คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ปลอบ...ผี!
“เออ งั้นเอาตามนี้ละกัน พวกกูไปเรียนก่อนหล่ะ ได้เรื่องยังไงแล้วเดี๋ยวกูโทรบอก ไปละ” ผมพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะแยกย้ายกันไปเรียน
หลังจากที่เรียนเสร็จผมก็รีบจรลีกลับบ้านด้วยความรวดเร็ว กลับไปแล้วจะพูดว่าอะไรดีอ่ะ ถ้าเจอหน้าแล้วควรจะทำไงดี แล้วถ้าผีคยองซูไม่โผล่มาหล่ะ แล้วๆๆๆๆ โอ๊ยยยย นี่กูจะคิดทำไมให้เยอะวะเนี่ย วุ่นวายจริง ทำอย่างกับจะไปออกเดท ปัญญาอ่อนแล้วไอ้แบคเอ๊ย!
“นายทำร้ายตัวเองทำไมอ่ะ แบคฮยอน Oo”
“กรี๊ดดดดดดดดด!!!!!” ผมกรี๊ดทันทีที่เห็นหน้าผีคยองซู ไม่ได้กลัวนะแค่คนมันตกใจน่ะ อยู่ๆโผล่มาทันทีที่เปิดประตู ไม่ให้สุ่มให้เสียงเป็นคุณ คุณจะตกใจมั๊ยละ คนกำลังคิดอะไรเพลินๆ(เสียงเซลฟ์อย่างแรง==!)
“ฮ่าๆๆๆๆ นายกรี๊ดเหมือนตุ๊ดเลยแบคฮยอน ฮ่าๆๆๆๆ เมื่อกี้น่าอัดวิดีโอไว้นะเนี่ย ฮ่าๆๆๆ” เออ ขำเข้าไป ขำจนลงไปนอนกลิ้งกับพื้นเลยนะไอ้ผีคยองซู ก็เพราะมึงไม่ใช่เหรอทำกูตกใจเนี่ย ไอ้ผีตาขาว!
“ไอ้ผีตาขาว! เพราะนายนั่นแหละ วันหลังโผล่มาก็ให้เสียงหน่อยสิวะ หัวใจจะวายเอานะเว้ย” ผมพูดแล้วเดินสบัดตูดใส่ผีคยองซูเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้ไอ้ผีบ้านั่นหัวเราะให้ชักดิ้นชักงอเลย
ผมวางของลงบนโซฟาแล้วเดินเข้าห้องครัวทันที ยังไม่ได้กินอะไรทั้งวันเลย ไม่สิกินไม่ลงต่างหาก เพราะมัวแต่เป็นห่วงไอ้ผีบ้านั่นหล่ะ หิวก็หิว...ทำกับข้าวกินดีกว่า จริงสิวันนี้ผมกะจะลองทำข้าวผัดดูหล่ะ มันฟังดูง่ายดี แล้วก็ประหยัดด้วยเอาข้าวที่เหลือเมื่อวานมาทำต่อ ดูฉลาดใช่มะ ว่าแต่...มันคงไม่ยากใช่ป่ะ?
“นายไม่ใช้ไฟแรงไปเหรอOo” ไอ้ผีจุ้นจ้านเอาอีกแล้ว โผล่มายืนอยู่ข้างๆผมอีกแล้ว แต่เสียใจคราวนี้ผมแค่สะดุ้ง ไม่ได้แดกกูอีกรอบหรอกครับไอ้ผีคยองซู ผมผ่อนไฟตามที่ผีบอก (ก็กลัวไฟจะไหม้แบบคราวที่แล้วอ่ะ)
“เค็มไปม๊างงง” ผีคยองซูพูดอีกครั้งเมื่อผมใส่น้ำปลาลงไป ผมค่อยๆหันไปมอง ไอ้ผีคยองซูก็แกล้งทำเป็นกัดเล็บแบบไม่ได้ใส่ใจซะงั้น(รึมันพูดกับตัวเองวะ แบบว่าเล็บเค็มไรเงี้ย==?)
“ปิดไฟได้แล้วม๊างงง” ผมปิดไฟตามที่ผีบอกแล้วลองชิมข้าวผัดที่ตัวเองทำดู จะยอมเชื่อๆมันสักครั้งแล้วกัน เชอะ!
“แหวะ! แกล้งกันเหรอวะ ไอ้ผีตาขาว!” เมื่อกินเข้าไปได้คำนึงผมก็แทบจะคายออกมาไม่ทัน ข้าวอะไรวะเนี่ย อุตส่าห์ทำตามที่บอก ไม่เห็นได้เรื่องเลย
“อะไรของนายเนี่ย” ยังๆ ยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อีก
“ข้าวนี่คนกินได้ที่ไหนวะ เปรี้ยวออกขนาดนี้” ผีคยองซูกระพริบตาปริบๆแล้วนิ่งอยู่สักพักเหมือนนึกอะไรอยู่ หลังจากนั้นไม่นานผีคยองซูก็เดินไปเปิดหม้อข้าว แล้วก้มลงดมๆ
“เมื่อคืนนายได้เสียบปลั๊กหม้อข้าวทิ้งไว้รึปล่าว?”
“ปล่าวนิ แล้วจะเสียบไม่เสียบมันเกี่ยวกับข้าวผัดนี่ตรงไหนกันล่ะวะ”
“ก็เพราะข้าวมันเสียไงหล่ะโว้ยยยยย ไอ้ซื่อบื่อ!” โอ๊ย...โดนผีด่า เจ็บลึกถึงทรวงในแล้วใครมันจะไปรู้หล่ะวะว่าข้าวมันจะบูดอ่ะ แล้วที่สำคัญ...ใครมันจะไปรู้ว่ามึงไม่ใช่ผีธรรมดา แต่เป็นผีเชฟอ่ะ
“ไปยืนอยู่เงียบๆทางโน้นเลย เดียวฉันทำให้ดู คนอะไรโง่ชะมัด” จี๊ดครั้งที่สอง...ดูมันด่าสิ กูเป็นเจ้าของบ้านนะเว้ย ไอ้ผีไม่เจียมตัว YY ผมจำใจเดินไปยืนอยู่ตรงมุมห้องตามที่ผีมันบอกแล้วคอยมองผีมันทำกับข้าวให้กิน (ฟังดูแปลกป่ะวะ ==!)
ผีคยองซูใช้เวลาไม่นานนักก็ทำข้าวผัดกลิ่นหอมโชยเสร็จเรียบร้อย มันช่างน่ากินจริงๆ แต่ใช่ว่ารสชาติมันจะอร่อยนี่หว่า ผมลองตักเข้าไปในปากคำนึง ไอ้ผีนี่ไม่ได้เก่งแต่ปากเว้ยเฮ้ย...มันอร่อยจริงๆ เพิ่งรู้วันนี้แหละว่าละลายในปากมันเป็นยังไง
“เป็นไง อร่อยใช่มั๊ยหล่ะ ^^” ผีคยองซูถามหลังจากที่เห็นผมโซยข้าวผัดจนเกลี้ยงจาน
“ไม่เห็นอร่อยเลย ก็งั้นๆ” ขืนบอกอร่อยก็เข้าทางไอ้ผีคยองซูน่ะสิ แค่กินจนหมดมันก็ยิ้มซะจนหน้าบานล่ะ แถมยังรู้สึกเหมือนขายหน้านิดๆด้วย
“แล้วกินหมดทำไม?” ผีคยองซูหน้าเสียทันทีที่ผมพูดว่า ไม่อร่อย แต่ก็ยังคงหน้าทะเล้นกวนโอ๊ยนั่นไว้อย่างเจ้าเล่ห์
“ก็แค่... กินกันตายเท่านั้นแหละ”
“นายนี่มันปากแข็งจริงๆน้า^^” ผีคยองซูพูดยิ้มๆแล้วก็เดินหายออกจากบ้านไป อย่ามาทำเป็นรู้ดีน่าไอ้ผีบ้านี่ ช่างเถอะ...ไปอาบน้ำดีกว่า จริงๆกะจะนอนเลยนะแต่กลัวไอ้ผีนั่นถีบตกเตียงอีกน่ะสิ -_-!
ผมอาบน้ำไปพลางคิดเรื่องผีคยองซูไปพลาง เรื่องเมื่อวานนี้มันยังไม่เคลียร์นิน่า อยากรู้จังว่าไอ้ผีนั่นก่อนตายเป็นใครมาจากไหน แต่ว่า...เราจะไปเสือกเรื่องของเขาทำไมวะ รึว่า...เราควรเสือกรึป่าว ใช่แล้วเราควรเสือกสินะ เพราะนี่มันบ้านเรานี่ ฉะนั้นเราต้องรู้ไว้ใช่มั๊ยหล่ะ(คิดเองเออเองอีกแล้วกู ==!)
เมื่อผมเดินออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินเพลงๆเดิมที่เคยได้ยินเมื่อวานลอยตามลมมาอีกครั้ง พอลองเงี่ยหูฟังดีๆก็รู้ว่าคยองซูร้องเพลงอยู่ข้างบนนี่เอง ...บนหลังคาน่ะ (ขึ้นไปทำอะไรบนนั้นวะนั่น)
ผมชะโงกหน้าออกทางหน้าต่างห้องนอนก็เห็นผีคยองซูนั่งกอดเข่าร้องเพลงอยู่เงียบๆ พลางเงยหน้ามองพระจันทร์
“ผีคยองซู...ฉันขอถามอะไรนายหน่อยได้มั๊ย” ผมพูดถามพลางปีนออกไปนั่งข้างๆคยองซู
“ฉันเป็นลูกชายคนสุดท้องของตระกูลโดน่ะ...” คยองซูพูดขึ้นอย่างเงียบๆแล้วแหงนมองท้องฟ้าอีกครั้ง ด้วยสีหน้าที่เศร้ากว่าเดิม แต่ว่า...รู้ได้ไงวะว่ากูจะถามอะไรอ่ะ
“ที่บ้านฉันเป็นฟาร์ม แล้วก็ค่อนข้างมีฐานะ ก็เลยมีสมบัติมากมาย แต่พ่อน่ะ...เกิดป่วยขึ้นมากระทันหัน แล้วคนที่ดูแลพ่อก่อนที่ท่านจะสิ้น ก็คือฉันนี่หล่ะ...” ผมนั่งฟังคยองซูเล่าอย่างเงียบๆ ยิ่งเล่าสีหน้าก็ยิ่งเศร้าลงเรื่อยๆ น้ำตาของคยองซูค่อยๆไหลออกมาช้าๆอย่างไม่รู้ตัว ยิ่งผมมองเขา ผมก็ยิ่งสงสารเขา อยากกอดนายจัง ถ้าฉันกอดนายไว้...นายจะรู้สึกดีขึ้นมั๊ยนะ?
“ก่อนตายพ่อได้ทำพินัยกรรมเอาไว้ พี่ชายทั้งสองคนของฉันเลยคิดว่าพ่อจะยกสมบัติทั้งหมดให้กับฉัน พวกเขาเลยพากันปลอมทำพินัยกรรมขึ้นเอง...”
“แล้วทนายหล่ะ พ่อนายต้องทำพินัยกรรมอีกฉบับไว้กับทนายแน่ทำไมถึง...”
“พ่อฉันทำไว้ฉบับเดียว แล้วก็ซ่อนมันไว้ที่ไหนสักแห่งน่ะ แต่ที่ฉันรู้ว่าพี่ๆปลอมพินัยกรรมก็เพราะว่าฉันจำลายมือพ่อได้ ฉันก็เคยไม่ได้อยากได้สมบัติของพ่อ ฉันเลยย้ายออกมาอยู่บ้านหลังนี้แล้วทำงานหาเงินเองเพื่อให้พวกพี่ๆเชื่อว่าฉันจะไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในสมบัติพวกนั้นแน่นอน”
“แล้วนาย ตายยังไง?”
“ฉัน... ฉันก็ไม่รู้ จำได้ว่าตอนนั้นฉันทำงานเสร็จแล้วกลับมาบ้าน พอตื่นมาอีกที ฉันก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว ไม่ว่าจะพยายามเดินออกจากบ้านกี่ครั้ง ฉันก็จะกลับมาอยู่ที่ห้องนอนทุกครั้ง” คยองซูเล่าพร้อมกับเอามือเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาแล้วหันมายิ้มให้ผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาคงนั่งร้องเพลงและร้องไห้อยู่ที่นี่คนเดียวทุกคืนแน่ๆ นั่นคือสิ่งที่ผมมั่นใจ
น้ำตาของคยองซูที่ไหลออกมานั่นไม่ได้บ่งบอกเลยว่าโกหก ทั้งหมดเป็นเรื่องจริงที่เขาได้เจอมาก่อนตาย และผมเองก็คิดว่าเขารู้อยู่เต็มอกว่าใครเป็นคนฆ่าเขา เพียงแต่เขาแค่ไม่อยากจะเชื่อมันเท่านั้นเอง
“แบคฮยอน...นายร้องไห้ทำไมน่ะ” คยองซูหันมาพูดกับผมแล้วก็ต้องตกใจทันที ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมน้ำตามันถึงไหลออกมาแบบนั้น ผมรู้แค่ว่า...ผมไม่อาจปล่อยให้คยองซู ร้องไห้อยู่คนเดียวแบบนี้อีกแล้ว
“แบค...” คยองซูพยายามเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดของผม แต่แล้ว...ผมก็ห้ามใจไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ห้ามใจ... ไม่ให้โอบกอดร่างนั้นไว้ ร่างของวิญญาณ...ที่บอบช้ำ
ตอนผมเจอเขาครั้งแรก ผมก็แค่คิดว่าผีนี่คงจะเป็นผีคนรับใช้รึคนสวนแน่ๆดูจากเสื้อผ้าสกปรกที่ใส่นั่น คงทำงานเหนื่อยมากแล้วเผลอตายไป ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ แต่เมื่อผมได้ยินเสียงเพลงที่คยองซูร้องและเรื่องราวทั้งหมดที่เล่า ใบหน้าที่เคยยิ้มอย่างมีความสุขนั่น กลับหายออกไปจากหัวผมจนเกลี้ยง เหลือก็แต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลนองออกมาอย่างไม่มีสิ้นสุด
“แบค... ฮยอน ฉัน... ฉันไม่เป็นไรหรอก ...นายไม่ต้องสนใจ... ฉันหรอกนะ... ฉันชิน... กับมันแล้วหล่ะ...” คยองซูพูดพลางสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของผม คำพูดกับการกระทำของเขามันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ทั้งๆที่ปากบอกไม่เป็นไร แต่ร่างกายกลับไรเรี่ยวแรง เสียงสะอื้นที่ยังดังต่อเนื่องอยู่กลับยังฟ้องว่าตัวเองเหงาแค่ไหน
“นายร้องออกมาเถอะคยองซู... ร้องให้พอ ฉันจะอยู่กับนายเอง” เมื่อผมพูดจบ คยองซูก็ปล่อยโฮออกมา ร่างเล็กๆนั้นกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง ผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีกเพราะกลัว... กลัวว่าร่างเล็กนี่ จะบอบช้ำ และจางหายไป...
ดวงดาวในคืนนี้...ก็คงมองพวกเราอย่างเศร้าๆ อยู่เหมือนกัน
.........................................................................................................
ไรท์เตอร์เม้า
พอดีว่าช่วงนี้ไรท์ติดอนิเมะมากอ่ะเลยมาอัพ
ฟิคช้าไปหน่อย^w^ เข้ามาอ่านกันเยอะๆนะคะ
แชร์ลิ้งค์ไปให้ลุงป้าน้าอาอ่านได้เลยจ้า แล้วก็ขอบคุณที่
เข้ามาอ่านกันเยอะๆนะจร้า
ความคิดเห็น