ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Friend Ship บันทึกรักเพื่อนเลิฟ

    ลำดับตอนที่ #7 : สงครามเย็น....

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 48


    The  Friends  Ship  =O_O=



    ………….

    ………………………





        รวิกรไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เขาสับสน  เหนื่อยและล้าเกินไป ….. ทำไมเขาถึงได้เป็นคนแบบนี้…..เห็นแก่ตัวและเลวร้าย  อย่างไม่น่าให้อภัย…



    วิรัติมองเพื่อนด้วยความเป็นห่วง  เห็นมันนั่งคอตกมองมือถือแล้วอดไม่ได้

        

        

                  “ เห้ย …เป็นไรว่ะ… เห็นแกนั่งคอตก อยู่นานแล้ว   มีอะไรบอกได้นะเว้ย   ยังไงเราก็เพื่อนกัน “  วริกรมองเพื่อนที่มองเขากลับด้วยความเป็นห่วง  “  ถ้าฉันบอกแก…แกต้องอยากต่อยฉันเลยว่ะ….. “  วิรัติมองเพื่อนงง  “ ไอ้นี้นี่….ยังไม่ทันได้เล่าก็จะชวนฉันต่อยแล้วเหรอว่ะ…. “



        

                   “ ฉันมันคงเห็นแก่ตัว… “  รวิกรพิงกำแพงห้องอย่างเหนื่อยๆ วิรัติหรี่ตามองเพื่อน  “ถ้าจะให้เดานะ….เรื่องพิณใช่ม่า “ แล้วทรุดลงนั่งข้างๆเพื่อน

        



                    “ หือ….เขาไปพูดกับมรกตว่าอย่ามายุ่งกับฉัน  ถ้าไม่อยากมีเรื่อง  หวังว่ากตเขาจะฟังภาษาคนรู้เรื่องประมาณเนี้ย   กตเขาก็เลยหลบเราสนองความต้องการเพราะเขาไม่อยากให้ใครว่าตราหน้าว่าเขาเป็นผู้หญิงหน้าด้าน  พอวันนี้ฉันไปเคลียร์ก็เลยเกิดการปะทะกันนิดหน่อยน่ะ  “  



                

                      วิรัติกลืนน้ำลายลงคอ ด้วยรู้ดีว่ามรกตเป็นคนยังไง  ถึงจะอยู่กันคนละคณะก็เถอะ  แต่เท่าที่รู้จักกัน  ได้พูดคุยกัน  ก็รู้ๆดีอยู่ว่า  เจ้าหล่อนนะของแรงขนาดไหน  เอาเรื่องอยู่  ถึงจะซ่อนเอาไว้ในท่าทางเรียบๆเฉยๆ บุคลิกที่ดูนิ่งๆ เย็นๆ เป็นมิตรก็เถอะ   แล้วก็เชื่อได้เลยว่า  ไอ้ที่นิดๆหน่อยๆที่รูมเมตเขาพูดอยู่ปาวๆมันคงไม่นิดแน่ๆ  ไม่งั้นคงไม่มานั่งเครียด  คอตก  กุมมือถือ แบบนี้แน่ๆ  





    “ เรื่องมันชักจะไม่เล็กแล้วนะ   มรกตฟิวส์ขาดแบบนี้  ดูท่าทางใจเย็นออก “  รวิกรมองหน้าเพื่อนแวบหนึ่งก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา

    “ ใจเย็นกะผีอะไรเล่า    วันนี้เราพึ่งไปห้ามมวยมาเอง  แม่คุณไปลุยกับนภกานต์น่ะ…ที่เป็นนักกีฬามหาลัยมาหยกๆ  ซัดกันชนิดไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรมเลยเหมือนหมากัดกัน “





    “แล้วนายจะเอาไงอ่ะ   เพราะเท่าที่ฟังเนี้ยมรกตไม่โกหกแน่ๆ   ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำแบบนั้นด้วยแต่พิณน่ะ มีแน่ๆ “





    “เขามีเหตุผลอะไร….ทำแบบนี้…มันไม่ได้ทำให้อะไรๆดีขึ้นเลยนะ “





    “ก็….เขาหวง….เขาไม่ปล่อยแกไง…..เขาก็เลยหึง…ที่ตอนนี้ผู้หญิงที่ใกล้ชิดแกเป็นมรกต  ไม่ใช่เขาอย่างเมื่อก่อน แล้วแกเอง….ก็ไม่ทำอะไรให้มันชัดเจนด้วย….โอ้ย…หมั่นไส้ว่ะ….หมั่นไส้คนหน้าตาดี  มีแต่สาวๆมารุมล้อม    โว้ย…อิจฉา  “ วิรัติตบหลังเพื่อนเป็นเชิงหยอกล้อ   แต่รวิกรไม่รู้สึกขำไปด้วยเลยสักนิดเดียว





    “ เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว…ดีอะไรล่ะ….ฉันควรทำยังไงดี….. “  วิรัติชำเลืองมองเพื่อนที่อาการยังคงไม่ดีเหมือนเดิมด้วยอาการอ่อนใจ  น่าสงสาร ….คนที่ไม่มีใจให้…ก็รัดแน่นหนาเหลือเกิน….คนที่มันให้ใจ…ก็กลับไม่แม้แต่จะชายตา…..  





    “แกอ่ะ…ควรทำอะไรๆให้มันชัดเจน   ปล่อยให้มันค้างๆคาๆ   ไม่ไปทางไหนสักที  จะเลิกก็ไม่เลิก  จะจีบก็ไม่จีบ  นิสัยแกน่ะ…..มันมีจุดบอดก็ตรงนี้แหละ  แกน่ะมันขี้สงสาร  แล้วพิณก็เลยเอาข้อนี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์  บีบน้ำตานิดๆ…ออเซอะออดอ้อนเข้าไปอีกหน่อย..พูดถึงอดีต..ย้อนความหลังเมื่อเก่าก่อน…กับจริตมารยาเขาไป….สุดท้าย…..แกก็ไม่กล้าลงมือ….”



    วิรัติพูดหน้าตาย…   .ไม่เกรงใจมันหรอก…..ด่ามัน….เผื่อจะได้รู้ว่าควรจะทำยังไงดี……





                  จริง……จริงตามที่มันพูดทุกอย่าง…เมื่อไหร่ก็ตาม…ที่เขากับพิณจันทร์ทะเลาะกันจนเหมือนจะต้องแตกหักกันไปข้างนึง….เธอก็มักจะเอาเรื่องอดีตเก่าๆ  และ…..น้ำตา…ผสมกับ



    “ พิณรักซันนะ…รัก…รักมากที่สุด….ที่พิณทำไป…ก็เพราะรัก….รักจน….ทนไม่ได้ถ้าต้องเสียซันไป….”  



                    เขาจะไปต่อกรกับเธอยังไง…มันคนจะจริง….ที่ใครๆบอกว่า…ผู้หญิงเรียบร้อยๆหวานๆ ดูอ่อนแอๆ น่าถนุถนอม….มักจะรับมือยากกว่าผู้หญิงทั่วๆไป    ตอนแรกเขาก็ไม่เชื่อ….แต่ตอนนี้น่ะ….เทใจเห็นด้วยแบบเกิน 100  









                     ท้องฟ้ายามเช้าของวันนี้อึมครึม  เป็นสีหม่น…แถมด้วยหยาดฝนที่ตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย….ตามฤดูกาลอันที่ควรจะเป็น…..   มรกตมาถึงคณะสายกว่าปกติเล็กน้อย  ด้วยสภาพเปียกปอนเล็กน้อย  เพื่อไม่ให้เสียทีที่ว่า  ฤดูฝน…แล้วไม่เปียกฝนได้อย่างไร…..ทันทีที่เปิดประตูเข้าห้องเรียน..เสียงตะโกนทักทายอย่างอบอุ่นก็ยิงใส่ทันทีด้วยความที่รู้จักมักจี่สนิทสนมกันทั้งห้อง….การที่ได้ผ่านอะไรๆมาด้วยกัน…ทำให้สามารถพูดคุยเล่นชวนหัวด้วยรู้จักกันมาอย่างดี….  หลังจากตะโกนทักทายเรียบร้อย  เธอก็ตรงดิ่งไปที่นั่งประจำที่มีอีก 2 สาวนั่งอยู่ก่อนแล้ว



    “  หวัดดีจ้า  วันนี้มาช้าไปนิดนะ “  สาวน้อยรูปร่างบอบบาง  ร้องทักขึ้นทันทีที่เห็นมรกตวางของลงแล้วนั่งลงข้างๆ



                 “นั่นดิ…ดูฉันสิจ๊ะ…วันนี้มาก่อนเธอนะ”  หญิงสาวผมยาวหน้าตาสวยสะคราญที่ทำให้หนุ่มๆหัวใจไหวโยก….ที่ได้สบตา…และพร้อมจะละลายเมื่อเธอโปรยยิ้มให้อย่าง “ ไอริณ” ดาวคณะคนนี้    ถึงแม้หน้าตาจะสะสวยรวยเสน่ห์ยังไงก็ตาม…. บรรดาเพื่อนๆรู้จักเธอดีอยู่…..เธอเป็นจอมบงการ…..จอมเอาแต่ใจ….และไม่ยอมใคร…..โอ้แม่เจ้า…พระเจ้าช่วยกล้วยปิ้ง…..บรรดาหนุ่มๆที่นั่งๆอยู่ต่างนึกปฏิญาณในใจว่า….



    ยังไงๆแม่คนนี้ก็จะเป็นคนสุดท้ายในความคิดเสมอ….





                  “ แหม….คุณหนูไอ….ไม่เป็นไรหรอก….นานๆทีฉันจะมาสายให้เธอได้ย่ำยี…แต่ฉันนี่สิ…ทั้งย่ำทั้งยี….เธอจนเบื่อแล้วรู้มั้ย ? “  มรกตพูดหน้าตายก็จริง….แต่นัยน์ตาวาวๆนั่นสิ….ที่ฉายเจตนาออกมาอย่างชัดเจน…ก่อนที่ 2 สาวจะออกโรงเล่นงิ้วให้เพื่อนๆได้ดูแต่เช้า  คนกลางรีบห้ามทัพอย่างทันเวลา…ที่ทั้ง 2 คนจะล้อเล่นกันแบบรุนแรงอย่างที่เคยๆ





    “นี่ๆๆโตๆกันแล้วนะเล่นอะไรเป็นเด็กๆไปได้แม่ 2 คนนี้นี่ “ ทรายขวัญเอ่ยอย่างปลงๆ  ทั้ง 2 สาวมองหน้ากันด้วยแววตารู้ทัน  ที่เห็นทะเลาะๆกันแบบนี้…ใครจะรู้ว่า 2 คนนี้รักกันจะตายไป  มรกตเป็นฝ่ายถอยทัพก่อน  หันมาหอบประดาษตั้งใหญ่ไปที่หน้าห้อง







    “ โน้ตย่อของทราย  ใครอยากได้กรุณามาพร้อมเงิน 20  ช้าหมดอด!! “





                     อย่างกับใครไปกดสวิต  บรรดาเพื่อนที่นั่งกันอยู่ลุกพรึบกรูไปหน้าห้องด้วยความรวดเร็ว  และเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ  ด้วยความเคยชินกับกฏระเบียบ   เลกเชอร์ของทรายขวัญถือเป็นของล้ำค่าของทุกคน  จนได้รับการยกย่องเป็นมือเลกเชอร์อันดับ 1 ของรุ่น  ด้วยลายมือสวยเป็นระเบียบและเนื้อหาครบถ้วน  ผสมกับนักขายมือฉมังอย่างมรกต  จึงไม่เป็นเรื่องแปลกที่กระดาษตั้งใหญ่นั้นจะขายดีแบบเทน้ำเทท่า

                 ไอริณได้แต่สายหน้าอย่างเอือมๆ ที่เพื่อนเธอหัวใสขนาดนี้…เรื่องเงินๆทองๆเนี้ย ต้องยกให้จริงๆ  แม่คุณเค้าถนัด   แถมคล่องแคล่วว่องไวมากๆ  มาซิ่วเลกเชอร์ทรายไปตอนไหนก็ไม่รู้  สุดยอดจริงๆ ขอแสดวงความนับถือ!!







                  ในระหว่างที่เจ้าแม่นักการขายกำลังวุ่นวายกับการบริหารสินทรัพย์อันเป็นลิขสิทธิ์ของเพื่อนสุดที่รัก  จนไม่ได้สนใจเลยว่ากำลังถูกสายตาบางคู่เฝ้ามองอยู่เงียบๆ  แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นความเร็วของดาวคณะคนสวยไปได้



    “นี่…มีเรื่องอะไรกันเหรอไง…หืม..ซัน…ไอเห็นเธอ 2 คนแปลกๆมาหลายวันแล้วนะ “  ด้วยความปากไวปานลมกรดของสาวหน้าสวยที่ทรายขวัญสะกิดห้ามไม่ทันเอ่ยออกไปอย่างรวดเร็ว



    “ไม่มีนิ” รวิกรใช้ความนิ่งสยบการเคลื่อนไหว…แล้วนั่งลงประจำที่ด้วยท่าทีที่ยังคงความนิ่งได้อย่างคงเส้นคงวา  ไม่มีอะไรหลุดออกมาให้จับได้อีก….







                   ตลอดชั่วโมงการเรียน  มรกตก็ยังคงรักษาดีกรีความเย็นชาและระยะห่างได้อย่างคงที่  เธอสามารถขอตัวออกห่างเขาได้อย่างสวยงาม  ไร้ข้อโต้แย้งใดๆ….แนบเนียน….ไร้ที่ติจริงๆ….. เธอเก่ง….เขายอมรับ….เธอเก่งมาก….เธอสามารถยิ้มหัวเราะร่าเริงได้อย่างปกติเหมือนอย่างทุกๆวัน…แต่ก็สามารถทิ้งระยะและใส่ความเฉยชาใส่เขาได้…หลบหลีกการสนทนากับเขาไปอย่างไร้ที่ติ……อย่างนี้นี่เอง…..    สงครามเย็น   ที่เธอถนัดนัก…..เขาพึ่งจะรู้และเข้าใจ……..ว่าเธอมีความสามารถมากแค่ไหน…ในการเล่นเกมแบบนี้….เข้าใจ…เข้าใจแบบถึงแก่นแท้เลยล่ะ…….







                   สงครามเย็นยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ….และยืดเยื้อ….ยาวนาน…….มรกตใจแข็ง…..ทั้งๆที่เขาเองก็รู้ดีอยู่…ว่าเธอใจแข็ง….คำไหนก็คำนั้น….มีความมานะ อดทน  เธอช่างเลือกคุณสมบัติมาใช้ได้เหมาะสมจริงๆ  





                  มรกตยังคงตั้งป้อมและวางท่าทีเฉยๆใครมาถามก็แก้เกมไป…สนุกดี….สะใจ….ที่ได้เห็นเขาคนนั้นเป็นทุกข์….ในเมือถนัดสร้างความดี….ถนัดหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความหวัง……ก็สมควรแล้ว….ที่จะโดนแบบนี้…..จะได้ไม่มาทำดี….ไม่มาหว่านความหวัง…..ให้ใคร….ต้องหลงละเมอคิดไป…ว่าสักวัน…..จะมีวันที่ได้ยืนข้างๆกัน…..ควรได้รับบทเรียนแบบนี้แหละ…….มันสมควรแล้ว…..จะได้ไม่มายุ่ง….กับความรู้สึกของเธออีก…..



        



          เพียงแค่สบตาฉันก็เข้าใจ อะไรที่เธอคิดอยู่

    คิดเหมือนกับเธอฉันถึงได้รู้ ว่าเธอชอบกันชอบกัน

    เธอบอกซ้ำๆ ทุกวันทุกวัน บอกด้วยสายตาที่มอง



        ทำเป็นสบตาเหมือนไม่เข้าใจ เมื่อเธอมีใครคบอยู่

    ผู้หญิงด้วยกันฉันนั้นก็พอรู้ ต้องเจ็บเท่าไรเท่าไร

    ถ้าเธอทิ้งเขาไม่เอากลั้นใจ มาทีหลังช่างมันเถอะ บอกเธอในใจเบาๆ



    รักนะแต่ไม่แสดงออก ไม่ให้รู้หรอก แอบรู้สึกในใจ

    ฝืนทำในสิ่งที่ยากจริงๆ สวนทางหัวใจ

    รักนะแต่ไม่ต้องการบอก ไม่จำเป็นหรอก เก็บคำพูดนี้ไว้

    ถ้าเธอนั้นอยากได้ยินเมื่อไหร่ ก็มีเขาคอยพูดให้ฟังอยู่แล้ว



    เธอมีเจ้าของนึกไว้อย่างนี้ กี่วันที่เราพบเจอ

    ใจก็ร่ำร้องลึกๆก็พล่ำเพ้อ แต่เจ็บเท่าไรเท่าไร

    จะทนเฉยชาน้ำตากลั้นไป มาทีหลังช่างมันเถอะ บอกเธอในใจเบาๆ



    รักนะแต่ไม่แสดงออก ไม่ให้รู้หรอก แอบรู้สึกในใจ

    ฝืนทำในสิ่งที่ยากจริงๆ สวนทางหัวใจ

    รักนะแต่ไม่ต้องการบอก ไม่จำเป็นหรอก เก็บคำพูดนี้ไว้

    ถ้าเธอนั้นอยากได้ยินเมื่อไหร่ ก็มีเขาคอยพูดให้ฟังอยู่แล้ว



    ต้องเจ็บเท่าไรเท่าไร ถ้าเธอทิ้งเขาไม่เอากลั้นใจ

    มาทีหลังช่างมันเถอะ บอกเธอในใจเบาๆ



    รักนะแต่ไม่แสดงออก ไม่ให้รู้หรอก แอบรู้สึกในใจ

    ฝืนทำในสิ่งที่ยากจริงๆ สวนทางหัวใจ

    รักนะแต่ไม่ต้องการบอก ไม่จำเป็นหรอก เก็บคำพูดนี้ไว้

    ถ้าเธอนั้นอยากได้ยินเมื่อไหร่ ก็มีเขาคอยพูดให้ฟังอยู่แล้ว





    รักนะแต่ไม่แสดงออก   girly  berry



    ------------------------------------------------------------



            ตอนนี้น้อยไปหน่อยขออภัยค่ะ ^^  
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×