ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ข้อมูลแนวแฟนตาซี ( เหมาะกับนักเขียนที่ต้องการหาข้อมูล )

    ลำดับตอนที่ #32 : ตำนานของ Norse VIII - เทพคู่แฝดเฟรย์ และเฟรย่า

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 969
      0
      12 ต.ค. 49


            
              


    เฟรย์ ( Frey ) และเฟรยา ( Freya )


    เทพสององค์ที่จะพูดถึงต่อไปนี้ เป็นเทพต่างวงศ์ที่มาอยู่บนแอสการ์ด แต่ก็มีบทบาทไม่น้อยเลย เฟรย์และเฟรยา ต่างก็เป็นลูกชายลูกสาวของนจอร์ด เทพแห่งสายลมและท้องทะเล เทพวงศ์วาเนอร์ที่แลกตัวมาอยู่แอสการ์ด ตำนานหนึ่งว่ามารดาของพวกเขาคือเนอร์ธัส ( Nerthus ) พี่หรือน้องสาวของนจอร์ดเอง ซึ่งเมื่อนจอร์ดถูกแลกให้มาอยู่แอสการ์ด มันเป็นเวลาที่การแต่งงานระหว่างพี่น้องด้วยกันกลายเป็นที่รังเกียจไปเสียแล้ว ภรรยาของนจอร์ดก็เลยไม่มาด้วยคงปล่อยให้สามีกับลูกมาแทน ส่วนตัวนางนั้นไม่เคยปรากฏตัวที่แอสการ์ดเลย เป็นเหตุให้สามีต้องได้ภรรยาคนที่สองคือยักษ์สกาดิ ทีนี้เรามาว่าเรื่องเทพเฟรย์กันก่อน

    เฟรย์ ( Frey )


    เฟรย์เป็นเทพแห่งอากาศดีและแสงอาทิตย์ (คนเหนือไม่รู้ว่าดวงอาทิตย์แผ่รังสีให้ความร้อน จึงแยกดวงอาทิตย์กับเทพแห่งแสงอาทิตย์เป็นคนละองค์) ธรรมชาติของการให้ทำให้เฟรย์เป็นเทพรูปงาม


    หลังสงครามระหว่างเทพอีเซอร์และวาเนอร์ ครอบครัวของเขาต้องมาอยู่แอสการ์ด เฟรย์เป็นเทพต่างวงศ์ที่มีโอกาสได้นั่งเป็นหนึ่งใน 12 ของท้องพระโรงแกลดสไฮล์ม รับหน้าที่ปกครองอาล์ฟไฮล์ม อาณาเขตของเอลฟ์และแฟรี่ ซึ่งนับเป็นที่ๆ เหมาะที่สุดสำหรับเทพแห่งแสงตะวันเช่นเขา


    เฟรย์เป็นเจ้าของอาวุธที่มีอานุภาพมากที่สุดถ้าไม่นับมจอลเนียร์ของธอร์ ดาบวิเศษของเฟรย์เมื่อชักออกจากฝัก มันจะต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามด้วยตัวของมันเอง พาหนะทรงพลังของเฟรย์คือหมูป่าขนทองกัลลินเบิร์สติกับเรือสกิดแบลดเนียร์ที่สามารถพับให้เหลือเล็กนิดเดียวเก็บไว้ในกระเป๋า


    ถึงเฟรย์จะเป็นเทพของแสงอาทิตย์ที่มีค่ามากที่สุดสำหรับชาวเหนือ แต่เขากลับต้องทนทุกข์กับความรัก และความรักนี่แหละที่ทำให้เขาต้องนิราศร้างไปจากชาวเหนือหลายเดือนในช่วงหนึ่งปี เรื่องนี้เป็นคำอธิบายว่าเหตุใดผู้คนถึงต้องผจญอากาศหนาวและความมืดมากกว่าจะพบเจอความอบอุ่น


    เรื่องมันเกิดขึ้นในวันหนึ่งขณะที่โอดินไม่อยู่ เฟรย์เดินเข้าในท้องพระโรงว่างๆ แลเห็นบัลลังก์ฮลิดสเกียฟตั้งตระหง่านก็เกิดความคิดซุกซน เขาไต่ขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์สูงสุดปรารถนาจะเห็นความเป็นไปของทุกโลกอย่างละเอียดจากที่นั่นเช่นเดียวกับโอดิน เฟรย์เขม้นมองไปยังดินแดนต่างๆ อย่าเพลิดเพลิน แต่พอหันไปยังทิศทางโจตันไฮล์มเท่านั้นเฟรย์ถึงกับชะงัก


    เขาเห็นธิดายักษ์น้ำแข็งเกอดา ( Gerda )  ยืนอยู่ตรงหน้าต่างปราสาทของนาง ใบหน้าของหล่อนงามราวกับเทพธิดา หมอกควันน้ำแข็งซึ่งลอยอ้อยอิ่งล้อมขอบภาพเพิ่มความงามราวกับหล่อนตกอยู่ในดินแดนแห่งความฝันทำให้เฟรย์ตะลึงงัน ตั้งแต่วินาทีเป็นต้นมา เฟรย์รู้อย่างเดียวว่าเขาไม่ปรารถนาสิ่งอื่นใดนอกจากนาง ทั้งๆ ที่รู้แก่ใจอีกด้วยว่ามันเป็นไปไม่ได้ เขาอยู่ในฐานะเทพชั้นปกครองของสวรรค์ การจะเอานางสาวยักษ์เข้ามาอยู่กินด้วยย่อมเป็นไปไม่ได้ และเขาก็แน่ใจว่ายักษ์ก็คงไม่ต้องการให้เทพอย่างเขาไปอยู่ในโจตันไฮล์ม


    เฟรย์กินไม่ได้นอนไม่หลับ ความทุกข์ทรมานของความรักที่เป็นไปไม่ได้ทำให้เฟรย์เปลี่ยนแปลงไป นจอร์ดพ่อของเฟรย์ต้องเรียกสเคอร์เนียร์คนสนิทของลูกมากระซิบถาม สั่งให้เขาหาสาเหตุรวมทั้งแก้ไขให้ได้


    เรื่องการหาสาเหตุนี่มันไม่ยากอยู่แล้วครับ เพราะเฟรย์เองก็อยากระบายให้ใครฟังเหมือนกัน เฟรย์บอกคนสนิทว่าเขาตกหลุมรักนางสาวยักษ์เข้าตนหนึ่ง เป็นรักแรกเห็นที่หักใจไม่ได้ เขาทุกข์เหลือเกินไม่รู้ว่ายักษ์สาวตนนั้นจะรู้สึกอย่างเดียวกับเขาหรือเปล่า ที่แย่กว่านั้นเขารู้ว่าความรักของเขามันเป็นไปไม่ได้ทั้งในสวรรค์และแดนยักษ์


    เฟรย์คอตกด้วยความเศร้า จู่ๆ ก็ฮึดสู้ เขาอยากรู้ว่ายักษ์สาวจะมีความรู้สึกเช่นเดียวกับเขาหรือไม่ จึงขอร้องสเคอร์เนียร์ให้เดินทางไปหาเกอดา ณ ดินแดนยักษ์ เทพอยากรู้เพียงว่าเกอดารักพระองค์บ้างหรือไม่ เฟรย์ลงทุนอ้อนวอนคนสนิทสัญญาจะให้รางวัลอะไรก็ได้ที่ผู้ถือสารต้องการ สเคอร์เนียร์ตกลง เขาขอดาบวิเศษของเฟรย์เป็นข้อแลกเปลี่ยน พร้อมกับม้าบโลดักโฮฟี ( Blodughofi )  ม้าวิเศษของเฟรย์ที่สามารถมองเห็นทางในความมืดและไม่กลัวไฟ


    รางวัลที่ทูตสื่อสารขอเล่นเอาเฟรย์อึ้งไปเหมือนกันครับ เฟรย์น่ะรักดาบวิเศษเล่มนี้มาก แต่ถึงจะเสียดายขนาดไหนเมื่อแลกกับสิ่งที่เพื่อนจะไปทำให้ เขาก็ตกลง สเคอร์เนียร์ออกเดินทางด้วยความเด็ดเดี่ยว ทิ้งให้เฟรย์นั่งรออยู่ในแอสการ์ดด้วยความหดหู่

    สเคอร์เนียร์เดินทางไปถึงปราสาทของ กายเมียร์ ( Gymir ) พ่อของเกอดา ยิ่งเข้าใกล้ เสียงหอนของหมาเฝ้าปราสาทลอยลมมาก็ยิ่งดังขึ้น เสียงของมันอันที่จริงก็คือตัวแทนของสายลมอันรุนแรงในฤดูหนาว สเคอร์เนียร์มองไปยังตัวปราสาทที่เห็นข้างหน้าตัดขอบฟ้าและแล้วก็เห็นสิ่งที่คาดไม่ผิด วงล้อไฟลุกสว่างล้อมรอบปราสาท สเคอร์เนียร์คิดถูกที่เอาม้าวิเศษของเฟรย์มา ความที่มันไม่กลัวไฟ เขาจึงเร่งฝีเท้ามันให้ลอดบ่วงเข้าไปในตัวปราสาท


    จะเป็นโชคของสเคอร์เนียร์ (หรือของเฟรย์) ก็ไม่รู้  ตอนที่สเคอร์เนียร์ไปถึงยักษ์กายเมียร์ออกไปล่าสัตว์ทิ้งให้เกอดาอยู่ลำพังที่ปราสาท เขาตามหาตัวนาวสาวยักษ์ต้นปัญหาเจอในเวลาไม่นานนักแล้วก็หว่านล้อมรำพันถึงความรักที่เฟรย์มีต่อนางตั้ง แต่แรกเห็นถึงขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับ สเคอร์เนียร์เอาชามใส่น้ำมาให้เกอดาถือแล้วเสกภาพเฟรย์ปรากฏในนั้นให้เกอดาดูว่าเจ้านายของตนรูปงามเพียงใด นางยักษ์รูปงามฟังความแล้วก็เฉยดูรูปหนุ่มแล้วก็ยังเฉย นางไม่สนใจเทพแห่งความอบอุ่นเพราะนางอยู่แต่ในแผ่นดินอันเย็นเยียบของน้ำแข็งจนคุ้นเคย เธอไม่ต้องการจากที่นี่ไปจึงไม่รู้สึกอะไรกับความรักของเทพแม้แต่น้อย ทูตสื่อสารเห็นไม่ได้การเลยเสนอจะเอาแอปเปิลแห่งความเยาว์วัยให้นาง 11 ผลเพื่อให้นางทรงความเยาว์วัยแบบเทพ เกอดาก็ยังคงไม่สนใจ นางวางชามน้ำแล้วเดินหนี สเคอร์เนียร์ถึงกับเสนอจะให้แหวนแบบเดียวกับของโอดินแก่นาง คราวนี้นางยักษ์หันมาตะเพิดสเคอร์เนียร์ด้วยความรำคาญ

    ความอดทนของสเคอร์เนียร์ขาดผึง เขาชักดาบวิเศษของเฟรย์ออกมากวัดแกว่งขู่ว่า หากเธอยังคงปฏิเสธยักษ์อาจจะต้องเดือดร้อน แต่เกอดาไม่กลัวเธอกลับรุกไล่ท้าทายทูตแห่งสวรรค์ กำลังที่สเคอร์เนียร์จะสิ้นท่า เขาก็เกิดนึกถึงอาวุธของตนขึ้นมาได้ มันเป็นไม้คทาที่สลักอักษรรูน อักษรศักดิ์สิทธิ์บันดาลความเป็นไป คราวนี้เขาคว้าไม้คทาอันนี้ขึ้นมาชูตรงหน้าเกอดากล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นเขาจะส่งเธอให้ไปอยู่ขอบโลก ที่ๆ ไม่มีอะไรเลยนอกจากประตูดินแดนแห่งความตาย หนาวเย็นโดดเดี่ยวและเปล่าเปลี่ยวตลอดกาล ก่อนไปเขาจะสาปให้เกอดากลายเป็นหญิงชราใบหน้าเหี่ยวย่นหน้าตาหน้าเกลียดหน้ากลัวจนแม้สัตว์ก็ไม่อยากเข้าใกล้ ว่าแล้วสเคอร์เนียร์ก็เริ่มควงคทา

    ท่าทางและความศักดิ์สิทธิ์ของอักษรรูนทำให้เกอดาเกิดกลัวขึ้นมาจริงๆ ละครับคราวนี้ เธอถอยหลังอย่างตกใจ ละล่ำละลักร้องห้ามยอมตกลงรับรักเทพเฟรย์ สเคอร์เนียร์สมใจล่ะคราวนี้ เขาคว้าข้อมือเกอดาจะให้นั่งม้าซ้อนท้ายกลับแอสการ์ดเหมือนที่เฟรย์บอก แต่เกอดาขืนตัว เธอขอเวลา 9 วัน อย่างน้อยก็ขอให้มีเวลาเตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงบ้าง แล้วเธอจะไปพบเฟรย์ที่ป่าบาร์รี ( Barri ) ของพวกเอลฟ์ยอมเป็นภรรยาของเขา


    สเคอร์เนียร์กลับมาแจ้งข่าวดีแก่เฟรย์ เขารู้สึกว่าเวลาเก้าวันนานเกินไปสำหรับเขา (ชาวเหนือเปรียบช่วงนี้เป็นเวลาเก้าเดือนที่พวกเขาต้องผจญอากาศอันเลวร้าย) แต่เมื่อไม่มีทางใดดีกว่านี้ ความอดทนก็เป็นทางเดียวที่เฟรย์ต้องทำ ในที่สุดเมื่อเวลามาถึงเฟรย์ก็พบเกอดาที่ป่าบาร์รี ตัวตนอันอ่อนหวานนุ่มนวลของเฟรย์เล่นเอายักษ์สาวอ่อนไหวไปเหมือนกัน ทั้งเฟรย์และเกอดาตกอยู่ในความรักซึ่งกันและกัน ทำให้ผืนป่าและท้องทุ่งที่แห้งแล้งเพราะความโศกเศร้าของเฟรย์กลับมีชีวิตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

    เฟรย่า ( Freya )

    เทพีแห่งความรัก


    ลูกสาวของนจอร์ดคนนี้เป็นเทพีแห่งความสมบูรณ์และความรักทางร่างกาย ไม่เหมือนฟริกก้าชายาแห่งโอดินตรงที่องค์นั้นดูแลความรักในชีวิตสมรสขณะที่เฟรยาดูแลให้แรงเร้าแห่งความรักยังคงอยู่ ชื่อของเฟรยานี่เป็นต้นเค้าของชื่อวันศุกร์ในภาษาฝรั่ง-( Friday ) นั่นล่ะ


    เฟรยาเป็นน้องสาวของเฟรย์ เป็นเทพต่างวงศ์ที่ขึ้นไปอยู่บนแอสการ์ด ซึ่งปรากฏว่าเธอกลายเป็นคนสวยที่สุดบนสวรรค์แห่งนั้น ผมของเธอสวยกว่าของซิฟและรูปร่างก็สง่างามกว่าฟริกก้า เฟรยากลายเป็นคนงามที่เทพีส่วนใหญ่อิจฉา และกลายเป็นที่หมายปองของเทพและบรรดายักษ์มากมาย


    วังของเฟรยาคือเซสริมเนียร์ ( Sessrymnir ) อยู่ในอาณาเขตของแอสการ์ด ที่นี่ยังเป็นที่อยู่ของบรรดาวิญญาณเมียเล็กเมียน้อยของเอนเฮเรียร์


    เฟรยาเป็นคนมีสองบุคลิก ด้านหนึ่งของความสวยงามเธอมีความอ่อนไหวของผู้หญิงเต็มเปี่ยมยามที่เธอปฏิบัติงานในหน้าที่เทพีแห่งความรัก เธอจะสวมเสื้อผ้าบางเบาเน้นให้เห็นร่างกายอันงดงาม แต่ในอีกบุคลิกหนึ่งเธอดุเหมือนเสือ ทั้งนี้เพราะเฟรยามีความรู้ในศาสตร์แม่มด รู้เรื่องพลังที่มีเหนือชีวิตและความตายสิ่งนี้เป็นสิ่งที่โอดินโปรดปรานมาก ขอเรียนจากเฟรยาและมอบตำแหน่งในเธอเป็นหัวหน้านางวัลคิรี นางฟ้าดำของพระองค์ เวลาปฏิบัติงานหน้าที่นี้หล่อนจะสวมเสื้อเกราะติดอาวุธแล้วขึ้นม้าพาบริวารลงไปโฉบเหนือทุ่งสงคราม เลือกวิญญาณผู้กล้าขึ้นหลังม้าแล้วกลับมาทางสะพานรุ้ง เฟรยาเป็นเจ้าของสมบัติวิเศษ 2 ชิ้น คือ สร้อยไบรซิงกาเมนและเสื้อคลุมขนเหยี่ยวที่ทำให้คนใส่บินได้ เป็นตัวเดียวกับที่โลกิขอยืมไปใช้ช่วยตัวเองและเทพให้รอดพ้นสถานการณ์คับขันหลายหน ทว่าประวัติของเสื้อไม่สนุกเท่าประวัติการได้มาซึ่งสร้อยเส้นที่งดงามที่สุดในโลกเลย มันทำให้เห็นเลือดบ้าของแม่เจ้าประคุณจริงๆ


    มันเกิดขึ้นเมื่อครั้งหนึ่งเฟรยาได้ข่าวระแคะระคายว่าคนแคระกำลังทำสร้อยเส้นที่สวยที่สุดในโลกให้ฟริกก้าชายาของโอดิน เธออยากเห็นว่ามันจะสวยมากมายขนาดไหนจึงดอดเข้าไปในสวาร์ทาฟไฮล์ม


    ที่นั่นเฟรยาเห็นคนแคระสี่คนกำลังรุมอะไรสักอย่างที่โรงงาน เธอค่อยๆ ลอบเข้าไปดู แล้วก็เห็นสิ่งที่เธอสงสัยจริงเสียด้วย สร้อยแสนสวยไบรซิงกาเมน ลวดลายสวยงามและอัญมณีที่ประดับอยู่บนสร้อยส่งประกายระยิบระยับงดงามราวกับดวงดาว มันเรียกร้องเชิญชวนเธอ มันทำให้ความอยากรู้อยากเห็นกลายเป็นอยากได้ กิเลสของเฟรยาลุกโพลงเวลานั้นเธอยอมแลกทุกอย่างกับการได้ครอบครองไบรซิกาเมน


    เฟรยาลงทุนอ้อนวอนคนแคระขอสร้อยเป็นของเธอ ยอมแลกสมบัติที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ได้ แต่คนแคระไม่ยอมให้ เฟรยาแทบจะเกลือกกลิ้งไปกับพื้นเพื่อให้พวกมันเห็นใจ คราวนี้คนแคระจ้องหน้าเฟรยาครู่หนึ่งแล้วหันไปซุบซิบ ความงามของเฟรยาทำให้คนแคระอยากได้เหมือนกันแต่คราวนี้มันไม่ยักกะอยากได้ทองเป็นของแลกเปลี่ยน แต่พวกมันขอร่วมอภิรมย์กับเฟรยาเรียงตัวแลกกับสร้อย


    มันเป็นข้อเสนอที่ลบหลู่ศักดิ์ศรีของผู้หญิงมากที่สุด ยิ่งเป็นเทพีสูงศักดิ์อย่างเฟรยาย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ แต่เฟรยา….ยอม หล่อนคิดเสียว่าหลับหูหลับตาเสียเวลาน่าขยะแขยงไม่กี่นาทีหล่อนก็จะเป็นเจ้าของสร้อยแล้ว


    ผลการกระทำครั้งนี้ทำให้โอดินโกรธมากสั่งให้เฟรยาไปหาวิญญาณนักรบขึ้นมาไถ่โทษ เฟรยาก็ก้มหน้าทำ ไม่ว่าจะต้องช่วยบันดาลให้เกิดสงครามมากสักกี่ครั้ง ไม่ว่าจะต้องเหนื่อยออกตระเวนล่าวิญญาณอีกกี่ร้อยดวง เพื่อสร้อยไบรซิงกาเมนแล้วหล่อนยอม นิสัยของเฟรยาตรงนี้เห็นชัดๆ เลยว่าเต็มไปด้วยความกระหายใคร่อยากและตัณหา ซึ่งมันก็คือด้านมืดของความรักที่เธอเป็นเทพีอยู่


    อย่างไรก็ตามเฟรยายังมีบุคลิกอีกข้างหนึ่งด้วยเป็นข้างที่อ่อนไหวเหมือนกับหญิงสาวทั่วไป ตำนานที่จะเล่าต่อไปนี้แสดงให้เห็นว่าถึงเจ้าหล่อนจะเป็นเทพีแห่งความรัก แต่ชีวิตรักของเธอไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่


    ในบางพื้นที่ทางแถบเหนือเฟรยาไม่ใช่เทพีแห่งความรักอย่างเดียว แต่เป็นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ไปด้วย อุปนิสัยนี้ทำให้เทพโอเดอร์ ( Odur )  เทพวงศ์วาเนอร์แห่งแสงตะวันเช่นเดียวกับพี่ชายของนางสนใจจนในที่สุดเมื่อความรักสุกงอม ทั้งสองก็แต่งงานเป็นสามีภรรยากันมีลูกสาวสองคนคือ เจอเซมิ ( Gersemi ) และนอส ( Hnoss ) เป็นผู้หญิงสวยที่สุดจนเวลาผู้คนบนแอสการ์ดจะพูดถึงความสวยงามก็ใช้สองชื่อนี้เปรียบเทียบ ชีวิตรักของเฟรยาในช่วงนี้นับว่าสมบูรณ์พูสุขที่สุด สมาชิกครอบครัวทั้งสี่ก็อาศัยอยู่กันบนแอสการ์ดชั่วระยะหนึ่ง


    แล้วเรื่องก็เกิดขึ้นเพราะอุปนิสัยของโอเดอร์เอง


    เช่นเดียวกับดวงอาทิตย์ในฤดูร้อน โอเดอร์ชอบผจญภัย และที่ๆ เขาชอบไปมากที่สุดคือแผ่นดินทั่วโลก โอเดอร์ตื่นขึ้นมาในวันหนึ่งแล้วสูดกลิ่นหอมของฤดูร้อน มันหอมหวนเสียจนเขาไม่อาจห้ามใจ จู่ๆ เขาก็ออกเดินทางไปจากแอสการ์ดโดยไม่ได้บอกใครสักคน เมื่อเฟรยาตื่นทีหลังแล้วพบว่าสามีหายไป หาอย่างไรก็ไม่พบเธอเริ่มร้องไห้ น้ำตาของเธอร่วงเป็นสายตกลงไปยังพื้นโลก ความอุ่นของมันทำให้แทรกตัวลึกลงไปในเนื้อหิน เปลี่ยนเป็นสายแร่ทองคำ


    เมื่อไม่มีตัวโอเดอร์ในแอสการ์ด เฟรยาจึงสวมเสื้อขนเหยี่ยวออกเดินทางจากสวรรค์ไปทั่วโลก ทั่วแผ่นดินที่รู้จักและไม่รู้จัก ตลอดเวลานั้นเธอร้องไห้ ๆ และร้องไห้ น้ำตาของเฟรยาร่วงลงสู่พื้นดินตามรายทาง (เป็นเหตุให้พบทองคำทั่วโลก)


    การเดินทางของเฟรยากินเวลายาวนาน แต่ในที่สุดหล่อนก็พบโอเดอร์ ณ แดนใต้ ขณะนั้นเขากำลังหันหลังพิงต้นเมอร์เทิล ( Myrtle ) อย่างขี้เกียจ เฟรยาโฉบลงจากฟ้าที่ด้านหลังเทพเก็บเอาดอกและใบเมอร์เทิลนั้นมาควั่นเป็นมงกุฏดอกไม้สวมศีรษะ เจ้าหล่อนโผล่ออกจากที่ซ่อนทำให้สามีประหลาดใจ ความสดใสของดอกไม้และความงามของเธอ ทำให้ภาพของเฟรยาเหมือนกับวันแรกที่ทั้งสองแต่งงานกัน (อันนี้เป็นต้นเค้าว่าทำไมเจ้าสาวชาวเหนือจึงสวมมงกุฏดอกเมอร์เทิลในวันแต่งงาน) เฟรยาไม่ถาม ไม่กระบึงกระบอนที่จู่ๆ สามีก็หายไปไม่บอกไม่กล่าว เจ้าหล่อนแสดงแต่ความดีใจที่พบสามีอีกครั้ง


    เช่นเดียวกับโอเดอร์ซึ่งดีใจที่ได้พบเมียเหมือนกัน การเดินทางที่คิดว่าหอมหวนของเขากลับไม่มีอะไรน่ารื่นรมย์ ทั้งสองจึงจูงมือกันกลับแอสการ์ด ช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ธรรมชาติก็ฉลองให้แก่เฟรยาและโอเดอร์ ด้วยการสร้างดอกไม้ใบไม้ของหน้าร้อนสะพรั่ง

    เครดิตจากที่เดิมค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×