ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [ละครจีน] เดียวดายแสวงพ่าย ต๊กโกวฉิวป้าย หรือต๊กโกวคิ้วป้าย
สปอย~
ต๊กโกวฉิวป๊ายนั้น ในยุทธจักรของนักแต่งนิยายกำลังภายในจีนรุ่นเดอะ ที่ชื่อ กิมย้ง ได้นำเอามาอ้างและปรากฎชื่อในหลาย ๆ เรื่องที่เราได้ผ่าน ๆ ตากันเช่น
ลูกมังกรหยก ( มังกรหยกภาค 2 : จอมยุทธจ้าวอินทรี )
โดยวิชาที่เราอาจคุ้นหูกันดีก็คือ เก้ากระบี่เดียวดาย ตอนที่เอี้ยก้วยตกไปที่สุสานกระบี่ ( อ่านเนื้อเรื่องตอนนั้นที่นี่ )
(โดยขณะนั้นเอี้ยะก้วยได้รับการฝึกแต่วิธีการเดินลมปราณแบบ ต๊กโกวฉิวคิ้วป้ายจากพี่อินทรี แต่ไม่ได้ฝึกเคล็ดวิชามาด้วย เพราะฉะนั้นท่าที่เราเห็น ๆ กันที่เอี้ยะก้วยใช้ก็จะเป็นท่าที่เขาคิดขึ้นมาเอง )
กระบี่เย้ยยุทธจักร
แต่สรุปได้คร่าว ๆ ( ตามแฟนที่เขียนลง wikipedia ) กล่าวว่า ต๊กโกวคิ้วป้ายนั้น เป็นสุดยอดฝีมือแห่งยุค โดยปรากฎตัวก่อน ยุคของมังกรหยกภาค 2 เพียง 80 ปี และเป็นยุคปลาย ๆ ของ 8 เทพอสูรมังกรฟ้า ( แต่ในเรื่อง 8 เทพอสูรมังกรฟ้ากลับไม่กล่าวถึงสักนิดเดียว ) จากการเขียนอธิบายของกิมย้งทำให้ทราบว่าช่วงก่อนหน้านั้น ต๊กโกวคิ้วป้ายได้สังหารยอดฝีมือของฝ่ายธรรมะและอธรรมเป็นจำนวนมาก จนแทบจะหมดยอดฝีมือไปช่วงหนึ่ง ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลของการก้าวขึ้นเป็นยอดฝึมือของห้ายอดฝีมือนั่น และการที่ยอดฝีมือทั้งห้าไม่เคยกล่าวถึงต๊กโกวคิ้วป้ายมาก่อนเลย ทำให้ทราบว่าหลังจากที่ต๊กโกวคิ้วป้ายไร้คู่ต่อสู้ก็ปลีกตัวหายไปจากยุทธจักรอย่างเงียบงัน
ทว่า ผ่านกาลเวลาไปหลายสิบปี ต๊กโกวก็ยังไม่พบเห็นข่าวคราวของอึ้งเซียงเลย ทั้งยังได้ยินว่าศัตรูของอึ้งเซียงที่มีอายุมากหลายคน ได้พากันล้มตายไปตามอายุขัยเยอะแล้ว จึงได้ละทิ้งยุทธภพที่ไร้ซึ่งคู่มือตน ไปพำนักยังสถานที่เร้นลับและได้พบกับอินทรีน้อยตัวหนึ่งที่บินไม่ได้ อินทรีตัวนี้มีความจำดีเยี่ยมยิ่งนัก มันคอยมองดูวิธีการฝึกปรือของต๊กโกวจนขึ้นใจ แล้วนำไปดัดแปลงใช้จับเหยื่อหากิน ชดเชยข้อเสียเปรียบที่บินไม่ได้ กระทั่งมันเติบใหญ่สูงกว่าต๊กโกว ต๊กโกวจึงยึดเอามันเป็นคู่ซ้อมมือแก้เหงา จนในที่สุดก็เข้าสู่ขอบเขตไร้กระบี่เหนือกว่ามีกระบี่ และได้ฝังกระบี่ที่เคยใช้ทั้งหมดไว้ พร้อมกับเขียนคำอธิบายเกี่ยวกับกระบี่ของตน ก่อนจะสิ้นชีพในอีกไม่กี่ปีต่อมาอย่างสงบ..
( ปล. ความจริงแล้วหลังจากที่อึ้งเซียงถูกผลักตกหน้าผาแล้ว ยังไม่ตายนะ อ่านเรื่องเต็มของตอนนี้ที่นี่ )
(เรียงลำดับซ้ายไปขวา : ศิษพี่พรรคมารที่ชอบหลินคัง(ซ้าย) หลินคังลูกของประมุขพรรคมาร(กลาง) ศิษย์คนเล็กพรรคมาร ( ขวา )
( จำเนื อเรื่องไม่ได้ เด๋วมาเขียนต่อ )
หมายเหตุ
ข้อมูลที่นำมาเผยแพร่นี้ ผู้เขียนก็ค้นหามาจาก google นะแหละแต่พยายามทิ้งชื่อผู้ที่เขียนเพือให้เกียรติและเป็นกำลังใจให้เจ้าของบทความเดิมให้มากที่สุด
สำหรับผู้ที่ต้องการ coppy เผยแพร่ต่อก็ไม่ห้าม แต่เพื่อเป็นกำลังใจสำหรับคนเขียนบทความเวลานำไปโพสทีอื่นรบกวน อย่าเปลี่ยนแปลงคำพูดของเจ้าของบทความนั้น ๆ เพื่อประสงค์ให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าตนเป็นผู้เขียนบทความ
บทความนี้ ผู้เขียนแต่งและเรียบเรียงใหม่เพื่อให้เกิดความถูกต้อง ให้มากที่สุด หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ. ที่นี้
ต๊กโกวคิ้วป้าย คือใคร ?
ต๊กโกวฉิวป๊ายนั้น ในยุทธจักรของนักแต่งนิยายกำลังภายในจีนรุ่นเดอะ ที่ชื่อ กิมย้ง ได้นำเอามาอ้างและปรากฎชื่อในหลาย ๆ เรื่องที่เราได้ผ่าน ๆ ตากันเช่น
ลูกมังกรหยก ( มังกรหยกภาค 2 : จอมยุทธจ้าวอินทรี )
โดยวิชาที่เราอาจคุ้นหูกันดีก็คือ เก้ากระบี่เดียวดาย ตอนที่เอี้ยก้วยตกไปที่สุสานกระบี่ ( อ่านเนื้อเรื่องตอนนั้นที่นี่ )
(โดยขณะนั้นเอี้ยะก้วยได้รับการฝึกแต่วิธีการเดินลมปราณแบบ ต๊กโกวฉิวคิ้วป้ายจากพี่อินทรี แต่ไม่ได้ฝึกเคล็ดวิชามาด้วย เพราะฉะนั้นท่าที่เราเห็น ๆ กันที่เอี้ยะก้วยใช้ก็จะเป็นท่าที่เขาคิดขึ้นมาเอง )
กระบี่เย้ยยุทธจักร
ประวัติที่ไม่แน่นอน
เนื่องจากปรมาจารย์ กิมย้ง ท่านไม่ได้เขียนไว้จำเพาะเจาะจง จะมีก็แค่สปอย ไว้คร่าว ๆ ของบางเรื่องเท่านั้น ผู้ที่ไม่ติดตามก็อาจงงอยู่บ้างว่า"ตกลง ต๊กโกวคิ้วป้าย นี่มันเล่นข้ามเรื่องเลยงั้นหรือ? "แต่สรุปได้คร่าว ๆ ( ตามแฟนที่เขียนลง wikipedia ) กล่าวว่า ต๊กโกวคิ้วป้ายนั้น เป็นสุดยอดฝีมือแห่งยุค โดยปรากฎตัวก่อน ยุคของมังกรหยกภาค 2 เพียง 80 ปี และเป็นยุคปลาย ๆ ของ 8 เทพอสูรมังกรฟ้า ( แต่ในเรื่อง 8 เทพอสูรมังกรฟ้ากลับไม่กล่าวถึงสักนิดเดียว ) จากการเขียนอธิบายของกิมย้งทำให้ทราบว่าช่วงก่อนหน้านั้น ต๊กโกวคิ้วป้ายได้สังหารยอดฝีมือของฝ่ายธรรมะและอธรรมเป็นจำนวนมาก จนแทบจะหมดยอดฝีมือไปช่วงหนึ่ง ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลของการก้าวขึ้นเป็นยอดฝึมือของห้ายอดฝีมือนั่น และการที่ยอดฝีมือทั้งห้าไม่เคยกล่าวถึงต๊กโกวคิ้วป้ายมาก่อนเลย ทำให้ทราบว่าหลังจากที่ต๊กโกวคิ้วป้ายไร้คู่ต่อสู้ก็ปลีกตัวหายไปจากยุทธจักรอย่างเงียบงัน
สาเหตุที่ต๊กโกคิ้วป้ายหายตัว!?
หลังจากที่ท่องยุทธภพมานานจนในที่สุด ก็พบกับ อึ้งเซี้ยะ ในเรื่อง มังกรหยก ตอน อึ้งเซียง Vs ต๊กโกวคิ้วป่าย ( อ่านเรื่องเต็มของตอนนั้นที่นี่ )
สำหรับเนื้อเรื่องก็คือหลังจากที่ ต๊กโกคิ้วป้ายได้ ประลองกับ อึ้งเซี้ยะแล้ว ทั้งคู่ก็ได้รับบาดเจ็บกันไม่น้อย
จึงพลันหยุดมือพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย อึ้งเซียงประสานมือคำนับแล้วกล่าวว่า
"เพลงกระบี่ของพี่ต๊กโกว ลึกล้ำสูงส่งยิ่งนัก ข้าพเจ้านับถือยิ่ง"
"พลังภายในของเจ้าก็กร้าวแกร่งหนักแน่น นับเป็นหนึ่งในแผ่นดินได้โดยแท้ นับตั้งแต่ข้าท่องยุทธภพมา มีเจ้าเป็นคนแรกที่รับมือ8กระบี่ต๊กโกวได้ถึงเพียงนี้ เสียดายแต่ว่าเจ้ามีพลังภายในยอดเยี่ยม แต่กลับมีกระบวนท่าเรียบง่าย"
อึ้งเซียงได้ยินดังนี้ ก็คล้ายดั่งมีประกายสายฟ้าแวบขึ้นในหัว ที่ผ่านมาเขาสะดุดใจกับปัญหาข้อนี้อยู่เหมือนกัน แต่ด้วยความที่น้อยครั้งจะได้ประมือกับยอดฝีมือเนื่องเพราะเขาเป็นขุนนางมิใช่ชาวยุทธ อีกทั้งยังเชื่อมั่นในพลังภายในของตัวเองว่าเพียงพอต่อการสยบผู้คนแล้ว จึงไม่ได้ใส่ใจต่อท่าร่างมากนัก คำพูดของต๊กโกวในครั้งนี้ ช่วยให้เขาเห็นทางสว่างได้เด่นชัด แม้ทั้งคู่จะพึ่งพบหน้ากันได้ไม่นาน แต่หลังจากประมือและพูดคุยกัน ในใจของทั้งสองก็คล้ายดั่งรู้จักสนิทสนมกับอีกฝ่ายมาหลายสิบปี ทั้งสองจึงตัดสินใจคบหาเป็นสหายกัน อึ้งเซียงเล่าเรื่องราวความเป็นมาที่ตนเองมีวรยุทธจากการเรียบเรียงตำราลัทธิเต๋าให้ฮ่องเต้ โดยไม่มีใครสอนสั่ง ทำให้ต๊กโกวยิ่งชื่นชมภูมิปัญญาที่หลักแหลมของอึ้งเซียงขึ้นไปอีก ต๊กโกวจึงบอกกับอึ้งเซียงว่า
"แม้ในใจของข้าจะแสวงหาความพ่ายแพ้เพราะไม่อาจพบพานคู่มือที่เปรียบติด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมสยบให้ผู้คนโดยง่าย หลังจากนี้ข้าจะลองคิดค้นกระบวนท่าที่จะทำลายพลังลมปราณของเจ้าดูบ้าง! เมื่อเจ้าคิดค้นกระบวนท่าที่ยอดเยี่ยมได้บ้างแล้ว เราสองจงมาประลองกันอีกครั้ง ดูสิว่าใครจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ฮะๆๆ"
อึ้งเซียงจึงตกลงรับคำ จากนั้นทั้งสองก็แยกจากกันในราตรีของวันที่4 เพราะอึ้งเซียงติดภาระต้องไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ เพื่อถวายรายงานผลการปราบปรามนิกายเม้งก่า แม้จะรู้สึกอาลัยที่ต้องจากกับผู้รู้ใจที่เพิ่งคบหาได้ไม่นาน แต่ในใจของต๊กโกวก็อิ่มเอิบยิ่งเนื่องเพราะพบพานผู้ที่จะมามอบความพ่ายแพ้ให้ตนได้แล้ว แต่ทว่า...
จึงพลันหยุดมือพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย อึ้งเซียงประสานมือคำนับแล้วกล่าวว่า
"เพลงกระบี่ของพี่ต๊กโกว ลึกล้ำสูงส่งยิ่งนัก ข้าพเจ้านับถือยิ่ง"
"พลังภายในของเจ้าก็กร้าวแกร่งหนักแน่น นับเป็นหนึ่งในแผ่นดินได้โดยแท้ นับตั้งแต่ข้าท่องยุทธภพมา มีเจ้าเป็นคนแรกที่รับมือ8กระบี่ต๊กโกวได้ถึงเพียงนี้ เสียดายแต่ว่าเจ้ามีพลังภายในยอดเยี่ยม แต่กลับมีกระบวนท่าเรียบง่าย"
อึ้งเซียงได้ยินดังนี้ ก็คล้ายดั่งมีประกายสายฟ้าแวบขึ้นในหัว ที่ผ่านมาเขาสะดุดใจกับปัญหาข้อนี้อยู่เหมือนกัน แต่ด้วยความที่น้อยครั้งจะได้ประมือกับยอดฝีมือเนื่องเพราะเขาเป็นขุนนางมิใช่ชาวยุทธ อีกทั้งยังเชื่อมั่นในพลังภายในของตัวเองว่าเพียงพอต่อการสยบผู้คนแล้ว จึงไม่ได้ใส่ใจต่อท่าร่างมากนัก คำพูดของต๊กโกวในครั้งนี้ ช่วยให้เขาเห็นทางสว่างได้เด่นชัด แม้ทั้งคู่จะพึ่งพบหน้ากันได้ไม่นาน แต่หลังจากประมือและพูดคุยกัน ในใจของทั้งสองก็คล้ายดั่งรู้จักสนิทสนมกับอีกฝ่ายมาหลายสิบปี ทั้งสองจึงตัดสินใจคบหาเป็นสหายกัน อึ้งเซียงเล่าเรื่องราวความเป็นมาที่ตนเองมีวรยุทธจากการเรียบเรียงตำราลัทธิเต๋าให้ฮ่องเต้ โดยไม่มีใครสอนสั่ง ทำให้ต๊กโกวยิ่งชื่นชมภูมิปัญญาที่หลักแหลมของอึ้งเซียงขึ้นไปอีก ต๊กโกวจึงบอกกับอึ้งเซียงว่า
"แม้ในใจของข้าจะแสวงหาความพ่ายแพ้เพราะไม่อาจพบพานคู่มือที่เปรียบติด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมสยบให้ผู้คนโดยง่าย หลังจากนี้ข้าจะลองคิดค้นกระบวนท่าที่จะทำลายพลังลมปราณของเจ้าดูบ้าง! เมื่อเจ้าคิดค้นกระบวนท่าที่ยอดเยี่ยมได้บ้างแล้ว เราสองจงมาประลองกันอีกครั้ง ดูสิว่าใครจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ฮะๆๆ"
อึ้งเซียงจึงตกลงรับคำ จากนั้นทั้งสองก็แยกจากกันในราตรีของวันที่4 เพราะอึ้งเซียงติดภาระต้องไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ เพื่อถวายรายงานผลการปราบปรามนิกายเม้งก่า แม้จะรู้สึกอาลัยที่ต้องจากกับผู้รู้ใจที่เพิ่งคบหาได้ไม่นาน แต่ในใจของต๊กโกวก็อิ่มเอิบยิ่งเนื่องเพราะพบพานผู้ที่จะมามอบความพ่ายแพ้ให้ตนได้แล้ว แต่ทว่า...
หลังจากนั้นไม่นานขณะที่ต๊กโกคิวป้ายกินน้ำอยู่ในโรงน้ำชาก็มีชาวยุทธหัวหงอกต่างนำของมากำนัล ต๊กโก๊วคิ้วป้ายที่ช่วยสยบอึ้งเซี้ยะ โดยบอกว่า
"ถ้าไม่เพราะท่านต๊กโกวลงมือสั่งสอนเจ้าขุนนางชั่วอึ้งเซียงแล้วละก็ พวกเราคงจัดการกับมันไม่...."
ยังไม่ทันสิ้นเสียงต๊กโกว ก็ไปกระชากคอเสื้อแล้วเค้นความจริง จนได้ความว่า หลังจากที่ประลองกันแล้ว เหล่าชาวยุทธที่แอบซุ่มดูอยู่นั้นเมื่อเห็น อึ้งเซี้ยะพ่ายให้กับ ต๊กโกวก็พากันไปรุม อึงเซียง จนตกเหวจากนั้นก็พากันไป สังหารครอบครัวของอึ้งเซียงต่อ เมื่อรู้ความจริงต๊กโกวก็เกิดความคิดที่จะสังหารจอมยุทธเหล่านี้ แต่ก็ทำเพียงแค่ ตวาดให้ทุกคน "ไสหัวไปเดี๋ยวนี้.." พร้อมกับเหวี่ยงคนที่เค้นถามจนหัวหลุดจากบ่า:-
สิ้นเสียงของต๊กโกวผู้คนในโรงเตี๊ยมไม่เพียงแค่ชาวยุทธเท่านั้น แม้แต่ผู้ที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็พากันแตกตื่นวิ่งหนีกันจ้าละวั่น เพียงอึดใจเดียวทั่วทั้งโรงเตี๊ยมก็เงียบงันประหนึ่งสุสาน นับตั้งแต่นั้นก็แทบจะไม่ผู้ใดได้พบเห็นต๊กโกวอีกเลย เพราะท่านได้ท่องเที่ยวเสาะหาเบาะแสของอึ้งเซียง เพียงลำพัง และยังคิดค้นกระบวนท่าที่9 "ทำลายลมปราณ"เพิ่มเติมลงจากเดิม8ท่าได้สำเร็จ เรียกเพลงกระบี่ทั้งหมดที่ตนเองคิดขึ้นมาว่า "9กระบี่เดียวดาย" สยบเหล่าศัตรูและผู้กล้าได้ทั่วทั้งแผ่นดิน ความหมายของคำว่าเดียวดายนอกจากจะบ่งบอกถึงความเศร้าที่ไร้ผู้เปรียบติดแล้ว ยังแสดงถึงความคิดคำนึงถึงอึ้งเซียงสหายผู้ทัดเทียมท่านเพียงคนเดียว ส่วนกระบี่อ่อนกุหลาบม่วง ที่ใช้ต่อสู้กับอึ้งเซียง ต๊กโกวได้ขว้างทิ้งลงหน้าผา เนื่องเพราะมันได้ทำร้าย"จอมยุทธฝ่ายธรรมะ"ที่แท้จริงอย่างอึ้งเซียงไป จึงนับเป็นศาสตราอัปมงคลยิ่ง และหันไปใช้กระบี่นิลที่ไร้คมและมีน้ำหนักมากแทน ส่วนหนึ่งก็เพื่อคิดค้นกระบวนท่าทำลายลมปราณเพื่อรอวันที่อึ้งเซียงจะหวนกลับมาตามคำมั่นสัญญา
"ถ้าไม่เพราะท่านต๊กโกวลงมือสั่งสอนเจ้าขุนนางชั่วอึ้งเซียงแล้วละก็ พวกเราคงจัดการกับมันไม่...."
ยังไม่ทันสิ้นเสียงต๊กโกว ก็ไปกระชากคอเสื้อแล้วเค้นความจริง จนได้ความว่า หลังจากที่ประลองกันแล้ว เหล่าชาวยุทธที่แอบซุ่มดูอยู่นั้นเมื่อเห็น อึ้งเซี้ยะพ่ายให้กับ ต๊กโกวก็พากันไปรุม อึงเซียง จนตกเหวจากนั้นก็พากันไป สังหารครอบครัวของอึ้งเซียงต่อ เมื่อรู้ความจริงต๊กโกวก็เกิดความคิดที่จะสังหารจอมยุทธเหล่านี้ แต่ก็ทำเพียงแค่ ตวาดให้ทุกคน "ไสหัวไปเดี๋ยวนี้.." พร้อมกับเหวี่ยงคนที่เค้นถามจนหัวหลุดจากบ่า:-
สิ้นเสียงของต๊กโกวผู้คนในโรงเตี๊ยมไม่เพียงแค่ชาวยุทธเท่านั้น แม้แต่ผู้ที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็พากันแตกตื่นวิ่งหนีกันจ้าละวั่น เพียงอึดใจเดียวทั่วทั้งโรงเตี๊ยมก็เงียบงันประหนึ่งสุสาน นับตั้งแต่นั้นก็แทบจะไม่ผู้ใดได้พบเห็นต๊กโกวอีกเลย เพราะท่านได้ท่องเที่ยวเสาะหาเบาะแสของอึ้งเซียง เพียงลำพัง และยังคิดค้นกระบวนท่าที่9 "ทำลายลมปราณ"เพิ่มเติมลงจากเดิม8ท่าได้สำเร็จ เรียกเพลงกระบี่ทั้งหมดที่ตนเองคิดขึ้นมาว่า "9กระบี่เดียวดาย" สยบเหล่าศัตรูและผู้กล้าได้ทั่วทั้งแผ่นดิน ความหมายของคำว่าเดียวดายนอกจากจะบ่งบอกถึงความเศร้าที่ไร้ผู้เปรียบติดแล้ว ยังแสดงถึงความคิดคำนึงถึงอึ้งเซียงสหายผู้ทัดเทียมท่านเพียงคนเดียว ส่วนกระบี่อ่อนกุหลาบม่วง ที่ใช้ต่อสู้กับอึ้งเซียง ต๊กโกวได้ขว้างทิ้งลงหน้าผา เนื่องเพราะมันได้ทำร้าย"จอมยุทธฝ่ายธรรมะ"ที่แท้จริงอย่างอึ้งเซียงไป จึงนับเป็นศาสตราอัปมงคลยิ่ง และหันไปใช้กระบี่นิลที่ไร้คมและมีน้ำหนักมากแทน ส่วนหนึ่งก็เพื่อคิดค้นกระบวนท่าทำลายลมปราณเพื่อรอวันที่อึ้งเซียงจะหวนกลับมาตามคำมั่นสัญญา
จุดจบต๊กโกวคิ้วป้าย
ทว่า ผ่านกาลเวลาไปหลายสิบปี ต๊กโกวก็ยังไม่พบเห็นข่าวคราวของอึ้งเซียงเลย ทั้งยังได้ยินว่าศัตรูของอึ้งเซียงที่มีอายุมากหลายคน ได้พากันล้มตายไปตามอายุขัยเยอะแล้ว จึงได้ละทิ้งยุทธภพที่ไร้ซึ่งคู่มือตน ไปพำนักยังสถานที่เร้นลับและได้พบกับอินทรีน้อยตัวหนึ่งที่บินไม่ได้ อินทรีตัวนี้มีความจำดีเยี่ยมยิ่งนัก มันคอยมองดูวิธีการฝึกปรือของต๊กโกวจนขึ้นใจ แล้วนำไปดัดแปลงใช้จับเหยื่อหากิน ชดเชยข้อเสียเปรียบที่บินไม่ได้ กระทั่งมันเติบใหญ่สูงกว่าต๊กโกว ต๊กโกวจึงยึดเอามันเป็นคู่ซ้อมมือแก้เหงา จนในที่สุดก็เข้าสู่ขอบเขตไร้กระบี่เหนือกว่ามีกระบี่ และได้ฝังกระบี่ที่เคยใช้ทั้งหมดไว้ พร้อมกับเขียนคำอธิบายเกี่ยวกับกระบี่ของตน ก่อนจะสิ้นชีพในอีกไม่กี่ปีต่อมาอย่างสงบ..
( ปล. ความจริงแล้วหลังจากที่อึ้งเซียงถูกผลักตกหน้าผาแล้ว ยังไม่ตายนะ อ่านเรื่องเต็มของตอนนี้ที่นี่ )
--------------- เนื้อเรื่อง ฉบับ TVB ----------------
ภายหลัง TVB ได้นำมาสร้างเป็นละคร โดยมีนักแสดงนำก็คือ Felix wong ( หวง เย่อ หัว ) ถ้าใครที่ได้ดูจะรู้ว่าหนังเรื่องนี้ถูกสร้างก่อนหนังเรื่องกระบี่ไร้เทียมทานอีก ( สังเกตุได้จาก ผู้ที่แสดงเป็น ต๊กโกวเทียนฟง หน้าตาเคยหนุ่มแน่นในเรื่อง กระบี่ไร้เทียมทานในบท เล็กตัน <----- ปล. ประมุคพรรคมารในกระบี่ไร้เทียมทานชื่อ ต๊กโกว บ๊อเต็ก ,มีธิดาชื่อ ต๊กโกวหง ที่บอกให้รู้เพราะมีความรู้สึกว่าชื่อตัวละครทำไมมันซ้ำ ๆ กันงี้น้อ รึว่าเป็นอะไรกัน !)
โดยเนื้อเรื่องที่ TVB วางไว้มีดังนี้
ต๊กโกวคิ้วป้าย ได้ชื่อนี้มาจากการแต่งชื่อให้ของบิดา ต๊กโกวเทียนฟง โดยมีนิสัยชอบถ้าประลองยุทธและเมือ่ผู้ไดพ่ายให้แล้วต้องยกคำภีร์ของผู้ที่ประลองแพ้มา โดยการกระทำของเทียนฟงนั้น ทำให้ฝ่ายธรรมะรวมตัวกันเพื่อหยุดการกระทำ โดยการรวมตัวกันเพื่อสังหาร ในขณะที่ คิ้วป้ายเกิดนั้น เหล่าจอมยุทธฝ่ายธรรมะ ก็ไล่ล่า เทียนฟง และภรรยาหมายปลิดชีพทิ้ง เมื่อคิ้วป้ายเกิดมามารดา จึงนำคิ้วปายสลับกับลูกชาวบ้าน หลังจากนั้นก็ถูกฝ่ายธรรมะไล่ล่าจนมุมและผลักตกหน้าผาในที่สุด เทียนฟงเมื่อเห็นภรรยาถูกผลักตกหน้าผาจึงรีบไปช่วยหมายจะรั้งไว้ แต่ก็โดนเหล่าจอมยุทธเข้ามาซัดฝ่ามือใส่ หลังจากนั้นประมุคฝ่ายธรรมะก็ได้ขังเทียนฟงไว้ในคุกใต้ดินเพื่อเค้นเอาคำภีร์ต่าง ๆ ที่เทียนฟงได้ซ่อนไว้ เพื่อมาฝึกเอง
ขณะนั้นเอง คิ้วป้ายที่เติบโตมากับลูกชาวบ้าน ก็มีชื่อว่า หลินคัง ซึ่ง โดยมีอุปนิสัย เป็นคนซื่อ และเกลียดฝ่ายอธรรม หลินคังนั้นมีอาชีพเป็นคนขายน้ำเต้าหู้ โดยลูกค้้าหลัก ๆ ก็คือ สำนักฝ่ายธรรมะ ( ลืมชื่อ )
โดยอยู่มาวันนึง แม่ของหลินคังเกิดป่วยหนัก หมอแมะที่มาดูอาการบอกว่าต้องใช้โสมพันปี เป็นทางออกสุดท้ายถ้าไม่กินจะตายภายใน 6 วัน และตอนนี้ในตลาดไม่มีขาย แต่จำได้ว่าปัจจุบันคนที่ครอบครองอยู่คือ "เจ้าป้อมสกุลหวัง" ด้วยความกตัญญูหลินคังจึงเดินรีบทางไปยังบ้านของ ท่านเจ้าป้อม เพื่อขอเจียดยา
แต่ทว่า เมื่อมาถึงหลินคังก็ต้องถูกปฎิเสธด้วยคนใช้ เนื่องจากท่านเจ้าป้อมไม่อยู่ แต่หลินคังด้วยความกังวลใจจึงยังไม่ตัดใจที่จะกลับ ง่่าย ๆ จึงแอบปีนเข้าไปใน บ้านของเจ้าป้อมสกุลหวัง
ทันที่ที่เข้าไปหลินคังก็ได้พบกับ เจ้าป้อมน้อย ซึ่งมีลักษณะเป็นคุณชายถือพัดจีบ แต่มีนิสัยขี้แกล้ง หลินคังเมื่อพบเจ้าป้อมน้อย จึงบอกถึงเหตุผลที่ตนแอบปีนเข้ามา เจ้าป้อมน้อยด้วยมีนิสัยเป็นคนขี้แกล้งจึงออกอุบายว่าถ้า ตนทำหยกประจำตระกูลหล่นในสระน้ำเย็น อยากให้ช่วยงมขึ้นมาให้หน่อย เมื่อเจอแล้วตนจะให้คนใช้ไปนำโสมมาแบ่งให้ตามที่ขอ ซึ่งที่จริงนั้นหยกที่ตกลงในสระน้ำเป็นเพียงเรื่องที่ เจ้าป้อมน้อย กุขึ้นมาเท่านั้น
เจ้าป้อม ที่ผ่านมาพอดีเมื่อเห็นหลินคัง กำลังงมสระอยู่อย่างหนาวเหน็บก็ใช้วิชาตัวเบาเหยีบผิวน้ำและดึงตัวหลินคังขึ้นมาบนฝั่ง พร้อมกับพูดติลูกของตนที่แกล้งคนอื่น..
หลังจากที่ เจ้าป้อม ได้รับรู้ถึงสาเหตุที่หลินคังต้องบุกขึ้นมาแล้วก็ล่าวชื่นชมและได้มอบยาสำหรับ นำมารักษาแม่ของหลินคัง
โดยอยู่มาวันนึง แม่ของหลินคังเกิดป่วยหนัก หมอแมะที่มาดูอาการบอกว่าต้องใช้โสมพันปี เป็นทางออกสุดท้ายถ้าไม่กินจะตายภายใน 6 วัน และตอนนี้ในตลาดไม่มีขาย แต่จำได้ว่าปัจจุบันคนที่ครอบครองอยู่คือ "เจ้าป้อมสกุลหวัง" ด้วยความกตัญญูหลินคังจึงเดินรีบทางไปยังบ้านของ ท่านเจ้าป้อม เพื่อขอเจียดยา
แต่ทว่า เมื่อมาถึงหลินคังก็ต้องถูกปฎิเสธด้วยคนใช้ เนื่องจากท่านเจ้าป้อมไม่อยู่ แต่หลินคังด้วยความกังวลใจจึงยังไม่ตัดใจที่จะกลับ ง่่าย ๆ จึงแอบปีนเข้าไปใน บ้านของเจ้าป้อมสกุลหวัง
ทันที่ที่เข้าไปหลินคังก็ได้พบกับ เจ้าป้อมน้อย ซึ่งมีลักษณะเป็นคุณชายถือพัดจีบ แต่มีนิสัยขี้แกล้ง หลินคังเมื่อพบเจ้าป้อมน้อย จึงบอกถึงเหตุผลที่ตนแอบปีนเข้ามา เจ้าป้อมน้อยด้วยมีนิสัยเป็นคนขี้แกล้งจึงออกอุบายว่าถ้า ตนทำหยกประจำตระกูลหล่นในสระน้ำเย็น อยากให้ช่วยงมขึ้นมาให้หน่อย เมื่อเจอแล้วตนจะให้คนใช้ไปนำโสมมาแบ่งให้ตามที่ขอ ซึ่งที่จริงนั้นหยกที่ตกลงในสระน้ำเป็นเพียงเรื่องที่ เจ้าป้อมน้อย กุขึ้นมาเท่านั้น
เจ้าป้อม ที่ผ่านมาพอดีเมื่อเห็นหลินคัง กำลังงมสระอยู่อย่างหนาวเหน็บก็ใช้วิชาตัวเบาเหยีบผิวน้ำและดึงตัวหลินคังขึ้นมาบนฝั่ง พร้อมกับพูดติลูกของตนที่แกล้งคนอื่น..
หลังจากที่ เจ้าป้อม ได้รับรู้ถึงสาเหตุที่หลินคังต้องบุกขึ้นมาแล้วก็ล่าวชื่นชมและได้มอบยาสำหรับ นำมารักษาแม่ของหลินคัง
(เรียงลำดับซ้ายไปขวา : ศิษพี่พรรคมารที่ชอบหลินคัง(ซ้าย) หลินคังลูกของประมุขพรรคมาร(กลาง) ศิษย์คนเล็กพรรคมาร ( ขวา )
( จำเนื อเรื่องไม่ได้ เด๋วมาเขียนต่อ )
หลังจากที่ได้ดูแล้ว
ก็บอกได้ว่า "สนุก..และได้อรรถรส ไปอีกแบบ" สำหรับแฟน ๆ มังกรหยกก็แนะนำให้ ลองหาหนังเรื่องนี้มาดูกัน จ้า... ทั้งหมดมี 21 ตอนจบ พากย์ไทยโดยน้าต๋อยเซมเบ้...
คอมเม้นส่วนตัว
คนเขียนมีบุญได้เจอกับ หวงเย่อหัวตัว จริงๆ แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นใครเหมือนกัน ฮ่า ๆ ตัวจริงเขาก็ดู look เนียบ ๆ
นิ่ง ๆ โดยตอนนั้น เขามาถ่ายหนัง ที่วัดพระศรีฯ
เด็กที่เล่นน้ำอยู่แถวนั้นก็นึกว่าเขาเป็นคนไทย เลยเข้าไปสกิดขาแล้วถามว่า
"น้า ๆ ... เขาถ่ายหนังเรื่องอะไร"
หวงเย่อหัวด้วยความที่ ไม่เข้าใจภาษาไทยก็ได้แต่ ยิ้ม แบบทำไรไม่ถูก( มองหาตัวช่วย )
แน่นอน แก๊ป ย่อมไม่นิ่งดูดาย ยืนขำทันที!!
ปล.ตัวจริงก็ดูดีนะ
ก็บอกได้ว่า "สนุก..และได้อรรถรส ไปอีกแบบ" สำหรับแฟน ๆ มังกรหยกก็แนะนำให้ ลองหาหนังเรื่องนี้มาดูกัน จ้า... ทั้งหมดมี 21 ตอนจบ พากย์ไทยโดยน้าต๋อยเซมเบ้...
คอมเม้นส่วนตัว
คนเขียนมีบุญได้เจอกับ หวงเย่อหัวตัว จริงๆ แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นใครเหมือนกัน ฮ่า ๆ ตัวจริงเขาก็ดู look เนียบ ๆ
นิ่ง ๆ โดยตอนนั้น เขามาถ่ายหนัง ที่วัดพระศรีฯ
เด็กที่เล่นน้ำอยู่แถวนั้นก็นึกว่าเขาเป็นคนไทย เลยเข้าไปสกิดขาแล้วถามว่า
"น้า ๆ ... เขาถ่ายหนังเรื่องอะไร"
หวงเย่อหัวด้วยความที่ ไม่เข้าใจภาษาไทยก็ได้แต่ ยิ้ม แบบทำไรไม่ถูก( มองหาตัวช่วย )
แน่นอน แก๊ป ย่อมไม่นิ่งดูดาย ยืนขำทันที!!
ปล.ตัวจริงก็ดูดีนะ
หมายเหตุ
ข้อมูลที่นำมาเผยแพร่นี้ ผู้เขียนก็ค้นหามาจาก google นะแหละแต่พยายามทิ้งชื่อผู้ที่เขียนเพือให้เกียรติและเป็นกำลังใจให้เจ้าของบทความเดิมให้มากที่สุด
สำหรับผู้ที่ต้องการ coppy เผยแพร่ต่อก็ไม่ห้าม แต่เพื่อเป็นกำลังใจสำหรับคนเขียนบทความเวลานำไปโพสทีอื่นรบกวน อย่าเปลี่ยนแปลงคำพูดของเจ้าของบทความนั้น ๆ เพื่อประสงค์ให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าตนเป็นผู้เขียนบทความ
บทความนี้ ผู้เขียนแต่งและเรียบเรียงใหม่เพื่อให้เกิดความถูกต้อง ให้มากที่สุด หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ. ที่นี้
--- ข้อมูลเสริม --
เก้ากระบี่เดียวดาย
จริง ๆ แล้ว เก้ากระบี่เดียวดายนั้นไม่ใช่ท่ากระบี่แต่เป็นเพียงเคล็ดวิชา 9 เคล็ด ประกอบไปด้วย
1. เคล็ดทำลายกระบี่
2. เคล็ดทำลายดาบ
3. เคล็ดทำลายทวนและกระบอง
4. เคล็ดทำลายโซ่และฉมวก
5. เคล็ดทำลายแส้
6. เคล็ดทำลายฝ่ามือ
7. เคล็ดทำลายเกาทัณฑ์ (อาวุธลับ)
8. เคล็ดทำลายลมปราณ
9. เคล็ดรวม
ข้อมูลเพิ่มเติมอ่านที่: wikipedia ( เก้ากระบี่เดียวดาย ) ( อ่านเรื่องเพิ่มเติมจากที่นี่ได้ )
ขอบคุณบทความจากที่ต่าง ๆ
มังกรหยก 2 : คำจารึกของ ต๊กโกวคิวป้ายที่สุสานกระบี่ บล็อกของคุณ สุดเดช
มังกรหยก : ต๊กโกวคิ้วป้าย vs อึ้งเซี้ยะ :: สาเหตุที่หายตัว คุณ sianmao เป็นคน cut เนื้อหามา
บอร์ด 1 : ใครคือ "ต๊กโกวคิ้วป้าย "
จริง ๆ แล้ว เก้ากระบี่เดียวดายนั้นไม่ใช่ท่ากระบี่แต่เป็นเพียงเคล็ดวิชา 9 เคล็ด ประกอบไปด้วย
1. เคล็ดทำลายกระบี่
2. เคล็ดทำลายดาบ
3. เคล็ดทำลายทวนและกระบอง
4. เคล็ดทำลายโซ่และฉมวก
5. เคล็ดทำลายแส้
6. เคล็ดทำลายฝ่ามือ
7. เคล็ดทำลายเกาทัณฑ์ (อาวุธลับ)
8. เคล็ดทำลายลมปราณ
9. เคล็ดรวม
ข้อมูลเพิ่มเติมอ่านที่: wikipedia ( เก้ากระบี่เดียวดาย ) ( อ่านเรื่องเพิ่มเติมจากที่นี่ได้ )
ขอบคุณบทความจากที่ต่าง ๆ
มังกรหยก 2 : คำจารึกของ ต๊กโกวคิวป้ายที่สุสานกระบี่ บล็อกของคุณ สุดเดช
มังกรหยก : ต๊กโกวคิ้วป้าย vs อึ้งเซี้ยะ :: สาเหตุที่หายตัว คุณ sianmao เป็นคน cut เนื้อหามา
บอร์ด 1 : ใครคือ "ต๊กโกวคิ้วป้าย "
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น