกลับมา ดีขึ้นหน่อยก็อาจจะใจตรงกัน แต่อะไรที่เร็วเกินไปก็ไม่เคยดี เขาพิสูจน์มาแล้ว ก็เรื่องแชยอน ทุกอย่างมันเร็วจนน่ากลัว และสุดท้ายมันก็จบลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ปล่อยให้มันจบไปจะดีไหมนะ ?
ภาพของนาฬิกาทรายที่คยูฮยอนให้มาวาบขึ้นในหัวสมอง พร้อมกับคำเตือนที่แทบจะแปะป้ายไว้ในหัวสมองของเขาที่ว่ายังไงก็ต้องความจำเสื่อม ถึงแม้จะไม่แน่ใจว่ามันจะจริงมั้ย เพราะอีกฝ่ายก็เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องสนุกอยู่แล้วนี่หว่า ไม่แน่มันอาจจะแกล้ง ๆ ให้พวกเขาใจเสียเล่นก็เป็นได้ ไม่มีอะไรแน่นอนอยู่แล้ว ขนาดเรื่องที่เขาเป็นแมวที่ยังเกิดขึ้นได้เลย
จะว่าไป .... เรื่องนี้มันก็ทำให้ชีวิตเขาเกิดเหตุการณ์อะไรบ้า ๆ ขึ้นตั้งเยอะ
“คิดอะไรอยู่?”เป็นปกติสำหรับการโผล่มาโดยไม่ทันตั้งตัวของชเวซีวอน ฮีชอลชินเสียแล้วล่ะ ร่างบางยังคงมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย รับรู้แต่เพียงลาง ๆ ว่าที่นั่งข้าง ๆ ตัวยุบลงไปเพราะมีคนมานั่งด้วย ซีวอนมองเสี้ยวหน้าที่ดูครุ่นคิดของฮีชอลแล้วอดรู้สึกสงสัยขึ้นมาไม่ได้ว่าคน ๆ นี้กำลังคิดอะไรอยู่ข้างใน“พักนี้ดูเงียบ ๆ ไปนะ”
“ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่”ไอ้คำว่าไม่เป็นอะไรของฮีชอล ทั้งสองคนรู้ดีว่ามันหมายถึงเป็นอะไรนั่นแหล่ะ ฮีชอลหันไปมองหน้าอีกฝ่ายเต็ม ๆ ยิ่งเผชิญหน้ากันยิ่งรู้สึกว่าความรู้สึกบางอย่างข้างในยิ่งล้นทะลักออกมาจนอึดอัด”...ทำไมเหรอ?”
ในหัวมีคำว่า’ห่วงกันด้วยเหรอ’ขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้พูดมันออกไป ซีวอนตั้งท่าจะถามต่อแต่ก็เงียบไป ผ้าขนหนูถูกนำมาเช็ดศีรษะเป็นการหาอะไรทำไปพลาง ๆ ยิ่งเงียบมากเท่าไหร่ความคิดบ้า ๆ ยิ่งก่อตัวขึ้นมาในหัวของคนที่วุ่นวายใจมาทั้งวัน สุดท้าย สิ่งที่หลุดปากออกไปก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดที่สุด
“ซีวอน?”
“หือ?”คนกำลังเช็ดผมขานรับ ฮีชอลเงียบไปซักครู่ ก่อนที่จะถามออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา ทว่ารวดเร็วจนแทบจับใจความไม่ทัน
“ชอบฉันใช่ไหม?”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความเร็วในการอัพเหลือนิดนึง ... = =b
คือแบบ ..ซ้อมโคพถี่มาก ขึ้นวันที่ 9 นี้แล้วด้วย TOT !! (มีนโคพโซนยอชิแดเน้อ เป็นการชั่วคราว เพื่อนบอกว่าหาคนไม่ได้ ไม่ทันแล้ว 5555)
ตอนนี้ฮายุนแจ น่ารักมั้ย 5555
ทำปกไปหน่อยนึง ได้ออกมาแบบนี้
http://i925.photobucket.com/albums/ad97/meaninz/coverreal.jpg
ทำไมรู้สึกว่ามันไม่สวย ... TAT
กลับมาอย่างอืดอาด =[]= เค้าขอโทษษษษษษ
แอบส่งความอึมครึมมาเป็นที่น่าพอใจ (แอ๊ฟฟฟฟฟฟ) น่ารักกันล่ะเซ๊ คิคิ
ตอนนี้โดนจับไปเต้นASแทน แต่ขอพักก่อน โดยให้เหตุผลว่าจะเรียนแล้ว แต่ที่จริง ... อยากแกะโบนามาน่า !!
โคตรชอบเพลงเหอะ ตันตะหลั่นตันตัน ~ ยิ่งท่าสะบัดกระโปรง เจ๋งโคตรรร (ถึงแม้ฟังและดูครั้งแรกจะขำไม่หยุดก็ตาม - -)
หนุ่มสาวเอย พวกเธอว์จงเสพโบนามาม่าโบนามาน่า !!!
อนึ่ง ซื้อบั้มสี่ไปสี่อัน อิยะ TOT
อสอง เปิดเทอมวันที่สิบเจ็ด ระวังสปีดในการอัพจะห่วยแตก TOT
ความคิดเห็น