ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ]NeRVe รัก โลก จิต [TeukCin][BumHyuk]

    ลำดับตอนที่ #11 : [NeRVe] 10 Perhaps บางที 100%

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 52


    Chapter: 10
    Title: Perhaps บางที
    Type: Daily
    Author: Deirc

    ผมไปก่อนนะ มีธุระ ฝากคุณลีทึกเอารถกลับบ้านด้วยนะครับ ร่างสูงลุกพรวดแล้วทิ้งกุญแจรถไว้บนโซฟา
     
    สองขาพาร่างสูงของตนออกมานอกโรงพยาบาล แสงแดดยามบ่ายให้ความรู้สึกดีกว่าแสงไฟสว่างจ้าและกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อเป็นไหนๆ
     
    คิบอมยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา บ่ายโมงครึ่ง เหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาทำงานของฮยอคแจ เมื่อนึกถึงฮยอคแจสมองก็ประมวลผลสถานที่ที่ควรจะไปมากที่สุดในขณะนี้ ร้านซีดีที่ฮยอคแจแวะไปหลังเลิกงานบ่อยๆ อะไรกันทำให้ร่างบาง
     
    เพราะระยะทางจากโรงพยาบาลไปถึงร้านอยู่ในระยะทางที่สามารถเดินไปได้ ร่างสูงตัดสินใจเดินไปเรื่อยๆค่าเวลา
     
    มองผ่านสองข้างทาง เบื่อหน่าย จำเจ ซ้ำซาก ชีวีตที่ต้องหมุนให้ทันเวลา การแข่งขันอันไม่มีจุดสิ้นสุด ต่อให้ตัวเองจะช้าลงแต่สิ่งรอบข้างก็ยังคงวิ่งต่อไป
     
    หลายนาทีต่อมาร่างสูงก็มาถึงจุดหมาย ซอยเล็กๆไม่เงียบเหมือนครั้งก่อนที่เคยมา ร้านเดิมยังคงเปิดไฟสีอ่อนให้ความรู้สึกอบอุ่นแม้ในเวลากลางวัน
     
    ขายาวก้าวเข้าไปในบริเวณร้านอย่างเงียบเชียบ กวาดสายตามองไปทั่ว เสียงดนตรีลอยกระทบหูเช่นเคย เพราะบรรยากาศงั้นหรือที่ทำให้คนตัวเล็กต้องแวะมาเป็นประจำหลังเลิกงาน ไม่มีทาง การที่คนๆนึงจะไปสถานที่ไหนบ่อยๆก็จะต้องมีจุดประสงค์ ในเมื่อลีฮยอคแจไม่ได้ซื้อของ ก็แสดงว่ามาหาใครบางคน
     
    ตาคมมองหาคนๆนั้น แต่ทว่าก็ปราศจากการมีอยู่ของใครอีกคน ร่างสูงลดความสูงลงมองแผ่นซีดีเก่าๆบนชั้นข้างเคานท์เตอร์ พลางเหลือบไปเห็นขาข้างหนึ่งโผล่พ้นจากเปียโนหลังใหญ่เล็กน้อย
     
    ร่างโปร่งหลับไหลมีเปียโนสีดำขลับเป็นหลักพิง มีกระดาษบรรทัดห้าเส้นและดินสอวางอยู่บนตัก ปอยผมสีน้ำตาลอ่อนบางส่วนร่วงลงมาปกใบหน้าคม
     
    เพื่อน?  
     
    ทีแรกตั้งใจจะดูท่าทีของคนๆนี้แต่ในเมื่อคุยด้วยตอนนี้ไม่ได้ก็เลือกที่จะออกไปอย่างเงียบๆ
     
    ไม่นานหลังออกมาจากร้านซีดี ร่างสูงก็มาถึงที่ทำงานพิเศษของคนตัวเล็ก แม้จะยังไม่ถึงเวลาเปิดร้านก็ตาม ครั้งก่อนๆที่เคยมา เขายังไม่เคยสังเกตบริเวณร้านดีๆ
     
    บริเวณถูกตกแต่งตามแบบตะวันตกใช้โทนสีน้ำตาลสบายตา หน้าร้านมีแปะใบโฆษณาโปรโฒชั่นต่างๆของทางร้าน พร้อมรูปของหวานหน้าตาน่าทานมากมาย
     
    “เอ้า นาย เพื่อนฮยอคแจนี่ ร้านยังไม่เปิดนะ แล้วกว่าเจ้านั่นจะมาก็นู่นสี่โมง” คนตาหยีท่าทางอารมณ์ดีที่พึ่งเดินออกมาจากหลังร้านตะโกนเรียกเมื่อเห็นร่างสูงคุ้นหน้าคุ้นตายืนด้อมๆมองๆอยู่รอบๆบริเวณร้าน
     
    ร่างสูงโค้งให้คนอีกคนอย่างนอบน้อม
     
    “ผมขอเข้าไปนั่นรอในร้านได้มั้ยครับ”
     
    “น้ำมาแล้วครับ” คนตาเล็กยิ้มกว้างวางแก้วน้ำสองใบบนโต๊ธกระจกแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับผู้มาเยือน
     
    “คุณคิบอมเป็นเพื่อนที่มหาลัยของฮยอคแจสินะครับ” รอยยิ้มสดใสไม่เคยหายไปจากใบหน้านี้เลยตั้งแต่เมื่อหลายนาทีก่อน
    “ครับ ขอโทษนะครับที่มีรบกวนเวลาทำงาน” ตอบเรียบแล้วคว้าแก้วน้ำขึ้นดื่ม
    “ไม่หรอกครับ ร้านก็ยังไม่เปิดด้วย เลยยังมีเวลา”
     
    ตาคมมองเข้าไปในแววตาสดใสอย่างครุ่นคิด แล้วคนอารมณ์ดีก็ชวนร่างสูงคุยเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย จนกระทั่งวกมาที่เรื่องของฮยอคแจ
     
    “ยอดไปเลย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฮยอคแจจะรู้จักคนแบบคุณด้วย”
    “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ พอดีเรียนวิชาเลือกเดียวกันน่ะครับ” ตอบไปแบบนั้นทั้งที่ความจริงคิบอมไม่เคยเห็นคนตัวเล็กเข้าคลาสเลยซักครั้ง
    “ออ แล้ววันนี้คุณคิบอมมาหาฮยอคแจทำไมครับ อยู่มหาลัยไม่เจอกันหรอครับ”
    “ครับ วันนี้เห็นบอกยุ่งๆ เลยไม่ได้แวะไปหา” ฟังดูสนิทสนมกันเสียเหลือเกิน ก็แค่เรื่องที่สร้างขึ้นมา
     
    “ปกติเวลาอยู่ที่นี่ฮยอคแจเขาเป็นคนยังไงหรอครับ” เสียงเข้มถามเรียบๆ เหมือนคำถามทั่วๆไปที่จะถามถึงเพื่อนคนสนิท
     
    จะเล่นอะไรก็ต้องรู้จักสิ่งนั้นให้ดีซะก่อน
     
     - - - - - - - - - - - - - - - -
     
    คนตัวบางบนเตียงผู้ป่วยชวนร่างโปร่งคุยเรื่อยเปื่อย ถามนู่นนี่ไปเรื่อย จนกระทั่งหลับไป บทสนทนามากมายที่ได้ฟังไม่มีอะไรดูผิดสังเกตุ เพียงแต่รอยยิ้มและแววตาที่ส่งมาเท่านั้น ที่สร้างความรู้สึกแปลกๆให้กับอีกคน
     
    นาฬิกาบอกถึงเวลาที่ล่วงเลย ร่างโปร่งเดินไปที่เตียง ห่มผ้าห่มให้คนที่หลับไปก่อนจะคว้ากุญแจรถที่อีกคนทิ้งไว้แล้วออกจากห้อง มุ่งหน้ากลับไปยังคฤหาสน์ตระกูลคิม
     
    หลังเอายานพาหนะคันหรูเก็บเข้าโรงรถเรียบร้อยเวลาว่างก็กลับมาถึงอีกครั้ง ระหว่างก้าวเข้าบ้านตาคมก็เหลือบไปเห็นคนงานและสาวใช้ถือกล่องกระดาษใบใหญ่ขนของกันให้วุ่น
     
    “ทำอะไรกันอยู่หรอครับ” เข้าไปถามแม่บ้านคนหนึ่งที่กำลังสั่งงานบรรดาลูกน้อง
    “อ๋อ กำลังขนของของคุณเยซองออกมาน่ะค่ะ เห็นว่าจะมีพ่อครัวคนใหม่จะมาน่ะค่ะ นายท่านเลยสั่งให้เตรียมห้องไว้”
    “ให้ผมช่วยนะครับ เพราะท่าทางของจะเยอะ”
    “ไม่ได้หรอกค่ะ คุณลีทึกพักผ่อนตามสบายเถอะนะคะ” หัวหน้าแม่บ้านรีบโบกมือด้วยความเกรงใจ
    “ไม่เป็นไรครับ ผมว่างๆอยู่ด้วย รบกวนด้วยนะครับ” ร่างสูงยิ้มให้หญิงมาอายุ จนลักยิ้มปรากดบนแก้มเนียนแล้วรีบเดินเข้าไปในเรือนย่อย ที่มีคนงานเดินเข้าออก
     
    ในบ้านชั้นเดียวสำหรับคนงานที่ถูกแยกออกมา แบ่งเป็นห้องพักเล็กๆจำนวนมาก ห้องพักขนาดใหญ่สี่ห้อง ห้องครัว และห้องทานอาหารของคนงาน และห้องที่กำลังถูกเคลื่อนย้ายสิ่งของคือหนึ่งในห้องพักขนาดใหญ่
     
    ระหว่างเดินฝ่าบรรดาคนงานทุกๆคนต่างโค้งให้เขาอย่างมีมารยาทพร้อมหลบทางให้
     
    ภายในห้องสี่เหลี่ยมเต็มไปด้วยกองหนังสือที่ถูกหยิบออกมาจากชั้นเตรียมเคลื่อนย้ายลงกล่อง บนเตียงสีขาวสะอาดผ้าห่มและหมอนวางไว้อย่างเป็นระเบียบ บ่งบองถึงนิสัยของเจ้าห้องคนเก่าเป็นอย่างดี
     
    บนโต๊ะไม้ถูกจัดการจนว่างเปล่า ไม่มีแม้ไรฝุ่น นิ้วเรียวไล้ไปตามเนื้อไม้ เมื่อมาถึงขอบโต๊ะมีการขยับเขยื่อนจึงรู้สึกได้ว่า แผ่นไม้นี้มีลิ้นชักอยู่เบื้องล่าง
     
    ร่างสูงเปิดแผ่นไม้ขึ้น ภายลิ้นชักมีเพียงดินสองสองสามแท่ง สมุดบันทึกสามสี่เล่ม และสมุดวาดภาพขนาดใหญ่อีกเล่มหนึ่ง
     
    ลีทึกรีบปิดลิ้นชักไว้ตามเดิมแล้วใส่หนังสือบนพื้นลงในกล่องกระดาษที่เตรียมไว้ ก่อนจะรีบยกไปไว้ที่รวมของเตรียมย้ายขึ้นรถอย่างรวดเร็ว
     
    หัวหน้าแม่บ้านเห็นร่างสูงเดินผ่านพร้อมกล่องใบโตก็โค้งงามๆก่อนจะหันไปบัญชาการลูกน้องคนอื่นๆต่อไป
     
    เมื่อวางของเสร็จขายาวรีบกลับไปยังห้องเดิมแล้วเปิดลิ้นชักโต๊ะขึ้นอีกครั้ง แล้วคว้าเอาสมุดบันทึกและสมุดวาดภาพติดมือกลับเข้าบ้านไป
     
    หลังล็อคประตู้เรียบร้อยสมุดสามเล่มก็ถูกวางลงบนโต๊ะไม้ในห้องของตน
     
    ที่หยิบสมุกพวกนี้มาก็เพราะคิดว่าบางทีบันทึกนี่อาจจะมีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจเกี่ยวกับที่นี่ก็เป็นได้
     
    สมุดบันทึกสีน้ำเงินทั้งสองเล่มลงวันที่ของปี 2003 ถึง 2006 มีการลงวันที่ไว้ทุกๆหน้า และเขียนหัวข้อหลักๆของแต่ละวันไว้บนหัวกระดาษ ซึ่งข้อมูลต่างๆดูไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ต้องการรู้เท่าไรนัก จึงหยิบสมุดบันทึกสีน้ำตาลขึ้นมาแทน
     
    ภายใต้ปกแข็งสีน้ำตาลเข้ม บันทึกหน้าแรกเริ่มที่ปลายปี 2006  ท้ายเล่มเป็นส่วนของปลายปี 2008 ตอนนี้เป็นช่วงกลางปี 2009 จากที่ได้ยินมาคนที่ชื่อเยซองเองก็พึ่งเข้ามาที่นี่ได้ไม่กี่เดือนเท่านั้น ยังไม่น่าจะมีเรื่องเกี่ยวกับตระกูลคิม ขณะกำลังจะปิดสมุดบันทึกเล่มนี้แล้วดูเล่มถัดไป ตาคมก็สะดุดกับหัวข้อของไดอารี่ช่วงท้ายเล่ม
     
    081207 ของขวัญวันเกิดซึงริ/ผังงานเลี้ยง/ตระกูลคิม

    ของขวัญวันเกิดซึงรึ
    - นาฬิกาที่ร้านมุมถนน
    - 150000
    - 081210
    - 16.30
     
    ผังงานเลี้ยง
    - กึนซอก
    - ภัตรคารหวัง
    - 50 / 20
    - เวที 6/15
     
    ตระกูลคิม
    - ตั้งแต่ 081201 มาเป็นแขกพร้อมลูกชายคนเล็ก
    - ข้อเสนอระหว่างตระกูล
    - พบคุณลี
    - ย้าย
    - คุณชายคิมคนโต*
     
    * สาเหตุที่ไม่อยู่
    เรียนต่อ
    ย้ายประเทศ
    ทำงาน
    ปัญหาด้านสุขภาพ
    หนี...............
     
    ตัวหนังสือ ข้อมูลตัวเลข และวันที่ ถูกเขียนเป็นคำสั้นๆที่หากไม่ใช่เจ้าตัวก็คงเข้าใจได้ยาก แต่ลีทึกเองก็ไม่คิดจะสนใจข้อมูลในสองหัวข้อแรก เพราะข้อมูลที่ต้องการคือช่วงย่อหน้าสุดท้าย
     
    ตาคมละเลียดอ่านตัวหนังสืออันน้อยนิดพยายามตีความอย่างละเอียด
     
    ตั้งแต่.... แสดงว่าหลังจากการมาในวันที่1 ก็ยังคงมีครั้งอื่นๆตามมาอีก
    ข้อเสนอ ระหว่างตระกูล.... ขณะนี้ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอ
    พบคุณลี.... การพูดคุยนี้น่าจะเป็นผลจากการมาของคุณคิมไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องรวมในหัวข้อเหล่านี้ ขาดข้อมูล
    ย้าย.... ข้อมูลที่รู้ตอนนี้ยังไม่มากพอ แต่จากการคาดเดาน่าจะเกี่ยวกับการย้ายเข้ามาที่นี่
    คุณชายคิมคนโต....คิมฮีชอล!!!
     
    จากข้อความที่กาดอกจันทร์ ข้อสังเกตและการสันนิษฐาน หมายความว่า ช่วงนั้นคิมฮีชอลไม่ได้อยู่กับครอบครัวอย่างนั้นหรือ?
     
    ทันทีที่ตาคมกวาดไปยังบรรทัดสุดท้ายของหน้ากระดาษก็พบตัวอักษรสีแดงที่ถูกกาดอกจันทร์ไว้ ดวงตาหลุบมองตามตัวอักษรนั้นแต่ทว่า
     
    ก๊อก ก๊อก ก๊อก
     
    “คุณลีทึกครับ” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นขัดจังหวะ จากที่ฟังนี่ไม่ใช่เสียงของคนในตระกูลคิม ดังนั้นน่าจะเป็นคนรับใช้
     
    “ครับ” ร่างสูงรีบดึงเชือกสีดำลงมาขั้นหน้าไดอารี่แล้วปิดปกหนาลง หยิบสมุดบันทึกและสมุดภาพทั้งหมดใส่ในลิ้นชักแล้วเดินไปเปิดประตู
     
    บทสนทนาสั้นๆเกิดขึ้นระหว่างเจ้าของห้องกับคนคาบข่าว สรุปง่ายๆคือเขาต้องไปนอนเฝ้าฮีชอลที่โรงพยาบาลตั้งแต่คืนนี้จนถึงวันที่คนตัวเล็กจะกลับบ้านได้
     
    และนั่นหมายความว่าเขาจะไม่สามารถตรวจสอบไดอารี่ของเยซองได้จนกว่าฮีชอลจะได้กลับบ้าน และเมื่อฮีชอลกลับบ้านการสำรวจทุกอย่างก็จะติดขัด แต่ยังไงการดูแลฮีชอลก็คือหน้าที่ ในขณะที่การตรวจสอบเรื่องต่างๆเป็นเพียงเรื่องส่วนตัว
     
    ลีทึกจัดเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นทั้งหมดลงกระเป๋าใบใหญ่โดยไม่ลืมพกแลปทอปไปด้วย
     
    รถยนต์สีดำจอดนิ่งสนิทท่ามกลางยานพาหนะมากมายบนถนน ความเงียบปกคลุมทั่วพื้นที่เล็กๆ ความสงสัยที่วิ่งวนอยู่ในใจค่อยๆปะทุขึ้นมาทีละนิด
     
    อะไร
     
    เมื่อไหร่
     
    ทำไม
     
    ใคร………………………………………………………………………
     
    - - - - - - - - - - - - - - - -
     
    “มีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะเกิดอุบัติเหตุกับคนรอบคอบอย่างคุณเยซอง” ชายสูงวัยพิงพนักพิงเก้าอี้ผู้บริหารเอ่ยเบาๆกับหัวหน้าแผนกสืบสวนเพื่อนเก่าตั้งแต่สมัยมัธยม
     
    “อืม ฉันจำบุคลิกของเขาได้เวลาไปที่คฤหาสน์ลี”
     
    “เขาตายเพราะไม่มีแอร์แบ็คอย่างนั้นสินะ” คุณคิมทวนถาม
    “ใช่ แรงกระแทกทำให้คอหัก”
    “โดยที่นั่งข้างคนขับกลับมีแอร์แบ็ค”
     
    เขาไม่อยากจะคิด….   แต่บางทีนี่อาจจะเป็นการจัดฉากของ ปีศาจที่อาศัยอยู่ในคราบของลูกชายที่น่ารัก
     
    “นายสงสัยฮีชอลใช่มั้ย” เพื่อนร่วมมรุ่นถามคนเป็นพ่อที่กำลังหนักใจ
    “ฉันรักลูกนะ แต่……”
    “ฉันเข้าใจ ทำไมนายไม่ลองถามฮีชอลตรงๆล่ะ”  
     
    คนถูกถามหันไปมองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อ เป็นไปได้หรือที่จะถามคนแบบฮีชอลอย่างตรงไปตรงมา
     
    “นายลองถามเขาตรงๆสิว่าเขาต้องการอะไร ฉันว่าบางครั้งคนเราก็ต้องการความจริงใจนะ”
     
    “ฉันจะลองดู”
     
    หลังร่ำลาส่งเพื่อนเก่าเรียบร้อยไม่นานโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก
     
    “ว่าไงเจ้าบอม ไปเยี่ยมฮีชอลกับคุณลีทึกเรียบร้อยดีใช่มั้ย ทำไมไม่กลับมาพร้อมกันล่ะ มีธุระด้วนหรอ” ทักทายเมื่อเห็นว่าเบอร์ที่ปรากฏเป็นของลูกชายคนเล็ก
    -ครับ ผมแค่จะโทรมาบอกพ่อว่า น่าจะมีใครซักคนไปคอยเฝ้าพี่นะครับ-
    “ทำไมล่ะ”
    -นอกจากสังขารไม่อำนวย ผมว่าคนป่วยคงอยากให้ใครซักคนไปดูแลด้วยนั่นแหละ-
    “หืม จริงสิ แล้วที่โรงพยาบาลไม่มีใครมาดูแลงั้นหรอ”
    -คนของโรงพยาบาลดูแลได้ไม่ทั่วถึงเท่าที่ต้องการหรอกครับ-
    “อยากให้พ่อหาคนไปดูแลพี่แกว่างั้น กินอะไรผิดรึเปล่าเนี่ย เกิดอาการห่วงพี่ขึ้นกระทันหันแบบนี้” ผู้เป็นพ่อพูดทีเล่นทีจริง
    -ผมจะบอกแค่นี้แหละ คืนนี้ผมกลับดึกนะ วางก่อนนะครับ สวัสดีครับ-  ว่าเสร็จก็วางหูไปอย่างรวดเร็ว
     
    แม้จะไม่เข้าใจว่าอะไรคือเหตุผลแต่เขาเองเชื่อเสมอว่าคิบอมจะทำทุกอย่างเพื่อพี่ชายของตน นิ้วเหี่ยวย่นๆเรียกดูรายชื่อในโทรศัพท์ก่อนโทรสั่งงานให้ใครอีกคนไปเฝ้าลูกชายคนโตตามที่เจ้าคนเล็กขอไว้
     
    ตั้งแต่กลับมาเกาหลีเขาเองมีโอกาสไปเยี่ยมลุกชายเพียงครั้งเดียว และในเมื่อตอนนี้พอมีเวลาว่างจึงคิดจะไปให้ลูกได้เห็นหน้าค่าตาซักนิด
     
    อย่างน้อยให้ได้รู้ว่าเขารักฮีชอลมาก
    แม้ว่าฮีชอลจะเกลียดเขาแค่ไหนก็ตาม
     
    บรรดาคนติดตามถูกสั่งให้รอหน้าห้องพักในขณะที่ช่างสูงวัยเป็นเพียงคนเดียวที่เดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย
     
    “อ้าว วันนี้พ่อว่างมาเยี่ยมผมด้วยหรอ” ยิ้มบางๆทักทายบิดา
    “อืม ไม่เจอแป๊บเดียวดีขึ้นเยอะเลยนะ แล้วตอนบ่ายได้เจอคุณลีทึกแล้วใช่มั้ยลูก” ลูบศีรษะของลูกชายอย่างเบามือ
    “ครับเจอแล้ว”
     
    “แล้วเขาดีมั้ย” ถามความเห็น
    “ก็ดีครับ ดูฉลาดดี ฮ่าๆ” หัวเราะคิกคักอย่างรื่นเริง
     
    สองพ่อลูกนั่งคุยเรื่อยเปื่อยไปซักพักก็มีบุคคลที่สามเข้ามาสมทบ
     
    “สวัสดี คุณลีทึกมาเร็วๆเหมือนกันนะครับ” ชายสูงวัยส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มที่พึ่งเดินเข้ามา
    “ครับ พอดีรถไม่ค่อยติดน่ะ” ส่งยิ้มกลับไป
     
    ตากลมของคนบนเตียงจ้องมองคำทักทายเล็กน้อยๆของอีกสองคนแล้วเหลือบไปเห็นกระเป๋าไปโตในมือของชายหนุ่ม
     
    “เจอกันอีกแล้วนะครับ คุณลีทึกจะมานอนเฝ้าผมหรอครับ” คนบนเตียงถามขึ้นขัดการปฏิสัมพันธ์ของคนทั้งสอง
    “คิบอมโทรบอกพ่อให้หาใครมาดูแลเราน่ะ” คุณคิมหันไปตอบแทน
    “อ่อ ครับ มันเกิดบ้าอะไรเป็นห่วงผมขึ้นมานะ ฮะๆ”
     
    รู้ทันทีว่าคิบอมต้องมีเหตุผลบางอย่างที่บอกกับพ่อไปแบบนั้น และที่สำคัญคิบอมรู้อยู่แล้วว่าถ้าใครซักคนจะมาดูแลเขา คนๆนั้นจะต้องเป็นลีทึก
     
    นายต้องการอะไร คิมคิบอม???
     
    “อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นน่ะ เรื่องราวมันเป็นยังไงกัน ช่วยเล่าให้พ่อฟังอย่างละเอียดได้มั้ย” ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างชายชราหันไปมองราวไม่เชื่อหูตัวเอง ถามคำถามแบบนั้นตอนนี้น่ะหรอ??
    “ผมยังไม่อยากนึกถึงมันตอนนี้หรอกนะครับ” ตากลมหลุบลงหลบสายตาผู้เป็นบิดา เป็นไปอย่างที่คาด
    “พ่อแค่อยากได้ข้อมูลสำหรับการสอบสวน พ่อว่ายิ่งคดีปิดเร็วเท่าไหร่มันก็ดีกับลูกเท่านั้นนะ”
     
    ร่างบางมองผู้เป็นพ่อด้วยแววตาสับสน ทั้งไม่พอใจ ทั้งเสียใจ ทั้งไม่เข้าใจ แล้วอะไรล่ะคือความรู้สึกที่แท้จริง
     
    ร่างสูงเฝ้ามองเหตุการณ์อยู่เงียบๆ เขาชอบใช้สมองมากกว่าใช้คำพูด
     
    “พูดแบบนี้ พ่อคิดอะไรอยู่ครับ พ่อคิดว่าเป็นแผนของผมหรือครับ ” พูดน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ น้ำตาเริ่มคลอหน่วย
     
    “พอ่ไม่ได้หมายความแบบนั้น ถ้าลูกไม่ได้ทำ ก็ไม่เป็นไรไม่เห็นต้องร้องไห้เลย”
    “ผม……… ผมไม่อยากพูดถึงมัน ไม่ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น!!” ตากลมเหลือกมองเพดานเหมือนต้องการให้น้ำตาไหลย้อนกลับเข้าไป
     
    เสแสร้ง คำเดียวที่ร่างสูงรู้สึกได้ คนๆนี้กำลังเล่นละคร แต่การทำแบบนี้ยิ่งดูเหมือนเป็นการร้อนตัวไม่ใช่หรอกหรือ
     
    “แค่ลูกพูดมาว่าเกิดอะไรขึ้นเท่านั้น พ่อจะเชื่อ นะฮีชอล บอกพ่อ” ว่าพลางกุมมือลูกชายไว้อย่างแน่นหนา
     
    “ผม ไม่ ไม่ใช่ ผมไม่รู้” ตากลมปิดลงแน่นสนิทพยายามหลบสายตาของคนผู้พ่อ
    “ฮีชอล แบบนี้หมายความว่าลูกทำใช่มั้ย” น้ำเสียงอบอุ่นแต่ทว่าคำพูดช่างเสียดแทง
     
    ตากลมลืมขึ้น หน้าหวานสะบัดไปมาอยากรุนแรง น้ำตาไหลเป็นทางเสียงสะอื้นไห้ดังไปทั่ว
     
    “ถ้าไม่ใช่ลูกก็บอกพ่อมาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น!!!” เสียงทุ่มตะคอกใส่หน้ลูกชายที่กำลังร้องไห้ ใครกันนะที่น่าสงสาร
     
    ร่างบางสั่นไหวตามแรงสะอื้นแม้จะนอนราบอยู่กับเตียง จมูกโด่งค่อยๆสูดหายใจลึกๆเอาอากาศเข้าปอดให้ร่างอันสั่นเทาค่อยๆนิ่งลง
     
    “ผม……. ผะ ผม คุณเยซอง เค้า…” เสียงสะอึกสะอื้นทำให้ไม่สามารถฟังได้รู้เรื่องว่างร่างบางพูดอะไรกันแน่ คุณคิมจริงลูบหลังลูกชายเบาๆแล้วรอคอยคำตอบ
     
    “คุณเยซองเค้าจงใจจะฆ่าผม!!!” ฮีชอลตะโกนออกมาเสียงดังจนคนฟังสะดุ้ง
     
    สะดุ้งเพราะไม่คาดคิดว่าคำตอบจะเป็นแบบนี้ ไม่คาดคิดว่าฮีชอลจะโกหกได้ทั้งๆที่ดูไร้เหตุผล
     
    “พ่อบอกว่าจะเชื่อลูกแต่ไม่ใช่ให้ลูกใส่ร้ายเขาแบบนี้” เสียงทุ่มเอ่ยอย่างเหนื่อยใจ
    “แต่ผมมีหลักฐาน” ตาโดมองบิดาอย่างน่าสงสาร แต่ลีทึกกับเห็นมันเป็นดวงตาของคนที่กำลังท้าท้ายความจริงอยู่
     
     
    อะไรคือเหตุผลที่คุณคิมคิดว่าฮีชอลเป็นคนวางแผนการทั้งหมด
    แล้วอะไรคือหลักฐานของคิมฮีชอล??


    NeRVe - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


    มาอัพละ

    ห้า ห้า

    งงกับคิมฮีจริงๆเลย

    ทำไมถึงได้มีเรื่องเยอะแยะอะไรขนาดนี้

    แอบกระซิบ พาร์ทหน้าฝั่งนั้นเค้าจะเริ่มเคลื่อนไหวละนะ อิอิ

    เดี๋ยวนี้รู้สึกคนอ่านหาย

    วิวน้อยลง - -

    แต่เม้นอย่าให้น้อยลงนะ

    แล้วก็ก่อนไป

    โปรโมตฟิคเรื่องใหม่

    'm the YOUNGEST but wanna EAT the YOUNGER

    ไม่เครียดไม่น่ากลัว

    มาแนวรั่ว มันจะเริ่มรั่วจัดที่พาร์ทสอง

    ฮ่าๆ

    ไปล่ะ


    อย่าลืมเม้น + จิ้มตาม
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×