ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : มรกตแผลงฤทธิ์
The  Friends  Ship  =O_O=
.
    1 สัปดาห์แล้วที่เธอไม่ไปที่นั่นอีก  พร้อมๆกับกี่เธอพยายามหลบหลีกทุกคนที่ชมรม  ทั้งๆที่เธอไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย
เฮ้อ .  นั่นยังไม่นับอาการมองด้วยสายตาที่มีรอยอุ่นๆเจืออยู่ของเพื่อนซี้ทั้ง 2 คน .
    หลังจากที่เธอเดินสะบัดออกมา  พีระนันท์ก็กลับมานั่งจัดการกับกระเป๋าที่ชุ่มไปด้วยน้ำเย็นๆ  และแอบหาที่หลบนั่งรอเวลานัด 
อย่างใจเย็น และสงบสติ  อารมณ์ที่สับสนแปรปรวนภายในใจ  เธอต้องไปหาอีก 2 คนด้วยภาวะปกติ ..เพื่อจะได้ไม่เกิดความเป็นห่วง
ของเพื่อนๆ
    ‘  นันท์ .มีอะไรป่ะวันนี้  ดูแกไม่ค่อยสบายเลย  ‘    พีระนันท์เงยหน้ามองเพื่อนที่นั่งข้างๆ  ที่ยังคงมองตรงไปข้างหน้าอย่างแปลกใจ
   
    ‘ แน่ะ  ยังมามองฉันยังกะตัวประหลาดอีก .ฉันถามแกเนี้ยว่าวันนี้ไปเจออะไรมา  ก็ตอบมาดิ่ ‘ 
                  มรกตยังคงเป็นมรกต  น้ำเสียงที่ดูเหมือนว่าจะว้ากเพื่อนอยู่ตลอดและขี้โวยวาย  แต่ใครจะรู้ว่ามรกตเป็นคนที่ละเอียดลออกับ
ทุกรายละเอียดของเพื่อนชนิดที่ต้องยกนิ้วให้  ไม่ต้องเอ่ยปาก  ไม่ต้องมองตา  ไม่ต้องหาคำพูดให้เสียเวลา  บางที่แค่พวกเธอไปนั่งใกล้ๆ 
หรือบางที่แค่อ้าปากพูดทักทายเท่านั้น  มรกตก็รู้แล้วว่าตอนนี้เพื่อนของเธอมีปัญหา  หรือเรื่องไม่สบายใจเป็นแน่ .
                แต่ถึงรู้อย่างนั้น .พีระนันท์ก็อยากจะรู้ว่าวันนี้มรกตรู้ได้อย่างไรว่าเธอมีเรื่องไม่สบายใจ  ทั้งๆที่เธอยังไม่ได้อ้าปากพูดอะไรออก
ไปเลยสักคำ  และคำตอบที่ได้ก็ชวนให้เธอรู้สึกอบอุ่นในใจอย่างประหลาด
‘ ก็ .แก .แกยิ้มไม่เหมือนทุกวันนี่  ไม่รู้สิ .. มันดูฝืนๆ ฝืดๆ ยังไงพิกล  บอกไม่ถูกอ่ะ  รู้แต่ว่ามีอะไรแน่ๆ  ‘
              นี่สินะที่เขาเรียกว่าเพื่อนแท้ เธอยังไม่ได้ขยับปาก ..ยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่างแค่ยิ้มเฉยๆ ..มันยังรู้ว่าเธอมีเรื่องไม่สบาย
ใจ .อยากตะโกนบอกมันจัง
                        “ฉันโค-ตะ-ระ  รักแกเลย !! ไอ้กต  แกมันเพื่อนแท้ของฉัน !!!! ฉันรักแก!!!!  “
                แต่ใครจะรู้ว่าคนที่เธอกำลังแอบตะโกนบอกรักมันในใจตอนนี้มีความคิดที่กำลังจะทำให้เธอปวดหัวแบบนรกกิน  และนึกแช่งชัก
หักกระดูกมันอยู่ ..
          มรกตชำเลืองมองเพื่อนซี้ที่วันนี้มันยังคงเหมือนเดิม ตอนที่ถามมันมันก็ไม่ตอบ  แล้วไอ้โรคที่จะมานั่งซักฟอกอย่างที่เคยๆ  ก็ยัง
ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะเธอกำลังมีเรื่องยุ่งๆที่ตอนนี้มามะรุมมะตุ้มอยู่ ..โอ้ย .ปวดหัว .เรื่องของเจ้านันท์เนี้ยไม่ใช่เรื่องยาก ..มันไม่
เล่า ..ไปแอบสืบเองก็ได้ว่ะ!!!   มรกตยิ้มมุมปากอย่างหมายมาดอยู่เงียบๆ
              เสียงอ๊อดหมดเวลาดังขึ้น ..พีระนันท์ยังคงเก็บของอย่างเรื่อยๆ เพราะวันนี้ยังไงๆเธอก็มีเวลาอีกเพียบ  ถึงเย็นเวลาเลิกชมรม
โน้น ..เอ .หรือบอกความจริงดีว้า .เฮ้อ ..เย็นนี้ .เย็นนี้เธอจะบอก .บอกความจริงกับทั้ง 2 คนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ..
              แต่พีระนันท์ก็คงจะไม่ทัน แม่เพื่อนตัวดีของเธอเป็นแน่
            พีระนันท์ เดินกินลมชมวิวอย่างสบายใจ  พลางหยิบมือถืออกมาต่อหูฟังเพลง  โดยที่ไม่รู้เลยว่า เวลานี้มีคนบางคนกำลังหงุดหงา
ตัวเองที่ตีลูกเสียไปจนนับไปไหวแล้วตลอด 1 อาทิตย์ ที่ผ่านมา
         
          “ โว้ย!!! “  นภกานต์ ระบายอารมณ์ตัวเองด้วยการเควี้ยงแร็กเก็ตกระเด็น  คนอื่นๆในสนามก็พลอยฟ้าพลอยฝนโดนอาละวาดไป
ด้วย  ยิ่งนับวันเขาก็ยิ่งดูหงุดหงิดง่าย  ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้อย่างที่เคย เขาไม่เคย ..ไม่เคยเป็นแบบนี้
        พี่แอ้มยืนกอดอกดูท่าทางของรุ่นน้องที่ดูเป็นหมาบ้าขึ้นทุกวันอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนใดๆ  กลับสมน้ำหน้ามันด้วยซ้ำ .เป็นไงล่ะ ..
เขาโกรธ .ไม่มาอีกเลย ..เพราะตัวมันเอง ..เพราะมัน .ที่ไม่เคยที่จะคิดขยับตัวทำอะไร .ไม่เคยที่จะพูดดีๆ .หรือทำแบบที่คนอื่นๆ .
คนปกติเขาทำกัน .ไอ้เด็กเอ้ย !!!
        ทันทีที่กริ่งขนานเอกที่ว่า “วันนี้พอแค่นี้ “ ดังขึ้น  คิมหันต์ก็เก็บงานทุกอย่างลงกระเป๋าพอเดินออกมาจากห้อง  ก็พบกับสตรีนางหนึ่งยืน
กอดอกพิงกำแพงไขว้ขารออยู่แล้ว
        “อ้าว .วันนี้กตไม่มีเรียนบ่ายเหรอ .”  พร้อมส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อบอดี้การ์ดประจำตัวยื่นมือออกมาหมายจะคว้ากระเป๋าเธอไปถือ
      “อือ วันนี้อาจารย์ยกเลิกคาบกระทันหันน่ะ ..”
        “แล้วลมอะไรหอบมาล่ะนี่ ..ถึงไปเดินมาหาเราถึงคณะแบบนี้ “  มรกตหลบตาเพื่อนวูบ  ทำทีเป็นมองบรรยากาศ แต่จริงๆแล้วเธอกลัว
ว่า .ถ้าไม่หลบตา จะโกหกคิมหันต์ไม่แนบเนียน ต่างหาก  แล้วหันกลับมาใหม่ด้วยใบหน้าที่ปั้นยิ้มอย่างแง่งอน  นัยน์ตาสีนิลกลบเกลื่อน
ทุกอย่างเรียบสนิท
      “ก็ไม่มีอะไรนี่ .แหม ..เราเดินมารับที่คณะเนี้ย ..ไม่ได้เหรอ .แบบมีหนุ่มๆซ่อนไว้ไม่ยอมบอกใช่มั้ย .หืม “  มรกตยื่นหน้าเข้าไป
ใกล้ๆ  ด้วยนัยน์ตาเจ้าชู้  จนอีกฝ่ายอดไม่ได้มือเล็กๆตีแขนแม่เพื่อนสาวตัวดีอย่างหมั่นไส้  มรกตยิ้มร่าหัวเราะอย่างสบายอารมณ์  ภาพๆนี้
ถ้าไม่ใช่คนที่คณะคิมหันต์  หรือมรกตที่เห็นการหยอกเย้าอย่างน่ารักๆ ของทั้งคู่เป็นเรื่องเคยชินแล้ว .ต้องคิดว่า ทั้ง 2 คนมีความสัมพันธ์ที่
ลึกซึ้ง .. อย่างที่เจ้าของร่างสูงเป็นแน่  ดวงตาสีน้ำตาลเข้มภายใต้กรอบแว่นบางๆ  ที่แอบอยู่มุมตึกมองภาพนั้นอยู่เงียบ  ก่อนจะหลับตา
ลงแล้วหันหลังเดินกลับไปตามทางที่ตนเดินมา .ที่ตอนนี้เข้าใจผิด ..ไปเรียบร้อยแล้ว
“ เอ้า!!  ว่าไง  บอกมาซะดีๆว่ามีเหตุอะไรพัดมาที่นี่ “  มรกตส่ายหน้ายิ้มๆให้กับปฏิกิริยาของเพื่อนที่นับวันก็ยิ่งให้ความรู้สึกว่ากำลังจะทันเธอ
ขึ้นทุกวันๆ  คิมหันต์กดดันด้วยการจ้องหน้า  ประมาณว่า ‘ ไม่บอกเหรอ แกกล้าไม่บอกฉันเหรอ ? ‘  จนสุดท้ายมรกตต้องถอนหายใจอย่าง
ปลงๆ ถ้าขืนเธอยังไม่บอก แม่คุณต้องเล่นสงครามสายตากับเธอแน่ๆ
“ก็ วันนี้น่ะ จะไปหาที่มาของสภาวะล่องลอยของไอ้นันท์มัน พอดีทนไม่ไหวแล้วอ่า  มันเป็นมาเป็นอาทิตย์ๆแล้ว  เห็นแล้วมันหงุดหงิด 
วันนี้ไหนๆก็ว่างแล้วก็เลยกะจะไปสืบดูหน่อย “คิมหันต์พยักหน้าอย่างเข้าใจสุดๆ    ก่อนที่จะถามต่อ
“แล้วกตล่ะมีเรื่องของตัวเองจะเล่าให้เราฟังมั้ย? หืม ห้ามโกหกนะ  “  แถมประกอบคำถามด้วยการหันมาทำตาโตๆใส่เสียอีก  มรกตได้แต่
ลอบถอนหายใจ  แม่นี่!! ทันเธอเสียจริงๆดิ่    ให้ตาย  มรกตหันไปมองหน้าแม่เพื่อนซี้ที่ยังคงทำตาโตใส่ = =  ได้แต่ถอนหายใจแล้วลูบหัว
ของอีกฝ่ายแบบที่ผู้ใหญ่ทำกับเด็กเล็กๆ
“ มี ก็ได้ ..แต่รอเรื่องของนันท์เคลียร์ไปก่อนแล้วกันนะ  รวมพลแล้วเล่าทีเดียว “  คิมหันต์มองหน้าเพื่อนแล้วแอบเห็นรอยเหนื่อยๆในตาคู่
สวย 
“ก้อด้าย . งั้น รีบไปเคลียร์เรื่องนันท์เถอะ  ฮิฮิ  เราอ่ะอย่างรู้เรื่องของกตแล้วล่ะ “  คิมหันต์รีบดึงเพื่อนไปที่คอร์ดเทนนิสของมหาลัยทันที 
ปล่อยให้มรกตรู้สึกอยากกัดลิ้นตัวเองเสียให้ได้ ไม่น่าไปรับปากมันเลย แต่ ช่างเถอะ. .  ไม่ช้าก็เร็ว ยังไงๆก็ต้องรู้อยู่ดี  ได้แต่คิด
อย่างปลงๆ
            ทันทีที่ไปถึงสนามเทนนิส ทั้ง 2 สาวก็เกือบหัวใจจะวาย  อยู่ๆก็มีไม้เทนนิสร่อนมากระแทกประตูรั้วเหล็กอย่างแรง ก่อนที่มรกตและ
คิมหันต์เปิดเพียงนิดเดียว    และอะไรๆก็คงจะไม่ร้ายแรงถ้ามันไม่อยู่ในระยะประชิดชนิดถ้าไม่มีรั้วกั้นไม่คิมหันต์ก็มรกตคงไปนอนเล่นใส่ชุด
สีฟ้าของโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว    มรกตหันควับเข้าไปมองภายในสนามด้วยในตาคมวาววับกวาดไปทั่วๆ  มรกตเปิดประตูก้าวเข้าไป
ในสนามแล้วคว้าไอ้ไม้เจ้ากรรมนั่นขึ้นมา  ถามเสียงเรียบแต่ดังกังวานไปทั่วสนามชนิดที่ชวนให้คนทั้งสนามขนลุกได้ทั่วหน้า
“  แร็กเก็ตอันนี้ของใครมิทราบ ? “  มรกตกวาดตามองหาเจ้าของ
“ของฉันเองแหละ “  เจ้าของไม้แร็กเก็ตเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงตามแบบฉบับของนักกีฬา  ผิวออกแนวคล้ำแดด  นัยน์ตาสีน้ำตาลดำ  หน้าตา
ก็ .o.k.แหละ  แต่ท่ายืนนี่สิ .มันแสนจะกวนโอ้ย !! 
“  นี่ .อันนี้มันแร็กเก็ตนะ  ไม่ใช่ลูกบอล  หรือลูกโบว์ลิ่ง  ที่จะได้เอาไว้โยนเล่น  เป็นนักกีฬาไม่ใช่เหรอ  ก็น่าจะรู้วิธีใช่อุปกรณ์ให้เหมาะ
สมอยู่แล้วนี่   แล้วถ้าเกิดมันไปโดนคนอื่นขึ้นมานายจะว่าไง “  มรกตปรับระดับสายตาขึ้นมอง  ด้วยความไม่พอใจ  ชายหนุ่มยัก
ไหล่อย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ  แล้วคำพูดที่หลุดออกมาทำให้มรกตนึกอยากจะเรียนหมอขึ้นมากระทันหัน  เพราะจะได้เย็บปากคนเอาแบบ
ชนิดเย็บด้วยไหมละลายจะได้ไม่สามารถใช้การได้อีก
“ก็ .ไม่ระวังเองนี่ จะไปโทษใครได้ “ 
              นัยน์ตาสีนิลวาวขึ้นอย่างรวดเร็ว  แล้วอะไรๆที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น  มรกตกำหมัดแน่นแล้วซัดเข้ากับหน้าหล่อๆเต็มแรง  จึงเกิด
เหตุการณ์ตะลุมบอนระหว่าง  หมา(พึ่ง)บ้ากับหมาบ้า (มาอาทิตย์นึงแล้ว )  คิมหันต์และคนในชมรมพยายามห้ามทั้ง 2 คนแต่ เอาหมาบ้าทั้งคู่
ไม่อยู่ ..  จนในที่สุดก็มีมือใหญ่มาจัดการหิ้วมรกตแยกออกมาและน้ำเย็นหนึ่งถังราดลงมาที่คู่กรณี    มรกตกำลังจะหันไปอ้าปากด่าเจ้าของ
มือใหญ่ๆแรงมหาศาลแต่ก็ต้องหุบปากฉับเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
              “ ไง “  คำพูดทักทายสั้นง่ายได้ใจความของเจ้าของร่างสูง  นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่มักจะอ่อนโยนเสมอบัดนี้กลับเรียบสนิท  ภายใต้
กรอบแว่นบางๆนั่นยิ่งทำให้ดูเหมือนคุณครูกำลังตำหนิเด็กไม่มีผิด  มรกตสงบลงพร้อมกับหยุดการขัดขืนทันที  ขณะที่อีกฝ่ายหลังจากได้น้ำ
เย็นกระติกใหญ่จากพี่แอ้มที่ไม่รู้ห้ามทั้ง 2 คนยังไงก็เริ่มมีสติขึ้นมาบ้าง
              “ไง .หายบ้าขึ้นมาบ้างหรือยัง ..แกบ้ามาตลอดอาทิตย์แล้ว  รู้สึกได้สติมั่งมั้ย ? หา .ไอ้กานต์ “  พี่แอ้มยืนท้าวเอวเอาเรื่อง 
ขณะที่นภกานต์ก้มหน้าเงียบ  เหลือบตาไปมองคู่กรณีที่เป็นผู้หญิงที่สูงพอๆกับเขา  นัยน์ตาสีนิลที่เมื่อกี้ยังวาววับอยู่นิ่งสงบลง  แต่ใบหน้ากลับ
งอง้ำอย่างไม่สบอารมณ์ในตอนนี้มีรอยฟกช้ำ  รอยแดงๆตามแขน  รอยถลอกได้เลือดตามขาและมุมปากที่ตอนนี้แม้มสนิทก็มีรอยเลือดให้
เห็น   เขาทำบ้าอะไร .นี่ถึงขนาดต่อยกับผู้หญิงเลยเหรอ ..เขาทำบ้าอะไรอยู่..!!!
                “ ขอโทษ “  น้ำเสียงนิ่งๆของอีกฝ่ายทำให้มรกตหันควับมามองอย่างเสียไม่ได้  ใบหน้าที่เธอเคยยอมรับว่าหล่อนั้นบัดนี้มีรอย
ชก  ริมฝีปากสีแดงสดมีเลือดขึ้นมาและอีกมากมายตามที่เธอสามารถแผลงอิทธิปาฏิหารย์ออกไป  แล้วก็อดไม่ได้  เพราะน้ำเสียงของคู่กรณี
กลับไม่มีแววไม่พอใจแต่อย่างใด
                “ฉันก็ ขอโทษ ที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน  “  มรกตมองสบตาของนภกานต์ที่นั่งตัวเปียกอยู่ที่พื้น  คนทั้งชมรมที่มายืนรุมล้อมอยู่รู้สึก
หายใจทั่วท้องขึ้นมาพร้อมๆกัน  “ขอโทษนะคะพี่แอ้ม .ที่มาสร้างความวุ่นวายให้ “      มรกตหันไปยกมือขอโทษพี่รหัสของเพื่อนซี้  พี่แอ้ม
ยิ้มให้  “โอ้ย . คิดอะไรมากเล่า ดีเหมือนกันนะ  ที่กตมาแผลงฤทธิ์  เลยทำให้ลูกหมาแถวนี้หายบ้าไปได้บ้าง  “  พลางชำเลืองไปมองเจ้า
ลูกหมาตัวน้อยๆที่ตัวเปียกโชกอยู่ที่พื้นสนาม  มรกตเห็นแบบนั้นเลยได้แต่ยิ้มแหยๆ 
   
.
    1 สัปดาห์แล้วที่เธอไม่ไปที่นั่นอีก  พร้อมๆกับกี่เธอพยายามหลบหลีกทุกคนที่ชมรม  ทั้งๆที่เธอไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย
เฮ้อ .  นั่นยังไม่นับอาการมองด้วยสายตาที่มีรอยอุ่นๆเจืออยู่ของเพื่อนซี้ทั้ง 2 คน .
    หลังจากที่เธอเดินสะบัดออกมา  พีระนันท์ก็กลับมานั่งจัดการกับกระเป๋าที่ชุ่มไปด้วยน้ำเย็นๆ  และแอบหาที่หลบนั่งรอเวลานัด 
อย่างใจเย็น และสงบสติ  อารมณ์ที่สับสนแปรปรวนภายในใจ  เธอต้องไปหาอีก 2 คนด้วยภาวะปกติ ..เพื่อจะได้ไม่เกิดความเป็นห่วง
ของเพื่อนๆ
    ‘  นันท์ .มีอะไรป่ะวันนี้  ดูแกไม่ค่อยสบายเลย  ‘    พีระนันท์เงยหน้ามองเพื่อนที่นั่งข้างๆ  ที่ยังคงมองตรงไปข้างหน้าอย่างแปลกใจ
   
    ‘ แน่ะ  ยังมามองฉันยังกะตัวประหลาดอีก .ฉันถามแกเนี้ยว่าวันนี้ไปเจออะไรมา  ก็ตอบมาดิ่ ‘ 
                  มรกตยังคงเป็นมรกต  น้ำเสียงที่ดูเหมือนว่าจะว้ากเพื่อนอยู่ตลอดและขี้โวยวาย  แต่ใครจะรู้ว่ามรกตเป็นคนที่ละเอียดลออกับ
ทุกรายละเอียดของเพื่อนชนิดที่ต้องยกนิ้วให้  ไม่ต้องเอ่ยปาก  ไม่ต้องมองตา  ไม่ต้องหาคำพูดให้เสียเวลา  บางที่แค่พวกเธอไปนั่งใกล้ๆ 
หรือบางที่แค่อ้าปากพูดทักทายเท่านั้น  มรกตก็รู้แล้วว่าตอนนี้เพื่อนของเธอมีปัญหา  หรือเรื่องไม่สบายใจเป็นแน่ .
                แต่ถึงรู้อย่างนั้น .พีระนันท์ก็อยากจะรู้ว่าวันนี้มรกตรู้ได้อย่างไรว่าเธอมีเรื่องไม่สบายใจ  ทั้งๆที่เธอยังไม่ได้อ้าปากพูดอะไรออก
ไปเลยสักคำ  และคำตอบที่ได้ก็ชวนให้เธอรู้สึกอบอุ่นในใจอย่างประหลาด
‘ ก็ .แก .แกยิ้มไม่เหมือนทุกวันนี่  ไม่รู้สิ .. มันดูฝืนๆ ฝืดๆ ยังไงพิกล  บอกไม่ถูกอ่ะ  รู้แต่ว่ามีอะไรแน่ๆ  ‘
              นี่สินะที่เขาเรียกว่าเพื่อนแท้ เธอยังไม่ได้ขยับปาก ..ยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่างแค่ยิ้มเฉยๆ ..มันยังรู้ว่าเธอมีเรื่องไม่สบาย
ใจ .อยากตะโกนบอกมันจัง
                        “ฉันโค-ตะ-ระ  รักแกเลย !! ไอ้กต  แกมันเพื่อนแท้ของฉัน !!!! ฉันรักแก!!!!  “
                แต่ใครจะรู้ว่าคนที่เธอกำลังแอบตะโกนบอกรักมันในใจตอนนี้มีความคิดที่กำลังจะทำให้เธอปวดหัวแบบนรกกิน  และนึกแช่งชัก
หักกระดูกมันอยู่ ..
          มรกตชำเลืองมองเพื่อนซี้ที่วันนี้มันยังคงเหมือนเดิม ตอนที่ถามมันมันก็ไม่ตอบ  แล้วไอ้โรคที่จะมานั่งซักฟอกอย่างที่เคยๆ  ก็ยัง
ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะเธอกำลังมีเรื่องยุ่งๆที่ตอนนี้มามะรุมมะตุ้มอยู่ ..โอ้ย .ปวดหัว .เรื่องของเจ้านันท์เนี้ยไม่ใช่เรื่องยาก ..มันไม่
เล่า ..ไปแอบสืบเองก็ได้ว่ะ!!!   มรกตยิ้มมุมปากอย่างหมายมาดอยู่เงียบๆ
              เสียงอ๊อดหมดเวลาดังขึ้น ..พีระนันท์ยังคงเก็บของอย่างเรื่อยๆ เพราะวันนี้ยังไงๆเธอก็มีเวลาอีกเพียบ  ถึงเย็นเวลาเลิกชมรม
โน้น ..เอ .หรือบอกความจริงดีว้า .เฮ้อ ..เย็นนี้ .เย็นนี้เธอจะบอก .บอกความจริงกับทั้ง 2 คนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ..
              แต่พีระนันท์ก็คงจะไม่ทัน แม่เพื่อนตัวดีของเธอเป็นแน่
            พีระนันท์ เดินกินลมชมวิวอย่างสบายใจ  พลางหยิบมือถืออกมาต่อหูฟังเพลง  โดยที่ไม่รู้เลยว่า เวลานี้มีคนบางคนกำลังหงุดหงา
ตัวเองที่ตีลูกเสียไปจนนับไปไหวแล้วตลอด 1 อาทิตย์ ที่ผ่านมา
         
          “ โว้ย!!! “  นภกานต์ ระบายอารมณ์ตัวเองด้วยการเควี้ยงแร็กเก็ตกระเด็น  คนอื่นๆในสนามก็พลอยฟ้าพลอยฝนโดนอาละวาดไป
ด้วย  ยิ่งนับวันเขาก็ยิ่งดูหงุดหงิดง่าย  ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้อย่างที่เคย เขาไม่เคย ..ไม่เคยเป็นแบบนี้
        พี่แอ้มยืนกอดอกดูท่าทางของรุ่นน้องที่ดูเป็นหมาบ้าขึ้นทุกวันอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนใดๆ  กลับสมน้ำหน้ามันด้วยซ้ำ .เป็นไงล่ะ ..
เขาโกรธ .ไม่มาอีกเลย ..เพราะตัวมันเอง ..เพราะมัน .ที่ไม่เคยที่จะคิดขยับตัวทำอะไร .ไม่เคยที่จะพูดดีๆ .หรือทำแบบที่คนอื่นๆ .
คนปกติเขาทำกัน .ไอ้เด็กเอ้ย !!!
        ทันทีที่กริ่งขนานเอกที่ว่า “วันนี้พอแค่นี้ “ ดังขึ้น  คิมหันต์ก็เก็บงานทุกอย่างลงกระเป๋าพอเดินออกมาจากห้อง  ก็พบกับสตรีนางหนึ่งยืน
กอดอกพิงกำแพงไขว้ขารออยู่แล้ว
        “อ้าว .วันนี้กตไม่มีเรียนบ่ายเหรอ .”  พร้อมส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อบอดี้การ์ดประจำตัวยื่นมือออกมาหมายจะคว้ากระเป๋าเธอไปถือ
      “อือ วันนี้อาจารย์ยกเลิกคาบกระทันหันน่ะ ..”
        “แล้วลมอะไรหอบมาล่ะนี่ ..ถึงไปเดินมาหาเราถึงคณะแบบนี้ “  มรกตหลบตาเพื่อนวูบ  ทำทีเป็นมองบรรยากาศ แต่จริงๆแล้วเธอกลัว
ว่า .ถ้าไม่หลบตา จะโกหกคิมหันต์ไม่แนบเนียน ต่างหาก  แล้วหันกลับมาใหม่ด้วยใบหน้าที่ปั้นยิ้มอย่างแง่งอน  นัยน์ตาสีนิลกลบเกลื่อน
ทุกอย่างเรียบสนิท
      “ก็ไม่มีอะไรนี่ .แหม ..เราเดินมารับที่คณะเนี้ย ..ไม่ได้เหรอ .แบบมีหนุ่มๆซ่อนไว้ไม่ยอมบอกใช่มั้ย .หืม “  มรกตยื่นหน้าเข้าไป
ใกล้ๆ  ด้วยนัยน์ตาเจ้าชู้  จนอีกฝ่ายอดไม่ได้มือเล็กๆตีแขนแม่เพื่อนสาวตัวดีอย่างหมั่นไส้  มรกตยิ้มร่าหัวเราะอย่างสบายอารมณ์  ภาพๆนี้
ถ้าไม่ใช่คนที่คณะคิมหันต์  หรือมรกตที่เห็นการหยอกเย้าอย่างน่ารักๆ ของทั้งคู่เป็นเรื่องเคยชินแล้ว .ต้องคิดว่า ทั้ง 2 คนมีความสัมพันธ์ที่
ลึกซึ้ง .. อย่างที่เจ้าของร่างสูงเป็นแน่  ดวงตาสีน้ำตาลเข้มภายใต้กรอบแว่นบางๆ  ที่แอบอยู่มุมตึกมองภาพนั้นอยู่เงียบ  ก่อนจะหลับตา
ลงแล้วหันหลังเดินกลับไปตามทางที่ตนเดินมา .ที่ตอนนี้เข้าใจผิด ..ไปเรียบร้อยแล้ว
“ เอ้า!!  ว่าไง  บอกมาซะดีๆว่ามีเหตุอะไรพัดมาที่นี่ “  มรกตส่ายหน้ายิ้มๆให้กับปฏิกิริยาของเพื่อนที่นับวันก็ยิ่งให้ความรู้สึกว่ากำลังจะทันเธอ
ขึ้นทุกวันๆ  คิมหันต์กดดันด้วยการจ้องหน้า  ประมาณว่า ‘ ไม่บอกเหรอ แกกล้าไม่บอกฉันเหรอ ? ‘  จนสุดท้ายมรกตต้องถอนหายใจอย่าง
ปลงๆ ถ้าขืนเธอยังไม่บอก แม่คุณต้องเล่นสงครามสายตากับเธอแน่ๆ
“ก็ วันนี้น่ะ จะไปหาที่มาของสภาวะล่องลอยของไอ้นันท์มัน พอดีทนไม่ไหวแล้วอ่า  มันเป็นมาเป็นอาทิตย์ๆแล้ว  เห็นแล้วมันหงุดหงิด 
วันนี้ไหนๆก็ว่างแล้วก็เลยกะจะไปสืบดูหน่อย “คิมหันต์พยักหน้าอย่างเข้าใจสุดๆ    ก่อนที่จะถามต่อ
“แล้วกตล่ะมีเรื่องของตัวเองจะเล่าให้เราฟังมั้ย? หืม ห้ามโกหกนะ  “  แถมประกอบคำถามด้วยการหันมาทำตาโตๆใส่เสียอีก  มรกตได้แต่
ลอบถอนหายใจ  แม่นี่!! ทันเธอเสียจริงๆดิ่    ให้ตาย  มรกตหันไปมองหน้าแม่เพื่อนซี้ที่ยังคงทำตาโตใส่ = =  ได้แต่ถอนหายใจแล้วลูบหัว
ของอีกฝ่ายแบบที่ผู้ใหญ่ทำกับเด็กเล็กๆ
“ มี ก็ได้ ..แต่รอเรื่องของนันท์เคลียร์ไปก่อนแล้วกันนะ  รวมพลแล้วเล่าทีเดียว “  คิมหันต์มองหน้าเพื่อนแล้วแอบเห็นรอยเหนื่อยๆในตาคู่
สวย 
“ก้อด้าย . งั้น รีบไปเคลียร์เรื่องนันท์เถอะ  ฮิฮิ  เราอ่ะอย่างรู้เรื่องของกตแล้วล่ะ “  คิมหันต์รีบดึงเพื่อนไปที่คอร์ดเทนนิสของมหาลัยทันที 
ปล่อยให้มรกตรู้สึกอยากกัดลิ้นตัวเองเสียให้ได้ ไม่น่าไปรับปากมันเลย แต่ ช่างเถอะ. .  ไม่ช้าก็เร็ว ยังไงๆก็ต้องรู้อยู่ดี  ได้แต่คิด
อย่างปลงๆ
            ทันทีที่ไปถึงสนามเทนนิส ทั้ง 2 สาวก็เกือบหัวใจจะวาย  อยู่ๆก็มีไม้เทนนิสร่อนมากระแทกประตูรั้วเหล็กอย่างแรง ก่อนที่มรกตและ
คิมหันต์เปิดเพียงนิดเดียว    และอะไรๆก็คงจะไม่ร้ายแรงถ้ามันไม่อยู่ในระยะประชิดชนิดถ้าไม่มีรั้วกั้นไม่คิมหันต์ก็มรกตคงไปนอนเล่นใส่ชุด
สีฟ้าของโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว    มรกตหันควับเข้าไปมองภายในสนามด้วยในตาคมวาววับกวาดไปทั่วๆ  มรกตเปิดประตูก้าวเข้าไป
ในสนามแล้วคว้าไอ้ไม้เจ้ากรรมนั่นขึ้นมา  ถามเสียงเรียบแต่ดังกังวานไปทั่วสนามชนิดที่ชวนให้คนทั้งสนามขนลุกได้ทั่วหน้า
“  แร็กเก็ตอันนี้ของใครมิทราบ ? “  มรกตกวาดตามองหาเจ้าของ
“ของฉันเองแหละ “  เจ้าของไม้แร็กเก็ตเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงตามแบบฉบับของนักกีฬา  ผิวออกแนวคล้ำแดด  นัยน์ตาสีน้ำตาลดำ  หน้าตา
ก็ .o.k.แหละ  แต่ท่ายืนนี่สิ .มันแสนจะกวนโอ้ย !! 
“  นี่ .อันนี้มันแร็กเก็ตนะ  ไม่ใช่ลูกบอล  หรือลูกโบว์ลิ่ง  ที่จะได้เอาไว้โยนเล่น  เป็นนักกีฬาไม่ใช่เหรอ  ก็น่าจะรู้วิธีใช่อุปกรณ์ให้เหมาะ
สมอยู่แล้วนี่   แล้วถ้าเกิดมันไปโดนคนอื่นขึ้นมานายจะว่าไง “  มรกตปรับระดับสายตาขึ้นมอง  ด้วยความไม่พอใจ  ชายหนุ่มยัก
ไหล่อย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ  แล้วคำพูดที่หลุดออกมาทำให้มรกตนึกอยากจะเรียนหมอขึ้นมากระทันหัน  เพราะจะได้เย็บปากคนเอาแบบ
ชนิดเย็บด้วยไหมละลายจะได้ไม่สามารถใช้การได้อีก
“ก็ .ไม่ระวังเองนี่ จะไปโทษใครได้ “ 
              นัยน์ตาสีนิลวาวขึ้นอย่างรวดเร็ว  แล้วอะไรๆที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น  มรกตกำหมัดแน่นแล้วซัดเข้ากับหน้าหล่อๆเต็มแรง  จึงเกิด
เหตุการณ์ตะลุมบอนระหว่าง  หมา(พึ่ง)บ้ากับหมาบ้า (มาอาทิตย์นึงแล้ว )  คิมหันต์และคนในชมรมพยายามห้ามทั้ง 2 คนแต่ เอาหมาบ้าทั้งคู่
ไม่อยู่ ..  จนในที่สุดก็มีมือใหญ่มาจัดการหิ้วมรกตแยกออกมาและน้ำเย็นหนึ่งถังราดลงมาที่คู่กรณี    มรกตกำลังจะหันไปอ้าปากด่าเจ้าของ
มือใหญ่ๆแรงมหาศาลแต่ก็ต้องหุบปากฉับเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
              “ ไง “  คำพูดทักทายสั้นง่ายได้ใจความของเจ้าของร่างสูง  นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่มักจะอ่อนโยนเสมอบัดนี้กลับเรียบสนิท  ภายใต้
กรอบแว่นบางๆนั่นยิ่งทำให้ดูเหมือนคุณครูกำลังตำหนิเด็กไม่มีผิด  มรกตสงบลงพร้อมกับหยุดการขัดขืนทันที  ขณะที่อีกฝ่ายหลังจากได้น้ำ
เย็นกระติกใหญ่จากพี่แอ้มที่ไม่รู้ห้ามทั้ง 2 คนยังไงก็เริ่มมีสติขึ้นมาบ้าง
              “ไง .หายบ้าขึ้นมาบ้างหรือยัง ..แกบ้ามาตลอดอาทิตย์แล้ว  รู้สึกได้สติมั่งมั้ย ? หา .ไอ้กานต์ “  พี่แอ้มยืนท้าวเอวเอาเรื่อง 
ขณะที่นภกานต์ก้มหน้าเงียบ  เหลือบตาไปมองคู่กรณีที่เป็นผู้หญิงที่สูงพอๆกับเขา  นัยน์ตาสีนิลที่เมื่อกี้ยังวาววับอยู่นิ่งสงบลง  แต่ใบหน้ากลับ
งอง้ำอย่างไม่สบอารมณ์ในตอนนี้มีรอยฟกช้ำ  รอยแดงๆตามแขน  รอยถลอกได้เลือดตามขาและมุมปากที่ตอนนี้แม้มสนิทก็มีรอยเลือดให้
เห็น   เขาทำบ้าอะไร .นี่ถึงขนาดต่อยกับผู้หญิงเลยเหรอ ..เขาทำบ้าอะไรอยู่..!!!
                “ ขอโทษ “  น้ำเสียงนิ่งๆของอีกฝ่ายทำให้มรกตหันควับมามองอย่างเสียไม่ได้  ใบหน้าที่เธอเคยยอมรับว่าหล่อนั้นบัดนี้มีรอย
ชก  ริมฝีปากสีแดงสดมีเลือดขึ้นมาและอีกมากมายตามที่เธอสามารถแผลงอิทธิปาฏิหารย์ออกไป  แล้วก็อดไม่ได้  เพราะน้ำเสียงของคู่กรณี
กลับไม่มีแววไม่พอใจแต่อย่างใด
                “ฉันก็ ขอโทษ ที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน  “  มรกตมองสบตาของนภกานต์ที่นั่งตัวเปียกอยู่ที่พื้น  คนทั้งชมรมที่มายืนรุมล้อมอยู่รู้สึก
หายใจทั่วท้องขึ้นมาพร้อมๆกัน  “ขอโทษนะคะพี่แอ้ม .ที่มาสร้างความวุ่นวายให้ “      มรกตหันไปยกมือขอโทษพี่รหัสของเพื่อนซี้  พี่แอ้ม
ยิ้มให้  “โอ้ย . คิดอะไรมากเล่า ดีเหมือนกันนะ  ที่กตมาแผลงฤทธิ์  เลยทำให้ลูกหมาแถวนี้หายบ้าไปได้บ้าง  “  พลางชำเลืองไปมองเจ้า
ลูกหมาตัวน้อยๆที่ตัวเปียกโชกอยู่ที่พื้นสนาม  มรกตเห็นแบบนั้นเลยได้แต่ยิ้มแหยๆ 
   
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น