ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Friend Ship บันทึกรักเพื่อนเลิฟ

    ลำดับตอนที่ #3 : กระติกน้ำ....ลูกบอล....เปียก.และ...แตกหัก

    • อัปเดตล่าสุด 5 ต.ค. 48


    The  Friends  Ship  =O_O=

    ………………..

    ……………………………





        หลังจากที่ฟังเพื่อนรักระบายอารมณ์จนหมดแล้ว  มรกตที่พยายามกลั้นหัวเราะจนตัวสั่น   ขณะที่คิมหันต์ต้องนั่งอมยิ้มจนแก้ม



    ป่อง  เจ้าของเรื่องได้แต่มองเพื่อนตาขวาง





        “ ขำอะไรกันมิทราบย่ะ!! “

        



        ในที่สุดตบะของมรกตก็กระจาย.....หัวเราะออกมาลั่นรถ  หน้าที่งออยู่แล้วยิ่งง้ำลงไปอีก  คิมหันต์ก็ทำเป็นหันออกไปดูวิวนอกรถ



    แต่ก็นะ.....แอบหัวเราะ ....แบบรักษาน้ำใจเพื่อน......





        หัวเราะอะไรกันนักกันหนาวะ !!!

        



        พีระนันท์ได้แต่นั่งหน้างอด้วยความไม่พอใจ   นั่นเลยทำให้คิมหันต์สะกอดแม่ตัวดี อย่างมรกต  ให้หยุดการหัวเราะแบบ



    nonstop   มรกตเอามือเช็ดน้ำออกกก่อนจะพยายามเรียกสติของตัวเองที่หลุดออกไปด้วยวิธีการแก้เผ็ดที่แสนน่ารักของเพื่อนซี้ให้กลับสู่



    สภาพปกติอย่างยากลำบาก



        “พูดจริงๆนะความนี้โมโหแบบสุดๆ  ยังไงๆก็ไม่ไปทำอีกแล้วด้วย “  พีระนันท์กอดอกทำหน้าขึงขังอย่างดื้อรั้น  นานๆทีที่เพื่อนจะ



    ได้เห็นโหมดนี้  





        “ เฮ้ยๆ!! ใจเย็นๆ    อย่าพึ่งแปลงร่างนะแก  เดี๋ยวรถชั้นพัง !! “ (ว่าไปนั่น )  มรกตว่าพลางเอามือตบไหล่เพื่อน   ซึ่งตอนนี้มีภาวะ



    อยากจะแปลงร่างขึ้นมาจริงๆเสียแล้ว





        “ยายกต!!! อย่าขับรถมือเดียว !!! “  





        คิมหันต์หยิกหมับเข้าที่ต้นแขนให้พอรู้สึกเจ็บๆคันๆในความรู้สึกของเจ๊แก  แต่เจ็บจี๊ดใวนความรู้สึกของผู้ถูกกระทำ  มรกต



    พยายามจะเอาแขนตัวเอวออกจากการถูกคีบ....แต่ไม่ว่ายังไงแม่คุณก็ไม่ยอมปล่อยซ้ากกาที

        



        “อ้ากๆๆๆ  ปล่อยเค้าน้า  เค้าเจ็บบบบ~…… “  คิมหันต์หันขวับไปพูดพีระนันท์ ทั้งๆที่มือก็ยังคีบเนื้อของแม่ตัวดีอยู่



        

        “นันก็เหมือนกัน...ใจเย็นๆอย่าใจร้อนไป   ถ้านันออกตอนนี้ก็เหมือนกับว่ายอมแพ้เขานะ   สู้นันอยู่ต่อไปสู้กับเขาอีกสักตั้ง 2 ตั้ง  



    พิสูจน์ไปเลยว่า นันอ่ะสามารถอยู่ได้นาน...กว่าที่เขาคิดไม่ดีกว่าเหรอ “  



        คิมหันต์หยอดท้ายให้เพื่อนผู้ไม่ค่อยจะยอมเรื่องโดนท้าทายความสามารถ  พีระนันท์ยังคงนั่งกอดอกนิ่งไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้



    อะไรออกมา  แต่เพื่อนกันก็ย่อมรู้ดีว่าตอนนี้ในใจของแม่คุณกำลังตรองคำพูดที่พึ่งจะผ่านเข้าหูไปอย่างหนัก    มรกต มองคิมหันต์ที่ตอนนี้นั่ง



    อมยิ้มอยู่ที่เบาะหลังอย่างเป็นต่อ   และจึงชำเลืองมองอีกคนที่นั่งข้างเธอ  แล้วก็อมยิ้ม



        หึหึ.....!!! งานนี้มีอะไรสนุกให้ดูแน่ๆ !!!







                 พีระนันท์ถอนหายใจหนักๆ  อย่างคนทำใจ  ยังไงๆ  เธอก็ทนการออดอ้อนของเพื่อนๆ พี่ๆ ไม่ไหวใช่มั้ยเนี้ย...!!!



        ก่อนหน้านี้พี่แอ้มก็เดินมาหาเธอถึงห้อง  แถมใช้ความสามารถในการชักแม่น้ำทั้ง 5  มาหว่านล้อมเธออย่างสุดความสามารถ



    แถมด้วยตอนเช้า แม่คุณคิมหันต์ พูดกรอกหูตั้งแต่เธอขึ้นรถเลยว่า ให้มานะวันนี้นะ  ไม่มาไม่ได้นะมันจะเสียคำพูด   และอื่นๆอีกมากมายที่



    แม่เจ้าประคุณจะสามารถคิดออกในนาทีนั้น   ขนาดมรกตก็ยังเอากับเขาด้วย  รับปากเธอเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะรีบพาคิมหันต์ตามเธอมาที่



    คอร์ดเย็นนี้ทันทีที่อาจารย์ปล่อย  







                     จนแล้วจนรอดเธอก็ทนไม่ไหว   เลยต้องมายืนถอนหายใจอยู่หน้าประตูคอร์ดอย่างตอนนี้    แต่ข้อแม้ที่เธอยื่นไปเรียบร้อยแล้ว



    ว่า   ถ้าเธอยังโดนอีตาบ้านั่นแกล้งอยู่อีกล่ะก็......เธอจะไม่มาเหยียบคอร์ดอีก !!!!









                        พีระนันท์เดินเข้าคอร์ดด้วยอารมณ์ที่พยายามทำใจเรียบร้อยแล้ว  ส่งเสียงทักทายอย่างร่าเริงเหมือนเคย  โดยไม่ได้นัด



    หมาย....สายตาเอก็ไปสบเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้าให้  นภกานต์พยักหน้าให้เป็นเชิงทักทาย  สร้างความแปลกใจให้พีระนันท์อย่างยิ่งยวด





    “ นี่.... แม่คุณคนเค้าอุตส่าห์ทัก  ไม่ทักตอบก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ  แต่ดันมาทำหน้าเอ๋อใส่อีก.... เฮ้อ...คนเรานะคนเรา .. “





                      พีระนันท์เควี้ยงค้อนให้เป็นรางวัลในความปากดี  แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะร่วน หันกลับไปวอมร่างกายต่อปล่อยให้เธอกระฟัด



    กระเฟียดวางกระเป๋าใบเก่งอย่างเคืองๆและปฏิบัติหน้าที่ของตนเองต่อไป







                        ช่วงพักพีระนันท์ยังคงทำหน้าที่ของเธออย่างปกติจนผ่านคอร์ดของนภกานต์ที่กำลังซ้อมให้เพื่อนในคอร์ดอยู่  เป็นคอร์ดที่



    เสียงดังที่สุด  เพราะพี่แกตีไปก้อตะโกนด่าไป  ด้วยความที่คู่ของตนนั้นไม่ได้ดั่งใจ พีระนันท์มองภาพนั้นอย่างขำๆ  และตะโกนบอกว่าเอาน้ำ



    วางไว้  แล้วหมุนตัวเดินออกมาจะเอาถาดไปเก็บ  แต่แล้วก็เหมือนเห็นภาพสโลโมชั่น…





                           ลูกบอลกลมๆสีเขียวๆ  พุ่งตรงดิ่งเหมือนอย่างกะว่ากะเกินจุดหมายไว้แล้วอย่างแน่นอน    จุดหมาย…..สายตาเธอก็ไปหยุด



    ที่กระติกน้ำ….



                                                  ปั้ก….โครม…. ซ่า…..

        

        



               น้ำชนิดเย็นพิเศษเทหกลงไปทั้งกระติก…..กระเป๋าเธอวางที่พื้น…..งาน..มือถือ…กระเป๋าตังค์…งาน!!! จุดสี……….





    กรี๊ด………………..




        พีระนันท์รีบวิ่งไปที่ระเป๋าด้วยความเร็วชนิดที่น่าทึ้ง  ควานหาแฟ้มงานทันที  กระดาษในนั้นทั้งหมดเปียกไม่เหลือชิ้นดี  เธอไม่



    สนใจเท่างานจุดสีเมจิกทั้ง 3 ชิ้น  ที่ตอนนี้ไม่เหลือเค้าของเดิมเลยแม้แต่น้อย  สีทุกสีที่บรรจงทำตอนนี้ไหลมารวมกันหมด  เวลาหลายวันที่



    ผ่านมาแลกกับกระดาษเปียกๆ  3 ใบ  ยังไม่นับงานร่างแบบอีกหลายชิ้น

        



        ทั้งสนามเงียบกริบชนิดที่ว่าถ้าเข็มหล่นลงมาสักอันคงได้ยินกันทั้งสนาม  พีระนันท์ตวัดสายตาไปที่ลูกบอลสีเขียวตัวต้นเหตุที่กลิ้ง



    ไปกลิ้งมาเบาๆ  เหมือนกำลังเยอะเย้ยอยู่ก็ไม่ปาน   พีระนันท์หยิบขึ้นมาพลิกเลขที่เขียนไว้  เพื่อดูว่าไอ้บ้าหน้าไหนที่เป็นคนส่งเจ้าซาตาน



    น้อยๆสีเขียวลูกนี้มาให้เธอ…



    เลขที่ออก……



    ….

    ……



    4……..



        พีระนันท์ (ตอนนี้กลายเป็นหมาบ้าไปแล้ว ) ก็หันขวับตาขวาง (แบบหมาบ้า ) ไปที่คอร์ดสุดท้าย  ซึ่งได้แต่ยืนทำหน้าเจื่อนๆ  



    เสียงที่มักจะร่าเริงอยู่เสมอ บัดนี้กลับเรียบสนิท





    “ ใครเป็นคนตีมา…”    ทั้ง 2 คนได้แต่ยืนมาหน้ากันไปมา  แต่ดูจากทิศแล้วคงไม่พ้น….



    “นายใช่มั้ย…นภกานต์ “



                    แต่สิ่งที่ตอบกลับมาคือความเงียบ…ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปาก  ไม่มีแม้แต่คำขอโทษหรือคำแก้ตัวใดๆ  พีระนันท์ ยิ้มมุม



    ปากเหมือนกำลังสะใจอะไรสักอย่าง



    “นายรู้มั้ย  ว่าฉันใช้เวลาขนาดไหนกว่า 3 รูปนี้จะเสร็จเรียบร้อย……..รู้มั้ย..ว่าฉันต้องใช้เวลาเท่าไหร่ที่คิดออกแบบ นั่งวาด  แบบร่างพวกนี้  “

        





        พีระนันท์จ้องหน้าอย่างไม่ลดละ  เหมือนต้องการคำตอบจากคำถามที่เธอถามเขาไปเมื่อครู่   และเป็นนภกานต์เองที่ต้องหลุบสาย



    ตาไปก่อน



        “นายรู้มั้ย…ว่านายใช้เวลาเท่าไหร่กับความไม่ระวัง  กับความเผลอ  ที่นายตบไปไอ้ลูกบ้าๆนี่มา “   พีระนันท์คว้างลูกบอลสีเขียว



    อัดเข้าที่อกของนภกานต์อย่างแรงเหือนเป็นการระบายออกมา  นภกานต์เอง…ก็ไม่คิดที่จะหลบ  แม้ใจจริงเขาแค่เบี่ยงตัวนิดเดียวก็พ้นแล้ว    “



    ทำงานของฉันที่ใช้เวลาไปตั้งหลายวันพินาศย่อยยับ ไม่เหลืออะไรเลยแบบนี้ !!  “       พีระนันท์เควี้ยงกระดาษทั้งรีมใส่หน้าเขา  มองเขาด้วย



    สายตาตัดพ้อรุนแรง  ความโกรธความโมโห  ก่อนจะหันหลังเดินจากไปปล่อยให้เขายืนคว้างอยู่แบบนี้……กระดาษเมื่อกี้ปลิวแผ่วเบาตามสาย



    ลมอ่อนๆ  เหมือนเป็นการส่ง  ที่เจ้าของของมันกำลังเดินออกไปจากคอร์ดอย่างไร้เยื่อใย  











        เจ็บ…..เจ็บจนชา……เมื่อรู้ว่าเธอใช้เวลาและความตั้งใจลงไปมากมายแค่ไหน…กับกระดาษที่เธอโยนอัดใส่เขา…..ถ้าเพียงแต่



    ว่า…..เขาจะบอก…..บอกว่า….เขาไม่ได้ตั้งใจสักนิดเดียว….เธอจะเชื่อเขามั้ย?….หึ…..คงยาก….เพราะในสายตาของเธอ…..เขามันก็แค่อีตา



    บ้า….นายกวนประสาท….คู่แข่ง….ศัตรู…….เขา….คงเป็นได้แค่นั้นจริงๆ……………………


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×