ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lemon and Demon โลกร้างราก

    ลำดับตอนที่ #4 : วีรบุรุษ

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ค. 57


    อยากได้ยา... ฉันอยากได้ยานั่น...

    อดทนหน่อยน่า... เดี๋ยวฉันจะฉีดให้เธอเอง... เอาแบบที่ว่าเข็มเดียวพุ่งปรี๊ดถึงหัวใจเลยนะ

     

    ประตูมันเปิดออกแล้ว...

    กรี๊ด!” เธอร้องลั่นเมื่อร่างของตนซึ่งเคยยืนหยัดอยู่ภายในบานไม้คร่ำคร่าถูกกระชากล้มลงไปบนพื้นหิมะสีขาว นิ้วมือเปลือยเปล่ายันพืดน้ำแข็งปวดสะท้านเหมือนกับถูกไฟฟ้าช็อต

    พยายามจะลุกขึ้นมา... แต่มันก็เอาส้นเท้ากระแทกกลางหลังจนหล่อนต้องหมอบลงไปสัมผัสนุ่นมฤตยู เกล็ดฝอยสีขาวกระเซ็นเข้าปาก... อะไร... อะไร... นี่มันอะไรกัน...

    ไม่มีคำพูดใดใดถูกส่งออกมาจากปากของผู้ล่า น้ำหนักที่เคยกดลงบนขาได้ยกปล่อยออก ขณะนั้นเองสายตาอันเรือนรางของเจ้าบ้านหญิงเห็นชายผู้นั้นหันไปคว้าขวานโลหะขึ้นมาในมือ ยืนนิ่งพิจารณาร่างของตนที่หมอบแน่นิ่งเหมือนกระดูกหัก

    ไม่ใช่ไอ้หนุ่มหัวเลมอน... หมอนี่เป็นชายอีกคน... ไม่สิ... อีกหลายคนเลย...

    เหล่าผู้มาเยือนมองตรงมายังเหยื่อตรงหน้า ชายที่ถือขวานค่อยๆก้าวตรงมายังร่างของหล่อนอย่างช้าๆ หญิงสาวจับสำเนียงที่สิ่งที่คาดว่าเป็นมนุษย์นั่นครางออกมาจากปากอย่างแผ่วเบา ง่ายดีนะ... ริมฝีปากของเขาสะบัดกระทบ ก่อนที่มือข้างนั้นจะยกเงื้อขึ้นเหนือหัว

    ฉันต้องหนี...

    จามแรกของขวานโลหะพลาดกระทบพื้นหิมะสีขาวจนแตกกระเด็น ทันทีที่หญิงสาวกลิ้งตัวหลบมัจจุราชได้ กำลังเฮือกสุดท้ายบอกให้เธอลุก... ด้วยอากัปกิริยาไม่ต่างจากสัตว์เลื้อยคลาน นิ้วมือสองข้างตะกุยพื้นสีขาวขยุ้มยึดและลากร่างอันอ่อนเปลี้ยไปข้างหน้า

    ชิ!” เหมือนจะได้ยินเสียงนักล่ากัดกรามที่มุมปาก แล้วเงื้อขวานขึ้นมาใหม่... แต่ร่างอันทุลักทุเลของฉันก็มิอาจจะหยุดรอความตายที่นี่ได้อีกแล้ว! หญิงสาวยันตัวเองขึ้นกับเสาประตูหน้าบ้าน ทันทีที่ยืนสองขาได้ เธอก็รีบออกวิ่งในทันที!

    มัวยืนเซ่ออะไรกันเล่า! ตามมันไป!” ชายผู้ถือขวานร้องลั่น ฉับพลันนั้นเองที่สุนัขล่าเหยื่ออีกสี่ตัวเริ่มทำงาน

     

    กรี๊ด! กรี๊ด! กรี๊ด!” เสียงน่าสยดสยองยังคงดังสะท้อนผนังหุบหินดังมาไม่ขาดสาย ฟิสิกซ์หันไปรอบทิศอย่างกระสับกระส่าย หวังจะเพ่งสายตาทะลุผ่านมวลแมกไม้และไศลหินไปให้เห็นร่างของเหยื่อ แต่มันก็มีแต่สีขาวกับดำ...

    อยู่ไหน! เสียงนั่นดังมาจากไหน!” เขาตะโกนถามเพื่อนร่วมทีมไปอย่างร้อนรน ควันจากไออุ่นในร่างขับออกมาเป็นลมสีขาวในทุกๆจังหวะฝีเท้าที่ยังไม่หยุดนิ่ง

    ไม่รู้สิ! เสียงมันสะท้อนก้องไปหมด... หุบเขานี่มันแย่จริงๆ จับรหัสอะไรไม่ได้เลย!” คอนสแตนตินตอบมาด้วยความรู้สึกชนิดเดียวกัน บัดนี้ ร่างของเขากำลังเคลื่อนไล่หลังนักดาบมาติดๆ จะห่างกันเล็กน้อยก็เพียงแต่ระยะประมาณสองสามวาเท่านั้น

    ฟิสิกซ์! คอนตี้! ฉันว่าเราควรแยกย้ายกันไปนะ!” บริดจิดด์ตะโกนให้ความเห็นไล่หลังมาอีกที

    ก็ดี...

    ไม่ได้หรอก! เราต้องเกาะกลุ่มกันไว้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าไอ้ไลโอเนลมันจะมาไม้ไหน ฟิลิกซ์รีบชิงตัดหน้าเพื่อนหนุ่ม เท่าที่ได้ยิน... ฉันมั่นใจว่าเสียงนั่นมาจากทิศนี้!” เขาพูดพลางวิ่งเลี้ยวตัดไปทางชะง่อนหินภูเขาที่งอกออกมา ก่อนที่จะกระโดดไต่ขึ้นไปตามผิวสัมผัสอันเย็นเฉียบ

    ขึ้นสูงเหรอ?” คอนสแตนตินถามไปอย่างไม่เชื่อในโสตประสาทตนเอง

    คิดว่าใช่!” ฟิลิกซ์รีบกล่าว ก่อนที่จะเหนี่ยวกายปีนขึ้นไปบนนั้นอย่างทะมัดทะแมง แต่เขาก็ต้องชะงักกึก เมือได้ยินเสียงของเพื่อนสาวที่ดังทักท้วงมา

    ไม่... ฟิลิกซ์... ฉันว่ามันต้องตรงไปทางด้านโน้น!” แม่เสือดาวกระสุนเงินกล่าวลิ้นแทบพันกัน นักดาบหนุ่มหันมามองหน้าหล่อนด้วยความรู้สึกบีบคั้น เธอคนนั้นหยุดยืนหอบ จ้องสวนไปด้วยนัยน์ตาในลักษณะเดียวกัน

    บริดจิดด์... เธอแน่ใจแค่ไหน...

    ไม่มาก...

    ฉันก็เหมือนกัน... พูดจบ ฟิลิกซ์ก็คว้าแง่หินด้านบนดันกายปืนขึ้นเนินเขาต่อไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้แม่นักแม่นปืนสาวมองตามไปด้วยสายตาที่ไม่สามารถบรรยายได้ถูก หล่อนหันไปทางทิศที่ตนคิดว่าได้ยินเสียงชั่วขณะหนึ่ง จึงเบนหน้าคืนไปยังทิศที่เพื่อนชายทั้งคู่รุดหน้าไป แล้วสตาร์ทเครื่องต่อในทันที

     

    ขวานโลหะด้ามเดิมจามปะทะบานประตูไม้ ร่างของเหยื่อผงะเซไปปะทะจานกระเบื้องบนชั้นวางตนแตกเป็นเสี่ยงๆ ประตูไม้เปิดคว้างออกตามแรงกระชาก สาวเจ้าบ้านผงกหัวขึ้นด้วยเศษเล็กๆของเซรามิคบนใบหน้า ประตูไม้ถูกสันเท้าถีบปิดกลับ หญิงไร้โชคผงะเปลี่ยนทิศไปทางอีกห้องหนึ่งของบ้าน สองเท้าในบู๊ตหนังกระทืบพื้นไม้ลั่นโครมคราม ผู้ถูกล่ากระโจนตัวข้ามเก้าอี้ไม้ที่วางระเกะระกะไปอย่างทุลักทุเล ข้อเท้าของเธอดันไปฟาดเข้ากับพนักโบราณนั่น หล่อนเสียหลัก แล้วก็ล้มคะมำลงกับพื้น ชายที่กวดตามมาจามขวานลงอีกครั้ง แต่หญิงอาภัพก็กลิ้งตัวหลบได้ทัน เสียงร้องแหลมยาวหวีดดังทำลายคืนอันเงียบสงบไปหมดสิ้น หล่อนยันกายขึ้นคลานสี่เท้าออกไปจากคมอาวุธมารนั่น ตะเกียกตะกายเพื่อให้ชีวิตรอด ทั้งๆที่ความหวังที่มีอยู่ได้มืดสนิทลงไปแล้ว

    กรี๊ด!” หล่อนซุกซุนไปอีกห้องหนึ่ง เส้นผมบนหัวยุ่งเหยิงเหมือนกับสุนัขจรจัด หลอดไฟสว่างจ้าบนเพดานถูกขวานฟาดตกกระทบพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ ห้องสุดท้ายของบ้านกลายเป็นลานประหารมืดในทันที เศษผ้าที่กองกระจัดกระจายอยู่บนพื้นทำพิษให้หล่อนหลบหลีกได้ช้า แต่มันก็ช่วยให้เธอไม่เห้นหยดเลือดของตนเองซึ่งกำลังหยดลงบนพื้น หญิงสาวซวนเซผ่านโต๊ะทำงานข้างหน้าต่างใสในวินาทีที่บานกระจกแก้วนั่นระเบิดออก กระสุนทองเหลืองกับคมมีดพุ่งมาด้านหน้าพร้อมกับร่างของผู้ล่าซึ่งกระโจนเข้ามาในบ้านผ่านทางพิเศษ หญิงสาวชะงักผงะหลังหมุนกลับ แต่ก็เจอคมขวานเดิมไล่ต้อน เมื่อหมุนตัวคืนทิศอีกโลหะชนวนอีกนัดก็ปะทุพ่นควันขาวคลุ้งไม่ต่างจากไอน้ำแข็งระเหยเบื้องนอก หญิงเจ้าบ้านถอยกายเข้าไปพิงตู้เสื้อผ้าที่อยู่ชิดมุมห้อง สายตาจับจ้องไปยังนักล่าทั้งห้าเหมือนเห็นมรณกาลของตนซึ่งได้มาถึงแล้ว

     

    ฟิลิกซ์! ฟิลิกซ์! นายไม่คิดว่ามันแปลกบ้างเหรอ!” คอนสแตนตินตะโกนถามเพื่อนไปอย่างเหนื่อยหอบ ระหว่างเส้นทางที่ตัดขึ้นสูง เขาและบริดจิดด์กองกันอยู่ด้านล่างเนินเขา ในขณะที่นักดาบหนุ่มแทบจะบรรลุถึงยอดแล้ว เห็นความแตกต่างของความคล่องตัวได้อย่างชัดเจน

    มีอะไรที่ไม่แปลกบ้างล่ะ... ในกรณีนี้น่ะ... ฟิลิกซ์กล่าวโดยไม่หันกลับมามอง

    ให้ตายเถอะ! ฟิลิกซ์! นายบอกฉันทีว่าเรากำลังไปที่ไหน! ที่เรากำลังหลงทางนะ! ทำไมเราไม่หยุดอยู่ที่นี่ แล้วก็คิดกันดีๆก่อนวิ่งต่อ... นักบวชหนุ่มร้องลั่น

    เราหยุดไม่ได้! ไม่งั้นผู้หญิงคนนั้นก็... ยังไม่ทันสิ้นเสียงของนักดาบ จังหวะมัจจุราชอันหวีดยาวสะท้อนก้องประดับหุบเขารัตติกาลก็ดังขึ้นมาอีก สามผู้กล้าสะบัดหน้าไปมาอย่างร้อนรนถึงขีดสุด

    ทางนี้แหละ! ถูกแล้ว!” ฟิลิกซ์เคลื่อนไหวต่อเป็นคนแรก เขาปีนขึ้นไปอีกนิดมันก็ถึงยอดเนิน ซึ่งนั่นก็เป็นจังหวะที่อีกสองคนเร่งกำลังตามขึ้นไปในทันที หิมะขาวๆเริ่มทำให้ทีมกู้ชีวิตประสาทสั่น มันเป็นสภาพการณ์ที่เลวร้ายที่สุดซึ่งพวกเขามิอาจจะคาดคะเนอะไรได้เลย นอกไปเสียจากการเดินตามวาทะพระเจ้าอย่างที่ปฏิบัติอยู่ในตอนนี้

    เส้นทางต่อจากเนินน้ำแข็งก็คือทางราบที่รกทึบไปด้วยไม้สนยิ่งกว่าตอนล่าง ฟิลิกซ์กระโจนข้ามโขดขินไปอย่างคล่องแคล่ว นัยน์ตาทั้งสองสอดส่องไปทั่วด้วยจังหวะหัวใจที่สั่นระริก เกรงจะพบร่างของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายนอนจมกองเลือดอยู่ข้างๆไลโอเนลซึ่งกำลังยืนแสยะยิ้มให้ แต่สิ่งที่เห็นก็มีแต่ความมืดครึ้มอันขาวบริสุทธิ์และแสนวังเวง ชายหนุ่มวิ่งผ่านซุ้มต้นสนที่ขึ้นสูงคล้ายขอบประตูขนาบสองฝั่งทาง เขาไม่เห็นหิมะบนยอดที่ก่อตัวจนหนาเป็นพิเศษ...

     

    ใครจะฆ่า... ในความมืดมิด หนึ่งในกลุ่มผู้ล่ากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ก็สามารถหยั่งรู้ได้ว่าเป็นน้ำเสียงของผู้หญิง

    ใครก็เหมือนกันน่ะแหละ... ชายที่ถือขวานพูด นัยน์ตาจ้องตรงมายังร่างของสุนัขจนตรอก ซึ่งบัดนี้ กำลังหอบหายใจถี่รัวเอนแผ่นหลังชิดกับตู้ปิดตายด้านในสุดของห้อง

    งั้นฉันยิงเลยไหม?” ชายหนุ่มผู้ถือปืนกล่าวอย่างเหี้ยมเกรียม

    เดี๋ยว... เจ้าบ้านสาวร้องขอชีวิตด้วยคำพูดที่แทบจะฟังไม่ออกว่าเป็นคำ ลมหายใจสีขาวพ่นไออุ่นออกจากร่างซึ่งกำลังจะเย็นระเยือกไม่ต่างกับหิมะเบื้องนอก ขอ... ร้อง... ล่ะ... อย่า... ทำ... ฉัน... เลย... ร่างของหญิงผู้เหนื่อยหอบทรุดลงอย่างช้าๆ... ไม่เหลือเรี่ยวแรงให้หนีอีกแล้ว

    ชายผู้ถือขวานหัวเราะแผ่วเบา หึ หึ... อย่าพูดอย่างนี้เลย... เธอก็รู้นี่ว่าทำไมฉันต้องทำแบบนี้... เขาค่อยๆก้าวขึ้นมาจากกลุ่ม แม้ว่าแสงจันทร์สลัวจะสาดกระทบใบหน้าชาดิบของนักล่า แต่นัยน์ตาของเหยื่อก็พร่ามัวจนไม่สามารถจะจับลักษณะอะไรของบุรุษผู้นี้ได้อีกแล้ว

    ขอ... ร้อง... ได้... โปรด... อย่า... ทำ... ฉัน... หยาดน้ำตาอุ่นๆไหลอาบแก้มที่กำลังสั่นระริกไม่ต่างจากหัวใจที่กำลังเต้น แลดูไม่ต่างจากปลาดุกที่กำลังจะถูกพ่อค้าสับหัว

    สายตาของชายคนนั้นไม่เปลี่ยนแปลง ไม่... ที่รัก... เธอไม่มีทางรอด...

    พวกเราฆ่าเธอแน่ๆ... หลับตาลงได้เลย... ชายอีกคนในกลุ่มเสริมมาบ้าง

    มันไม่มีทางออกอีกแล้ว! มันไม่มีทางหนีอีกแล้ว! หญิงเจ้าบ้านพ่นลมหายใจสุดท้ายออกจากปาก กระแสน้ำตาเอ่อท่วมจนใบหน้าร้อนผ่าวเตรียมพร้อมที่จะเย็นสนิท หล่อนเห็นชายผู้ถือขวานก้าวเข้ามาด้านหน้าช้าๆ... แขนของเขายกขึ้น แต่ขาของฉันไม่ขยับอีกแล้ว... เปลือกตาต่างหากที่เคลื่อนปิดลง... ฉันยอมตาย...

     

    ฟิลิกซ์วิ่งไปทางไหนแล้ว... บริดจิดด์ตะโกนถามนักบวชหนุ่มอย่างเหนื่อยหอบ ทันทีที่สองคนซึ่งไล่หลังมาบรรลุถึงยอดเนินเขา ร่างของชายผู้นำทางก็อันตรธานไปจากจักษุภาพเสียแล้ว

    ไม่รู้... หมอนั่นไม่รอพวกเราเลย จอมเวทย์นักบวชกล่าวบ้าง หมอกละอองไอจากความร้อนในร่างพ่นประสานกับหญิงร่วมตาย

    นักแม่นปืนผิวสีเหลือบสายตาไปรอบข้างอย่างพินิจ ก่อนที่จะชี้มือไปทางด้านขวา ดูรอยเท้า! เขาไปทางนั้น... ว่าแล้ว สองคนที่ตามหลังก็วิ่งตามหลุมหิมะนั่นไปในทันที

    คอนสแตนตินวิ่งนำหน้าบริดจิดด์ด้วยนัยน์ตาสอดส่อง เขาอยากจะตะโกนเรียกเพื่อนหนุ่มให้หยุดคอย แต่ก็เกรงศัตรูจะไหวตัวทัน นักบวชหนุ่มจึงแหวกหิมะตามไปในทิศเดียวกันอย่างไม่ลดละ เพื่อนสาวที่ติดตามมาก็อยู่ในอัตราเร็วเดียวกัน จนกระทั่งเธอสังเกตเห็นร่างของใครคนหนึ่งเป็นเงาลับๆอยู่ท่ามกลางสายหมอกเบื้องหน้า

    คอนจี้! ดูนั่น... ฟิลิกซ์!” แม่เสือดาวกระสุนเงินรีบร้องบอก จอมเวทย์หนุ่มเพ่งสายตาไปในทิศทางเดียวกันก็พบว่า หนุ่มผมบลอนด์คนนั้นคือเพื่อนเก้าสิบเก้าล้านแรงม้าของเขาจริงๆ

    เร่งตามเขาไปเลยดีกว่า!” คอนสแตนตินพูด ก่อนออกวิ่งฝืนสังขารไปตามทางหิมะพื้นขาว โดยไม่รอผู้หญิงอีกคนที่แทบจะเดินไม่ไหว นักบวชหนุ่มวิ่งสไลด์ผ่านไปถึงประตูชัยต้นสน จุดที่นักดาบหนุ่มเคยพุ่งทะยานผ่านไปอย่างรวดเร็ว คอนสแตนตินลอดร่างของตนผ่านซุ้มประตูไม้ แต่ฉับพลันนั้นเองวัตถุสีขาวโพลนจากยอดไม้ร่วงลงมา สิ่งนั้นหล่นแผละทับร่างของเขาพอดี มันเป็นที่มาของเสียงร้องอย่างตกใจซึ่งจอมเวทย์หนุ่มได้ทำให้อีกสองคนที่วิ่งประกบหน้าหลังวิ่งย้อนกลับมาด้วยความพะว้าพะวง

     

    ฉันสัมผัสได้ถึงของเหลวขุ่นคลักที่ไหลย้อยลงมาเปื้อนแก้ม... เลือดฉันเองสินะ... มันควรเป็นอย่างนี้นี่แหละ... ยกเว้นเพียงแต่ว่า... มันไม่รู้สึกเจ็บเลยซะงั้น...

    สาวเจ้าบ้านค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้านั้นทำให้เธอต้องตกตะลึง

    ร่างของชายถือขวานยังยืนสนิทนิ่งอยู่เบื้องหน้า ขวานในมือก็ยังถูกเงื้อสูง แต่สิ่งที่เห็นนั้นคลับคล้ายจะเป็นภาพนิ่งที่ถูกหยุดเวลาไว้โดยกล้องถ่ายรูป เพราะร่างของชายผู้นั้นมิได้เคลื่อนไหวอะไรอีกเลย รู้สึกตัวอีกที ภาพที่ปรากฏอยู่ก็กลายเป็น ขวานโลหะหล่นลงจากมือของเขาและจามเอาผืนไม้อย่างไร้ชีวิต มันเป็นสิ่งที่ทำให้หล่อนได้ตระหนักถึงความจริง ก่อนที่จะเห็นเลือดไหลออกมาจากซอกคอของนักล่า... พร้อมๆกับวัตถุใสบางอย่างที่เสียบคาอยู่ ณ ตำแหน่งนั้น

    ประตูตู้ด้านหลังเปิดออก พร้อมๆกับมือของใครคนหนึ่งที่ยื่นออกมา

    เขาสบตากับหล่อนเพียงวินาทีเดียว แต่เธอก็สัมผัสได้กับรอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกพิเศษบางอย่าง และเมื่อชายคนนั้นหันกลับไป วัตถุใสๆชนิดเดียวกันก็งอกมาอีกสี่แท่ง...

     

    มันคงเป็นหิมะถล่ม... ใช่สิ... มันคือหิมะจากยอดไม้ที่น่าจะถล่มลงมาด้วยแรงสั่นสะเทือนบางอย่างหรือไม่ก็น้ำหนักของมันก็กดลงมามากเกินไป... สีที่นัยน์ตาของนักบวชหนุ่มจับเห็นได้ก็แลดูขาวสนิท ไม่ต่างจากเกล็ดน้ำแข็งรอบด้าน จะแตกต่างกันก็เพียงแค่... ทรวดทรง... และลักษณะนุ่มหยุ่นผิดปกติเท่านั้น

    โอ้พระเจ้า... ให้ตายเถอะ!” ทันทีที่แม่นักแม่นปืนผิวสีวิ่งตรงมาเห็น บริดจิดด์ครางลั่นเหมือนจะเป็นลม เข่าของข้างแทบจะอ่อนพับลงไปในทันที

    อะไร... บริดจี้!” นักบวชหนุ่มถามออกไปอย่างนั้น แต่ใจตัวเองก็หดเหลือนิดเดียวแล้ว

    บริดจิดด์... คอนสแตนติน... นี่มัน...อะ... ฟิลิกซ์ซึ่งรีบวิ่งย้อนกลับมาสมทบก็ต้องตะลึงไปในทันทีที่เห็นภาพเดียวกัน

    สภาพของสิ่งนั้นไม่ต่างอะไรกับรูปปั้นเทพธิดาเปลือยในหอศิลป์ จะผิดกันก็เพียงแต่เนื้อหนังมังสาที่นิ่มยวบต่างไปจากปูนหินกระด้าง หากมันเป็นหิมะปั้น มันก็คงต้องเกิดจากฝีมือเทพยดาองค์ที่ชำนาญงานศิลป์ที่สุด เพราะมันแลดูเหมือนกับหญิงชาวโลกมนุษย์แท้ๆคนหนึ่ง เหมือนแม้กระทั่งนัยน์ตาเบิกโพลงที่เริ่มจะกลายเป็นต้อขุ่นอันปราศจากชีวิต เส้นผมดำยาวถึงกลางหลังแทรกเต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็ง สองมืออ่อนปวกเปียกเหมือนตุ๊กตาวางทาบไปบนแผ่นอกของจอมเวทย์หนุ่ม คอนสแตนตินสะดุ้งโหยงกระโจนหนีพรวดพราด ใบหน้าของเขาไม่ต่างจากสีหิมะแล้วก็ไม่ต่างจากสีใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นเช่นกัน เขาอยากจะบอกให้พรรคพวกก้มลงไปจับชีพจร แต่ทุกอย่างมันก็ฟ้องชัดอยู่แล้วว่าไม่มีประโยชน์

    เธอตายแล้ว... ชัดเจนที่สุด... เหยื่อของมันตายแล้ว...

     

    ผู้ล่าของฉันตายแล้ว...

    สาวเจ้าบ้านจ้องร่างของคนทั้งห้าที่นอนหมอบราบลงไปบนกองเศษผ้า เลือดของมนุษย์พวกนั้นได้หลอมเข้าไปกับเนื้อละมุนของวัตถุดิบตัดเย็บ จนผืนฝ้ายทุกชิ้นกลายเป็นสีแดง ขวาน ปืน และ มีดดาบตกเกลื่อนกลาดไม่ต่างจากของเล่น ตุ๊กตาพวกนั้นไร้พิษสงต่อหล่อนแล้ว... แต่สองมืออันซีดเซียวก็ยังคงรัดแผ่นอกของหนุ่มผมเลมอนไว้แน่น ใบหน้าที่แอบมองภาพสยดสยองได้พลิกกลับมาซบเข้าที่แผ่นหลังอันระอุกรุ่นไอวิญญาณแห่งชิวิต เสียงเขาดึงอาวุธกลับดังประสานเสียงหัวใจฉูบซีดเลือดปี๊ดปร๊าดกระตุ้นร่างอันอ่อนเปลี้ยให้ทรงพลังขึ้นใหม่ กลิ่นเหงื่อจางๆผสมกับกลิ่นคาวเลือดโชยเข้าสู่ฆานประสาทของหญิงที่เกือบถูกสังหาร ร่างของเขา... อบอุ่นเหลือเกิน...

    เธอไม่เป็นไรใช่ไหม... ในที่สุดชายคนนั้นก็กล่าวขึ้นอย่างแช่มช้า

    ไม่... ไม่มาก... หญิงสาวตอบตะกุกตะกัก ท่ามกลางความมืด มีเพียงแค่เธอและเขา กับซากศพพวกนั้น...

    งั้นเธอคงหนีไปได้สินะ...

    หนีไปเหรอ...

    ก็เห็นอยู่นี่... กระท่อมสัปรังเคนี่ไม่ใช่บ้านของเธออีกต่อไปแล้ว... หนีไปซะ... ชายหนุ่มกล่าว เขายังไม่หันมามองหน้าของมนุษย์ที่กำลังยึดร่างตนเป็นหลักแห่งการยืนหยัด... ครั้งแรกในชีวิตที่ปีศาจตนนี้เคยให้ความอบอุ่นแก่ผู้อื่น

    เจ้าของบ้านไม่รู้จะพูดอย่างไรอีก หล่อนค่อยๆปล่อยมือ และชันกายขึ้นช้าๆ แม้ว่าท่อนขาทั้งสองจะยังไม่หายสั่นด้วยความกลัว แม้ว่าริมฝีปากคู่นี้จะยังแห้งผาด หรือแม้แต่สายน้ำตาแห่งความสิ้นหวังจะยังไม่แห้งเลือนหาย... ฉันก็ต้องก้าวต่อไป...

    แต่เขากลับล้มลง...

    ทันทีที่ปล่อยมือ ร่างของชายหนุ่มก็ซวนเซและล้มลงไปกองกับพื้นบ้านพร้อมสำหรับการเป็นศพที่หก จังหวะนี้เองที่หล่อนเพิ่งรู้ว่า เหตุที่ชายคนนี้มีไออุ่นเป็นพิเศษ นั่นเป็นเพราะกระแสโลหิตที่พุ่งทะลักฉีดเยิ้มไหลออกมาจากแผ่นอก... หญิงสาวไม่กล้าเหลือบมองฝ่ามือของตน เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่ามันมีสีอะไร หล่อนจ้องตรงไปเพียงแค่ที่ร่างของบุรุษลึกลับนอนแน่นิ่งอยู่แทบเท้าเท่านั้น

    ตอนนี้ฉันมีศพนักล่าแน่นิ่งสงบ... ตอนนี้ฉันมีบ้านโสโครกๆที่พังทลาย... ตอนนี้ฉันมีห้องทำงานที่ฉันคงไม่ได้นั่งทำงาน... ตอนนี้ฉันมีเขา ฆาตรกรโรคจิตที่สิ้นฤทธิ์อยู่ตรงนั้น... ฉันอาจเคยกังวล และเคยหวาดกลัว... แต่ตอนนี้ฉันก็รู้แล้วว่าฉันต้องทำอะไร

     

    อากาศหนาวของค่ำคืนเหมือนจะหนาวขึ้นสิบเท่าเมื่อร่างเปลือยเปล่านั้นพุ่งเข้าประคบเซลล์สมองซึ่งกำลังถูกน้ำแข็งกัดกิน พวกเขากำลังเจอกับศึกหนักที่สุด... มารกักขฬะนั่นได้สร้างผลงานศิลปะเข้าให้เสียแล้ว... แถมยังเป็นศิลปะที่อุบาทว์ที่สุดเท่าที่พวกเขาจะเคยเจอมาด้วย...

    เอาไงต่อ... บริดจิดด์ถามไปทั้งๆที่ไม่อยากได้คำตอบ เธอพยายามจะทำเสียงให้เป็นปกติที่สุด แต่น่องทั้งสองก็สั่นระริก แม่นักแม่นปืนสาวเบนสายตาละออกจากตุ๊กตาสลายชีพ และพยายามจะสะกดดวงเนตรคู่นั้นให้จ้องตรึงอยู่เพียงแค่รองเท้าบู๊ตของตัวเอง

    คอนสแตนตินถอนหายใจยาวปลดปล่อยความร้อนผ่าวจากภายใน ถึงจะเป็นนักบวช แต่เขาก็สู้ไม่ไหวกับอะไรที่มันวิปริตถึงขั้นนี้จริงๆ จอมเวทย์หนุ่มเหลือบหางตามองตรงไปยังเพื่อนสาวชั่วขณะหนึ่ง แล้วเขาก็กวาดไปหานักดาบหนุ่ม ซึ่งดูเหมือนจะเป็นคนเดียวที่ยังกล้าประสานสายตากับสิ่งสวยงามนั่นอยู่

    คอนสแตนติน... ในที่สุดฟิลิกซ์ก็กล่าวขึ้น

    อะไร... ฟังจากน้ำเสียง นักบวชหนุ่มก็รู้ว่าคำพูดต่อไปของเพื่อนชายต้องไม่สู้จะดีนัก...

    แต่มันกลับเลวร้ายกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก เมื่อบุรุษคนนั้นเอ่ยปากขึ้นอย่างแช่มช้า เสียงของชายผู้กล้าสั่นสะท้านอย่างที่เพื่อนร่วมตายทั้งสองไม่เคยได้ยินมาก่อน

    ฉันไม่อยากพูดหรอกนะ... แต่... บนต้นไม้นี่ เขาชี้นิ้วขึ้นไปบนยอดสน ทั้งๆที่ไม่คิดแม้แต่จะเหลือบขึ้นไปมอง มันมีไอ้ร่างแบบนี้อยู่อีกตั้งหกศพ

     

    วันนี้ไลโอเนลทำตัวดีมากนะ... แต่กลับกัน... ผู้กล้าของเรากลับปอดแหกซะงั้น

    ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ยว่าฮีโร่ก็กลัวเป็นเหมือนกัน

    ว่าแต่...

    นายล่ะ กลัวเป็นไหม? ตัวร้ายน้อยๆที่น่ารัก... ไลโอเนล...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×