ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ]NeRVe รัก โลก จิต [TeukCin][BumHyuk]

    ลำดับตอนที่ #8 : [NeRVe] 7 Need? ต้องการ? 100%

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.พ. 52


    Chapter: 7
    Title: Need? 
    Type: Wanted
    Author: Deirc

    ฮัลโหล ว่าไง ได้รึยังข้อมูลน่ะ เสียงหวานกรอกไปตามปลายสาย
    - ได้แล้ว พี่ไปดูเองละกัน แค่นี้นะ ปลายสายตัดอย่างรวดเร็วหลังรายงานความคืบหน้าเรียบร้อย
     
    ทำงานรวดเร็วดีจริงๆ คนสวยพึมพัมอย่างอารมณ์ดีระหว่างเปิดคอมพิวเตอร์สีดำสนิท
     
    ทันทีที่หน้าจอปรากฎสถานะพร้อมใช้งาน คนตัวบางไม่รอช้ารีบล็อคอินเช็คดูข้อมูลอย่างรวดเร็ว
     
    เพียงอึดใจข้อมูลตัวอักษรก็ปรากฎเต็มหน้าจอ
     
    พี่คะ รีบกลับมาบ้านนะคะ ตอนนี้เลยนะคะ พี่ต้องมานะ......... ตรู๊ด... ตรู๊ด... ตรู๊ด... เสียงสั่นเครือแล่นเข้าโทรศัพท์เครื่องจิ๋วแปรสัญญาณสู่หูของอีกคนที่ไม่สนใจแม้แต่จะฟัง
     
    ทันที่ที่เสียงสัญญาณดงัขึ้นคนฟังเจ้าก็ดันฝาพับลงอย่างเฉยเมยก่อนเก็บลงกระเป๋าอย่างไม่ใส่ใจ
     
    บ่อยครั้งที่แม่ของเขามักสั่งให้น้องสาวโทรตามกลับบ้านทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน อย่างวันนี้ก็โทรมาตั้งแต่หกโมง ทั้งที่เลิกงานตั้งทุ่มนึงแท้ๆ ซึ่งนั่นก็สร้างความรำคาญใจให้แก่เขาไม่น้อย ทั้งที่ตั้งใจทำงานเพื่อหารายได้ช่วยทางบ้านแท้ๆ
     
    เวลาล่วงเลยจนถึงหนึ่งทุ่ม เด็กหนุ่มจัดการเปลี่ยนชุดพนักงานพาร์ทไทม์ออกกลับเป็นชุดนักเรียน ทันทีที่คว้ากระเป๋าเตรียมออกเดิน ก็ถูกเพื่อนร่วมงานรุ่นราวคราวเดียวกันรั้งไว้เสียก่อน
     
    เฮ้ย จองอุน วันนี้ฉันต้องรีบกลับว่ะ ช่วยแวะไปเอาของที่ร้านหนังสือตรงปากซอยให้หน่อยดิ บอกป้าเค้าว่าฉันให้มาเอาของเดี๋ยวเค้าก็เอาให้เองแหละ ขอบใจมากเพื่อน ไปล่ะว่าแล้วก็จากไปโดยไม่รอฟังคำตอบ
     
    คนถูกวานได้แต่มองตามอย่างไม่พอใจ แต่ในเมื่อไม่ใช่เรื่องหนักหนามากมาย แล้วก็เป็นทางผ่านกลับบ้านการจะช่วยเพื่อนก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
     
    ถนนกว้างเงียบสงัด ท้องฟ้ามืดสลัว และลมหนาวที่กระซิบให้รู้ว่าใกล้ถึงฤดูหนาว เด็กหนุ่มชอบบรรยากาศเหล่านี้ สองขาค่อยๆก้าวไปอย่างสบายใจ
     
    ป้าครับ แจบอมบอกให้ผมมาเอาของให้น่ะครับ เมื่อมาถึงหน้าร้านก็ตะโกนบอกตามที่เพื่อนสั่งไว้
     
    เมื่อได้รับของมาเป็นที่เรียบร้อย เด็กหนุ่มจึงค่อยๆเดินต่อและมุ่งตรงกลับไปยังบ้านของตน โดยหารู้ไม่ว่าเสียงกระซิบจากสายลมในยามนี้เป็นลางร้าย
     
    บ้านเดี่ยวท้ายซอยที่มักเปิดไฟสว่างในยามพลบค่ำวันนี้กลับมืดสนิท
     
    แม้ความผิดปกติจะสร้างความค้างคาใจ แต่เด็กหนุ่มก็มุ่งตรงเข้าบ้านโดยละทิ้งความสงสัยไว้เบื้องหลัง
     
    บานประตูถูกเปิดออกอย่างเคยชิน เพียงภาพที่ปรากฏนั้นไม่เป็นอย่างเคย
     
    ร่างไร้วิญญาณของเด็กสาวนอนจมกองเลือดอยู่ภายใต้ร่างซีดเซียวที่ถูกแขวนคอของหญิงสูงวัย
     
    บนพื้นข้างร่างของเด็กสาวถูกใครบางคนเขียนด้วยหยาดเลือดสีเข้มที่ตอนนี้แห้งเกราะกรังเป็นตัวอักษร
     
    นาย มาสายนะ
     
    ขาทั้งสองหมดแรงโดยอัตโนมัติ ของในมือหลุดร่วง แววตาที่เคยนิ่งสงบสั่นเทา ภาพตรงหน้าถูกม่านน้ำบางๆกั้นไว้จากภาพความเป็นจริง เมื่อถึงขีดจำกันสมองจึงตัดขาดจากสิ่งรอบข้างก่อนจะหมดสติไปอย่างรวดเร็ว
     
    ในความมืดมิดเสียงพูดคุยเบาๆไม่ใกล้ไม่ไกล ลอยเข้ามาในโสตประสาท เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆเบิกขึ้นช้าๆ
     
    แสงสว่างจากหลอดไฟบนเพดานทำให้ต้องกระพริบตาถี่เพิ่อปรับสภาพ ชายแปลกหน้าในชุดสูทสองคนที่กำลังพูดคุยกันหันมองร่างที่พึ่งได้สติก่อนรีบลุกเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
     
    คนทั้งสองจ้องมองผู้ป่วยบนเตียงโดยไม่มีฝ่ายไหนมีทีท่าว่าจะเปิดปากก่อน จนกระทั่งหนึ่งในชายใส่สูทตัดสินใจเปิดปากทำลายความเงียบ
     
    นาย เอ่อ จองอุน เอ่อ ฉันกึนซอกนะ เสียใจด้วยเรื่องแม่และน้องสาว ว่าแต่ตอนนี้นายโอเคนะ
     
    ไม่มีเสียงใดตอบรับ เพียงพูดถึงแม่และน้องสาวภาพโศกอนาฏกรรมแสนโหดร้ายก็ชัดแจ้งในหัว
     
    ดวงตามองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาว่างเปล่า ไร้ความหมาย บางทีการจะอะไรไม่ได้เลยยังจะเป็นเรื่องดีเสียกว่า
     
    นับจากวันนั้นจองอุนเข้าทำงานให้ตระกูลลียื่นมือเข้ามาช่วยในยาววิกฤติของชีวิต จากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปี แม้เวลาจะผ่านเลย ความเศร้าหมองคลายลง แต่รอยแผลเป็นย่อมไม่อาจลบเลือน
     
    ทุกวันเพียงทำหน้าที่ของตนให้เต็มที่แทนคุณตระกูลลีอันมีพระคุณ เลิกมองหาความรักความสุขภายนอก ความสุขมักไม่ยั่งยืน หากเป็นเช่นนั้นจะไขว่คว้าหาความสุขไปเพื่ออะไร
     
    ชีวิตดำเนินด้วยสมอง ไร้ซึ่งความรู้สึกดูจะกลายเป็นตัวตนของคนๆนี้ไปเสียแล้ว แม้กระทั่งวันที่ตระกูลลีส่งให้ตนย้ายมายังตระกูลคิม
     
    แม้เพียงความรู้สึกผูกพันกับเพื่อนร่วมงานจากที่เก่านั้นก็ไม่แสดงออกแม้แต่น้อย ในเมื่อรู้สึกแล้วเจ็บการไม่รู้สึกนั่นแหละดีที่สุด
     
    ใบหน้าหวานเปื้อนยิ้ม การจะเล่นอะไรก็ต้องรู้จักกับสิ่งนั้นเสียก่อน ในที่สุดคิมฮีชอลก็ได้รู้รายละเอียดของหมากเพิ่มอีกหนึ่งตัว
     
    ในเมื่อคุณพยายามที่จะอยู่โดยไม่ใช้ความรู้สึก ผมจะทำอะไรคุณก็คงจะไม่รู้สึกเหมือนกันสินะครับ กลีบปากยิ้มพรายกระซิบเบาๆกับรูปพ่อบ้านผู้น่าสงสาร
     
    - - - - - - - - - - - - - - - -
     
    หะ หา ว่าไงนะ คนที่กำลังอึ้งกับการปรากฎตัวของคิบอมถามเลิ่กลั่ก
    ก่อนหน้านี้นายบอกฉันว่ามีแฟนแล้ว จำไม่ได้? ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้น พร้อมสายตานิ่งๆ ยิ่งทำให้อีกคนเหงื่อตก
    ฉะ ฉัน... ฉันเคยไปพูดเรื่องแบบนั้นกับนายเมื่อไหร่กัน ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
    ตอนที่ฉันสั่งให้นายเป็นแฟนฉัน
     
    ระหว่างคนทั้งสองเถียงกันฝ่ายผู้จัดการหน้าโหดคนนั่งมองก็ได้แต่ครุ่นคิดว่าหน้าหล่อๆนี่เคยเห็นที่ไหน ทำไมถึงได้คุ้นหน้าคุ้นตาแปลกๆ
     
    คิม! ว่าแต่มันคิมอะไรล่ะ แล้วเห็นมาจากไหนกัน ทำไมมันคุ้นแบบนี้ คิม คิม คิม คิม คิม.........
     
    คิบอม!” เสียงคนมาใหม่อุทานอย่างตกใจ
     
    ใช่แล้วคิมคิบอม ไอ่คนที่ลงนิตยสารซุบซิบไฮโซอะไรนั่นสินะ ว่าแต่ใครมาอีกล่ะเนี่ย
     
    ขณะเดียวกันคนถูกเรียกหันไปมองทางต้นเสียงพร้อมคำถามง่ายๆ
     
    นายเป็นใคร อีกครัง้ที่สายตานิ่งๆถูกกวาดไปรอบๆ

    คนฟังถึงกับสะอึก ช่องว่างของระดับความสำคัญ มันห่างไกลขนาดนี้เชียวหรือ?
     
    ไง รยออุค มาแต่เช้าเชียว ผู้จัดการที่มัวแต่ยืนคิด ตะโกนทักเมื่อเหลือบเห็นว่าคนมาใหม่คือใคร
    โห พี่ ทักเขาซะดิบดี ทีผมมาอ่ะ ไล่เอาๆ คนที่มาแต่แรกเริ่มโวยวาย พยายามบ่ายเบี่ยงบทสนทนา
     
    สถานการณ์รอบข้างเลวร้ายเกินกว่าที่ควรจะเป็นจนคนตัวบางจับต้นชนปลายไม่ถูก คิดว่าเป็นปัญหาระหว่างตนกับคนตัวโต
     
    ฝ่ายคนมาใหม่ก็คิดหนักกับปากพร่อยที่ดันตะโกนชื่อคิบอมเสียลั่นร้าน ทั้งที่เห็นๆกันอยู่ว่าตนไม่ได้อยู่แม้ฐานะคนรู้จัก ได้แต่ครุ่นคิดว่าควรจะตอบอย่างไรกับคำถามของอีกคน
     
    ท่ามกลางความเงียบคนที่เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดจะเป็นใครได้ถ้าไม่ใช่คิมคิบอม ตานิ่งงันเค้นเอาคำตอบจากตาเรียว ของคนที่กำลังพยายามเดินหนี โดยไม่ใส่ใจอีกคนที่ตอนยิงคำถามใส่แม้แต่น้อย เพราะนั่นเป็นเพียงสิ่งที่ปากสั่งการไปไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิดให้รกสมอง
     
    ในขณะเดียวกันผจก.ผู้เห็นเหตุการณ์ซึ่งไม่เข้าใจอะไรซักนิด ก็เฝ้ามองด้วยใจระทึก
     
    ฉัน.... ก่อนคนถูกถามจะได้ตอบคำพูดทำลายน้ำใจก็ทำให้ต้องกลืนสิ่งที่เตรียมจะพูดไว้ลงคอ
    ช่างเถอะ ฉันถามไปงั้นล่ะ
     
    คนตาเรียวเลิ่กลั่กกับสถานการณ์ที่ดูจะแย่ลงเรื่อยๆ ก่อนพยายามเนียนหลบออกไป
     
    งะ งั้นผมไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ ว่าแล้วจึงรีบหลบเข้าหลังร้าน ทิ้งความไม่พอใจเล็กๆไว้ให้อีกคน
     
    สถานการณ์อึดอัดไม่มีใครทำอะไรนอกจากมองหน้ากันด้วยอารมณ์ที่แตกต่าง แล้วเวลาแสนเลงร้ายก็จบลงเมื่อคิบอมเดินออกจากร้านไปพร้อมเสียงส้นรองเท้ากระแทกพื้น
     
    เมื่อถึงเวลาเปิดร้านบรรยากาศก็กลับสู่ภาวะปกติ ทุกคนยิ้มแย้มเช่นทุกวัน เพียงแต่รอยยิ้มของคนบางคนนั้นต่างไปจากเดิม
     
    เสียงคำพูดของคิบอมดังก้องเป็นร้อยๆรอบในหัวของรยออุค ไหนจะที่พูดกับลีฮยอคแจ ไหนจะคำพูดไร้เยื่อใย ไม่ว่าทั้งหมดจะเป็นเพราะใคร แต่ในสายตาของเขา คนที่ผิดคือลีฮยอคแจ
     
    ท่ามกลางความวุ่นวายไม่มีใครว่างพอจะสนใจการกระทำของคนรอบข้าง จึงเป็นโอกาสดีที่รยออุคจะฉวยโอกาสทำอะไรๆได้อย่างสะดวก
     
    Black Forest 2
    Green Tea Grade 1
    Green Tea Latte 1
     
    ใบรายการอาหารที่ถูกฮยอคแจแขวนบนเชือกรับออเดอร์หน้าห้องครัว ถูกสับเปลี่ยนด้วยรายการอาหารที่ผิดพลาด
     
    Black Forest 2
    Green Tea Grade 2
     
    “รยออุค เอาไปเสิร์ฟโต๊ะสามทีสิ!!” เสียงแดซองตะโกนเรียกดังมาจากห้องครัว รยออุคได้ยินจึงรีบเดินเข้าไปด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม
     
    “แบล็คฟอร์เรสต์ สองที่ กรีนทีแกรนเดสองที่มาแล้วครับ” เสียงใสเอื้อนเอ่ยขณะเสิร์ฟจานเค๊กหน้าตาน่ากินลงบนโต๊ะ
     
    “เอ่อ เราสั่งแกรนเดแค่ที่เดียวค่ะ อีกแก้วต้องเป็นลาเต้” หญิงสาวทักท้วงขึ้น
    “อ่า งั้นขอโทษนะครับ ผมจะไปเปลี่ยนให้ครับ ต่อไปทางเราจะระวังให้มากกว่านี้ครับ” โค้งเสียหนึ่งทีก่อนเดินจากไปพร้อมแก้วเครื่องดื่มที่ผิดออเดอร์
     
    “ผู้จัดการครับ โต๊ะสามออเดอร์ผิดครับ ช่วยเปลี่ยน แกรนเดเป็นลาเต้ด้วยครับ” เจ้าของแผนการยิ้มบางๆก่อนเดินไปเสิร์ฟอาหารโต๊ะต่อไป
     
    ขณะเดียวกันฮยอคแจก็เดินสวนเข้ามา
     
    “ฮยอคแจ นายเป็นคนรับออเดอร์โต๊ะสามใช่มั้ย” ผู้จัดการถามด้วยน้ำเสียงแปล่งๆ
    “ใช่ครับ ทำไมหรอครับ”
    “เหมือนนายจะจดออเดอร์ผิดนะ คราวหน้าอย่าพลาดอีกล่ะ”
     
    คนถูกตักเตือนได้แต่มึนงง พลางเดินไปหยิบแผ่นกระดาษในกองออเดอร์ที่ทำเสร็จแล้วขึ้นมาดู
     
    Black Forest 2
    Green Tea Grade 2
     
    “อ้าว ลูกค้าสั่งลาเต้หนึ่งแกรนเดหนึ่ง ทำไมดันไปเขียนแกรนเดสองซะล่ะ สงสัยเบลอแล้วแฮะลีฮยอคแจ” แม้ในใจจะบอกว่าตนไม่ได้จดผิด แต่ในเมื่องหลักฐานมีอยู่จะปฏิเสธได้อย่างไร
     
    และในวันนั้น ออเดอร์ผิดๆของฮยอคแจก็ตามมาเป็นระยะ หลังเลิกงานผู้จัดการจึงเรียกตัวฮยอคแจให้มาหาก่อนกลับ
     
    “ฮยอคแจวันนี้ทำไมนายจดออเดอร์พลาดบ่อยจัง ไม่สบายรึเปล่า” คิ้วเข้มขมวดเข้าเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เป็นการตำหนิ เขาเพียงรู้สึกเป็นห่วงอาการแปลกๆของรุ่นน้องคนนี้
    “ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองฮะ สงสัยช่วงนี้งานเยอะเบลอๆมั้งครับ ขอโทษนะครับที่ทำให้เดือดร้อน” ร่างบางก้มหน้าก้มตาด้วยความสำนึกผิด
     
    แม้ในใจอยากจะบอกใจแทบขาดว่าตัวเองน่ะจดถูกแล้ว แต่ในเมื่อใบออเดอร์มันผิดจริงๆ บอกไปก็คงเชื่อยาก
     
    “ฮยอคแจ เห็นแดซองบอกว่าวันนี้นายจดออเดอร์ผิดตั้งสี่รอบ นายโอเครึเปล่า” ซองมินที่กำลังสะพายกระเป๋าขึ้นหลัง เดินเข้ามาจับหน้าจับตาฮยอคแจด้วยสายตาเป็นห่วง เพราะตั้งแต่ทำงานมาสองปีฮยอคแจไม่เคยทำงานพลาดแม้ซักครั้ง
     
    “ไม่เป็นไรหรอก สงสัยเพราะช่วงนี้งานเยอะ เลยไม่ค่อยมีเวลานอนล่ะมั้ง เลยมึนๆ” ตอบไปตามน้ำ เพราะยังไงนี่ก็คงเป็นสิ่งที่ควรพูดที่สุด
     
    “ซองมิน ฮยอคแจฉันไปก่อนนะ” รยออุคที่พึ่งเก็บของเสร็จหันมาโบกมือลาคนทั้งสองก่อนเดินออกไปจากร้าน
     
    ไม่นานเด็กหนุ่มสองคนที่ยืนพูดคุยกันท่ามกลางแสงไฟสลัวๆหลังร้านก็ถูกผู้จัดการไล่กลับบ้านด้วยเหตุผลที่ว่าดึกแล้วกลับบ้านซะจะได้ปิดร้าน
     
    “ฉันไปล่ะ พรุ่งนี้เจอกัน อย่าลืมนอนเยอะๆนะ” ซองมินยิ้มกว้างขณะโบกมือลาเพื่อนรัก
    “อื้ม นายก็ด้วย” คนตัวบางยืนมองส่งก่อนจะออกเดินกลับไปยังป้ายรถเมล์
     
    เวลาเกือบสี่ทุ่มผู้คนในเมืองก็เริ่มเบาบาง ฮยอคแจชอบบรรยากาศยามค่ำคืนในเมืองหลวงแห่งนี้เป็นที่สุด แม้ที่นี่จะไม่ใช่จุดเริ่มต้นที่แท้จริงของเขาก็ตาม
     
    เสียงเพลงแจ๊สเบาๆลอยเข้ามาในหู เพลงเก่าที่เคยฟังสมัยมัธยมต้น บรรยากาศเก่าๆหวนกลับมา ชวนให้นึกถึงเรื่องราวและบุคคลที่เข้ามาและผ่านไปมากมายในชีวิต เรื่องต่างๆที่เคยเกิดขึ้นทั้งที่สร้างรอยยิ้มไว้ให้หรือแม้เรื่องราวที่เคยสร้างบาดแผลในใจ
     
    ปากบางยกยิ้มบางๆขณะปล่อยให้เรื่องราวเก่าๆหมุนเวียนเข้ามาเรื่อยๆ แม้บางเรื่องจะยั่นทอนจิตใจแต่ลีฮยอคแจก็ไม่คิดจะหนีความเป็นจริง
     
    ขอบคุณนะครับคุณปาร์ค ที่สอนให้ผมไม่หนี และยอมรับความเป็นจริง ผมเชื่อแล้วว่าที่คุณพูดว่าซักวันเมื่อความเจ็บปวดค่อยๆจางหายไป แม้รอยแผลจะยังคงอยู่ แต่มันก็จะกลายเป็นความทรงจำดีๆ

    เสียงเพลงอันคุ้นเคยพาให้คนตัวบางต้องเดินตามไปทางต้นเสียง ในซอยเล็กๆที่ทุกร้านพาปิดจนหมด ยังมีร้านซีดีเล็กๆ ที่เหมือนกำลังรอคอยให้ใครซักคนเดินเข้าไปเยี่ยมเยียน
     
    ไฟสีส้มสร้างบรรยากาศอบอุ่นให้กับร้าน ตามแผงซีดีถูกเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ ด้านซ้ายมือของร้านเป็นตู้เก็บแผ่นเสียงเก่าๆ มีทั้งของศิลปินที่รู้จักและไม่รู้จัก เงาสะท้อนในกระจกทำให้เห็นว่ามีใครอีกคนกำลังใกล้เข้ามา
     
    หน้าใสหันกลับไปเพื่อมองผู้มาใหม่ทันทีที่รู้สึกว่าคนๆนั้นเข้าใกล้มากเกินไปแล้ว
     
    ใบหน้าโดดเด่นด้วยดวงตาคมภายใต้กรอบแว่นไร้เลนส์ จมูกเป็นสันรับกับโครงหน้า ประดับด้วยกลีบปากสีเข้มแบบชายหนุ่ม ทำให้คนๆนี้น่ามองไม่น้อย
     
    “สนใจอะไรรึเปล่าครับ” เสียงเข้มๆเหมาะกับรูปลักษณ์เอ่ยถามพร้อมยิ้มบาง เป็นคำถามที่ทำให้รู้ว่าเป็นคนของร้าน
    “อะ เอ่อ เปล่าครับ” คนตัวเล็กรีบปฏิเสธ เพราะแน่ใจว่าแผ่นเสียงแต่ละแผ่นนั้นราคาคงสูงลิ่ว
    “คุณชอบฟังเพลงแนวไหนเป็นพิเศษมั้ยครับ”
    “อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ผมคิดว่าผมชอบเพลงคลาสสิคนะ” คนตัวเล็กทำหน้าครุ่นคิด
     
    ท่าทางเหมือนเด็กทำให้ร่างสูงแอบอมยิ้มน้อยๆ
     
    “ถ้าอย่างนั้น คุณจะรังเกียจมั้ยถ้าผมจะเล่นสักเพลงก่อนปิดร้าน” ตาคมมองไปยังเปียโนสีดำขลับหลังเคานท์เตอร์ด้านใน
    “แน่นอนครับ แต่ผมฟังไม่ค่อยเป็นหรอกนะ ฮ่าๆ” ฮยอคแจตอบรับพลางเอามือลูบหัวด้วยความเขินอาย
     
    ทางด้านเจ้าของร้านได้ยินจึงยิ้มรับแล้วเดินไปนั่งประจำตำแหน่ง แม้ร่างสูงจะอยู่ในชุดอยู่บ้านสบายๆแต่ในสายตาของคนที่ตั้งหน้าตั้งตารอฟังกลับรู้สึกว่าคนๆนี้นั่งเก้าอี้เปียโนได้เท่จริงๆ
     
    “จะเริ่มล่ะนะครับ” ไม่นานนักเสียงเปียโนก็เริ่มบรรเลง
     
    เพลงคลาสสิคคุ้นหูที่ไม่ว่าจะเคยได้ยิน หรือไม่ ถูกบรรเลงไปเรื่อย ทำบรรยากาศในร้านเล็กๆแห่งนี้ราวกับตกอยู่ในมนสะกดของเสียงดนตรีอันวิจิตร
     
    “โชว์จบแล้วครับ” ร่างสูงลุกยืนหลังโน๊ตตัวสุดท้ายยุติลง พลางโค้งเหมือนนักดนตรีที่แสดงบนเวทีจริงๆ
     
    ผู้ชมจำเป็นก็ลุกขึ้นตบมือแปะๆพร้อมรอยยิ้ม
     
     “เปียโนของคุณเยี่ยมมากเลย ขอบคุณมากนะครับ ผมก็อยากจะทำให้ได้แบบนี้บ้าง” ปากแดงฉาบไปด้วยยิ้มอันสุขใจ
    “ถ้าอย่างนั้นก็แวะมาอีกสิครับ” เจ้าของร้านยิ้ม
     
    คนตัวเล็กเหมือนจะลังเลเพราะกลัวจะเป็นการรบกวน แต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับคำเชิญ
     
    “ดึกแล้วรีบกลับเถอะครับ” เจ้าของร้านรีบบอกลูกค้าคนสุดท้ายเมื่อเห็นนาฬิกาบอกว่าเวลาล่วงเลยมานานเพียงใด
    “แล้วผมจะมาอีกนะครับ” คนตัวโตยิ้มส่งเมื่ออีกคนเดินออกจากร้านไป
     
    คืนที่เคยอยู่เงียบๆคนเดียว เวลามีใครซักคนมาอยู่ใกล้ๆก็เป็นความรู้สึกที่ไม่เลว แฮะ
     
    - - - - - - - - - - - - - - - -
     
    “คุณหนูครับ วันนี้ช่วงบ่ายถ้าคุณหนูอยู่บ้าน ผมจะขอลาไปทำธุระสักครึ่งวัน” พ่อบ้านคนโปรดเดินมาพอดีเป๊ะเวลาเที่ยงตรง
    “อ้อ เชิญครับ วันนี้ตอนบ่ายผมไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว” ร่างเล็กที่กำลังนั่งแต่งเพลงที่แกรนด์เปียโนในโถงกลางบ้านหันมาตอบยิ้มๆ
     
    ตาโตตวัดมองรายละเอียดการแต่งตัวของอีกคนอย่างรวดเร็วก่อนหันกลับไปง่วนกับโน๊ตเพลงที่ต้องแก้ไดนามิค แต่พอมานึกทบทวนถึงภาพที่เห็นก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติเล็กๆ ฟอร์มพ่อบ้านจืดชืดที่คุ้นเคย ถุงมือขาวสะอาด รอเท้าเงาวับตามแบบคนเจ้าระเบียบ ทุกอย่างปกติ เพียงแต่ เม็ดกระดุมแขนเสื้อข้างซ้าย หายไปไหนเสียล่ะ
     
    สมองตัดความคิดเรื่องกระดุมออกไปแล้วกลับมาเพ่งลังยังบันไดเสียงตรงหน้า ตราบใดที่โน๊ตดนตรียังไม่ลุล่วงคิมฮีชอลจะไม่สามารถหลุดจากภวังค์แห่งเสียงบรรเลงนี้ได้ จนกระทั่งคนๆเดิมกลับมาขัดจังหวะสุนทรีนี้อีกครั้ง
     
    “ผมจะกลับประมาณห้าโมงเย็นนะครับ ขอตัวครับคณหนู” คราวนี้คนๆเดิมกลับมาในชุดลำลองทันสมัยตามอายุ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้ผู้ได้พบเห็นไม่น้อย ใครเล่าจะคิดว่าคนเคร่งขรึม เจ้าระเบียบจะมีสไตล์การแต่งตัวตามกระแสนิยมเช่นนี้
     
    คนสวยยิ้มน้อยๆพยักหน้าเบาๆ เมื่ออีกคนให้เดินพ้นจากประตูบ้านไป รอยยิ้มนั้นหายไปแทบจะทันที อารมณ์ขุ่นมัวขึ้นเล็กๆเมื่อสมาธิในการประพันธ์ดนตรีถูกขัดซ้ำซาก แต่แล้วดวงตาก็ส่องประกายรุ่งโรจน์อีกครั้งยามนึกถึงภาพที่ได้เห็นเมื่อครู่
     
    ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อสเวตเตอร์สีเทาคอวีเผยแผ่นอก ตัดด้วยสร้อยเส้นยาวประดับจี้กางเขนเงินเรียบๆห้อยยาวมาถึงกลางลำตัว และผ้าพันคอสีดำที่ถูกพันไว้หลวมๆทิ้งชายไว้ด้านหลัง กางเกงยีนส์ฟอกสีดำ มีร่องรอยการกรีด ให้เกิดรอยขาดตามสมัยนิยม พ่อบ้านหนุ่มคนนี้มีรสนิยมการแต่งตัวไม่เลวทีเดียว แต่สิ่งที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือซองเอกสารที่เจ้าตัวถือติดมือออกไปต่างหาก
     
    ซองเอกสารซองเดิมที่เคยผ่านมือของคิมฮีชอลมาแล้ว เรื่องสนุกกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
     
    “ยูฮวาน ตอนนี้อยู่ทางออกหมู่บ้านรึเปล่า ช่วยอะไรพี่หน่อยสิ” รอยยิ้มเริ่มฉาบปลีบปากแดงอีกครั้ง
     
    คิมฮีชอลโทรหาเด็กน้อยเพื่อนบ้านที่มักจะไปตั้งแก๊งกันที่สวนข้างทางเข้าหมู่บ้าน พูดไปก็ตลก ที่เด็กแว๊นแถวนี้มียาพาหนะเป็นบีเอ็มดับบิลไปจนถึงลัมโบกีนีคันงาม
     
    “เฮ้ย งานเข้าว่ะ พี่ฮีชอลบอกให้ช่วยตามคน อะไรเนี่ยแหละ ไปก่อนนะ” เด็กหนุ่มร่างสูงในชุดสบายๆอย่างเสื้อยืดตัวละแสนที่ไม่บอกก็ไม่รู้กับยีนส์ขาดๆตัวนึงเหยียบๆล้าน ล่ำลาบรรดาเพื่อนๆก่อนจะรีบเดินกลับไปยังปอร์เช่คันหรู
     
    “เดี๋ยว เอารถฉันไปก่อนสิ เล่นเอาปอร์เช่ตามเดี๋ยวเหยื่อก็กระเจิงหรอก” เสียงขรีมของคนที่ไม่ค่อยจะยอมเปิดปากพูดรั้งอีกคนเอาไว้เสียก่อน
     
    ยูฮวานหันกลับไปยิ้มด้วยท่าทีเห็นด้วย
     
    “เออเนอะ แม็กซี่ งั้นฝากนายเอารถไปเก็บหน่อยละกัน”
     
    คนฟังกระตุกยิ้มมุมปาก พยักหน้าอย่างเร็วพร้อมส่งสายตามีความหมายไปให้ ก่อนโยนกุญแจรถสลับกันพลางมองอีกคนเดินขึ้นบีเอ็มซีรีย์เจ็ดของตัวเองไป
     
    เพราะอากาศเป็นใจยูฮวานจึงเปิดหน้าต่างหน้าทั้งสองบานรับลมจากภายนอก ปล่อยให้เสียงอคูสติกกีตาร์บรรเลงลอยไปทั่วบริเวณที่รถแล่นผ่าน
     
    เสียงนุ่มๆร้องคลอไปตามดนตรี แต่ขณะเดียวกันดวงตาก็ยังคงจับจ้องไปยังเป้าหมายที่ถูกกำหนดไว้
     
    ไม่นานการเดินทางของเหยื่อก็หยุดลงหน้าหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง โชคดีทีคนถูกตามไม่เดินเข้าไปในหมู่บ้าน ไม่อย่างนั้น เขาคงต้องจอดรถทิ้งไว้แล้วเดินตามเข้าไป
     
    ไม่เกินห้านาทีหลังผู้ถูกเฝ้ามองรับโทรศัพท์ใครอีกคนก็เดินออกมาพบ ในสายตาเขาทั้งสองคนดูจะสนิทกันไม่น้อย และคาดว่าคงไม่ได้เจอกันนานพอควรถึงได้ดูคิดถึงคะนึงหากันเสียเหลือเกิน
     
    กล้องดิจิตอลสีเงินถูกยกขึ้นซูมถ่ายเหตุการณ์ โดยจงใจให้เห็นหน้าอย่างชัดเจน จนกระทั่งช็อตไคลแม็กที่คนทั้งสองยื่นซองสีน้ำตาลในมือให้กัน แน่นอนภาพในช็อตนี้ต้องคมชัดที่สุด
     
    ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงรูปทั้งหมดก็ปรากฎแก่สายตาคนเจ้าแผนการ
     
    “พี่จะเอาไปทำไรอ่ะ” คนตัวเล็กกว่าถามด้วยความอยากรู้
    “แบล็คเมล์” คนสวยตอบยิ้มๆ
     
    “ชั่วร้าย” ทำหน้าเหยเกแต่ก็โผเข้ากอดคนที่นั่งหลังให้
    “แล้วจะกอดคนชั่วร้ายทำไมล่ะ ฮึ” หยิกแก้มป่องเบาๆ จนอีกคนเบี่ยงหนีแล้วหอมกลับ
     
    ภาพเด็กข้างบ้านกับพี่ชายคนสวยที่ไม่ได้เห็นมานาน บัดนี้ก็เกิดขึ้นอีกครั้งท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบของคฤหาสน์ตระกูลคิม ทำให้คิบอมที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ไกลๆลอบยิ้มตาม
     
    หลังอาหารว่างเด็กข้างบ้านก็ชิ่งกลับบ้านด้วยข้ออ้างที่ว่าต้องกลับไปเช็ครถว่ายังอยู่ดีรึเปล่า
     
    แล้วสองสามวันให้หลังชีวิตการงานแสนปกติของพ่อบ้านคนเก่งก็ถูกรังควานด้วยการเปรยถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ของคนที่ดูจะมีความสุขไปเสียตลอดเวลา
     
    “คุณเยซองครับ สุดสัปดาห์นี้ผมจะไปไหว้พระที่นัคซันซา วันศุกร์เดินทางแต่เย็นเลยนะครับไปถึงจะได้ไม่ดึกมาก”
     
    “คุณหนูจะไปกี่วันครับ ผมจะได้เตรียมการ” ถามด้วยท่าทางนอบน้อมทั้งที่กำลังหนักใจกับกำหนดการเร่งด่วนในอนาคตอันใกล้
     
    “ประมาณสามวันครับ เรื่องที่อยู่เส้นทางลองถามคนรถดูนะครับ” ตัดบทสนทนาไว้เพียงเท่านี้ก่อนจะเดินเข้าห้องไปแจ้งข่าวการเดินทางแก่อีกคน
     
    “คิบอม วันศุกร์ฉันจะไปนัคซันซาไหว้พระ น่าจะถึงพอดีดึกๆ วันศุกร์นายช่วยไปเซอร์เวย์รอที่นั่นแต่เช้าหน่อยสิ”
    ทิ้งตัวลงนั่งตักคนตัวโตกว่า โดยไม่ลืมใช้แขนรั้งคออีกคนไว้หลวมๆ
     
    “พี่จะไปทำบุญประจำปีหรอ” ดันแว่นดีไซน์อิตาลีสีดำสนิทลงรั้งกับสันจมูก ให้พ้นสายตา
    “ทำนองนั้น” พยักหน้าเบาๆ พร้อมหน้าตาครุ่นคิด
    “กลับวันไหน”
    “น่าจะถึงโซลเช้าวันจันทร์” ตอบส่งๆ ก่อนลุกขึ้นเดินหลบเข้าห้องตัวเองไป
     
    ไม่จำเป็นต้องมีกำหนดการ เพราะทุกอย่างจะเป็นไปตามแผน
     
    ตั้งแต่เหตุการณ์ไม่ค่อยดีเมื่อไม่กี่วันก่อน คิบอมพยายามทำตามที่พี่ชายคนสวยกล่าวไว้ มองความสุขของตัวเองเป็นหลัก อย่างวันนี้คำขอร้องแกมบังคับให้ไปเซอร์เวย์ที่นัคซันซา กับคำตอบที่ฟังก็รู้ว่าไม่ใช่จุดประสงค์ที่แท้จริง ใช่ว่าเจ้าตัวเองจะไม่อยากรู้ว่าจริงๆแล้วอีกคนคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่ตราบใดที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียเขาก็ไม่ควรจะไปคิดให้หนักสมอง………………. อย่างนั้นหรอ
     
    ท่ามกลางอากาศเย็นเฉียบในห้องสี่เหลี่ยม บนเตียงนอนนุ่มนิ่มมีคนอีกคนที่กำลังสบายใจตรงข้ามกับคนห้องตรงข้ามโดยสิ้นเชิง
     
    “อืม....... ก่อนที่ตัวละครจะเพิ่ม ก็ต้องรีบกำจัดทิ้ง ก่อนที่มันจะเยอะมากไปกว่านี้ ใกล้ได้เวลาออกจากเกมแล้วนะครับคุณเยซอง”
     
    คนตัวบางนอนอมยิ้มวาดรูปบทบาทหมากแต่ละตัวบนอากาศอย่างอารมณ์ดี

    NeRVe - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -




    ดีใจได้อัพ

    หลังจากดอง ดอง เป็นกิมจิ

    อยากร้องไห้

    เวลาไม่มีจะให้แม้แต่ตัวเอง

    เฮ้อออออ

    เชื่อมั้ยตารางปิดเทอมเต็มหมดแล้ว

    โฮ

    ดีใจที่ฟิคเรากลับสู่โหมดกระตุ้นต่อมอยากรู้อีกครั้ง 55+

    หนุ่มในร้านคือใคร

    ฮีนิมจะทำอะไร

    แล้วใครจะมาแทนเย่

    แล้วทำไมต้องกำจัดเย่

    โปรดติดตาม......

    กรุณาเม้น

    เม้นไม่ถึงเราไม่อัพพพพ- -

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×