ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ช่างไม่รู้เลย
The  Friends  Ship  =O_O=
.
    พีระนันท์กระหืดกระหอบวิ่งมาด้วยความเร็วสูงเนื่องจากได้รับโทรศัพท์แบบ Hot  line  สายด่วนจากคิมหันต์ที่โทรมาบอก
ว่า 
“ตอนนี้กตกำลังมีเรื่อง  นันท์ช่วยมาห้ามที  เราเอาไม่อยู่แล้ว !!! “
  เท่านั้นเอง  เธอก็วิ่งมาแบบชนิดไม่คิดชีวิต  ถึงขนาดคิมหันต์เอาไม่อยู่แสดงว่าเรื่องใหญ่  เพราะในกลุ่ม มรกตจะฟังคิมหันต์มากที่สุด  ถ้า
บอกให้หยุดส่วนมาก (ส่วนมากนะ ส่วนมาก ) ก็จะหยุด  แต่นี่โทรมาเรียกให้เธอไปคงจะเรื่องใหญ่แน่ๆ
                  ทันทีที่ผลักประตูเข้าไปก็เห็นแม่เพื่อนซี้ตัวดีมีผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ตัวสูงๆจับแขนข้างนึงไว้อย่างแน่นหนา (แบบประมาณว่ากลัว
หลุดออกไปขย้ำใครอีก )  กับคนที่เธอไม่อยากเจอมากที่สุดในรอบ 1 อาทิตย์  นั่งตัวเปียกคอตกอยู่ที่พื้น  และไทยมุง (ของชมรม )
ล้อมอยู่    พีระนันท์สาวเท้าเพื่อให้ไปถึงจุดเกิดเหตุ  ก็พอดีกับที่คิมหันต์กำลังจะเริ่มเทศนาสั่งสอนชนิดมหาชาติคำหลวง
“กต  กตรู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป  คิดบ้างหรือเปล่า  ถ้าเกิดมีอาจารย์มาเหตุหรือ คุณคนนี้มาห้ามไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น .”  เมื่อหันไปเห็น
อีกหนึ่งเพื่อนมรกตก็ได้แต่ยิ้มแหย  เพราะคาดว่าเธอคงต้องฟังยาวแน่ๆ  งานนี้   
                พีระนันท์ยืนกอดอกมองสารรูปเพื่อนที่พึ่งไปฟัดกับหมาบ้ามา  แล้วสายตาก็ไปหยุดที่มือใหญ่ๆที่ตอนนี้ยังคงจับแขนเพื่อนเธอ
อย่างแน่นหนาทั้งๆที่เหตุการณ์ก็ดูสงบแล้วด้วยแววตาไม่พอใจ  เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวก็ปล่อยแขนออกอย่างเสียมิได้ พร้อมๆกับที่มรกต
กระตุกแขนออกเมื่อเห็นสายตาของเธอ
    “ แกทำอะไรของแก !! หา!! ฉันถาม  ตอบมาดิ่ “ น้ำเสียงโทนเดียวกับที่มีเรื่องกับนภกานต์เมื่ออาทิตย์ก่อน  ทำให้คนทั้งชมรม
เกิดอาการกลืนน้ำลาย    นัยน์ตาพีระนันท์วาวขึ้นและใช้เสียงที่ดังเกือบเป็นตวาด ใส่มรกตที่ไม่เค้ยไม่เคยโดนเพื่อนตวาดด้วยสีหน้าจริงจัง
และเครียดจัดแบบนี้มาก่อน 
    “แกคิดมั่งมั้ยหา !!! สมองน่ะไม่ได้มีไว้กั้นหูสองข้างนะ  ไอ้คิมน่ะมันตกใจจะแย่  โทรไปเรียกฉันวิ่งข้ามฝั่งมหาลัยมาเนี้ย  คิดมั่งมั้ยว่า
เพื่อนเขาเป็นเดือดเป็นร้อน  แล้วดูสิ!! สารรูปแกตอนนี้  ดูได้ที่ไหนแล้วกลับบ้านไปแม่แกเขาจะว่ายังไง  แล้วถ้าอาจารย์มาเห็นล่ะ  แกคิด
มั้ย ว่ามันจะร้ายแรงแค่ไหน  ถามจริงๆนะ ก่อนแกจะทำน่ะได้ใช้สมองฉลาดๆของแกคิดในสิ่งที่ฉันพูดออกไปสักเสี้ยววิหรือเปล่า ? “
    มรกตเถียงไม่ออกทุกกรณี  เพราะหงะ .มันไม่ได้คิดจริงๆนี่  เถีงออกไปก็ไม่รู้จะตายหรือเปล่า  ถ้าทางมันคงโมโหจัด  ทั้งๆที่
มันออกจะเฉื่อยๆด้วยซ้ำแต่คราวนี้มันมาถึงปุ๊บด่ากราดปั๊บ  แสดงว่าคงโกรธจริงๆ  มรกตและคนทั้งชมรมนิ่งสนิท  นภกานต์เองก็รู้สึก
เหมือนโดนตำหนิไปด้วย  มรกตแอบชำเลืองไปมองหน้าคิมหันต์  ก็เห็นตาวาวๆที่ไม่รู้วาวด้วยน้ำหล่อเลี้ยงตามากเกินไปหรือว่าโมโหเธอจัดกัน
แน่  ก็ได้แต่ก้มหน้านิ่ง 
              พีระนันท์ทรุดนั่งลงกับพื้นหันข้างให้เพื่อนอย่างเหนื่อยๆ  มรกตนั่งบนส้นเท้าเอามือจิ้มแขนเพื่อน  พีระนันท์หันควับมามองด้วยหางตา
    “ ฉันขอโทษ ..ที่ทำให้แกเหนื่อยวิ่งมาตั้งไกล    ขอโทษที่ทำให้แกเป็นห่วง  ทำคิมหัวใจเกือบวาย  “
    พีระนันท์ได้เเต่ถอนหายใจแล้วจัดการดึงแขนเพื่อนได้ไม่เบานักแต่ก็เรียกเสียงร้องโอดโอยจากมรกตได้  เพราแม่คุณดันไปจับ
โดนแผลเข้าอย่างจัง
  “ ไปทำแผลเถอะ  ดูดิ  ปกติหน้าตาก็ไม่ได้ดูดีอะไรอยู่แล้ว  ยิ่งมาเพิ่มรอยพวกเนี้ยเข้าไปอีกยิ่งดูไม่ได้ใหญ่  “  พีระนันท์แซวเพื่อนหน้า
ตาย  มรกตเลยแยกเขี้ยวใส่
“เออๆ ฉันไม่สวยย่ะ  สู้หล่อนไม่ได้ ..แหม ได้ที่เลยนะ  โอ้ย!! คิม!!!  จะฆ่าเราเหรอง้าย “  คิมหันต์เอานิ้วจิ้มเข้าที่โหนกแก้มที่มีรอย
เขียวๆให้เห็นแล้ว
“ก็เห็นพูดไม่หยุด  แค่เนี้ยไกลหัวใจ  ทำเป็นร้อง ชิ !! “ 
                    พีระนันท์หันไปมองคู่กรณีของเพื่อนที่นั่งจุ้มปุกอยู่ที่พื้นด้วยแววตานิ่งสนิทแล้วเดินจากไป  ปล่อยให้นั่งรู้สึกผิดบาปอยู่ในใจ 
จนพี่แอ้มอดไม่ได้
“  ไปทำแผลเถอะ  “
      “นี่ .กต  ผู้ชายคนที่มาห้ามมวยเมื่อกี้เป็นใครเหรอ ? “มรกตเงยหน้าขึ้นมองคิมหันต์ที่ถามขึ้นด้วยความใคร่รู้เช่นเดียวกับพีระนันท์
        “นั่นดิ่  เห็นจับแขนแกซะแน่นเชียว  ถ้าฉันไม่มองหมอนั่นคงไม่ปล่อยแหงๆ “
        “คนนั้นน่ะเหรอ ..เป็นเพื่อนที่คณะน่ะชื่อ รวิกร  “ มรกตเอ่ยเสียงเรียบ
        “ แน่ใจเหรอว่าแค่เพื่อนที่คณะน่ะ  ดูสนิทกันน้า  ดูดิ่  นั่งรออยู่หน้าห้องอยู่เลยเนี้ย “ 
     
        “ จริงๆ  ซี้กันตอนรับน้องน่ะ  “
   
          “แน่เหรอ .เห็นออกจะเป็นห่วงออกนอกหน้าจะตายไป “ 
   
     
          “ อ้าว จริงดิ่ ฉันจะโกหกพวกแกทำไม  ไม่มีเหตุผล “   
   
            “เออๆก็ไม่ได้ว่าอะไร  แค่ถามเฉยๆ  เพราะดูแล้วแปลกๆ  ยังไงพิกล “ พีระนันท์ยืนพิงโต๊ะฝั่งตรงข้ามเพื่อน  ไขว้นึกไปถึงตอนที่เธอ
เห็นนายรวิกรนั่นมองเพื่อนเธอแปลกๆ  มรกตมองเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ
    “ว่าแต่แกเถอะ .เล่ามาซะดีๆ  มีอะไรกับนายกานต์อะไรนั่นใช่มะ  ฉันเห็นนะตอนที่แกมองหมอนั่นอ่ะ  อย่างกะจะเอาเรื่อง  เล่า
มาซะดีๆ อย่าเฉไฉ ฉันให้เกียรติแกเล่า  ถ้าแกไม่เล่าฉันจะไปสืบเอง แล้วแกก็รู้นิสัยฉันดี”
          มรกตพูดทิ้งไว้แค่นั้นพีระนันท์จึงต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ดีกว่ามันแอบไปสืบเอง  เพราะว่าแม่นี้น่ะ  สืบเก่งชะมัดยาก  ดีไม่ดี
ละเอียดชนิดลงลึกจนน่ากลัว 
    ทั้งมรกตและคิมหันต์นั่งฟังเพื่อนเล่าอย่างตั้งใจ จนพีระนันท์เล่าจบ  “ ไม่น่าไปขอโทษมันเลยเมื่อกี้  มันน่านัก “มรกตพูดด้วยท่า
ทางเรียบๆ
    “เฮ้ย!! ฉันไม่ได้จะเอาเรื่องอะไรมันผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไป  อีกอย่างงานนั้นฉันก็ส่งไปเรียบร้อยแล้วด้วย “ 
    “ว่าแต่ .แกโกหกพวกฉันนะ “ มรกตมองด้วยสายตาที่กดลงอย่างเอาเรื่อง
                “ก็ .ขี้เกียจให้เกิดเรื่องอ่ะ นี่วันนี้ขนาดไม่รู้เรื่องแกยังลุยซะจนเกิดเรื่อง “  คิมหันต์ที่ทำท่าคิดอยู่ก็พูดขึ้น
                “ฉันว่า  เขาคงอยากจะขอโทษนันท์นะ  นันท์น่าจะให้โอกาสเขาได้พูดอะไรสักหน่อย  “ พีระนันท์ทำเสียงขึ้นจมูก “ยาก!! “ 
                  แต่ก่อนที่จะได้ลงมติกันต่อ ก็มีเสียงเคาะประตูอย่างสุภาพ  พร้อมทั้งผู้ชายรูปร่างสูงเดินเข้ามา
   
    “ พี่แอ้มให้เอายาแก้ปวดมาให้ “  เขายื่นให้มรกต ที่มองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
                “ขอบคุณค่ะ คุณรวิกร “ คิมหันต์เอื้อมมืออกไปรับยามาเสียเอง “ขอบคุณมากนะคะที่มาช่วยแยกกต  ไม่อย่างนั้นเรื่องอาจจะ
บานปลายมากกว่านี้ “  รวิกรยิ้มให้  “ไม่เป็นไรหรอกครับ “ 
                “  ตามมาใช่มั้ย ? จะพูดอะไรก็ว่ามา “  น้ำเสียงเรียบเย็นของมรกตเอ่ยขึ้น  นัยน์ตาคู่สวยมีแววจริงจังอย่างเด่นชัดฉายออกมา 
จนอีกฝ่ายถอนหายใจ  พร้อมๆกับที่เพื่อนๆเริ่มรู้ว่าควรจะขอตัวออกไปก่อน  คิมหันต์ส่งสัณญาณไปที่พีระนันท์  ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ค่อยพอใจที่
จะออกแต่ก็โดนขอร้องแกมบังคับ  “กต เดี๋ยวคิมกับนันท์มานะ “  แล้วแม่คุณก็ลากเธออกมา  ปล่อยให้พีระนันท์ได้แต่แอบฮึดฮัดอยู่ในใจ
   
    “ มีอะไรก็ว่ามา “  มรกตขยับตัวอย่างอึดอัด  “ เงียบทำไมซัน  นายมีเรื่องอะไรก็ว่ามา “  รวิกรเหลือบตาขึ้นมองมรกต  นัยน์ตา
สีนิลคู่นั้นมีแววอยากให้จบเร็วแบบสุดๆ ชนิดที่เขาเองรู้สึกได้  เขาถอนหายใจแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ  “ กตหลบเราทำไม “  มรกตเลิกคิ้ว
ขึ้น แล้วยิ้ม  เป็นรอยยิ้มที่เขาไม่ชอบเลยจริงๆ
    “ แน่ใจเหรอว่าอยากรู้ ดีไม่ดีถ้ารู้แล้วเรา 2 คนอาจจะต้องตัดเพื่อนกันเลยก็ได้ “ 
    “อย่าประชดได้มั้ย “  บรรยากาศในห้องตอนนี้กดดันจนถึงขีดสุด
    “อยากรู้นักใช่มั้ย .ได้ ..ฉันเบื่อ  รำคาญนาย!! พอใจมั้ย “
    “ เพราะพิณ  ใช่มั้ย ”  มรกตถอนหายใจออกมาแล้วมองออกไปข้างนอก รู้อยู่แล้วนิ่ ..จะมาถามเธอทำไมกัน น่าโมโห
จริงๆสิ  ให้ตายเถอะ 
    “เราถามกตว่า..เพราะพิณใช่มั้ย .ตอบมาสิ .พิณเขาไปพูดอะไรกับกตใช่มั้ย!! “  มรกตเงียบ ถึงแม้จะตกใจกับน้ำเสียงของรวิกร
ก็เถอะ  เขาไม่เคยตวาดหรือขึ้นเสียงกับเธอเลย  ถึงแม้ว่าเธอจะเคยทำใส่เขาก็เถอะ  บางทีจะว่าเขาด้วยคำพูดเสียๆหายๆ  เขาก็ไม่เคย
โกรธเธอเลยสักครั้ง  แต่คราวนี้ ..
              “บอกได้มั้ย .เรารู้สึกกดดันนะ  รู้สึกแย่มากๆด้วย  พิณเขาไปพูดอะไรกับกต ”  น้ำเสียงของรวิกรสงบลง  พร้อมกับเสียงถอน
หายใจอย่างเหนื่อยอ่อน  มรกตสูดลมหายใจเข้าแล้วหันกลับมา แล้วหันมามองด้วยสายตาเย้ยหยัน
    “ แน่ใจเหรอว่ารับได้ .คุณพิณจันทร์  ขวัญใจของนายซัน  จะรับได้เหรอว่าแฟนตัวเองพูดออกมา  แน่ใจแล้วเหรอไง  ไปทำใจ
ก่อนดีม่า  เดี๋ยวฟังๆไปแล้วลมจะใส่ “  มรกตเอ่ยอย่างประชดประชัน  รวิกรมองลอดแว่น
                    “หึ ..แฟนตัวดีของนายเขายกพวกมาเกือบทั้งคณะได้มั้ง  คงกะว่าขู่ได้เต็มที่  แล้วมาพูดใส่หน้าประมาณ .เอาแบบหยาบๆ
ภาษาชาวบ้านๆเลยนะ  อย่ามายุ่งกับสามีฉันนะ  ถ้าไม่อยากมีเรื่อง  ฉันมาเตือนเธอหังว่าคงฟังภาษาคนรู้เรื่องนะ  เป็นไง พอใจหรือยัง .
ไม่ใช่ฉันกลัวยัยนั่นหรอกนะ .แต่ไม่อยากให้ใครมาตราหน้า ว่ายัยหน้าด้าน !!!”  มรกตลุกขึ้นจะเดินออกจาห้องแต่ถูกคว้าขอมือเอาไว้ก่อน 
มรกตหันไปมองด้วยความไม่พอใจแล้วตวาดออกไป
                “  จะเอาอะไรอีก .อยากรู้อะไรก็รู้หมดแล้วนี่ ..เพราะฉะนั้นเลิกยุ่งกับฉันสักทีได้มั้ย .ฉันเบื่อ..ฉันรำคาญ  ฉันไม่ชอบ  อย่า
มายุ่งกับฉัน!!!! “  มรกตสะบัดสุดแรง หรือไม่เจ้าตัวคงรู้สึกหมดแรงที่จะจับเธอไว้กับคำพูดนั้น  แล้วเดินออกมาด้วยท่าทีเย็นชา .ทั้งๆที่ใจ..ก็
เจ็บจนชาเหมือนกัน
                ทันทีที่ประตูปิดลง  รวิกรเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน  แว่นกรอบบางถูกถอดออก มือกดลงระหว่างเบ้าตาด้วยความ
เครียด   เธอไปแล้ว .เขาจะต้องปล่อยเธอไปใช่มั้ย  จะต้องเสียเธอไปจริงๆ ..ใช่มั้ย .
ในแววตาทั้งคู่ไม่รับรู้อะไร
เธอคงยังไม่เข้าใจ ว่าฉันไม่ใช่คนเก่า
เรายังคงเหมือนเพื่อน หยอกล้อเหมือนวันวาน
แต่ฉันคือคนใจสั่น แต่ฉันคือคนหวั่นไหว
ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
ในความคุ้นเคยกันอยู่
มันแฝงอะไรบ้างอย่างที่มากกว่านั้น
ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
ว่าเพื่อนคนหนึ่งมันแอบมันคิดอะไรไปไกล
กว่าเป็นเพื่อนกัน
กลายเป็นคนฝันใฝ่อยู่ใกล้ใกล้เธอ
กลายเป็นคนที่รอเก้อ
เหมือนหนังสือที่เธอไม่อ่าน
ตาคอยมองจ้องอยู่อยากให้รู้ใจกัน
แต่แล้วเธอยังมองผ่าน และฉันก็ยังหวั่นไหว
ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
ในความคุ้นเคยกันอยู่
มันแฝงอะไรบ้างอย่างที่มากกว่านั้น
ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
ว่าเพื่อนคนหนึ่งมันแอบมันคิดอะไรไปไกล
กว่าเป็นเพื่อนกัน
ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
ในความคุ้นเคยกันอยู่
มันแฝงอะไรบ้างอย่างที่มากกว่านั้น
ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
ว่าเพื่อนคนหนึ่งมันแอบมันคิดอะไรไปไกล
กว่าเป็นเพื่อนกัน
มันคิดอะไรไปไกลกว่าเป็นเพื่อนกัน*
ช่างไม่รู้เลย : พีซเมกเกอร์
.
    พีระนันท์กระหืดกระหอบวิ่งมาด้วยความเร็วสูงเนื่องจากได้รับโทรศัพท์แบบ Hot  line  สายด่วนจากคิมหันต์ที่โทรมาบอก
ว่า 
“ตอนนี้กตกำลังมีเรื่อง  นันท์ช่วยมาห้ามที  เราเอาไม่อยู่แล้ว !!! “
  เท่านั้นเอง  เธอก็วิ่งมาแบบชนิดไม่คิดชีวิต  ถึงขนาดคิมหันต์เอาไม่อยู่แสดงว่าเรื่องใหญ่  เพราะในกลุ่ม มรกตจะฟังคิมหันต์มากที่สุด  ถ้า
บอกให้หยุดส่วนมาก (ส่วนมากนะ ส่วนมาก ) ก็จะหยุด  แต่นี่โทรมาเรียกให้เธอไปคงจะเรื่องใหญ่แน่ๆ
                  ทันทีที่ผลักประตูเข้าไปก็เห็นแม่เพื่อนซี้ตัวดีมีผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ตัวสูงๆจับแขนข้างนึงไว้อย่างแน่นหนา (แบบประมาณว่ากลัว
หลุดออกไปขย้ำใครอีก )  กับคนที่เธอไม่อยากเจอมากที่สุดในรอบ 1 อาทิตย์  นั่งตัวเปียกคอตกอยู่ที่พื้น  และไทยมุง (ของชมรม )
ล้อมอยู่    พีระนันท์สาวเท้าเพื่อให้ไปถึงจุดเกิดเหตุ  ก็พอดีกับที่คิมหันต์กำลังจะเริ่มเทศนาสั่งสอนชนิดมหาชาติคำหลวง
“กต  กตรู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป  คิดบ้างหรือเปล่า  ถ้าเกิดมีอาจารย์มาเหตุหรือ คุณคนนี้มาห้ามไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น .”  เมื่อหันไปเห็น
อีกหนึ่งเพื่อนมรกตก็ได้แต่ยิ้มแหย  เพราะคาดว่าเธอคงต้องฟังยาวแน่ๆ  งานนี้   
                พีระนันท์ยืนกอดอกมองสารรูปเพื่อนที่พึ่งไปฟัดกับหมาบ้ามา  แล้วสายตาก็ไปหยุดที่มือใหญ่ๆที่ตอนนี้ยังคงจับแขนเพื่อนเธอ
อย่างแน่นหนาทั้งๆที่เหตุการณ์ก็ดูสงบแล้วด้วยแววตาไม่พอใจ  เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวก็ปล่อยแขนออกอย่างเสียมิได้ พร้อมๆกับที่มรกต
กระตุกแขนออกเมื่อเห็นสายตาของเธอ
    “ แกทำอะไรของแก !! หา!! ฉันถาม  ตอบมาดิ่ “ น้ำเสียงโทนเดียวกับที่มีเรื่องกับนภกานต์เมื่ออาทิตย์ก่อน  ทำให้คนทั้งชมรม
เกิดอาการกลืนน้ำลาย    นัยน์ตาพีระนันท์วาวขึ้นและใช้เสียงที่ดังเกือบเป็นตวาด ใส่มรกตที่ไม่เค้ยไม่เคยโดนเพื่อนตวาดด้วยสีหน้าจริงจัง
และเครียดจัดแบบนี้มาก่อน 
    “แกคิดมั่งมั้ยหา !!! สมองน่ะไม่ได้มีไว้กั้นหูสองข้างนะ  ไอ้คิมน่ะมันตกใจจะแย่  โทรไปเรียกฉันวิ่งข้ามฝั่งมหาลัยมาเนี้ย  คิดมั่งมั้ยว่า
เพื่อนเขาเป็นเดือดเป็นร้อน  แล้วดูสิ!! สารรูปแกตอนนี้  ดูได้ที่ไหนแล้วกลับบ้านไปแม่แกเขาจะว่ายังไง  แล้วถ้าอาจารย์มาเห็นล่ะ  แกคิด
มั้ย ว่ามันจะร้ายแรงแค่ไหน  ถามจริงๆนะ ก่อนแกจะทำน่ะได้ใช้สมองฉลาดๆของแกคิดในสิ่งที่ฉันพูดออกไปสักเสี้ยววิหรือเปล่า ? “
    มรกตเถียงไม่ออกทุกกรณี  เพราะหงะ .มันไม่ได้คิดจริงๆนี่  เถีงออกไปก็ไม่รู้จะตายหรือเปล่า  ถ้าทางมันคงโมโหจัด  ทั้งๆที่
มันออกจะเฉื่อยๆด้วยซ้ำแต่คราวนี้มันมาถึงปุ๊บด่ากราดปั๊บ  แสดงว่าคงโกรธจริงๆ  มรกตและคนทั้งชมรมนิ่งสนิท  นภกานต์เองก็รู้สึก
เหมือนโดนตำหนิไปด้วย  มรกตแอบชำเลืองไปมองหน้าคิมหันต์  ก็เห็นตาวาวๆที่ไม่รู้วาวด้วยน้ำหล่อเลี้ยงตามากเกินไปหรือว่าโมโหเธอจัดกัน
แน่  ก็ได้แต่ก้มหน้านิ่ง 
              พีระนันท์ทรุดนั่งลงกับพื้นหันข้างให้เพื่อนอย่างเหนื่อยๆ  มรกตนั่งบนส้นเท้าเอามือจิ้มแขนเพื่อน  พีระนันท์หันควับมามองด้วยหางตา
    “ ฉันขอโทษ ..ที่ทำให้แกเหนื่อยวิ่งมาตั้งไกล    ขอโทษที่ทำให้แกเป็นห่วง  ทำคิมหัวใจเกือบวาย  “
    พีระนันท์ได้เเต่ถอนหายใจแล้วจัดการดึงแขนเพื่อนได้ไม่เบานักแต่ก็เรียกเสียงร้องโอดโอยจากมรกตได้  เพราแม่คุณดันไปจับ
โดนแผลเข้าอย่างจัง
  “ ไปทำแผลเถอะ  ดูดิ  ปกติหน้าตาก็ไม่ได้ดูดีอะไรอยู่แล้ว  ยิ่งมาเพิ่มรอยพวกเนี้ยเข้าไปอีกยิ่งดูไม่ได้ใหญ่  “  พีระนันท์แซวเพื่อนหน้า
ตาย  มรกตเลยแยกเขี้ยวใส่
“เออๆ ฉันไม่สวยย่ะ  สู้หล่อนไม่ได้ ..แหม ได้ที่เลยนะ  โอ้ย!! คิม!!!  จะฆ่าเราเหรอง้าย “  คิมหันต์เอานิ้วจิ้มเข้าที่โหนกแก้มที่มีรอย
เขียวๆให้เห็นแล้ว
“ก็เห็นพูดไม่หยุด  แค่เนี้ยไกลหัวใจ  ทำเป็นร้อง ชิ !! “ 
                    พีระนันท์หันไปมองคู่กรณีของเพื่อนที่นั่งจุ้มปุกอยู่ที่พื้นด้วยแววตานิ่งสนิทแล้วเดินจากไป  ปล่อยให้นั่งรู้สึกผิดบาปอยู่ในใจ 
จนพี่แอ้มอดไม่ได้
“  ไปทำแผลเถอะ  “
      “นี่ .กต  ผู้ชายคนที่มาห้ามมวยเมื่อกี้เป็นใครเหรอ ? “มรกตเงยหน้าขึ้นมองคิมหันต์ที่ถามขึ้นด้วยความใคร่รู้เช่นเดียวกับพีระนันท์
        “นั่นดิ่  เห็นจับแขนแกซะแน่นเชียว  ถ้าฉันไม่มองหมอนั่นคงไม่ปล่อยแหงๆ “
        “คนนั้นน่ะเหรอ ..เป็นเพื่อนที่คณะน่ะชื่อ รวิกร  “ มรกตเอ่ยเสียงเรียบ
        “ แน่ใจเหรอว่าแค่เพื่อนที่คณะน่ะ  ดูสนิทกันน้า  ดูดิ่  นั่งรออยู่หน้าห้องอยู่เลยเนี้ย “ 
     
        “ จริงๆ  ซี้กันตอนรับน้องน่ะ  “
   
          “แน่เหรอ .เห็นออกจะเป็นห่วงออกนอกหน้าจะตายไป “ 
   
     
          “ อ้าว จริงดิ่ ฉันจะโกหกพวกแกทำไม  ไม่มีเหตุผล “   
   
            “เออๆก็ไม่ได้ว่าอะไร  แค่ถามเฉยๆ  เพราะดูแล้วแปลกๆ  ยังไงพิกล “ พีระนันท์ยืนพิงโต๊ะฝั่งตรงข้ามเพื่อน  ไขว้นึกไปถึงตอนที่เธอ
เห็นนายรวิกรนั่นมองเพื่อนเธอแปลกๆ  มรกตมองเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ
    “ว่าแต่แกเถอะ .เล่ามาซะดีๆ  มีอะไรกับนายกานต์อะไรนั่นใช่มะ  ฉันเห็นนะตอนที่แกมองหมอนั่นอ่ะ  อย่างกะจะเอาเรื่อง  เล่า
มาซะดีๆ อย่าเฉไฉ ฉันให้เกียรติแกเล่า  ถ้าแกไม่เล่าฉันจะไปสืบเอง แล้วแกก็รู้นิสัยฉันดี”
          มรกตพูดทิ้งไว้แค่นั้นพีระนันท์จึงต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ดีกว่ามันแอบไปสืบเอง  เพราะว่าแม่นี้น่ะ  สืบเก่งชะมัดยาก  ดีไม่ดี
ละเอียดชนิดลงลึกจนน่ากลัว 
    ทั้งมรกตและคิมหันต์นั่งฟังเพื่อนเล่าอย่างตั้งใจ จนพีระนันท์เล่าจบ  “ ไม่น่าไปขอโทษมันเลยเมื่อกี้  มันน่านัก “มรกตพูดด้วยท่า
ทางเรียบๆ
    “เฮ้ย!! ฉันไม่ได้จะเอาเรื่องอะไรมันผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไป  อีกอย่างงานนั้นฉันก็ส่งไปเรียบร้อยแล้วด้วย “ 
    “ว่าแต่ .แกโกหกพวกฉันนะ “ มรกตมองด้วยสายตาที่กดลงอย่างเอาเรื่อง
                “ก็ .ขี้เกียจให้เกิดเรื่องอ่ะ นี่วันนี้ขนาดไม่รู้เรื่องแกยังลุยซะจนเกิดเรื่อง “  คิมหันต์ที่ทำท่าคิดอยู่ก็พูดขึ้น
                “ฉันว่า  เขาคงอยากจะขอโทษนันท์นะ  นันท์น่าจะให้โอกาสเขาได้พูดอะไรสักหน่อย  “ พีระนันท์ทำเสียงขึ้นจมูก “ยาก!! “ 
                  แต่ก่อนที่จะได้ลงมติกันต่อ ก็มีเสียงเคาะประตูอย่างสุภาพ  พร้อมทั้งผู้ชายรูปร่างสูงเดินเข้ามา
   
    “ พี่แอ้มให้เอายาแก้ปวดมาให้ “  เขายื่นให้มรกต ที่มองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
                “ขอบคุณค่ะ คุณรวิกร “ คิมหันต์เอื้อมมืออกไปรับยามาเสียเอง “ขอบคุณมากนะคะที่มาช่วยแยกกต  ไม่อย่างนั้นเรื่องอาจจะ
บานปลายมากกว่านี้ “  รวิกรยิ้มให้  “ไม่เป็นไรหรอกครับ “ 
                “  ตามมาใช่มั้ย ? จะพูดอะไรก็ว่ามา “  น้ำเสียงเรียบเย็นของมรกตเอ่ยขึ้น  นัยน์ตาคู่สวยมีแววจริงจังอย่างเด่นชัดฉายออกมา 
จนอีกฝ่ายถอนหายใจ  พร้อมๆกับที่เพื่อนๆเริ่มรู้ว่าควรจะขอตัวออกไปก่อน  คิมหันต์ส่งสัณญาณไปที่พีระนันท์  ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ค่อยพอใจที่
จะออกแต่ก็โดนขอร้องแกมบังคับ  “กต เดี๋ยวคิมกับนันท์มานะ “  แล้วแม่คุณก็ลากเธออกมา  ปล่อยให้พีระนันท์ได้แต่แอบฮึดฮัดอยู่ในใจ
   
    “ มีอะไรก็ว่ามา “  มรกตขยับตัวอย่างอึดอัด  “ เงียบทำไมซัน  นายมีเรื่องอะไรก็ว่ามา “  รวิกรเหลือบตาขึ้นมองมรกต  นัยน์ตา
สีนิลคู่นั้นมีแววอยากให้จบเร็วแบบสุดๆ ชนิดที่เขาเองรู้สึกได้  เขาถอนหายใจแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ  “ กตหลบเราทำไม “  มรกตเลิกคิ้ว
ขึ้น แล้วยิ้ม  เป็นรอยยิ้มที่เขาไม่ชอบเลยจริงๆ
    “ แน่ใจเหรอว่าอยากรู้ ดีไม่ดีถ้ารู้แล้วเรา 2 คนอาจจะต้องตัดเพื่อนกันเลยก็ได้ “ 
    “อย่าประชดได้มั้ย “  บรรยากาศในห้องตอนนี้กดดันจนถึงขีดสุด
    “อยากรู้นักใช่มั้ย .ได้ ..ฉันเบื่อ  รำคาญนาย!! พอใจมั้ย “
    “ เพราะพิณ  ใช่มั้ย ”  มรกตถอนหายใจออกมาแล้วมองออกไปข้างนอก รู้อยู่แล้วนิ่ ..จะมาถามเธอทำไมกัน น่าโมโห
จริงๆสิ  ให้ตายเถอะ 
    “เราถามกตว่า..เพราะพิณใช่มั้ย .ตอบมาสิ .พิณเขาไปพูดอะไรกับกตใช่มั้ย!! “  มรกตเงียบ ถึงแม้จะตกใจกับน้ำเสียงของรวิกร
ก็เถอะ  เขาไม่เคยตวาดหรือขึ้นเสียงกับเธอเลย  ถึงแม้ว่าเธอจะเคยทำใส่เขาก็เถอะ  บางทีจะว่าเขาด้วยคำพูดเสียๆหายๆ  เขาก็ไม่เคย
โกรธเธอเลยสักครั้ง  แต่คราวนี้ ..
              “บอกได้มั้ย .เรารู้สึกกดดันนะ  รู้สึกแย่มากๆด้วย  พิณเขาไปพูดอะไรกับกต ”  น้ำเสียงของรวิกรสงบลง  พร้อมกับเสียงถอน
หายใจอย่างเหนื่อยอ่อน  มรกตสูดลมหายใจเข้าแล้วหันกลับมา แล้วหันมามองด้วยสายตาเย้ยหยัน
    “ แน่ใจเหรอว่ารับได้ .คุณพิณจันทร์  ขวัญใจของนายซัน  จะรับได้เหรอว่าแฟนตัวเองพูดออกมา  แน่ใจแล้วเหรอไง  ไปทำใจ
ก่อนดีม่า  เดี๋ยวฟังๆไปแล้วลมจะใส่ “  มรกตเอ่ยอย่างประชดประชัน  รวิกรมองลอดแว่น
                    “หึ ..แฟนตัวดีของนายเขายกพวกมาเกือบทั้งคณะได้มั้ง  คงกะว่าขู่ได้เต็มที่  แล้วมาพูดใส่หน้าประมาณ .เอาแบบหยาบๆ
ภาษาชาวบ้านๆเลยนะ  อย่ามายุ่งกับสามีฉันนะ  ถ้าไม่อยากมีเรื่อง  ฉันมาเตือนเธอหังว่าคงฟังภาษาคนรู้เรื่องนะ  เป็นไง พอใจหรือยัง .
ไม่ใช่ฉันกลัวยัยนั่นหรอกนะ .แต่ไม่อยากให้ใครมาตราหน้า ว่ายัยหน้าด้าน !!!”  มรกตลุกขึ้นจะเดินออกจาห้องแต่ถูกคว้าขอมือเอาไว้ก่อน 
มรกตหันไปมองด้วยความไม่พอใจแล้วตวาดออกไป
                “  จะเอาอะไรอีก .อยากรู้อะไรก็รู้หมดแล้วนี่ ..เพราะฉะนั้นเลิกยุ่งกับฉันสักทีได้มั้ย .ฉันเบื่อ..ฉันรำคาญ  ฉันไม่ชอบ  อย่า
มายุ่งกับฉัน!!!! “  มรกตสะบัดสุดแรง หรือไม่เจ้าตัวคงรู้สึกหมดแรงที่จะจับเธอไว้กับคำพูดนั้น  แล้วเดินออกมาด้วยท่าทีเย็นชา .ทั้งๆที่ใจ..ก็
เจ็บจนชาเหมือนกัน
                ทันทีที่ประตูปิดลง  รวิกรเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน  แว่นกรอบบางถูกถอดออก มือกดลงระหว่างเบ้าตาด้วยความ
เครียด   เธอไปแล้ว .เขาจะต้องปล่อยเธอไปใช่มั้ย  จะต้องเสียเธอไปจริงๆ ..ใช่มั้ย .
ในแววตาทั้งคู่ไม่รับรู้อะไร
เธอคงยังไม่เข้าใจ ว่าฉันไม่ใช่คนเก่า
เรายังคงเหมือนเพื่อน หยอกล้อเหมือนวันวาน
แต่ฉันคือคนใจสั่น แต่ฉันคือคนหวั่นไหว
ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
ในความคุ้นเคยกันอยู่
มันแฝงอะไรบ้างอย่างที่มากกว่านั้น
ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
ว่าเพื่อนคนหนึ่งมันแอบมันคิดอะไรไปไกล
กว่าเป็นเพื่อนกัน
กลายเป็นคนฝันใฝ่อยู่ใกล้ใกล้เธอ
กลายเป็นคนที่รอเก้อ
เหมือนหนังสือที่เธอไม่อ่าน
ตาคอยมองจ้องอยู่อยากให้รู้ใจกัน
แต่แล้วเธอยังมองผ่าน และฉันก็ยังหวั่นไหว
ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
ในความคุ้นเคยกันอยู่
มันแฝงอะไรบ้างอย่างที่มากกว่านั้น
ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
ว่าเพื่อนคนหนึ่งมันแอบมันคิดอะไรไปไกล
กว่าเป็นเพื่อนกัน
ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
ในความคุ้นเคยกันอยู่
มันแฝงอะไรบ้างอย่างที่มากกว่านั้น
ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
ว่าเพื่อนคนหนึ่งมันแอบมันคิดอะไรไปไกล
กว่าเป็นเพื่อนกัน
มันคิดอะไรไปไกลกว่าเป็นเพื่อนกัน*
ช่างไม่รู้เลย : พีซเมกเกอร์
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น