ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วุ่นนัก...รักคุณ ผี!

    ลำดับตอนที่ #2 : ทะเลากับ...ผี

    • อัปเดตล่าสุด 5 ธ.ค. 56


    เครดิต bg:APPLE PIE ★

     

     

    อะ ไอ้แบค มึงไม่คิดบ้างเหรอ ว่าบ้านนี้จะมี... ผะ  ผี

     

    อย่าพูดนะไอ้ลู่ กูยิ่งกลัวอยู่สงสัยไอ้เซฮุนมันจะกลัวจริงๆ เล่นตะครุบปากไอ้ลู่ไว้แทบไม่ทัน ว่าแต่...พวกเอ็งอย่าทำเหมือนเป็นคู่เกย์กันได้มั๊ยวะนั่น ใช้นิ้วเดียวแตะที่ปากไอ้ลู่แบบนั่นเนี่ย

     

    ไร้สาระน่าพวกมึงนิ พวกเราเป็นนักวิทยาศาสตร์นะ อย่างมงายดิวะ

     

    นักวิทยาศาสตร์ห่าไร เราเรียนเกี่ยวกับคอมเฉยๆ แล้วที่บ้านมึงเนี่ยมันก็แปลกมากด้วย เป็นใครเขาก็ต้องคิดดิวะ ให้เช่าก็ถูก แถมเฟอร์นิเจอร์ก็ครบ แล้วไหนจะตอนที่ทำกับข้าวอีก เป็นกูนะ โกยตั้งแต่วันแรกแล้วไอ้ลู่หานพูดพลางมองไปรอบๆบ้าน เออหว่ะ ก็จริงอย่างที่มันว่านะ ให้เช่าถูกจริงๆเพิ่งจะสังเกตนะเนี่ย แต่ก็...

     

    ช่างเถอะ คิดทำไมให้ปวดหัว มีที่อยู่ก็ดีแล้วนี่หว่า ==!

     

    พวกมึงนี่ก็เนอะ ไปๆ ไปอาบน้ำเลยไป กูง่วงแล้ว” ผมพูดแล้วเดินนำขึ้นไปข้างบน ไอ้คู่หูสองคนเมื่อเห็นผมเดินขึ้นไปมันก็วิ่งตามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สงสัยจะกลัว...

     

    กลัวอะไร... ไร้สาระ ผีมีจริงที่ไหน ==!

     

    เอ้อ! ผมลืมบอกสินะว่าไอ้ลู่หาน กับ เซฮุน มันเป็นแฝดกันน่ะ  แล้วพวกมันก็ชอบอยู่ด้วยกันมากๆด้วย ไม่เว้นแม้แต่...เวลาอาบน้ำหล่ะ  พวกมันก็มักจะอาบด้วยกันเป็นประจำ

     

    “ไอ้แบค... กูเข้าไปรอมึงอาบน้ำข้างในได้ป่ะวะ” ขณะที่ผมกำลังเดินเข้าห้องน้ำหลังจากพวกมันอาบเสร็จ ไอ้ลู่หานก็พูดขึ้นมา

     

    “มึงจะบ้าเหรอ กูไม่ได้เป็นแฝดคนที่สามของพวกมึงนะ  ไม่มีทางอ่ะ”

     

    “แต่ว่ากูกลัวนิหว่า เฮ้ย...ไอ้แบค เปิดประตูก่อน ให้พวกกูเข้าไปด้วย!” ตอนไอ้ลู่หานพูด ผมก็รีบหนีเข้าห้องน้ำทันทีแต่มันก็ยังไม่วายวิ่งตามมาเคาะประตูห้องน้ำผมอีก ดู๊...ดูมัน จะกลัวอะไรนักหนา ==!

     

    “โตเป็นควายละพวกมึง ยังจะกลัวผีเหมือนเด็กๆอยู่ได้”  ก็มันจริงนิ ผีมีที่ไหน ถ้ามีก็ออกมาดิ ไม่เห็นจะกลัวเลย โถ่!

     

    เมื่อผมอาบน้ำเสร็จ พวกไอ้ลู่หานก็หายหัวไปไหนไม่รู้ ผมหาทั่วบ้านก็ไม่เห็นจะเจอพวกมันเลย จะไปไหนก็ไม่บอกไอ้พวกนี้นิ แล้วดูสิ รีบขนาดไหนก็น่าจะปิดประตูบ้านให้ด้วยสิ ไอ้พวกบ้านี่  ผมเดินไปปิดประตูพลางด่าไอ้แฝดนั่นไปพลาง

     

    หลังจากที่ปิดประตูบ้านเสร็จผมก็กำลังจะไปนอน แต่ว่าภาพที่ผมเห็นคือ... มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ปลายเตียงของผม

     

    เฮ้ย! ใครวะ!”  ผู้ชายคนนั้นหันมามองหน้าผมช้าๆ  แต่ว่าตาของเขามัน...เป็นตาที่มีตาขาวใหญ่มาก!!!  และดูนั่น ปากเป็นรูปหัวใจด้วย

     

    โอ้พระพุทธเจ้า! หน้าตาใสซื่อชะมัด O0O ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้ชายก็นะ เสร็จผมไปแล้วหล่ะ ><”

     

    “นาย... มองเห็นฉันเหรอ...” ถ้ามองไม่เห็นจะทักเหรอ ไอ้นี่ซื่อบื้อชะมัด สมมติว่าเรื่องที่ผมจะจีบมันถือว่าผมไม่ได้พูดละกัน ==!

     

    “นายเป็นใคร มาทำอะไรที่ห้องฉัน”

     

    “ห้องฉันต่างหาก ==!” แหน่ะ เถียงอีก ก็เห็นๆอยู่ว่ากูเป็นเจ้าของบ้านเนี่ย

     

    “”นี่มันบ้านฉัน ห้องนี่ก็เป็นของฉัน นายต่างหากที่บุกรุก”

     

    “อ้าว บ้านนายหรอกเหรอ แต่นี่มันห้องฉันนะ แล้วฉันก็อยู่มาก่อนนายด้วย” ยังอีก... ยัง ยังเนียนไม่เลิก บ้านของกู แต่เป็นห้องของมึงเนี่ยนะ พากูมึนอีกละ ==? แล้วไอ้อยู่มาก่อนเนี่ย ทำไมกูไม่เคยเห็นมึงละวะ

     

    “นี่มันบ้านฉัน เพราะฉะนั้น ห้องนี้มันก็ต้องเป็นของฉัน”

     

    “บ้านนายแต่ห้องมันห้องฉันนิ นายนั่นแหละที่มั่ว ==!” ไอ้นี่...พูดเรื่อยเปื่อยตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ

     

    “โว้ยยย จะอะไรก็ช่างหัวมัน นายออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลย” เริ่มโมโหแล้วนะ เดี๋ยวปั๊ดเตะหงายท้องไอ้นี่

     

    “ฉันไปไม่ได้”

     

    “ไปได้สิวะ เดี๋ยวกูพามึงไปเอง” พอพูดจบผมก็เดินไปลากตัวมันให้ออกไปจากบ้านผม ก่อนที่ผมจะเตะมันออกไปแทน

     

    แต่...มันวืดอ่ะ  จับเท่าไหร่ก็ไม่โดนสักที ร่างกายไอ้หมอนี่มันโปร่งๆ ใสๆอ่ะ  รึว่ามันจะเป็น...

     

    “ผีหลอกกกกกก!!!!!!!” ผมแหกปากลั่นบ้านพลางวิ่งหมายจะออกจากห้องนอน แต่ประตูเจ้ากรรมมันดันเปิดไม่ออกเนี่ยสิ แง้ๆๆๆๆ ใครก็ได้ช่วยด้วย ผีหลอกผมมมมมมม TOT

     

    “ทำไมนายมองเห็นฉันหล่ะ” ไอ้ผีบ้านี่ เอาแต่ถามอยู่ได้ แล้วก็นะ นั่งอยู่ที่เดิมก็ได้ไม่ต้องเดินมาหาหรอก ก็รู้อยู่ว่ากูกลัวมึงง่า ไอ้ประตูบ้านี่ก็ไม่เปิดสักที ปิดหาพี่มึงเหรอวะเนี่ย TT  ยัยป้าเจ้าของบ้าน ก็อีก หลอกให้มาเช่าบ้านถูกๆที่มีผีอยู่เนี่ยนะ แล้วใครมันจะไปอยู่ได้ละว้า ฮือๆๆๆๆๆ

    “ซวย ซวย ซวยบรรลัยเลย ชีวิตกูจะเจอเรื่องดีๆบ้างมั๊ยเนี่ย” ผมพูดไปพนมมือสวดมนต์ไป ไอ้ผีนี่ก็หน้าด้านอยู่เนอะ คนเขากลัวมึงเห็นมั๊ย

     

    “ทำไมนายชอบพูดแต่คำว่าชีวิตไม่มีอะไรดี หล่ะ ฉันได้ยินนายพูดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ นายต้องสู้สิ สู้เพื่อให้มีชีวิตที่ดีกว่าไง” ฮือๆๆๆ ผีมาบอกกูให้สู้เนี่ยนะ กูควรจะเชื่อดีมั๊ยเนี่ย นี่ยังไม่รู้อีกเหรอที่กูสบถอย่างนั้นก็เพราะมึงนั่นแหละไอ้ผีตาขาวเอ๊ยยย...

     

    “แล้วจะร้องไห้อีกนายมั๊ย เดี๋ยวปั๊ดถีบตกเตียงอีกรอบ ==!” ได้ยินคำนี้กูยืนขึ้นเลย นี่เป็นมึงใช่มั๊ยที่ถีบกูตกเตียงเมื่อช่วงบ่ายเนี่ย เล่นซะก้นเขียวเลย

     

    “นายเองเหรอที่ถีบฉัน ถีบทำไมวะรู้มั๊ยว่ามันเจ็บนะว้อย” ผมลุกขึ้นตะคอกเสียงดัง ทำอะไรไม่รู้จักคิด หัดเอาใจเขาไปใส่ใจเราบ้างสิวะ เดี๋ยวปั๊ดเทศน์ให้ฟังสักยกดีมั๊ยเนี่ย -3-

     

    “อ้าวไม่กลัวแล้วเหรอ เมื่อกี้ยังเห็นหลับหูหลับตาพนมมืออยู่เลย ==!” เออหว่ะ ลืม! ก็ความโกรธมันพุ่งพล่านนี้หว่ะ เล่นถีบซะกูนั่งเอียงขวาไม่ได้เลย(เจ็บแก้มก้น YY)

     

    “มะ ไม่ได้กลัวสักหน่อย ก็คนมันตกใจนิหว่า ว่าแต่...นายยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะ” ถ้าคำตอบฟังไม่ขึ้นนะ ผีก็ผีเหอะ เดี๋ยวพ่อยันโครมให้ดู

     

    “ก็นายมานอนเตียงฉันนี่ แถมยังไม่ยอมอาบน้ำก่อนอีก สกปรกจะตาย” โหยยยย ไอ้ผีสะอาด เป็นผียังจะห่วงความสะอาดอีก วันหลังบอกกูดีๆก็ได้ ถ้าจะห่วงความสะอาดขนาดนั้นนะ เดี๋ยวกูเอาไปซักให้เลย ==!

    “ก็เลยถีบเนี่ยนะ โห...แค่นอนมันไม่สกปรกหรอกน่า... ถ้าสกปรก เดี๋ยวซักให้เลยโถ่” ผมพูดแล้วเดินไปนั่งบนเตียง ยืนนานมันเมื่อยอ่ะ

     

    “อย่างนายเนี่ยนะจะซักผ้า หุงข้าวยังหุงไม่เป็นเลย ทอดไข่ก็ยังไหม้ นี่ถ้าฉันปิดเตาแก๊สไม่ทันนะป่านนี้ไหม้บ้านไปแล้วมั๊ง” โอ้โห...โดนผีดูถูก อย่างนี้มันยอมไม่ได้ คนอย่างแบคฮยอน ไม่ยอมโดนผีดูถูกหรอกเว้ย(มันฟังดูแปลกๆป่ะวะประโยคเนี่ย -_-?)

     

    “โห...ไอ้ผีตาขาว อย่างน้อยๆฉันก็ไม่อดตายละวะ แถมยังทำความสะอาดบ้านให้นายอีก ถ้าไม่มีฉันป่านนี้นายก็โดนฝุ่นล้มทับเล้วมั๊ง” แหม...การเถียงของผมนี่มันช่าง...ปัญญาอ่อนจริงๆ แต่ก็ทำเอาไอ้ผีนั่นนิ่งไปเลยนะเนี่ย ทั้งหล่อทั้งฉลาดเลยเรา

     

    “นายเรียกฉันว่าอะไรนะ” แหน่ะ! ทำมาเป็นเปลี่ยนเรื่อง เถียงแพ้หล่ะสิ ไอ้ผีตาขาวเอ๊ย...

     

    “ไอ้ผีตาขาวไง” เอ้าอึ้งๆ หน้าแดงเลย สงสัยเขิน เป็นผียังจะกล้าเขินอีกดูๆ(รึว่ามันโกรธวะ)

     

    “ฉันชื่อ คยองซู ว้อย โด คยองซู ไม่ใช่ผีตาขาวปัญญาอ่อนอะไรนั่น” โห...ด่าปัญญาอ่อนด้วย จะมากไปแล้วไอ้ผีไม่เจียมตัว(รึมันพูดถูกวะ ก็มันฟังดูปัญญาอ่อนจริงๆนิหว่า)

     

    “ครับ คุณผีคยองซู มีชื่อทำไมไม่รีบบอกหล่ะวะ”

     

    “ก็นายไม่ถามนี่” พูดแล้วหันหน้าหนีด้วย นึกว่าตัวเองน่ารักนักไงวะ โด่วววว! -///-

     

    “แล้วทำไมนายไม่ไปอยู่ที่อื่นหล่ะ มาอยู่ที่นี่ทำไม รึว่า...มีผ้ายันแปะไว้รึปล่าว นายเลยไปเกิดไม่ได้ใช่มะ?

     

    “ฉัน... ฉันจำไม่ได้ จำไม่ได้ ว่าฉันตายยังไง...” ผีคยองซูพูดอย่างเศร้าๆ แล้วก็เดินหน้าหายไป ท่าทางดูเหมือนจะเสียใจอะไรสักอย่างนะนั่น ผมควรตามออกไปดีมั๊ยอ่ะ แต่ถ้าไปแล้วจะไปพูดว่าอะไรหล่ะ โอยยยย สับสนเว้ย เดาใจผีไม่ถูก ==!

     

                ในขณะที่ผมกำลังเถียงกับตัวเองอยู่ ก็มีเสียงคนร้องเพลงลอยมาตามลม เพลงมันเศร้ามากผมคิดว่าผีคยองซูคงจะทั้งเศร้าทั้งเหงาแน่เลย(ฟังจากความหมายของเพลงแล้ว) เสียงของเขาทั้งนุ่มทั้งละมุน น่าสงสารจัง น่าสงสารจับใจ เสียงเพลงค่อยๆช้าลง ช้าลง และเงียบไปพร้อมๆกับสติของผม ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกอ้างว้าง ปล่าวเปลี่ยวที่ยังคงลอยอยู่ตามสายลม

     

                ผมนั่งกินข้าวเช้าอยู่ที่ซุ้มใต้คณะพลางคิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ยังวนเวียนอยู่ในหัว เรื่องของผีคยองซูความน้ำเสียงนุ่มละมุนนั้นยังดังก้องอยู่ภายในหูของผม หลังจากที่ผมเผลอหลับไป พอเช้าขึ้นมาผมก็ไม่เห็นเขาแล้ว อยากจะเอ่ยปากเรียกก็ยังไม่รู้ว่าจะเรียกมาทำไม ยิ่งคิด... ก็ยิ่งไม่รู้ว่าตัวเองควรทำยังไงต่อไป ความรู้สึกที่อ้างว้างนั่นผมเองก็พอจะรู้ เพราะผมเองก็โดนครอบครัวทิ้ง ทำให้ผมรับรู้ความรู้สึกนั่นได้ดี

     

    ขณะที่ผมคิดอะไรเพลินๆอยู่ เลย์กับคริสก็นั่งอยู่ตรงหน้าผมแล้ว

     

    “แบคฮยอน... มึงเป็นอะไรรึปล่าว กูเห็นมึงนั่งเหม่อนานแล้วนะ” คริสเอ่ยปากถามหลังจากที่เรียกผมอยู่นาน

     

    “นั่นสิ...ดูข้าวมึงดิ แข็งหมดแล้ว” เลย์พูดพลางใช้นิ้วเขี่ยๆข้าวที่แข็งแล้วจับตัวเป็นก้อนให้ผมดู

     

    “อ๋อ เอ่อ...ปล่าวๆ เมื่อคืนกูนอนไม่พอน่ะ เลยเบลอๆหน่อย ว่าแต่ไอ้แฝดลู่หาน เซฮุนยังไม่มาอีกเหรอวะ” ตั้งแต่เมื่อคืนแมร่งก็หายหัวไปเลย ไม่ยอมโทรมาบอกด้วย...

     

    “เห็นมันบอกไม่ค่อยสบายน่ะ วันนี้เลยไม่มา นี่มันไม่ได้โทรบอกมึงเหรอ” ไอ้คริสพูดอย่างไม่ค่อยใส่ใจพลางหันไปโปรยเสน่ห์ให้สาวโต๊ะข้างๆอีก มึงไม่บริหารเสน่ห์สักวันจะเป็นไรมั๊ยวะนั่น ==!

     

    “ไม่เห็นมันโทรบอกกู หายหัวไปตั้งแต่เมื่อวาน” ผมพูดแล้วจับคอไอ้คริสให้หันกลับมา เหล่สาวจนคอเคล็ดอ่ะมัน

     

    “งั้นไว้ตอนเย็นไปหามันที่บ้านมั๊ย เดี๋ยวกูมารับ” ไอ้คริสพูด ไอ้สองคนนี่มันรูเรื่องผมแล้ว เพราะเมื่อวานหลังจากที่เล่าเรื่องให้ไอ้แฝดฮุนฮานฟัง มันก็โทรบอกพวกมันด้วย เราทั้งหมดอยู่กลุ่มเดียวกันน่ะ แต่คริสกับเลย์เรียนอยู่คนละคณะแล้วตอนเช้าพวกเราก็จะมารวมกันที่คณะวิทย์ฯเป็นประจำ

     

    “กู...มีธุระหว่ะ พวกมึงไปดูมันเถอะ ได้เรื่องยังไงโทมาบอกกูด้วยแล้วกัน” กังวลเรื่องผีคยองซูด้วย ร้องเพลงเศร้าขนาดนั้นไม่รู้จะฆ่าตัวตายอีกรอบรึปล่าว สงสัยต้องกลับไปดูสักหน่อย

     

    “เออ งั้นเอาตามนี้ละกัน พวกกูไปเรียนก่อนหล่ะ ได้เรื่องยังไงแล้วเดี๋ยวกูโทรบอก ไปละ” ผมพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะแยกย้ายกันไปเรียน

     

    ...................................................................................................................................

    ไรท์เตอร์เม้า!

    จบไปอีกตอนนะค่ะ ยังไงก็ช่วยกันคอมเม้นท์ด้วยนะ

    เอ้อ...บางทีไรท์อาจจะใช้ภาษาพูดเยอะไปหน่อยก็อย่าว่ากันน้า ^^!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×