ประสบการณ์ลดน้ำหนักด้วยตัวเอง เดือนละ 10 กิโลฯ

ลำดับตอนที่ #32 : จิตใจที่แจ่มใสเกี่ยวอะไรกับการลดน้ำหนัก ( 2 )

                            หมายเหตุ    เขียนวันที่  22 เม.ย. 48                           หนัก  82.4  กิโลกรัม







                           เรามาต่อกันเลยนะครับ กำลังถึงตอนที่สำคัญ คือเทคนิคการเปลี่ยน\"ปมขัดแย้ง\" ทั้ง 2 ข้อในตอนที่แล้วให้กลายเป็น \"ส่วนเสริมสร้าง\"แทน   แล้วเราจะเปลี่ยนข้อไหนดีครับ  ใช่แล้วครับ  เราก็ต้องเปลี่ยนข้อที่ 2 เป็นคำตอบสุดท้ายไงครับ เรามาทบทวนข้อ 1 กันนะครับ



                          1. คนที่อ้วนและอยากลดน้ำหนักจะมีความรู้สึกที่ว่า อยากจะทำให้รูปร่างดีและสุขภาพดีด้วย ที่สำคัญคือ ไม่กลับมาอ้วนอีก

                           ส่วนข้อ 2 ต้องเปลี่ยนไปเป็น



                          2. ถ้าจะไม่ให้เสี่ยงต่อสุขภาพ ต้องลดลงมาทีละนิด อย่างต่อเนื่อง และควรใช้เทคนิค การเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย และการใช้พลังงานในช่วงวันให้ได้ดุลและเกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อเตรียมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจเข้าสู่โปรแกรมควบคุมน้ำหนักให้คงที่หลังจากออกจากโปรแกรมลดน้ำหนักแล้ว และบริหารการใช้พฤติกรรมเหล่านั้นไปจนตลอดชีวิต



                          ถ้าเราเข้าใจส่วนเสริมสร้าง 2 ข้อนี้ล่ะก็ ความเครียดจะหายไปโขทีเดียว แล้วเราจะมีความสุขมากขึ้นกับการเริ่มต้นโปรแกรมลดน้ำหนักของตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ ความสุขที่เกิดจากการเข้าใจตรงนี้ทำให้ได้ประโยชน์มหาศาล โดยเฉพาะคนที่อยากลดน้ำหนักในปริมาณมากตั้งแต่ 20-30 กิโลกรัมอย่างผม เพราะการลดน้ำหนักที่ยาวนานขนาดนี้มันจะมีอะไรต่อมิอะไรเข้ามากระทบเราหลายอย่างตั้งแต่ต้นจนเกือบจบโปรแกรมเลยครับ ตัวอย่างเช่น



                          ในช่วงต้น ตอนที่น้ำหนักเพิ่งเริ่มลด จาก 107 เป็น 104 ซึ่งเป็นช่วงที่มีคนเห็นว่าเราเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกิน แต่รูปร่างของเรายังเหมือนเดิม คือกว่าคนอื่นจะสังเกตว่าผมผอมลง ก็ตอนที่ผมลดไปแล้ว 15 โล ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือนกว่าทีเดียว แล้วพอมีคนทักว่าไม่เห็นลดเลย มองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงเลย อันนี้ก็ต้องเข้าใจว่า มันค่อยๆลงทีละนิด ความเข้าใจตรงนี้จะทำให้เรามีความสุขอยู่ได้ถึงจะมีคนทักว่า มองดูแล้วไม่เห็นได้ผลเลย



                           พอผ่านช่วงต้นไปมาถึงช่วงกลาง ซึ่งเป็นช่วงที่มีคนหลายคนเริ่มสังเกตเห็นแล้วว่ารูปร่างของเราเริ่มผอมลง ตรงนี้สิครับที่ถ้าไม่เตรียมความเข้าใจให้พร้อม เราเองก็คงเครียดเหมือนกัน เพราะการลดน้ำหนักในปริมาณมากๆ ยังไงคุณก็ซ่อนไม่ให้คนอื่นเห็นไม่ได้หรอกครับ แล้วหลายคนก็จะเข้ามาถามว่า ทำยังไง มีสูตรอะไรบ้าง ช่วงนี้เป็นช่วงของการตอบคำถามแบบนี้ค่อนข้างบ่อย อีกอย่างหนึ่งก็มีการถามว่า เดี๋ยวก็อดหันมากินเหมือนเดิมไม่ได้หรอก อันนี้ก็กลัวๆอยู่เหมือนกันนะครับ ผมว่าหลายๆคนที่ลดน้ำหนักกลัวปัญหานี้ทุกคนแต่อาจจะต่างกันแต่เพียงว่า กลัวมาก กลัวน้อย ถ้าไม่ระวังดีๆล่ะก็ โรคเครียดถามหาได้เลยครับ แต่ถ้านึกถึงส่วนเสริมสร้างทั้ง 2 ข้อของเรา มันจะทำให้เราเชื่อมั่นมากขึ้นว่า เรามาถูกทางแล้วนะ มีโอกาสน้อยมากที่เราจะกลับมาอ้วนอีก ถ้าคิดแบบนั้นได้จะทำให้เรามีจิตใจที่แจ่มใสขึ้นมาอีกครั้งและมันจะคอยประคับประคองให้เราทำอย่างต่อเนื่องต่อไป



                          ส่วนช่วงปลายๆนี้ พอหลายคนเชื่อมั่นว่า เราทำได้แล้ว มันก็จะเริ่มมีคำเตือนตามมาอีกส่วนหนึ่งคือ  ระวังโยโย่บ้างล่ะ  ต่อไปจะต้องกินแต่อาหารแคลอรี่ต่ำจนเป็นโรคขาดสารอาหารตายบ้างล่ะ ต่อไปถ้าจะกินอะไรเราต้องล้วงคอให้อ้วกออกมาบ้างล่ะ แล้วก็มีอย่างอื่นอีกเพียบเลยครับ ถ้าเราไม่ตั้งมั่นกับส่วนเสริมสร้างทั้ง 2 ข้อนั้น แล้วประคองความสุขและจิตใจที่แจ่มใสให้ได้ล่ะก็อาจเครียดได้กับคำเตือนเหล่านี้ เพราะลึกๆแล้วเราเองก็กลัวเหมือนกันนะ ไม่ใช่ไม่กลัว แต่ส่วนเสริมสร้างทั้ง 2 ข้อจะคอยย้ำเตือนว่า เรามาถูกทางแล้ว สนุกกับมันเหมือนเดิมนะ ทำให้จิตใจของเรายังแจ่มใสอยู่ได้ และมันยังคอยประคับประคองให้เราทำได้อย่างต่อเนื่องจนน้ำหนักยังลงอยู่หยั่งกับเรานั่งพล็อตกราฟเลยครับ



                          พอมาถึงตอนนี้ผมเองก็ไม่เคยคิดเลยว่า เวลา 2 เดือนครึ่ง กับการลดน้ำหนักไป 24 กิโลกรัม จะทำให้มีคนคิดเกี่ยวกับตัวเราได้อย่างหลากหลายมากมายขนาดนี้ คือถ้าไม่ลดเองจะไม่รู้หรอกครับว่า เรื่องจิตใจที่แจ่มใสกับการประคับประคองไม่ให้ตัวเองเครียดจนกว่าจะออกนอกโปรแกรมของตัวเองนั้นมันสำคัญแค่ไหน