ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เปิดม่าน
The  Friends  Ship  =O_O=
   
            อาการศยามเย็นของวันสุดท้ายของการเรียนของสัปดาห์  ช่างเป็นอะไรที่แสนสดชื่นรื่นรมย์  นักศึกษาทยอยกันกลับบ้านอย่าง
มีความสุข  หลายคนเดินคุยกันอย่างออกรส  นัดกันไปเที่ยวต่อกันบ้าง  ทำรายงานมั่งแล้วแต่ใจ  เช่นเดียวกับเธอ  ที่วันนี้ก็มีนัดกับเพื่อน
เช่นกัน  แต่เดี๋ยว!!อย่างพึ่งคิดว่าสถานที่นัดจะเป็นพวกร้านอาหาร  หรือห้างสรรพสินค้าหรอกนะ  ไม่มีหรอก  สถานที่นัดหมายของเธอกับ
เพื่อนๆก็คือ “ หอสมุดกลางของมหาวิทยาลัย”ต่างหาก
    ภายในเงียบสงบเหมาะแก่การอ่านหนังสืออย่างมาก  เธอเลือกนั่งโต๊ะที่ใกล้ชั้นหนังสือ เพื่อความสะดวกในการลุกนั่ง  หยิบจับ
หนังสือมานั่งอ่าน  หอสมุดกลางเป็นที่ประจำของพวกเธอเสมอ  ด้วยความที่ว่าคณะที่เรียนห่างกัน  ที่นี้จึงเป็นสถานที่แห่งความยุติธรรมที่
พวกเธอจะเดินมาเจอกัน  ระหว่างที่เธอนั่งอ่านหนังสือที่อ่านข้างไว้เมื่อวันก่อนอย่างเพลินๆอยู่นั้น  ก็มีเสียงทุ้มๆเอ่ยขึ้นมาในระยะประชิด
อย่างสุภาพจากข้างหน้า
        “ เอ่อ  ...ที่ตรงนี้  มีคนนั่งมั้ยครับ “  พร้อมกันก็ชี้ไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเธอ
   
    ระหว่างที่เธอยังอึกอักๆไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรอยู่นั้น  ก็มีเสียงสรรค์ สำหรับเธอแต่สุดนรกสำหรับผู้ชายคนนั้นมาเป็นระฆังหมด
ยกที่ดังสนั่นลั่นห้องสมุด
                                                                        โครม!!!
   
              ตั้งหนังสืออย่างหนา 3 เล่มกระแทกโต๊ะตรงหน้าดังสนั่น  พร้อมกันเสียงทุ้มเยือกเย็นและรังสีอำหิตแผ่ออกมาจนรู้สึกได้
“ขอโทษด้วยนะ.....ที่ตรงนี้น่ะ  ฉันเป็นคนนั่งเองแหละ  “
   
    นัยน์ตาสีนิลตวัดมองหมาป่า ( ผู้โชคร้าย ) ที่กำลังจะเขมือบลูกแกะ ( อย่างเธอ )  มีแววหน้ากลัวอยู่ในที  บ่งบอกถึงความ
ไม่พอใจแผ่ออกมาพร้อมจับรังสีอำมหิต  เจ้าหนุ่มนั้นคงรู้ตัวว่าไม่อาจต้านทานแรงกดดันมหาศาลนั่นได้  จึงถอยทัพ (ไปตามระเบียบ ) ผู้มา
ใหม่ทำเสียงจิจ๊ะอย่างไม่พอใจ  มองตามอ้หนุ่มหน้าตาเหมือนภาชนะใส่แกง ( ตามที่เธอชอบเรียก  )  จนลับสายตา  แล้วจึงหันไปยกมือ
ไหว้อาจารย์บรรณาลักษณ์ที่เคารพ  ที่เธอมองลอดแว่นด้วยสายตาตำหนิ
“  แม่คุณ!!!  มัวแต่อึกอักๆอยู่ได้  แล้วจะได้พูดมั้ยหืม...  จะพูดอะไรก็พูดไปสิ  ถ้าเรามาช้าไปอีก  2 วิ  เธอคงโดนไอ้หมอนั่นจับต้มไป
เรียบร้อยแล้วแน่ๆ “
“แหะๆ  พอดีกตมาเร็วไง....เราเลยไม่โดนจับต้มแต่หมอนั่นโดนย่างสดแทน “
    มรกต...หือ กต  ชื่อไทยใช่มั้ยค่ะ ?  ชื่อหว้านหวาน......แต่อย่าเจอตัวจริงนะ...ตรงข้ามไปเสียหมด  มรกตป็นผู้หญิงที่มีความ
สมดุลของความคมเข้มอย่างเหมาะสม  เธอเป็นผู้หญิงผิวเข้ม  ตาคมสีนิลสวยหน้ามอง  (แต่ลองไปนั่งมองดิ... โดนควักลูกตาแน่ๆ )  ผมสี
น้ำตาลดำยาวสลวยหยักศกเล็กน้อยถึงกลางหลัง  ภาพลักษณ์ภายนอกก็พอทำให้ใครๆหลงได้ง่ายก็จริงอยู่ ..... แต่ถ้าเอาเรื่องนิสัยล่ะ
ก็.... ขอบอกว่าพี่แกสุดเซี้ยว  โหด ดุ แถมห่วงเพื่อนรักสุดฤทธิ์ ชนิดที่ว่าจงอางยังยอมแพ้
    มรกตนั่งลงอย่างกระแทกกระทั้นกอดอกเฉมองออกไปทางอื่น  นี้เป็นอาการหนึ่งที่แม่เจ้าประคุณเธอจะแสดงออกมาแบบ
ว่า....ไม่สบอารมณ์    พลางทำปากขมุบขมิบ  สงสัยไม่สวดส่งวิณญาณคนเมื่อกี้อยู่ ก็คงบ่นเธอในใจน่ะแหละ
“น่า...อย่าไปคิดอะไรมาเลย....คิมก็พอจะดูแลตัวเองได้น่า “
    คิมหรือ คิมหันต์  ชื่อดูมาดแมนดีมั้ยล่ะ.... แต่พอมาปะกับเจ้าตัวหล่อนจริงๆ.... มันกลับหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยที่เดียว 
คิมหันต์เป็นสาวน้อยรูปร่างบอบบาง  ดวงตากลมโตสีน้ำตาลสดใส  แก้มใสๆที่มีสีระเรื่อแต่งแต้มอยู่ตลอดเวลายิ่งทำให้ดูน่ารักน่าถนุถนอม
มากยิ่งขึ้น  แต่ก็นั้นแหละเธอมักได้รับการดูแลชนิดเข้มเป็นพิเศษจากแม่สาวที่นั่งหน้าบูดฝั่งตรงข้ามเธออยู่ตอนนี้กับพีระนันท์เสมอๆ  อาจ
เป็นเพราะลักษณะภายนอกต่างๆดังล่ะมั้งที่ทำให้เพื่อนๆของเธอทั้งห่วงและหวงมากเป็นพิเศษ
                  มรกตเบะปากพลางเปลี่ยนอิริยาบถมานั่งเท้าโต๊ะมองนาฬิกา  แล้วส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย
“สายอีกตามเคยสิน่า... แม่คุณนายสายเสมอ ...”
   
    ยังไม่ทันจะขาดคำเสียงเปิดประตูอย่างบ้าระห่ำก็ดั่งสนั่นขึ้น  พร้อมกับการปรากฏตัวของคุณนายสายเสมอของเพื่อนๆ  “ พีระ
นันท์ “  สาวเจ้ายกมือไหว้ปลกๆของโทษขอโพยอาจารย์บรรณาลักษณ์ที่ขยับแว่นสายตามองเธออย่างเอาเรื่อง  ก่อนจะเดินหน้าม่อยมานั่ง
ข้างๆคิมหันต์  แล้วยิ้มแหย่ๆอย่างรู้หน้าที่เมื่อหันมาเห็นหน้าเพื่อนรักที่ส่งสายตาสีนิลมองเธออย่างเอาเรื่อง
“แหะๆ  โทษทีนะจ๊ะ...พอดี...เอ่อ.... วันนี้อาจารย์ปล่อยช้าไปหน่อยน่ะ....นันท์เลยมาช้า “
   
            นันท์หรือพีระนันท์....เจ้าของฉายา “คุณนายสายเสมอ “เพราะทุกครั้งที่ทั้ง 3 สาวนัดรวมตัวกันที่ไร  แม่เจ้าประคุณจะมาถึงเป็น
คนสุดท้ายด้วยเวลาเลทที่สุดเสมอ..... ผมสีดำตัวสั้นประบ่า  ใบหน้ารูปไข่  ปากนิดจมูกหน่อย  เธอจึงจัดว่าเป็นคนที่ดูดีที่จัดอยู่ในเกรด
ค่อนข้างสวยด้วยซ้ำไป  แต่ความสวยของเธอก็ถูกนิสัยที่  เป็นคนเซอร์  เซ่อร์....ซุ่มซ่ามสุดชีวิต  มักสะดุดโน้นสะดุดนี้  ลืมของไว้ตรง
นั้นเป็นประจำ  พวกสาวๆ( ที่ไม่รู้จักตัวตนของเธอ ) ที่นิยมชมชอบในความเท่ก็มักจะมากรี้ดเธอบ่อยๆ  แต่ใครเล่าจะรู้จักยายคนนี้ดีเท่า
มรกตและคิมหันต์ที่ได้แต่นั่งส่ายหน้าอย่างเหนื่อยๆในตอนนี้  เพราะ  สภาพเพื่อนไม่ต่างจากยายเพิ้ง  ผมสั้นๆตอนนี้ยุ่งไม่เป็นทรง  หน้า
มัน  เสื้อหลุดชายออกมาข้างหนึ่ง  ไหล่ข้างนึงสะพ่ายกระเป๋าเป้ใบโตที่เจ๊แกชอบนักหนาในความจุที่น่าชื่นชมของมัน  เพิ่มด้วยหนังสืออีก
เต็มแขน  แถมกระโปรงก็ดันเละสี  บอกได้คำเดียวเลยมาตอนนี้  เพื่อนเธอ  “หมดสภาพ” โดนแท้จริง
    “วันนี้เรียนหนักเหรอ  เห็นหอบของพลุงพลังเชียววันนี้ “    คิมหันต์ว่าขณะที่เดินไปที่รถของมรกตที่จอดอยู่ไม่ไกลจากหอสมุด
มากนัก
    “ก็นะ..... พอตัวเลยแหละไอ้พวกตัวแสบทั้งหลายมันก่อเรื่อง อาจารย์เลยสั่งงานแก้เผ็ดมัน....พวกนันท์เลยซวยไปด้วย  เซ็ง
ชะมัดเลย  “
    เมื่อทุกคนประจำที่แล้วสารถีมรกตก็พารถออกจากตัวมหาลัย  ไปตามถนนสายหลักเส้นหนึ่งของกรุงเทพฯ  ด้วยวันนี้เป็นวันสุด
ท้ายของสัปดาห์ทำให้การจราจรหนาแน่นกว่าวันปกติ
“วันนี้กลับบ้านเลยหรือเปล่า  “  สารถีประจำกลุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากออกจากรั้วมหาวิทยาลัยได้ 5 นาที
   
“ ไม่ล่ะ...กลับบ้านเถอะ  วันนี้เหนื่อย... ต้องไปนั่งทำงานที่อ.สั่งทำโทษมาอีก...แว้ก!!!  ฉันต้องมารับความผิดอะไรไปด้วยล่ะเนี้ย....ไม่
ได้ทำอะไรสักกะนิด “  พีระนันท์โวยวายตามภาษา
“แล้วคิมล่ะ “  มรกตหันไปถามเพื่อนอีกหนึ่งคนที่นั่งกอดหมอนอย่างสบายใจอยู่ด้านหลัง
    “ ม่ายล่ะ  กลับบ้านๆมีงานอีกเป็นโหลๆที่ต้องส่งวันจันทร์  อ. บ้าบอคอแตกอะไรก็ไม่รู้สั่งมาได้  ไม่ได้ดูกำลังคนทำเลย  ตอนนี้
แต่ละคนในคณะจะโดนจับไปอยู่สวนสัตว์เชียงใหม่ได้เกือบหมดแล้ว  เป็นหมีแพนด้ากันไปหลายตลบแล้ว “  คิมหันต์เบ้ปาก  เรียกเสียง
หัวเราะจากเพื่อนๆไปเป็นอย่างดี
    บรรยากาศสบายๆกระจายไปทั่วรถ  ถึงแม้สภาพถนนข้างนอกจะรถติดอย่างไรก็ไม่สามารถกระทบกระเทือนได้  เพื่อนซี้ 3
คน  ยังคงแลกเปลี่ยนเรื่องราววันนี้กันอย่างสนุกสนาน
“ เออ...อาทิตย์หน้าอ่ะ...เราอาจจะไม่กลับพร้อมด้วยนะ  พอดีพี่แอ้มพี่รหัสเราอ่ะเขามาขอร้องให้ไปช่วยงานที่ชมรมเขาหน่อย  เรายังไม่รู้
ว่าจะต้องกลับเย็นแค่ไหน  พรุ่งเลยกะจะกลับเอง “  พีระนันท์รายงานเพื่อนทันที
“ เห้ย!!!  นี่เขาคิดยังไว่ะเน้ย  เอาไอ้นันท์ไปช่วยงาน  เราว่าแทนที่จะไปช่วยเขากลับทำให้ยิ่งยุ่งยิ่งปวดหัวมากกว่า  “  พีระนันท์ค้อนควับ
ให้กับความปากดีของเพื่อน
      “กำ !!  ปากแกเหรอนั่นแม่คุณมรกต  เสียดายว่ะ  ที่ในหมู่เรา 3 คนเนี้ยไม่มีใครเป็นหมอ  จะได้มีคนมาช่วยเอาญาติของแกออกมาชม
โลกภายนอกหน่อย  แมร่งเห่าเก่งจริงๆ \"
“ ซะงั้นอ่ะ  ถ้าเอาออกไปแล้วไม่มีอะไรเห่าอ่ะดิ  ว้า  อย่างนี้เหงาแย่เลย “
   
                  ก่อนที่สงครามน้ำลายจะขยายตัวออกไปมากกว่านี้  คิมหันต์ก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา  “  ว่าแต่  อาทิตย์หน้านันท์ต้องดูเรื่อง
ชมรมถึงประมาณกี่โมง  ลองกะๆมาดูสิ  ถ้าไม่เย็นมากเรากับกตจะได้รอ  “
    “อืม . ไม่รู้สิ พอดีมันไปวันแรกเราเลยยังไม่ค่อยแน่ใจเอางี้ได้มั้ย  ถ้ายังไงเราโทรบอกอีกทีแล้วกัน  กะว่าจะแค่ไปดูลาดเลา
ก่อน  “
    “ เอ้า .สถานีต่อไปบ้าน นู๋คิมหันต์  ขอรับ  โอ้ย ๆๆ .อูย เจ็บน้าไปติดนิสัยแบบนี้มาจากไหนเนี้ย “
        มรกตลูบแขนตัวเองป่อยๆ  เพราะ นู๋คิมหันต์เหน็บเนื้อเข้าให้ในฐานะที่ล้อเลียน
      “อ้าว !!  เราก็ติดจากคนแถวเนี้ยแหละเห็นบ่อยๆ  เลยลองเอามาทำดู “  แถมด้วยการยิ้มยิงฟันแล้วกระโดดลงจากรถลงไปโบก
มือหยอยๆ อยู่ข้างล่าง
   
                  ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย  ที่ผ่านมาเป็นเสมือนจุดบรรจบของเพื่อนซี้ทั้ง 3 คน  ที่เคยเดินมาบนทางเส้นเดียวกัน  แล้วมีอันต้อง
เลี้ยวคนละแยกแตกกันไปคนละทาง  ชีวิตประจำวันที่จวบจนวันนี้ต้องเรียกว่า “ ความเคยชิน “  ที่ถูกสร้างขึ้นมาแล้วเรียบร้อย  แต่ใครจะไปรู้
ว่าพรุ่งนี้ .ความเคยชิน ..จะถูกเปลี่ยนแปลง
.....
.........
.............
..........................................
   
            อาการศยามเย็นของวันสุดท้ายของการเรียนของสัปดาห์  ช่างเป็นอะไรที่แสนสดชื่นรื่นรมย์  นักศึกษาทยอยกันกลับบ้านอย่าง
มีความสุข  หลายคนเดินคุยกันอย่างออกรส  นัดกันไปเที่ยวต่อกันบ้าง  ทำรายงานมั่งแล้วแต่ใจ  เช่นเดียวกับเธอ  ที่วันนี้ก็มีนัดกับเพื่อน
เช่นกัน  แต่เดี๋ยว!!อย่างพึ่งคิดว่าสถานที่นัดจะเป็นพวกร้านอาหาร  หรือห้างสรรพสินค้าหรอกนะ  ไม่มีหรอก  สถานที่นัดหมายของเธอกับ
เพื่อนๆก็คือ “ หอสมุดกลางของมหาวิทยาลัย”ต่างหาก
    ภายในเงียบสงบเหมาะแก่การอ่านหนังสืออย่างมาก  เธอเลือกนั่งโต๊ะที่ใกล้ชั้นหนังสือ เพื่อความสะดวกในการลุกนั่ง  หยิบจับ
หนังสือมานั่งอ่าน  หอสมุดกลางเป็นที่ประจำของพวกเธอเสมอ  ด้วยความที่ว่าคณะที่เรียนห่างกัน  ที่นี้จึงเป็นสถานที่แห่งความยุติธรรมที่
พวกเธอจะเดินมาเจอกัน  ระหว่างที่เธอนั่งอ่านหนังสือที่อ่านข้างไว้เมื่อวันก่อนอย่างเพลินๆอยู่นั้น  ก็มีเสียงทุ้มๆเอ่ยขึ้นมาในระยะประชิด
อย่างสุภาพจากข้างหน้า
        “ เอ่อ  ...ที่ตรงนี้  มีคนนั่งมั้ยครับ “  พร้อมกันก็ชี้ไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเธอ
   
    ระหว่างที่เธอยังอึกอักๆไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรอยู่นั้น  ก็มีเสียงสรรค์ สำหรับเธอแต่สุดนรกสำหรับผู้ชายคนนั้นมาเป็นระฆังหมด
ยกที่ดังสนั่นลั่นห้องสมุด
                                                                        โครม!!!
   
              ตั้งหนังสืออย่างหนา 3 เล่มกระแทกโต๊ะตรงหน้าดังสนั่น  พร้อมกันเสียงทุ้มเยือกเย็นและรังสีอำหิตแผ่ออกมาจนรู้สึกได้
“ขอโทษด้วยนะ.....ที่ตรงนี้น่ะ  ฉันเป็นคนนั่งเองแหละ  “
   
    นัยน์ตาสีนิลตวัดมองหมาป่า ( ผู้โชคร้าย ) ที่กำลังจะเขมือบลูกแกะ ( อย่างเธอ )  มีแววหน้ากลัวอยู่ในที  บ่งบอกถึงความ
ไม่พอใจแผ่ออกมาพร้อมจับรังสีอำมหิต  เจ้าหนุ่มนั้นคงรู้ตัวว่าไม่อาจต้านทานแรงกดดันมหาศาลนั่นได้  จึงถอยทัพ (ไปตามระเบียบ ) ผู้มา
ใหม่ทำเสียงจิจ๊ะอย่างไม่พอใจ  มองตามอ้หนุ่มหน้าตาเหมือนภาชนะใส่แกง ( ตามที่เธอชอบเรียก  )  จนลับสายตา  แล้วจึงหันไปยกมือ
ไหว้อาจารย์บรรณาลักษณ์ที่เคารพ  ที่เธอมองลอดแว่นด้วยสายตาตำหนิ
“  แม่คุณ!!!  มัวแต่อึกอักๆอยู่ได้  แล้วจะได้พูดมั้ยหืม...  จะพูดอะไรก็พูดไปสิ  ถ้าเรามาช้าไปอีก  2 วิ  เธอคงโดนไอ้หมอนั่นจับต้มไป
เรียบร้อยแล้วแน่ๆ “
“แหะๆ  พอดีกตมาเร็วไง....เราเลยไม่โดนจับต้มแต่หมอนั่นโดนย่างสดแทน “
    มรกต...หือ กต  ชื่อไทยใช่มั้ยค่ะ ?  ชื่อหว้านหวาน......แต่อย่าเจอตัวจริงนะ...ตรงข้ามไปเสียหมด  มรกตป็นผู้หญิงที่มีความ
สมดุลของความคมเข้มอย่างเหมาะสม  เธอเป็นผู้หญิงผิวเข้ม  ตาคมสีนิลสวยหน้ามอง  (แต่ลองไปนั่งมองดิ... โดนควักลูกตาแน่ๆ )  ผมสี
น้ำตาลดำยาวสลวยหยักศกเล็กน้อยถึงกลางหลัง  ภาพลักษณ์ภายนอกก็พอทำให้ใครๆหลงได้ง่ายก็จริงอยู่ ..... แต่ถ้าเอาเรื่องนิสัยล่ะ
ก็.... ขอบอกว่าพี่แกสุดเซี้ยว  โหด ดุ แถมห่วงเพื่อนรักสุดฤทธิ์ ชนิดที่ว่าจงอางยังยอมแพ้
    มรกตนั่งลงอย่างกระแทกกระทั้นกอดอกเฉมองออกไปทางอื่น  นี้เป็นอาการหนึ่งที่แม่เจ้าประคุณเธอจะแสดงออกมาแบบ
ว่า....ไม่สบอารมณ์    พลางทำปากขมุบขมิบ  สงสัยไม่สวดส่งวิณญาณคนเมื่อกี้อยู่ ก็คงบ่นเธอในใจน่ะแหละ
“น่า...อย่าไปคิดอะไรมาเลย....คิมก็พอจะดูแลตัวเองได้น่า “
    คิมหรือ คิมหันต์  ชื่อดูมาดแมนดีมั้ยล่ะ.... แต่พอมาปะกับเจ้าตัวหล่อนจริงๆ.... มันกลับหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยที่เดียว 
คิมหันต์เป็นสาวน้อยรูปร่างบอบบาง  ดวงตากลมโตสีน้ำตาลสดใส  แก้มใสๆที่มีสีระเรื่อแต่งแต้มอยู่ตลอดเวลายิ่งทำให้ดูน่ารักน่าถนุถนอม
มากยิ่งขึ้น  แต่ก็นั้นแหละเธอมักได้รับการดูแลชนิดเข้มเป็นพิเศษจากแม่สาวที่นั่งหน้าบูดฝั่งตรงข้ามเธออยู่ตอนนี้กับพีระนันท์เสมอๆ  อาจ
เป็นเพราะลักษณะภายนอกต่างๆดังล่ะมั้งที่ทำให้เพื่อนๆของเธอทั้งห่วงและหวงมากเป็นพิเศษ
                  มรกตเบะปากพลางเปลี่ยนอิริยาบถมานั่งเท้าโต๊ะมองนาฬิกา  แล้วส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย
“สายอีกตามเคยสิน่า... แม่คุณนายสายเสมอ ...”
   
    ยังไม่ทันจะขาดคำเสียงเปิดประตูอย่างบ้าระห่ำก็ดั่งสนั่นขึ้น  พร้อมกับการปรากฏตัวของคุณนายสายเสมอของเพื่อนๆ  “ พีระ
นันท์ “  สาวเจ้ายกมือไหว้ปลกๆของโทษขอโพยอาจารย์บรรณาลักษณ์ที่ขยับแว่นสายตามองเธออย่างเอาเรื่อง  ก่อนจะเดินหน้าม่อยมานั่ง
ข้างๆคิมหันต์  แล้วยิ้มแหย่ๆอย่างรู้หน้าที่เมื่อหันมาเห็นหน้าเพื่อนรักที่ส่งสายตาสีนิลมองเธออย่างเอาเรื่อง
“แหะๆ  โทษทีนะจ๊ะ...พอดี...เอ่อ.... วันนี้อาจารย์ปล่อยช้าไปหน่อยน่ะ....นันท์เลยมาช้า “
   
            นันท์หรือพีระนันท์....เจ้าของฉายา “คุณนายสายเสมอ “เพราะทุกครั้งที่ทั้ง 3 สาวนัดรวมตัวกันที่ไร  แม่เจ้าประคุณจะมาถึงเป็น
คนสุดท้ายด้วยเวลาเลทที่สุดเสมอ..... ผมสีดำตัวสั้นประบ่า  ใบหน้ารูปไข่  ปากนิดจมูกหน่อย  เธอจึงจัดว่าเป็นคนที่ดูดีที่จัดอยู่ในเกรด
ค่อนข้างสวยด้วยซ้ำไป  แต่ความสวยของเธอก็ถูกนิสัยที่  เป็นคนเซอร์  เซ่อร์....ซุ่มซ่ามสุดชีวิต  มักสะดุดโน้นสะดุดนี้  ลืมของไว้ตรง
นั้นเป็นประจำ  พวกสาวๆ( ที่ไม่รู้จักตัวตนของเธอ ) ที่นิยมชมชอบในความเท่ก็มักจะมากรี้ดเธอบ่อยๆ  แต่ใครเล่าจะรู้จักยายคนนี้ดีเท่า
มรกตและคิมหันต์ที่ได้แต่นั่งส่ายหน้าอย่างเหนื่อยๆในตอนนี้  เพราะ  สภาพเพื่อนไม่ต่างจากยายเพิ้ง  ผมสั้นๆตอนนี้ยุ่งไม่เป็นทรง  หน้า
มัน  เสื้อหลุดชายออกมาข้างหนึ่ง  ไหล่ข้างนึงสะพ่ายกระเป๋าเป้ใบโตที่เจ๊แกชอบนักหนาในความจุที่น่าชื่นชมของมัน  เพิ่มด้วยหนังสืออีก
เต็มแขน  แถมกระโปรงก็ดันเละสี  บอกได้คำเดียวเลยมาตอนนี้  เพื่อนเธอ  “หมดสภาพ” โดนแท้จริง
    “วันนี้เรียนหนักเหรอ  เห็นหอบของพลุงพลังเชียววันนี้ “    คิมหันต์ว่าขณะที่เดินไปที่รถของมรกตที่จอดอยู่ไม่ไกลจากหอสมุด
มากนัก
    “ก็นะ..... พอตัวเลยแหละไอ้พวกตัวแสบทั้งหลายมันก่อเรื่อง อาจารย์เลยสั่งงานแก้เผ็ดมัน....พวกนันท์เลยซวยไปด้วย  เซ็ง
ชะมัดเลย  “
    เมื่อทุกคนประจำที่แล้วสารถีมรกตก็พารถออกจากตัวมหาลัย  ไปตามถนนสายหลักเส้นหนึ่งของกรุงเทพฯ  ด้วยวันนี้เป็นวันสุด
ท้ายของสัปดาห์ทำให้การจราจรหนาแน่นกว่าวันปกติ
“วันนี้กลับบ้านเลยหรือเปล่า  “  สารถีประจำกลุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากออกจากรั้วมหาวิทยาลัยได้ 5 นาที
   
“ ไม่ล่ะ...กลับบ้านเถอะ  วันนี้เหนื่อย... ต้องไปนั่งทำงานที่อ.สั่งทำโทษมาอีก...แว้ก!!!  ฉันต้องมารับความผิดอะไรไปด้วยล่ะเนี้ย....ไม่
ได้ทำอะไรสักกะนิด “  พีระนันท์โวยวายตามภาษา
“แล้วคิมล่ะ “  มรกตหันไปถามเพื่อนอีกหนึ่งคนที่นั่งกอดหมอนอย่างสบายใจอยู่ด้านหลัง
    “ ม่ายล่ะ  กลับบ้านๆมีงานอีกเป็นโหลๆที่ต้องส่งวันจันทร์  อ. บ้าบอคอแตกอะไรก็ไม่รู้สั่งมาได้  ไม่ได้ดูกำลังคนทำเลย  ตอนนี้
แต่ละคนในคณะจะโดนจับไปอยู่สวนสัตว์เชียงใหม่ได้เกือบหมดแล้ว  เป็นหมีแพนด้ากันไปหลายตลบแล้ว “  คิมหันต์เบ้ปาก  เรียกเสียง
หัวเราะจากเพื่อนๆไปเป็นอย่างดี
    บรรยากาศสบายๆกระจายไปทั่วรถ  ถึงแม้สภาพถนนข้างนอกจะรถติดอย่างไรก็ไม่สามารถกระทบกระเทือนได้  เพื่อนซี้ 3
คน  ยังคงแลกเปลี่ยนเรื่องราววันนี้กันอย่างสนุกสนาน
“ เออ...อาทิตย์หน้าอ่ะ...เราอาจจะไม่กลับพร้อมด้วยนะ  พอดีพี่แอ้มพี่รหัสเราอ่ะเขามาขอร้องให้ไปช่วยงานที่ชมรมเขาหน่อย  เรายังไม่รู้
ว่าจะต้องกลับเย็นแค่ไหน  พรุ่งเลยกะจะกลับเอง “  พีระนันท์รายงานเพื่อนทันที
“ เห้ย!!!  นี่เขาคิดยังไว่ะเน้ย  เอาไอ้นันท์ไปช่วยงาน  เราว่าแทนที่จะไปช่วยเขากลับทำให้ยิ่งยุ่งยิ่งปวดหัวมากกว่า  “  พีระนันท์ค้อนควับ
ให้กับความปากดีของเพื่อน
      “กำ !!  ปากแกเหรอนั่นแม่คุณมรกต  เสียดายว่ะ  ที่ในหมู่เรา 3 คนเนี้ยไม่มีใครเป็นหมอ  จะได้มีคนมาช่วยเอาญาติของแกออกมาชม
โลกภายนอกหน่อย  แมร่งเห่าเก่งจริงๆ \"
“ ซะงั้นอ่ะ  ถ้าเอาออกไปแล้วไม่มีอะไรเห่าอ่ะดิ  ว้า  อย่างนี้เหงาแย่เลย “
   
                  ก่อนที่สงครามน้ำลายจะขยายตัวออกไปมากกว่านี้  คิมหันต์ก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา  “  ว่าแต่  อาทิตย์หน้านันท์ต้องดูเรื่อง
ชมรมถึงประมาณกี่โมง  ลองกะๆมาดูสิ  ถ้าไม่เย็นมากเรากับกตจะได้รอ  “
    “อืม . ไม่รู้สิ พอดีมันไปวันแรกเราเลยยังไม่ค่อยแน่ใจเอางี้ได้มั้ย  ถ้ายังไงเราโทรบอกอีกทีแล้วกัน  กะว่าจะแค่ไปดูลาดเลา
ก่อน  “
    “ เอ้า .สถานีต่อไปบ้าน นู๋คิมหันต์  ขอรับ  โอ้ย ๆๆ .อูย เจ็บน้าไปติดนิสัยแบบนี้มาจากไหนเนี้ย “
        มรกตลูบแขนตัวเองป่อยๆ  เพราะ นู๋คิมหันต์เหน็บเนื้อเข้าให้ในฐานะที่ล้อเลียน
      “อ้าว !!  เราก็ติดจากคนแถวเนี้ยแหละเห็นบ่อยๆ  เลยลองเอามาทำดู “  แถมด้วยการยิ้มยิงฟันแล้วกระโดดลงจากรถลงไปโบก
มือหยอยๆ อยู่ข้างล่าง
   
                  ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย  ที่ผ่านมาเป็นเสมือนจุดบรรจบของเพื่อนซี้ทั้ง 3 คน  ที่เคยเดินมาบนทางเส้นเดียวกัน  แล้วมีอันต้อง
เลี้ยวคนละแยกแตกกันไปคนละทาง  ชีวิตประจำวันที่จวบจนวันนี้ต้องเรียกว่า “ ความเคยชิน “  ที่ถูกสร้างขึ้นมาแล้วเรียบร้อย  แต่ใครจะไปรู้
ว่าพรุ่งนี้ .ความเคยชิน ..จะถูกเปลี่ยนแปลง
.....
.........
.............
..........................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น