ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Friend Ship บันทึกรักเพื่อนเลิฟ

    ลำดับตอนที่ #1 : เปิดม่าน

    • อัปเดตล่าสุด 22 ส.ค. 48


    The  Friends  Ship  =O_O=



        

                 อาการศยามเย็นของวันสุดท้ายของการเรียนของสัปดาห์  ช่างเป็นอะไรที่แสนสดชื่นรื่นรมย์   นักศึกษาทยอยกันกลับบ้านอย่าง



    มีความสุข   หลายคนเดินคุยกันอย่างออกรส  นัดกันไปเที่ยวต่อกันบ้าง  ทำรายงานมั่งแล้วแต่ใจ  เช่นเดียวกับเธอ  ที่วันนี้ก็มีนัดกับเพื่อน



    เช่นกัน  แต่เดี๋ยว!!อย่างพึ่งคิดว่าสถานที่นัดจะเป็นพวกร้านอาหาร  หรือห้างสรรพสินค้าหรอกนะ  ไม่มีหรอก  สถานที่นัดหมายของเธอกับ



    เพื่อนๆก็คือ “ หอสมุดกลางของมหาวิทยาลัย”ต่างหาก





        ภายในเงียบสงบเหมาะแก่การอ่านหนังสืออย่างมาก  เธอเลือกนั่งโต๊ะที่ใกล้ชั้นหนังสือ เพื่อความสะดวกในการลุกนั่ง  หยิบจับ



    หนังสือมานั่งอ่าน  หอสมุดกลางเป็นที่ประจำของพวกเธอเสมอ  ด้วยความที่ว่าคณะที่เรียนห่างกัน  ที่นี้จึงเป็นสถานที่แห่งความยุติธรรมที่



    พวกเธอจะเดินมาเจอกัน  ระหว่างที่เธอนั่งอ่านหนังสือที่อ่านข้างไว้เมื่อวันก่อนอย่างเพลินๆอยู่นั้น  ก็มีเสียงทุ้มๆเอ่ยขึ้นมาในระยะประชิด



    อย่างสุภาพจากข้างหน้า





             “ เอ่อ  ...ที่ตรงนี้  มีคนนั่งมั้ยครับ “  พร้อมกันก็ชี้ไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเธอ

        





        ระหว่างที่เธอยังอึกอักๆไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรอยู่นั้น  ก็มีเสียงสรรค์ สำหรับเธอแต่สุดนรกสำหรับผู้ชายคนนั้นมาเป็นระฆังหมด



    ยกที่ดังสนั่นลั่นห้องสมุด





                                                                            โครม!!!



        



                   ตั้งหนังสืออย่างหนา 3 เล่มกระแทกโต๊ะตรงหน้าดังสนั่น   พร้อมกันเสียงทุ้มเยือกเย็นและรังสีอำหิตแผ่ออกมาจนรู้สึกได้





    “ขอโทษด้วยนะ.....ที่ตรงนี้น่ะ  ฉันเป็นคนนั่งเองแหละ  “

        





        นัยน์ตาสีนิลตวัดมองหมาป่า ( ผู้โชคร้าย ) ที่กำลังจะเขมือบลูกแกะ ( อย่างเธอ )  มีแววหน้ากลัวอยู่ในที  บ่งบอกถึงความ



    ไม่พอใจแผ่ออกมาพร้อมจับรังสีอำมหิต  เจ้าหนุ่มนั้นคงรู้ตัวว่าไม่อาจต้านทานแรงกดดันมหาศาลนั่นได้  จึงถอยทัพ (ไปตามระเบียบ ) ผู้มา



    ใหม่ทำเสียงจิจ๊ะอย่างไม่พอใจ  มองตามอ้หนุ่มหน้าตาเหมือนภาชนะใส่แกง ( ตามที่เธอชอบเรียก  )  จนลับสายตา  แล้วจึงหันไปยกมือ



    ไหว้อาจารย์บรรณาลักษณ์ที่เคารพ  ที่เธอมองลอดแว่นด้วยสายตาตำหนิ







    “  แม่คุณ!!!  มัวแต่อึกอักๆอยู่ได้  แล้วจะได้พูดมั้ยหืม...  จะพูดอะไรก็พูดไปสิ  ถ้าเรามาช้าไปอีก  2 วิ  เธอคงโดนไอ้หมอนั่นจับต้มไป



    เรียบร้อยแล้วแน่ๆ “





    “แหะๆ  พอดีกตมาเร็วไง....เราเลยไม่โดนจับต้มแต่หมอนั่นโดนย่างสดแทน “







        มรกต...หือ กต  ชื่อไทยใช่มั้ยค่ะ ?  ชื่อหว้านหวาน......แต่อย่าเจอตัวจริงนะ...ตรงข้ามไปเสียหมด  มรกตป็นผู้หญิงที่มีความ



    สมดุลของความคมเข้มอย่างเหมาะสม  เธอเป็นผู้หญิงผิวเข้ม  ตาคมสีนิลสวยหน้ามอง  (แต่ลองไปนั่งมองดิ... โดนควักลูกตาแน่ๆ )  ผมสี



    น้ำตาลดำยาวสลวยหยักศกเล็กน้อยถึงกลางหลัง   ภาพลักษณ์ภายนอกก็พอทำให้ใครๆหลงได้ง่ายก็จริงอยู่ ..... แต่ถ้าเอาเรื่องนิสัยล่ะ



    ก็.... ขอบอกว่าพี่แกสุดเซี้ยว  โหด ดุ แถมห่วงเพื่อนรักสุดฤทธิ์ ชนิดที่ว่าจงอางยังยอมแพ้







        มรกตนั่งลงอย่างกระแทกกระทั้นกอดอกเฉมองออกไปทางอื่น  นี้เป็นอาการหนึ่งที่แม่เจ้าประคุณเธอจะแสดงออกมาแบบ



    ว่า....ไม่สบอารมณ์    พลางทำปากขมุบขมิบ  สงสัยไม่สวดส่งวิณญาณคนเมื่อกี้อยู่ ก็คงบ่นเธอในใจน่ะแหละ







    “น่า...อย่าไปคิดอะไรมาเลย....คิมก็พอจะดูแลตัวเองได้น่า “







        คิมหรือ คิมหันต์   ชื่อดูมาดแมนดีมั้ยล่ะ.... แต่พอมาปะกับเจ้าตัวหล่อนจริงๆ.... มันกลับหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยที่เดียว  



    คิมหันต์เป็นสาวน้อยรูปร่างบอบบาง  ดวงตากลมโตสีน้ำตาลสดใส  แก้มใสๆที่มีสีระเรื่อแต่งแต้มอยู่ตลอดเวลายิ่งทำให้ดูน่ารักน่าถนุถนอม



    มากยิ่งขึ้น  แต่ก็นั้นแหละเธอมักได้รับการดูแลชนิดเข้มเป็นพิเศษจากแม่สาวที่นั่งหน้าบูดฝั่งตรงข้ามเธออยู่ตอนนี้กับพีระนันท์เสมอๆ  อาจ



    เป็นเพราะลักษณะภายนอกต่างๆดังล่ะมั้งที่ทำให้เพื่อนๆของเธอทั้งห่วงและหวงมากเป็นพิเศษ





                       มรกตเบะปากพลางเปลี่ยนอิริยาบถมานั่งเท้าโต๊ะมองนาฬิกา  แล้วส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย





    “สายอีกตามเคยสิน่า... แม่คุณนายสายเสมอ ...”

        







        ยังไม่ทันจะขาดคำเสียงเปิดประตูอย่างบ้าระห่ำก็ดั่งสนั่นขึ้น  พร้อมกับการปรากฏตัวของคุณนายสายเสมอของเพื่อนๆ  “ พีระ



    นันท์ “  สาวเจ้ายกมือไหว้ปลกๆของโทษขอโพยอาจารย์บรรณาลักษณ์ที่ขยับแว่นสายตามองเธออย่างเอาเรื่อง  ก่อนจะเดินหน้าม่อยมานั่ง



    ข้างๆคิมหันต์  แล้วยิ้มแหย่ๆอย่างรู้หน้าที่เมื่อหันมาเห็นหน้าเพื่อนรักที่ส่งสายตาสีนิลมองเธออย่างเอาเรื่อง









    “แหะๆ  โทษทีนะจ๊ะ...พอดี...เอ่อ.... วันนี้อาจารย์ปล่อยช้าไปหน่อยน่ะ....นันท์เลยมาช้า “



        



                นันท์หรือพีระนันท์....เจ้าของฉายา “คุณนายสายเสมอ “เพราะทุกครั้งที่ทั้ง 3 สาวนัดรวมตัวกันที่ไร  แม่เจ้าประคุณจะมาถึงเป็น



    คนสุดท้ายด้วยเวลาเลทที่สุดเสมอ..... ผมสีดำตัวสั้นประบ่า  ใบหน้ารูปไข่  ปากนิดจมูกหน่อย  เธอจึงจัดว่าเป็นคนที่ดูดีที่จัดอยู่ในเกรด



    ค่อนข้างสวยด้วยซ้ำไป  แต่ความสวยของเธอก็ถูกนิสัยที่  เป็นคนเซอร์  เซ่อร์....ซุ่มซ่ามสุดชีวิต  มักสะดุดโน้นสะดุดนี้  ลืมของไว้ตรง



    นั้นเป็นประจำ   พวกสาวๆ( ที่ไม่รู้จักตัวตนของเธอ ) ที่นิยมชมชอบในความเท่ก็มักจะมากรี้ดเธอบ่อยๆ   แต่ใครเล่าจะรู้จักยายคนนี้ดีเท่า



    มรกตและคิมหันต์ที่ได้แต่นั่งส่ายหน้าอย่างเหนื่อยๆในตอนนี้   เพราะ   สภาพเพื่อนไม่ต่างจากยายเพิ้ง  ผมสั้นๆตอนนี้ยุ่งไม่เป็นทรง  หน้า



    มัน  เสื้อหลุดชายออกมาข้างหนึ่ง  ไหล่ข้างนึงสะพ่ายกระเป๋าเป้ใบโตที่เจ๊แกชอบนักหนาในความจุที่น่าชื่นชมของมัน  เพิ่มด้วยหนังสืออีก



    เต็มแขน  แถมกระโปรงก็ดันเละสี  บอกได้คำเดียวเลยมาตอนนี้  เพื่อนเธอ  “หมดสภาพ” โดนแท้จริง







        “วันนี้เรียนหนักเหรอ  เห็นหอบของพลุงพลังเชียววันนี้ “    คิมหันต์ว่าขณะที่เดินไปที่รถของมรกตที่จอดอยู่ไม่ไกลจากหอสมุด



    มากนัก





        “ก็นะ..... พอตัวเลยแหละไอ้พวกตัวแสบทั้งหลายมันก่อเรื่อง อาจารย์เลยสั่งงานแก้เผ็ดมัน....พวกนันท์เลยซวยไปด้วย  เซ็ง



    ชะมัดเลย  “





        เมื่อทุกคนประจำที่แล้วสารถีมรกตก็พารถออกจากตัวมหาลัย  ไปตามถนนสายหลักเส้นหนึ่งของกรุงเทพฯ  ด้วยวันนี้เป็นวันสุด



    ท้ายของสัปดาห์ทำให้การจราจรหนาแน่นกว่าวันปกติ





    “วันนี้กลับบ้านเลยหรือเปล่า  “  สารถีประจำกลุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากออกจากรั้วมหาวิทยาลัยได้ 5 นาที

        



    “ ไม่ล่ะ...กลับบ้านเถอะ  วันนี้เหนื่อย... ต้องไปนั่งทำงานที่อ.สั่งทำโทษมาอีก...แว้ก!!!  ฉันต้องมารับความผิดอะไรไปด้วยล่ะเนี้ย....ไม่





    ได้ทำอะไรสักกะนิด “  พีระนันท์โวยวายตามภาษา







    “แล้วคิมล่ะ “  มรกตหันไปถามเพื่อนอีกหนึ่งคนที่นั่งกอดหมอนอย่างสบายใจอยู่ด้านหลัง







        “ ม่ายล่ะ  กลับบ้านๆมีงานอีกเป็นโหลๆที่ต้องส่งวันจันทร์  อ. บ้าบอคอแตกอะไรก็ไม่รู้สั่งมาได้  ไม่ได้ดูกำลังคนทำเลย  ตอนนี้



    แต่ละคนในคณะจะโดนจับไปอยู่สวนสัตว์เชียงใหม่ได้เกือบหมดแล้ว  เป็นหมีแพนด้ากันไปหลายตลบแล้ว “  คิมหันต์เบ้ปาก  เรียกเสียง



    หัวเราะจากเพื่อนๆไปเป็นอย่างดี







        บรรยากาศสบายๆกระจายไปทั่วรถ  ถึงแม้สภาพถนนข้างนอกจะรถติดอย่างไรก็ไม่สามารถกระทบกระเทือนได้  เพื่อนซี้ 3



    คน  ยังคงแลกเปลี่ยนเรื่องราววันนี้กันอย่างสนุกสนาน





    “ เออ...อาทิตย์หน้าอ่ะ...เราอาจจะไม่กลับพร้อมด้วยนะ   พอดีพี่แอ้มพี่รหัสเราอ่ะเขามาขอร้องให้ไปช่วยงานที่ชมรมเขาหน่อย  เรายังไม่รู้



    ว่าจะต้องกลับเย็นแค่ไหน  พรุ่งเลยกะจะกลับเอง “   พีระนันท์รายงานเพื่อนทันที







    “ เห้ย!!!  นี่เขาคิดยังไว่ะเน้ย  เอาไอ้นันท์ไปช่วยงาน  เราว่าแทนที่จะไปช่วยเขากลับทำให้ยิ่งยุ่งยิ่งปวดหัวมากกว่า  “   พีระนันท์ค้อนควับ



    ให้กับความปากดีของเพื่อน





          “กำ !!  ปากแกเหรอนั่นแม่คุณมรกต  เสียดายว่ะ  ที่ในหมู่เรา 3 คนเนี้ยไม่มีใครเป็นหมอ  จะได้มีคนมาช่วยเอาญาติของแกออกมาชม



    โลกภายนอกหน่อย  แมร่งเห่าเก่งจริงๆ \"





    “ ซะงั้นอ่ะ  ถ้าเอาออกไปแล้วไม่มีอะไรเห่าอ่ะดิ  ว้า  อย่างนี้เหงาแย่เลย “



        

                      ก่อนที่สงครามน้ำลายจะขยายตัวออกไปมากกว่านี้  คิมหันต์ก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา   “  ว่าแต่   อาทิตย์หน้านันท์ต้องดูเรื่อง



    ชมรมถึงประมาณกี่โมง  ลองกะๆมาดูสิ  ถ้าไม่เย็นมากเรากับกตจะได้รอ  “





        “อืม…. ไม่รู้สิ… พอดีมันไปวันแรกเราเลยยังไม่ค่อยแน่ใจเอางี้ได้มั้ย  ถ้ายังไงเราโทรบอกอีกทีแล้วกัน  กะว่าจะแค่ไปดูลาดเลา



    ก่อน  “



        “ เอ้า….สถานีต่อไปบ้าน นู๋คิมหันต์  ขอรับ  โอ้ย ๆๆ….อูย…เจ็บน้าไปติดนิสัยแบบนี้มาจากไหนเนี้ย “







             มรกตลูบแขนตัวเองป่อยๆ  เพราะ นู๋คิมหันต์เหน็บเนื้อเข้าให้ในฐานะที่ล้อเลียน







           “อ้าว !!  เราก็ติดจากคนแถวเนี้ยแหละเห็นบ่อยๆ  เลยลองเอามาทำดู “  แถมด้วยการยิ้มยิงฟันแล้วกระโดดลงจากรถลงไปโบก



    มือหยอยๆ อยู่ข้างล่าง







        



                       ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย  ที่ผ่านมาเป็นเสมือนจุดบรรจบของเพื่อนซี้ทั้ง 3 คน  ที่เคยเดินมาบนทางเส้นเดียวกัน  แล้วมีอันต้อง



    เลี้ยวคนละแยกแตกกันไปคนละทาง  ชีวิตประจำวันที่จวบจนวันนี้ต้องเรียกว่า “ ความเคยชิน “  ที่ถูกสร้างขึ้นมาแล้วเรียบร้อย   แต่ใครจะไปรู้



    ว่าพรุ่งนี้….ความเคยชิน…..จะถูกเปลี่ยนแปลง







    .....

    .........



    .............



    ..........................................
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×