ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ข้อมูลแนวแฟนตาซี ( เหมาะกับนักเขียนที่ต้องการหาข้อมูล )

    ลำดับตอนที่ #22 : หลักการใช้อาวุธ ( ต่อจากบทก่อน )

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.59K
      6
      13 ก.ย. 49


         หลักการได้เปรียบเสียเปรียบของอาวุธ
    ถ้าพูดถึงหลักการได้เปรียบเสียเปรียบแล้ว อาวุธทุกชนิดมีจุดบอดอยู่ในตัวเองทั้งสิ้นและ หากสู้กันจุดบอดนี้เองที่จะเป็นตัวตัดสินแพ้ชนะได้เลยทีเดียว ตามหลักแล้ว อาวุธยาว จะได้เปรียบอาวุธสั้น และอาวุธสั้นก็จะได้เปรียบอาวุธยาว ฟังแล้วอาจงง แต่การได้เปรียบเสียเปรียบของอาวุธจริง ๆ อยู่ที่คำว่า "ระยะ" พูดถึงระยะนั้นเป็นหัวใจสำคัญในการต่อสู้เลยก็ว่าได้ เพราะการในการต่อสู้ทุกคนจำเป็นต้องหาระยะที่ตนเองโจมตีได้ และบีบไม่ให้อีกฝั่งโจมตี เราจะยกตัวอย่างง่าย ๆ สมมุติว่า นาย A ใช้หอก แต่นาย B ใช้มีดสั้น แน่นอนว่าใคร ๆ ก็ต้องคิดว่านาย A ได้เปรียบ แต่หากว่านาย A ถูกนาย B เข้าประชิดได้นาย A ก็ม่องทึงแน่นอน เพราะอาวุธยาวอย่างหอก ทวน ง้าว และอาวุธด้ามจับยาวทั้งหลายแหล่ จะมีจุดบอดที่ระยะประชิดทั้งสิ้น ทั้งนี้เพราะจุดโจมตีของอาวุธยาวอยู่นอกระยะ และซ้ำร้ายอาวุธพวกนี้ค่อนข้างแกว่งได้ช้า เพราะยิ่งยาวมากเท่าไหร่ความเร็วในการแกว่งก็ลดลงเท่านั้น ตรงกันข้ามยิ่งของสั้นก็ยิ่งแกว่งได้ไวกว่า และอาวุธที่ยาวและใหญ่ จะมีจังหวะการโจมตีเพียง 1 หรือไม่ก็ 2 เท่านั้นเวลาที่เสียไปตอนจะดึงอาวุธกลับมาฟันใหม่นี่แหละ คือจังหวะที่จะตัดสินกันเลย ฉะนั้นแล้วในการต่อสู้จริง ๆ การดึงตัวเองออกจากระยะของคู่ต่อสู้และเข้าสู่ระยะของตัวเองได้มากที่สุด นั่นแหละคือคนที่สามารถจะมีชัยได้ ฉะนั้นในกรณีข้างบน นาย A จะต้องหาทางกดนาย B ไว้ไม่ให้เข้าสู่จุดบอดของหอก ส่วนนาย B เองก็ต้องหาทางพาตัวเองเข้าสู่ระยะโจมตีของตนเองที่นาย A จะไม่สามารถโจมตีตนเองนั่นเอง ส่วนในกรณีอาวุธที่มีระยะเท่ากัน อย่างดาบกับดาบ จะตัดสินกันที่ความเร็ว ฝีมือ ประสบการณ์ และจังหวะของแต่ล่ะฝ่าย ใครเร็วกว่าก็ชนะไป หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ ใครโดนตัวอีกฝ่ายได้ก่อนก็มีโอกาสชนะได้มาก ส่วนหลักอีกอันหนึ่งของเรื่องความสั้นยาวของอาวุธนั้นจะหลักว่า ในเรื่องของความเร็วในการกวัดแกว่ง ฟาด หรือฟัน ใครสั้นกว่าก็เร็วกว่าส่วนการแทง ใครยาวกว่าได้เปรียบ (ถ้าอยากรู้ว่าทำไมอาวุธสั้นฟาดได้ไวกว่า ก็ลอง เอาไม้ 2 อันที่ยาวต่างกันมาลงหวดดูสิ แล้วจะรู้เองว่าอันไหนมันหน่วงกว่ากัน ส่วนแทงก็น่าจะนึกออกนะว่าที่ระยะเท่ากันแต่ความยาวอาวุธไม่เท่ากันใครมันจะถึงก่อน)


    ทริกอาวุธ
    ที่กล่าวไปด้านบนคืออาวุธที่แบ่งเป็นประเภทหลัก ๆ ก็มีอยู่แค่นั้นแต่หากว่าเวลาเราแต่ฟิกชั่นอาวุธที่ถูกออกแบบมาจะมีลูกเล่นต่าง ๆ มากมายตามแต่ผู้ออกแบบจะกำหนด มาอาวุธบางแบบก็มีลูกเล่น และบางชิ้นก็ผสมอาวุธ 2 อย่างให้อยู่ในอันเดียวกันเพื่อลบจุดบอดบางอย่างให้หายไป เช่น หอกขวาน หรือที่เรียกว่า Poleaxe เป็นขวานที่มีหอกติดอยู่ที่ปลายส่วนบนโดยอาวุธชิ้นนี้ ลบจุดบอดของขวานที่แทงไม่ได้ และ เพิ่มประสิทธิ์ภาพให้หอกที่มีความสามารถในการฟันต่ำ พลอง 9 ท่อน ที่ออกแบบมาเพื่อลบจุดบอดของพลองยามสู้ประชิดมาก ๆ หรือกระบี่ที่มีโกร่งเป็นสนับมือหนามแหลมเพื่อการชก เป็นต้น ซึ่งลูกเล่นของอาวุธพวกนี้ก็แล้วแต่ผู้สร้างจะจินตนาการและยิ่งเป็นฟิกชั้นด้วยแล้ว อาวุธบางชิ้นอาจมีพลังมหัศจรรย์อะไรก็ได้ไม่จำกัดแบบเลยล่ะ


    พื้นฐานวิชาต่อสู้
    สำหรับวิชาต่อสู้นั้นวิชาที่ใช้อาวุธดังที่กล่าวมาแล้วจากด้านบน อาวุธบางอย่างแม้ต่างชนิดแต่พื้นฐานการใช้งานคล้ายกันโดยแต่จะต่างไปเล็กน้อยเพราะข้อจำกัดของอาวุธ แต่การโจมตีก็ทำได้แค่ 9 แบบเหมือนกันหมด ซึ่งจะสามารถจำแนกรูปแบบการใช้งานของอาวุธพวกนั้นเข้าหมวดได้ดังนี้


    1. หมวดพวกอาวุธด้ามจับสั้น พวกนี้ก็ได้แก่ พวกดาบ กระบี่ มีดสั้น ขวานด้ามสั้น กระบอง สำหรับอาวุธพวกนี้นั้นทักษะการใช้งานจะคล้าย ๆ ดาบเพราะการจับของอาวุธพวกนี้คล้ายกัน แต่อันไหนจะกวัดแก่งหรือฟาดฟันได้ไว้กว่า ก็ต้องเทียบความยาวของอาวุธที่ถืออยู่ด้วย การโจมตีมีได้ 9 จุดเช่นกัน แต่การโจมตีแบบแทง ของ ขวานกับกระบอกจะสร้างบาดแผลได้น้อยกว่า ดาบ กระบี่ หรือมีดสั้น เพราะเป็นการกระแทก แต่ก็ไม่เสมอไปนักเพราะขวานหรือกระบองบางแบบ มีเหล็กแหลมสำหรับแทงด้วยซึ่งทั้งหมดก็อยู่ที่การออกแบบด้วยเช่นกัน วิชาของอาวุธจำพวกนี้แตกต่างกันตรงที่เน้นท่าที่อาวุธชนิดนั้นจะสร้างความเสียหายให้กับอีกฝ่ายได้มากที่สุดซึ่งอาวุธชนิดไหนสร้างความเสียหายแบบไหนผมได้กล่าวไปแล้วถ้าจำไม่ได้กลับไปดูด้านบน สำหรับวิชาดาบคู่ มีดสั้นคู่ หรืออาวุธที่ใช้เป็นคู่ ๆ มีหลักการแบบเดียวกัน จะได้เปรียบพวกวิชาที่ใช้อาวุธเดี่ยว ตรงที่มันสามารถรุกและรับได้พร้อม ๆ กันแต่ใช้ลำบากกว่าเพราะคนเรามีความถนัดของมือทั้ง 2 ข้างไม่เท่ากัน และเพราะงั้นแล้วข้างที่ไม่ถนัดจะส่งผลกับการโจมตีและตั้งรับด้วย แต่หากได้รับการฝึกฝนจนชำนาญก็จะเป็นเรื่องปกติ สำหรับผู้ที่ถือ ดาบข้าง 1 มีดสั้นข้าง 1 หรือที่เรียกว่าซ้ายขวายาวไม่เท่ากันจะได้เปรียบกว่าพวกดาบ 2 เล่มที่ความเท่ากันในความยาวปกติ เพราะมีดสั้นที่แกว่งเร็วกว่าจะมีความสามารถในการปัดป้อง และสามารถโจมตีในระยะประชิดมากได้ หรือพูดง่ายสามารถโจมตีได้ 2 ระยะนั่นเอง บางที่ก็เป็นขวานข้างหนึ่ง ดาบข้างหนึ่งอันนี้ก็แล้วแต่ความถนัด หรือถ้ายุคใหม่หน่อยก็ควงปืนคู่ไปเลย ยิงได้ 2 เป้าพร้อม ๆ กันแต่จะโดนเปล่าอีกเรื่อง 1 (แต่เวลาจะเปลี่ยนกระสุนจะทำไงหว่านายพวกปืนคู่เนี้ย) ส่วนกรงเล็บเองก็จัดอยู่ในหมวดนี้ แม้ว่าด้ามจับมันจะติดกับแขนก็ตามแต่ทักษะการใช้งานก็ใกล้เคียงกัน


    2. หมวดอาวุธด้ามจับยาว พวกนี้ก็ได้แก่ พลอง หอก ทวน ง้าว เคียว ขวานด้ามยาวและอาวุธที่ด้ามจับยาว ๆ พอ ๆ จะเป็นพลองได้ ก็จะจับเข้าสู่โหมดนี้ รูปแบบของวิชาอาวุธพวกนี้ก็เน้นไม่ต่างจากด้านบนเลย แต่ทักษะพื้นฐานจะไปหนักทางด้านวิชาพลองมากกว่า ลักษณะการโจมตี 9 จุดเช่นกัน ที่ผมบอกว่าอาวุธแบบนี้หนักทางวิชาพลอง ก็เพราะผู้ที่จะฝึกอาวุธเหล่านี้นั้นจะต้องเริ่มพื้นฐานจากวิชาพลองมาก่อน และไปเน้นหนักในอาวุธของตนเองภายหลังเพราะงั้นก็จะเห็นบ่อยที่ผู้ใช้หอกจะมีลีลาการใช้หอกแบบไม้พลองเลย และจุดต่างเล็ก ๆ ของวิชาพลองกับ อาวุธพวกหอกหรือง้าวนี้ก็คือ พวกหอกกับง้าวเน้นการโจมตีไปที่ส่วนปลาย แต่พลองไม่เน้นไปที่จุดใดเลย คือจะฟาดจะแทงก็แล้วแต่ใจเพราะยังไงมันก็ไม่มีคมจะฟาดตรงไหนก็ไม่ต่างกัน แต่ถ้าหากเป็นหอก 2 ด้านหรือ อาวุธด้ามยาวแต่มีคมอาวุธที่ปลาย 2 ด้านก็จะใช้แบบพลองเลยเหมือนกัน คือควงและฟาดเอา และวิชาพลองใช้กับดาบอีกชนิด 1 คือดาบ 2 ทาง (แบบเดธมูนในสตาร์วอร์ภาคแรก) เพราะดาบประเภทนั้นมีจุดจับอยู่ตรงกลาง และลักษณะการจับแล้วจะไม่สามารถฟันแบบดาบทั่วไปได้ ต้องใช้หลักของวิชาพลองจึงจะใช้ดาบชนิดนี้ได้


    3. หมวดอาวุธที่ใช้กับวิชาหมัดมวย ก็ได้แก่ กระบองทอนฟา สนับมือ ปลอกแขน ซึ่งก็อย่างที่บอกอาวุธพวกนี้ไม่มีวิชาเป็นของตัวเอง แต่มันมีไว้เสริมผู้ใช้วิชาหมัดมวย สามารถต่อกรกับผู้ถืออาวุธมีคมอย่างดาบ ให้สามารถต่อกรได้ และเพิ่มอำนาจการทำลายพร้อมปกป้องผู้ใช้ในเวลาเดียวกัน ปกติอาวุธพวกนี้จะนิยมใช้เป็นคู่ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด


    4. อื่น ๆ เป็นอาวุธที่ลักษณะการโจมตีแปลกไปจากพวก ข้างบน เช่น แส้ โซ่ ลูกต้มเหล็กติดโซ่ โล่ อาวุธซัด และพวกอุปกรณ์ยิงต่าง ๆ พวกนี้เป็นอาวุธที่มีลักษณะการโจมตีที่เป็นเอกลักษณะเฉพาะ ของมันเอง อย่างแส้ มันก็เป็นอาวุธที่มีคุณสมบัติพิเศษที่อ่อนย้วยได้ แต่การเคลื่อนที่ของส่วนปลายจะเคลื่อนที่ช้ากว่าบริเวณด้ามจับเสมอ เป็นอริอย่างยิ่งกับพวกอาวุธด้ามยาวเนื่องบ้างครั้งแส้มีความยาวกว่า และยังป้องกันได้ยากตรงที่มันอ่อนย้วยได้นี่แหละ แถมยังใช้จับยึดวัตถุที่มันสามารถไปรัดได้อีกตะหาก แต่จะแพ้เปรียบพวกโล่เพราะพื้นที่รับสัมผัสของโล่มันมาก ส่วนโซ่จะใช่หลักการฟาดแบบเดียวกับแส้ แต่มันหนักกว่า และพวกโซ่ติดลูกตุ้มเหล็กก็จะอาศัยน้ำหนักของลูกตุ้มที่ผูกอยู่เป็นตัวสร้างความเสียหาย โล่ไม่นิยมเอามาใช้เป็นอาวุธ นิยมใช้คู่กับอาวุธเพิ่มการตั้งรับที่ดีขึ้นแต่ก็ใช้กระแทกได้ และหากออกแบบโล่มาในเชิงใช้โจมตีด้วยก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งแต่วัถตุประสงค์ของโล่ก็คือเครื่องป้องกันมากกว่า ส่วนอาวุธซัดเป็นของที่ต้องขว้างไป หวังผลแน่นอนได้บ้างไม่ได้บ้างแล้วแต่ผู้ขว้าง และผู้ถูกขว้าง ส่วนอุปกรณ์ที่เป็นเครื่องยิง จัดเป็นการโจมตีแบบแทงอย่างเดียว


    ปัจจัยอื่น ๆ
    ในการตัดสินแพ้ชนะสำหรับการต่อสู้นอกจากอาวุธแล้ว ความเร็ว ความคล่องแคล่ว ฝีมือและประสบการณ์ของแต่ละคนก็จำเป็น นอกจากนี้ยังมีเรื่องของสภาพพื้นที่ที่ทำการต่อสู้อีก หากว่าอาวุธเราไม่เหมาะใช้งานในสภาพพื้นที่นั้นก็อาจเป็นจุดบอดให้กับเราเองได้หรือ ถ้าอาวุธเราแพ้เปรียบแต่อาศัยพื้นที่เข้าช่วยก็มีสิทธิที่จะมีชัยได้ นอกจากนี้การใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ ก็จะช่วยเราได้อีกทาง 1 ด้วยซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นกับปฏิภาณไหวพริบของแต่ละบุคคล ที่จะคิดแผนการที่จะเอาชนะหรือเอาตัวรอดจากการต่อสู้ให้ได้ สำหรับพื้นที่เหมาะนั้นหากสู้ในที่โล่ง อาวุธทุกชนิดใช้การได้ดีหมด แต่หากต้องสู้ในพื้นที่ปิด หรือแคบมาก ๆ หรือมีสิ่งกีดขว้างขึ้นมาล่ะก็ อาวุธยาว ๆ ก็อาจได้รับผลกระทบทำให้ควงได้ไม่ถนัด หากสู้ในที่ ๆ มีสิ่งกีดขว้างเยอะ ๆ พวกอาวุธซัดหรืออาวุธยิง ก็อาจจะไปถูกสิ่งกีดขวางเหล่านี้ได้ (ยกเว้นแม่นสุด ๆ หรือฟลุ๊ก ๆ สุด) ถ้าหากทางแคบไร้สิ่งกีดขว้าง อาวุธซัดหรืออาวุธยิงค่อนข้างได้เปรียบเพราะ อีกฝ่ายมีที่หลบน้อย การเลือกอาวุธให้เหมาะกับพื้นที่นั้นก็เป็นอักปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้มีโอกาสชนะได้มากขึ้น


    ก่อนจบแถมท้ายให้นิดหน่อยสำหรับท่านๆ ๆ ที่เขียนฟิกแนวต่อสู้ เรานั้นเวลาเราสร้างตัวละครออกมาแล้วนำมาสู้กันก็ควรจะมีการมองหลักอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก่อนจะสู้กันและหาวิธีเอาชนะที่ดูแล้วสมเหตุและผลมากที่สุด โดยอันดับแรกที่เราดีไซน์ตัวละครออกมานั้น ควรมีการกำหนดความสามารถด้านการต่อสู้ สไตล์การต่อสู้ ของทุกตัวละครไว้โดยหลักการดังกล่าวจะคิดด้วยหลักการเป็น สมการง่าย ๆ ดังนี้

    ความสามารถด้านการต่อสู้ = ความสามารถตัวละคร + ความสามารถและรูปแบบการใช้งานของอาวุธ


    เมื่อความสามารถตัวละคร = สิ่งที่กำหนดขึ้นมาดังนี้

    1. เพศ
    2. ความชำนาญในการใช้อาวุธประเภทนั้น ๆ ซึ่งมีได้มากกว่า 1
    3. ประสบการณ์ในการต่อสู้
    4. วิชาและทักษะความสามารถต่าง ๆ ที่มีใช้อยู่ทั้งหมด
    5. ปฏิภาณไหวพริบ สติปัญญา และดวง
    6. ความสามารถทางด้านร่างกาย และพลังต่าง ๆ ของแต่ละบุคคลในเรื่องนั้น ๆ


    ในเรื่องของ "เพศ" นั้นก็มีแค่ 2 แบบคือชายกับหญิง (คงไม่มีเกินนี้หรอก กระเทยนับเป็นชายเหมือนกัน) ทุกคนคงทราบดีว่าโครงสร้างร่างกายของหญิงบอบบางกว่าชาย ทั้งเรื่องพละกำลังและอื่น ๆ จะดูบอบบางแต่ยกเว้นบางเรื่องที่เหล่าคุณเธอไม่ใช่มนุษย์ธรรมดานั้นแหละ แต่เพศหญิงจะมีคุณลักษณะด้านประสาทสัมผัสดีกว่าผู้ชายเพราะว่าเส้นประสาทของผู้หญิงจะมีขนาดใหญ่กว่าผู้ชาย จึงทำให้การเคลื่อนไหวดูอ่อนพริ้วกว่า ส่วนเพศชายจะมีความสามารถทางด้านร่างกายและพละกำลังเด่นกว่าเพศหญิง ส่วนถัดมาคือ "ความชำนาญในการใช้อาวุธ" อันนี้แปลตรงตัวไม่มีไรมาก "ประสบการณ์ในการต่อสู้" เป็นเหมือนกับเลเวลของตัวละครเรา ยิ่งมากก็ยิ่งเก่งยิ่งเจนศึกมากประสบการณ์ก็มีมากพวกมีทั้งฝีมือและประสบการณ์จัดได้ว่าน่ากลัวเอาการทีเดียว ถัดมาคือ "วิชาและทักษะความสามารถต่าง ๆ ที่มีใช้อยู่ทั้งหมด" อันนี้แปลว่าตัวละครที่ออกแบบมานั้นมีความสามารถพิเศษหรือวิชาอะไรติดตัวมาบ้าง เช่น มีพลังเวทย์สูงส่ง เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วดั่งเงา มีวิชาดูดพลัง มีวิชาดาบขั้น 3 ฯลฯ อะไรแบบนี้แหละซึ่งก็แล้วแต่จะกำหนด ถัดมาอีกคือ "ปฏิภาณไหวพริบ สติปัญญา และดวง" แปลง่าย ๆ ความฉลาด และ ความดวงดีของแต่ละคน และท้ายสุดคือ "ความสามารถทางด้านร่างกาย และพลังต่าง ๆ ของแต่ละบุคคลในเรื่องนั้น ๆ" อันนี้เป็นสิ่งที่จะกำหนดโดยผู้แต่งว่าตัวละครคุณมีพลังร่างกายประมาณไหน พลังเวทย์หรือพลังพิเศษใจเรื่องนั้นประมาณแค่ไหน มีความคล่องแคล่ว ความรวดเร็วซักแค่ไหนมันก็แล้วแต่ผู้แต่งจะกำหนดขึ้นมา ว่าเขาคนนั้นจะเป็นยอดคนหรือคนอ่อนแอซักแค่ไหน


    ความสามารถและรูปแบบการใช้งานของอาวุธ
    ความสามารถเป็นสิ่งที่ผู้สร้างกำหนดเอาเองได้ตามชอบใจส่วนการใช้งานอ่านด้านบนที่เขียนไว้ เพราะอาวุธที่ผมเขียนไว้นั้นครอบคลุมการใช้งานของอาวุธแทบทั้งหมดแล้ว ยกเว้นอาวุธที่อยู่ในโหมด อื่น ๆ จะต้องกำหนดเองแล้วล่ะ


    ส่วนสไตล์การต่อสู้วิเคราะห์จากอุปนิสัยของตัวละครโดยอุปนิสัยที่บ่งบอกสไตล์การต่อสู้ของแต่ละคน ได้แก่
    1. พวกเลือดร้อน บ้าบิ่น สไตล์การต่อสู้จะออกไปทางลุยไปข้างหน้าอย่างเดียวแบบไม่คิดหน้าคิดหลังอะไรมาก ลุย ๆ ๆ ลุยมันเข้าไปทำนองนั้น พวกนี้มักติดกับดักง่าย ๆ ในบางครั้ง

    2. พวกสุขุมเยือกเย็น สไตล์การต่อสู้จะตรงข้ามกับพวกแรก พวกนี้จะรุกเมื่อมีจังหวะ และทำอะไรอย่างมั่นคงไม่มีลุกลี้ลุกรน

    3. พวกรอบคอบ ฉลาด สไตล์การต่อสู้ของพวกนี้จะเป็นการวางแผนไว้ก่อนแล้ว และมักจะใช้กลยุทธ์ในการต่อสู้

    4. พวกบ้าคลั่ง หรือ พวกชอบการทำลาย พวกนี้จะสู้แบบไม่สนใจอะไรซัดทุกอย่างที่ขวางหน้าทั้งหมดจนกว่าจะไม่เหลืออะไรแล้ว

    5. พวกหลงตัวเอง สไตล์การต่อสู้ของพวกนี้จะเป็นทำนองว่าคิดว่าข้านี่แหละแกร่งสุด และมักประเมินคู่ต่อสู้ต่ำกว่าตนเองเสมอ และมักตกใจเมื่อเจอเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ จากอีกฝ่าย

    6. พวกที่ชอบการต่อสู้ หรือชอบเอาชนะ สไตล์การต่อสู้ของพวกนี้จะชอบสู้กับคนเก่ง ๆ ที่สูสีกับตนเองและมักจะยอมรับฝีมือของอีกฝ่ายหากว่าสูสีกับตนหรือเหนือกว่าแต่บางทีก็ไม่เป็นงั้น และหากว่าตนแพ้ ก็จะยอมรับความเข้มแข็งของอีกฝ่าย หรือไม่ก็ผูกใจเจ็บตามสู้ไปเรื่อย ๆ ก็ได้ และมักไม่ยอมให้คนอื่นทำร้ายคู่ต่อสู้ของตนเองด้วย



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×