ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : สาเหตุ....ความจริง.....ที่มา
The  Friends  Ship  =O_O=
.
    อาจารย์ที่ปรึกษาและรุ่นพี่ที่เป็นประธานนักเรียน ..เข้ามาเกริ่นเรื่องงานนิทรรศการที่แต่ละคณะต้องออกร้านขายของและจัดกิจกรรมต่างๆของคณะ      ปี 1 ได้รับมอบหมายให้ออกร้านอะไรก็ได้  นั่นทำให้บรรดานักศึกษาทั้งหลายต้องมารวมตัวกันที่ห้องเรียนในเย็นวันนี้
    ไอริณยืนอยู่หน้าชั้นเป็นคนดำเนินการ ตามนิสัยชอบเผด็จการ  “เอาล่ะ .อย่างน้อยเราก็ควรเลือกคนที่จะมาเป็นหัวหน้า  มาคอยติดต่อประสานงานกับรุ่นพี่  เพื่อนๆว่าใครควรจะเป็น  เขียนโหวตใส่กระดาษนะ แล้วเราจะมานับคะแนนกัน “  ด้วยความรวดเร็ว  กระดาษโหวตของเพื่อนทุกคนวางอยู่หน้าโพเดียมเป็นที่เรียบร้อย  ไอริณหยิบกระดาษขึ้นมาใบแรกขานชื่อ .ก็เล่นเอาเจ้าของสะดุ้งสุดตัวเลยทีเดียว
    “มรกต “
   
    แม่เจ้า โอ้ย ข้าพเจ้าปวดกบาล = = อะไรกันนักกันหนา อุตส่าห์อยู่เงียบๆ  ไม่วุ่นวายกับใครแล้วนะ.....มรกตคงไม่ปวดหัวขั้นรุนแรงขึ้นไปอีก  ถ้าดันไม่ได้ยินว่าอีกชื่อเป็นใคร
               
                “ รวิกร “
   
                  โอ้พระเจ้าจอร์จมันยอดมาก!!! อะไรจะพาให้แย่เท่านี้มีอีกมั้ย . มรกตคิดอย่าประชดประชันกรอกตาขึ้นฟ้าทำหน้าเบื่อหน่ายสุดๆ    แย่ๆๆๆๆๆๆ แย่ที่สุดในโลกเลย  หวังว่าคงไม่มีอะไรเลวร้ายและแสนแย่ไปกว่านี้หรอกนะ!!! 
    แต่ดูเหมือนอะไรๆจะไม่เป็นใจช่วยเหลือเลยสักกะนิดนึง เมื่อคะแนนของทั้ง 2 คนเท่ากันพอดี  แม่คนเจ้ากี้เจ้าการเลยจัดการเผด็จการอีกตามเคย 
    “ในเมื่อคะแนนเท่า เอางี้แล้วกัน ช่วยดันไป 2 คนเลยแล้วกันนะ  ตกลงตามนี้นะ “  ว่าพลางหันไปพยักเพยิดกับบรรดาเพื่อนคนอื่นๆ  แล้วหันมาจ้องทั้ง 2 คนแกมบังคับตกลง  แต่ อย่างว่าแหละ คนอย่างมรกต เคยยอมใครง่ายๆเสียที่ไหน!!! .
   
            “ เอางี้แล้วกัน ให้รวิกรเป็นแล้วกัน .เพราะผู้ชายคงทำงานด้านพวกใช้แรง คุมคน ได้ดีกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว “ 
              มรกตว่าหน้าตายสนิท  ลองเป็นที่โรงเรียนเก่าสิ โห้ย ถ้าพูดออกไปอย่างนี้ คงโดยโห่ไล่เป็นแน่แท้ เพราะอะไรน่ะเหรอ .ก็เพราะแม่คุณคุมงานเองหมดน่ะสิ .หมดจริงๆไม่ว่าจะงานผู้หญิง หรืองานผู้ชายอย่างโครงงานวิทยาศาสตร์ทำหุ่นยนต์หรืออะไรก็เถอะ .แม่คุณเธอทำได้หมดอยู่แล้ว ดีไม่ดี เธอสามารถทำได้ดีกว่าผู้ชายบางคนเสียอีก ..แต่อย่างว่านะ...ที่นี่ไม่ใช่ที่โรงเรียนเก่าเสียหน่อย.....แล้วไอ้นิสัยเดิมๆเธอก็ไม่คิดจะเอามาใช้หรอก..โดยพาะ...เหตุการณ์ในตอนนี้  อุตส่าห์สร้างภาพลักษณ์ใหม่....แล้วเรื่องอะไรที่จะต้องตอบตกลงรับทำงานด้วย  โดยเฉพาะผู้ร่วมงานคือ  รวิกร    แต่ดูเหมือนไอริณยังไม่ละความพยายาม
    “ แต่เราว่าเป็นด้วยกัน 2 คนน่ะดีแล้ว  มีอะไรก็จะได้ช่วยกันคิดช่วยกันค้านไง  จริงอยู่ที่ผู้ชายถนัดทำงานพวกใช้แรงและก็คุมคน  แต่ผู้หญิงก็ถนัดเรื่องความละเลียดรอบคอบ  ช่วยกันน่ะแหละดีที่สุด “  นี้คือเหตุผลของแม่ดาวคณะ .ที่มรกตคิดอยากจะหักคอเพื่อนเล่นอยู่เดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ อะไรกันแม่คนนี้แทนที่จะช่วยเพื่อน ดูสิดู .กลับผลักไสให้เธอเหวอีก
    ท่าทีที่ดูนิ่งๆอยู่ภายนอกก็จริงแต่รวิกรรู้ดีว่าทำไมถึงได้ปฏิเสธยิกๆอย่างนี้   คงไม่อยากทำงานกับเขา สินะ .หึ .ก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วนี่ .ว่าเขาคงเป็นคนสุดท้ายในโลก อ๋อ ไม่สิ รองสุดท้าย .ที่เธอยากจะทำงานด้วย         แต่ในที่สุด มรกตก็ยอมแพ้ .เออๆๆ .ทำก็ได้ว่ะ .   ได้แต่คิดอย่างหงุดหงิด  สุดท้ายมรกตก็พยักหน้าอย่างหงุดหงิด
    “เออๆๆๆ ก็ได้ . ฉันทำก็ได้ .”
    เพื่อนทั้งห้องที่นั่งกันเพียบเต็มห้อง ทำท่าเหมือนจะกระโดดร้องไชโยให้ตัวลอย  เช่นเดียวกับแม่คนเจ้ากี้เจ้าการที่ยืนอยู่หน้าห้อง .ที่แอบกลั้นยิ้มจนแก้มจะปริอยู่แล้ว  ใครจะรู้ว่า  ที่ผลคะแนนออกมาเท่ากันแบบนี้ .อิอิ .เป็นเพราะเธอเป็นล็อคเอาไว้แล้ว ..ใครจะรู้เล่าว่า ..ยามเมื่อสาวสวยอย่างไอริณ คิดจะแปลงร่างเป็นอสุรกายยักษิณีที่แสนจะเอาแต่ใจและสุดจะเผด็จการขึ้นมา เคี้ยก .น่ากลัวสุดๆ ..ทุกคนที่ได้รับการขู่กรรโชก ก็รู้สึกหายใจทั่วห้องขึ้นมาพร้อมๆกัน .ยิ่งนาน...ยิ่งสนิท ยิ่งรู้สึกผิด .ที่คิดว่าแม่นี้ .สวยและเรียบร้อย (แบบหน้าตา ) .ถึงขนาดเลือกให้เป็นดาวคณะ .จนถึงตอนนี้ รู้สึกอยากจะกลับใจขึ้นมาทุกๆ 2 วินาที...เฮ้อ.....คงจริงสินะที่ว่าอย่าดูคนแต่ภายนอก....
    หลังจากนั้นก็มีการประชุมต่ออีกเล็กน้อยก็แยกย้ายกันกลับบ้าน  มรกตเดินไปที่หอสมุดกลางด้วยความหงุดหงิด ดูท่าทางเหมือนการโหวตมันแปลกๆ  แต่จะไปทักท้วงอะไรให้มันยิ่งดูน่าสงสัยทำไม  เฉยๆไปเสียยังจะดีกว่า  ยิ่งพูดมากก็ยิ่งมากความ  แค่ทำงานด้วยกัน . แค่นั้นเอง ..ไม่เห็นต้องกลัวอะไร
    มรกตและคิมหันต์วนรถไปรับพีระนันท์ที่สนามเทนนิส  ด้วยแม่คุณเธอกลับมาทำงานให้อย่างเก่าและดูจะสนุกเอามากๆเสียด้วย  ตั้งแต่ได้คู่ปรับมหากาฬมาเป็นเพื่อน  สนามเทนนอสก็ดูเป็นสถานที่ที่อยากจะมามากกว่าเมื่อก่อนที่จำใจมาเพื่อไม่ให้เสียฟอร์ม
    “เออ .งานนิทรรศการน่ะ คณะกตกับคิมทำอะไรกันเหรอ “  พีระนันท์ถามขึ้นทันที
    “ของเราเห็นรุ่นพี่บอกว่าจะคิดมาให้นะ  ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ “ คิมหันต์ว่าพลางยื่นขนมมาให้ แต่พีระนันท์กับมรกตปฏิเสธ “แล้วของกตล่ะ “
    “รุ่นพี่เขาให้ออกร้านอะไรก็ได้น่ะ  ให้คิดเอง  วันนี้พึ่งจะเลือกหัวหน้างานไปหมาดๆ “  มรกตว่าอย่างเซ็งๆ
    “ใครเป็นเหรอหัวหน้างานคราวนี้ ได้เกิดแน่ๆเลย “
   
                “ เราไง “
   
   
                “หา!!!!@ “
   
                มรกตอยากเอามือขึ้นมาอุดหูแต่ตอนนี้มันจำเป็นที่จะต้องถือพวงมาลัยรถอยู่  เลยได้แต่ทำหน้าเบ้ด้วยเสียงเพื่อนดังเหลือเกิน
   
                “ไหนบอกว่าเข้ามหาลัยแล้วไม่รับเป็นแม่งานใหญ่ๆไง “  พีระนันท์มองด้วยสายตารู้ทัน      ด้วยรู้นิสัยเพื่อนดีว่าชอบทำงานประเภทนี้แค่ไหน  ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาจนถึงปัจจุบัน  มรกตถนัดทำงานเป็นหัวหน้ามากที่สุดหรือไม่ก็เป็นเพราะเธอไม่ค่อยได้เห็นเพื่อนในมาดของผู้ตามที่ดี  เพราะบางทีถ้าผู้นำไม่ได้ดั่งใจ  แม่คุณก็โค่นล้มเอาจนได้ ..เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่เวลานัดไปไหนมาไหนหรือจะทำงานอะไร  มรกตมักได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนๆให้เป็นหัวหน้าสมอ
   
   
                “ ก็จะเลิกไง  ตั้งแต่เปิดมาก็อุตส่าห์อยู่เฉยๆนิ่งๆแล้วนะ  แต่เราไม่ได้เป็นคนเดียวหรอก เป็นกับรวิกรน่ะ คนที่คราวก่อนมาห้ามมวยไง  จำกันได้มั้ย ?  พอดีคะแนนมันเท่ากัน  ก็เลยตกลงกันว่าช่วยงานกัน 2 คน “ 
   
                    คิมหันต์เลิกคิ้วมองหน้าเพื่อนส่วนพีระนันท์ขมวดคิ้วฉับทันทีที่ได้ยินชื่อนี้  ไม่รู้เพราะอะไรรู้แต่ว่าไม่ชอบ  อาจจะดูเหมือนไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่ .แต่มันบอกไม่ถูกรู้แต่ว่าหมดนี้ดับเธอไม่ถูกฉะตากันเสียเลย
“  แล้วยังมีปัญหากันอยู่หรือเปล่าล่ะ ..”  คิมหันต์ยิงคำถามตรงจุดอีกตามเคย
“ มี เรื่องใหญ่ด้วยแหละเราเลยเซ็งไง  ที่ต้องทำงานด้วยให้ตายเถอะ น่าเบื่อชะมัด !!!“
“ มีปัญหาเรื่องอะไรเหรอ  ตั้งแต่คราวก่อนโน้นหรือเปล่า “  คิมหันตเอียงคอมองหน้า
“ อืม ปัญหาระยะยาวน่ะ ยาวไม่พอยังเรื่องใหญ่อีก . “  มรกตเปรยแค่นั้น แต่เพื่อนๆก็กระเถิบเข้ามายื่นหน้าอย่างตั้งใจฟัง  มรกตค่อยๆเริ่มเรื่อง“ ก็คือ..เรามีปัญหากับแฟนเขาน่ะ “  บรรยากาศในรถเงียบลงทันที  พร้อมๆกับที่ความอึดอัดค่อยๆขยายตัวออกจนรู้สึกได้
“ เขามีแฟนแล้วเหรอ ..นายรวิกรอะไรนั่นน่ะ “  พีระนันท์เอ่ยเสียงเรียบ
“ ช่าย แกแอบปิ๊งเขาเหรอ?  ไม่ไหวว่ะ ไม่ไหว แฟนแมร่งหึงสุดๆ  หึงจนน่ารำคาญ  น่ารำคาญมากๆเสียด้วย “  มรกตพูดเหมือนล้อเล่นแต่ใครจะรู้ว่าไอ้ที่เธอรำคาญน่ะ มันอะไรกับแน่  พีระนันท์ทำหน้ายุ่ง
“ฉันเนี้ยนะ!!!  โอ้ย .แม่อยากจะบ้า !!! “  พร้อมทำท่าทางประกอบเล่นเอาเพื่อนๆหัวเราะเฮครื้นกันออกมา  “อย่านอกเรื่องนะแก ..เล่าๆๆมาให้มันหมดๆ เผื่อต้องยกพวก ฉันจะได้ไปบอกที่คณะทันไง “
“ ไม่ต้องหรอกน่า .เล่าต่อนะ .แฟนซันน่ะ ชื่อ พิณ .พิณจันทร์  เขาคงคบกันตั้งแต่ก่อนเข้ามหาลัยมั้ง  อันนี้ก็ไม่รู้หรอกนะ  ขี้เกียจจะถาม  แล้ว she ขี้หึงมากๆ  แล้วมันก็ดับซวยที่เราพอดี  ที่ดันไปสนิทด้วย  แรกๆก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย  พึ่งมาหลังๆเนี้ย  ชักหนักข้อขึ้น  แม่คุณยกพวกมาขู่ ประมาณอย่างยุ่งกับพระสวามีฉันนะ ฟังภาษาคนน่ะรู้เรื่องมั้ยย่ะ    ถ้ายังไม่หยุดการกระทำนี้ล่ะก็ ..มีเรื่องแน่ๆ “
          มรกตนึกไปถึงวันนั้นวันที่เธอ รู้สึก .เหมือนขามันจะหมดแรงไปเสียเฉยๆ ไม่ใช่เพราะกลัวบรรดาสาวๆทั้งที่แท้แล้วไม่แท้ที่พิณจันทร์พกมาด้วย  แต่เพราะคำพูดในวันนั้น  ..เหมือนโดนตบหน้าแล้วราดด้วยน้ำเย็นไม่มีผิด
        “ มรกตใช่มั้ย “
          น้ำเสียงน่ารักๆ  มรกตเงยหน้ามองคนพูดก็เป็นสาวน้อยหน้าตาน่ารักๆตัวเล็กกว่าเธอนิดหน่อย  แต่ข้างหลังนี่สิ  พาเพื่อนมาอีกเป็น 10  ดักเธอกลางทางเดินไปหอสมุดกลาง  มรกตเพียงแต่มองหน้าแต่ในความรู้สึก .หาเรื่องกันนี่นา .
      “ เธอเป็นอะไรกับรวิกรน่ะ “  มรกตเลิกคิ้วขึ้น
        “ เป็นเพื่อน “  บรรดาสาวเทียมทั้งหลายทำหน้าตาดูถูก “เพื่อนเหรอ เพื่อนที่ไหนเขานั่งออเซอะกันทุกวันย่ะหล่อน  แม่ชะนีตัวน้อยๆ “ พร้อมกับเสียงหัวเราะเยอะเย้ยของบรรดานังกระเทยตัวเท่าควายทั้งหลายมรายืนกันหน้าสะหลอน
“ ฉันมาเตือนเธอนะ .อย่ายุ่งกับซันอีก ..อ้อ ฉันชื่อพิณจันทร์ ..เป็นแฟนของซัน ..ดูปากฉันนะ เป็นแฟน  ไม่ใช่เพื่อนสนิท  จำไว้  . ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับเขา โดยเฉพาะเธอ  !!! “
            มรกตได้แต่นับ 1 10 ในใจอย่างสะกดอารมณ์   อย่ามีเรื่อง อย่ามีเรื่อง .อย่าอยากยกมือขึ้นฟาดไปบนหน้าน่ารักๆนั่น .อย่าเชียวนะ อย่า .. อดทนไว้ ..อดทน เย็นไว้ก่อน .เย็นไว้ ..
          “อะไรกันนังนี่ .หน้าด้านจริง นอกจากคำว่าเป็นเพื่อนเนี้ย พูดคำอื่นไม่เป็นแล้วใช่มั้ยย่ะ . คงพูดเป็นอยู่คำเดียวล่ะสิ .เอาไว้แก้ตัวไง เวลาใครมาถามว่า แย่งแฟนคนอื่นหรือปล่าวน่ะ “ นังกระเทยควายตัวหนึ่งพูดขึ้นมาแล้วที่เหลือก็ทำเป็นลูกคู่หัวร่อต่อกระซิกแบบมีจริต ..ที่น่าโดนตบเป็นที่สุด . 
      มรกตหน้าชา แม่เจ้า ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครมาว่าเรื่องนี้กับเธอและรุนแรงเท่านี้ . ว่าเธอแรงเกินไปแล้วนะ
        “ ว่าไง จะต้องให้พูดซ้ำไหม .หรือควรแนะนำดี ทำอย่างไรที่จะไม่ต้องยุ่งกับแฟนของชาวบ้านเขา . “ ในที่สุดมรกตก็คิดว่าควรแก่การตอบโต้เสียที  หน้าตาน่ารักๆนั่น ไม่ได้บอกไปถึงสิ่งที่อยู่ภายในเลย .แต่คำพูดที่เหมือนหลุดออกมาจากสวนสัตว์ขนาดใหญ่นั่นก็พอแล้วที่จะบอกสันดานของยัยหน้าสาวแล้วว่า
\"สวยแต่เปลือก\"
    “ ฉันคิดว่าคุณมาพูดผิดคนแล้วล่ะค่ะ อ่อ ต้องขอแก้ข่าวก่อนนะ ว่าฉันไม่ได้พูดเป็นคำเดียวค่ะ เพียงแต่คิดว่ากับพวกครึ่งๆกลางๆเนี้ย .มีญาติผู้ใหญ่เคยสอนไว้ว่าไม่ควรเสวนาด้วย ยิ่งพวกไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองมี และพวกชอบระรานคนอื่น  ไม่สมควรที่จะให้ความสุภาพ ผู้ดี  เพราะมันไม่คู่ควร  แถมมีข้อสังเกตให้ด้วยนะคะว่า    คนประเภทนี้  มักจะต้องไปไหนมาไหนเป็นกลุ่มใหญ่ๆเข้าไว้  เพราะถ้ามีเรื่องอะไรขึ้นมาแล้ว จะเอาตัวเองไม่รอด ไปไหนมาไหนเลยต้องเป็นกลุ่ม .โอ๋ ไม่สิ .ฝูงต่างหาก “  แล้วยิ้ม . ยิ้มแบบนิ่มนวลตามแบบฉบับ  แต่ไอ้คำพูดที่หลุดออกมาแต่ละพยางค์นั้นเลยทำเอาคนฟังหน้าซีด...ด้วยความโกรธ 
    มรกตไม่ได้หยุดความร้ายไว้ที่แค่นั้นเธอหันมาที่พิณจันทร์ที่ยืนอยู่ข้างหน้าเธอด้วยสีหน้าอมยิ้ม  แล้วปล่อยวาจาเผ็ดร้อนใส่อีกชุดใหญ่  ให้สมกับที่อดกลั้นยืนหน้าชามานาน
            “ ส่วนคุณ....พิณจันทร์...  ฉันคิดว่าควรจะบอกไว้เลยนะคะ  ฉันไม่ได้สนใจแฟนคุณอย่างที่คุณกำลังคิด  ผู้ชายมีตำหนิ  อุ๊ย!! มีเจ้าของเนี้ย  ถือเป็นของร้อนค่ะ  ฉันไม่ชอบยุ่งด้วยอยู่แล้ว  ขอให้สบายใจได้เลย  ที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อนกัน  แต่ถ้าเกิดทำให้คุณเข้าใจผิด หลงคิดว่าแฟนคุณเป็นคนหล่อลากหรือว่าคุณสมบัติแสนดีเลิศถึงขนาดที่จะต้องลดตัวลงไปแย่งชิงล่ะก็....ขอให้คิดใหม่เสียนะคะ  เพราะคุณกำลังคิดผิดอย่างรุนแรงร้ายกาจเลยล่ะค่ะ  “ มรกตยังคงตบท้ายด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิมแล้วใส่ชุด 2 ต่อทันที  ไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวติดและตอบโต้เธอได้
    “  อ้อ....ขอแนะนำอย่างสุดท้ายนะคะ  ของของใครก็ควรดูแลให้ดีไม่ให้มายุ่งกับคนอื่น  ถ้าตัวคุณไม่ชอบ  เพราะ  คนอื่นคงไม่สามารถไปห้ามเขาได้หรอกค่ะ  ก่อนที่จะมาระรานกัน  ควรคุยกันเองเป็นการภายในก่อนจะดีกว่า  ไอ้การที่คุณมาพูดอย่างนี้มันบ่งบอกอะไรได้หลายอย่างเลยรู้มั้ย.......ความสัมพันธ์ของคุณทั้ง 2 คน..... “
    มรกตเดินออกมาจากสมรภูมิรบด้วยความองอาจอย่างผู้ชนะ ปล่อยให้อีกฝ่ายยืนหน้าซีด ตัวสั่นไปด้วยความโกรธ  ถึงท่าทีที่จะแสดงออกไปอย่างนั้นแต่ใครจะรู้ว่าเธอจะหมดแรงเดินอยู่แล้วในตอนนี้
  โมโห....โกรธ....โกรธจนให้ยืนนิ่งเฉยรักษาสมดุลไม่ไหว  โกรธ.....จนลมออกหู......ยัยผู้หญิงคนนั้นมีสิทธิ์อะไรมายืนว่าเธออย่างนั้น.......รวิกร....นายคือต้นเหตุ.....นายคือสาเหตุ.....ที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้   
                พอเดินมาถึงหอสมุดกลาง  มรกตก็หมดแรงเสียดื้อ  ทรุดตัวนั่งลงที่โต๊ะอย่างหมดแรง........  ในหัวหมุนเหตุการณ์ต่างๆตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้จักกันจนถึงเดี๋ยวนี้มาเข้ามา  โกรธ....โกรธมาก.....  โกรธมาก....จนไม่แน่ใจว่า....โกรธผู้หญิงคนนั้นที่มาระรานเธอ....ทำให้เสียศักดิ์ศรี......หรือ โกรธตัวเองกันแน่......ที่หลงละเมอ.....เพ้อไปเอง.......กันแน่........
เพียงแค่สบตาฉันก็เข้าใจ อะไรที่เธอคิดอยู่
คิดเหมือนกับเธอฉันถึงได้รู้ ว่าเธอชอบกัน....ชอบกัน
เธอบอกซ้ำๆ ทุกวันทุกวัน บอกด้วยสายตาที่มอง
    ทำเป็นสบตาเหมือนไม่เข้าใจ เมื่อเธอมีใครคบอยู่
ผู้หญิงด้วยกันฉันนั้นก็พอรู้ ต้องเจ็บเท่าไรเท่าไร
ถ้าเธอทิ้งเขา....ไม่เอากลั้นใจ.... มาทีหลังช่างมันเถอะ .....บอกเธอในใจเบาๆ
รักนะแต่ไม่แสดงออก ไม่ให้รู้หรอก แอบรู้สึกในใจ
ฝืนทำในสิ่งที่ยากจริงๆ สวนทางหัวใจ
รักนะแต่ไม่ต้องการบอก ไม่จำเป็นหรอก เก็บคำพูดนี้ไว้
ถ้าเธอนั้นอยากได้ยินเมื่อไหร่ ก็มีเขาคอยพูดให้ฟังอยู่แล้ว
เธอมีเจ้าของนึกไว้อย่างนี้ กี่วันที่เราพบเจอ
ใจก็ร่ำร้องลึกๆก็พล่ำเพ้อ แต่เจ็บเท่าไรเท่าไร
จะทนเฉยชาน้ำตากลั้นไป มาทีหลังช่างมันเถอะ บอกเธอในใจเบาๆ
รักนะแต่ไม่แสดงออก ไม่ให้รู้หรอก แอบรู้สึกในใจ
ฝืนทำในสิ่งที่ยากจริงๆ สวนทางหัวใจ
รักนะแต่ไม่ต้องการบอก ไม่จำเป็นหรอก เก็บคำพูดนี้ไว้
ถ้าเธอนั้นอยากได้ยินเมื่อไหร่ ก็มีเขาคอยพูดให้ฟังอยู่แล้ว
ต้องเจ็บเท่าไรเท่าไร ถ้าเธอทิ้งเขาไม่เอากลั้นใจ
มาทีหลังช่างมันเถอะ บอกเธอในใจเบาๆ
รักนะแต่ไม่แสดงออก ไม่ให้รู้หรอก แอบรู้สึกในใจ
ฝืนทำในสิ่งที่ยากจริงๆ สวนทางหัวใจ
รักนะแต่ไม่ต้องการบอก ไม่จำเป็นหรอก เก็บคำพูดนี้ไว้
ถ้าเธอนั้นอยากได้ยินเมื่อไหร่ ก็มีเขาคอยพูดให้ฟังอยู่แล้ว *
( รักนะแต่ไม่แสดงออก  girly  berry ) 
        คิดถึงวันนั้นทีไร....ก็รู้สึกแย่ทุกที.......หลังจากวันนั้น.....เธอก็เลยตั้งป้อม.......ที่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าเพื่ออะไร......
        ป้องกันเหตุการณ์อย่างวันนั้น.....หรือว่า....ป้องกันความรู้สึกในใจของตัวเองกันแน่..........ไม่เข้าใจ.......
__________________________________________________
จาก deering_prongy
  นั่งพิมพ์ด้วยความมันค่ะตอนนี้.....^O^  หวังว่าทุกคนคงมันไปด้วยนะคะ......ยาวสุดๆเป็นการชดเชยของตอนที่แล้วที่สั้นมากๆ  อ่านแล้วช่วยโหวต ช่วยเม้นด้วยนะคะ......ขอบคุณค้า  ^  U  ^
.
    อาจารย์ที่ปรึกษาและรุ่นพี่ที่เป็นประธานนักเรียน ..เข้ามาเกริ่นเรื่องงานนิทรรศการที่แต่ละคณะต้องออกร้านขายของและจัดกิจกรรมต่างๆของคณะ      ปี 1 ได้รับมอบหมายให้ออกร้านอะไรก็ได้  นั่นทำให้บรรดานักศึกษาทั้งหลายต้องมารวมตัวกันที่ห้องเรียนในเย็นวันนี้
    ไอริณยืนอยู่หน้าชั้นเป็นคนดำเนินการ ตามนิสัยชอบเผด็จการ  “เอาล่ะ .อย่างน้อยเราก็ควรเลือกคนที่จะมาเป็นหัวหน้า  มาคอยติดต่อประสานงานกับรุ่นพี่  เพื่อนๆว่าใครควรจะเป็น  เขียนโหวตใส่กระดาษนะ แล้วเราจะมานับคะแนนกัน “  ด้วยความรวดเร็ว  กระดาษโหวตของเพื่อนทุกคนวางอยู่หน้าโพเดียมเป็นที่เรียบร้อย  ไอริณหยิบกระดาษขึ้นมาใบแรกขานชื่อ .ก็เล่นเอาเจ้าของสะดุ้งสุดตัวเลยทีเดียว
    “มรกต “
   
    แม่เจ้า โอ้ย ข้าพเจ้าปวดกบาล = = อะไรกันนักกันหนา อุตส่าห์อยู่เงียบๆ  ไม่วุ่นวายกับใครแล้วนะ.....มรกตคงไม่ปวดหัวขั้นรุนแรงขึ้นไปอีก  ถ้าดันไม่ได้ยินว่าอีกชื่อเป็นใคร
               
                “ รวิกร “
   
                  โอ้พระเจ้าจอร์จมันยอดมาก!!! อะไรจะพาให้แย่เท่านี้มีอีกมั้ย . มรกตคิดอย่าประชดประชันกรอกตาขึ้นฟ้าทำหน้าเบื่อหน่ายสุดๆ    แย่ๆๆๆๆๆๆ แย่ที่สุดในโลกเลย  หวังว่าคงไม่มีอะไรเลวร้ายและแสนแย่ไปกว่านี้หรอกนะ!!! 
    แต่ดูเหมือนอะไรๆจะไม่เป็นใจช่วยเหลือเลยสักกะนิดนึง เมื่อคะแนนของทั้ง 2 คนเท่ากันพอดี  แม่คนเจ้ากี้เจ้าการเลยจัดการเผด็จการอีกตามเคย 
    “ในเมื่อคะแนนเท่า เอางี้แล้วกัน ช่วยดันไป 2 คนเลยแล้วกันนะ  ตกลงตามนี้นะ “  ว่าพลางหันไปพยักเพยิดกับบรรดาเพื่อนคนอื่นๆ  แล้วหันมาจ้องทั้ง 2 คนแกมบังคับตกลง  แต่ อย่างว่าแหละ คนอย่างมรกต เคยยอมใครง่ายๆเสียที่ไหน!!! .
   
            “ เอางี้แล้วกัน ให้รวิกรเป็นแล้วกัน .เพราะผู้ชายคงทำงานด้านพวกใช้แรง คุมคน ได้ดีกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว “ 
              มรกตว่าหน้าตายสนิท  ลองเป็นที่โรงเรียนเก่าสิ โห้ย ถ้าพูดออกไปอย่างนี้ คงโดยโห่ไล่เป็นแน่แท้ เพราะอะไรน่ะเหรอ .ก็เพราะแม่คุณคุมงานเองหมดน่ะสิ .หมดจริงๆไม่ว่าจะงานผู้หญิง หรืองานผู้ชายอย่างโครงงานวิทยาศาสตร์ทำหุ่นยนต์หรืออะไรก็เถอะ .แม่คุณเธอทำได้หมดอยู่แล้ว ดีไม่ดี เธอสามารถทำได้ดีกว่าผู้ชายบางคนเสียอีก ..แต่อย่างว่านะ...ที่นี่ไม่ใช่ที่โรงเรียนเก่าเสียหน่อย.....แล้วไอ้นิสัยเดิมๆเธอก็ไม่คิดจะเอามาใช้หรอก..โดยพาะ...เหตุการณ์ในตอนนี้  อุตส่าห์สร้างภาพลักษณ์ใหม่....แล้วเรื่องอะไรที่จะต้องตอบตกลงรับทำงานด้วย  โดยเฉพาะผู้ร่วมงานคือ  รวิกร    แต่ดูเหมือนไอริณยังไม่ละความพยายาม
    “ แต่เราว่าเป็นด้วยกัน 2 คนน่ะดีแล้ว  มีอะไรก็จะได้ช่วยกันคิดช่วยกันค้านไง  จริงอยู่ที่ผู้ชายถนัดทำงานพวกใช้แรงและก็คุมคน  แต่ผู้หญิงก็ถนัดเรื่องความละเลียดรอบคอบ  ช่วยกันน่ะแหละดีที่สุด “  นี้คือเหตุผลของแม่ดาวคณะ .ที่มรกตคิดอยากจะหักคอเพื่อนเล่นอยู่เดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ อะไรกันแม่คนนี้แทนที่จะช่วยเพื่อน ดูสิดู .กลับผลักไสให้เธอเหวอีก
    ท่าทีที่ดูนิ่งๆอยู่ภายนอกก็จริงแต่รวิกรรู้ดีว่าทำไมถึงได้ปฏิเสธยิกๆอย่างนี้   คงไม่อยากทำงานกับเขา สินะ .หึ .ก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วนี่ .ว่าเขาคงเป็นคนสุดท้ายในโลก อ๋อ ไม่สิ รองสุดท้าย .ที่เธอยากจะทำงานด้วย         แต่ในที่สุด มรกตก็ยอมแพ้ .เออๆๆ .ทำก็ได้ว่ะ .   ได้แต่คิดอย่างหงุดหงิด  สุดท้ายมรกตก็พยักหน้าอย่างหงุดหงิด
    “เออๆๆๆ ก็ได้ . ฉันทำก็ได้ .”
    เพื่อนทั้งห้องที่นั่งกันเพียบเต็มห้อง ทำท่าเหมือนจะกระโดดร้องไชโยให้ตัวลอย  เช่นเดียวกับแม่คนเจ้ากี้เจ้าการที่ยืนอยู่หน้าห้อง .ที่แอบกลั้นยิ้มจนแก้มจะปริอยู่แล้ว  ใครจะรู้ว่า  ที่ผลคะแนนออกมาเท่ากันแบบนี้ .อิอิ .เป็นเพราะเธอเป็นล็อคเอาไว้แล้ว ..ใครจะรู้เล่าว่า ..ยามเมื่อสาวสวยอย่างไอริณ คิดจะแปลงร่างเป็นอสุรกายยักษิณีที่แสนจะเอาแต่ใจและสุดจะเผด็จการขึ้นมา เคี้ยก .น่ากลัวสุดๆ ..ทุกคนที่ได้รับการขู่กรรโชก ก็รู้สึกหายใจทั่วห้องขึ้นมาพร้อมๆกัน .ยิ่งนาน...ยิ่งสนิท ยิ่งรู้สึกผิด .ที่คิดว่าแม่นี้ .สวยและเรียบร้อย (แบบหน้าตา ) .ถึงขนาดเลือกให้เป็นดาวคณะ .จนถึงตอนนี้ รู้สึกอยากจะกลับใจขึ้นมาทุกๆ 2 วินาที...เฮ้อ.....คงจริงสินะที่ว่าอย่าดูคนแต่ภายนอก....
    หลังจากนั้นก็มีการประชุมต่ออีกเล็กน้อยก็แยกย้ายกันกลับบ้าน  มรกตเดินไปที่หอสมุดกลางด้วยความหงุดหงิด ดูท่าทางเหมือนการโหวตมันแปลกๆ  แต่จะไปทักท้วงอะไรให้มันยิ่งดูน่าสงสัยทำไม  เฉยๆไปเสียยังจะดีกว่า  ยิ่งพูดมากก็ยิ่งมากความ  แค่ทำงานด้วยกัน . แค่นั้นเอง ..ไม่เห็นต้องกลัวอะไร
    มรกตและคิมหันต์วนรถไปรับพีระนันท์ที่สนามเทนนิส  ด้วยแม่คุณเธอกลับมาทำงานให้อย่างเก่าและดูจะสนุกเอามากๆเสียด้วย  ตั้งแต่ได้คู่ปรับมหากาฬมาเป็นเพื่อน  สนามเทนนอสก็ดูเป็นสถานที่ที่อยากจะมามากกว่าเมื่อก่อนที่จำใจมาเพื่อไม่ให้เสียฟอร์ม
    “เออ .งานนิทรรศการน่ะ คณะกตกับคิมทำอะไรกันเหรอ “  พีระนันท์ถามขึ้นทันที
    “ของเราเห็นรุ่นพี่บอกว่าจะคิดมาให้นะ  ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ “ คิมหันต์ว่าพลางยื่นขนมมาให้ แต่พีระนันท์กับมรกตปฏิเสธ “แล้วของกตล่ะ “
    “รุ่นพี่เขาให้ออกร้านอะไรก็ได้น่ะ  ให้คิดเอง  วันนี้พึ่งจะเลือกหัวหน้างานไปหมาดๆ “  มรกตว่าอย่างเซ็งๆ
    “ใครเป็นเหรอหัวหน้างานคราวนี้ ได้เกิดแน่ๆเลย “
   
                “ เราไง “
   
   
                “หา!!!!@ “
   
                มรกตอยากเอามือขึ้นมาอุดหูแต่ตอนนี้มันจำเป็นที่จะต้องถือพวงมาลัยรถอยู่  เลยได้แต่ทำหน้าเบ้ด้วยเสียงเพื่อนดังเหลือเกิน
   
                “ไหนบอกว่าเข้ามหาลัยแล้วไม่รับเป็นแม่งานใหญ่ๆไง “  พีระนันท์มองด้วยสายตารู้ทัน      ด้วยรู้นิสัยเพื่อนดีว่าชอบทำงานประเภทนี้แค่ไหน  ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาจนถึงปัจจุบัน  มรกตถนัดทำงานเป็นหัวหน้ามากที่สุดหรือไม่ก็เป็นเพราะเธอไม่ค่อยได้เห็นเพื่อนในมาดของผู้ตามที่ดี  เพราะบางทีถ้าผู้นำไม่ได้ดั่งใจ  แม่คุณก็โค่นล้มเอาจนได้ ..เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่เวลานัดไปไหนมาไหนหรือจะทำงานอะไร  มรกตมักได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนๆให้เป็นหัวหน้าสมอ
   
   
                “ ก็จะเลิกไง  ตั้งแต่เปิดมาก็อุตส่าห์อยู่เฉยๆนิ่งๆแล้วนะ  แต่เราไม่ได้เป็นคนเดียวหรอก เป็นกับรวิกรน่ะ คนที่คราวก่อนมาห้ามมวยไง  จำกันได้มั้ย ?  พอดีคะแนนมันเท่ากัน  ก็เลยตกลงกันว่าช่วยงานกัน 2 คน “ 
   
                    คิมหันต์เลิกคิ้วมองหน้าเพื่อนส่วนพีระนันท์ขมวดคิ้วฉับทันทีที่ได้ยินชื่อนี้  ไม่รู้เพราะอะไรรู้แต่ว่าไม่ชอบ  อาจจะดูเหมือนไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่ .แต่มันบอกไม่ถูกรู้แต่ว่าหมดนี้ดับเธอไม่ถูกฉะตากันเสียเลย
“  แล้วยังมีปัญหากันอยู่หรือเปล่าล่ะ ..”  คิมหันต์ยิงคำถามตรงจุดอีกตามเคย
“ มี เรื่องใหญ่ด้วยแหละเราเลยเซ็งไง  ที่ต้องทำงานด้วยให้ตายเถอะ น่าเบื่อชะมัด !!!“
“ มีปัญหาเรื่องอะไรเหรอ  ตั้งแต่คราวก่อนโน้นหรือเปล่า “  คิมหันตเอียงคอมองหน้า
“ อืม ปัญหาระยะยาวน่ะ ยาวไม่พอยังเรื่องใหญ่อีก . “  มรกตเปรยแค่นั้น แต่เพื่อนๆก็กระเถิบเข้ามายื่นหน้าอย่างตั้งใจฟัง  มรกตค่อยๆเริ่มเรื่อง“ ก็คือ..เรามีปัญหากับแฟนเขาน่ะ “  บรรยากาศในรถเงียบลงทันที  พร้อมๆกับที่ความอึดอัดค่อยๆขยายตัวออกจนรู้สึกได้
“ เขามีแฟนแล้วเหรอ ..นายรวิกรอะไรนั่นน่ะ “  พีระนันท์เอ่ยเสียงเรียบ
“ ช่าย แกแอบปิ๊งเขาเหรอ?  ไม่ไหวว่ะ ไม่ไหว แฟนแมร่งหึงสุดๆ  หึงจนน่ารำคาญ  น่ารำคาญมากๆเสียด้วย “  มรกตพูดเหมือนล้อเล่นแต่ใครจะรู้ว่าไอ้ที่เธอรำคาญน่ะ มันอะไรกับแน่  พีระนันท์ทำหน้ายุ่ง
“ฉันเนี้ยนะ!!!  โอ้ย .แม่อยากจะบ้า !!! “  พร้อมทำท่าทางประกอบเล่นเอาเพื่อนๆหัวเราะเฮครื้นกันออกมา  “อย่านอกเรื่องนะแก ..เล่าๆๆมาให้มันหมดๆ เผื่อต้องยกพวก ฉันจะได้ไปบอกที่คณะทันไง “
“ ไม่ต้องหรอกน่า .เล่าต่อนะ .แฟนซันน่ะ ชื่อ พิณ .พิณจันทร์  เขาคงคบกันตั้งแต่ก่อนเข้ามหาลัยมั้ง  อันนี้ก็ไม่รู้หรอกนะ  ขี้เกียจจะถาม  แล้ว she ขี้หึงมากๆ  แล้วมันก็ดับซวยที่เราพอดี  ที่ดันไปสนิทด้วย  แรกๆก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย  พึ่งมาหลังๆเนี้ย  ชักหนักข้อขึ้น  แม่คุณยกพวกมาขู่ ประมาณอย่างยุ่งกับพระสวามีฉันนะ ฟังภาษาคนน่ะรู้เรื่องมั้ยย่ะ    ถ้ายังไม่หยุดการกระทำนี้ล่ะก็ ..มีเรื่องแน่ๆ “
          มรกตนึกไปถึงวันนั้นวันที่เธอ รู้สึก .เหมือนขามันจะหมดแรงไปเสียเฉยๆ ไม่ใช่เพราะกลัวบรรดาสาวๆทั้งที่แท้แล้วไม่แท้ที่พิณจันทร์พกมาด้วย  แต่เพราะคำพูดในวันนั้น  ..เหมือนโดนตบหน้าแล้วราดด้วยน้ำเย็นไม่มีผิด
        “ มรกตใช่มั้ย “
          น้ำเสียงน่ารักๆ  มรกตเงยหน้ามองคนพูดก็เป็นสาวน้อยหน้าตาน่ารักๆตัวเล็กกว่าเธอนิดหน่อย  แต่ข้างหลังนี่สิ  พาเพื่อนมาอีกเป็น 10  ดักเธอกลางทางเดินไปหอสมุดกลาง  มรกตเพียงแต่มองหน้าแต่ในความรู้สึก .หาเรื่องกันนี่นา .
      “ เธอเป็นอะไรกับรวิกรน่ะ “  มรกตเลิกคิ้วขึ้น
        “ เป็นเพื่อน “  บรรดาสาวเทียมทั้งหลายทำหน้าตาดูถูก “เพื่อนเหรอ เพื่อนที่ไหนเขานั่งออเซอะกันทุกวันย่ะหล่อน  แม่ชะนีตัวน้อยๆ “ พร้อมกับเสียงหัวเราะเยอะเย้ยของบรรดานังกระเทยตัวเท่าควายทั้งหลายมรายืนกันหน้าสะหลอน
“ ฉันมาเตือนเธอนะ .อย่ายุ่งกับซันอีก ..อ้อ ฉันชื่อพิณจันทร์ ..เป็นแฟนของซัน ..ดูปากฉันนะ เป็นแฟน  ไม่ใช่เพื่อนสนิท  จำไว้  . ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับเขา โดยเฉพาะเธอ  !!! “
            มรกตได้แต่นับ 1 10 ในใจอย่างสะกดอารมณ์   อย่ามีเรื่อง อย่ามีเรื่อง .อย่าอยากยกมือขึ้นฟาดไปบนหน้าน่ารักๆนั่น .อย่าเชียวนะ อย่า .. อดทนไว้ ..อดทน เย็นไว้ก่อน .เย็นไว้ ..
          “อะไรกันนังนี่ .หน้าด้านจริง นอกจากคำว่าเป็นเพื่อนเนี้ย พูดคำอื่นไม่เป็นแล้วใช่มั้ยย่ะ . คงพูดเป็นอยู่คำเดียวล่ะสิ .เอาไว้แก้ตัวไง เวลาใครมาถามว่า แย่งแฟนคนอื่นหรือปล่าวน่ะ “ นังกระเทยควายตัวหนึ่งพูดขึ้นมาแล้วที่เหลือก็ทำเป็นลูกคู่หัวร่อต่อกระซิกแบบมีจริต ..ที่น่าโดนตบเป็นที่สุด . 
      มรกตหน้าชา แม่เจ้า ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครมาว่าเรื่องนี้กับเธอและรุนแรงเท่านี้ . ว่าเธอแรงเกินไปแล้วนะ
        “ ว่าไง จะต้องให้พูดซ้ำไหม .หรือควรแนะนำดี ทำอย่างไรที่จะไม่ต้องยุ่งกับแฟนของชาวบ้านเขา . “ ในที่สุดมรกตก็คิดว่าควรแก่การตอบโต้เสียที  หน้าตาน่ารักๆนั่น ไม่ได้บอกไปถึงสิ่งที่อยู่ภายในเลย .แต่คำพูดที่เหมือนหลุดออกมาจากสวนสัตว์ขนาดใหญ่นั่นก็พอแล้วที่จะบอกสันดานของยัยหน้าสาวแล้วว่า
\"สวยแต่เปลือก\"
    “ ฉันคิดว่าคุณมาพูดผิดคนแล้วล่ะค่ะ อ่อ ต้องขอแก้ข่าวก่อนนะ ว่าฉันไม่ได้พูดเป็นคำเดียวค่ะ เพียงแต่คิดว่ากับพวกครึ่งๆกลางๆเนี้ย .มีญาติผู้ใหญ่เคยสอนไว้ว่าไม่ควรเสวนาด้วย ยิ่งพวกไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองมี และพวกชอบระรานคนอื่น  ไม่สมควรที่จะให้ความสุภาพ ผู้ดี  เพราะมันไม่คู่ควร  แถมมีข้อสังเกตให้ด้วยนะคะว่า    คนประเภทนี้  มักจะต้องไปไหนมาไหนเป็นกลุ่มใหญ่ๆเข้าไว้  เพราะถ้ามีเรื่องอะไรขึ้นมาแล้ว จะเอาตัวเองไม่รอด ไปไหนมาไหนเลยต้องเป็นกลุ่ม .โอ๋ ไม่สิ .ฝูงต่างหาก “  แล้วยิ้ม . ยิ้มแบบนิ่มนวลตามแบบฉบับ  แต่ไอ้คำพูดที่หลุดออกมาแต่ละพยางค์นั้นเลยทำเอาคนฟังหน้าซีด...ด้วยความโกรธ 
    มรกตไม่ได้หยุดความร้ายไว้ที่แค่นั้นเธอหันมาที่พิณจันทร์ที่ยืนอยู่ข้างหน้าเธอด้วยสีหน้าอมยิ้ม  แล้วปล่อยวาจาเผ็ดร้อนใส่อีกชุดใหญ่  ให้สมกับที่อดกลั้นยืนหน้าชามานาน
            “ ส่วนคุณ....พิณจันทร์...  ฉันคิดว่าควรจะบอกไว้เลยนะคะ  ฉันไม่ได้สนใจแฟนคุณอย่างที่คุณกำลังคิด  ผู้ชายมีตำหนิ  อุ๊ย!! มีเจ้าของเนี้ย  ถือเป็นของร้อนค่ะ  ฉันไม่ชอบยุ่งด้วยอยู่แล้ว  ขอให้สบายใจได้เลย  ที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อนกัน  แต่ถ้าเกิดทำให้คุณเข้าใจผิด หลงคิดว่าแฟนคุณเป็นคนหล่อลากหรือว่าคุณสมบัติแสนดีเลิศถึงขนาดที่จะต้องลดตัวลงไปแย่งชิงล่ะก็....ขอให้คิดใหม่เสียนะคะ  เพราะคุณกำลังคิดผิดอย่างรุนแรงร้ายกาจเลยล่ะค่ะ  “ มรกตยังคงตบท้ายด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิมแล้วใส่ชุด 2 ต่อทันที  ไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวติดและตอบโต้เธอได้
    “  อ้อ....ขอแนะนำอย่างสุดท้ายนะคะ  ของของใครก็ควรดูแลให้ดีไม่ให้มายุ่งกับคนอื่น  ถ้าตัวคุณไม่ชอบ  เพราะ  คนอื่นคงไม่สามารถไปห้ามเขาได้หรอกค่ะ  ก่อนที่จะมาระรานกัน  ควรคุยกันเองเป็นการภายในก่อนจะดีกว่า  ไอ้การที่คุณมาพูดอย่างนี้มันบ่งบอกอะไรได้หลายอย่างเลยรู้มั้ย.......ความสัมพันธ์ของคุณทั้ง 2 คน..... “
    มรกตเดินออกมาจากสมรภูมิรบด้วยความองอาจอย่างผู้ชนะ ปล่อยให้อีกฝ่ายยืนหน้าซีด ตัวสั่นไปด้วยความโกรธ  ถึงท่าทีที่จะแสดงออกไปอย่างนั้นแต่ใครจะรู้ว่าเธอจะหมดแรงเดินอยู่แล้วในตอนนี้
  โมโห....โกรธ....โกรธจนให้ยืนนิ่งเฉยรักษาสมดุลไม่ไหว  โกรธ.....จนลมออกหู......ยัยผู้หญิงคนนั้นมีสิทธิ์อะไรมายืนว่าเธออย่างนั้น.......รวิกร....นายคือต้นเหตุ.....นายคือสาเหตุ.....ที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้   
                พอเดินมาถึงหอสมุดกลาง  มรกตก็หมดแรงเสียดื้อ  ทรุดตัวนั่งลงที่โต๊ะอย่างหมดแรง........  ในหัวหมุนเหตุการณ์ต่างๆตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้จักกันจนถึงเดี๋ยวนี้มาเข้ามา  โกรธ....โกรธมาก.....  โกรธมาก....จนไม่แน่ใจว่า....โกรธผู้หญิงคนนั้นที่มาระรานเธอ....ทำให้เสียศักดิ์ศรี......หรือ โกรธตัวเองกันแน่......ที่หลงละเมอ.....เพ้อไปเอง.......กันแน่........
เพียงแค่สบตาฉันก็เข้าใจ อะไรที่เธอคิดอยู่
คิดเหมือนกับเธอฉันถึงได้รู้ ว่าเธอชอบกัน....ชอบกัน
เธอบอกซ้ำๆ ทุกวันทุกวัน บอกด้วยสายตาที่มอง
    ทำเป็นสบตาเหมือนไม่เข้าใจ เมื่อเธอมีใครคบอยู่
ผู้หญิงด้วยกันฉันนั้นก็พอรู้ ต้องเจ็บเท่าไรเท่าไร
ถ้าเธอทิ้งเขา....ไม่เอากลั้นใจ.... มาทีหลังช่างมันเถอะ .....บอกเธอในใจเบาๆ
รักนะแต่ไม่แสดงออก ไม่ให้รู้หรอก แอบรู้สึกในใจ
ฝืนทำในสิ่งที่ยากจริงๆ สวนทางหัวใจ
รักนะแต่ไม่ต้องการบอก ไม่จำเป็นหรอก เก็บคำพูดนี้ไว้
ถ้าเธอนั้นอยากได้ยินเมื่อไหร่ ก็มีเขาคอยพูดให้ฟังอยู่แล้ว
เธอมีเจ้าของนึกไว้อย่างนี้ กี่วันที่เราพบเจอ
ใจก็ร่ำร้องลึกๆก็พล่ำเพ้อ แต่เจ็บเท่าไรเท่าไร
จะทนเฉยชาน้ำตากลั้นไป มาทีหลังช่างมันเถอะ บอกเธอในใจเบาๆ
รักนะแต่ไม่แสดงออก ไม่ให้รู้หรอก แอบรู้สึกในใจ
ฝืนทำในสิ่งที่ยากจริงๆ สวนทางหัวใจ
รักนะแต่ไม่ต้องการบอก ไม่จำเป็นหรอก เก็บคำพูดนี้ไว้
ถ้าเธอนั้นอยากได้ยินเมื่อไหร่ ก็มีเขาคอยพูดให้ฟังอยู่แล้ว
ต้องเจ็บเท่าไรเท่าไร ถ้าเธอทิ้งเขาไม่เอากลั้นใจ
มาทีหลังช่างมันเถอะ บอกเธอในใจเบาๆ
รักนะแต่ไม่แสดงออก ไม่ให้รู้หรอก แอบรู้สึกในใจ
ฝืนทำในสิ่งที่ยากจริงๆ สวนทางหัวใจ
รักนะแต่ไม่ต้องการบอก ไม่จำเป็นหรอก เก็บคำพูดนี้ไว้
ถ้าเธอนั้นอยากได้ยินเมื่อไหร่ ก็มีเขาคอยพูดให้ฟังอยู่แล้ว *
( รักนะแต่ไม่แสดงออก  girly  berry ) 
        คิดถึงวันนั้นทีไร....ก็รู้สึกแย่ทุกที.......หลังจากวันนั้น.....เธอก็เลยตั้งป้อม.......ที่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าเพื่ออะไร......
        ป้องกันเหตุการณ์อย่างวันนั้น.....หรือว่า....ป้องกันความรู้สึกในใจของตัวเองกันแน่..........ไม่เข้าใจ.......
__________________________________________________
จาก deering_prongy
  นั่งพิมพ์ด้วยความมันค่ะตอนนี้.....^O^  หวังว่าทุกคนคงมันไปด้วยนะคะ......ยาวสุดๆเป็นการชดเชยของตอนที่แล้วที่สั้นมากๆ  อ่านแล้วช่วยโหวต ช่วยเม้นด้วยนะคะ......ขอบคุณค้า  ^  U  ^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น