ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Friend Ship บันทึกรักเพื่อนเลิฟ

    ลำดับตอนที่ #4 : มรกตแผลงฤทธิ์

    • อัปเดตล่าสุด 5 ต.ค. 48


    The  Friends  Ship  =O_O=



    ………….

    ………………………



        1 สัปดาห์แล้วที่เธอไม่ไปที่นั่นอีก   พร้อมๆกับกี่เธอพยายามหลบหลีกทุกคนที่ชมรม  ทั้งๆที่เธอไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย…



    เฮ้อ…….  นั่นยังไม่นับอาการมองด้วยสายตาที่มีรอยอุ่นๆเจืออยู่ของเพื่อนซี้ทั้ง 2 คน….





        หลังจากที่เธอเดินสะบัดออกมา  พีระนันท์ก็กลับมานั่งจัดการกับกระเป๋าที่ชุ่มไปด้วยน้ำเย็นๆ  และแอบหาที่หลบนั่งรอเวลานัด  



    อย่างใจเย็น……และสงบสติ  อารมณ์ที่สับสนแปรปรวนภายในใจ   เธอต้องไปหาอีก 2 คนด้วยภาวะปกติ……..เพื่อจะได้ไม่เกิดความเป็นห่วง



    ของเพื่อนๆ







        ‘  นันท์….มีอะไรป่ะวันนี้  ดูแกไม่ค่อยสบายเลย  ‘    พีระนันท์เงยหน้ามองเพื่อนที่นั่งข้างๆ  ที่ยังคงมองตรงไปข้างหน้าอย่างแปลกใจ

        



        ‘ แน่ะ  ยังมามองฉันยังกะตัวประหลาดอีก….ฉันถามแกเนี้ยว่าวันนี้ไปเจออะไรมา  ก็ตอบมาดิ่ ‘  





                       มรกตยังคงเป็นมรกต   น้ำเสียงที่ดูเหมือนว่าจะว้ากเพื่อนอยู่ตลอดและขี้โวยวาย  แต่ใครจะรู้ว่ามรกตเป็นคนที่ละเอียดลออกับ



    ทุกรายละเอียดของเพื่อนชนิดที่ต้องยกนิ้วให้  ไม่ต้องเอ่ยปาก  ไม่ต้องมองตา  ไม่ต้องหาคำพูดให้เสียเวลา   บางที่แค่พวกเธอไปนั่งใกล้ๆ  



    หรือบางที่แค่อ้าปากพูดทักทายเท่านั้น  มรกตก็รู้แล้วว่าตอนนี้เพื่อนของเธอมีปัญหา  หรือเรื่องไม่สบายใจเป็นแน่…….







                     แต่ถึงรู้อย่างนั้น….พีระนันท์ก็อยากจะรู้ว่าวันนี้มรกตรู้ได้อย่างไรว่าเธอมีเรื่องไม่สบายใจ  ทั้งๆที่เธอยังไม่ได้อ้าปากพูดอะไรออก



    ไปเลยสักคำ  และคำตอบที่ได้ก็ชวนให้เธอรู้สึกอบอุ่นในใจอย่างประหลาด







    ‘ ก็….แก….แกยิ้มไม่เหมือนทุกวันนี่   ไม่รู้สิ….. มันดูฝืนๆ…ฝืดๆ ยังไงพิกล   บอกไม่ถูกอ่ะ  รู้แต่ว่ามีอะไรแน่ๆ   ‘







                  นี่สินะที่เขาเรียกว่าเพื่อนแท้……เธอยังไม่ได้ขยับปาก…..ยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่างแค่ยิ้มเฉยๆ…..มันยังรู้ว่าเธอมีเรื่องไม่สบาย



    ใจ…….อยากตะโกนบอกมันจัง……



                             “ฉันโค-ตะ-ระ  รักแกเลย !! ไอ้กต  แกมันเพื่อนแท้ของฉัน !!!! ฉันรักแก!!!!  “







                    แต่ใครจะรู้ว่าคนที่เธอกำลังแอบตะโกนบอกรักมันในใจตอนนี้มีความคิดที่กำลังจะทำให้เธอปวดหัวแบบนรกกิน  และนึกแช่งชัก



    หักกระดูกมันอยู่……..





              มรกตชำเลืองมองเพื่อนซี้ที่วันนี้มันยังคงเหมือนเดิม ตอนที่ถามมันมันก็ไม่ตอบ   แล้วไอ้โรคที่จะมานั่งซักฟอกอย่างที่เคยๆ  ก็ยัง



    ไม่ใช่ตอนนี้……เพราะเธอกำลังมีเรื่องยุ่งๆที่ตอนนี้มามะรุมมะตุ้มอยู่…..โอ้ย….ปวดหัว…….เรื่องของเจ้านันท์เนี้ยไม่ใช่เรื่องยาก……..มันไม่



    เล่า…..ไปแอบสืบเองก็ได้ว่ะ!!!
      มรกตยิ้มมุมปากอย่างหมายมาดอยู่เงียบๆ







                  เสียงอ๊อดหมดเวลาดังขึ้น…..พีระนันท์ยังคงเก็บของอย่างเรื่อยๆ เพราะวันนี้ยังไงๆเธอก็มีเวลาอีกเพียบ  ถึงเย็นเวลาเลิกชมรม



    โน้น…..เอ….หรือบอกความจริงดีว้า….เฮ้อ…..เย็นนี้….เย็นนี้เธอจะบอก….บอกความจริงกับทั้ง 2 คนว่ามันเกิดอะไรขึ้น……..








                  แต่พีระนันท์ก็คงจะไม่ทัน……แม่เพื่อนตัวดีของเธอเป็นแน่…









                พีระนันท์…เดินกินลมชมวิวอย่างสบายใจ  พลางหยิบมือถืออกมาต่อหูฟังเพลง   โดยที่ไม่รู้เลยว่า เวลานี้มีคนบางคนกำลังหงุดหงา



    ตัวเองที่ตีลูกเสียไปจนนับไปไหวแล้วตลอด 1 อาทิตย์ ที่ผ่านมา



              

               “ โว้ย!!! “  นภกานต์ ระบายอารมณ์ตัวเองด้วยการเควี้ยงแร็กเก็ตกระเด็น   คนอื่นๆในสนามก็พลอยฟ้าพลอยฝนโดนอาละวาดไป



    ด้วย   ยิ่งนับวันเขาก็ยิ่งดูหงุดหงิดง่าย  ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้อย่างที่เคย……เขาไม่เคย…..ไม่เคยเป็นแบบนี้……





             พี่แอ้มยืนกอดอกดูท่าทางของรุ่นน้องที่ดูเป็นหมาบ้าขึ้นทุกวันอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนใดๆ  กลับสมน้ำหน้ามันด้วยซ้ำ….เป็นไงล่ะ…..



    เขาโกรธ….ไม่มาอีกเลย…..เพราะตัวมันเอง…..เพราะมัน….ที่ไม่เคยที่จะคิดขยับตัวทำอะไร….ไม่เคยที่จะพูดดีๆ….หรือทำแบบที่คนอื่นๆ….



    คนปกติเขาทำกัน…….ไอ้เด็กเอ้ย !!!










             ทันทีที่กริ่งขนานเอกที่ว่า “วันนี้พอแค่นี้ “ ดังขึ้น  คิมหันต์ก็เก็บงานทุกอย่างลงกระเป๋าพอเดินออกมาจากห้อง  ก็พบกับสตรีนางหนึ่งยืน



    กอดอกพิงกำแพงไขว้ขารออยู่แล้ว





            “อ้าว….วันนี้กตไม่มีเรียนบ่ายเหรอ….”  พร้อมส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อบอดี้การ์ดประจำตัวยื่นมือออกมาหมายจะคว้ากระเป๋าเธอไปถือ





           “อือ…วันนี้อาจารย์ยกเลิกคาบกระทันหันน่ะ…..”





            “แล้วลมอะไรหอบมาล่ะนี่…..ถึงไปเดินมาหาเราถึงคณะแบบนี้ “  มรกตหลบตาเพื่อนวูบ  ทำทีเป็นมองบรรยากาศ แต่จริงๆแล้วเธอกลัว



    ว่า….ถ้าไม่หลบตา จะโกหกคิมหันต์ไม่แนบเนียน ต่างหาก  แล้วหันกลับมาใหม่ด้วยใบหน้าที่ปั้นยิ้มอย่างแง่งอน  นัยน์ตาสีนิลกลบเกลื่อน



    ทุกอย่างเรียบสนิท







          “ก็ไม่มีอะไรนี่….แหม…..เราเดินมารับที่คณะเนี้ย…..ไม่ได้เหรอ….แบบมีหนุ่มๆซ่อนไว้ไม่ยอมบอกใช่มั้ย….หืม “  มรกตยื่นหน้าเข้าไป



    ใกล้ๆ  ด้วยนัยน์ตาเจ้าชู้  จนอีกฝ่ายอดไม่ได้มือเล็กๆตีแขนแม่เพื่อนสาวตัวดีอย่างหมั่นไส้   มรกตยิ้มร่าหัวเราะอย่างสบายอารมณ์   ภาพๆนี้



    ถ้าไม่ใช่คนที่คณะคิมหันต์  หรือมรกตที่เห็นการหยอกเย้าอย่างน่ารักๆ ของทั้งคู่เป็นเรื่องเคยชินแล้ว….ต้องคิดว่า ทั้ง 2 คนมีความสัมพันธ์ที่



    ลึกซึ้ง…….. อย่างที่เจ้าของร่างสูงเป็นแน่   ดวงตาสีน้ำตาลเข้มภายใต้กรอบแว่นบางๆ  ที่แอบอยู่มุมตึกมองภาพนั้นอยู่เงียบ  ก่อนจะหลับตา



    ลงแล้วหันหลังเดินกลับไปตามทางที่ตนเดินมา………….ที่ตอนนี้เข้าใจผิด…..ไปเรียบร้อยแล้ว







    “ เอ้า!!  ว่าไง  บอกมาซะดีๆว่ามีเหตุอะไรพัดมาที่นี่ “  มรกตส่ายหน้ายิ้มๆให้กับปฏิกิริยาของเพื่อนที่นับวันก็ยิ่งให้ความรู้สึกว่ากำลังจะทันเธอ



    ขึ้นทุกวันๆ   คิมหันต์กดดันด้วยการจ้องหน้า  ประมาณว่า ‘ ไม่บอกเหรอ…แกกล้าไม่บอกฉันเหรอ ? ‘  จนสุดท้ายมรกตต้องถอนหายใจอย่าง



    ปลงๆ ถ้าขืนเธอยังไม่บอก แม่คุณต้องเล่นสงครามสายตากับเธอแน่ๆ







    “ก็…วันนี้น่ะ…จะไปหาที่มาของสภาวะล่องลอยของไอ้นันท์มัน…… พอดีทนไม่ไหวแล้วอ่า  มันเป็นมาเป็นอาทิตย์ๆแล้ว  เห็นแล้วมันหงุดหงิด  



    วันนี้ไหนๆก็ว่างแล้วก็เลยกะจะไปสืบดูหน่อย “คิมหันต์พยักหน้าอย่างเข้าใจสุดๆ    ก่อนที่จะถามต่อ







    “แล้วกตล่ะมีเรื่องของตัวเองจะเล่าให้เราฟังมั้ย? หืม…ห้ามโกหกนะ   “  แถมประกอบคำถามด้วยการหันมาทำตาโตๆใส่เสียอีก  มรกตได้แต่



    ลอบถอนหายใจ  แม่นี่!! ทันเธอเสียจริงๆดิ่    ให้ตาย   มรกตหันไปมองหน้าแม่เพื่อนซี้ที่ยังคงทำตาโตใส่ = =  ได้แต่ถอนหายใจแล้วลูบหัว



    ของอีกฝ่ายแบบที่ผู้ใหญ่ทำกับเด็กเล็กๆ





    “ มี…ก็ได้…..แต่รอเรื่องของนันท์เคลียร์ไปก่อนแล้วกันนะ  รวมพลแล้วเล่าทีเดียว “   คิมหันต์มองหน้าเพื่อนแล้วแอบเห็นรอยเหนื่อยๆในตาคู่



    สวย  





    “ก้อด้าย…. งั้น…รีบไปเคลียร์เรื่องนันท์เถอะ  ฮิฮิ  เราอ่ะอย่างรู้เรื่องของกตแล้วล่ะ “  คิมหันต์รีบดึงเพื่อนไปที่คอร์ดเทนนิสของมหาลัยทันที  



    ปล่อยให้มรกตรู้สึกอยากกัดลิ้นตัวเองเสียให้ได้ ไม่น่าไปรับปากมันเลย…แต่…ช่างเถอะ. .  ไม่ช้าก็เร็ว…ยังไงๆก็ต้องรู้อยู่ดี   ได้แต่คิด



    อย่างปลงๆ







                ทันทีที่ไปถึงสนามเทนนิส ทั้ง 2 สาวก็เกือบหัวใจจะวาย  อยู่ๆก็มีไม้เทนนิสร่อนมากระแทกประตูรั้วเหล็กอย่างแรง ก่อนที่มรกตและ



    คิมหันต์เปิดเพียงนิดเดียว     และอะไรๆก็คงจะไม่ร้ายแรงถ้ามันไม่อยู่ในระยะประชิดชนิดถ้าไม่มีรั้วกั้นไม่คิมหันต์ก็มรกตคงไปนอนเล่นใส่ชุด



    สีฟ้าของโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว    มรกตหันควับเข้าไปมองภายในสนามด้วยในตาคมวาววับกวาดไปทั่วๆ  มรกตเปิดประตูก้าวเข้าไป



    ในสนามแล้วคว้าไอ้ไม้เจ้ากรรมนั่นขึ้นมา   ถามเสียงเรียบแต่ดังกังวานไปทั่วสนามชนิดที่ชวนให้คนทั้งสนามขนลุกได้ทั่วหน้า







    “  แร็กเก็ตอันนี้ของใครมิทราบ ? “  มรกตกวาดตามองหาเจ้าของ





    “ของฉันเองแหละ “  เจ้าของไม้แร็กเก็ตเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงตามแบบฉบับของนักกีฬา   ผิวออกแนวคล้ำแดด  นัยน์ตาสีน้ำตาลดำ  หน้าตา



    ก็….o.k.แหละ   แต่ท่ายืนนี่สิ….มันแสนจะกวนโอ้ย !!  







    “  นี่….อันนี้มันแร็กเก็ตนะ  ไม่ใช่ลูกบอล  หรือลูกโบว์ลิ่ง  ที่จะได้เอาไว้โยนเล่น  เป็นนักกีฬาไม่ใช่เหรอ  ก็น่าจะรู้วิธีใช่อุปกรณ์ให้เหมาะ



    สมอยู่แล้วนี่……  แล้วถ้าเกิดมันไปโดนคนอื่นขึ้นมานายจะว่าไง “  มรกตปรับระดับสายตาขึ้นมอง  ด้วยความไม่พอใจ   ชายหนุ่มยัก



    ไหล่อย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ  แล้วคำพูดที่หลุดออกมาทำให้มรกตนึกอยากจะเรียนหมอขึ้นมากระทันหัน  เพราะจะได้เย็บปากคนเอาแบบ



    ชนิดเย็บด้วยไหมละลายจะได้ไม่สามารถใช้การได้อีก







    “ก็….ไม่ระวังเองนี่…จะไปโทษใครได้ “  





                   นัยน์ตาสีนิลวาวขึ้นอย่างรวดเร็ว  แล้วอะไรๆที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น   มรกตกำหมัดแน่นแล้วซัดเข้ากับหน้าหล่อๆเต็มแรง   จึงเกิด



    เหตุการณ์ตะลุมบอนระหว่าง  หมา(พึ่ง)บ้ากับหมาบ้า (มาอาทิตย์นึงแล้ว )  คิมหันต์และคนในชมรมพยายามห้ามทั้ง 2 คนแต่ เอาหมาบ้าทั้งคู่



    ไม่อยู่…..  จนในที่สุดก็มีมือใหญ่มาจัดการหิ้วมรกตแยกออกมาและน้ำเย็นหนึ่งถังราดลงมาที่คู่กรณี     มรกตกำลังจะหันไปอ้าปากด่าเจ้าของ



    มือใหญ่ๆแรงมหาศาลแต่ก็ต้องหุบปากฉับเมื่อเห็นว่าเป็นใคร







                  “ ไง “  คำพูดทักทายสั้นง่ายได้ใจความของเจ้าของร่างสูง  นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่มักจะอ่อนโยนเสมอบัดนี้กลับเรียบสนิท  ภายใต้



    กรอบแว่นบางๆนั่นยิ่งทำให้ดูเหมือนคุณครูกำลังตำหนิเด็กไม่มีผิด  มรกตสงบลงพร้อมกับหยุดการขัดขืนทันที  ขณะที่อีกฝ่ายหลังจากได้น้ำ



    เย็นกระติกใหญ่จากพี่แอ้มที่ไม่รู้ห้ามทั้ง 2 คนยังไงก็เริ่มมีสติขึ้นมาบ้าง







                   “ไง….หายบ้าขึ้นมาบ้างหรือยัง…..แกบ้ามาตลอดอาทิตย์แล้ว   รู้สึกได้สติมั่งมั้ย ? หา….ไอ้กานต์ “  พี่แอ้มยืนท้าวเอวเอาเรื่อง  



    ขณะที่นภกานต์ก้มหน้าเงียบ  เหลือบตาไปมองคู่กรณีที่เป็นผู้หญิงที่สูงพอๆกับเขา  นัยน์ตาสีนิลที่เมื่อกี้ยังวาววับอยู่นิ่งสงบลง  แต่ใบหน้ากลับ



    งอง้ำอย่างไม่สบอารมณ์ในตอนนี้มีรอยฟกช้ำ   รอยแดงๆตามแขน  รอยถลอกได้เลือดตามขาและมุมปากที่ตอนนี้แม้มสนิทก็มีรอยเลือดให้



    เห็น   เขาทำบ้าอะไร….นี่ถึงขนาดต่อยกับผู้หญิงเลยเหรอ…..เขาทำบ้าอะไรอยู่..!!!







                     “ ขอโทษ “  น้ำเสียงนิ่งๆของอีกฝ่ายทำให้มรกตหันควับมามองอย่างเสียไม่ได้  ใบหน้าที่เธอเคยยอมรับว่าหล่อนั้นบัดนี้มีรอย



    ชก  ริมฝีปากสีแดงสดมีเลือดขึ้นมาและอีกมากมายตามที่เธอสามารถแผลงอิทธิปาฏิหารย์ออกไป  แล้วก็อดไม่ได้  เพราะน้ำเสียงของคู่กรณี



    กลับไม่มีแววไม่พอใจแต่อย่างใด







                    “ฉันก็…ขอโทษ…ที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน  “  มรกตมองสบตาของนภกานต์ที่นั่งตัวเปียกอยู่ที่พื้น  คนทั้งชมรมที่มายืนรุมล้อมอยู่รู้สึก



    หายใจทั่วท้องขึ้นมาพร้อมๆกัน  “ขอโทษนะคะพี่แอ้ม….ที่มาสร้างความวุ่นวายให้ “      มรกตหันไปยกมือขอโทษพี่รหัสของเพื่อนซี้   พี่แอ้ม



    ยิ้มให้  “โอ้ย…. คิดอะไรมากเล่า…ดีเหมือนกันนะ  ที่กตมาแผลงฤทธิ์  เลยทำให้ลูกหมาแถวนี้หายบ้าไปได้บ้าง   “  พลางชำเลืองไปมองเจ้า



    ลูกหมาตัวน้อยๆที่ตัวเปียกโชกอยู่ที่พื้นสนาม  มรกตเห็นแบบนั้นเลยได้แต่ยิ้มแหยๆ  



        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×