ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ]NeRVe รัก โลก จิต [TeukCin][BumHyuk]

    ลำดับตอนที่ #13 : [NeRVe] 11 Evidence หลักฐาน 100% - - - -

    • อัปเดตล่าสุด 28 ธ.ค. 52


    Chapter: 11
    Title: Evidence หลักฐาน
    Type: Finding
    Author: Deirc


    เป็นอีกครั้งที่คิบอมมาที่ร้านซีดีในซอยแคบๆที่ฮยอคแจชอบมาหลังเลิกงาน คราวนี้เขาต้องการมาพบตัวใครบางคนที่ทำให้คนตัวเล็กขยันมาเยี่ยมเยียนที่นี่ให้ได้
     
    ทั้งร้านมีเพียงเสียงเพลงเบาๆคลอไปกับเสียงภายนอก ไร้วี่แววว่าจะมีใครอยู่ แต่ร่างสูงก็ยังคง เดินดูนู่นจับนี่ไปเรื่อย รอให้ใครซักคนที่อยากจะเห็นหน้านักปรากฏตัว
     
    ผ่านไปเกือบชั่วโมงคนๆหนึ่งก็ปรากฏมาจากหลังเคาน์เตอร์ เด็กหนุ่มหน้าหวานคนเดียวกับที่พบคราวก่อนเดินออกมาต้อนรับลูกค้าด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน
     
    “เอ่อ.... ถามได้นะครับ” ประโยคยอดฮิตของบรรดาเด็กเฝ้าร้านหลุดจากกลีบปากบางพร้อมยิ้มหวาน
    “เปล่า ดูเฉยๆน่ะ” พูดโดยไม่มองหน้าคนถามซักนิด
    “อ่า งั้นเชิญตามสบายครับ” ว่าแล้วก็หลบไปนั่งหลังเคาน์เตอร์อย่างที่ควรจะเป็น
     
    “ร้านนี้เปิดถึงกี่โมง” เสียงเข้มถามขึ้นทำให้คนที่กำลังมองอยู่สะดุ้งนิดๆ
    “อ่า ประมาณห้าทุ่มถึงเที่ยงคืนได้ครับ”
    “ร้านอยู่ในซอยแบบนี้จะไหวหรอ”
    “ว่าไงนะครับ?” ไม่แน่ใจว่าที่ถามหมายถึงอะไร
    “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” ร่างสูงตัดบท ไม่อยากจะพูดให้มากความ
    “คือความจริงแล้วร้านนี้ก็เปิดไปอย่างนั้นแหละครับ เป็นเหมือนกิจการที่ทำเล่นๆแก้ว่างล่ะมั้ง ฮ่าๆ” ยิ้มสดใสพร้อมหัวเราะเก้อๆอีกครั้ง
     
    “นายชื่ออะไร” คำถามสั้นๆทำเอาคนถูกถามงงงวย อยู่ๆคนแปลกหน้าที่เข้ามาในร้านมาถามชื่อแซ่กันเอาดื้อๆแบบนี้ไม่งงก็คงแปลก แต่เมื่อเห็นว่าบอกไปก็คงไม่เป็นไร คนถูกถามจึงตอบไปอย่างสุภาพ
    “ลีฮงกิครับ”
    “ไปล่ะ” บอกลากันง่ายๆโดยไม่ซื้ออะไรติดมือซักอย่างแล้วเดินออกไปอย่างเงียบๆ
    “เอ๋.... งั้นโอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ” โค้งงามๆเสียทีแม้ว่าอีกคนไม่มีท่าทีว่าจะหันกลับมามองก็ตาม
     
    ร่างสูงรีบเดินกลับไปยังรถที่จอดทิ้งไว้ ทิ้งตัวลงบนที่คนขับแล้วสตาร์ทเครื่องเปิดเครื่องปรับอากาศให้เรียบร้อยก่อนนั่งครุ่นคิดเรื่องคนที่พึ่งจากมา
     
    ตลอดช่วงที่ผ่านมา ลีฮยอคแจมาหาคนๆนี้อย่างนั้นหรือ?
     
    มองจากความเป็นไปได้โดยนิสัยแล้วถ้าลีฮยอคแจจะชอบคนแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเจ้าตัวเองก็เป็นคนง่ายๆ ส่วนหมอนั่นก็ดูเป็นคนสบายๆ คงเข้ากันได้ไม่ยาก
     
    แต่ถ้าคนง่ายๆอย่างลีฮยอคแจโดนแย่งอะไรไปล่ะ จะเป็นยังไง?
     
    - - - - - - - - - - - - - - - -
     
    คฤหาสน์หลังใหญ่ปรากฎอยู่ตรงหน้าลีซึงฮยอน วันนี้คือวันแรกที่เขาจะต้องย้ายเข้ามาที่นี่ในฐานะพ่อครัว แต่นั่นไม่ใช่จุดประสงค์ที่แท้จริงของการมาครั้งนี้
     
    นิ้วเรียวกดปุ่มอินเทอร์โฟนบนกำแพงข้างประตู แล้วแนะนำตัวเสร็จสรรพ ไม่นานประตูก็เปิดออกด้วยระบบอัตโนมัติโดยมีคนงานอีกสองสามคนมาช่วยขนของเข้าไป
     
    “เชิญใช้ห้องตามสบายนะคะ” เมดสาวยิ้มแย้มก่อนเดินจากไปหลังพาคนมาใหม่มาถึงห้องเรียบร้อย
     
    ร่างโปร่งโยนเป้ที่สะพายไว้ลงบนเตียง ก่อนจะหันมาลากสัมภาระอื่นๆไปวางให้เข้าที่เข้าทางเตรียมไว้สำหรับจัดทีหลัง แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความเหน็ดเหนื่อย ก่อนจะหลับไปโดยไม่รู้ตัว
     
    กว่าจะตื่นขึ้นอีกทีก็ปาไปจะห้าโมงเย็น เท่าที่ได้รับตารางเวลาในบ้านมาก็รู้ว่าวันนี้ไม่ต้องทำอาหารเป็นพิเศษเพราะบรรดาเจ้าของบ้านไม่กลับมาทานอาหารเย็น มีแค่พวกคนงานเท่านั้นที่รอมื้อเย็นอยู่
     
    ร่างโปร่งลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายก่อนจะเดินออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง
     
    อาหารรสชาติใหม่สร้างความพึงพอใจให้บรรดาคนงานในบ้านได้ไม่แพ้ฝีมือพ่อครัวคนก่อน ระหว่างมื้ออาหารเต็มไปด้วยคำถามมากมายของคนนู้นคนนี้เกี่ยวกับตัวพ่อครัวหนุ่มผู้อัธยาศัยดี และนั่นทำให้ร่างโปร่งสนิทสนมกับคนงานคนอื่นๆได้อย่างรวดเร็ว
     
    เมื่อปลีกตัวออกมาหลังเห็นว่าเสียเวลาไปในวงสนทนามากเกินความจำเป็นก็กลับเข้าห้องจัดการเรียงข้าวของเข้าที่ให้เรียบร้อย
     
    กว่าการจัดของครั้งใหญ่จะเสร็จสิ้นก็กินวลาเกินจากที่คาดไว้มาก แต่ก็ยังมีเวลามากพอที่จะเขียนบันทึกประจำวันได้ตามปกติ
     
    เรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวออกจากที่พักเดิมจนกระทั่งเรื่องรางระหว่างมื้ออาหารเย็นถูกบันทึกลงบนหน้ากระดาษอย่างคร่าวๆ หลังปิดปกสมุดบันทึกลงก็หลับตาลงพักสายตาซักครู่ก่อนจะเดินกลับออกไปที่ครัวอีกครั้งเพื่อเช็คความเรียบร้อย
     
    เมื่อพบว่าทุกอย่างได้รับการทำความสะอาดและเก็บเข้าที่เรียบร้อยร่างโปร่งจึงหันหลังเดินกลับไปตามทางเดิม แต่เมื่อเดินเลยโถงกลางบ้านมาได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์บ้านข้างโซฟาใหญ่ก็ดังขึ้น
     
    ขายาวหยุดชะงัก ยั้งคิดอยู่นานว่าตนควรจะเข้าไปรับสายนั้นดีหรือไม่ หากจะรับ ตนจะรับในฐานะอะไร แต่เมื่อครุ่นคิดสักพักเสียงเรียกนั้นก็หยุดลง ก่อนจะดังขึ้นในไม่กี่วินาทีให้หลัง
     
    จนกระทั่งซึ่งฮยอนต้องตัดใจเดินกลับเข้าไปกลางห้องโถงและยกหูโทรศัพท์นั้นขึ้นด้วยตนเอง
     
    “สวัสดีครับ คฤหาสน์ตระกูลคิมครับ ไม่ทราบว่าต้องการเรียนสายใครครับ”
     
    “นี่ฮีชอลนะครับ บอกคิบอมให้โทรหาผมด้วย ขอบคุณครับ”
     
    - - - - - - - - - - - - - - - -
     
    เมื่อเข็มสั้นเลยเลขสิบบอกให้รู้ว่าถึงเวลาที่ควรจะกลับบ้าน ร่างสูงจึงลุกขึ้นเดินออกจากมุมประจำของคาเฟ่สุดหรูที่ตนมักจะมานั่งเล่นฆ่าเวลา แล้วขับรถสปอร์ตสีดำสนิทออกไปจากบริเวณร้าน
     
    ตลอดทางในหัวสมองนั้นว่างเปล่าราวกับไม่มีเรื่องใดให้ห่วง แต่ภายในจิตใจกลับรู้สึกหนักหน่วงอย่างไร้สาเหตุ
     
    หลังจัดการเอารถจอดเข้าที่เรียบร้อยเมื่อคิบอมเปิดประตูเดินเข้ามาในตัวบ้านก็ต้องรู้สึกแปลกใจกับภาพที่เห็น เมื่อมีชายหนุ่มหน้าตาไม่คุ้นหน้ากำลังยืนทำท่าเหมือนรอคอยใครซักคนอยู่ในโถงกลางบ้าน
     
    ซึงฮยอนซึ่งใช้เวลาไปกับการรอราวๆสี่สิบนาทีหันมองตามเสียงเปิดประตูของคนที่พึ่งกลับมาก่อนจะรีบเดินเข้าโค้งและทักทายให้เป็นกิจลักษณะ
     
    “สวัสดีครับ ผมลีซึงฮยอน จะมารับหน้าที่ดูแลงานในครัวนับจากนี้ไป ขอความกรุณาด้วยครับ”
     
    คิบอมมองอีกคนด้วยสายตาว่างเปล่า แต่ก็พยักหน้ารับรู้แล้วทำท่าว่าจะเดินออกไปจากบริเวณนั้นทันทีแต่ก็ถูกรั้งไว้ด้วยเสียงเรียกของอีกคน
     
    “คือว่าคุณฮีชอลโทรมาบอกว่า ให้คุณคิบอมช่วยติดต่อกลับไปด้วยครับ”
    “รู้แล้ว ขอบใจมาก” ว่าแล้วก็รีบเดินขึ้นบันได้เข้าห้องของตนโดยไม่สนใจคนที่ยืนอยู่ภายหลัง
     
    ไม่ต้องรอให้เสียเวลามือหนารีบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นโทรหาพี่ชายตามคำบอกแต่ก็พบว่าแบตเตอรี่ที่คอยให้พลังงานนั้นหมดไปนานแล้ว จึงหันไปหยึบโทรศัพท์บ้านมาใช้โทรออกแทน
     
    ไม่ทันที่เสียงสัญญาณเรียกจะดังปลายสายก็ยกหูขึ้นอย่างรวดเร็ว
     
    - ว่าไง กว่าจะติดต่อได้นะ
    “พี่มีอะไร”
    - แล้วเมื่อกี๊คนที่มาบอกนายว่าฉันโทรมาคือใครกัน –
    “ซึงฮยอนซักอย่าง รู้สึกจะเป็นพ่อครัวใหม่”
    เสียงหัวเราะเบาๆในลำคอที่ดังลอดผ่านเข้ามาในหูโทรศัพท์ทำให้คิบอมรู้สึกแปลกๆ ก่อนจะวกกลับมาที่ประเด็นหลักอีกครั้ง
    “ช่างเถอะ สรุปว่าพี่มีอะไร”
    - เข้าไปในห้องฉัน เอาซองเอกสารในลิ้นชักตู้เสื้อผ้าไปให้คุณพ่อพรุ่งนี้นะ”
    “พี่จะทำอะไร”
    - ฉันจะทำให้คุณพ่อได้เห็นว่าฉันคือผู้บริสุทธิ์ -
     
    คนถามเองเมื่อได้ฟังคำตอบก็ได้แต่เงียบ สมองเริ่มประมวลผลอย่างหนัก
    หรือนี่จะเป็นอีกครั้งที่ความจริงจะถูกลบเลือนด้วยมือของฮีชอล แต่ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ธุระกงการที่เขาจะต้องใส่ใจ เรื่องแค่นี้ในเมื่อพี่ชายขอให้ทำให้ เขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธ
     
    “เข้าใจแล้ว แค่นี้นะ ฝันดี” ว่าแล้วก็วางสายไปแล้วเตรียมตัวเข้านอนไปพร้อมๆกับจิตใจอันว้าวุ่น
     
    - - - - - - - - - - - - - - - -
     
    เมื่อเวลาเช้ามาถึงคิบอมก็ตื่นขึ้นตามปกติและนำเอกสารแวะไปให้บิดาตามที่อีกคนฝากฝังไว้ ด้วยความอยากรู้ว่าภายในซองคืออะไรจึงแสร้งหาเรื่องอยู่คุยต่อกระทั่งถึงเวลาที่คิดว่าเหมาะสม หัวข้อการสนทนาเรื่องอุบัติเหตุเริ่มถูกดึงขึ้นมาพูดอย่างแนบเนียน
     
    “ในเมื่อพี่บอกว่ามีหลักฐาน ผมว่าเราก็ควรจะพิจารณาดูกันอีกทีให้รอบคอบก่อนจะปักใจเชื่อนะครับ” เมื่อได้ฟังลูกชายพูดนายใหญ่ตระกูลคิมก็ยิ่งร้อนใจอยากรู้ความจริง จึงตัดสินใจหยิบซองเอกสารที่พึ่งมาถึงพร้อมลูกชายขึ้นมาเปิดโดยไม่ลังเล
     
    ภายในซองไม่ได้มีอะไรมากมายอย่างที่คิด มีเพียงภาพถ่ายสองสามใบที่มีข้อความสั้นๆอยู่ด้านหลัง
     
    ภาพถ่ายเหล่านี้คือภาพเยซองกำลังยื่นซองที่ดูเหมือนจะเป็นเอกสารสำคัญให้กับใครอีกคนที่ดูคุ้นหน้าคุ้นตานัก โดยสถานที่ก็คือหน้าหมู่บ้านซึ่งเป็นที่ตั้งของคฤหาสน์ตระกูลลี และในภาพใบล่างสุดเป็นภาพที่เยซองหันมามองทางกล้องพอดี แต่ด้วยความที่เป็นภาพจากระยะไกล จังเห็นได้ไม่ชัดนักว่าดวงตาจ้องมาที่กล้องหรือไม่ แต่ก็เป็นไปได้สูงว่าในขณะนั้นคนถูกถ่ายจะมองเห็นกล้องที่กำลังถ่ายนี้
     
    ความเครียดปรากฎขึ้นบนใบหน้าเหี่ยวย่นอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่เขาจะพลิกรูปขึ้นเพื่ออ่านข้อความที่ถูกเขียนเอาไว้เบื้องหลัง

    091130 คุณเยซองนำเอกสารไปให้คนที่บ้านตระกูลลี
     
    มือเหี่ยวย่นรีบพลิกอีกด้านของรูปขึ้นมาอีกครั้ง แล้วมองไปยังซองเอกสารสีน้ำตาลนั้นอย่างครุ่นคิด
     
    “ทำไมพ่อไม่ดูรูปอื่นๆล่ะครับ” ลูกชายคนเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆรีบเสนอความเห็น ได้ยินดังนั้นก็ทำตาม สลับภาพที่อยู่ด้านล่างขึ้นมาแทน
     
    ในรูปปรากฏเป็นซองเอกสารสีน้ำตาลที่มีจ่าหน้าถึงเยซอง ซึ่งที่อยู่ผู้ส่งมาจากที่อยู่บ้านตระกูลลีโดยไม่ได้ลงชื่อผู้ส่งเมื่อดวงตาสองคู่พิจารณาได้ซักพัก รูปถ่ายใบสุดท้ายที่ยังไม่ถูกสำรวจก็ถูกนำขึ้นซ้อนทับด้านบนสุด
     
    ภาพซองเอกสารถูกเปิดออกอย่างประณีตมีเอกสารสองสามแผ่นวางทับอยู่ด้านบน โดยภาพเน้นโฟกัสไปยังตัวอักษรด้านท้ายของเอกสารแผ่นล่างสุด
     
    อยู่ที่นั่นได้ข้อมูลคืบหน้ายังไงอย่าลืมมาบอกฝั่งนี้ด้วยล่ะ
     
    “คิบอม.. ลูกคิดว่า” หันไปมองหน้าลูกชายด้วยสีหน้าจริงจัง
    “ผมคิดว่าพี่กำลังจะบอกว่า คุณเยซองเป็นสายสืบของตระกูลลีที่จะเข้ามาล้วงข้อมูลของตระกูลเรา”
    “หมายความว่ามันเกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งนี้ เพราะเยซองรู้ว่า” ยังพูดไม่ทันจบลูกชายแทรกขึ้น
    “ใช่ครับ พี่คงกำลังจะบอกเราว่า คุณเยซองรู้ว่าพี่รู้แล้วว่าเขาเป็นสายสืบ เลยอยากจะปิดปากพี่ แต่โชคร้ายที่แผนอาจจะพลาดไป ผลที่ออกมาเลยไม่ใช่อย่างที่เจ้าตัวอยากให้เป็น”
     
    ชายสูงวัยส่ายหน้าเบาๆอย่างไม่อยากเชื่อ ตามจริงเขาไม่อยากจะปักใจเชื่อเสียเท่าไหร่ แต่ในเมื่อลูกชายมีหลักฐานขนาดนี้ จะให้คิดเป็นอื่นก็คงลำบาก
     
    - - - - - - - - - - - - - - - -
     
    “ยูฮวาน แล้วรูปพี่ชายฉันที่นายเอาไปตอนนั้นอยู่ไหนแล้ว” ทวงถามกับเพื่อนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ
    “รูปอะไร ไม่เห็นรู้เรื่อง” เลิกคิ้วถามด้วยน้ำเสียงแบบไม่รู้เรื่องจริงๆ
    “ก็รูปพี่ฮงกิไงที่ตอนนั้นนายแย่งไปแล้วนายก็รีบเบิ่งไปบ้านพี่ฮีชอลตอนพี่เขาพึ่งกลับมาไง”
    “อ๋อ... เดี๋ยวๆนะคิดก่อน รู้สึกจะทิ้งไว้แถวๆเตียงพี่ฮีชอลมั้ง ทำไม จำเป็นต้องใช้หรอ”
    “ก็เปล่าหรอก แค่ถาม”
    “ช่างเถอะเดี๋ยวโทรถามพี่ฮีชอลแล้วเอามาคืนให้แล้วกัน” ว่าแล้วก็คว้ามือถือขึ้นเรียกสายทันที
     
    -ว่าไงไอ่หนู-
    “พี่ ตอนที่ผมไปเยี่ยมพี่ตั้งแต่ช่วงแรกๆที่พี่กลับมาอ่ะ รูปที่ทิ้งไว้แถวๆเตียง พี่ได้เอาไปเก็บไว้ปะ”
    -รูปอะไร- คนถูกถามขมวดคิ้ว
    “รูปผู้ชายน่ารักๆอ่ะ ตอนนั้นที่ผมไปหาพี่แล้วไปเล่นในห้องพี่อ่ะ จำไม่ได้หรอ”
    -อ๋อ วันนั้นอ่ะหรอ รูปที่วางไว้แถวๆเตียง เดี๋ยวนะ นึกก่อน- คิด คิด คิด ทำไมคิมฮีชอลต้องเอาสมองมาทิ้งกับเรื่องไร้สาระแบบนี้นะ
    “นึกออกมั้ยๆ” อีกคนก็เร่งรัดเหลือเกินจนอีกคนเริ่มรำคาญ
    -อืมๆ นึกออกแล้ว รู้สึกจะเก็บไว้กับพวกรูปคนที่มาสมัครงานมั้ง ทำไม จะใช้หรอ-
    “ก็ประมาณนั้นครับ พอดีเจ้าของรูปเค้ามาถามหาน่ะ”
    -แล้วนั่นไม่ใช่รูปของนายหรอ-
    “รูปของเพื่อนอ่ะ รูปพี่ชายมัน ตอนนั้นแกล้งมันเลยจิ๊กมา ฮ่าๆ”
    -แล้วก็มาลืมไว้ที่ห้องฉันอ่ะนะ-
    “ก็ประมาณนั้น ว่าแต่ตอนนี้พี่อยู่โรงพยาบาลแล้วผมจะไปเอารูปยังไงล่ะเนี่ย” ได้ยินอีกคนว่าอย่างนี้คนปลายสายจึงรีบนึกว่าในที่ๆภาพของยูฮวานถูกเก็บอยู่มีของสำคัญที่ห้ามให้ใครเห็นอยู่หรือไม่ เมื่อเห็นว่าไม่มีข้อมูลสำคัญอะไรจึงตัดสินใจอนุญาติให้อีกคนเข้าไปหาเองได้
    -เอางี้แล้วกัน เดี๋ยวจะโทรบอกที่บ้านให้ นายไปหาเอาเองแล้วกัน พอถึงแล้วโทรมา จะบอกให้ว่าเก็บไว้ตรงไหน”
    “โอเคครับ ขอบคุณมากนะพี่”
    -เออๆ แค่นี้นะ-
    “ครับๆ รักพี่นะ ฮ่าๆ” หัวเราะน้อยๆแล้วกดวางสายก่อนจะหันมาคุยกับคนข้างๆ
     
    “พี่ฮีชอลบอกให้ไปเอาเองที่บ้าน งั้นเดี๋ยวฉันไปก่อนนะ บ่ายๆจะเอามาให้แล้วกัน” คนตัวเล็กยิ้มร่าเริงแล้วกระโดดลงจากขอบกำแพงเตี้ยๆวิ่งกลับไปที่รถ
    “อืม แล้วเจอกัน”
     
    เมื่อมาถึงบ้านตระกูลคิมคนเฝ้าประตูที่ได้รับทราบว่าเขาจะมาตั้งแต่แรกแล้วก็เปิดประตูให้ไปเข้าไปโดยง่าย พอเดินมาถึงหน้าห้องก็รีบโทรหาเจ้าของห้องไถ่ถามหาของที่กำลังหา
     
    “อยู่ในลิ้นชักโต๊ะหรอพี่ โอเคๆ แป๊บนึงนะ” เอาโทรศัพท์มาหนีบไว้ระหว่างหูกับไหล่ เอื้อมมือไปดึงลิ้นชักออกมาตามที่เจ้าของห้องบอก
    “แล้วมันซองไหนอ่ะ ซองซ้ายหรอ อันบนสุดใช่มั้ย อ่าฮะ เจอแล้วๆ เดี๋ยวผมหารูปข้างในแป๊บนะพี่”
     
    มือเรียวรื้อหาภาพถ่ายในซองทั้งหมดแล้ว แต่ก็ไม่พบภาพของพี่ชายเพื่อนที่ตนลืมไว้จึงท้วงขึ้น
     
    “ในซองไม่เห็นมีเลยพี่”
    -งั้นนับดูซิว่าตอนนี้ในซองมีทั้งหมดกี่รูป- ปลายสายเอ่ยถามด้วยเสียงเรียบ ไม่มีใครรู้หรอกว่าตอนนี้เจ้าของเสียงเรียบๆนั้นกำลังร้อนรนอยู่เล็กๆ
     
    จำได้ว่าเอารูปนั้นเก็บใส่ซองไปแล้ว เพราะนึกว่ายูฮวานไปรื้อลิ้นชักแล้วหยิบออกมาเลยเอาเก็บเข้าที่เดิม แล้วจากนั้นก็ไม่ได้เปิดซองเอกสารนั้นอีกเลย เว้นแต่ตอนหยิบรูปไปเปลี่ยนกับรูปถ่ายในซองจดหมายที่มาถึงคุณเยซอง โดยที่ก่อนจะหยิบรูปหนึ่งใบในนั้นออกไปเมื่อรวมกับรูปของยูฮวานแล้วทั้งหมดจะมี 28 รูป ถ้าหักที่เอาไปเปลี่ยนหนึ่งรูปก็หมายความว่าตอนนี้ในซองต้องมีรูปอยู่ 27 รูป เพราะรูปที่มากับซองจดหมายของคุณเยซองก็เก็บแยกไว้ที่อื่น ซึ่งก็คือถ้าในตอนนี้มีรูปในซองอยู่ 27 รูป รูปที่ยูฮวานกำลังหาก็คือหนึ่งรูปที่ถูกหยิบไปเปลี่ยนในจดหมายของคุณเยซอง
     
    “ในซองมันมีอยู่ 27รูปอ่ะพี่”
    -แล้วคือหารูปที่ต้องการไม่เจอใช่มั้ย-
    “อืม ไม่เจออ่ะ”
    -งั้นก็แสดงว่าฉันเอาทิ้งไปแล้วมั้ง ถ้าไม่มีอ่ะ- โกหกปัดความรับผิดชอบไป
    “โอย แล้วแบบนี้จะทำไงดีเนี่ย ไปบอกเค้าว่าจะเอาไปคืนแต่ดันหาไม่เจอ”
    -สำคัญขนาดนั้นเชียว ว่าแต่สรุปที่หาน่ะรูปใคร-
    “พี่รู้จักชางมินใช่ปะ ลูกชายประธานชิมอ่ะ ตอนนั้นผมแกล้งมันไงแบบขโมยรูปพี่ชายมันมา แล้วก็มาลืมไว้ที่ห้องพี่ ตอนนี้มันถามหา เลยจะมาหาไปคืนมัน แต่ดันหาไม่เจอเนี่ยสิ”
    -สมน้ำหน้า ฉันคงทิ้งไปแล้วมั้ง อยากเล่นอะไรไม่เข้าเรื่องเอง งั้นฉันวางก่อนนะ หมอมาตรวจแล้ว- ว่าแล้วปลายสายก็ตัดสายทิ้งทันที ปล่อยให้อีกคนยืนบ่นกับตัวเองต่อไป
     
    “อะไรของเขาอ่ะ โธ่... ทีนี้จะเอาอะไรไปคืนมันวะ ดันไปบอกว่าจะคืนให้อีก รู้งี้แกล้งบอกว่าทำหายแต่แรกก็ดีหรอก”
     
    อีกคนบนเตียงผู้ป่วยที่พึ่งกดตัดสายไปกำลังนั่งยิ้มกริ่มกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขากำลังทำให้เรื่องราวยุ่งยากขึ้นอีกโดยไม่รู้ตัว ถ้าลองเรียงลำดับเหตุการณ์ใหม่ก็จะเริ่มที่ยูฮวานขโมยรูปพี่ชายของชิมชางมิน แล้วลืมไว้ที่ห้องเขา เขาเองก็เข้าใจผิดว่ายูฮวานรื้อรูปนี้ออกมาจากลิ้นชักเลยหยิบรูปที่ยูฮวานเอามานี้ใส่รวมไปกับรูปคนที่มาสมัครทำงานที่บ้าน แล้วพอวันนึงจดหมายของคุณเยซองที่มีข้อมูลเกี่ยวกับคนที่ฆ่าครอบครัวของคุณเยซองมาถึงที่บ้าน เขาก็จัดการเปลี่ยนรูปภาพในซอง แล้วบังเอิญว่ารูปที่ถูกนำไปเปลี่ยนนั้นเป็นรูปที่ยูฮวานลืมไว้ จากนั้นก็จัดการเอาจดหมายที่ได้รับการปรับเปลี่ยนนี้ไปให้คุณเยซอง แล้วคุณเยซองก็เอาข้อมูลที่ผิดๆไปหาข้อมูลเพิ่ม แล้วนำไปให้คนในตระกูลลีช่วยหาทางแก้แค้นให้อีกที ซึ่งก็หมายความว่า ตอนนี้คนที่กำลังถูกเพื่อนตระกูลลีของคุณเยซองกำลังตามหาตัวอยู่นั้นกลายเป็นพี่ชายของชิมชางมินแทน และแน่นอนเลยว่าเพี่ชายของชิมชางมินลูกชายเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัยพ์ระดับโลก ก็คงมีอำนาจอยู่ไม่น้อย ไม่เหมือนพวกคนรับใช้กระจอกๆอย่างที่เขาคิด
     
    ทีนี้ในเกมก็มีคนที่ไม่ใช่แค่พวกกระจอกเข้ามาเอี่ยวด้วย แล้วถ้าเกิดคนคนนั้นถูกแก้แค้นทั้งที่ตัวเองยังไม่เคยรู้จักกับอีกฝ่ายด้วยซ้ำ คนคนนั้นจะใช้อำนาจที่ตัวเองมีทำยังไงต่อไป?
     
    - - - - - - - - - - - - - - - -
     
    มือหนาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นกดหมายเลขโทรออกสิบเอ็กหลักแล้วกดต่อสาย ไม่นานปลายสายก็กดรับ
     
    -ว่าไงชางมิน มีอะไร-
    “พี่จะกลับเกาหลีวันไหน พ่อผมบอกให้ผมไปรับพี่ที่สนามบิน”
    -เอ่อ.... คือ.... ฉันยังไม่แน่ใจเรื่องไฟลท์ อาจจะมีการคลาดเคลื่อน เอ่อ... ยังไงก็ ไม่ต้องมาหรอก ฉันกลับเองได้-
    “เป็นอะไรของพี่ พูดจะตะกุกตะกัก”
    -ขอโทษนะครับอัลบั้มนี้มีอันเดียวหรอครับ- เสียงใครบางคนลอดเข้ามาในสายโทรศัพท์
    “พี่อยู่ไหนน่ะ ทำไมมีคนพูดภาษาเกาหลีด้วย อยู่กับเพื่อนคนเกาหลีหรอ”
    -เอ่อ ฉันวางก่อนนะ ตอนนี้ไม่ว่างคุย- การเสียงลุกลี้ลุกลนแล้วรีบตัดสายไปทำให้ชิมชางมินไม่พอใจเป็นอย่างมาก
     
    ทำไมต้องร้อนรนขนาดนั้น ไม่ยอมให้ไปรับที่สนามบิน แถมยังมีเสียงคนเกาหลีคนอื่นลอดเข้ามาด้วย หรือบางทีพี่ฮงกิอาจจะไม่ได้อยู่ที่อเมริกา
     
    ฝ่ายคนตัดสายก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีนะที่รีบวางสายไป ก่อนที่ลูกค้าจะเข้ามาถามอะไรอีก ถ้าพวกบ้านใหญ่รู้ว่าแอบกลับมาก่อนล่ะก็ซวยแน่ๆ
     
    “อ่อ เมื่อกี๊ว่าไงนะครับ อ๋อ อัลบั้มนั้นเหลืออยู่ชิ้นเดียวแล้วครับ” ยิ้มไปให้ลูกค้าในร้านหลงัจากเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงไป
    “แล้วนี่จะมีเข้ามาใหม่มั้ยครับ”
    “อ่า สักครู่นะครับ เดี๋ยวจะโทรเช็คให้” ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์อีกเครื่องโทรออกหาเจ้าของร้าน
     
    “พี่ซึงฮยอน อัลบั้มของสปิลมันมันเหลืออันเดียวอ่ะพี่ มันจะมีมาลอทใหม่ปะ”
    -โอย จะมีได้ไง เก่ามาก ตั้งแต่สองสามปีก่อน เหลืออยู่อันนี้ว่าจะเอาไปคืนแล้วเนี่ย ฮ่าๆ บอกเค้าไปดิ ว่ามันเก่าแล้ว ไม่มีทำใหม่หรอก เออ อย่าพึ่งวาง โทรมาก็ดีแล้ว มีอะไรจะคุยด้วย- ยังไม่วางสาย หันไปบอกคุณลูกค้าตามที่คุณเจ้าของร้านสั่งมา
     
    “เอ่อ คุณครับ คืออัลบั้มนี้มันเก่าแล้วน่ะครับ ตั้งแต่สองสามปีก่อน แล้วเค้าก็เลิกผลิตไปแล้วด้วย ที่ร้านเราก็เหลืออยู่อันนี้อันเดียว ยังไงถ้าไม่พอใจลองไปสอบถามร้านอื่นดูก่อนก็ได้นะครับ”
    “อ่อ ไม่เป็นไรครับ เอาอันนี้ก็ได้ ว่าแต่ปลายสายคือคุณซึงฮยอนหรอครับ ช่วยบอกว่าฮยอคแจฝากสวัสดีด้วยนะครับ”
    “อ่อ รู้จักกันหรอครับ เนี่ย ฮ่าๆได้ครับๆ จะบอกให้ คิดเงินเลยนะครับ” รับแผ่นซีดีมาจากคุณลูกค้า แล้วรีบทำการแสกนบาร์โค้ดคิดเงินให้เรียบร้อยเสร็จสรรพก่อนใส่ถุงยื่นคืนให้ พร้อมกล่าวขอบคุณ เมื่อฮยอคแจเดินออกจากร้านไป ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยต่อ
     
    “พี่เมื่อกี๊ลูกค้าที่ถามเรื่องซีดีนั่นอ่ะ เค้าบอกว่าชื่อฮยอคแจ ฝากสวัสดีพี่ด้วย รู้จักกันหรอ”
    -เออ เพื่อนน่ะ น่ารักมั้ยล่ะ ฮ่า”
    “ไม่อ่ะ ซีดไป หน้าเหมือนไก่ด้วย ไม่ไหวๆ”
    -นินทาลูกค้า เดี๋ยวแกจะโดนไม่ใช่น้อย ช่างเถอะ เข้าเรื่องๆ นี่มันใกล้กำหนดที่แกจะต้องกลับเกาหลีแล้วใช่มั้ย-
    “ก็เออสิพี่ เมื่อกี๊ชางมินก็โทรเข้าเบอร์อเมกา มาถามๆอยู่เหมือนกัน”
    -แล้วนายตอบว่ายังไงล่ะ-
    “ผมบอกว่าผมไม่แน่ใจเรื่องไฟลท์ไม่ต้องมารับหรอก”
    -แล้วเจ้านั่นยอมหรอ พ่อใหญ่เป็นคนสั่งนี่-
    “ไม่รู้อ่ะ คือแบบเพื่อนพี่ก็ถามเรื่องซีดีขึ้นมา เสียงภาษาเกาหลีมันก็ลอดเข้ามาในสายแล้วชางมินมันก็ถาม ผมกลัวความแตกเลยรีบบอกว่าไม่ว่างแล้ววางไป”
    -โอย หมอนั่นมันฉลาดจะตาย ถ้านายยังเป็นแบบนี้อยู่นะ ความแตกชัวร์-
    “พี่อ่า แล้วทีนี้ผมจะทำไงดี”
    -ไม่รู้ๆ เดี๋ยวตอนบ่ายๆเข้าไปค่อยคุยละกัน วางก่อนนะ-
     
    - - - - - - - - - - - - - - - -
     
    “คุณป้าครับ ผมช่วยเก็บครัวให้แล้วนะครับ”
    “อ้าว คุณซึงฮยอน ขอบคุณมากนะคะ ทั้งๆที่ทำอาหารตั้งมากแล้วยังมาช่วยเก็บกวาดอีก” หญิงสูงัวยในชุดคนรับใช้รีบจับมือชายหนุ่มขึ้นมากอบกุมแสดงความขอบคุณ
    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ดีกว่านั่งเฉยๆ มองคนที่เขามีงานเยอะอยู่แล้วทำงาน ว่างๆก็มาช่วยดีกว่า”
    “เป็นคนดีจริงๆ คุณซึงฮยอนเนี่ย ว่าแต่ไปพักผ่อนเถอะค่ะ ที่เหลือยังไงป้าดูแลให้เอง”
    “งั้นขอตัวก่อนนะครับ” ว่าแล้วก็ปลีกตัวกลับไปยังห้องของตัวเอง
     
    เมื่อล็อคประตูเรียบร้อยตามความเคยชินก็รีบเดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะหยิบซองเอกสารแล้วเดินมานั่งที่เตียง เอกสารนี้คือสิ่งที่เยซองนำมาให้เขาที่ระแวกบ้านตระกูลลีก่อนจะตาย ในซองมีข้อมูลของคนที่ฆ่าครอบครัวของเยซอง มือเรียวรีบเปิดซองคว้าเอาภาพถ่ายออกมา ดวงตาพิจารณาไปยังใบหน้าของคนในรูป ทำไมกันเด็กหนุ่มที่ดูสดใสแบบนี้ถึงทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นลงไปได้ หรือบางที คนๆนี้อาจจะไม่ได้ลงมือเอง แต่ไม่ว่าจะยังไงเขามีหน้าที่ต้องแก้แค้นแทนเยซอง
     
    การเข้ามาทำงานที่นี่ก็เพื่อสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับการตายของเยซอง และความผิดปกติในตระกูลคิม เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมองเผินๆก็เหมือนเป็นเพียงอุบัติเหตุธรรมดา แต่บางอย่างทำให้เขาไม่ปักใจเชื่อ
     
    ในซองมีกระดาษเพียงแผ่นเดียวเนื้อความล้วนเป็นการบอกเล่าถึงขั้นตอนการสืบผาว่าชายหนุ่มในรูปนั้นคือใคร และข้อความน่าประหลาดใจในตอนท้ายที่ว่า ชายคนนี้คือลีฮงกิ ลูกชายคนที่สองที่เกิดจากหลานชายของตระกูลชิมที่แต่งงานกับหลานสาวตระกูลลีที่เกิดและใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ และภายหลังทั้งสองได้หย่าร้างกัน โดยฝ่ายพ่อชนะคดีและได้นำลูกมาเลี้ยงในเกาหลี แต่พอถึงชั้นมัธยมก็ส่งกลับไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ล่าสุดได้ยินว่าเรียนจบและกำลังจะกลับมาในอีกไม่เกินอาทิตย์หน้า
     
    ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้เขาเองก็ควรจะเตรียมแผนการต้อนรับไว้ตั้งแต่ตอนนี้..... จริงไหม?

    NeRVe - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -






    มาอัพ หลังหายไปนาน(อีกแล้ว)

    ยังจำเนื้อเรื่องกันได้มั้ยเนี่ย

    55+

    ขอชี้แจงเรื่องซึงฮยอนนิดนึงนะ

    ซึงฮยอนที่คุยกับฮงกิคือซึงเท๊ม

    ซึงที่เป็นพ่อบ้านคือซึงริ

    บอกไว้เผื่องง(และคาดว่างงกันไปแล้วด้วย)

    lol

    เราได้ทำการรีไรท์พาร์ท1ไปแล้ว

    ไม่ต้องไปอ่านใหม่หรอก

    เนื้อเรื่องเหมือนเดิม

    แค่เปลี่ยนบางคำให้มันดูดีขึ้น

    ขอบคุณคนที่ยังคงติดตาม

    และใครที่หลงเข้ามาก็หวังว่าคุณจะอ่านมาถึงตรงนี้

    แล้วก็หวังว่าจะได้อ่านคอมเม้นต์ด้วย 55+

    กรุณาอย่าลืมว่าเม้นต์คือพลังชีวิตของคนเขียนฟิคนะจ๊ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×