คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : วันหยุดหฤโหด
“โว้ยรอนานแล้วนะโว้ย ถ้ายังไม่มาฉันจะกลับบ้านแล้ว”เสียงยัยข้าวปั้นยังคงบ่นต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย
“เฮ้ยไอ้ข้าวปั้น แกใจเย็นก่อนดิ นี่กินไอศกรีมแกเข้าไป”ยัยวีต้าพูดพร้อมกับตักไอศกรีมยัดเข้าปากไอ้ข้าวปั้นต่อไป
“ไอ้วีต้า ฉันกินไอศกรีมแกอ่ะ เป็นถ้วยที่สามแล้วนะโว้ย”ข้าวปั้นพูดแล้วเอามือจับแก้มที่เริ่มแดงระเรื่อด้วยอาการเย็นของไอศกรีม
“เอาน่ากินเข้าไป”ยัยโตเกียวพูดแล้วก็ช่วยกันยัดไอศกรีมเข้าปากไอ้ข้าวปั้นจนไอ้ข้าวปั้นหน้าดำหน้าแดง
“แต่ลูแปงก็มาช้าจังเลยนะ”ฟูจิคนที่ใจเย็นที่สุดยังพูด
“เฮ้ย มานู่นแล้ว ไม่ต้องบ่นกันป่ะ”ฉันพูดพลางชี้ไปที่สามหนุ่มสามมุมที่กำลังเดินเข้ามาด้วยอาการโคตรจะเท่เลย
“พวกเธอนัดกันหน้าโรงเรียน แล้วจะมานั่งที่นี่กันทำไมไม่บอกอ่ะ ให้พวกเราไปยืนรออยู่ได้”นายแมคม่ามาถึงก็บ่นเป็นหมีกินผึ้ง
“ฉันก็นั่งรอพวกนายอยู่เนี้ย มาช้าแล้วยังจะมาพูดมากอีก”ฉันพูดพร้อมกับมองหน้าเหล่ารุ่นพี่ที่ทำตัวไม่ค่อยจะเป็นรุ่นพี่เอาซะเลย
“อ่ะๆไม่ต้องเถียงกันแล้ว คู่นี่อยู่ด้วยกันไม่เกินห้านาทีทะเลาะกันอีกแล้ว”นายไต้ฝุ่นพูดพยายามแยกสงครามขนาดย่อมออกจากกัน
“เออ เราไปขึ้นรถกันดีกว่าป่ะ”นายลูแปงรีบพูดทันทีกลัวจะมีสงครามเกิดขึ้นอีกครั้งแล้วชี้ไปที่รถJass สีดำที่ใหญ่พอที่จะบรรจุพวกเราทั้งหมดเข้าไปได้
เมื่อขึ้นรถมาแล้วโดยด้านหลังสุดจะเป็นฟูจิ โตเกียวและไอ้เบสที่ตามมาเพราะมีคำสั่งจากท่านพ่อคุณหนูฟูจิ ถัดขึ้นมาเป็นข้าวปั้น ลูแปง วีต้า และไต้ฝุ่น ส่วนฉันก็นั่งหน้าคู่กับคนขับนั้นก็คือไอ้คุณแมคม่า ที่เปิดเพลงซะดังจนหูจะแตกอยู่แล้วเนี้ย
“นี่นายหูแตกรึ เปิดซะดังจนรถคันข้างๆเค้าได้ยินด้วยแล้วมั้ง”ฉันด่านายแมคม่าทั้งที่มือยังคงปิดหูอยู่
“อะไรของเธอเนี้ยเปิดแค่นี่บอกเสียงดัง เธอนี่น่ารำคาญชะมัดเลยอ่ะ”นายแมคม่าพูดพร้อมกับเอามือมาขยี้ผมฉันถามจริงที่บ้านเปิดร้านสระ-ไดส์เหรอไงฟะ
“เออ แล้วนี่เราจะไปไหนกันเนี้ย”ข้าวปั้นถามขึ้น
“เราจะไปเล่นไอซ์กัน”ลูแปงเป็นผู้ตอบ
“เออ งั้นวีต้าไม่เล่นนะ วีต้าเล่นไม่เป็นอ่ะ”วีต้ารีบออกตัวเพราะไม่เคยเล่น
“นี่ไง เดี๋ยวให้ไต้ฝุ่นสอนก็ได้ ไต้ฝุ่นอ่ะเล่นเก่งมากๆเลยล่ะ”ลูแปงพูดพร้อมกับยิ้มนิดๆ
“ใช่ๆไต้ฝุ่นสอนวีต้านะ”ยัยข้าวปั้นรีบเสริมทันที
“อือ”นายไต้ฝุ่นตอบเพียงเท่านี้
“ข้าวปั้นเล่นกับเค้านะ”นายลูกแปงพูดแล้วรอความหวัง
“ได้ฉันยิ่งเล่นไม่เป็นอยู่นะ แล้วนายจะเสียใจ^^~”ข้าวปั้นพูดพร้อมกับสายตาที่มีเลศนัย
“เออ ฉันไม่เล่นนะ”ฉันรีบพูดออกตัวทันที
“ทำไม เธอจะบอกว่าเธอเล่นไม่เป็นอีกงั้นเหรอ”นายแมคม่าถ้าไม่พูดก็ไม่มีคนหาว่าใบ้หรอกนะ
“เปล่า เล่นเป็นแต่ไม่อยากเล่นมีปัญหาอะไรป่ะ”
“ถ้าเล่นเป็นแล้วทำไมไม่เล่นล่ะ ฉันว่าเธอเล่นไม่เป็นมากกว่า เล่นไม่เป็นเดี๋ยวฉันสอนให้ก็ได้”นายนั้นพูดท้าฉัน
“ก็ได้ ฉันจะเล่นแต่นายไม่ต้องสอนฉันๆเล่นเป็น”
“ฟูจิก็คงคู่กับเบสอยู่แล้วสินะ”ยัยโตเกียวพูดแซวยัยคุณหนูประจำกลุ่ม
“ก็คงเป็นงั้นแหละนะ แล้วโตเกียวล่ะเล่นเป็นรึเปล่า จะให้ใครสอนล่ะ”ยัยฟูจิพูดขึ้นด้วยความสงสัย
“ไม่รู้สิ ฉันมาฉันไม่มีคู่นี่”ยัยโตเกียวพูดด้วยความน้อยใจเล็กๆ
“นี่ไง เหลือนายนี่พอดี ให้เค้าสอนแล้วกัน”ฉันพูดพร้อมกับชี้ไปที่คนขับรถ นายนั้นถึงกับทำหน้าเหวอทันที
“พี่แมคม่าโตเกียวต้องขอฝากตัวและหัวใจด้วยนะค่ะ”ไอ้คำว่าตัวนะเสียงดังอยู่หรอก แต่ไอ้คำว่าหัวใจเนี้ยทำไมได้ยินแว่วๆฟะ
พวกเรานั่งรถจนมาถึงห้างออทิสติกเวิร์ด (มันน่าเข้าจังเลย แค่ชื่อก็กินขาดแล้วนะเนี้ย) เราทั้งเก้าคนเดินไปลานไอซ์ด้วยความเฮฮา จนคนรอบข้างต่างมองกันเป็นตาเดียว ก็ช่วยไม่ได้อ่ะนะก็มีแต่คนน่ารักอ่ะนะในกลุ่ม วันนี้จะยอมให้ก็ได้ว่าไอ้พวกสามตัวนั้นก็เท่อ่ะ ก็มันจริงนี่ไม่ต้องอ้วกกันจะได้ป่ะล่ะ
“เออ พี่แมคม่าค่ะ โตเกียวเพิ่งจะมาเล่นครั้งนี้เป็นครั้งแรกต้องขอฝากตัวด้วยนะค่ะ”ยัยโตเกียวหลังจากที่ไอ้แมคม่าเดินประคองลงมาในลานไอซ์ ก็เกาะไอ้แมคม่าไม่ยอมปล่อยเลย
“ครับเดี๋ยวจะสอนให้เดินก่อนเลยแล้วกันนะ”นายแมคม่าคุยกับเพื่อนฉันล่ะพูดเพราะเชียวนะทีคุยกับฉันเดี๋ยวก็ยัยลิงเตี้ย ยัยลิงเตี้ย
ทุกคู่ต่างลงไม่เล่นโดยเริ่มจากการวอร์มร่างกายก่อน ทุกคู่ต่างเดินไปรอบๆลานไอซ์อย่างเป็นแถว ส่วนฉันยังคงนั่งอ่านนิยายไปก่อน พอทุกคนวนกลับมารอบหนึ่ง ไอ้คุณแมคม่าก็กัดทันที
“นี่ ยัยลิงเตี้ย เค้าเสียตังค์ให้เข้ามาเล่นไอซ์นะไม่ใช่ให้เข้ามาอ่านนิยาย ลงได้แล้ว รึว่าเล่นไม่เป็น บอกกันได้นะ^o^”นายแมคม่าพูดด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ และด้วยความที่ฉันเป็นคนไม่ยอมคนอยู่แล้ว
“เออ ไปเดี๋ยวนี้แหละน่า”ฉันรีบลุกแล้วเดินลงในลานไอซ์ เดินวอร์มร่างกายสักสองรอบก็เริ่มป่วนชาวบ้าน โดยรีบไปชวนไอ้ข้าวปั้นที่ทำเป็นเด็กหัดเล่นให้ลูแปงสอน ฉันรีบไปลากมันออกมาทำให้ลูแปงตกใจกลัวว่าไอ้ข้าวปั้นมันจะหัวทิ่ม อย่างมันนะเหรอจะหัวทิ่ม จะทำคนอื่นหัวทิ่มล่ะไม่ว่า
“เฮ้ย ไอ้ข้าวปั้นเล่นคู่ไหนก่อนดีว่ะ”ฉันหันไม่ถามไอ้ข้าวปั้นที่ยังสะใจลูแปงไม่หาย ไปหลอกเค้าแล้วปล่อยให้เค้าเอ๋อแถวนั้นอ่ะนะ
“เอาคู่ไอ้วีต้าก่อนเลย เราต้องจัดการคู่นี้ให้ลงเอยก่อน ใช่ป่ะไอ้ลาวา”แกจะมาถามความคิดเห็นฉันทำไมว่ะในเมื่อแกพูดเสร็จแกก็ลากฉันไปแล้วนี้
“หลบหน่อยจ้าวีต้า พวกเค้ากำลังซิ่งเน้อ”เราสองคนตะโกนขึ้นพร้อมกันทำให้วีต้าตกใจเสียหลัก ทรงตัวไม่อยู่จนไต้ฝุ่นต้องเข้ามาช่วยประคอง ดังนั้นตอนนี้ไอ้วีต้าจึงอยู่ในอ้อมกอดของใต้ฝุ่นเรียบร้อย แต่ไม่ทันไรไต้ฝุ่นก็ทรงตัวไม่ไหวเช่นเดียวกันต่างพากันล้มระเนระนาดอยู่แถวนั้น เรียกเสียงหัวเราะให้แก่พวกเราสองสหายเป็นอย่างมาก
“เออ เป็นอะไรรึเปล่า”ยัยวีต้าของเราพูดด้วยอาการหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ว่าโกรธหรืออาย
“เออ ไม่เป็นไรคับ”นายไต้ฝุ่นก็หน้าแดงไม่แพ้กัน แต่ก็รีบพยุงยัยวีต้าที่มัวแต่นั้งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ในลานไอซ์
ฉันกับข้าวปั้นหลังจากที่ไปป่วนคู่ยัยวีต้าเรียบร้อยก็มาคู่ยัยฟูจิต่อ ซึ่งตอนนี้ยัยฟูจิกับไอ้เบส (ที่จริงเค้าก็รุ่นพี่แกนั้นแหละ) กำลังเล่นท่ากันอยู่ แหมอย่าคิดมากค่ะก็แค่ยัยฟูจิเนี้ เค้าเรียนไอ้ไอซ์สเก็ตเนี้ยอยู่แล้ว ส่วนไอ้เบสที่เป็นเนี้ยก็เพราะตามมาอารักขาคุณเธอนั้นแหละ
“ตอนนี้แหละ ไอ้ข้าวปั้นไปกันเลย”พวกฉันสองคนรีบพุ่งตัวออกจากจุดเดิมทันทีเมื่อถึงท่าที่ยัยฟูจิต้องยกขาขึ้นจากพื้นแล้วหมุนซึ่งถ้าไม่มีสมาธิก็ต้องล้มเป็นธรรมดา
“ว้าย”เสียงของยัยฟูจิร้องดังลั่นเมื่อเราสองคนวิ่งเข้าไปเฉียด ทำให้ตกใจจนตั้งหลักไม่ได้ แล้วก็ตามแผน คือยัยฟูจิก็ต้องตกอยู่ใต้อ้อมกอดของนายเบสตามแผน (เป็นเพื่อนที่ดีมากเลยนะพวกแกเนี้ย ถ้าใครเป็นเพื่อนกับพวกแกคงกลุ้มใจน่าดู) คู่ต่อไปคงไม่พ้นคู่ของยัยโตเกียวกับนายแมคม่าแน่นอน
“เฮ้ย ไอ้ข้าวปั้นคู่นั้นอยู่ไหนว่ะดูดิ ฉันหาไม่เจอฟะ”ฉันหันไปหาไอ้ข้าวปั้นเพื่อจะให้มันช่วยมองหา
“เออ นั้นดิ มันอยู่ไหนกันฟ่ะ ฉันว่ามันไม่ได้อยู่ในลานหรอก ไม่งั้นคงเห็นแล้วอ่ะ”ไอ้ข้าวปั้นพูดพร้อมกับพยายามมองหา
“ฉันว่าเราไม่ถามลูแปงดีป่ะ”ฉันชวนไอ้ข้าวปั้นไปหาลูแปงเพราะตอนนี้ลูแปงมันงอนขั้นไปนั่งไม่ลงมาเล่นซะงั้น
“เออ ไปถามมันก็ได้ว่าเห็นเปล่า”ไอ้ข้าวปั้นพูดพร้อมกับนำไปก่อน
ฉันเดินมาหาลูแปงพร้อมกับไอ้ข้าวปั้น เห็นลูแปงกำลังนั่งหน้าเศร้าอยู่ ฉันเลยให้ข้าวปั้นตะโกนเรียก เพราะไอ้ลูแปงมันแอบชอบไอ้ข้าวปั้นอยู่อ่ะนะ
“นาย”ข้าวปั้นตะโกนเรียกนายลูแปงที่กำลังนั่งงอนตุ๊บป่องอยู่ ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าควรจะเชียไอ้คุณลูแปงดีป่ะเนี้ย มันเหมือนผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอีกนะ อะไรก็งอนๆๆๆๆ
“มีอะไรเหรอ”ลูแปงหันมาคุยด้วยใบหน้าเหมือนใกล้ตาย
“ฉันจะถามนายว่า นายเห็นยัยโตเกียวกับเพื่อนนายเปล่า”ข้าวปั้นพูดกับไอ้ลูแปงที่ยังเล่นตัวไม่เลิกงอนซะที
“ไม่รู้อะไรทั้งนั้นอ่ะ ไปเล่นเหอะ เจอแล้วเดี๋ยวไปบอก”ลูแปงพูดพร้อมกับหันหน้าหนีเข้าข้างฝา
“เออ อุตส่าห์มาพูดด้วยทำเป็นงอน งั้นก็งอนต่อไปแล้วกัน เชอะรำคาญจริงเลย”ข้าวปั้นพูดแล้วเดินลงไปเล่นต่อโดยที่ทิ้งเพื่อนรักให้ยืนเซอร์อยู่แถวนั้นอ่ะ
“เฮ้ย ข้าวปั้น ลูแปงขอโทษลูแปงไม่แกล้งงอนแล้วคุยกับลูแปงเหอะนะ”ลูแปงหลังจากที่ข้าวปั้นไม่รู้ว่างอนรึเปล่าอ่ะนะ เดินลงไปในลานไอซ์ลูแปงก็รีบกระโดดตามลงไปง้ออีก (เออ งงนะว่าเมื่อกี้ข้าวปั้นมันไปง้อก่อนแล้วไหงพักเดียวลูแปงต้องมาตามง้อไอ้ข้าวปั้นอีกแล้วว่ะเนี้ย)
ฉันหลังจากที่ข้าวปั้นแยกตัวออกไปวิ่งไล่จับกับลูแปงแล้ว ฉันลาวาผู้น่าสงสารหรือสมน้ำหน้าก็ต้องมานั่งเดียวดายที่ข้างลานอีกแล้วเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก แต่มันก็ยังไม่วายมาจับแขนฉันหมุนตัวแล้วเกือบล้มแต่พอดีว่าทรงตัวอยู่อ่ะนะแล้วในขณะที่ฉันกำลังนั่งอ่านนิยายมันๆอยู่สายตาก็เหลือบไปเห็นยัยโตเกียวกับไอ้แมคม่ากำลังนั่งกินอะไรอยู่ก็ไม่รู้ในคอฟฟี่ช๊อฟข้างลานไอซ์
“โธ่เอ้ย เราก็นึกว่าหายไปไหน แต่เมื่อโอกาสมาถึงอย่างนี้ เราก็ต้องเก็บรูปไว้เป็นหลักฐานสักเล็กน้อย ไว้แบล็กเมเพื่อน” หุหุชั่งเป็เพื่อนที่ดีอะไรอย่านี้เนี้ยฮะคุณลาวา ฉันหลังจากที่นั่งมานานก็เดินลงไปในลานอีกครั้งเพื่อจะเล่นต่อ แต่ที่น่าสงสัยนั้นก็คือ ณ.มุมลานไอซ์ด้านหนึ่งมีคนมันบ้านั่งลงไปที่ลานน้ำแข็งอยู่เป็นวง ด้วยความแปลกใจเลยเดินเข้าไปดูซะหน่อยดิว่าใคร ขอให้ไม่ใช่คนที่รู้จักเลย อายเค้า
“เฮ้ยวีต้า แกทำอะไรอยู่ว่ะนั้น”ฉันถามยัยวีต้าด้วยความตกใจ
“ก็อย่างที่เห็น จะตกใจทำไมว่ะ”จะไม่ให้ฉันตกใจแกได้ไงว่ะ ก็พวกแกเอารองเท้าไปขุดลานซะเป็นบ่อขนาดนั้น แกคิดอะไรอยู่คับ แล้วไอ้พวกคุณทั้งหลายก็ดันสุ่มหัวเล่นกันอีกนะ มีแก่นนำเป็นยัยวีต้า ส่วนเหล่าสมุนได้แก่ ยัยฟูจิ นายเบสและนายไต้ฝุ่น ไอ้คนเหล่านี้จากที่เห็นมามันไม่น่าจะบ้าได้ถึงขนาดนี้เลยนะเนี้ย เห็นแล้วกลุ้มใจกับพวกมันเลยให้ตายดี
“นี่ นายไต้ฝุ่น เลิกปั้นน้ำแข็งเป็นตัวได้แล้ว รีบออกจากลานเดี๋ยวนี้เลยป่ะ”ฉันพูดพลางดึงยัยวีต้าให้ลุกขึ้น แต่ทำอย่างไงยัยพวกนี้ก็ไม่ลุกแถมยังขุดต่อไปเรื่อยๆ นี่พวกแกจะขุดหาบ่อน้ำมันรึไงฟะ
ฉันไม่รู้จะทำอย่าง เออ ต้องเรียกไอ้ข้าวปั้นมาช่วย แต่ตอนนี้มันคงไม่ว่างหรอกมั้ง เนื่องจากพอฉันหันไปจะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสุดน่ารัก แต่ภาพที่เห็นก็คือ มันกำลังวิ่งหนีลูแปงพลางร้องเพลงเหมือนหนังอิยเดียตอนที่พระเอกวิ่งไล่นางเอกยังไงยังงั้นเลยให้ดิ้นตายดิ ดูแต่ละคนมันทำสิ ติ๊งต๊องไม่ต้องปรึกษาหมอกันเลย
“นี่ยัยลิงเตี้ย มายืนเอ๋ออะไรแถวนี่อ่ะ เพื่อนๆอ่ะ”นายแมคม่าเดินเข้ามาโดยที่ยังปากหมาเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน
“มาถามฉันตามีไม่มองเอาเองว่ะ ว่ามันมีอะไรผิดปกติภายในลาน”ฉันพูดพร้อมกับเดินไปถอดรองเท้า เพราะเริ่มไม่อยากจะอยู่ท่ามกลางสายตาที่มองประมาณว่ามันมาจากหลังเขาไหนกันว่ะเนี้ย
ฉันไม่ต้องพูดอะไรต่อนายแมคม่าก็รีบเดินไปหากลุ่มตัวแสบทั้งหลาย พักเดียวทั้งหมดก็ยืนขึ้นแล้วเริ่มเดินมานั่งที่ริมลาน ยกเว้นไอ้ข้าปั้นกับลูแปงที่ยังคงเล่นละครอินเดียต่อไป
“เออ ฉันว่าฉันจะออกแล้วนะ”ฉันหันไปพูดกับเพื่อนๆที่ตอนนี้นายแมคม่าไปลากคอมากันครบแล้ว
“เฮ้ยรีบไปไหนว่ะ เพิ่งจะเที่ยงเองนะ”ไอ้ข้าวปั้นรีบบอกเพราะถ้าขาดฉันงานนี้ต้องเหงาเป็นแน่แท้อย่างไม่ต้องสงสัย
“นั้นดิ จะรีบไปไหนนานๆจะได้ออกมาเที่ยวทั้งที”ยัยวีต้ารีบบอกอีกคน
“อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนนะนานๆฟูจิจะได้ออกจากบ้าน”ไม่ต้องมาทำหน้าเศร้าเล่าความเท็จฉันได้ข่าวว่าแกขอพ่อออกมาเที่ยวทุกอาทิตย์
“เออ งั้นเราออกไปกินข้าวกันดีกว่า”แหมในสมองแกคิดแต่เรื่องกินรึไงกันยัยโตเกียว นี่ขนาดอยู่กับผู้ชายนะ
“ใช่ๆๆ”พวกแกพูดได้แค่นี่ใช่ป่ะ (ก็ไอ้พวกผู้ชายทั้งหลายนั้นแหละ)
“เออ ก็ได้”ฉันพูดพร้อมกับลุกแล้วเดินเอารองเท้าไปให้เจ้าหน้าที่ โดยที่คนอื่นๆก็เดินตามหลังมาไงไม่น่าคิดมาก แหะๆๆโทษจ้า
เมื่อเดินออกมาจากลานไอซ์สู่บรรยากาศที่ร้อนเล็กน้อยเนื่องจากเพิ่งออกมาจากลานที่มีแต่น้ำแข็ง มันก็ต้องร้อนเป็นธรรมดา พวกเราเก้าชีวิตก็ต่างคิดเมนูเป็นของตัวเองทันที
“ฉันว่าเราไปกิน เคเอฟซีกัน”ฉันเสนอความคิดคนแรก
“ไม่เอาไม่เอา กินแมคฯดีกว่า”นายแมคม่ารีบสอดขึ้นมาทันที
“พี่แมคม่ากินอะไร ฉันก็กิน”ยัยโตเกียวพูดแล้วเดินไปอยู่ข้างๆนายแมคม่าทันที
“แต่ฉันว่าเราไปกินเอ็มเคกันดีกว่านะลาวา”ไอ้ข้าวปั้นทำไมวันนี้แกความเห็นไม่ตรงกับฉันฟะ
“ข้าวปั้นกินอะไร ลูแปงก็กินด้วยนะ”ลูแปงแกจะมากเกินไปแล้วนะ เพื่อนฉันไม่ใช่อาหารนะโว้ยแทะโลมเพื่อนฉันอยู่ได้ พูดเสร็จมันก็เดินไปอยู่ข้างๆไอ้ข้าวปั้นทันที พอๆกันเลยยัยโตเกียวกับ
ลูแปงเนี้ย
“แต่วีต้าว่าเราไปกินไก่ย่าง เชสเตอร์กิวกันดีกว่านะ”ยัยวีต้าแค่นี้เค้าก็ทะเลาะกันจะแย่อยู่แล้วยังจะออกความเห็นอีก
“เออ ผมว่าเราโอน้อยออกกันดีกว่านะ เพราะต่างคนก็ต่างคิดไม่เหมือนกัน”นายไต้ฝุ่นรีบพูดห้ามทัพทันทีโดยไม่รอให้อีกสองคนที่ยังไม่ได้ลงความเห็นเอยปาก แต่ทั้งสองก็ต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของไต้ฝุ่นมากๆ
“โอน้อยออก”
“เฮ้ยไอ้เบส”ทุกคนต่างพากันร้องเรียกชื่อไอ้เบส ก็มันเป็นคนที่ออกไม่เหมือนคนอื่นเค้าเลยนะสิ มื้อนี่เลยต้องขึ้นอยู่กับมันแล้วล่ะว่าจะกินอะไร
“อ่ะ ไอ้เบสว่ามาจะไปกินอะไร”ฉันถามขึ้นด้วยอารมณ์โมโหหิวสุดๆแล้ว
“เออ ฟูจิกินอะไรดีล่ะ”นายเบสหันไปถามความคิดเห็นของคู่บัดดี้ตัวเองทันที
“ฟูจิว่าเราไปกินพิซซ่าดีกว่าป่ะ”เออ ยังพอรับได้ ดีกว่าไปกินแมคฯตามไอ้บ้านั้นเยอะ
พวกเราทั้งเก้าชีวิตต่างเดินไปที่ร้านพิซซ่าทันที เมื่อถึงร้านแล้วทุกคนต่างนั่งคู่กัน ส่วนฉันล่ะเป็นนางเอกกับเค้าแต่ไม่มีคู่ชั่งน่าสงสารอะไรเช่นนี้ พวกเรานั่งโซ้ยกันอย่างรวดเร็ว ไม่ทันถึงหนึ่งชั่วโมงพิซซ่าสี่ถาดแบบบิ๊กจัมโบ้ก็หายไปกับสายลมทันที(มันคนหรือปอบลงกันแน่ฟะเนี้ย น่ากลัวชะมัดเลย) แต่ที่น่าขำที่สุดก็คือตอนนี้มีคนนั่งหน้าดำหน้าแดงอยู่ที่โต๊ะไม่รู้เป็นเพราะอะไรสงสัยจะไม่อิ้ม (แกใช้สองส่วนไหนคิดฟะว่าพิซซ่าสี่ถาดมันจะไม่อิ่มเนี้ย)
“เฮ้ยไอ้แมคม่า แกเป็นอะไรว่ะหน้าแดงเชียว”ลูแปงถามเพื่อนชายที่ตอนนี้นั่งเงียบอยู่
“เออ นั้นดิ พี่แมคม่าเป็นอะไรรึเปล่าค่ะ”ยัยโตเกียวรีบถามนายแมคม่าเป็นการใหญ่ เชอะน่าหมั่นไส้จริงเลย ขอให้เผ็ดจนปากพัง สาธุ
“ไม่รู้ว่ะ แต่พิซซ่าที่อยู่ในจานฉันตอนฉันไปเข้าห้องน้ำพอกลับมา มันรู้สึกเผ็ดมากๆเลยว่ะ”นายแมคม่าพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะร้องไห้ก็ว่าได้
“ฉันไม่รู้นะ เพราะพวกเราก็ไปล้างมือกันหมดโต๊ะเนี้ย”ไอ้ข้าวปั้นแกทำไมรีบร้อนตัวจังว่ะ
“ฉันก็ไม่รู้แต่ชั่งมันเถอะ”นายแมคม่าพูดเสร็จก็ยกแก้วน้ำกระดกเป็นการใหญ่ ยะฮู้ สะใจเป็นบ้า ไม่ต้องงงค่ะ คือฉันเองแหละที่เป็นคนโรยพริกเข้าไปในพิซซ่าชิ้นที่นายแมคม่ากินเข้าไป ก็ตอนที่พวกเค้าหันหลังไม่ล้างมือ เข้าห้องน้ำกัน ฉันก็วิ่งมาโรยพริกก่อนแล้วก็วิ่งกลับไปที่ห้องน้ำอีกรอบไม่เห็นจะยากจริงไหมค่ะคุณผู้อ่าน
พวกเราหลังจากที่เช็คบิลเสร็จแล้วต่างพากันคิดโปรแกรมเที่ยวต่อ เนื่องจากยังไม่มีใครอยากจะกลับบ้านกันเลย และทุกคนต่างก็ตกลงปลงใจว่าจะไปคาราโอเกะกันต่อ โดยที่คนที่จ่ายก็ไม่ต้องพูดไม่นายแมคม่าก็นายลูแปงอยู่แล้ว ไม่ต้องถาม
“ห้ามตัวเองไม่ให้รักเธอ จะทำยังไงใจมันไม่ฟัง หัวใจฉันยังเกเรทุกครั้ง ยังดึงดันไปรักเธอ ห้ามตัวเองว่าพอซักที กับเธอคนนี้ไปต้องไปเจอะ ไม่มีวันเป็นเจ้าของใจเธอ ใจมันยังเกเรเสมอ
ไม่เคยจะเชื่อฟัง”นี่คือเสียงของนายแมคม่าที่พยายามแหกปากร้องมาเป็นเวลาประมาณสามชั่วโมงมาแล้ว ไม่รู้มันใช้แรงที่ไหนยืนร้อง นั่งร้อง อยู่ได้จนเพื่อนๆในห้องจากตบมือให้ ตอนนี้คงเริ่มเปลี่ยนใจอยากจะตืบมันก็เป็นได้ แต่ก็นะมันเสียงดีปล่อยมันไป
“เออ ไอ้แมคม่าตูร้องมั้งมา”นายลูแปงคงทนไม่ไว้รีบไปแย่งไมค์มาจากมือนายแมคม่าทันที นายแมคม่าก็ยอมให้โดยดีเช่นกัน สงสัยจะเหนื่อย แต่ก็สมควรอยู่หรอกเล่นครองไมค์อยู่คนเดียวเลย หลังจากที่นายลูแปงแย่งไมค์ไปเรีบยร้อย นายลูแปงก็เลือกที่จะร้องเพลงเพื่อบอกความในใจไอ้ข้าวปั้นทันที
“แต่ก่อนนั้นฉันเองก็คิดกับเธอแค่เพื่อน ต่างเป็นเหมือนเช่นเพื่อนที่รักที่คอยเข้าใจ ไม่เคยคิดว่าความใกล้ชิดที่มันชิดใกล้ จะทำให้หัวใจมันไหวมันหวั่นเหลือเกิน”ฉันไม่รอฟังจนจบ ขอตัวมาเข้าห้องน้ำก่อน และความคิดก็ประมาณว่าจะแอบโดดกลับบ้านซะเลย ฮะๆเป็นไงล่ะความคิดของฉันชั่งเป็นคนดีอะไรเช่นนี้ แต่ตอนนี้เข้าห้องน้ำก่อนเน้อ (ยังจะมาบอกชาวบ้านเค้าอีกนะ) ในที่สุดฉันก็ย่องออกมาจากห้องน้ำ คนแถวนั้นเค้าคงสงสัยอ่ะนะว่าทำไมมันต้องย่องด้วย มันหนีตำรวจรึเปล่าฟะ
“ไง ยัยลิงเตี้ยนึกว่าเข้าไปนั่งหลับในห้องน้ำซะอีกนะเนี้ยช้าจริง”
“-0-“ไม่ต้องสงสัยแต่อย่างใดเสียงนรกอย่างงี้มีมันตัวเดียว
“อะไรของเธอ”
“นี่นายมายืนทำไมเนี้ย”ไม่อายช้าวบ้านบ้างรึไงวะมายืนหน้าห้องน้ำหญิงเนี้ย
“มาดักรอน่ะซิกลัวว่าลิงเตี้ยจะหนีกลับบ้านวะ”
“หน่อย”มันรู้ทันได้ไงวะ แล้วแมคม่าก็ลากฉันมาจนฉันไม่กล้าขยับตัวไปไหนจนต้องกลับเข้ามานั่งยังห้องคาราโอเกะต่อ เซ็งโว้ยๆๆๆๆ เชอะ
“ฟูจิกลับบ้านเถอะคุณพ่อเธอโทรมาตามหลายรอบแล้วนะ”
“แต่ฟูจิยังสนุกอยู่เลยนี่นา”ฟูจิพูดแกป่องๆใส่เบส
“แต่...”
“กลับไปเลยไป๊”ข้าวปั้นพูดพร้อมถีบส่งคุณหนูผู้แสนดีจนทุกคนมองเอ๋อๆ
“แกจะบ้ารึไงวะไอ้ข้าวปั้นขืนมันมีรอยชำพ่อมันไม่มาฆ่าเรายกแก๊งเลยรึไง”
“โด่-3-“ดูมันนังเพื่อนสารเลวเคยสำนึกอะไรกับเค้าบ้างมั๊ยฮะแก
“งั้นกลับก่อนนะทุกคนขอโทษด้วยที่ทำให้งานกร่อย”ฟูจิพูดพร้อมสีหน้าที่เศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
“เอาน่าเดี๋ยวเราค่อยมาเที่ยวกันใหม่ก็ได้”วีต้าพูดปลอบใจฟูจิที่ตอนนี้เบสก็เอารถมารับเรียบร้อย
“งั้นเด๋วลูแปงไปส่งข้าวปั้นนะ^^~”เสนอหน้าเชียวนะไอ้ลูแปง
“นี่ไอ้กระแป๋งจะไปส่งทำไมเนี้ย ฉันก็มีมือมีเท้านะยะ”ทำไมยัยนี้มันเสียงดังจังวะกินนกหวีดแทนข้าวรึไงเนี้ย
“ก็......-___-”
“เออๆไปก็ไปดูทำหน้า ไปนะทุกคน”ข้าวปั้นหันมาพร้อมก้าวขึ้นรถJassสีดำเงางามของบ้านลูแปง
“ไปเลยยัยลิงเตี้ยเดี๋ยวแอบหนีเที่ยว”
“นี่นายจะบ้ารึไงฮะ0_0ปล่อยนะโว้ยฉันอายเค้า”
“ก็ถ้าเธอยังแหกปากอยู่เนี้ยมันก็น่าอายอยู่หรอก”ตอนนี้ที่ฉันกำลังแหกปากลั่นก็เพราะไอ้คุณแมคม่าพี่แกเล่นหิวฉันขึ้นรถไฟฟ้าน่ะซิคะ โดยที่ทิ้งไอ้คุณโตเกียวหน้าตาเฉย ส่วนวีต้าก็ไม่ต้องสงสัยคะเพราะคุณมันไปกับไต้ฟุ่นเรียบร้อย ส่วนโตเกียวก็ติดรถไปกับลูแปงเพราะไม่มีคนไปส่งมัน
“ไปไหนมา!!!”มาถึงก็เสียงแสบแก้วหูเลยนะ
“อะไรเนี้ยพ่อ”ฉันแว๊ดทันทีที่พ่อขึ้นเสียง (นี่แกเป็นลูกรึเปล่าเนี้ย)
“แล้วใครมาส่ง”
“เพื่อน”ฉันตอบสั้นๆแต่ได้ใจความเป็นที่สุด
“ไอ้คนที่ขับรถสปอร์คันหรูเมื่อวันนั้นใช่มะ”ถามทำไมวะ
“ใช่”
“แล้วไหงวันนี้เดินมาล่ะ”
“ก็นั่งรถไฟฟ้ากลับมานี่นาจะให้ทำไงเล่า”
“เออๆ ว่าแต่แกเป็นแฟนกับไอ้เจ้าหนุ่มนั่นรึไง”ดูคำถามของคุณพ่อสุดที่รัก
“โถ่พ่อจะบ้าเหรอ”
“ก็ดูซิมาส่งกันทุกวันเลย”พ่อเนี้ยสงสัยอยากจะมีเรื่องแน่ๆ แต่ว่าแววตาเนี้ยสงสัยจะโกรธแหงหรือไม่ก็หวงลูกล่ะซิ คนสวยก็งี้แหละคะท่านผู้อ่านที่รัก (หลงตัวเองโคตรๆ)
“ไม่คุยดูแล้วชิ”พูดจบฉันก็รีบเผ่นขึ้นห้องกระโดดลงบนเตียงแล้วนอนหลับทันที โดยที่ไม่ได้อาบน้ำแต่อย่างใด (โถ่นางเอกโสสุดๆฟันก็ยังไม่แปรง หน้าก็ไม่ล้าง)
ความคิดเห็น