คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4: Valentines Day with Mukuro
Chapter 4: Valentine’s Day with Mukuro
ท่ามกลางสวนสาธารณะที่ราวจะร้างไร้ผู้ใดเพราะเป็นเวลาที่เข้าช่วงหัวค่ำแล้วหากยังมีร่างเล็กที่กำลังเดินลัดเลาะผ่านเข้ามายังที่นี่เพื่อใช้เป็นทางลัดกลับบ้านให้เร็วขึ้น หากจริงๆแล้วเขายังคงไม่อยากที่จะกลับเลย
สุดท้าย...ก็เหลือเพียงคนเดียวที่ยังไม่ได้ให้ไปสินะ...
สึนะอดไม่ได้ที่จะรู้สึกค้างคาอยู่ในใจกับบางสิ่งที่ยังคงอยู่ในกระเป๋านักเรียนที่ยังคงกอดไว้อยู่ ของชิ้นสุดท้ายที่ถูกเตรียมไว้เป็นพิเศษเพื่อใครคนนั้น หากไม่อาจส่งให้แก่คนคนนั้นได้เพราะในยามนี้ช่างอยู่ห่างไกลกันเสียเหลือเกิน
...ไกลเกินที่จะพูดคุย
...ไกลเกินกว่าจะเห็นหน้า
...ไกลเกินกว่าจะรู้ได้ว่าในยามนี้จะเป็นเช่นไร
หากในความมืดมิดของยามราตรีสึนะกลับมองเห็นได้ถึงเงาร่างของใครคนหนึ่งที่ยืนเดียวดายอยู่เพียงผู้เดียวกลางลานกว้างใจกลางสวนสาธารณะแห่งนี้ หากก็ให้ถึงความรู้สึกคุ้นเคยอย่างแสนประหลาด เมื่อลองเขม้นตามองอยู่ครู่ใหญ่ก็ยังมิอาจมองฝ่าความมืดพ้นไปได้ร่างเล็กจึงแอบเดินเข้าไปให้ใกล้ยิ่งขึ้น หากเสียงของผู้ถูกแอบมองก็ดังมาให้สึนะต้องสะดุ้งเสียก่อนเมื่อตระหนักชัดแล้วว่าเป็นใครจากเสียงและวิธีการพูดที่ฟังดูคุ้นหู
“คึหึหึ ไม่ทราบว่าทำอะไรอยู่หรือครับวองโกเล่?”
“มะ...มุคุโร่!”
ในยามนี้ที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้แม้มิต้องเขม้นมองอย่างตั้งใจเช่นเมื่อครู่ก็ยังสามารถที่จะมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้แม้ไม่ชัดเจนนักยิ่งทำให้สึนะยิ่งประหลาดใจนักที่ได้พบว่าคนๆนี้ที่ควรจะยังถูกจองจำอยู่ในคุกวินดีเช่กลับปรากฏตัวมาให้เห็นได้ในที่สาธารณะเช่นนี้ หากเมื่อนึกได้ถึงเหตุการณ์ในคราวศึกชิงแหวนความประหลาดใจก็หายไปจากดวงตากลมโตสีเปลือกไม้ทันที
“นายใช้ร่างของโคลมอยู่ซินะ มีเรื่องจำเป็นหรือเปล่าถึงต้องทำอย่างนี้”
“คึหึหึหึ แล้วถ้าผมบอกว่าไม่ล่ะครับ?”
“ทั้งๆที่นายรู้ว่ามันจะทำให้โคลมต้องฝืนร่างกายอยู่เนี่ยนะ!!”
ทันทีที่ได้ยินถ้อยคำแฝงแววขบขันเช่นนั้นแววโกรธเกรี้ยวก็ฉายวาบขึ้นมาในดวงตากลมโตทันที พร้อมกับที่เสียงตวาดด้วยแรงอารมณ์จะดังขึ้นท่ามกลางความสงัดที่รายล้อม
คราวนี้กลับเป็นตัวมุคุโร่เองที่ในแววตามีร่องรอยของความประหลาดใจจางๆหากก็จางหายไปอย่างรวดเร็วในเมื่อตัวเขาเองควรจะรู้ดีอยู่แล้วว่าคนๆนี้เป็นเช่นนี้เสมอ...ห่วงแม้กับคนที่อาจเป็นได้แม้กระทั่งศัตรูของตัวเอง...ทั้งๆที่รู้ดีว่าโคลมเป็นพวกเดียวกับเขาที่อาจหวังยึดร่างตัวเองไปเมื่อใดก็ได้...
“คึหึหึ ขอโทษนะครับที่อาจทำให้คุณหงุดหงิด แต่พอดีว่าในวินดีเช่ออกจะน่าเบื่อไปหน่อย จนผมอดไม่ได้ที่จะอยากหลบมาชมดาวยามค่ำคืนเสียหน่อยน่ะครับ”
เมื่อได้ยินเสียงทุ้มนุ่มที่กล่าวเช่นนั้นออกมาสึนะที่หวนนึกได้ถึงสภาพของมุคุโร่ที่คุกวินดีเช่ที่ตนได้เห็นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดที่ตนกล่าวโทษมุคุโร่ไปเช่นนั้นจึงได้แต่ก้มหน้าลงอย่างเสียใจในสิ่งที่ตนพูดไปและไม่อาจพูดอะไรออกไปได้อีก
“......”
“...ถ้าไม่มีอะไรแล้วอย่างนั้นผมคงต้องคืนร่างให้โคลมแล้วล่ะครับ เพราะร่างกายเธอคงจะทนไม่ได้นานนักอย่างที่คุณพูดนั่นแหละครับ
ถ้างั้นก็...แล้วพบกัน”
มุคุโร่ที่รู้ดีว่าการสนทนาในครั้งนี้คงมิอาจสานต่อได้แล้วจึงตัดสินใจตัดบทและกำลังจะคืนร่างให้แกโคลมดังที่พูด ทว่า...
“เดี๋ยวก่อน!มุคุโร่!!”
เสียงใสที่ดังขึ้นกลับรั้งเขาไว้พร้อมกับที่มือเล็กออกแรงดึงไว้ไม่ให้เขาจากไปเรียกความประหลาดใจให้กลับขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลาอีกครั้ง ก่อนที่มือเล็กจะเปลี่ยนจากที่ใช้ฉุดรั้งเขาไว้ไปใช้เพื่อควานหาบางสิ่งในกระเป๋านักเรียนของตัวเองแทน
“นี่...ฉันให้...ของขวัญวาเลนไทน์”
ใบหน้าหวานที่แดงก่ำยามเมื่อยื่นกล่องของขวัญสี่เหลี่ยมกล่องหนึ่งให้กับมุคุโร่ที่รับกล่องที่ว่ามาอย่างว่าง่ายกลับยิ่งแดงก่ำมากกว่าเดิมเมื่อเห็นมุคุโร่เปิดกล่องที่ได้รับไปทันทีและพบว่าข้างในนั้นคือชอคโกแลตก้อนกลมสี่ก้อนที่ตกแต่งอย่างน่ารักน่าทานวางเรียงกันอยู่ ก่อนจะรีบเอ่ยแก้ตัวอย่างรวดเร็ว
“นะ...นายอาจจะรู้สึกว่ามันแปลกๆหน่อยที่ผู้ชายอย่างฉันเป็นคนให้ชอคโกแลต ขนาดฉันเองเป็นคนให้ยังรู้สึกว่ามันแปลกเลย ตะ...แต่ไม่รู้สิ กับคนอื่นฉันก็ให้ดอกไม้แทนนะจะได้ไม่ดูแปลกๆอย่างนี้ แต่ไม่รู้ทำไมฉันกลับคิดว่านายคงอยากได้ไอ้นี่มากกว่าที่จะเป็นดอกไม้ก็ไม่รู้ ตะ...แต่ถ้าหากว่านายไม่อยากได้ก็ไม่เป็นไรนะ ฉะ...ฉันเอากลับไปก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับ...ขอบคุณมาก...”
ก่อนที่สึนะที่ร้อนตัวจะรีบเอากล่องของขวัญนั้นคืนมาจากมือของมุคุโร่ ร่างสูงก็กล่าวขอบคุณเพื่อมิให้ร่างเล็กดึงมันกลับไปก่อนที่จะหยิบชอคโกแลตชิ้นหนึ่งขึ้นมาใส่ปาก
“ปะ...เป็นไงบ้าง?”
สึนะที่รอลุ้นอยู่อดไม่ได้ที่จะถามออกไปแล้วจึงได้ถอนหายใจเมื่อร่างสูงคลี่ยิ้มออกมาพร้อมเอ่ยปากบอกว่า
“อร่อยครับ”
“ระ
เหรอ ฮะฮะฮะ ถะ
ถ้างั้นก็ดีแล้วล่ะ งั้นฉัน
กลับแล้วนะ”
สึนะที่เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ดูต่างไปจากเดิมของมุคุโร่ก็ไม่อาจทราบได้ว่าทำไมใบหน้าของตัวเองจึงได้ร้อนผ่าวเช่นที่เป็นอยู่ขึ้นมา รู้แต่ว่าเขาชอบรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นเช่นนี้ของมุคุโร่มากกว่ายิ้มที่ราวกับจะเย้ยหยันชีวิตตัวเองดั่งเช่นที่เคย
เมื่อไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับหัวใจตัวเองที่เต้นแรงเช่นที่เป็นสึนะจึงรีบที่จะตัดบทก่อนที่เจ้าของนัยน์ตาสองสีจะสังเกตเห็นใบหน้าที่แดงจัดของตัวเองผ่านท่ามกลางความมืดมิดนี้ หากทว่า
“เดี๋ยวครับ
”
เมื่อหันหลังเตรียมจะเดินหนีไปข้อมือเล็กก็กลับถูกฝ่ามือใหญ่ดึงรั้งเอาไว้จนสึนะที่ไม่ทันตั้งตัวต้องเซลงไปผิงกับแผ่นอกของอีกฝ่าย ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นไปมองตัวต้นเหตุด้วยความงุนงง หากความงุนงงกลับต้องถูกแปรเปลี่ยนให้เป็นความตกตะลึงเมื่ออีกฝ่ายกลับประทับจุมพิตแผ่วเบาลงบนหน้าผากนวลเนียนอย่างอ่อนโยน
พลั่ก!
“ทะ..ทำอะไรของนายน่ะ!?”
“คึหึหึ ก็ตอบแทนของขวัญไงครับ”
สองแขนเล็กรีบออกแรงผลักคนฉวยโอกาสทันทีที่สติบินกลับมาพลางตะโกนถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกหากไม่มีวี่แววของความรังเกียจใดซ่อนอยู่ในน้ำเสียงและสีหน้าของผู้พูดสักนิดเลย จะมีก็แต่เพียงใบหน้าที่ยิ่งแดงก่ำขึ้นกว่าเดิมจนไม่อาจซ่อนเร้นในความมืดมิดได้อีกแล้วที่ดูจะบ่งบอกความรู้สึกเจ้าตัวได้ดีที่สุด หากอีกฝ่ายกลับเพียงแค่หัวเราะและตอบกลับมาราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องปกติ
“เอาล่ะครับ ดึกป่านนี้แล้ว ผมว่าคุณควรจะกลับได้แล้วล่ะครับ วองโกเล่”
“นะ
นายมัน นายมัน
ปัดโธ่ว้อยยยยยยยยยย!”
ในที่สุดเมื่อไม่อาจสรรหาคำมาด่าคนบางคนที่หน้าราดคอนกรีตได้สำเร็จ สุดท้ายสึนะก็ทำได้แค่เพียงร้องโวยวายแล้ววิ่งไปให้ไกลไม่ให้ใครบางคนเห็นใบหน้าที่แปรเปลี่ยนเป็นสีจัดของตัวเองนานนัก ปล่อยให้เจ้าของเรือนผมสีไพลินยืนส่งยิ้มขำขันพลางมองส่งตนเองไปอยู่ที่เดิม
..
เมื่อร้างไร้ผู้ใดยืนเคียงข้างอีกรอยยิ้มที่มีอยู่บนใบหน้าของมุคุโ่ร่ก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนไปกลายเป็นรอยยิ้มแฝงความเศร้า คล้ายดั่งอาลัยอาวรณ์ในบางสิ่งที่เสียไปอย่างไม่มีวันได้กลับคืนมา คำพูดที่มีเพียงตัวเองที่ได้ยินหลุดรอดผ่านพ้นเรียวปากได้รูปเพียงแผ่วเบา
“สัญญา
สินะครับ”
+++++++++++++++++++++++++++++++
ใช่แล้ว
เขายังคงจำได้ดีถึงเสียงใสที่แว่วมาในความทรงจำครั้งยังพบกัน ณ สถานที่แห่งนั้น ทั้งดวงตาที่กลมโต กับหัวใจที่บริสุทธิ์ดวงนั้น
“ผมน่ะชอบเทศกาลวาเลนไทน์นะ”
“ทำไมล่ะครับ?”
...ใช่แล้ว
อยู่ๆวันนั้นเด็กน้อยก็ได้พูดขึ้นมาถึงเทศกาลที่ตัวเองชอบที่สุดให้เขาฟัง โดยที่เขาไม่ได้ถามเลยสักนิด หากก็ย้อนถามถึงสาเหตุไปเพื่อแสร้งทำเป็นสนใจเพื่อไม่ให้เด็กน้อยต้องเสียใจ หรือน้อยใจใดๆ
“เพราะวันนั้นคุณแม่นานะกับคุณครูที่โรงเรียนจะชอบแจกชอคโกแลตอร่อยๆให้ไงล่ะ”
“
แล้วมันเกี่ยวกับวาเลนไทน์ยังไงล่ะครับ?”
“
.อืม~~”
“
.”
ใช่แล้ว
ยังคงจำได้ถึงใบหน้าที่ขมวดคิ้วยามพยายามค้นหาคำตอบที่ตนเองก็ดูไม่แน่ใจเท่าไรด้วยท่าทีจริงจัง กับ ตัวเองที่นิ่งเงียบรอฟังคำตอบของคำถามที่ตนเพียงถามไปส่งๆ แค่นั้น
“ก็
ก็คือว่า
ในวันวาเลนไทน์เขาจะให้ชอคโกแลตกับคนที่ชอบเท่านั้น เพราะงั้นนะยิ่งเราได้ชอคโกแลตอร่อยๆมากเท่าไร ก็แสดงว่ายิ่งมีคนชอบเรามากเท่านั้นไง นอกจากเราจะได้รู้ว่าใครชอบเราบ้าง ก็ยังได้กินชอคโกอร่อยๆด้วยไง”
“
ถ้าอย่างนั้นผมคงเกลียดวันวาเลนไทน์ที่สุดล่ะครับ”
“อ้าว!ทำไมล่ะฮะ?”
...และยังคงจำได้ถึงความเจ็บปวดราวมีดกรีดยามคำตอบที่ได้รับเป็นเหมือนเข็มเงินที่ปักลงบนหัวใจที่กลัดหนองอยู่ภายในจนอดไม่ได้ที่จะยิ้มเย้ยหยันให้กับตัวเอง
“เพราะ
ผมคงไม่ได้รับอะไรจากใครหรอกครับ
คนที่รักผมน่ะ
บนโลกนี้คงไม่มีอยู่หรอก”
“เอ๋~~แต่ผมชอบพี่ชายออกนะ เพราะงั้นเอาไว้วาเลนไทน์คราวหน้าผมจะลองขอให้คุณพ่อคุณแม่พาผมมาที่นี่อีกทีนะ แล้วไว้ตอนนั้นผมสัญญาจะให้ชอคโกแลตกับพี่ชายแน่นอนเลย!!”
หากสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้รับตอบแทนกลับมานั้นคือคำสัญญาที่แสนบริสุทธิ์จากปากของเด็กน้อยที่ได้มอบความฉ่ำชื้นให้กับหัวใจที่โรยรา พารอยยิ้มให้หวนคืนมาแม้เป็นเพียงแค่เส้นโค้งเบาบางที่วาดผ่านบนใบหน้าเยาว์วัย
.
.
.
.
ภายใต้ความมืดมนอนธการอันเยียบเย็นดั่งไร้ที่สิ้นสุดของสถานจองจำที่พันธนาการร่างกายของใครบางคนไว้นามวินดีเช่ ไม่มีใครเลยที่รู้ว่าในยามนี้บนใบหน้าของร่างกายที่ถูกพันธนาการจนดูราวเป็นสิ่งไร้ซึ่งชีวิตจิตใจกำลังแย้มยิ้มให้กับอดีตที่ผันผ่านและคำสัญญาที่ในที่สุดก็เป็นจริงโดยมิได้นึกหวัง
.คำสัญญาที่เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของความทรงจำ
.
~End~
ความคิดเห็น