ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Friend Ship บันทึกรักเพื่อนเลิฟ

    ลำดับตอนที่ #2 : ความปั่นป่วนเริ่มตั้งเค้า

    • อัปเดตล่าสุด 27 ส.ค. 48


    The  Friends  Ship  =O_O=



        





                     วันนี้นับเป็นวันที่ 4 แล้วที่มรกตและคิมหันต์วนรถมารับพีระนันท์   บริเวณคอร์ดเทนนิสของมหาวิทยาลัย  ที่พี่รหัสของ



    เจ้าตัวขอร้องให้มาช่วยกันหน่อย  แต่วันนี้แม่คุณนายเธอเดินมาดักที่หน้าหอสมุดแทน  แถมหน้าเงี้ยหงิกจนจะตักแกงได้อยู่แล้ว  



    ตาแม่คุณก็….เอ่อ..หือ….ไม่กล้าอยู่ใกล้เดี๋ยวโดนโดดกัดแล้วจะติดโรคพิษสุนัขบ้า ( ! )









                                [I]ปึง !!!





        เสียปิดประตูเลื่อนลัน  เล่นเอาคนในรถสะดุ้งโหยง  โดยเฉพาะเจ้าของรถ





                “นี่ๆๆ  แม่คู้ณ  ประตูรถน่ะปิดให้มันเบาๆหน่อยไม่ได้หรือไง  จะให้มันติดมือมาตามมาเลยมั้ยจ๊ะ  จะโกรธอะไรใครมาก็อย่า



    มาลงกับข้าวกับของสิจ๊ะ  โดยเฉพาะไอ้ของที่ว่าน่ะมันไม่ใช่ของตัวเอง “







        มรกตพูดแบบที่เล่นทีจริง  แม่เพื่อนตัวดีนั่งพิงเบาะกอดอกทำหน้ามุ่ย  ชัดเลยทีนี้ว่าคงมีใครไปเอารังแตมายัดใส่ปากเจ้า



    หน่อยเป็นแน่แท้  คิมหันต์เลยโผล่หน้ามาตรงกลางระหว่างเบาะคู่หน้า  เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน





                “นัน  มีเรื่องอะไรหรือเปล่า  เล่าให้พวกเราฟังได้มั้ย ? “



                 “นั่นสิ….เผื่อจะลดการแปลงร่างเป็นยักษิณีลงมั้งไง “  มรกตยังไม่วายกัดเพื่อนเข้าอีกหนึ่งงับ





        พีระนันท์ถอนหายใจยาว  แล้วเริ่มเล่าเรื่องโดยตลอดให้เพื่อนๆฟังอย่างใจเย็น  “ก้อ คือ….วันนนั้นน่ะ……”   พลางนึก



    ย้อนถึงเหตุการณ์ที่สาบานกับตัวเองไว้ว่าจะขอจดจำและเจ็บแค้นไปตลอดชีวิต!!







        เมื่อ 4 วันก่อนที่พี่แอ้ม  พี่รหัสที่สุดแสนจะน่ารักของเธอมาขอร้องให้ไปช่วยงาน…..ซึ่งงานนี้ก็คือ  ช่วยว่าเป็นผู้จัดการ



    ชมรมให้หน่อย  เนื่องด้วยเพราะว่า คนก่อนออกไปกระทันหันและยังหาคนมาแทนมาตอนนี้ไม่ได้เลยให้เธอมาเป็นผู้รักษาการแทน



    ไปก่อนในตอนนี้





        ทันทีที่เท้าแตะสนาม  พี่แอ้มก็แนะนำให้เธอรู้จักกับสมาชิกทุกคนในชมรม  ซึ่งทุกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี  ยิ้มแย้ม  



    ทักทายอย่างเป็นกันเอง  









    “ เอ๋   แล้วไอ้กานต์ล่ะ  ยังไม่มาเหรอ ? “  พี่แอ้มทักขึ้น





    “โน้นๆๆ เดินมาโน้นแล้ว “



        

        นภกานต์  หรื่อไอ้กานต์  (ตามที่พี่แอ้มเรียก )  บอกได้คำเดียวเลยว่า  ถ้าเธอไปเจอหรือเดินสวนกันข้างนอก  เธอคงไม่เชื่อ



    แน่ๆว่า หมอนี่จะเป็นนักศึกษาธรรมดา  เพราะท่าทางพี่แกเหมือนพวกจิ๊กโจ๋หน้าปากซอยมากกว่า  ผมค่อนข้างยาวสีดำสนิท  



    แบกเป้ใบโต   กระดานวาดรูป  แร็กเก็ต  กางเกงยีนขาดๆ ไม่ต้องมีใครบอกก็สามารถรู้ด้วยตนเองได้เลยว่า  หมอนี่เรียนคณะอะไร



        

        “เห้ยๆๆ มานี่หน่อยดิ “  พี่แอ้มกวักมือเรียก “ จิ๊กโก๋ “ ให้เดินเข้ามา  “นี่ เจ้ากานต์นะนัน   ไอ้กานต์นี่นัน  ผู้จัดการคนใหม่



    เป็นน้องรหัสข้า  “







        ในระยะนี้  เธอจึงมีโอกาสได้สังเกตอะไรๆมากขึ้น  คิ้วเข้มๆ ผิวคล้ำแดด  ผู้ชายคนนี้คงจัดว่าดูดี  น่ามองคนนึงถ้าตัด…



    ท่ายืนที่แสนยียวนในสายตาของเธอ และนัยน์ตาสีน้ำตาลดำที่มองมาพร้อมกับยกมุมปากขึ้นข้างนึง  นี่ถ้าไม่ติดว่าพี่แอ้มยืนอยู่



    และเธอต้องการจะสร้างความประทับใจและล่ะก็  เธอคงจะเดินไปกระชากคอเสื้อมาเขย่าๆให้มันรู้แล้วรู้รอด  ก็สายตาของไอ้หมอ



    นี่มันกำลังเยอะเย้ยดูถูกเธออยู่!!!!





        น้ำเสียงเรื่อยๆหน้าฟังเอ่ยออกมาก่อนที่เธอจะเดือดเป็นไฟและควบคุมตัวเองไม่อยู่  แต่คำพูดมันก็….หืม….น่าจับไปกด



    น้ำตาย  หรือ ไม่ก็ฆ่าหมกป่าให้รู้แล้วรู้รอด





                   “ จะไหวเหรอพี่.....เดี๋ยวก็เหมือนคนก่อนอีกหรอก....ผมว่าไม่ไหวหรอก....”  สายตาที่มองหัวจรดเท้าเท้าจรดหัวยิ่ง



    ทำให้เธอรู้สึกอยากจับมันไปโขกกันพื้นสนามมากขึ้น





                   “ เห้ย...เอ็งๆ ให้เขาลองทำดูก่อนดิ่  อย่าพึ่งไปประเมินใครจากภาพภายนอกสิ “  คนฟังยิ้มมุมปาก





                   “ หึ..... ผมพนันเลย  อยู่ไม่เกิน 3 วันแน่นอน !! “



        



                  อารมณ์ในตอนนั้นเหมือนมีใครเอาฉาบมาตีแบบสุดแรงเกิดที่ข้างหู  นัยน์ตาสีน้ำตาลมีแววเรืองรองด้วยความโมโหออก



    มาอย่างไม่เกรงใจ  มือทั้ง 2 ข้างกำหมัดแน่นเพื่อสะกดอารมณ์ไว้  ขณะที่อีกฝ่ายยืนล้วงกระเป๋า  ยักคิ้วให้อย่างกวนอารมณ์



    ในที่สุดฟิวส์อารมณ์เธอก็ละลายและขาด...  





                    “ก็เอาสิ.....ฉันจะอยู่ให้เกิน 3 วันให้ได้...คอยดู...ฉันจะอยู่!!! จะลบคำพูดของนายให้ดู !!! “



        



                    พีระนันท์พยายามศึกษางานของผู้จัดการ  ซึ่งมันก็ไม่ได้ยากอะไรมากมายจนเกินความสามารถที่เธอมีถึงแม้ว่าจะต้อง



    อาศัยการควบคุมอารมณ์ขั้นสูงสุด  เพื่อป้องกันภาวะกวนประสาทของอีตานั่น    ระหว่างพักเธอต้องเดินเสริฟน้ำบริการสมาชิก  



    ดูเหมือนมันจะไม่มีอะไรมากมาย....แน่นอนมันย่อมจะง่ายถ้าไม่มีไอ้ลูกกลมๆสีเขียวสดใสกระแทกใส่เหมือนมันอยากจะบอกว่า



    ‘ มาเล่นกันๆ ‘



    ซึ่งอีตาบ้านั่นส่งมาหยอกอยู่ตลอดเวลา  และที่มันน่าโมโหก็คือ.... ไอ้บ้านั่นมันดันตบแม่น!!!อาจจะไม่ได้ใส่แรงอะไรมากมายนัก...



    แต่มันก็มากพอที่จะทำให้เธอเกิดความหงุดหงิดและอยากจะร่อนถาดน้ำใส่หัวคนก่อเรื่องสักที   พอหันไปมองก็ดันเดาะลูกเล่นทำท่า



    สบายอารมณ์เสียเหลือเกิน..... ไอ้เราจะไปทำอะไรได้ก็ได้แต่กัดฟันด้วยความโมโห  สมองของเธอหมุมด้วยความรวดเร็ว......







    แค้นนี้ต้องชำระ



        



                   พีระนันท์เดินมาเสิร์ฟจนถึงคนสุดท้าย.....นภกานต์...ด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง....แต่ถ้าคนที่สนิทสนมใกล้ชิดจะรู้ทันทีว่าตอนนี้



    ปรอทของเจ้าหล่อนกำลังจะแตกเต็มทน   พีระนันท์หยิบแก้วน้ำส่งให้ด้วยท่าทีปกติ  ปฏิบัติเหมือนกับคนอื่นๆเพื่อไม่เป็นการแหวก



    หญ้าให้งู (อย่าหมอนั่น) ตื่น   ซึ่งก็เป็นไปตามความคาดหมาย.....งูไม่ตื่น...     อีกฝ่ายกำลังเอื้อมมือออกมารับ (อย่างไม่ตื่น )



    แต่ด้วยความไวที่เมื่อเวลาโกรธจะเพิ่มขึ้น   พีระนันท์ชักมือออกและเทน้ำทั้งแก้วบวกกับน้ำแข็งชนิดเย็นได้ใจลงบนหัวอีก



    ฝ่ายทันที !!!!







    “ เป็นไง....หัวเย็นขึ้นมั้ย ? “







        พีระนันท์เดินผ่านเขาพร้อมๆกับร้อยยิ้มเย็นเป็นของแถมทิ้งให้นภกานต์ยืนอึ้งกับความเย็นที่หัว (! )  ไม่ใช่แค่เขา



    เท่านั้นแต่ต้องเรียกว่าคนทั้งชมรมที่มองเห็นเหตุการณ์ทีเดียว...รู้สึกเย็นที่สันหลัง...







        พีระนันท์วางถาดกระแทกเสียงดังเป็นการระบายอารมณ์ที่ยังระบายออกไปไม่หมด...แล้วหันไปคว้ากระเป๋าเดินปึงปัง



    ออกมา



            “เฮ้ย!!นันจะไปไหนอ่ะ“  พี่แอ้มรีบกระโจนออกมาถามเมื่อเห็นน้องรหัสที่ตนรับผิดชอบอยู่สะพายกระเป๋าเดินออกมาจากห้องชมรม









             “กลับบ้านอ่ะพี่.. ขืนอยู่ต่อนะ  เดี๋ยวได้ประทุษร้ายร่างกายใครในชมรมของพี่แน่ๆ “





             “ง่า.....อย่าไปถือมันเลยนะ...คิดซะว่า  อย่าถือคนบ้า  อย่าว่าคนเมาก็แล้วกัน “





            “ โฮ้ !! พี่!! คนเมาเมืองไหนกันล่ะคะที่เที่ยวมาตบลูกเทนนิสใส่ชาวบ้านชาวช่องเขาแบบนี้  แถมแม่นด้วย…ที่แน่ๆไม่ใช่แถว



    บ้านนันล่ะ!!  ยังไม่นับการขัดขวางการทำงานของนันสาระพัดวิธีที่งัดออกมาใช้   งานคราวก่อนที่ทำน้ำหกใส่นันก็พึ่งนั่งทำตาแฉะ



    ไปนะคะ “    พีระนันท์กอดอกอย่างดื้อดึง





            “ มันอาจจะไม่ตั้งใจก็ได้ “  พี่แอ้มพยายามที่จะแก้ต่างแทนรุ่นน้องในชมรม  ถ้าไม่มียาดำมาแทรกเสียก่อน



          



            “ ใครว่าล่ะ….ผมตั้งใจจะตายไป “





                    

                      ทั้ง 2 คนหันไปมองต้นตอของเสียงด้วยอารมณ์ที่ต่างกันโดยสิ้นชิง  คนหนึ่งนึกอยากจะไปจับคอซึ่งเป็นที่ตั้งของ



    หน้าหยิ่งๆนั่นกับลูกตากวนประสาทจับมันควักออกมาเสียให้รู้แล้วรู้รอด  ส่วนอีกคนนึกเหมือนกัน  แต่นึกอยากจะเดินไปเขย่าๆ



    เรียกสติความคิดความอ่านของมันให้กลับมาเข้ารูปเข้ารอยหรือไม่ก็เอาไม้เทนนิสที่มันเดาะ ‘ เจ้าตัวต้นเหตุ’  สีเขียวๆนั่นมาฟาดๆๆ



    มัน ให้หายเครียดที่บังอาจมาขัดจังหวะการอธิบายและแก้ต่างให้มันอยู่









        พีระนันท์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนหลังจากต่อสู้กับความรู้สึกอยากฆ่าคน (! ) และได้รับชัยชนะในที่สุด  แล้ว



    ปรับน้ำเสียงให้เข้าที่เข้าทาง





                 “เอาเถอะค่ะ….ยังไงๆวันนี้นันก็ขอกลับก่อนนะคะ ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนข้อหาพยายามฆ่า “  ว่าแล้วจึงเดินออกไปอย่าง



    รวดเร็ว  ปล่อยให้อีก 2 คนยืนตีความหมายของประโยคสุดท้ายที่เป็นตลกหน้าตายไว้ให้คิดเล่นๆ  ทันทีที่คล่อยหลังพีระนันท์ไปแล้ว  



    นภกานต์ที่ยืนกระพริบตาอีก 2 วินาที ก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมา พี่แอ้มเท้าเอวหมับ







              “ยังจะมีหน้ามาหัวเราะอีกนะพ่อตัวดี!! “  พี่แอ้มจ้องด้วยสายตาขุ่นเขียวด้วยความไม่พอใจ  ผิดจับคนโดนดุที่ยังหัวเราะระรื่น



    อยู่เลย…





              “น้องรหัสพี่นี่แปลกดีนะ…ท่าทางเขาจะไม่ชอบขี้หน้าผมน่าดู “ พลางยิ้มหยันๆให้กับประโยคนั้น



          

              “ ก็สมควรว่ะ  เป็นฉันๆก็เกลียดแก  ใครไม่โมโหว่ะ งานที่นั่งทำจนเกือบหมดลมต้องมาโดนแกแกล้งเล่น  เป็นฉันนะ  ฆ่าให้ตาย !! “





    นัยน์ตาวาวโรจน์ขึ้นอย่างฉับพลัน  ให้อีกฝ่ายหัวเราะเล่นด้วยรู้นิสัยกันดี   ผู้อาวุโสกว่าได้แต่ส่ายหน้าในอาการนี้







                “ขอเตือนนะโว้ย !! คนเราน่ะมีความอดทนที่กำจัด  เมื่อถึงขีดสุดอะไรก็ขว้างหน้าไม่ได้   และคนที่ถือคตินี้ก็คือ เจ้านัน



    ถ้ารู้ตัวว่าผิดตอนนี้ยังแก้ลำทัน  ไปขอโทษเขาซะ…. ลางสังหรณ์ข้ามันบอกว่าฝนห่าใหญ่กำลังจะมา…และที่ชัวร์ๆก็คือ  มันจะลง



    ที่กบาลแก เจ้ากานต์ แล้วอย่าหาว่าไม่เตือน !! “









                นภกานต์กลับหยักไหล่ให้กับคำเตือนนั้น  ยืนล้วงกระเป๋าอย่างสบายอารมณ์   นัยน์ตาสีน้ำตาลดำฉายแววขี้เล่นออกมา



    อย่างชัดเจน  ทำให้พี่แอ้มได้แต่ถอนใจ ( เป็นคนแก่ )  และตบท้ายด้วยคำพูดโดนใจที่ใครจะไปรู้ว่าอนาคตมันจะมาถึงและดันเป็น



    จริงเสียด้วย





                 “ถ้าเขาโกรธเอ็งชนิดไม่เผาผี…แล้วอย่ามาขอให้ข้าช่วยนะไอ้เวร !! “



    ...............................

    ....

    ................



    .........................................................................





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×