ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lemon and Demon โลกร้างราก

    ลำดับตอนที่ #3 : สายรุ้ง

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 57


    ฝนที่ตกวันนี้อาจเป็นแค่มรสุมพัดผ่าน... แต่เมื่อพายุนั้นอันตรธาน... ก็ใช่ว่ารอยแผลจะประสานกลับได้ทันที...

     

    เขาเหลือบมองท้องฟ้าที่เริ่มจะมีประกายสว่าง แต่รัศมีแสงเหล่านั้นก็ดูหม่นเศร้าพิลึก... เพลิงแผดเผาในดวงจิตได้ดับสนิทลงไปแล้ว แต่เถ้าภัสมะของมันกลับหนาวระเยือกแปลบจิต... เมื่อภัยพิบัติจบลง รอยยิ้มแจ่มใสก็ย่อมกลับคืนมา เพียงแต่ว่าริมฝีปากของชายผู้กล้าจะหนักอึ้งเหมือนถูกตรึงไว้ด้วยตุ้มน้ำหนักล่องหน... ผูกเอ็นลวดพันรอบเส้นเลือดอาร์เธอรีร์ แล้วโยงอีกปลายชี้ไปยังใครคนหนึ่งซึ่งอยู่แสนไกล...

    เธอควรจะดีใจนะ... ในที่สุด บริดจิดด์ก็กล่าวขึ้น เสียงหวานๆของแม่เสือดาวกระสุนเงิน ทำลายความวิเวกของอดีตสมรภูมิเลือดลงอย่างช้าๆ

    ฟิลิกซ์หันหน้าไปมองเพื่อนร่วมงานสาว แล้วส่งยิ้มเจื่อนๆให้ ใช่... ฉันก็ว่างั้น...

    คอนสแตนตินเห็นท่าทางของเพื่อนซี้เปลี่ยนไป จึงเดินเข้ามาตบไหล่เขาเบาๆ ก่อนที่จะยิ้มให้อย่างร่าเริง ฟิลิกซ์... อย่าคิดมากน่า... นายก็รู้ว่าหมอนั่นเป็นคนยังไง... ไอ้ที่พล่ามๆมานั่นก็มีแต่จะทำลายขวัญเราเท่านั้น... นับว่าเป็นการหยามน้ำหน้าครั้งสุดท้ายก่อนตาย...

    ฉันก็พยายามจะคิดแบบนั้นนะ... คิดเลยเถิดถึงขั้นที่ว่า ไลโอเนลยังไม่ตาย ทั้งหมดนี่เป็นแค่การเล่นละครเพื่อหลบหนีไปจากเรา... ฟิลิกซ์ค่อยๆกล่าว แต่ว่า... ทำไมนะ... ทำไมความรู้สึกที่แท้จริงของฉัน มันกลับขัดกับสิ่งที่มันควรจะเป็น...

    คอนสแตนตินมองหน้านักดาบหนุ่ม ส่งยิ้มเย็นๆพร้อมกับสั่นศีรษะให้ช้าๆ นายเนี่ยนะ... อุตส่าห์ได้ชัยชนะมาแล้ว... ยังอยากจะกลับไปสู่สมรภูมินั่นอีกครั้ง... เขาเว้นจังหวะว่างไปชั่วหนึ่ง ก่อนที่จะเงยหน้าขั้นมองยอดสนที่กำลังปลิวไสว คล้ายอุ้มมือสวรรค์ที่กำลังโบกล่ำลาหลั่งน้ำตาออกมาเป็นผลึกหิมะใส กล่าวไว้อาลัยให้กับยอดศัตรูที่ไม่มีวันกลับคืน อาจเป็นเพราะ... มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกระทันหันเกินล่ะมั้ง... เราก็เลยช็อคกันไปบ้าง... แต่ถ้ารอให้เวลาผ่านไป ทุกอย่างก็คงกลับมาเหมือนเดิมเองน่ะแหละ แล้วเราก็น่าจะรู้สึกดีที่สุด ที่ปิดตำนานไอ้วายร้ายมหากาฬนั่นได้สักที

    ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นน่ะแหละ... ฟิลิกซ์ยิ้มตอบ ก่อนที่จะเปลี่ยนสายตาไปจับพินิจที่คมดาบของตน แสงจากภายนอกสะท้อนฉายใบหน้าของตนเองให้เห็นซ้อนกันในจักษุภาพ แต่แสงจากก้นบึ้งของจิตใจกลับฉายภาพหลอนของใครอีกคน ทับทุกๆความเป็นตัวตนที่ตนเคยได้เห็นบนผิวดาบ เงาสะท้อนของศัตรูคู่อาฆาต ยังมิอาจจะลบเลือนออกไปจากคมสันดาบโลหะด้ามนี้ได้เลย แต่กว่าจะถึงวันนั้น... ฉันก็คงเหงาน่าดู...

    แม้สมรภูมิกายภาพจะสิ้นสุด... เลือดอสุรกายได้ปิดฉากหนังแอ็คชั่นไปเสียแล้ว... แต่สมรภูมิจิตภาคก็ยังเพิ่งเริ่มต้น... ไม่ใช่เพราะเศร้า ไม่ใช่เพราะสุข ไม่ใช่เพราะทุกข์ หรือ ไม่ใช่เพราะเหงา แต่ข้าศึกตนใหม่ตอนนี้คือภาพหลอนที่วิ่งสลับฉากเป็นตัวตนแล้วก็เลือนหายไปในเซลล์สมองของตนเอง... มันก็คือทุกๆความทรงจำที่เคยมีร่วมกับคนที่จากไป อันกลั่นออกมาเป็นหนึ่งความรู้สึกซึ่งไม่สามารถหาคำพูดใดใดมาอธิบายได้ถูก คอนสแตนตินแอบเหลือบสายตาไปยังบริดจิดด์เล็กน้อย เหมือนอยากจะให้หล่อนช่วยพูดอะไรขึ้นมาเพื่อแก้สถานการณ์ให้ดีขึ้น แต่แม่นั่นก็กลับส่ายศีรษะมาดื้อๆ แทนความหมายว่าตนก็ไม่รู้จะกล่าวอะไรเหมือนกัน

    ฟิลิกซ์... ในที่สุด จอมเวทย์หนุ่มก็กล่าวขึ้น นายน่ะ... ยังไหวไหม? เอ่อ... ไม่ได้หมายความว่านายอ่อนแอหรืออะไรหรอกนะ... แค่ แค่ฉันอยากจะถามว่า... เรื่องที่เกิดขึ้นเนี่ย... นายรับได้ไหม... ถึงมันจะเป็นประโยคตะกุกกะกักเหมือนไม่ได้เรียบเรียงคำพูดมาก่อน แต่มันก็เป็นสิ่งที่ออกมาจากใจจริง ของคนคนหนึ่งซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนแท้ นักดาบหนุ่มหันหน้ากลับมาสบตาจอมเวทย์อีกครั้ง แล้วยิ้มให้ประหนึ่งไม่อยากให้ใครกังวลกับตนเอง

    มันจะมีอะไรที่ฉันจะรับไม่ได้ล่ะ ก็ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นไปในแบบที่มันควรจะเป็นแล้วนี่ ธรรมะย่อมชนะอธรรม มันก็เป็นเรื่องธรรมชาติ...

    ใช่ ยกเว้นเสียแต่เธอจะคิดเรื่องผิดธรรมชาติ อย่างเช่นว่า ไอ้หัวเลมอนที่เธอตามล่ามาทั้งชีวิต แท้ที่จริงเป็นเนื้อคู่ของตนเอง... อย่างนั้นน่ะเหรอ?” อยู่ดีๆบริดจิดด์ก็โพล่งขึ้นมา หล่อนคว้าบุหรี่จากกระเป๋าเสื้อคลุมขึ้นมาคาบไว้ที่ริมฝีปาก ก่อนที่จะมุดหน้าลงไปควานหาไรท์เตอร์จากกระเป๋าตำแหน่งเดียวกัน สิ่งที่ควรพูดดันไม่พูด แต่สิ่งที่ไม่ควรพูดแม่นักแม่นปืนสาวก็ดันพูดออกมา... แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นแบบนั้น เพราะสำหรับหล่อน นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ควรพูดก็ได้

    บริดจี้!” คอนสแตนตินปรามเพื่อนสาว แม่นั่นหันหน้ามาหาแล้วยักคิ้วให้ บุหรี่ที่คาบอยู่ในปากเผยประกายแดงวาบทันที

    ทำไม? มันก็เป็นไปได้นี่?” หญิงสาวพูดหน้าตาย ก่อนที่จะใช้สองนิ้วคีบก้นบุหรี่ แล้วพ่นควันออกจากปาก ละอองเขม่าลาวปะทะกับไอน้ำแข็งหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวทะยานสู่นภากาศ

    แต่เธอก็...

    เงียบน่ะ... ในที่สุด ฟิลิกซ์ก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะทำให้ดูสุขุมเยือกเย็นเป็นปกติ แต่ความรู้สึกภายในมันก็ฟ้องออกมาเป็นคนละอย่าง แทนที่จะมาพูดเรื่องไร้สาระ... พวกนายควรจะตรวจสอบบริเวณรอบๆนี่ให้แน่ใจก่อนสิว่า ไลโอเนลมันตายแล้วจริงๆ...

    อีกสองคนมองหน้ากันด้วยความรู้สึกพิลึก แล้วยักไหล่พร้อมกัน ใช่ เราควรจะทำอย่างนั้น แต่... ถ้าเจอหมอนั่นยืนยิ้มชูนิ้วดับเบิ้ลพีชให้ล่ะ?” บริดจิดด์ถามกลับด้วยสีหน้าอันบอกไม่ถูก ซึ่งถ้าสังเกตดีๆแล้ว ก็จะพบรอยยิ้มแห่งชัยชนะในหลักจิตวิทยานอกรีตของหล่อน... ใช่แล้ว บริดจิดด์ เบิร์ดฮาร์ท ได้ใช้วาทศิลป์ขึ้นสูงในการยื้อนักดาบหนุ่มออกมาจากความคิดจมปลัก หรือไม่ก็การยืนหยัดแข็งแกร่งแบบจอมปลอม... แต่ต้องการให้เขากลับมาอยู่ในโลกของปัจจุบัน ด้วยอารมณ์และเซลล์สมองที่พุ่งเป้าไปยังความจริงของโลกแห่งความจริง

    เป่าขมองมัน... ฟิลิกซ์ตอบเรียบๆ สีหน้าของเขาดีขึ้นกว่าตอนแรก จากที่เคยแอบสงสารลึกๆก็ดูเหมือนจะกลับกลายเป็นความเกลียดชังตามเดิม

    แล้วถ้ามันพนมมือก้มกราบเท้า ขอชีวิตล่ะ?” คอนสแตนตินถามมาบ้าง

    กระทืบให้นิ้วหัก แล้วก็เตะเสยปลายคางอีกที จากนั้นตะโกนเรียกฉัน... เดี๋ยวจะเข้ามากระซวกไส้มันเอง...

     

    เรื่องทั้งหมดจะได้ เป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น

    มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นน่ะแหละ... ถ้าพวกนายตามหาไลโอเนลเจอล่ะก็นะ..

     

    ก๊อก! ก๊อก!

    สวัสดี... ใครคะ...

    ก็อก! ก็อก!

    รอเดี๋ยวนะ... มาแล้วๆ... ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือคะ... แสงไฟจากภายในอาคารเล็ดลอดออกมาจากร่องประตูไม้คร่ำคร่า หญิงสาวก้าวมารับรองผู้มาเยือนตามมารยาทปกติ แต่ทว่า

    ทันทีที่กลอนโลหะภายในลั่นออก แผ่นไม้ผุก็ถูกผลักเข้าไปข้างในโดยแรงภายนอก พร้อมๆกับมีดผลึกใสที่จ่อตรงไปยังคอหอยใต้ผ้าพันคอสีแดงของหญิงสาวเจ้าของบ้านด้วยอัตราเร็วที่หล่อนไม่ทันได้ตั้งตัว

    หญิงคนนั้นกำลังจะร้องกรี๊ดดังลั่น แต่จำต้องกลั้นใจเอาไว้เมื่อผู้มาเยือนนั้นกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วนอำมหิตถึงขีดสุด

    เงียบซะ! อย่าส่งเสียง! ไม่งั้นตาย!” เขาคนที่ใช้คมมีดแก้วจี้คอหล่อนย้ำมีดลึกเข้าไปอีก แม้ว่าผ้าพันคอไหมพรมนั่นจะเป็นเกาะกำบังให้ระดับหนึ่ง แต่หญิงสาวก็รู้สึกเสียววาบ เมื่อสัมผัสได้กับคมวัตถุเรียวเล็กที่สะกิดเส้นเสียงตน จนไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำได้

    แล้วก็อย่าคิดหนี... ไม่งั้นเธอไม่รอด... ผู้บุกรุกกล่าวต่อ แน่ล่ะ หญิงสาวที่ตกอยู่ในสภาพลูกไก่ในกำมือ ย่อมไม่มีโอกาสที่จะขัดขืนได้อย่างแน่นอน

    ชายหนุ่มรีบใช้อีกมือกระชากประตูปิดกลับแล้วลงกลอนอย่างแน่นหนา เสียงไม้กระทบไม้และเสียงเหล็กเฉือนกับเหล็กทำให้สาวเจ้าบ้านเสียวสันหลังวาบ มาตรว่ามันจะเป็นเสียงมัจจุราชที่ได้เชื้อเชิญหล่อนไปยังคุกแห่งมรณกาลแล้วกระนั้น เงียบซะ! แล้วทำตามที่ฉันพูด!” ผู้บุกรุกสั่ง บัดนี้ ร่างของเขาและหล่อนได้แนบชิดติดกันที่สุด มีเพียงแค่ระยะห่างหนึ่งคมมีดที่คั่นกลางระหว่างคนบริสุทธิ์กับพญามารเท่านั้น นัยน์ตาของมนุษย์ทั้งสองประสานกันตรง อย่างแรกเลย... เปิดไฟให้กระท่อมสัปรังเคนี่สว่างที่สุด!”

    ฉันเปิดไฟทุกดวงแล้ว... มันสว่างได้แค่นี้น่ะแหละ... หญิงสาวกล่าวละล่ำละลัก

    ชายหนุ่มเหลือบสายตาไปยังบริเวณโดยรอบ และก็พบว่าคำพูดของแม่สาวนี่เป็นความจริง แม้ว่าภายในบ้านคุณหญิงนี่จะแลดูไม่ต่างอะไรกับรูหนูในท่อน้ำทิ้ง แต่หลอดไส้ทุกหลอดที่แขวนอยู่บนเพดานก็ล้วนแล้วแต่มีประกายจ้าออกมาจากมันแล้วทั้งสิ้น

    โอเค... ทีนี้... เธอมีตู้เสื้อผ้าไหม!”

    มี... มี... ทำไมเหรอ...

    ฉันจะเข้าไปอยู่ในนั้น! หน้าที่ของเธอคืออย่าให้ใครก็ตามที่จะเข้ามาในกระท่อมหลังนี้เปิดตู้... มิเช่นนั้นคอหอยของเธอจะเปิดออกก่อนที่มันคนนั้นจะเห็นหน้าของฉัน เข้าใจไหม!”

    ค... ค่ะ... ทางนี้เลยค่ะ... หญิงนางนั้นพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวสุดขีด ก่อนที่จะเดินนำไปยังอีกห้องหนึ่งภายในกระท่อมหลังเดียวกัน แม้ว่าจะเป็นการเดินทางช่วงสั้นๆ แต่ ตลอดระยะเวลาที่คนทั้งสองได้เปลี่ยนที่อยู่ เข็มมีดผลึกก็ยังคงจ่อค้างอยู่ที่ลำคอของหญิงสาวตลอด หล่อนนำชายหนุ่มมาหยุดยืนอยู่หน้าตู้ไม้เก่าๆบานหนึ่ง แสงสว่างจากภายในห้องนั้นสาดผ่านกระจกหน้าต่างกระทบพื้นหิมะภายนอก แลเห็นเป็นช่องไฟสีสี่เหลี่ยม ลมภูเขาจากป่าด้านนั้นยังคงโหมกระหน่ำยอดสนไสวอย่างเต็มที่

    ข้างๆหน้าต่างนี่มีโต๊ะ... ดูเหมือนจะเป็นที่ทำงานของเธอนะ!”

    ค... ค่ะ... ใช่...

    งั้นเธอก็ไปนั่งตรงนั้นซะ! เหม่อสายตาออกไปข้างนอก... ให้ทุกคนที่อยู่ในดงหิมะนั่นมองเห็นใบหน้าสวยๆ... เร็วๆเข้า! นั่งลงไปเดี๋ยวนี้!”

    ค... ค่ะ... หญิงสาวตอบรับ ก่อนที่จะถลำตรงไปยังโต๊ะไม้โบราณนั่นทันที เศษข้าวของอะไรต่อมิอะไรยังคงกองอยู่บนนั้นมากมาย แต่หล่อนก็ไม่มีอารมณ์จะเก็บกวาด เพราะตอนนี้ มฤตยูที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดนั้นจ่อคอหอยมาจากด้านหลังแล้ว หญิงสาวยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาท้าวคาง จากนั้นชำเลืองเหลือบสายตาหวาดหลั่นมาหาผู้บุกรุก

    ดีมาก... เธอนั่งอยู่ตรงนี้ ห้ามลุกไปไหน! จนกว่าฉันจะสั่ง! ไม่งั้นเธอจะไม่ได้ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานโสโครกนี่ไปตลอดกาล!”

    ค... ค่ะ... ได้ค่ะ... เจ้าของบ้านตอบละล่ำละลัก

    ชายคนที่อยู่เบื้องหลังหัวเราะอย่างเหี้ยมเกรียม ดี... จำไว้เสมอล่ะ... ว่ามีดของฉันจะจ่อคอเธออยู่ตลอดเวลา... กล่าวจบ เขาก็เปิดประตูตู้เสื้อผ้าออก ก้าวเท้าเข้าไปข้างใน แล้วจึงปิดบานไม้ทั้งสองจนมิดชิด เหลือเพียงแค่ช่องแสงเล็กๆที่สามารถสอดสายตาออกไปมองความเคลื่อนไหวภายนอกได้เท่านั้น

    มันเป็นช่วงเวลาที่เงียบกริบและเต็มไปด้วยความน่าหวาดหวั่นที่สุด... บัดนี้... ไลโอเนล สโตนเลน ได้เล่นบทตัวร้ายในแบบฉบับที่ร้ายจริงๆแล้ว

    จริงอย่างที่เหล่าผู้กล้ากังวล... จอมมารตัวนี้ยังไม่สิ้นชีพ แต่มันกลับทวีความโหดเหี้ยมอำมหิตขึ้นเป็นเท่าตัว... สายตาที่เคยดูสบายๆกลับกลายเป็นถมึงทึงก้าวร้าว... รอยยิ้มกวนๆได้ผวนเป็นซี่แสยะแห่งความกระหายเลือด... เขาได้กลายเป็นปีศาจไปแล้วจริงๆ

     

    ฉันก็เคยคิดนะ... ที่จะทำตัวชั่วแบบเล่นๆ... เรียกเรตติ้งจากสาวกคลั่งไคล้ตัวร้ายมาดเท่... แต่อย่างว่านี่แหละนะ ถ้าใครสักคนมาบอกให้ฉันซึ่งก็ไม่ได้เลวสักเท่าไหร่ ให้ลาโรงไปก่อนเวลาที่สมควรแบบนี้เนี่ย... ฉันก็มีสิทธิ์ไม่ใช่เหรอ? ที่จะชั่วให้ถึงเกณฑ์มาตรฐานของตัวละครที่สมควรจะตายน่ะ... ให้โลกจารึกชื่อไลโอเนล สโตลเลนคนนี้ไปเลยว่าเป็นตัวร้ายที่เลวขนานแท้!

    แล้วก็อีกอย่าง... ฉันก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่านี่เป็นโชว์ครั้งแรกและครั้งสุดท้าย... และฉันก็คงจะไม่ยอมให้มันจบลงไปได้ง่ายๆ  จนกว่า มันจะเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น

     

    สติ... สติ... สติ...

    ลมหายใจหนักหน่วงหลุดลอดออกมาจากริมฝีปากซีดเซียวของหญิงที่กำลังจะขาดใจตาย สองมืออันสั่นสะท้านกุมแน่น ณ ขอบคางที่กระทบกันระริก ความรู้สึกของสาวเจ้าบ้านในขณะนี้ไม่ต่างอะไรกับตัวละครหญิงในหนังสยองขวัญ... ถ้าไม่ตายคนแรก ก็เป็นตัวเดียวที่รอด... แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็ต้องเจอกับนรกบนดินทั้งนั้น...

    อยากจะลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไปให้ไกลสุดชีวิตแต่ก็ไม่กล้า... กลัวชายคนนั้นจะตามทัน... อันที่จริงตอนนี้หล่อนไม่รู้สึกถึงคมดาบที่จี้ประกบหลังอยู่แล้ว ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงหายใจของมัจจุราชหนุ่ม... หรือว่าเขาจะอันตรธานไปเสียแล้วนะ? ไม่สิ... เขาต้องยังอยู่... ซุ่มรอเวลาอย่างเงียบสงบเหมือนกับจระเข้ล่าเหยื่อ... รอให้ตนกระตุกกายทำผิวน้ำไหวเขยื้อนสะเทือนกระทบร่าง... แล้วฟันกรามขนาบคู่ก็จะตะปบกัดกายจนขาดสะบั้นไปในพริบตา...

    แต่มันก็เงียบเกินไปจริงๆ...

    จะลุกหนีดีไหม? หรือจะยอมนั่งเป็นหุ่นเชิดต่อไปดี?

    ความรู้สึกสับสนเริ่มประดังเข้ามาแทนที่ความกลัว... มันเป็นการยากที่จะบอกตัวเองไม่ให้หนีทั้งๆที่รู้ว่ายังมีโอกาส... แต่มันก็เป็นเรื่องที่ยากกว่าที่จะการันตีว่าโอกาสที่เห็นอยู่นั้นเป็นโอกาสของตนจริงๆ หาใช่ภาพลวงตาไม่...

    สติ... สติ... ฉันต้องมีสติ...

    เขาต้องการอะไรจากฉัน... ต้องคิดให้ออกสิ... ทำไมเขาถึงต้องทำแบบนี้... หญิงสาวค่อยๆทบทวนภาพเหตุการณ์ฉุกเฉินนั่นอีกครั้ง ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากการที่ชายหนุ่มเคาะประตู แล้วก็บุกเข้ามาเอาสิ่งที่เหมือนกับมีดน้ำแข็งนั่นจี้อก แล้วเขาก็สั่งให้ฉัน... เปิดไฟทั้งบ้าน... แล้วก็พาฉันมานั่งที่นี่... ทำไมกันนะ... ถ้าอยากซ่อนตัวจริงๆ เขาน่าจะสั่งให้ฉันปิดไฟมืดแล้วเอามีดจ่อคอหอยพร้อมกับยกอีกมือขึ้นอุดปากฉันไม่ดีกว่าเหรอ... หรือว่า เขาอยากจะให้คนที่กำลังตามเขามามองเห็นว่าบ้านนี้ยังเป็นปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็เลยไม่คิดที่จะเข้ามาค้นหากันนะ... เพราะในเหตุการณ์ที่มีผู้ร้ายหลบหนี บ้านที่ปิดไฟมืดก็ย่อมต้องน่าสงสัยเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่ถ้าเห็นเจ้าของบ้านนั่งโผล่หน้าออกมาเป็นปกติ มันก็ดูไม่แปลกอะไร... หรือเปล่า?” เขาคิดอย่างนี้ใช่ไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็แปลว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาก็จะต้องไม่ฆ่าฉันจนกว่าจะผ่านคืนนี้ไปได้นะสิ... แต่พอถึงพรุ่งนี้เช้า... มันก็ไม่มีอะไรรับประกันอีกแล้ว

    แต่ถ้าเขาไม่ได้คิดอย่างนี้ล่ะ...

    เขาอาจจะหลอกให้ฉันคิดว่าเขายังอยู่ในบ้าน แล้วก็หนีออกจากตู้ไปแล้วก็ได้... การที่เขาให้ฉันมานั่งอย่างเปิดเผยตรงนี้ก็เท่ากับว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ฉันหลบหนี หรือส่งสัญญาณขอความช่วยเหลืออะไรจากคนข้างนอก... ถ้าฉันดันเรียกคนพวกนั้นเข้ามาทั้งๆที่เขาได้หนีออกไปจากบ้านนี้เรียบร้อยแล้ว... มันก็จะทำให้คนกลุ่มนั้นเสียเวลา และตามหาเขาได้ยากขึ้น... ถ้าคิดแบบนี้ มันก็ไม่แปลกสินะ... แต่... แต่ว่า... เขาจะคิดอย่างนี้จริงๆน่ะเหรอ

    สติ... สติ... สติเท่านั้นที่จะทำให้ฉันรอดออกไปจากนรกนี่ได้

    ประเด็นสำคัญที่สุดมันอยู่ที่ว่าชายคนนั้นยังอยู่ในตู้หรือเปล่า... ฉันจำเป็นต้องรู้ให้ได้... ฉันต้องรู้... แต่... ฉันจะรู้ได้อย่างไรล่ะ...

    สติ... ขอแค่สติเท่านั้น... ฉันจะรอดอยู่แล้วนะ!

    อันที่จริงลุกไปดูเลยก็ได้นี่! เพราะยังไงๆ ถ้าเขายังอยู่ มันก็แปลว่า ชายคนนั้นจะต้องไม่ฆ่าฉัน ตอนนี้ เพราะฉะนั้นอย่างมากก็คงแค่โดนตวาดไล่กลับมานั่ง... ไม่ก็เสียเลือดนิดๆ... แต่มันก็ดีกว่าการที่จะเสียโอกาสนี้ไปนี่... แต่มันก็ไม่คุ้มนะ... ถ้าโดนเข้าจริงๆ เอาเป็นว่าฉันลองฟังเสียงเขาดีๆก่อนแล้วกัน... ยังมีเสียงหายใจอยู่หรือเปล่า... เสียงชีพจรหรือเสียงอะไรก็ได้...

    แต่ฉันก็ไม่ได้ยิน...

    เอาไงดีล่ะทีนี้...

     

    ตายเป็นตายล่ะวะ! ในที่สุด หญิงสาวก็ค่อยๆลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างแผ่วเบาที่สุด อากัปกิริยาของหล่อนแลดูเป็นปกติ เหมือนกับเจ้าบ้านที่เดินเที่ยวหยิบจับอะไรไปเรื่อยเปื่อยๆ ผิดกับจังหวะหัวใจที่เต้นระทึก หล่อนค่อยๆหันหลังกลับไปยังตู้เก่าๆใบนั้น สิ่งแรกที่หญิงสาวสังเกต คือ มีดผลึกใสซึ่งเคยเล็ดลอดออกมาจากช่องว่างระหว่างประตูตู้ บัดนี้ มันได้อันตรธานไปเสียแล้ว หญิงสาวเริ่มใจชื้นขึ้นมาบ้าง เขาอาจจะหนีไปแล้วจริงๆ หล่อนค่อยๆเดินตรงต่อไปยังประตูไม้คร่ำคร่านั่นทีละก้าว ทีละก้าว เสียงฝีเท้าของตนเหยียบไม้กระดานบ้านดังเอี๊ยดอ๊าด ผสานกับเสียงลูกตุ้มนาฬิกานกที่ผนังกระดิก ฟังเป็นจังหวะกลองมโหระทึก หญิงสาวกระเดือกน้ำลายลงคอ หล่อนหยุดยืนอยู่หน้าบานประตูไม้บ้านนั้นก่อนที่จะยกท่อนแขนอันสั่นรัวขึ้นอย่างช้าๆ เหยียดตรงไปยังบานไม้แห่งนรก ก่อนที่จะคว้าหมับเข้าที่หูไม้แกะสลักนั่นอย่างรวดเร็ว

    ก๊อกๆ เสียงอะไรบางอย่างกระทบกับไม้ทำให้หล่อนต้องสะดุ้งสุดตัว

    มันไม่ใช่เสียงจากภายในตู้... แต่มันมาจาก... จากประตูหน้าบ้าน?

    นั่นคือคนที่กำลังตามล่าชายคนนี้อยู่หรือเปล่า... ถ้าใช่ ก็แปลว่าเขามาช่วยฉันแล้วล่ะสิ... แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ...

    ด้วยความสับสนระคนกับอาการตื่นตระหนก ทำให้หล่อนปล่อยมือจากหูตู้ไม้สลัก แล้วเพิ่งความสนใจ ไปยังเสียงจังหวะใหม่นั่นในทันที...

    ใครคะ... หล่อนกลั้นใจถามออกไปด้วยริมฝีปากอันสั่นระริก

    แน่นอนว่ามันต้องไม่มีเสียงตอบกลับ หญิงสาวรู้สึกเย็นเฉียบไปทั่วร่าง เซลล์สมองของคนที่เพิ่งจะพ้นอันตรายมากลับต้องเป็นอัมพาตไปอีกครั้ง... ฉันจะเปิดประตูดีไหม...

    ใครคะ... คุณเป็นใคร เธอถามไปอีกที แต่ก็ยังไม่มีคำตอบใดใดตามมา ยกเว้นเสียงเคาะประตูไม้อันดังสะท้อนก้องกังวาลมาอีกครั้ง ก๊อกๆ

    เหมือนประหนึ่งต้องมนตร์สะกด หล่อนค่อยๆผละออกจากตู้ไม้ที่กำลังปิดสนิท ย่างเท้าก้าวไปเรื่อยๆตามทางเดินของเคหสถานเล็กของตน  แสงไฟฟ้าที่ยังทอดสว่างช่างไม่มีความหมายอะไรเลยที่จะลดระดับความหวานสะพรึงภายในจิตใจของหญิงนางนี้ได้... แต่เธอก็ยังเดินไปข้างหน้า... สู่ประตูบ้านอันเป็นจุดหมายใหม่... ไม่มีเหตุผลใดๆที่จะอธิบายการกระทำนี้ ยกเว้นเพียงแต่สัญชาติญาณหญิงซึ่งย่อมแสวงหาผู้ปกป้องในยามที่ตนกำลังประสบมรสุมจิตใจที่โหมกระหน่ำ ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม

    จากหูไม้สู่ลูกบิด นิ้วทั้งห้าของสาวเจ้าบ้านกุมเข้าไปอย่างแน่นถนัด และในจังหวะเดียวกับที่หัวใจของตนกำลังสูบฉีดโลหิตในอัตราเดียวกันกับจังหวะรถจักรไอน้ำ หล่อนก็ดึงประตูเปิดออกมาอย่างรวดเร็วที่สุด จังหวะนี้เองที่ทำให้เธอรู้สึกเย็นระเยือกไปทั้งไขสันหลัง!

     

    เจอไลโอเนลหรือยัง... บริดจิดด์ถามมาเนือยๆ ในขณะที่เดินทอดสายตาไปตามหุบหินภูเขากับทุ่งน้ำแข็งอย่างไม่ค่อยจะสนใจอะไรนัก ลมหุบเขายังลงกระหน่ำพัดเส้นผมดัดฟูของแม่นักแม่นปืนสาวไปพลิ้วไปเรื่อยๆ ควันบุหรี่ที่คาบอยู่ในปากลอยสูงขึ้นเป็นม่านละอองละเอียดหุ้มอากาศเย็นแห่งผืนพิภพไว้เป็นชั้นๆ

    ยัง... และคิดว่าจะไม่เจอด้วย... คอนสแตนตินตอบมาด้วยท่าทีเดียวกัน เขาค่อยๆยกมือขึ้นประสานกันบนท้ายทอยอย่างสบายๆ แต่นัยน์ตาที่กราดไปตามสภาพภูมิประเทศก็ยังคงมีประกายคมกริบ ฉันไม่คิดว่าเขาจะยังอยู่แถวนี้หรอกนะ... บางทีเขาอาจจะ...

    กรี๊ด!

    ฉับพลันนั้นเอง เสียงหวีดแหลมยาวก็ดังสะท้อนออกมาจากป่าลึกท่ามกลางหุบเขา สามอัศวินสะดุ้งสุดตัวพร้อมๆกัน

    เกิดอะไรขึ้น!” นักบวชหนุ่มอุทานลั่นอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

    เสียงผู้หญิงนั่น... หรือว่า... แม่เสือดาวร้องขึ้นบ้าง

    กรี๊ด! กรี๊ด! กรี๊ด!

    คลื่นเสียงแห่งความหวาดสยองยังคงดังต่อเนื่องมาไม่ต่างอะไรกับรถตำรวจที่กำลังวิ่งไล่รุกหน้า บ่งบอกถึงชะตากรรมของผู้ส่งกระแสสั่นประสาทนี้ได้อย่างดีที่สุด

    ฟิลิกซ์หันหน้ามองไปทางต้นเสียงอย่างกระสับกระส่าย ก่อนที่จะจ้ำเท้าออกวิ่งไปยังตำแหน่งนั้นอย่างไม่รีรอ มันล่ะ... ไอ้ไลโอเนล... มันยังไม่ตาย...

     

    ใช่ เพิ่งรู้เหรอ... ฉันยังไม่ตาย... ฉันก็รอนายอยู่เหมือนกันล่ะฟิลิกซ์... ฉันรอนายอยู่... แต่เราจะได้เจอกันหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ... เพราะป่านนั้นการแสดงของฉันก็อาจจะจบลงแล้วก็ได้... ขอให้สนุกกับการล้างบาปล่ะ...

    จาก ไลโอเนล สโตลเลน... เพื่อนซี้ที่ดีที่สุดของนาย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×