ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ]NeRVe รัก โลก จิต [TeukCin][BumHyuk]

    ลำดับตอนที่ #9 : [NeRVe] 8 Just for Pass เพื่อ เพียง ผ่าน 100%

    • อัปเดตล่าสุด 4 มี.ค. 52


    Chapter: 8
    Title: Just for Pass
    Type: Pastism
    Author: Deirc

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก
     
    เสียงเคาะประตูกังขึ้นท่ามกลางความเงียบสนิทยามก่อนอาทิตย์ขึ้น คนที่กำลังหลับสบายแอบหงุดหงิดเล็กกับการรบกวนก่อนเวลาอันควร แต่ก็จำใจลุกจากเตียงนุ่มเดินไปเปิดประตูดู
     
    “ผมไปแล้วนะ” แม้จะยืนอยู่ในแสงสลัวๆแต่น้องชายตัวสูงคนนี้ก็ดูดีเสมอ
    “อืม ว่าแต่จะขับรถไปเองจริงๆหรอ ไกลนะ” มือเรียวยกขึ้นไล้แก้มป่องของอีกคน
    “ผมไม่อยากรบกวนคนรถ แถมแต่ละคนยังขับช้าเป็นเต่า เสียเวลา ขับไปเองดีกว่า” พูดไปตาก็จ้องมองซอกคอขาวๆเรื่อยมาจนถึงแผ่นอกเนียนไร้ซึ้งอาภรณ์ปกปิด
     
    “มองอะไรน่ะเรา ทะลึ่งใหญ่แล้ว” ปากติแต่มือกลับชักหน้าอีกคนเข้ามาประกบจูบเสียดื้อๆ
     
    กลีบปากหนาบดเบียดแนบแน่น ค่อยๆดูดดุนริมปากแดงจัดของอีกคน แต่เหมือนจะไม่ทันใจคนตัวบางที่พยายามใช้เรียวลิ้นดันให้ร่างสูงเปิดปาก แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามความต้องการของร่างบาง กลีบปากหนาเผยอรับเรียวลิ้นเล็กเข้าโลมเลีย สองลิ้มเกี่ยวกระหวัดกันอย่างไม่มีใครยอมใครจนกระทั่งคนตัวเล็กเริ่มขาดอากาศหายใจนั่นล่ะ
     
    “ไปได้แล้ว ขับรถดีๆนะ” หอมแก้มอีกซะที ยืนมองส่งอีกคนจนลับตาแล้วจึงกลับเข้าห้องนอนตามเดิม
     
    เวลาทั้งวันถูกใช้ไปกับการเดินไปเดินมาเดี๋ยวลุกเดี๋ยวนั่งของคนสวย เพียงรอให้ถึงเวลาออกเดินทาง
     
    ติ๊ก ตอก ติ๊ก ตอก ติ๊ก ตอก
     
    หนึ่งนาทีสุดท้ายก่อนจะถึงห้าโมงเย็นเป๊ะ เพียงแค่นาฬิกาอันเลอค่าของเขาตีบอกเวลาห้านาฬิกาเท่านั้นล่ะ
     
    ทันทีที่เสียงกังวาลของนาฬิกาเรือนใหญ่ก้องไปทั่วบ้าน คนตัวบางรีบดีดตัวจากโซฟาห้องโถงพร้อมลากกระเป๋าเดินทางใบย่อมดิ่งตรงไปยังหน้าบันไดบ้านทันที
     
    ไม่นานรถสปอร์ตสองประตูที่ไม่ค่อยจะได้โผล่มาให้เห็นก็เทียบลำหน้าบันได ตามคำเรียกร้องเจ้าตัวที่ว่าเอาออกมาใช้บ้างจอดไว้นานๆเดี๋ยวจะผุเอา
     
    พ่อบ้านดีเด่นที่ตอนนี้กลายเป็นโชเฟอร์จำเป็นเรียบเดินลงจากรถมารับกระเป๋าสัมภาระของคนเป็นนายเก็บเข้าท้ายรถอย่างรวดเร็ว
     
    สองข้างทางที่รถคันหรูแล่นผ่านแสดงให้เห็นถึงชีวิตความเป็นอยู่ในรูปแบบที่แตกต่างกันของคนเมืองกับชาวบ้านแถบต่างจังหวัด
     
    “อากาศดีๆแบบนี้ปิดหลังคาดีมั้ยครับคุณเยซอง” คนสวยซึ่งนั่งท้าวขอบหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้รับลมเย็นสบายหันมาถามพร้อมรอยยิ้ม
     
    น่าแปลกใจนักที่รอยยิ้มนี้ไม่ใช่ยิ้มเจ้าเล่ห์แบบเคย กลับดูเป็นยิ้มที่จริงใจจนเหลือเชื่อ แต่คนถูกถามเองก็รู้สึกดีกับรอยยิ้มนั่นเหมือนไม่น้อย
     
    “เปิดประทุนต้องใช้ปุ่มไหนหรือครับคุณหนู” ถึงจะเคยขับรถมาหลายหลากแต่ก็ไม่เคยได้สัมผัสรถเปิดประทุนแบบนี้มาก่อน
     
    “ปุ่มแปลกๆข้างๆแผงบังคับกระจกน่ะครับ กดแล้วดันข้างหลังนะครับ” มีเสียงตอบแต่เจ้าตัวกลับไม่ยอมละสายตาจากท้องฟ้าสีแดงยามใกล้อาทิตย์ตก
     
    ยี่สิบวินาทีผ่านไปเพดานมืดทึบก็เคลื่อนตัวหายไปด้านหลัง ลมเย็นๆพัดเข้าปะทะใบหน้าคนทั้งสองอย่างเต็มที่บรรยากาศแบบนี้ถ้าไม่ออกนอกเมืองไม่มีทางสัมผัสได้แน่ๆ
     
    คนตัวบางเริ่มชวนโชเฟอร์จำเป็นคุยนู่นนี่ไปเรื่อย แล้วฮีชอลก็ได้เห็นรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะเบาๆของโชเฟอร์หน้านิ่งเรื่องแปลกอีกเรื่องที่หาดูได้ยาก
     
     “แล้วนี่ที่บ้านคุณเยซองมีพี่น้องรึเปล่าครับ” แกล้งถามอย่างตรงจุด ทั้งๆที่นี่คือสิ่งที่รู้
     
    คนฟังหุบยิ้มลงนิ่งเงียบ ก่อนที่ใบหน้าจะเริ่มแสดงออกถึงความเครียดอย่างเห็นได้ชัด อีกคนก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องซักไซ้ต่อไป
     
    “เป็นอะไรไปครับทำไมอยู่ๆเงียบไป” หันไปถามด้วยหน้าตาสงสัย
     
    ตาโตที่แสดงออกอย่างสงสัยแท้จริงกำลังยิ้มเยาะกับคิ้มที่ขมวดเป็นปมอยู่
     
    “ขอโทษนะครับ ถ้าผมไปบังเอิญถามในเรื่องที่คุณไม่อยากตอบ หรือว่าบังเอิญไปถามถูกเรื่องอะไรที่ฝังใจเข้าล่ะก็” พูดไปตามมารยาทตามแผนที่วางไว้
     
    เมื่อคนขับเริ่มจะหัวเสียความเงียบก็เริ่มครอบงำ มีหรือที่คนตัวบางจะปล่อยให้เวลาผ่านไปเสียเปล่าๆ ที่เงียบไปก็เพราะกำลังคำนวนเส้นทางกับสถานที่เอาไว้อย่างตอนไหนควรพูดตอนไหนควรหยุด
     
    “ผมน่ะตอนเด็กๆก็มีความทรงจำที่ไม่อยากจะอยู่เหมือนกัน เป็นสิ่งโหดร้ายที่สุดที่ในชีวิตคนๆนึงจะได้เห็นเลยล่ะครับ” น้ำเสียงเบาหวิวแต่ชัดถ้อยชัดคำลอยเข้าไปในหูคนที่กำลังพยายามควบคุมสติของตัวเองให้จดจ่อกับถนนแทนการนึกถึงอดีต
     
    “ตอนนั้นผมอยู่ม.ต้น เย็นวันนั้นผมถูกสั่งให้ไปรับคิบอมที่โรงเรียนประถม คุณแม่ก็โทรมาตามบอกว่าให้รีบๆพาน้องกลับบ้าน ผมก็รับปากท่านไป แต่ผมก็ชวนคิบอมแวะร้านขนม สุดผมก็ไปสายกว่าเวลาที่คุณแม่บอกไว้”
     
    ฮีชอลแกล้งเน้นคำว่าสายดังๆ แล้วหยุดวรรคคำพูดก่อนปรายตามองปฏิกิริยาของคนข้างๆ
     
    ใบหน้าเคร่งขรึมเต็มไปด้วยความตึงเครียดสับสนพร้อมจะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา ขณะเดียวกันรถก็ใกล้จะถึงทางโค้งในระยะสองร้อยเมตรเข้าไปทุกที
     
    “พอผมกลับไปถึงบ้านทุกอย่างในบ้านปกติดีเพียงแต่คุณพ่อไม่ได้นั่งอยู่ที่โซฟาตามที่ควรจะเป็น พอผมขึ้นมาหาท่านที่ชั้นบน ผมเห็นบานประตูห้องทำงานของคุณพ่อแง้มอยู่ พอผมมองเข้าไปรู้มั้ยครับว่าผมเห็นอะไร ผมเห็นพ่อที่มีมืดชโลมเลือกในมือ กับแม่ที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพรมสีขาวที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดะ” ไม่ทันจะพูดให้จบทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วราวแผ่นดินทรุด
     
    โครม
     
    รถคันงามแล่นแหกโค้งพุ่งชนต้นไม้ใหญ่อย่างพอดิบพอดี กระโปรงหน้าพังยับเยินรวมไปทั้งกระจกที่แตกกระจาย แอร์แบ็คสีขาวพุ่งขึ้นกันกระแทกให้กับคนตัวบางอย่างรวดเร็ว แต่ที่นั่งคนขับกลับไม่มีอะไรพุ่งขึ้นกันกระแทกแม้แต่น้อย
     
    ศีรษะของร่างสูงกระแทกเข้ากับพวงมาลัยอย่างจังเพราะไม่มีอะไรรองรับ ผิวเนื้อแยกออกจนเห็นเนื้อเยื่อกละแผ่นกะโหลก เลือดไหลรินไม่มีทีที่จะหยุดแต่อาการบาดเจ็บที่ร้ายแรงกว่ากลับเป็นกลับดูคอที่เคลื่อนตัวผิดทิศทางเพราะแรงกระแทก เสียงลมหายใจติดขัดรวยรินเป็นเครื่องบอกว่าใกล้วาระสุดท้าย ดวงตาที่ถูกกระจกบาดจนเหวอะไปเสียข้างหนึ่งกับอีกข้างที่ยังคงสมบูรณ์ดูเบิกกว้างแสดงถึงอารมณ์อันหลากหลาย
     
    ทั้งตกใจ ทั้งโกรธ................ และบ้าคลั่ง
     
    ร่างบางที่กำลังปวดหัวเพราะแรงกระแทกอย่างรุนแรง ค่อยๆคว้าเอาเศษกระจกมากรีดถุงลมใบโตที่กำลังบดเบียดแย่งพื้นที่อันมีน้อยนิดอยู่แล้วเพราะกระโปรงรถที่ถูกอัดเข้ามาให้แตกออก
     
    แฮ่กๆ คนตัวบางหอบแรงๆก่อนหันไปมองอีกคนที่นอนคว่ำหน้าติดอยู่กับพวงมาลัยสถาพอ่อนแรง กับผิวเนื้อที่ชโลมด้วยสีแดงสดของเลือดที่หยิ่งไปด้วยศักดิ์ศรีและความสัตย์......ช่างงดงามนัก
     
    ตากลมกรอกรอบทิศครบสามร้อยหกสิบองศาพอดีสองรอบถ้วน ก่อนสายตาแปลกๆที่หายไปตั้งแต่เหยียบเข้าคฤหาสน์จะกลับมาอีกครั้ง…….. สายตาที่ผิดแปลกไปจากคนปกติ
     
    ของเหลวเฝื่อนไหลจากจมูกเข้าปากผ่านคางแล้วหยดลงบนตัก คงเป็นเพราะแรงกระแทกทำให้เส้นเลือกฝอยในจมูกแตก
     
    “คุณเยซองครับ คุณแม่คุณน่ะไปสวรรค์แล้วน้องสาวคุณก็ด้วย ไม่ต้องห่วงไปหรอกครับ เค้าได้ไปสวรรค์ก็เพราะคุณนะครับ” เรียวปากเปราะเปื้อนยิ้มกริ่มหัวเราะคิกคักกับคำพูดที่เจ้าตัวรู้สึกว่ามันตลกเสียเต็มประดา ทั้งกายสั่นเทาเพราะการหอบหายใจแล้วหัวเราะอึงในคอ
     
    “แต่อย่าโทษตัวเองเลยครับ คนเรามันก็ต้องมีพลาดกันบ้าง เพียงแต่อาจจะโชคร้ายเสียหน่อยที่ความผิดพลาดคราวนี้มันกลับมาทำร้ายตัวคุณเอง เผินๆเหมือนคุณจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ แต่จริงๆแล้วคุณน่ะทำพลาดมาสี่ครั้งแล้วนะครับ ถึงพระเจ้าจะบอกว่าให้อภัยเจ็ดครั้ง แต่ผมว่าแค่สี่ครั้งก็เกินพอแล้วล่ะ” มือเรียวอันสั่นเทาลูบผมสีดำขลับอย่างเอ็นดู เจ้าของศีรษะที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เพราะบาดแผลฉกรรจ์ได้เพียงเหลือกตามองอีกคนด้วยความสับสน
     
    “อยากรู้มั้ยว่าคุณทำอะไรผิดไปบ้าง อย่างแรกคือคุณไม่เห็นค่าของคำพูด อย่างที่น้องคุณบอกให้รีบกลับแต่คุณก็ไม่สนใจ น่าสงสารเนอะ เอาเถอะเรื่องผ่านไปแล้วก็แล้วไป แล้วยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับผม แต่ก็ต้องขอบคุณเหตุการณ์คราวนั้นที่ทำให้ผมสร้างเรื่องขึ้นมาปั่นหัวคุณได้ คือที่ผมเล่าน่ะเป็นเรื่องจริงนะ พ่อฆ่าแม่ต่อหน้าต่อตาผมเลย แต่ที่ไม่จริงก็แค่ตอนไปรับคิบอมแล้วสายก็เท่านั้น เพราะความจริงทุกวันต้องมีคนในบ้านไปรับพวกเราอยู่แล้ว” อีกครั้งที่รอยยิ้มพิมใจบนปากสั่นๆนั่นสร้างความรู้สึกพะอืดพะอมให้กับคนฟังอย่างเยซอง
     
    “เรื่องที่สอง คุณจำได้มั้ยว่าคุณพูดอะไรกับคุณพ่อเมื่อสามสี่วันก่อน คุณบอกคุณพ่อว่า สงสัยผมจะยังไม่หาย คุณเป็นคนดีนะ แต่แน่ที่ผมดันไปได้ยินเข้าเนี่ยสิ ทำไมก่อนพูดไม่ปิดประตูให้เรียบร้อยล่ะครับคุณเยซอง นี่เรื่องสำคัญใช่เล่นนะ แต่ไม่เป็นไรครับ ผมจะบอกคุณพ่อให้เองว่าวันนี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วทุกคำพูดของคุณก็จะกลายเป็นคำโกหก เรื่องที่สามก็คือความซื่อตรงของคุณเอง แค่ผมสั่งให้ใช้รถคันนี้ ทั้งที่ดูก็รู้ว่าไม่เหมาะเอาออกต่างจังหวัดแต่คุณก็ยังคงทำหน้าที่ได้ไม่ขาดตกบกพร่อง ความจริงก็เพราะว่าคันนี้แอร์แบ็คที่นั่งคนขับที่เคยใช้ไปยังไม่ได้ซ่อมแค่นั้นล่ะครับ” คนพูดยิ้มกรี่มแม้ในหัวจะปวดจนแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ แม้ทุกคำพูดจะสั่นเครือแต่ก็ถูกร้อยเรียงอย่างครบถ้วนไม่มีขาด ในขณะที่คนฟังเริ่มจะหมดสติไปทีละนิด
     
    “อย่าพึ่งหลับสิครับ! นี่เราจะได้เจอหน้ากันครั้งสุดท้ายแล้วนะ คุณคิดว่าผมสบายนักหรือไง ที่ฝืนสังขารเทศนาคุณแบบนี้น่ะ!” มือสั่นๆกระชากกลุ่มผมให้อีกคนที่ค่อยๆหลุบตาลงลืมตาขึ้นอีกครั้ง พร้อมด้วยเสียงขยับของกระดูกอันผิดที่ผิดทางแต่ไม่ถึงกับหักออก เป็นผลให้ลมหายที่รวยรินขาดตอนยิ่งกว่าเดิม
     
    “อย่างสุดท้ายที่คุณจะรู้สึกผิดไปตลอดการก็คือ จดหมาดเรื่องคนที่ทำลายชีวิตคุณน่ะ เด็กผู้ชายในรูปก็เป็นแค่คนโชคร้ายที่ผมเอารูปเขาไปสลับกับรูปจริงๆที่เพื่อนคุณส่งมาก็เท่านั้นเอง คุณวางแผนอะไรไว้กับเพื่อนคุณล่ะ วันนั้นที่ลาครึ่งวัน ถึงผมจะอยู่บ้านแต่ผมรู้ผมเห็นหมดทุกอย่างนั่นแหละ แต่จะบอกเพื่อนคุณว่าผิดคนตอนนี้ก็คงสายไปแล้วสินะ เฮ้อ สงสารเด็กคนนั้นจังเลยเนอะ ไม่รู้เรื่องอะไรต้องมาถูกแก้แค้นในเรื่องที่ตัวเองไม่ได้ทำ มันเป็นความผิดของคุณทั้งนั้นเลยน้า” ทำหน้าเศร้าประกอบคำพูด หากมองไกลๆโดยไม่ได้ยินบทสนทนาคงดูเหมือนคนตัวบางกำลังเศร้ากับการจากไปของคนข้างๆกาย
     
    “เอาล่ะครับ หลับให้สบาย แล้วคอยมองจากข้างบนก็พอ ว่าการตายของคุณจะเป็นเรื่องน่าอัปยศขนาดไหน ฝันดีครับ” ว่าแล้วก็ปล่อยให้ศีรษะกระแทกกับพวงมาลัยอีกครั้ง
     
    ฮีชอลพยายามใช้มือเรียวบางข้างซ้ายชุ่มที่ไปด้วยเลือดเพราะโดนแอร์แบ็คดันเบียดกับเศษกระจกที่แตกอยู่หน้ารถหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงฝั่งซ้าย
     
    ทันทีที่ฝืนหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาได้มือขวาก็รีบคว้าขึ้นโทรหาคนที่อยู่ใกล้ที่สุด เบอร์โทรด่วนเบอร์แรก
     
    คิบอม
     
    เสียงสัญญาณดังไปเรื่อยจนกระทั่งมีเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย
     
    “คะ คิบอม ชะช่วยด้วย ทางโค้งถนนนัคซัน รถชน คุณเยซอง คะ คุณเยซองเค้า พลั่ก ตุบ” ไม่ทันจะได้พูดจบคนฟังก็ได้ยินเสียงเหมือนโทรศัพท์ร่วงไปจากมือคนถือสาย
     
    เมื่อสมองเรียบเรียงเหตุการณ์ได้ก็รีบถามเบอร์ฉุกเฉินระแวกนี้กับชาวบ้านในบริเวณหมู่บ้าน แล้วรีบโทรเรียกรถฉุกเฉินไปที่เกิดเหตุก่อนจะรีบคว้ากุญแจรถขับตามไปที่เกิดเหตุทันที
     
    ทางด้านคนที่พึ่งทำโทรศัพท์ร่วงไปจากมือด้วยความอ่อนแรง ก็ทิ้งศีรษะลงกับหน้ารถอย่างแรงจนเกิดรอยแยกของผิวหนังบริเวณคิ้วแล้วหลับตาลง ตัดขาดจากสัมปชัญญะที่ฝืนมานาน
     
    เมื่อมาถึงบริเวณทางโค้งเสียงรถพยาบาลที่ดังไปทั่วบริเวณก็ลอยมาเข้าหู ทันทีที่จอดรถเสร็จร่างสูงรีบเข้าไปยังที่เกิดเหตุทันที
     
    “คนนอกห้ามเข้านะครับ” พนักงานหน่วยฉุกเฉินรีบเดินมากันคิบอมให้ห่างจากบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุ
     
    “ผมเป็นน้องชายเขา” ตอบอย่างเร่งร้อนก่อนสะบัดตัวจากการเกาะกุมของอีกคนรีบเข้าไปมองหาพี่ชายตัวบางด้วยความเป็นห่วง เจ้าหน้าที่ที่พึ่งกันร่างสูงไว้เมื่อทราบว่าคนตัวสูงเป็นใครก็ได้แต่เงียบแล้วมองตาม
     
    “คนขับเสียชีวิตแล้ว! คนนั่งได้รับแรงกระแทกหมดสติ เอาแปลมาเร็ว! พาไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด!” เสียงเจ้าหน้าที่ที่พึ่งเข้าไปสำรวจร่างทั้งสองใกล้ๆตะโกนสั่งลูกน้อง ในขณะที่เจ้าหน้าที่อีกสองสามคนกำลังพยายามงัดเอาร่างของคนขับออกมา
     
    คิบอมยืนมองร่างของเยซองที่ถูกวางบนเปลแล้วเอาผ้าขาวปิดทั้งร่าง แต่กระนั้นเลือดสีแดงก็ยังซึมผ่านผ้าขาวขึ้นมาอยู่ดี
     
    เมื่อหันกลับไปเห็นพี่ชายตัวบางถึงวางบนเปลก็รีบเดินตามไปที่เปลทันที เป็นปกติอาจถูกเจ้าหน้าที่ตำหนิให้หลบไปให้พ้นทาง แต่ในเมื่ออีกฝั่งคือคิมคิบอมผู้ปรากฏให้เห็นในหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารหน้าข่าวสังคมบ่อยๆใครเล่าจะขัด
     
    เพียงแค่เห็นเลือดโชกใบหน้าหวานทั้งจากคิ้ว ไหนจะเลือดที่จมูกกับปากนั่นอีก ร่างสูงแทบนั่งไม่ติด ยิ่งตอนที่จับมือเรียวขึ้นมาแล้วพบว่ามือเรียวบางข้างซ้ายนั้นมีร่องรอยถูกกรีดมากมายใจก็ร่วงหายไปกับพื้นถนน แต่แล้วร่างนั้นก็ถูกเข็นขึ้นหลังรถพยาบาลไป
     
    ความจริงร่างสูงเองก็อยากจะตามไปกับรถพยาบาลแต่จะทิ้งรถไว้ก็คงไม่ดี เลยจำใจขับรถของตัวเองตามไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
     
    ระหว่างนั่งรอหน้าห้องฉุกเฉินคิบอมรีบโทรบอกพ่อเรื่องอุบัติเหตุ ทางนั้นถึงจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะไม่ได้อยู่ในเกาหลี เพียงแต่สั่งให้ลูกชายคนเล็กคอยโทรมารายงานให้ฟังเป็นระยะ
     
    ระหว่างนั่งรอคิบอมเองก็ไม่อยากจะนั่งฟุ้งซ่าน จึงเริ่มนำเรื่องต่างๆมาปะติดปะต่อกันอีกทีก่อนจะค่อยๆคิดถึงสาเหตุจริงๆ
     
    ความจริงคุณเยซองเองเป็นคนที่รอบคอบระวังมาก แต่ทำไมถึงขับรถแหกโค้งแบบนั้นล่ะ
     
    - - - - - - - - - - - - - - - -
     
    เมื่อสามสิบนาทีก่อนประธานคิมได้รับสายลูกชายคนเล็กจากเกาหลีโทรมาบอกว่าระหว่างจะไปไหว้พระที่ต่างจังหวะเกิดอุบัติเหตุรถแหกโค้ง เป็นเหตุให้พ่อบ้านแสนดีเสียชีวิตคาที่ ส่วนลูกชายคนโตเองก็ยังไม่ได้สติถึงจะเป็นห่วงแค่ไหนแต่ในเมื่อจะมีการประชุมใหญ่ในไม่กี่นาทีข้างหน้าเขาก็ต้องทนใจเย็นรอให้งานเสร็จเสียก่อน
     
    การประชุมโดยมีประธานคิมเจ้าของคิมกรุ๊ปจากสาขาใหญ่ที่เกาหลีมานั่งอยู่ด้วยที่สาขาญี่ปุ่นเป็นที่ตื่นเต้นของพนักงานทั้งหลายนัก แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีเพราะความเป็นกันเองของประธานคิมคนนี้
     
    ทันทีที่การประชุมจบหัวหน้าสาขาญี่ปุ่นก็รีบเข้ามาทักทายอย่างสนิทสนม เพราะไม่ได้เจออกับประธานคิมมานานตั้งแต่ย้ายมาอยู่สาขาญี่ปุ่น
     
    “ได้ข่าวว่า คุณฮีชอลลูกชายท่านกลับมาจากเรียนต่างประเทศแล้วตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ” คนถามถามยิ้มๆ
    “เอ่อ.... กลับมาก็สบายดีครับ เพียงแต่ ก่อนจะประชุมเจ้าลูกชายคนเล็กพึ่งโทรมาบอกว่าเจ้าคนโตรถชนที่ต่างจังหวัดน่ะครับ” ยิ้มเจื่อนๆไปให้คนถาม
    “ละ แล้วเป็นอะไรมากมั้ยครับ” ถามด้วยน้ำเสียงตกใจสุดขีด
    “ยังไม่ทราบครับ เห็นบอกหมดสติไป แล้วก็รู้แต่คนติดตามที่ไปด้วยเสียแล้ว” คนตอบเองเริ่มทำหน้าไม่ถูก
    “ขอโทษครับที่ถามไม่เข้าเรื่อง ขอให้ลูกชายท่านหายเร็วๆนะครับ เอ่อ .... ท่านทราบหรือยังครับว่าสาขาญี่ปุ่นของเราได้หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ใหม่แล้ว นี่ครับ ลีทึก จบปริญญาเอกมาจากอเมริกาเลยนะครับท่าน” รีบบอกปัดไปเรื่องอื่นแล้วคว้าเอาตัวคนที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเข้ามาแนะนำ
     
    คนที่ถูกดึงมาอย่างงงๆก็มองด้วยความแปลกใจแต่ก็โค้งให้ประธานคิมอย่างนอบน้อม
     
    “หืม จบปริญญาเอกมาจากอเมริกาเชียว แล้วทำไมถึงมาทำแผนกประชาสัมพันธ์ล่ะ” ประธานคิมตัดเรื่องลูกชายออกไปจากหัวแล้วหันมาสนใจคนตรงหน้าแทน
     
    ใบหน้าที่ยังดูอ่อนวัยให้ความรู้สึกว่าคนๆนี้เก่งไม่น้อยที่จบปริญญาเอกขณะอายุเพียงเท่านี้
     
    “ผมจบสาขาจิตวิทยาน่ะครับ มาทำงานในส่วนของโรงแรมคิดว่าสาขาที่พอจะเหมาะสุดก็คงจะเป็นประชาสัมพันธ์” ตอบด้วยท่าทางที่น่าเชื่อถือ
     
    ทันทีที่ได้ยินคำว่าจิตวิทยา ประธานคิมก็เงียบไปพลางนึกถึงเรื่องลูกชายของตนกับคำพูดของพ่อบ้านผู้พึ่งจากไป
     
    “หัวหน้าสาขาจะว่าอะไรมั้ยถ้าผมจะขอตัวเด็กคนนี้กลับไปเกาหลีกับผม” ประธานคิมเอ่ยถามแต่สายตากลับจ้องเข้าไปในตาของเด็กหนุ่มอย่างครุ่นคิด

    NeRVe - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



    พี่ทึกก็โผล่แล้ว!!!!!!!!!!!!

    ส่วนพี่เย่ไปซะแล้ว~

    ได้อัพแบบเต็มร้อยซะที

    ฮี่ๆ

    ช่วงนี้ปิดเทอมแล้ว เวลาว่างเลยเยอะขึ้น

    สอบเสร็จกันรึยัง

    ถ้าสอบเสร็จแล้วว่างแล้ว

    อ่านแล้วก็เม้น

    555+

    อารมณ์ดีเบิกบาน

    เม้นไม่ถึงขาดอีก3ไม่เป็นไรอยากอัพ

    พอกลับไปอ่านฟิคตัวเองรู้สึกมันยืดๆยังไงชอบกล

    ต่อไปจะแก้ไขตรงนี้น่อ

    ไปล่ะแต่เช้ายังไมได้กินไรเลย

    นี่บายโมงแล้วอ่ะ

    อะไรจะเกิดขึ้นคิมฮีจะเป็นอะไรมั้ย

    ติดตาม....

    อุส่าห์อ่านมาถึงนี่

    เม้นสิจ๊ะ~
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×