ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บารามอสฟิก เดอะ แฟนทั่ม ออฟ เอดินบิร์ก

    ลำดับตอนที่ #1 : chapter1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 163
      0
      7 ส.ค. 48





    Chapter 1



    When the curtains up, everything begins…….





    แสงตะวันสาดส่องเข้ามาในห้องนอนของหัวหน้าชั้นปีหญิงซึ่งก็มีเจ้าของอยู่คนเดียว หญิงสาวร่างบอบบางอายุประมานสิบแปดปียังคงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวนวล หลับตาพริ่ม ผมสีน้ำตาลไหม้สยายไปกับหมอน เจ้าหล่อนเป็นผู้หญิงที่สวยจริงๆ แต่คงดูดีกว่านี้ถ้าท่านอนของเธอมันจะกุลสตรีสักหน่อย เพราะตอนนี้ขาข้างหนึ่งของเธอชี้ไปที่ทิศตะวันออก ส่วนอีกข้างก็ทิศตะวันตก พูดง่ายๆคือไปกันคนละทิศละทางเลย



    ก๊อก ก๊อก ก๊อก



    เสียงเคาะประตูดังขึ้น แต่สาวจ้าวก็ดูไม่มีทีท่าที่จะตื่นเลย



    “เฟริน”



    คราวนี้มีเสียงเย็นๆเรียก แต่ยังไงสาวน้อยคนนี้ก็ยังไม่ตื่น



    มีเสียงถอนใจดังมาจากนอกประตู และแล้วประตูห้องนอนของคนขี้เซาก็เปิดออก ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเอาการเดินเข้ามาในห้อง ดวงตาสีฟ้าคู่สวยจับจ้องไปยังร่างบนเตียงอย่างเหนื่อยหน่ายกับท่านอนสองทิศของเธอ เขาเดินไปที่ข้างเตียง และใช้ความพยายามครั่งสุดท้ายที่จะปลุกเธอดีๆ



    “เฟริน เช้าแล้วตื่นได้แล้ว” เขาว่า



    “อือ........ ขออีกห้านาทีนะ” เธอว่า ก่อนจะเอาพาห่มมาคลุมหัว



    ชายหนุ่มกลั้นหายใจนับหนึ่งถึงสิบ “ก็ได้จะนอนต่อก็ได้ แต่ฉันขอค่าชดเชยที่ไม่ได้กินข้าวเช้าเพราะนาย” เขาว่าพลางกระเทิบไปใกล้ๆ  



    ดูเหมือนอะไรในน้ำเสียงเย็นๆนั่น เรียกความสนใจจากหญิงสาวได้ เพราะเมื่อได้ยินเธอก็รีบลุกพรวดเข้าห้องน้ำไปทันที





    งั่ม งั่ม งั่ม



    เสียงโซ้ยอาหารของใครบางคนดังสนั่นห้องอาหารดราก้อน ถ้าใครพึ่งเคยมาเยือนที่นี้ครั่งแรกก็คงคิดว่ากรรมกรที่ไหนมานั่งสัดข้าวสะเสียงดัง แต่คนส่วนใหญ่ซึ่งก็คือประชากรชาวป้อมอัศวิน รู้ดีว่ามาจากใคร มันมาจากเด็กสาวหน้าตาน่ารักตากับผมสีน้ำตาล ในชุดแขนยาวกับกะโปรงสีน้ำเงิน ถึงแม้หุ่นของหล่อนจะบอบบางแค่ไหน แต่ด้วยสะปีดกับความจุของกระเพาะเธอ ไม่น่าแปลกที่หลายๆคนจะคิดว่าเธออาจเป็นชูชกกลับชาติมาเกิดใหม่ก็ได้



    “นี่ กินเร็วๆเดี่ยวก็ติดคอตายหรอก” เด็กชายตัวไล่ๆกับเด็กสาว ผมดำยุ่ง หน้าตาดี ตาสีม่วง ว่า



    “ก้อ อะ อิว อิ แค่ก แค่ก” เธอพยายามพูดทั้งๆที่ข้าวเต็มปาก สุดท้ายสำลัก



    “บอกแล้ว” เด็กชายว่าอย่างหน่ายๆ  



    “พวกนายกินเสร็จเมื่อไหร่ตามไปแล้วกัน อย่าลืมว่ามีประชุม คิล เฟริน” เจ้าของนัยตาสีฟ้าว่า ก่อนจะเดินผละไป



    “เฮ้อ เดี่ยวนี้มีแต่ประชุม นายว่าไหมเฟริน” คิลว่าก่อนจะหันไปหาเฟริน แต่ก็พบว่าหน้าขอสาวจ้าวเริ่มเป็นสีม่วงแล้ว (ข้าวยังติดคอ)



    “เฟริน!”



    “เอาล่ะจ๊ะ ทุกคนเงียบๆกันหน่อย เดี่ยวคาโลกับมาทิลด้าจะมาอธิบายเกี่ยวกับงานฉลองของโรงเรียนและงานต่างๆที่จะต้องทำ” มิสแรมเซลว่า ก่อนจะส่งหน้าที่อธิบายให้กับเจ้าแม่ประจำป้อมกับหัวหน้าชั้นปีน้ำแข็ง



    “เนื่องจากปีนี้โรงเรียนเราครบรอบห้าร้อยปี ทางโรงเรียนจึงจะจัดงานเทศกาลขึ้นพร้อมกับจะมีการแสดงละครด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการเรี่ยรายเงินซ้อมแซมสนามแข่งหมากรุก เนื่องจากการแข่งขันเมื่อเดือนก่อน..........” มาทิลด้าอธิบาย



    พอพูดถึงตรงนี้ทุกคนก็เริมคิดย้อนกลับไปถึงเมื่อเดือนก่อน เมื่อพวกเขาต้องปะทะฝีมือกับปราสาทขุนนางในศึกหมากกระดาน แน่นอนพวกเขาเป็นฝ่ายชนะ แต่ผลจาการแข่งขันที่รุนแรงและดุเดือดก็สร้างความเสียหายได้มากพอสมควร



    “งานจะแบ่งออกเป็นสองช่วง ช่วงเช้าถึงบายจะเป็นการออกซุ้มร้านอาหารกับเกม ส่วนช่วงเย็นถึงดึกจะเป็นการแสดงละคร ป้อมอัศวินจะแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม กลุ่มหนึ่งออกร้านและเกม, กลุ่มที่สองดูแลความปลอดภัย และเนื่องจากทางโรงเรียนต้องการให้ทุกหอมีส่วนร่วมการแสดงละครเพราะฉนั่นพวกเราอีกส่วนหนึ่งจะต้องแสดงด้วย แต่จะมีกษัตริย์เสด็จมาทอดพระเนตรด้วย เรื่องความปลอดภัยจึงสำคัญมาก เพราะฉนั่นป้อมเราจะมีแต่ผู้หญิงเท่านั่นที่จะแสดง...”



    “โอ้ งานนี้ละครล้มแน่ ป้อมเรามีแต่พวกผู้หญิงถึกๆทั้งนั่น” เฟรินหันไปกระซิบกับคิล หากแต่ก็ไม่พ้นหูเจ้าแม่ประจำป้อมได้



    “........ ซึ่งนั่นรวมถึงเธอด้วยเฟลิโอน่า” เธอว่า



    “หา อะไรนะ!” คนที่ยังกระซิบกระซาบกับเพื่อนอย่าสนุกเมื่อกี้ร้องทันที



    โป๊ก



    และแล้วก็มีผู้หวังดีใช้คทาของตัวเองเตือนความเจ้าหญิงจอมซ่าที่ไม่ได้ตั้งใจฟัง



    “นี้มัวแต่คุยไม่ได้ฟังใช่ไหม?!” เสียงที่คงมาจากใครไปไม่ได้นอกจากแองเจลิน่า โจลี่ เอ้ย โรมานอฟ แวดขึ้น



    “เธอก็ต้องไปซ้อมด้วย” มาทิลด้าทวน



    “เหอะ ฉันว่าคิดสั้นสุดๆเลยว่ะ ที่ให้เฟรินแสดง.........”



    โป๊ก



    ครี้ดที่ออกความเห็นยังพูดมันทันจบก็ต้องเจอชตากรรมเดียวกับเฟริน



    “งั่นนายมาแสดงแทนดีไหม?!” แองจี้ว่า



    “ดี ฉันไม่อยากแสดงเลย” แม่ตัวดีว่า



    “เออ งั่นเฟรินแกไปดีกว่าว่ะ” ครี้ดเปลี่ยนใจ พลางคลำหัวตัวเอง



    “ไม่ได้ มันเป็นคำสั่ง เธอต้องไปทดสอบบทกับพวกเราตอนเลิกเรียนวันนี้” มาทิลด้าว่าเสียงเด็ดขาด ทั้งๆที่ลึกๆแล้วเธอก็ไม่อยากไปเหมือนกัน



    “พวกที่มีหน้าที่ออกร้านกับเกม เมื่องานออกร้านเสร็จลงต้องมาทำหน้าที่ดูแล้วความปลอดภัยด้วย” คาโลเสริม แล้วการประชุมงานครบรอบห้าร้อยปีโรงเรียนเอินเบิร์กก็สิ้นสุดลง







    “คิล ช่วยฉันที ฉันไม่อยากไปทดสอบบทอะ” แม่ตัวดีบอกเพื่อนสนิทเมื่อออกจากห้องประชุม



    “ก็แล้วให้ทำไง ไปเถอะไม่เห็นมีอะไรเสียหายเลย” คิลว่า



    “นายก็พูดได้นิ ก็นายรับหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอย่างเดียว” เฟรินว่าพลางกัดฟันกรอดๆ



    “ช่วยไม่ได้ มันดวงซวยของนายเอง”



    “นี้ เร็วๆหน่อยสิเฟริน” แองจี้เร่งแม่เจ้าหญิงตัวดี หลังจากที่เธอ เรนอนกับมาทิลด้า ดักรอหล่อนหน้าห้องคาบสุดท้าย ก่อนจะลากมาที่หอประชุมประจำโรงเรียนด้วยกัน เพราะขื่นไม่พามาด้วยกัน แม่ตัวดีคงแอบหนีแน่ๆ



    แล้วพวกเธอก็มาถึงหอประชุมประจำโรงเรียน นักเรียนหลายคนก็เริ่มมาถึงกันแล้ว โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง เพราะเรื่องที่พวกเขาจะเล่นชื่อเรื่อง “ตำนานของกุหลาบสีแดง” ซึ่งในเรื่องนี้มีตัวละครผู้ชายไม่กี่คน และส่วนใหญ่จะเน่นเรื่องการร้องกับเต้นมากกว่า



    “อืม...... จะว่าไปไอการมาคัดตัวนี้ก็ไม่เลวนะ” เหตุที่ทำให้เจ้าหญิงหัวขโมยเปลี่ยนใจ ก็คือกลุ่มสาวงามที่กำลังยืนคุยเสียงคิกคัก



    ตืบ



    เนื่องจากมีคนอยู่มากมาย จึงเป็นเรื่องยากที่แองจี้จะใช้คทาคู่ใจสั่งสอนใครบางคน แต่ยังไงเธอก็มีวิธี โดยการใช้เท้าของเธอเหยียบคนที่มัวแต่มองสาวๆเพลิน



    “โอ้ย” เจ้าตัวร้องลั่น



    “จำเอาไว้ให้ดี ทำให้ดีที่สุด เพราะถ้าพวกเราได้บทที่ดี ก็นับเป็นเกีรติ์ของป้อมอัศวิน” มาทิลด้ากำชับ



    “เอาละค่ะทุกคนฟังทางนี้นะค่ะ” เด็กสาวคนหนึ่งจากปราการปราชญ์ว่า แล้วทุกคนก็ไปรวมกันที่เธอยืน



    “เอาละค่ะ เดี่ยวเราจะแยกให้ไปซ้อมทดสอบบทกันนะค่ะ แต่คาดว่าทุกคนควรรู้เกี่ยวกับเรื่องที่จะแสดงกันก่อน เรื่อง “ตำนานกุหลาบสีแดง” เป็นบทประพันของนักประพันนิรนาม เรื่องมีอยู่ว่า เทพแห่งป่าไม้ได้ตกหลุมรักกับมนุษย์ผู้หญิงนาม บรีอา ครอบครัวของเธอเคารพเทพแห่งป่าไม้มาก หากแต่เธอไม่เคยตอบรับรักของเขาเลย แต่แล้ววันหนึ่ง บรีอา ก็ตกหลุมรักกับลูกชายจ้าเมือง นาม เดริก ไม่นานนักทั้งคู่ก็แต่งงานกัน และด้วยความโกรธแค้น เทพแห่งป่าไม้ได้ทำให้เดริกติดเชื่อไข้ป่า แล้วยื่นข้อเสนอว่าถ้าบรีอายอมเปลี่ยนใจแต่งกับเขาแทนจะทอนคำสาปของเดริก บรีอาลังเลอยู่นานจนสุดท้ายเดริกก็ทนพิษไข้ไม่ไหวและสิ้นใจไป ด้วยความรู้สึกเศร้า,ผิดและโกรธแค้น เธอจึงใช้มีดแทงตัวเองต่อหน้าต่อตาเทพแห่งป่าไม้ ว่ากันว่าเมื่อบรีอาใช้มีดแทงตัวเอง เลือดของเธอก็กระเซนไปโดนดอกไม้สีขาวจนกลายเป็นสีแดง เทพแห่งป่าไม้จึงประทานนามให้มันว่า “กุหลาบสีแดง” เพื่อระลึกถึงหญิงผู้เป็นที่รัก .........”



    พอหล่อนบรรยายจบ เฟรินก็เริ่มมีความรู้สึกเลี่ยนๆทันที ก็เรื่องนี้บอกได้คำเดียวว่า โรแมนติกสุดๆ แค่ฟังแล้วเธอก็ชักกลัวเป็นเบาหวานเสียแล้ว แต่ไม่กล้าว่าอะไรเพราะยังเจ็บเท้าไม่หาย



    “เอาละค่ะ เดี่ยวจะแจกบทให้ ผู้ชายสามารถเลือกได้ว่าจะลองบทของเทพป่าไม้หรือเดริก ส่วนผู้หญิงจะได้บทของบรีอาเท่านั่น ทุกคนถึงแม้จะไม่ได้บทของทั้งสามตัวละครนี้ แต่เราก็จะคัดบทตัวรองให้ บางคนก็อาจได้เป็นคอรัสหรือเต้นแทนค่ะ” เธออธิบายต่อ



    “อะไรกัน ทำไมบทผู้ชายมันมีตัวเลือกมากกว่า......” เฟรินบ่นอุบอิบ



    “เลิกบ่นสะที และก็รีบไปเอาบทสะ” แองจี้แหวดใส่ ก่อนที่จะยกขบวนลากแม่ตัวยุ่งไปรับบท



    หากแต่ขณะที่ทุกคนกำลังซ้อมบทอยู่นั่น ไม่มีใครสังเกตเลยว่ามีเงาของร่างร่างหนึ่ง แอบมองลงมาจากที่นั่งชั้นบน









    “โอ้ ใจข้าเต้นทุกครั่งที่คิดถึงเขา แค่ได้ยินเพียงเสียง ใจข้าก็หวั่นไหว ข้าควรทำเช่นไรดี? จะบอกความจริงในใจข้างั่นหรือ? แล้วถ้าเขาปฏิเสธล่ะ? เขาจะรู้ไหมหนอว่าเขาเป็นความหวังเดียวของข้า??” เสียงพูดบทที่ถูกต้องตามสคริปทุกคำ แต่ไร้ซึ่งความรู้สึกของมาทิลด้าสิ้นสุดลง ไม่ใช่เพราะเธอไม่ตั้งใจ แต่ด้วยนิสัยของเจ้าหญิงอาเมซอนแล้ว เธอไม่ใช้คนที่จะมานั่งแสดงหรือพูดในสิ่งที่ไม่ใช่ความตั้งใจจริงของเธอ



    “อา... ดีค่ะดี........ คนต่อไปค่ะ....” กรรมการคัดตัวว่าก่อนจะเรียกสาวอีกคนเข้ามาทดสอบ



    เสียงท่องบท ที่บางครั่งผิดๆถูกๆบ้าง ไร้อารมณ์หรือโอเวอร์เกินไปยังคงดำเนินต่อไป ตามด้วยคำว่า “ดีค่ะ... คนต้อไป” ของกรรมการ ดูเหมือนพวกเขาจะยังไม่สามารถหาคนเหมาะสมที่จะแสดงบทนำหญิงได้ แองจี้เองก็คล้ายๆมาทิลด้าที่จำบทได้ แต่ขาดฟิล์ลิ่งที่เป็นองประกอบสำคัญในการแสดงควบคู่กับความจำ



    แล้วก็มาถึงตาของเจ้าหญิงเรนอน ธีน็อต คนงาม สาวน้อยที่มีความเป็นกุลสตรีและอ่อนหวานที่สุดในป้อมอัศวิน



    “เชิญเลยค่ะ” ผู้คัดเลือกว่า



    “ใจข้าเต้นทุกครั่งที่คิดถึงเขา แค่ได้ยินเพียงเสียง ใจข้าก็หวั่นไหว  ข้าควรทำเช่นไรดี? จะบอกความจริงในใจข้างั่นหรือ? แล้วถ้าเขาปฏิเสธล่ะ? เขาจะรู้ไหมหนอว่าเขาเป็นความหวังเดียวของข้า?” เสียงหวานใสของเรนอนก้องไปในประสาทรับเสียงของทุกคนอย่างช้าๆ เล่นเอาทุกคนต้องพากันตะลึง เพราะเธอสามารถสื่อออกมาได้ดีมาก ไม่แข็งไม่เกร่งไป เทียบกับคนอื่นๆที่ผ่ายนาแล้ว ก็นับว่าดีมากจนทำให้ผู้คัดเลือกยิ้มอย่างพอใจริงๆเป็นครั่งแรกได้



    “โอ้ ดีมากค่ะ........ งั่นเชิญคนต่อไปค่ะ” ถึงผู้ตัดสินจะว่าอย่างนั่น แต่ก็เปิดโอกาศคนอื่นๆได้แสดงความสามารถด้วย



    คนต่อมาเป็นสาวงามจากปราสาทขุนนางที่คุ้นตาเฟรินมาก ผมสีดำยาวเหยียดตรงถึงหลังตัดกับผิวขาวนวล ดวงหน้าจิ้มลิ้มน่ารักกำลังส่งยิ้มหวานให้กับผู้คัดเลือก ใช่แล้วเธอคือผู้รับตำแหน่งควีนของประสาทขุนนางเมื่อสีปีก่อน และยังเป็นคนเดียวที่

    กับที่แย้งตำแหน่งควีนกับเจ้าหญิงเอเธน เอฟิน่า ด้วยเหตุผลว่า “...... มีคิงรูปหล่อ ตำแหน่งควีนมันควรจะเป็นของฉัน” ที่จนวันนี้หลายๆคนคงยังไม่ลืมเลือน



    “เซลิเซีย มาร์โคเวีย ค่ะ” เธอว่า (ขออนุญาตตังชื่อเอง เพราะไม่ทราบชื่อจริง)



    “เออ ค่ะเชิญค่ะ”



    เซลิเลีย กระแอ่มก่อนนิดหนึ่ง เล่นเอาผู้เข้าคัดเลือกคนอื่นๆหมั่นไส้กันเป็นแถว



    “จะเก่งสักแค่ไหนนะ” แองจี้เองก็ออกความเห็น ด้วยความรูสึกรำคาญฟอร์มหยิ่งๆ ของเซลิเซีย



    “ใจข้าเต้นทุกครั่งที่คิดถึงเขา แค่ได้ยินเพียงเสียง ใจข้าก็หวั่นไหว  ข้าควรทำเช่นไรดี? จะบอกความจริงในใจข้างั่นหรือ? แล้วถ้าเขาปฏิเสธล่ะ? เขาจะรู้ไหมหนอว่าเขาเป็นความหวังเดียวของข้า?”



    หากแต่แองจี้ประเมินฝีมือของหล่อนน้อยเกินไป เสียงของหล่อนขณะท่องบทนั่นช่างอ่อนหวานนุ่มนวลดุดเสียงพิณ ส่วนสีหน้าของเธอไม่ต้องพูดถึง สมจริงมาก ออกแนวออดอ้อนนิดๆ แต่มันก็ถือว่าเข้าขั้นปรมจารย์ (เพราะความหนาของหน้าเธอมีส่วนช่วย)



    “เป็นไงบ้างค่ะ” เซลิเซียหันมาถามผู้คัดเลือก



    “อา...... อือ....” ผู้คัดเลือกผู้ซึ่งยังอึ้งไม่หาย พูดออกมาไม่เป็นภาษา จนผู้ช่วยอีกคนต้องกระทุ้งให้ได้สติ



    “ย...... เยี่ยมมาก........ เยี่ยมมาก” เธอว่า ก่อนจะเริ่มทำท่าจะประกาศผู้ได้รับบท (ซึ่งขณะนั่นคงไม่พ้น เซลิเซีย) ทำให้เจ้าหญิงสองแผ่นดีของเรารู้สึกโล่งใจ ที่โอกาสได้บทของเธอมันใกล้หมด



    แต่ดูเหมือนฟ้ายังเข้าข้างความยุติเท่าเทียมกัน เพราะอีกครั่งที่ผู้ช่วยของผู้คัดเลือกทำงานเตือนสติหล่อน “ยังมีผู้เข้าคัดเลือกอีกหนึ่งคนค่ะ”



    “อ้าว หรอ? ขอโทษทีค่ะ งั่นคนต่อไปเชิญค่ะ”



    เวร คิดว่าจะหนีพ้นแล้ว เฟรินคิดในใจ



    “ตาเธอแล้วไปสิเฟริน” มาทิลด้าว่าพลางผลักเฟรินให้ไปยืนข้างหน้า



    “สู้เขานะค่ะคุณเฟริน” เรนอนว่าเอาใจช่วย



    ส่วนแองจี้ไม่พูดอะไร แต่เอาคทาคู่ใจขึ้นมา เป็นสัญญาณที่รู้กันระหว่างเธอกับเฟรินว่า “ถ้าไม่ตั้งใจเจอดีแน่”



    เฟรินกลืนน้ำลายเอื้อก ก่อนจะก้าวขึ้นไป



    ในขณะที่เธอเดินขึ้นไปนั่นก็สังเกตเห็นสายตาจากคนรอบข้างเต็มไปหมด เล่นเอาอดีตหัวขโมยหน้าหนาอย่างเธอชักประหมาสะแล้ว แถมไอ้ท่าทางเหยียดหยามจากแม่เซลิเซียที่ดูหงุดนิดหน่อย เพราะเธอเกือบได้บทแล้ว



    “เชิญค่ะ”



    “อ่า ฉันรู้สึกเวียนหัวจังเลย.........” เจ้าหญิงหัวขโมยยังหาทางเอาตัวรอด



    “เฟริน” มาทิลด้าเรียกเสียงแข็ง



    “คุณเฟรินค่ะ” เรนอนทำเสียงว้าววอน



    ส่วนแองจี้ก็ชูคทาขึ้นมา



    “เชอะ คิดว่าจะแน่” เซลิเซียว่าอย่างเสียงไม่ค่อยเบา



    หนอย........ คิดดูถูกฝีมือเธองั่นหรอ จะว่าไปอาชีพต้มตุ๋น มันก็คือการแสดง ดีหล่ะ จะแสดงฝีมือให้ดู





    “ใจข้าเต้นทุกครั่งที่คิดถึงเขา........”



    เฟรินว่า ก่อนจะพนมมือขึ้นประกบกัน พลางทำหลับตาพริ่ม



    “......... ได้ยินเพียงเสียง ใจข้าก็หวั่นไหว.....”



    ในขณะนี้ทุกคนกำลังตะลึงเป็นรอบที่สามของวัน เพราะอดีตเจ้าหญิงหัวขโมยที่ปกติแทบไม่เคยตั้งใจมำอะไรเลย กลับสามารถแสดงได้อารมณ์มาก เสียงไม่ใสเกินไปเหมือนเรนอน (ไม่ได้ว่านะ) ท่าทางก็ไม่ได้โอเวอร์หรือออดอ้อนเกินไปเหมือนเซลิเซีย



    “.........ข้าควรทำเช่นไรดี? จะบอกความจริงในใจข้างั่นหรือ? แล้วถ้าเขาปฏิเสธล่ะ? เขาจะรู้ไหมหนอว่าเขาเป็นความหวังเดียวของข้า?” พอพูดเสร็จเฟรินก็ลืมตาขึ้น แล้วก็ต้องพบกับ...........







    เป็นไงบ้างค่ะ แต่งแต่เกิดมายังไม่เคยเขียนตอนหนึ่งยาวเท่านี้เลย  ตั้งห้าหน้าครึ่ง word แหนะ



    หลังจากที่คิดอยู่นานว่าจะเขียนเรื่องออกมายังไงดี จะให้บทไหนคาโลดี ก็เลยตัดสินใจไม่ต้องเล่นเรื่อง แฟนทอมหน้ากากปีศาจสะเลย แต่จะให้มีแฟนทั่มโผล่ออกมาจริงๆเลย



    ยังไงก็ช่วยๆเม้นกันหน่อยนะ เรากะเขียนเรื่องนี้ให้มันอลังการไปเลย



    โอ้ส่วนใครที่สงสัยว่าทำไมเฟรินแสดงดีจังก็เพราะ.................................. ขณะนั่นเธอกำลังคิดถึงหวานใจของเธออยู่นั่นเอง หุหุหุ



    เม้นด้วยนะค่ะ



    ด้วยรัก



    Luna_soleilz

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×