ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Reborn] A Part Of Memory Special for Valentine's Day

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4: Valentine’s Day with Mukuro

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.พ. 53


    Chapter 4: Valentine’s Day with Mukuro

     

     

     

    ท่ามกลางสวนสาธารณะที่ราวจะร้างไร้ผู้ใดเพราะเป็นเวลาที่เข้าช่วงหัวค่ำแล้วหากยังมีร่างเล็กที่กำลังเดินลัดเลาะผ่านเข้ามายังที่นี่เพื่อใช้เป็นทางลัดกลับบ้านให้เร็วขึ้น หากจริงๆแล้วเขายังคงไม่อยากที่จะกลับเลย

     

     

     

    สุดท้าย...ก็เหลือเพียงคนเดียวที่ยังไม่ได้ให้ไปสินะ...

     

     

     

    สึนะอดไม่ได้ที่จะรู้สึกค้างคาอยู่ในใจกับบางสิ่งที่ยังคงอยู่ในกระเป๋านักเรียนที่ยังคงกอดไว้อยู่ ของชิ้นสุดท้ายที่ถูกเตรียมไว้เป็นพิเศษเพื่อใครคนนั้น หากไม่อาจส่งให้แก่คนคนนั้นได้เพราะในยามนี้ช่างอยู่ห่างไกลกันเสียเหลือเกิน

     

     

     

    ...ไกลเกินที่จะพูดคุย

     

     

     

    ...ไกลเกินกว่าจะเห็นหน้า

     

     

     

    ...ไกลเกินกว่าจะรู้ได้ว่าในยามนี้จะเป็นเช่นไร

     

     

     

    หากในความมืดมิดของยามราตรีสึนะกลับมองเห็นได้ถึงเงาร่างของใครคนหนึ่งที่ยืนเดียวดายอยู่เพียงผู้เดียวกลางลานกว้างใจกลางสวนสาธารณะแห่งนี้ หากก็ให้ถึงความรู้สึกคุ้นเคยอย่างแสนประหลาด เมื่อลองเขม้นตามองอยู่ครู่ใหญ่ก็ยังมิอาจมองฝ่าความมืดพ้นไปได้ร่างเล็กจึงแอบเดินเข้าไปให้ใกล้ยิ่งขึ้น หากเสียงของผู้ถูกแอบมองก็ดังมาให้สึนะต้องสะดุ้งเสียก่อนเมื่อตระหนักชัดแล้วว่าเป็นใครจากเสียงและวิธีการพูดที่ฟังดูคุ้นหู

     

     

     

    คึหึหึ ไม่ทราบว่าทำอะไรอยู่หรือครับวองโกเล่?

     

     

     

    มะ...มุคุโร่!”

     

     

     

    ในยามนี้ที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้แม้มิต้องเขม้นมองอย่างตั้งใจเช่นเมื่อครู่ก็ยังสามารถที่จะมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้แม้ไม่ชัดเจนนักยิ่งทำให้สึนะยิ่งประหลาดใจนักที่ได้พบว่าคนๆนี้ที่ควรจะยังถูกจองจำอยู่ในคุกวินดีเช่กลับปรากฏตัวมาให้เห็นได้ในที่สาธารณะเช่นนี้ หากเมื่อนึกได้ถึงเหตุการณ์ในคราวศึกชิงแหวนความประหลาดใจก็หายไปจากดวงตากลมโตสีเปลือกไม้ทันที

     

     

     

    นายใช้ร่างของโคลมอยู่ซินะ มีเรื่องจำเป็นหรือเปล่าถึงต้องทำอย่างนี้

     

     

     

    คึหึหึหึ แล้วถ้าผมบอกว่าไม่ล่ะครับ?

     

     

     

    ทั้งๆที่นายรู้ว่ามันจะทำให้โคลมต้องฝืนร่างกายอยู่เนี่ยนะ!!”

     

     

     

    ทันทีที่ได้ยินถ้อยคำแฝงแววขบขันเช่นนั้นแววโกรธเกรี้ยวก็ฉายวาบขึ้นมาในดวงตากลมโตทันที พร้อมกับที่เสียงตวาดด้วยแรงอารมณ์จะดังขึ้นท่ามกลางความสงัดที่รายล้อม

     

     

     

    คราวนี้กลับเป็นตัวมุคุโร่เองที่ในแววตามีร่องรอยของความประหลาดใจจางๆหากก็จางหายไปอย่างรวดเร็วในเมื่อตัวเขาเองควรจะรู้ดีอยู่แล้วว่าคนๆนี้เป็นเช่นนี้เสมอ...ห่วงแม้กับคนที่อาจเป็นได้แม้กระทั่งศัตรูของตัวเอง...ทั้งๆที่รู้ดีว่าโคลมเป็นพวกเดียวกับเขาที่อาจหวังยึดร่างตัวเองไปเมื่อใดก็ได้...

     

     

     

    คึหึหึ ขอโทษนะครับที่อาจทำให้คุณหงุดหงิด แต่พอดีว่าในวินดีเช่ออกจะน่าเบื่อไปหน่อย จนผมอดไม่ได้ที่จะอยากหลบมาชมดาวยามค่ำคืนเสียหน่อยน่ะครับ

     

     

     

    เมื่อได้ยินเสียงทุ้มนุ่มที่กล่าวเช่นนั้นออกมาสึนะที่หวนนึกได้ถึงสภาพของมุคุโร่ที่คุกวินดีเช่ที่ตนได้เห็นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดที่ตนกล่าวโทษมุคุโร่ไปเช่นนั้นจึงได้แต่ก้มหน้าลงอย่างเสียใจในสิ่งที่ตนพูดไปและไม่อาจพูดอะไรออกไปได้อีก

     

     

     

    ......

     

     

     

    ...ถ้าไม่มีอะไรแล้วอย่างนั้นผมคงต้องคืนร่างให้โคลมแล้วล่ะครับ เพราะร่างกายเธอคงจะทนไม่ได้นานนักอย่างที่คุณพูดนั่นแหละครับถ้างั้นก็...แล้วพบกัน

     

     

     

    มุคุโร่ที่รู้ดีว่าการสนทนาในครั้งนี้คงมิอาจสานต่อได้แล้วจึงตัดสินใจตัดบทและกำลังจะคืนร่างให้แกโคลมดังที่พูด ทว่า...

     

     

     

    เดี๋ยวก่อน!มุคุโร่!!”

     

     

     

    เสียงใสที่ดังขึ้นกลับรั้งเขาไว้พร้อมกับที่มือเล็กออกแรงดึงไว้ไม่ให้เขาจากไปเรียกความประหลาดใจให้กลับขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลาอีกครั้ง ก่อนที่มือเล็กจะเปลี่ยนจากที่ใช้ฉุดรั้งเขาไว้ไปใช้เพื่อควานหาบางสิ่งในกระเป๋านักเรียนของตัวเองแทน

     

     

     

    นี่...ฉันให้...ของขวัญวาเลนไทน์

     

     

     

    ใบหน้าหวานที่แดงก่ำยามเมื่อยื่นกล่องของขวัญสี่เหลี่ยมกล่องหนึ่งให้กับมุคุโร่ที่รับกล่องที่ว่ามาอย่างว่าง่ายกลับยิ่งแดงก่ำมากกว่าเดิมเมื่อเห็นมุคุโร่เปิดกล่องที่ได้รับไปทันทีและพบว่าข้างในนั้นคือชอคโกแลตก้อนกลมสี่ก้อนที่ตกแต่งอย่างน่ารักน่าทานวางเรียงกันอยู่ ก่อนจะรีบเอ่ยแก้ตัวอย่างรวดเร็ว

     

     

     

    นะ...นายอาจจะรู้สึกว่ามันแปลกๆหน่อยที่ผู้ชายอย่างฉันเป็นคนให้ชอคโกแลต ขนาดฉันเองเป็นคนให้ยังรู้สึกว่ามันแปลกเลย ตะ...แต่ไม่รู้สิ กับคนอื่นฉันก็ให้ดอกไม้แทนนะจะได้ไม่ดูแปลกๆอย่างนี้ แต่ไม่รู้ทำไมฉันกลับคิดว่านายคงอยากได้ไอ้นี่มากกว่าที่จะเป็นดอกไม้ก็ไม่รู้ ตะ...แต่ถ้าหากว่านายไม่อยากได้ก็ไม่เป็นไรนะ ฉะ...ฉันเอากลับไปก็ได้

     

     

     

    ไม่เป็นไรครับ...ขอบคุณมาก...

     

     

     

    ก่อนที่สึนะที่ร้อนตัวจะรีบเอากล่องของขวัญนั้นคืนมาจากมือของมุคุโร่ ร่างสูงก็กล่าวขอบคุณเพื่อมิให้ร่างเล็กดึงมันกลับไปก่อนที่จะหยิบชอคโกแลตชิ้นหนึ่งขึ้นมาใส่ปาก

     

     

     

    ปะ...เป็นไงบ้าง?

     

     

     

    สึนะที่รอลุ้นอยู่อดไม่ได้ที่จะถามออกไปแล้วจึงได้ถอนหายใจเมื่อร่างสูงคลี่ยิ้มออกมาพร้อมเอ่ยปากบอกว่า

     

     

     

    อร่อยครับ

     

     

     

    ระเหรอ ฮะฮะฮะ ถะถ้างั้นก็ดีแล้วล่ะ งั้นฉันกลับแล้วนะ

     

     

     

    สึนะที่เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ดูต่างไปจากเดิมของมุคุโร่ก็ไม่อาจทราบได้ว่าทำไมใบหน้าของตัวเองจึงได้ร้อนผ่าวเช่นที่เป็นอยู่ขึ้นมา รู้แต่ว่าเขาชอบรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นเช่นนี้ของมุคุโร่มากกว่ายิ้มที่ราวกับจะเย้ยหยันชีวิตตัวเองดั่งเช่นที่เคย

     

     

     

    เมื่อไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับหัวใจตัวเองที่เต้นแรงเช่นที่เป็นสึนะจึงรีบที่จะตัดบทก่อนที่เจ้าของนัยน์ตาสองสีจะสังเกตเห็นใบหน้าที่แดงจัดของตัวเองผ่านท่ามกลางความมืดมิดนี้ หากทว่า

     

     

     

    เดี๋ยวครับ…”

     

     

     

    เมื่อหันหลังเตรียมจะเดินหนีไปข้อมือเล็กก็กลับถูกฝ่ามือใหญ่ดึงรั้งเอาไว้จนสึนะที่ไม่ทันตั้งตัวต้องเซลงไปผิงกับแผ่นอกของอีกฝ่าย ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นไปมองตัวต้นเหตุด้วยความงุนงง หากความงุนงงกลับต้องถูกแปรเปลี่ยนให้เป็นความตกตะลึงเมื่ออีกฝ่ายกลับประทับจุมพิตแผ่วเบาลงบนหน้าผากนวลเนียนอย่างอ่อนโยน

     

     

     

    พลั่ก!

     

     

     

    ทะ..ทำอะไรของนายน่ะ!?”

     

     

     

     คึหึหึ ก็ตอบแทนของขวัญไงครับ

     

     

     

    สองแขนเล็กรีบออกแรงผลักคนฉวยโอกาสทันทีที่สติบินกลับมาพลางตะโกนถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกหากไม่มีวี่แววของความรังเกียจใดซ่อนอยู่ในน้ำเสียงและสีหน้าของผู้พูดสักนิดเลย จะมีก็แต่เพียงใบหน้าที่ยิ่งแดงก่ำขึ้นกว่าเดิมจนไม่อาจซ่อนเร้นในความมืดมิดได้อีกแล้วที่ดูจะบ่งบอกความรู้สึกเจ้าตัวได้ดีที่สุด หากอีกฝ่ายกลับเพียงแค่หัวเราะและตอบกลับมาราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องปกติ

     

     

     

    เอาล่ะครับ ดึกป่านนี้แล้ว ผมว่าคุณควรจะกลับได้แล้วล่ะครับ วองโกเล่

     

     

     

    นะนายมัน นายมันปัดโธ่ว้อยยยยยยยยยย!”

     

     

     

    ในที่สุดเมื่อไม่อาจสรรหาคำมาด่าคนบางคนที่หน้าราดคอนกรีตได้สำเร็จ สุดท้ายสึนะก็ทำได้แค่เพียงร้องโวยวายแล้ววิ่งไปให้ไกลไม่ให้ใครบางคนเห็นใบหน้าที่แปรเปลี่ยนเป็นสีจัดของตัวเองนานนัก ปล่อยให้เจ้าของเรือนผมสีไพลินยืนส่งยิ้มขำขันพลางมองส่งตนเองไปอยู่ที่เดิม

     

     

     

    …..

     

     

     

     

     

     

    เมื่อร้างไร้ผู้ใดยืนเคียงข้างอีกรอยยิ้มที่มีอยู่บนใบหน้าของมุคุโ่ร่ก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนไปกลายเป็นรอยยิ้มแฝงความเศร้า คล้ายดั่งอาลัยอาวรณ์ในบางสิ่งที่เสียไปอย่างไม่มีวันได้กลับคืนมา คำพูดที่มีเพียงตัวเองที่ได้ยินหลุดรอดผ่านพ้นเรียวปากได้รูปเพียงแผ่วเบา

     

     

     

    สัญญาสินะครับ

     

     

     

    +++++++++++++++++++++++++++++++

     

     

     

    ใช่แล้วเขายังคงจำได้ดีถึงเสียงใสที่แว่วมาในความทรงจำครั้งยังพบกัน ณ สถานที่แห่งนั้น ทั้งดวงตาที่กลมโต กับหัวใจที่บริสุทธิ์ดวงนั้น

     

     

     

    ผมน่ะชอบเทศกาลวาเลนไทน์นะ

     

     

     

    ทำไมล่ะครับ?

     

     

     

    ...ใช่แล้วอยู่ๆวันนั้นเด็กน้อยก็ได้พูดขึ้นมาถึงเทศกาลที่ตัวเองชอบที่สุดให้เขาฟัง โดยที่เขาไม่ได้ถามเลยสักนิด หากก็ย้อนถามถึงสาเหตุไปเพื่อแสร้งทำเป็นสนใจเพื่อไม่ให้เด็กน้อยต้องเสียใจ หรือน้อยใจใดๆ

     

     

     

    เพราะวันนั้นคุณแม่นานะกับคุณครูที่โรงเรียนจะชอบแจกชอคโกแลตอร่อยๆให้ไงล่ะ

     

     

     

    “…แล้วมันเกี่ยวกับวาเลนไทน์ยังไงล่ะครับ?

     

     

     

    “….อืม~~”

     

     

     

    “…….”

     

     

     

    ใช่แล้วยังคงจำได้ถึงใบหน้าที่ขมวดคิ้วยามพยายามค้นหาคำตอบที่ตนเองก็ดูไม่แน่ใจเท่าไรด้วยท่าทีจริงจัง กับ ตัวเองที่นิ่งเงียบรอฟังคำตอบของคำถามที่ตนเพียงถามไปส่งๆ แค่นั้น

     

     

     

    ก็ก็คือว่าในวันวาเลนไทน์เขาจะให้ชอคโกแลตกับคนที่ชอบเท่านั้น เพราะงั้นนะยิ่งเราได้ชอคโกแลตอร่อยๆมากเท่าไร ก็แสดงว่ายิ่งมีคนชอบเรามากเท่านั้นไง นอกจากเราจะได้รู้ว่าใครชอบเราบ้าง ก็ยังได้กินชอคโกอร่อยๆด้วยไง

     

     

     

    “…ถ้าอย่างนั้นผมคงเกลียดวันวาเลนไทน์ที่สุดล่ะครับ

     

     

     

    อ้าว!ทำไมล่ะฮะ?

     

     

     

    ...และยังคงจำได้ถึงความเจ็บปวดราวมีดกรีดยามคำตอบที่ได้รับเป็นเหมือนเข็มเงินที่ปักลงบนหัวใจที่กลัดหนองอยู่ภายในจนอดไม่ได้ที่จะยิ้มเย้ยหยันให้กับตัวเอง

     

     

     

    เพราะผมคงไม่ได้รับอะไรจากใครหรอกครับคนที่รักผมน่ะบนโลกนี้คงไม่มีอยู่หรอก

     

     

     

    เอ๋~~แต่ผมชอบพี่ชายออกนะ เพราะงั้นเอาไว้วาเลนไทน์คราวหน้าผมจะลองขอให้คุณพ่อคุณแม่พาผมมาที่นี่อีกทีนะ แล้วไว้ตอนนั้นผมสัญญาจะให้ชอคโกแลตกับพี่ชายแน่นอนเลย!!”

     

     

     

    หากสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้รับตอบแทนกลับมานั้นคือคำสัญญาที่แสนบริสุทธิ์จากปากของเด็กน้อยที่ได้มอบความฉ่ำชื้นให้กับหัวใจที่โรยรา พารอยยิ้มให้หวนคืนมาแม้เป็นเพียงแค่เส้นโค้งเบาบางที่วาดผ่านบนใบหน้าเยาว์วัย

     

     

     

    .

     

     

     

    .

     

     

     

    .

     

     

     

    .

     

     

     

    ภายใต้ความมืดมนอนธการอันเยียบเย็นดั่งไร้ที่สิ้นสุดของสถานจองจำที่พันธนาการร่างกายของใครบางคนไว้นามวินดีเช่ ไม่มีใครเลยที่รู้ว่าในยามนี้บนใบหน้าของร่างกายที่ถูกพันธนาการจนดูราวเป็นสิ่งไร้ซึ่งชีวิตจิตใจกำลังแย้มยิ้มให้กับอดีตที่ผันผ่านและคำสัญญาที่ในที่สุดก็เป็นจริงโดยมิได้นึกหวัง

     

     

     

    ….คำสัญญาที่เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของความทรงจำ….

     

     

     

     

    ~End~

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×