ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ϟHP : Nomaj & Squib

    ลำดับตอนที่ #61 : Fact } ,, ที่มาของด่านใน แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ ★™ϟ

    • อัปเดตล่าสุด 22 ธ.ค. 54


    fibii .


    เราจะมาทำความเข้าใจกันค่ะ ว่า ทำไมในภาคที่1 แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์

    เจ.เค. โรว์ลิงถึงแต่งให้มีด่านกันศิลาอาถรรพ์ไว้แบบนั้น!

    มันมีที่มานะคะ ไม่ใช่ว่าแต่งตามใจเจ๊เขา ^^

    ด่านที่ว่านี้จะเชื่อมโยงและแฝงเรื่องราวในตอนต่อไปเป็นนัยๆไปในตัวด้วย
    อ้อ! ขอบอกก่อนนะคะ ว่าจีนไม่ได้หามาจากเว็บอื่นเพราะมันอยู่ในเด็กดีเนี่ยแหละ - -
    แต่เอามาเรียบเรียงใหม่ เผื่อเพื่อนๆหลายๆคนอาจจะยังไม่เคยรู้ค่ะ



      

    [ด่านที่ 1] : สุนัขสามหัว โดยแฮกริด

    ด่านนี้เป็นด่านแรกเลยที่ต้องฝ่าเข้าไปให้ได้หากคิดจะแหยมกับศิลาอาถรรพ์(ซึ่งควีเรลล์ไปสบาย) ซึ่งตามในเทพนิยายกรีก Cerberus หรือ สุนัขสามหัว(หรือน้องปุกปุยของเรา) เป็นผู้คุ้มกันประตูทางเข้าสู่นรกภูมิ(ในเรื่อง Fluffy ป้องกันทางเข้าสู่ห้องลับอีก 6 ห้อง = จุดเริ่มต้นของแฮร์รี่ ที่ต้องเผชิญโลกเวทมนตร์อันลึกลับ อีก 6 เล่ม)
    ความหมายของหมาสามหัวที่เจ.เค.แฝงไว้ก็คือ

    3 หัว = แฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่ และรอน ที่ต้องใช้ สมองหรือความสามารถของแต่ละคน
    1 ตัว = ทั้งสามคนมีความผูกพันกัน และต้องร่วม กายและใจเพื่อปกป้องศิลาอาถรรพ์ด้วยกัน (ในเล่มแรกเริ่มผจญภัยกันแค่สามคน ยังไม่มีคนอื่นมาช่วยเลย)

    เชื่อมโยงกับการเปิดเรื่องในเล่ม 1 คือ แฮกริดเจ้าของปุกปุยเป็นคนพาแฮร์รี่เข้าสู่โลกเวทมนตร์





     

    [ด่านที่ 2] : กับดักมาร โดย ศาสตราจารย์สเปราต์

    เมื่อแฮร์รี่ร่วงลงบนเถาวัลย์ ในตอนแรกเขารู้สึกดีใจที่มีอะไรนุ่มๆช่วยป้องกันเขาไม่ให้เจ็บ แต่เขาไม่ทันสังเกตว่ามันค่อยๆ ตระหวัดรัดเพื่อจะกินเขา เมื่อเชื่อมกับเล่ม 2 จะพบว่าในเล่มนี้เรื่องเด่นๆที่ถูกเปิดตัวออกมาก็คือต้นแมนเดรกซึ่งเป็นพืชเช่นเดียวกับกับดักมาร และความรู้สึกของแฮร์รี่ที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นก็เหมือนกับการที่แฮร์รี่รู้สึกไว้ใจทอม ริดเดิ้ลในตอนแรก แต่สุดท้ายเขากลับกลายเป็นคนที่พยายามฆ่าเขามาโดยตลอด

    ความหมายที่ เจ.เค.แฝงไว้ในด่านนี้ ก็คือ

    1. แฮร์รี่ร่วงลงมาเป็นเวลานานก่อนถึงเถาวัลย์ = เช่นเดียวกับทางเข้าของห้องแห่งความลับที่อยู่ลึกลงไปใต้ปราสาท

    2. เถาวัลย์ มืดทึบและชื้น = เหมือนบรรยากาศในห้องแห่งความลับ

    3. กับดักมารเป็นไม้เลื้อยและสามารถทำอันตรายเราได้ถึงชีวิต = เหมือนลำตัวงูบาซิลิสก์ที่มีพิษร้ายแรงถึงตาย

    4. กับดักมารแพ้แสงไฟ = งูบาซิลิสก์ก็แพ้ฟีนิกซ์ นกที่เกิดจากกองไฟ (นกจับงู = ครุฑยุดนาค = ธรรมะชนะอธรรม)

    5. เฮอร์ไมโอนี่เป็นคนคิดแก้ปัญหาเพื่อช่วยเพื่อนจากเถาวัลย์ = เป็นคนค้นพบความลับเรื่องบาซิลิสก์ซึ่งช่วยให้แฮร์รี่รู้ว่าไม่ควรมองตางูโดยตรง และยังเป็นคนให้ปริศนาเรื่องท่อน้ำที่อยู่ของห้องแห่งความลับ

     



     

    [ด่านที่ 3] : กุญแจบิน โดย ศาสตราจารย์ฟลิตวิก

    เชื่อมกับเล่ม 3 ที่แนะนำตัว บัคบีคฮิพโปกริฟสัตว์ครึ่งนกครึ่งม้าที่ บินไปไขอิสรภาพให้พ่อทูนหัวของแฮร์รี่

    แฝงความหมาย ดังนี้

    1. เมื่อแฮร์รี่เข้าไปในห้องตอนแรกมองดูเหมือนนกฝูงใหญ่ที่เตรียมจะทำร้าย แต่จริงๆแล้วเป็นกุญแจบินที่ไม่ทำอันตรายถึงชีวิต = ซิเรียสในร่างกริมที่ดูอันตราย สะกดรอยตามแฮร์รี่และบุกเข้าถึงหอนอน แต่ไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าแฮร์รี่เลย

    2.กุญแจที่หาดูเหมือนกุญแจดอกอื่นๆที่บินอยู่ทั่วไป = หางหนอน ปลอมตัวเหมือนหนูทั่วๆไป

    3. ไล่จับได้ยาก = ครุกแชงค์รู้ว่าสแคบเบอร์ไม่ใช่หนู แต่ก็ไม่เคยจับได้

    4. รูปทรงโบราณ = ซ่อนตัวอยู่นานถึง 12 ปี

    5. ถูกจับมาแล้วโดยควีเรลล์ แต่ก็บินได้ใหม่ = หางหนอนโดนซิเรียสจับได้เมื่อ 12 ปีก่อน แต่ก็ยังหนีรอดมาได้

    6. ปีกกุญแจหักข้างหนึ่ง = นิ้วเท้าของสแคบเบอร์หายไป

    7. กุญแจทำด้วยโลหะเงิน = เหมือนกับมือใหม่ของหางหนอนที่โวลเดอมอร์เสกให้

    8. แฮร์รี่จับได้อีกครั้ง แล้วนำไปไขเปิดประตู = โดนจับครั้งที่ 2 โดยซิเรียสและลูปินเปิดเผยความจริงว่าซิเรียสบริสุทธิ์

    9. หากมองอีกแง่ กุญแจที่แฮร์รี่จับ แล้วนำไปไขประตู = บัคบีค ที่แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่จับมา เปิดอิสรภาพให้แก่ซิเรียส
    10. ภารกิจนี้แฮร์รี่ต้องขี่ไม้กวาด = แฮร์รี่ก็ได้ไม้กวาดไฟร์โบลต์ใหม่จากซิเรียสด้วย





     

    [ด่านที่ 4] : โทรลล์ โดย ศาสตราจารย์ควีเรลล์

    เชื่อมกับเล่ม 4 แสดงถึงสามภารกิจที่ ยิ่งใหญ่เกินตัวแฮร์รี่ และการคืนชีพของลอร์ด โวลเดอมอร์

    ด่านนี้แฝงความหมายไว้ ดังนี้

    1. โทรลล์ร่างกายใหญ่โตมากกว่าแฮร์รี่ = การประลองไตรภาคี กำหนดให้นักเรียนที่มีอายุ 17 ปีขึ้นไป จัดว่ามีอันตราย เกินตัวสำหรับแฮร์รี่ที่วัยยังไม่ถึง

    2. โทรลล์ดูเหมือนอันตราย แต่แฮร์รี่ไม่ต้องทำอะไรในด่านนี้เลย เพราะควีเรลล์จัดการไปแล้ว = ภารกิจทั้งสามอย่าง แม้จะอันตราย แต่มีแม้ดอายมูดดี้ (ตัวปลอม) คอยช่วยให้แฮร์รี่ผ่านไปได้ตลอด

    3. ควีเรลล์ เป็นตัวแทนของโวลเดอมอร์อย่างไม่ต้องสงสัย

    4. ควีเรลล์ดูน่าสงสัยน้อยที่สุด แต่กลับเป็นคนปล่อยโทรลล์เข้าโรงเรียน = บาร์ตี้ เคราช์ จูเนียร์ ในร่างมูดดี้ ที่ดูเหมือนคอยปกป้องแฮร์รี่ กลับเป็นคนใส่ชื่อแฮร์รี่ในถ้วยอัคนี ทำถ้วยรางวัลให้กลายเป็นกุญแจนำทางไปหาลอร์ดโวลเดอมอร์

    5.แฮร์รี่เจอโทรลล์เป็นครั้งที่สอง หลังจากเคยพิชิตได้ในห้องน้ำหญิง = การเผชิญหน้ากับลอร์ดโวลเดอมอร์อีกครั้ง หลังจากที่ทำให้เขาหมดอำนาจไปแล้ว

     




     

    [ด่านที่ 5] : หมากรุกพ่อมด โดย ศาสตราจารย์มักกอนนากัล

    สงครามนอกกระดาน ณ ด่านนี้ก็คือ สงครามระหว่างภาคีนกฟินิกซ์พร้อมกองทัพดัมเบิลดอร์กับด้านมืดในเล่ม 5 ดีๆนั่นเอง ซึ่งเป็นสงครามที่มีการเสียสละครั้งสำคัญเกิดขึ้น

    1. ศ.มักกอนนากัล มีบทบาทโดดเด่นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการดวลฝีปากกับ ศ.อัมบริดจ์

    2. การเล่นหมากรุกระหว่างสองฝ่าย = สงครามระหว่างด้านสว่างนำโดยดัมเบิลดอร์ และด้านมืดนำโดยลอร์ดโวลเดอมอร์

    3. ตัวหมากรุก = ภาคีนกฟินิกซ์ที่มีความแตกต่างกัน ทั้งวัยและความสามารถ แต่ก็ร่วมกันต่อสู้(อาจจะรวมถึงกองทัพดัมเบิลดอร์ ที่ร่วมต่อสู้ในกระทรวงเวทมนตร์ด้วย)

    4. การเล่นหมากรุก ต้องมีทั้งแผนบุกและแผนป้องกัน = ลอร์ดโวลเดอมอร์ส่งบริวารมาขโมยคำทำนาย แต่ถูกป้องกันโดยภาคีซึ่งผลัดเปลี่ยนเวรกัน

    5. ควีเรลล์เล่นไปก่อนแล้ว หนึ่งเกม แฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่ และรอน เล่นเป็นเกมที่สอง = บทสุดท้ายของหนังสือเล่ม 5 คือ สงครามครั้งที่สองได้เริ่มขึ้นแล้ว

    6. ตัวหมากรุกรอบตัวมีขนาดใหญ่กว่าทั้งสามคน = พลังและความรู้ทางด้านเวทมนตร์ของทั้งสาม เมื่อเทียบในโลกเวทมนตร์จริงแล้วยังน้อยมาก

    7.ตัวหมากรุกแต่ละตัวไม่มีหน้า = ผู้เสพความตาย ซึ่งสวมหน้ากากปกปิดหน้าตัวเองไว้

    8.รอนเลือกเล่นในตำแหน่งอัศวิน(ม้า) เฮอร์ไมโอนี่เป็นปราสาท(เรือ) ส่วนแฮร์รี่เป็นบิชอพ(โคน) = ในสมัยอังกฤษโบราณ อัศวินเป็นผู้ปกป้องปราสาท และปราสาทก็ให้ที่พักพิงอัศวิน ทั้งสอง(รอนและเฮอร์ไมโอนี่)จึงมีความสัมพันธ์ต่อกัน ส่วนบิชอพ(แฮร์รี่)อยู่เป็นอิสระคนเดียว

    9. ต่างฝ่ายต่างกำจัดตัวของฝ่ายตรงข้าม มีตัวหมากรุกถูกทำลายเกลื่อนกลาด = มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากสงครามครั้งนี้มากมาย(จากข้อ 2)

    10. ตัวหมากรุกสำคัญที่ฝ่ายแฮร์รี่เสียไป ก็คืออัศวินสีดำตัวแรกที่ถูกควีนสีขาวทำลาย = อัศวิน สีดำเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ซิเรียส แบล็ก ที่ตกลงไปหลังม่าน ส่วนราชินีสีขาวคือ เบลลาทริกซ์ ผู้อยู่เคียงข้างราชา(ลอร์ดโวลเดอมอร์)
    ราชินีสีขาวสะท้อนความเป็นเลือดบริสุทธิ์ผู้สูงส่งที่ยังมีชื่อปรากฏบนสาแหรกตระกูลในขณะที่ชื่อซิเรียสถูกระเบิดทิ้งไปเหลือแต่รอยไหม้สีดำ

    11. รอนเป็นคนบอกแฮร์รี่ว่าจำเป็นต้องเสียสละอัศวินและตัวอื่นๆเพื่อจะได้เล่นต่อได้ = ดัมเบิลดอร์ปลอบแฮร์รี่และกล่าวว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ซิเรียสตาย

    12. สุดท้ายรอนเลือกที่จะเสียสละตัวเองเพื่อให้แฮร์รี่สามารถเดินไปรุกฆาตได้ แต่ก่อนรอนจะทำอย่างนั้น ยังได้บอกทางที่จะให้แฮร์รี่เดินต่อไป = เหมือนสิ่งที่ดัมเบิลดอร์ทำในเล่ม 6
    หมายเหตุ: การเสียสละของอัศวินสีดำตัวแรกและตัวที่สองไม่เหมือนกัน

    ตัวแรก ควีนสีขาวแทงแล้วลากออกไปนอกกระดานเลย เขานอนนิ่ง คว่ำหน้าอยู่ตรงนั้น

    ตัวที่สอง ควีนสีขาวฟาดรอนเข้าที่หัว กระเด็นตกกระแทกพื้น รอนถูกลากไปไว้ด้านข้าง ดูเหมือนแค่สลบไป

    13. โดย สรุปแล้ว เมื่อจบเกม แฮร์รี่เดินทั้งหมด 7 ก้าว - ทแยงขวา 4 ก้าว แล้วทแยงซ้าย 3 ก้าว ก่อนจะประจันหน้ากับคิงสีขาว = แต่ละก้าวคือ 1 ปีของแฮร์รี่ในโรงเรียน 4 ก้าวแรกไปในทางที่ถูกต้องที่นักเรียนทั่วไปควรทำ (right =ขวา หรือ ถูกต้อง)

    แต่หลังจากลอร์ดโวลเดอมอร์คืนชีพตอนปี 4 แล้ว แฮร์รี่ก็ต้องเปลี่ยนเส้นทางเดิน สู่ด้านที่อันตรายมากขึ้น จะเห็นว่าสิ่งที่ทำในปี 5 และ 6 ยิ่งห่างไกลโรงเรียนขึ้นทุกที และในที่สุดก็ต้องเผชิญหน้ากับโวลเดอมอร์เพื่อยุติสงครามในที่สุด

    (ด้าน ซ้ายเป็นตัวแทนของความชั่วร้าย มียุคหนึ่งที่คนถนัดซ้ายถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับปีศาจ ทั้งที่จริงแล้วคนถนัดซ้ายมักมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่า)

    14. แฮร์รี่รุกฆาตคิงสีขาวตามลำพัง คิง(Lord) ถอดมงกุฎแล้วโยนลงมากองแทบเท้าแฮร์รี่
    = เป็นไปตามส่วนหนึ่งของคำพยากรณ์ หนึ่งในนั้นต้องตาย ด้วยน้ำมือของอีกฝ่าย ไม่มีใครอยู่รอดได้ ในขณะที่อีกคนยังมีชีวิตอยู่ซึ่งเรา ณ ที่นี้รู้ดีอยู่แล้วว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆเสียด้วย






     

    [ด่านที่ 6] : ปริศนาขวดยา 7 ขวด โดย ศ. สเนป

    เล่ม 6 เปิดด้วย ชัยชนะของสเนปและหนังสือปรุงยาชั้นสูง" กุมความลับของ"เจ้าชายเลือดผสม" ผู้มีบทบาทสำคัญ

    1. มีม่านไฟลุกขึ้นขวางทางที่เดินผ่านเข้ามา เมื่อเฮอร์ไมโอนี่กินน้ำยาและผ่านกลับไปแล้วกลับเข้ามาอีกไม่ได้ = ม่านไฟก็คือ ม่านในกระทรวงเวทมนตร์ ที่ซิเรียสร่วงผ่านไปแล้วกลับออกมาไม่ได้เหมือนกัน

    2. การร่ายคาถาไม่ช่วยอะไรในด่านนี้ = ตอนอยู่ในถ้ำ แฮร์รี่ไม่สามารถใช้คาถาช่วยดัมเบิลดอร์ได้ และเมื่อวิ่งตามสเนปไป(หลังจากสเนปฆ่าดัมเบิลดอร์ตาย)ก็ไม่สามารถทำอะไรสเนปได้เลย

    3. ทางผ่านด่านนี้ต้องดื่มน้ำยาขวดที่ถูกต้อง = ดัมเบิลดอร์ต้องดื่มน้ำยาสีเขียวเพื่อจะเอาฮอครักซ์

    4. เฮอร์ไมโอนี่เป็นคนแก้ปริศนาขวดยา = เธอเป็นคนค้นพบความลับเรื่องอิลลีน พรินซ์(ไม่แน่ใจชื่อ ไม่รู้ว่าพิมพ์ถูกรึเปล่า?)ที่เป็นแม่ของสเนปเช่นกัน

    5. แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ เข้ามาด่านนี้ 2 คน แต่แฮร์รี่เดินทางไปต่อยังห้องสุดท้ายเพื่อหาศิลาอาถรรพ์ได้แค่คนเดียว = แฮร์รี่ต้องเดินทางไปตามหาฮอครักซ์ที่เหลือและเผชิญหน้ากับโวลเดอมอร์ตามลำพัง โดยไม่มีดัมเบิลดอร์เคียงข้างอีกต่อไป

    6. น้ำยาที่แฮร์รี่กินเข้าไป ทำให้ตัวเองรู้สึกเย็นเหมือนน้ำแข็ง และเดินผ่านเปลวไฟได้ = แฮร์รี่ได้เรียนรู้เรื่องโทสะ(ไฟ) และสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น(เยือกเย็น) กว่าภาค 5 อย่างเห็นได้ชัด

    7. น้ำยา 7 ขวด      3 ขวดเป็นยาพิษ / 2 ขวดเป็นไวน์ / 1 ขวดพาย้อนกลับ / 1 ขวดพาไปข้างหน้า
    (อันนี้มีคนตีความกันเป็นร้อยทฤษฎีเลย แต่ว่าจะยกมาแค่ 3 พอ)

    ·        เทียบกับผู้เล่นควิดดิช 7 คน

    ยาพิษ = เชสเซอร์(บุกไปอีกฝั่ง เป็นศัตรูของฝ่ายตรงข้าม) 3 คน

    ไวน์ = บีตเตอร์(สร้างความปั่นป่วน แต่ไม่มีพิษภัย) 2 คน
    ย้อนกลับ = คีปเปอร์(ต้องคอยกลับไป ป้องกันอยู่ด้านหลัง) 1 คน

    ไปข้างหน้า = ซีกเกอร์(พุ่งไปข้างหน้า หาลูกสนิชอย่างเดียว) 1 คน

    ·        เทียบกับหนังสือ 7 ภาค

    ยาพิษ = 3 ภาค มีตัวละครหลักตาย = ควีเรลล์ (1) / เซดริก (4) / ซิเรียส (5)

    ไวน์ = 2 ภาค กล่าวถึงสถานะของเลือดชัดเจน (ในศาสนาคริสต์ไวน์แดงแทนเลือด) = ห้องแห่งความลับ(2) / เจ้าชายเลือดผสม (6)

    ย้อนกลับ = 1 ภาค มีการย้อนเวลาไปในอดีต = นักโทษแห่งอัซคาบัน(3)
    ไปข้างหน้า =1 ภาค จุดจบของคำพยากรณ์ = เครื่องรางยมฑูต(7)

    ·        จากปริศนา เป็นตัวละคร 7 ตัว
    อันตรายอยู่ข้างหน้า ปลอดภัยมาอยู่ข้างหลัง = อันตรายรออยู่ข้างหน้าในเล่ม 7

    สองขวดเสริมกำลัง = เพื่อนสองคนที่คอยช่วยเหลือ คือรอนและเฮอร์ไมโอนี่

    ขวดหนึ่งช่วยเดินหน้า = เฮอร์ไมโอนี่จะพาแฮร์รี่ไปสู่โวลเดอมอร์

    อีกขวดพากลับหลังไป = รอนจะพาแฮร์รี่กลับมา(?)

    สองขวดเป็นไวน์ใส = มีฝ่ายดีอีกสองคน

    ข้อสี่ที่สองขวา และขวดยาสองจากซ้าย แรกดูไม่คลับคล้าย แต่ชิมได้รสเหมือนกัน = แม้ดูภายนอกแตกต่าง แต่ภายในเหมือนกัน (ดัมเบิลดอร์และสเนป)

    สามขวดไซร้คือยาพิษ, ข้อหนึ่งขวดยาพิษ ซ่อนสุดฤทธิ์ชิดซ้ายไวน์ = นักฆ่าสามคนที่ซ่อนตัวรออยู่(คล้องกับชื่อเหยื่อจากยาพิษสามคนด้านบน) = โวลเดอมอร์(ซ่อนในร่างคนอื่น) / หางหนอน(ซ่อนในร่างหนู) / เบลลาทริกซ์(ซ่อนในอัซคาบัน)




      

    [ด่านที่ 7] : กระจกเงาแห่ง Erised โดย Prof.Dumbledore

    เล่ม 7 เป็นการเผชิญหน้าระหว่างแฮร์รี่และโวลเดอมอร์ ผู้เป็นเหมือนเงาในกระจกสะท้อนซึ่งกันและกัน

    1. แฮร์รี่ก้าวเข้ามาในห้องนี้ คาดหวังว่าจะเจอสเนปแต่กลับเจอควีเรลล์ = มีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คนที่เห็นว่าดีจะกลายเป็นคนร้าย คนที่คิดว่าร้ายจะกลายเป็นคนดี

    2.โวลเดอมอร์สิงอยู่ในร่างควีเรลล์ และคิดว่าเขามีกำลังมากขึ้นเพราะเขาไม่ได้อยู่ลำพัง แต่ควีเรลล์พ่ายแก่แฮร์รี่ในที่สุดและโวลเดอมอร์ก็ถูกทำลายอีกครั้ง = คนสนิทของโวลเดอมอร์ที่เขาเชื่อใจจะนำจุดจบมาให้ อาจจะเป็นหางหนอนที่เป็นหนี้ชีวิตแฮร์รี่ หรือสเนปที่แท้จริงแล้วยังอยู่ฝ่ายดี หรืออาจจะเป็นครอบครัวมัลฟอย ครอบครัวที่ภักดีต่อเขามากแต่ในตอนท้ายกลับหักหลังเพื่อรักษาชีวิตของลูกชายเอาไว้

    3. เวทมนตร์จากการที่ลิลี่สละชีวิตเพื่อปกป้องแฮร์รี่ช่วยป้องกันแฮร์รี่ไว้ได้ = ในเล่ม 7 นั้นได้เล่ารายละเอียดเกี่ยวกับลิลี่ และตาสีเขียวของเธอที่ถ่ายทอดมาให้แฮร์รี่เป็นบทบาทสำคัญบทบาทสำคัญ

    4. เมื่อมองกระจก แฮร์รี่ได้ศิลาอาถรรพ์จากความรู้สึกเพียงแค่อยากพบแต่ไม่อยากใช้” = สุดท้ายแฮร์รี่พบเวทมนตร์ที่สามารถทำลายโวลเดอมอร์ได้ เพียงแต่จะไม่ ใช้แต่จะยอม สละพลังอำนาจนั้น เพื่อทำลายโวลเดอมอร์แทน นั่นก็คือเครื่องรางยมทูตนั่นเอง หินชุบวิญญาณ(ใช่รึเปล่าจำไม่ได้ = =)เรียกคนตายมาเพื่อทำให้ตนเองเข้มเข็งในขณะที่ต้องเสียสละ

    5. ศิลาอาถรรพ์เป็นตัวแทนของความเป็นอมตะ = ฮอครักซ์ทำให้โวลเดอมอร์เป็นอมตะ

    6. ท้ายที่สุดศิลาอาถรรพ์ถูกทำลาย = ฮอครักซ์ถูกทำลาย โวลเดอมอร์ไม่เป็นอมตะอีกต่อไป(ซี้แหงแก๋)

    7. “กระจกเงาทำหน้าที่สะท้อนภาพเหมือนระหว่างโวลเดอมอร์ และแฮร์รี่   จากคำทำนายเจ้าแห่งศาสตร์มืดจะทำเครื่องหมายให้แฮร์รี่เป็นบุคคลที่เสมอกับเขา แต่เขาจะมีพลังอำนาจที่เจ้าแห่งศาสตร์มืดไม่อาจหยั่งรู้ได้

    - แฮร์รี่ ได้รับพลังบางอย่างของโวลเดอมอร์ (เช่น ภาษาพาร์เซล)

    - แฮร์รี่เห็นความเคลื่อนไหวของโวลเดอมอร์ และโวลเดอมอร์ก็สามารถเข้าถึงจิตของแฮร์รี่ได้เช่นกัน

    - ไม้กายสิทธิ์ของทั้งคู่ ทำจากหางนกฟินิกซ์ตัวเดียวกัน (นั่นก็คือฟอกส์นั่นเอง)

    - ทอม ริดเดิ้ล บอกแฮร์รี่ว่ามีอะไรที่คล้ายกับเขามาก เป็นเลือดผสมเหมือนกัน ไม่เคยได้อยู่กับพ่อแม่ ชีวิตวัยเด็กขาดความอบอุ่น มีความมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ตัวเองเหมือนกัน

    8. แต่ในความเหมือน แม้เงาสะท้อนจะดูเหมือนกันแต่ก็ยังกลับซ้ายเป็นขวา

    - แฮร์รี่ พ่อเป็นเลือดบริสุทธิ์ แม่เกิดในครอบครัวมักเกิ้ล แฮร์รี่ภูมิใจในตัวพ่อและแม่ / ทอม มาร์โวโล ริดเดิล พ่อเป็นมักเกิ้ล แม่เป็นเลือดบริสุทธิ์ แต่ไม่มีความรู้สึกภูมิใจในตัวใครเลย

    - แฮร์รี่เชื่อใจรอนและเฮอร์ไมโอนี่ / โวลเดอมอร์ ไม่เคยเชื่อใจใคร

    - ดวงตาแฮร์รี่สีเขียว / ดวงตาโวลเดอมอร์สีแดง(แรกเกิดเป็นสีน้ำตาล)

    - ไม้กายสิทธิ์แฮร์รี่สร้างประกายไฟสีแดง / ของโวลเดอมอร์ทสร้างประกายไฟสีเขียว

    - สีแดง (เลือดกริฟฟินดอร์ ) / สีเขียว ทายาทสลิธิรีน

    8. การทำลายโวลเดอมอร์ จะส่งผลกลับมายังแฮร์รี่ = บางส่วนที่โวลเดอมอร์ถ่ายทอดไว้ในตัวเขา จะถูกทำลายไปด้วย(เสี้ยววิญญาณที่ถูกเก็บไว้ในตัวของแฮร์รี่นั่นเอง)

    อย่าลืมคอมเมนท์กันนะคะ


    ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ

    จาก เว็บเด็กดีเนี่ยแหละ แต่ว่าใครเขียนเนี่ย TT
    อ่อ รู้ละ
    คุณ แมนเดรกสีน้ำเงิน




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×