ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Synchronicity~Meguru Sekai no Requiem~

    ลำดับตอนที่ #4 : ปฐมบท: การที่ขาดเธอไป มันช่างเป็นความเจ็บปวดที่มิอาจทนได้สำหรับผม

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.พ. 55




    ~~
    ปฐมบท~~



    การที่ขาดเธอไป มันช่างเป็นความเจ็บปวดที่มิอาจทนได้สำหรับผม

     

    ทำไมจีงได้รู้สึกถึงความว่างเปล่ากันนะ

    ทำไมจึงได้รู้สึกเหมือนสูญเสียอะไรไป

    ทำไมจึงคอยเฝ้ามองหาภาพเงาที่ไม่รู้จักบนโลกนี้ แล้วต้องรู้สึกสิ้นหวังที่ไม่อาจจะค้นเจอได้กัน

    ทำไมจึงรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงที่ควรจะไม่รู้จัก คอยเรียกหาชื่อที่ควรจะไม่รู้จัก

     
    .........

    .....

    ..


    ‘ลูกมีพี่สาวอยู่นะจ๊ะ’ ผู้เป็นมารดากล่าวออกมาด้วยท่าทางเศร้าสร้อยเล็กน้อย


    ในพริบตานั้น เล็นก็ได้รู้ว่าความรู้สึกอันแปลกประหลาดที่เฝ้าโอบกอดไว้ตั้งแต่เริ่มรู้เดียงสานั้นไม่ได้เข้าใจผิดไปเองแต่อย่างใด

    เค้าจึงได้ถามว่า

    เด็กคนนั้น เป็นฝาแฝดของผมใช่ไหม?”

    ทั้งบิดาและมารดาต่างก็แสดงท่าทีตกใจมาก และจนด้วยถ้อยคำ สุดท้ายเค้าจึงไม่อาจถามออกไปได้ว่า เรื่องราวเป็นมาเช่นใด เหตุใดส่วนเสี้ยวหนึ่งของวิญญาณที่สำคัญนักจึงถูกพรากเอาไป


    ‘ปลายสุดของวิญญาณนั้นจะต้องยังคงเชื่อมโยงถึงกันอยู่เป็นแน่’ หากบอกความรู้สึกอันแสนคลุมเครือนี้ออกไปแล้วคงถูกมองว่าสมองผิดปกติแน่


    เล็นนั้นแม้ในเมืองก็ถือได้ว่าเป็นเด็กที่หัวไว จึงไม่ได้แสดงท่าทีจะถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องเสี้ยวหนึ่งของตนกับบิดามารดาอีก

    ที่โศกเศร้านั้นไม่ได้มีแค่ตน หากต่อความยาวต่อไป คงได้เห็นภาพมารดาที่ร้องไห้ดั่งใจสลายเป็นแน่ เค้าจึงได้แต่ยอมแพ้


    เสียงนั้น ภาพที่ยังคงหลงเหลืออยู่นั้น ภาพเงานั้น กลับไม่ยอมหายไปจากสมอง


    .........

    .....

    ..


    ‘ถ้าเป็นฝาแฝดแล้วคงคล้ายกับเราสินะ’ เล็นคิด

    คงมีผมสีทองสว่างใส มีดวงตาสีฟ้าที่คล้ายกับท้องทะเลของแดนใต้สินะ แต่ว่าเป็นเด็กผู้หญิง ดังนั้นก็คงน่ารักมากแน่ๆ


    เล็นซึ่งกำลังคลายผมที่มัดแน่นอยู่ของตนลงหลุดหัวเราะออกมาดัง ‘หึ’


    แม้จะจ้องมองดูกระจก นั่นก็เป็นตัวเอง ไม่ใช่เสี้ยวหนึ่งที่ถูกพรากไปไกลอยู่ดี ทว่าคล้ายดั่งภาพที่ยังคงหลงเหลืออยู่นั้นยังคงไล่ตามติด


    “---เวลาเธอหัวเราะจะเป็นยังไงนะ

    เมื่อทาบมือลงกับกระจกภาพสะท้อนก็ขยับไล่ตาม แววตาที่จ้องมองมาจากช่องว่างนั้นมองดูคล้ายดั่งปรารถนาในบางสิ่งยิ่งนักจนทำให้อดคิดไม่ได้ว่านั่นเป็นดวงตาของตนเองแน่หรือ


    ตัวเราเองคงอยากจะยืนยันถึงตัวตนที่รู้สึกได้บนปลายสุดของหัวใจอยู่แน่


    เข้าใจตลอดมาอยู่แล้วล่ะ ถึงสิ่งนั้น...

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++

     

    ภายในช่องว่างอันมืดมิดและชื้นแฉะ สาวน้อยลืมตาตื่นขึ้นด้วยเสียงหยดน้ำหยดหนึ่งที่ร่วงลงกระทบ ท่ามกลางความมืดมิดเส้นไหมสีทองนุ่มลื่นไหลระเรี่ยมาตามบ่า


    ...เหมือนจะเผลอหลับไปหน่อยนึง


    เธอขยี้ดวงตาที่ดูเหมือนยังพักผ่อนไม่เพียงพอแล้วกวาดสายตาท่ามกลางความมืดอันขุ่นข้น แสงอาทิตย์จากภายนอกสาดส่องผ่านช่องว่างระหว่างซอกเพดานหินอันไกลห่าง ปรากฎเป็นวงแสงวงหนึ่งบนโขดหิน นั่นเป็นบริเวณเล็กๆเท่านั้นที่มีแสงส่องผ่านมา


    “..........”


    สาวน้อยค่อยๆเหยียบย่างอย่างหวาดหวั่นไปจนถึงบริเวณที่มีแสงส่องผ่านนั้นแล้วยื่นมือออกไปราวกับจะยืนยันถึงความอบอุ่นนั้น


    ผิวของสาวน้อยที่ไม่เคยได้สัมผัสแสงอาทิตย์มายาวนานนั้นเป็นสีขาว

    ผมของสาวน้อยที่หลอมละลายไปกับแสงอาทิตย์นั้นเป็นสีน้ำผึ้งเงางาม ดวงตาที่ขยับคล้ายดั่งกำลังลอบสังเกตช้าๆนั้นกล่าวได้ว่าเป็นสีครามอ่อนๆ


    ปลายสุดสายตาที่สาวน้อยทอดมองอยู่นั้นมีตัวตนหนึ่งที่คล้ายดั่งกำลังหลบซ่อนอยู่ในท่ามกลางกำแพงหินสูง ตัวตนนั้นมีผิวที่แข็งราวก้อนหินใหญ่ ตอนนี้คงกำลังหลับอยู่กระมัง ภายใต้เปลือกตาที่มิอาจลืมตื่นนั้นมีดวงตาสีทองแหลมคมที่ส่องสว่างแม้ในความมืดมิด


    สิ่งนั้นคือร่างของมังกรซึ่งดำรงอยู่บนผืนแผ่นดินนี้ คอยปกปักษ์รักษาแผ่นดินนี้ บางเวลาคอยชำระเภทภัยให้ เป็นเทพผู้พิทักษ์ที่ถูกเรียกขานว่าเทพผู้ทำลาย


    ...ไม่สิ สิ่งนั้นจะต้องเป็นมังกรที่มีชีวิตหลงเหลือมาจากยุคสมัยของเทพเป็นแน่ หากลองได้คลุ้มคลั่งขึ้นมาแล้วล่ะก็คงมิอาจทำอะไรได้ พื้นดินแห่งนี้คงได้ถูกทะเลเพลิงกลืนกินหมดสิ้นเป็นแน่


    สำหรับมังกรแล้วมนุษย์ก็เป็นแค่เพียงสิ่งมีชีวิตอ่อนแอเท่านั้น เป็นตัวตนที่ไม่พอมือเอาเสียเลย

    ชีวิตที่ก่อร่างสร้างขึ้นมานั้นคงถูกทำให้เป็นเถ้าถ่านไปได้อย่างง่ายดาย ทว่าหากมนุษย์จะยังพอมีหนทางรับมือกับสิ่งนั้นได้อยู่สักวิธีล่ะก็ นั่นก็คงเป็น ‘เสียง’


    ...เสียงที่สามารถถักทอร้อยเรียงท่วงทำนอง


    ผู้ที่เป็นเจ้าของเสียงเพลงที่สามารถจะทำให้มังกรสงบลงได้นั้น ไม่ใช่ว่าเป็นใครก็ได้ หากจะต้องเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในเทวสถานแต่ในนามที่ถูกสร้างขึ้นในถ้ำหินอันมืดมิดที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่อาจเข้าไปถึง และสามารถเดินทางผ่านไปมาระหว่างเทวสถานกับช่องว่างที่อยู่ภายใต้พิภพซึ่งมังกรอาศัยอยู่


    และในตอนนี้สาวน้อยก็คือคนผู้นั้น เครื่องประดับผมอันประณีตส่ายไหวก่อกำเนิดเป็นเสียงแผ่วเบา บานประตูที่เชื่อมต่อระหว่างเทวสถานกับโลกภายนอกนั้นมิอาจเปิดได้จากข้างใน มีเพียงเครื่องใช้จำเป็นในแต่ละวันและอาหารเครื่องดื่มเท่านั้นที่จะถูกส่งเข้ามาตามเวลาที่กำหนด


    กล่าวคือเธอเป็นเพียงผู้เดียวที่จะต้องมอบชีวิตทั้งชีวิตให้เพื่อคอยปกป้องรักษาแผ่นดินนี้ การคงอยู่ของมังกรนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นการทำสัญญาเพื่อให้แผ่นดินที่มังกรอาศัยอยู่นั้นอุดมสมบูรณ์


    ดังนั้นอาจจะเป็นเรื่องปกติมิใช่หรือหากจะต้องแบกรับเอาความเสียงไว้ในเวลาเดียวกัน


    สาวน้อยไม่รู้หรอกว่าภายนอกนั้นเป็นสถานที่เช่นไร เธอสะบัดชายกระโปรงวันพีซที่ได้รับมา ซึ่งทำมาจากผ้าบางๆ แล้วหัวเราะคิกคักใต้แสงตะวันอันน้อยนิด


    ในตอนนั้นเองก้อนหินใหญ่ก็พลันขยับ...ผิดแล้ว มังกรที่ควรจะหลับใหลอยู่ได้ลืมตาตื่นแล้วต่างหาก


    ดวงตาสีทองแหลมคมที่คล้ายดั่งกำลังพูดว่ามีอะไรน่าสนุกกำลังจ้องมองเด็กสาวนิ่ง หากเผลอไปเมื่อไรร่างเพรียวระหงของสาวน้อยคงถูกฉีกทึ้งออกภายในชั่วพริบตา


    ทว่าสาวน้อยกลับไม่มีวี่แววหวาดหวั่นแต่อย่างใด


    วันนี้อากาศแจ่มใสล่ะ จะร้องเพลงที่ทำให้รู้สึกแจ่มใสให้นะ


    บทเพลงนั้นโดยไม่ทันรู้สึกตัวก็จดจำได้เอง คล้ายว่าจะเคยได้ยินมาจากหลายๆที่ บางเพลงก็จดจำได้ระหว่างที่นอนฝันอยู่


    บทเพลงที่ริมฝีปากอ่อนนุ่มของสาวน้อยถักทอออกมาก็เป็นเพลงหนึ่งในนั้นเช่นกัน


    ในความฝันนั้นสาวน้อยได้กลายเป็นเด็กหนุ่ม ถูกหลายๆคนเรียกชื่อ ชื่อที่หากจำไม่ผิดรู้สึกจะชื่อว่า ‘เล็น’

    เด็กหนุ่มที่คล้ายกับตัวเองยิ่งนักคนนั้นจะยิ้มแล้วขานรับ ออกวิ่งไปท่ามกลางแสงสว่างของดวงอาทิตย์อย่างแข็งแรงสดใส


    ...หากเช่นนั้นแล้วใครบางคนที่เคยร้องเพลงอยู่ ณ ที่แห่งนี้ก่อนหน้าเราล่ะจะเป็นคนแบบไหนกันนะ


    หน้าที่นี้จะจบลงได้นั้น มีเพียงเมื่อมนุษย์ผู้ถือครองเสียงแห่งการระงับบรรเทาคนใหม่จะถือกำเนิดขึ้นมา หรือเมื่อถูกฆ๋าตายเสียยามที่ทำให้มังกรพิโรธ


    ฉับพลันก็ฉุกคิดได้ขึ้นมาถึงความจริงเรื่องที่สาวน้อยได้ถูกพามาเทวสถานทันทีที่เกิดมา โดยไม่ทันจะรอให้เติบโตเสียก่อน

    หากเช่นนั้นคนๆนั้นคงตายแล้วแน่ๆเลยสินะ เธอทำให้มังกรโกรธขึ้นมางั้นเหรอ หรือเป็นเพราะถูกตัวตนอันยิ่งใหญ่นี้เบื่อเข้าแล้วกันนะ


    “----อืม ถูกใจสินะ


    สาวน้อยหยุดร้องเพลงแล้วจ้องมองท่าทางของมังกรที่ดูสงบเสงี่ยมลงเรื่อยๆ ก่อนจะยิ้มแย้มออกมาอย่างพึงพอใจ


    เป็นเพราะฝันเห็นหรืออย่างไรกันนะ สาวน้อยที่ไม่รู้จักโลกภายนอกเลยจึงจดจำบทเพลงต่างๆได้จากความรู้สึกที่เหมือนดั่งปลายสุดของวิญญาณร้อยเชื่อมโยงอยู่กับใครบางคน


    ดูเหมือนเสียงอันอ่อนหวานที่ทำให้รู้สึกจิตใจสงบได้...เสียงที่ทำให้สัมผัสได้ถึงอิสระที่ถูกปิดกั้น แม้จะยังคงถูกปิดขังออกจากความเป็นจริงนั้นจะเป็นที่ชื่นชอบของมังกร


    เมื่อสาวน้อยลูบไล้ตัวตนที่อยู่ด้วยกันเสมอมานับตั้งแต่เยาว์วัยซึ่งหลับใหลไปอีกครั้งด้วยมือเล็กๆแล้ว ก็รีบวิ่งขึ้นบันไดหยาบๆซึ่งเชื่อมต่อไปยังเทวสถานด้วยฝีเท้าอันปราดเปรียว


    วันนี้เธออารมณ์ดี


    ตอนที่เคลิ้มหลับไปเมื่อครู่ เธอได้เห็นใบหน้าของใครบางคนคล้ายดั่งข้ามผ่านแผ่นกระจก คนๆนั้นที่เชื่อมโยงถึงกันด้วยความฝัน ใบหน้านั้นดูคล้ายกับสาวน้อยยิ่งนัก


    เล็น


    เธอเรียกชื่อที่ถูกเรียกในความฝัน สาวน้อยที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกตั้งแต่เยาวว์วัยรู้จักถ้อยคำต่างๆดี อาจเป็นเพราะวิญญาณกำลังเชื่อมต่ออยู่กับโลกภายนอกด้วยความฝันอยู่จริงๆก็เป็นได้


    ฉันชื่อ...รินนะ


    สาวน้อยบอกออกไปดั่งจะให้ค่อยๆซึมซาบอย่างอ่อนโยน เธอไม่รู้เลยว่าตัวตนที่เห็นในความฝันนั้นมีอยู่จริง

    เพียงแค่กระซิบเพื่อบอกกล่าวความลับเล็กๆแก่ตัวเองที่เป็นเด็กชายยามเมื่ออยู่ในความฝันเพียงเท่านั้น

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++

     

    เมื่อยามเย็นมาเยือนเมฆครึ้มได้แผ่กว้างอย่างรวดเร็ว เพื่อนบางคนพูดว่าฝนล่ะ เล็นที่มองเพื่อนๆที่กระจัดกระจายกันกลับบ้านด้วยหางตาหยุดยืนนิ่งงัน เค้าได้ยินเสียง...


    “----อา


    เหมือนจะร้องไห้ ท้องฟ้าตอนนี้ช่างคล้ายกับตัวเค้านัก


    เม็ดฝนหนักๆตกลงกระทบพื้นดิน ไม่ว่าใครต่างก็ส่งเสียงแสดงความตกใจเล็กๆออกมาแล้วรีบเร่งวิ่งไป มีทั้งคนที่หลบฝนอยู่ และคนที่วิ่งเข้าบ้าน


    ทว่าเล็นกลับยืนนิ่งอยู่กลางตรอกเล็กๆ ให้หยาดฝนลงกระทบผิวอยู่เช่นนั้น


    สายฝนอาบชุ่มลงบนเส้นผมสีทองและเสื้อผ้าของเล็น ทว่ามีเพียงหยาดน้ำที่รินไหลมาตามแก้มเท่านั้นที่มิใช่ฝน


    ริน ผมคือเล็นนะ...ผมอยู่ตรงนี้ไง


    เล็นนั้นรู้อยู่แล้วว่าวิญญาณที่ถูกแยกออกพรากไปไกลนั้นยังคงร้อยโยงอยู่

    และเค้าก็รู้ว่าสาวน้อยที่ถูกพรากไปเพียงลำพังนั้นสัมผัสได้ถึงตัวตนของเล็นในโลกของความฝัน


    เล็นในความฝันที่สาวน้อยมองเห็นและคิดว่าเป็นเพียงจินตนาการนั้น อาจจะกล่าวได้ว่าคือความเป็นจริงว่าวิญญาณซึ่งเชื่อมโยงถึงกันได้เกิดมาโดยมีความทรงจำร่วมกันนั่นเอง


    “----ผมอยู่บนโลกใบเดียวกันกับเธอนะ


    เมื่อวางมือทาบลงบนหน้าอกช้าๆ เสียงชีพจรที่เต้นด้วยจังหวะอันมั่นคงก็ถ่ายทอดผ่านผิวที่เยียบเย็นด้วยสายฝนมาให้ได้รู้สึก


    เค้าไม่รู้วิธีใดเลยที่จะบอกความจริงว่าเค้าไม่ได้เป็นแค่ความฝันให้สาวน้อยได้รับรู้ มีเพียงหยดน้ำตาที่ปนเปไปกับหยาดฝนหยดลงชะโลมสู่ผืนดินซึ่งมังกรได้มอบความเมตตาให้แห่งนี้

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++


     

    ~~จบภาคปฐมบท~~

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×