ตอนที่ 9 : Chance : 9th
Chance : 9th
คนตัวขาวอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงขายาวสีดำทรงสแล็คกำลังพาตัวเองไปที่ห้องบรรยายเพื่อเตรียมตัวในการบรรยายพิเศษวันนี้แต่อากาศร้อนอบอ้าวที่มาพร้อมกับแดดแรงๆของประเทศไทยทำเอาคนที่เพิ่งมาถึงในมหาลัยต้องปาดเหงื่อที่เริ่มซึมตามใบหน้า
คริสมาก่อนเวลาราวครึ่งชั่วโมงเนื่องจากเขาต้องการเตรียมความพร้อมของห้องทั้งด้านอุปกรณ์และความพร้อมของตัวเอง คนตัวขาวก้มๆเงยๆหันมาอีกทีนักศึกษาสัตวแพทย์ก็เริ่มทยอยเข้ามาจับจองที่นั่งในคลาสบรรยายพิเศษในวันนี้ จนเต็มเกือบหมดแล้ว พอพลิกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นดูเหลือเวลาอีกไม่ถึง 5นาทีการบรรยายก็จะเริ่มขึ้นแล้ว
“เอาหล่ะ สวัสดีนักศึกษาทุกๆคนผมคริส พีรวัส ครับผมมาจากโรงพยาบาล xxx วันนี้เราจะมาพูดกันที่หัวข้อ xxx นะครับ อ่า..สำหรับใครที่มีคำถามเพิ่มเติมผมจะมีช่วงเว้นให้ถามนะครับ งั้นเรามาเริ่มกันเลยเนอะ”คริสพูดก่อนจะส่งยิ้มให้กับนักศึกษาที่นั่งอยู่และเริ่มบรรยายหัวข้อเรื่องที่รุ่นพี่ของเขาแจ้งมาบนจอโปรเจ็คเตอร์ใหญ่
การบรรยายของคริสค่อนข้างเป็นไปอย่างสบายๆ เขาไม่อยากให้ตึงเครียดจนเกินไปทั้งเนื้อหา ทั้งคนบรรยาย ซึ่งการมาของคนบรรยายพิเศษคนนี้ทำเอานักศึกษาหลายๆคนอดชื่นชอบในความสามารถของคนๆนี้ไม่น้อย
จนสุดท้ายการบรรยายครั้งนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ซึ่งนักศึกษาค่อนข้างให้ความสนใจกับหัวข้อที่คนตัวขาวนำมาพอสมควรนอกจากนั้นปัญหาเรื่องการบรรยายแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ คนตัวขาวก็เริ่มเก็บไอแพดที่ตัวเองหยิบติดมาเป็นอุปกรณ์ลงใส่ในกระเป๋าหลังนักศึกษาเริ่มทยอยออกจากห้อง
แต่ก็ยังมีบางกลุ่มที่เข้ามาถามนอกรอบซึ่งคริสเองก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมให้คำแนะนำเพิ่มเติมอีก จนเลยเวลาที่เขาจะต้องกินข้าวกลางวันไปเกือบ 40 นาทีแล้ว
“ต้องขอบคุณสำหรับวันนี้ด้วยนะครับ เลยเวลามาเยอะเลยทางเราจัดอาหารไว้ให้ที่ห้องรับรองแล้วนะครับ เดี๋ยวเชิญตามผมมาเลยครับ”อาจารย์ของคณะที่รับผิดชอบเรื่องการบรรยายของคริสวันนี้เอ่ยขึ้นก่อนจะพาคนบรรยายวันนี้ไปยังห้องรับรองเพื่อทานอาหารกลางวัน
พอถึงห้องรับรองก็เหลือเพียงคริสคนเดียวกับอาหารที่นำมารับรอง ใช้เวลาไม่นานเขาก็จัดการอาหารที่นำมาจนหมดก่อนจะออกไปลาผู้ใหญ่ที่เชิญเขามาวันนี้
ลานคณะสัตวแพทย์เริ่มไร้ผู้คนเพราะนี่เป็นเวลาบ่ายสองเกือบสามเข้าไปแล้ว นักศึกษาส่วนมากจึงยังอยู่ในห้องเรียนคนตัวขาวพาตัวเองออกจากคณะเพื่อจะออกไปรอรถกลับวันนี้เขาไม่จำเป็นจะต้องกลับไปที่โรงพยาบาลเขาสามารถดิ่งกลับไปพักผ่อนได้เลย
แต่พอถึงครึ่งทางยังไม่ทันพ้นจากตัวมหาลัยดีขาเจ้ากรรมของคริสก็หยุดชะงักลงเมื่อเห็นใครบางคนที่กำลังเดินมาทางเขาพอดีและดูเหมือนว่าอีกฝ่ายที่เห็นเขาเองก็ชะงักไปเหมือนกัน ต่างฝ่ายต่างชะงักคริสจึงเลือกที่จะเดินตรงออกไปแต่เหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่เป็นอย่างนั้น
“คริสใช่หรือเปล่า”เสียงใสเอ่ยออกมาจึงทำให้คนที่อยากจะเดินผ่านไปเฉยๆหยุดการเคลื่อนไหวลง
“....”คริสหันไปก่อนจะพยักหน้าเป็นการตอบก่อนจะยกยิ้มน้อยๆเพื่อไม่ให้ทุกอย่างมันตึงเกินไป
“เอ่อ คริสเป็นไงบ้าง สบายดีมั้ย”อีกคนที่เห็นอีกฝ่ายนิ่งไปจึงถามต่อแต่คนถามเองอยากจะตบปากตัวเองเขาไม่ได้อยากถามเรื่องนี้ซักหน่อย
“ครับ ก็สบายดีครับแล้วพี่แพรเป็นไงบ้างครับ”
“อ่า พี่ก็สบายดีค่ะ”เหมือนเกิดเดตแอร์ขึ้นเนื่องจากต่างฝ่ายต่างเงียบ คริสเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับเพื่อนของคนรักเก่า ส่วนอีกคนพอเจอรุ่นน้องของใครบางคนที่ไม่คิดว่าจะเจอมันทำให้ความรู้สึกต่างๆมันตีตื้นขึ้นมาเต็มไปหมด ทั้งความรู้สึกผิด ทั้งอยากขอโทษ ทั้งเสียใจ แต่เธอไม่รู้จะพูดอะไรออกไปก่อนดี
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”เป็นคริสเองที่พูดขึ้นมาก่อน ยิ่งอยู่นานต่างฝ่ายต่างอึดอัดเขาเลือกที่จะเดินออกมาก่อน
“เอ่อ เดี๋ยวก่อนสิ คริสพอมีเวลาว่างมั้ย เอ่อ เราไปหาอะไรกินกันมั้ย คือพี่ พี่ไม่มีสอนบ่ายแล้ว”ราวกับปากของเธอมันสั่งให้พูดไปโดยอัตโนมัติความรู้สึกที่มันถมอยู่ในใจของเธอ ความผิดที่อยากแก้ไข
“อ่า ผมขอโทษนะครับพี่แพรแต่เดี๋ยวผมต้องเข้าไปจัดงานต่ออีกนิดหน่อยครับ ขอโทษนะครับ”คริสยิ้มบางๆให้กับคนสวยที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเลือกที่จะปดออกไป ไม่ใช่ว่าเขาเกลียดคนสวยตรงหน้า แต่เขายังไม่ชินหากจะต้องอยู่กับอีกฝ่ายสองคนบางสิ่งมันยังคงตะกอนในใจเขา...
เวลาไม่นานคริสก็พาตัวเองกลับมาถึงที่บ้าน ตั้งแต่เจอแพรพลอยหญิงสาวคนสวยที่บังเอิญเจอกันที่มหาลัยที่คนตัวขาวไปบรรยาย ราวกับภาพความทรงจำบางอย่างมันย้อนกลับมาในหัวของเขา..
“พี่สิง มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า”คริสถามคนรักของตัวเองหลังจากไปรับสิงโตที่ร้านแฮ็งเอาท์
“ไม่มีอะไรนะมีอะไรหรือเปล่า”
“อ่อ ผมเห็นพี่แพรกับพี่ต้นยืนเครียดๆอยู่อีกฝั่ง ผมนึกว่าพี่มีเรื่องอะไรกัน”
“อ๋อ เหมือนว่าแพรจะอกหักหล่ะมั้งส่วนไอ้ต้นมันหอบงานมาร้านเหล้าด้วยเลยเป็นแบบนั้น”คริสมักเป็นแบบนี้เสมอเขาชอบสังเกตคนรอบข้าง
แม้ว่าคริสจะไม่สนิทกับเพื่อนของคนรัก2คนนี้มากเท่าไหร่ถ้าเทียบกับกายและน้ำมนต์ เพราะเขากับสิงโตเจอกันตอนช่วงที่เขาเรียนปีสุดท้ายแล้วคริสจึงเจอเพื่อนของคนรักไม่บ่อยนักและอาจเป็นเพราะกายกับน้ำมนต์เป็นคนคุยเก่ง เข้ากับคนได้ง่ายเขาจึงสนิทได้รวดเร็วกว่าถึงแม้เขาจะเจอกายน้อยพอๆกับแพรพลอยกับต้นก็ตาม
“อ่า อย่างนี้ไม่ดีเลยเนอะ”คริสว่าพลางยู่ปากแหลมๆของตัวเอง
“ครับ แต่พี่เชื่อว่าเดี๋ยวเค้าก็ผ่านเรื่องร้ายๆไปได้แหละ”สิงโตตอบก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวคนอายุน้อยกว่าอย่างเอ็นดู
และเพราะคริสเป็นคนช่างสังเกต บางอย่างมันทำให้เขารู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่นั้น เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเวลามองเพื่อนของคนรัก แววตาของแพรพลอยกับต้นมันแตกต่างกันกับแววตาของน้ำมนต์กับกาย เขายังอ่านไม่ออกและยังไม่มั่นใจว่ามันคืออะไรกันแน่
คนตัวขาวไม่ได้อยากคิดลบกับเพื่อนคนรักของตัวเอง เขามีเหตุผลพอที่จะแยกแยะว่าอะไรควรอะไรไม่ควร แต่เขายอมรับว่าเวลาที่มองมันทำให้เขาอดรู้สึกแปลกๆไม่ได้
“เฮ้อออ”คริสเผลอถอนหายใจออกมาหลังจากคิดเรื่องนี้ เขาอยากปัดมันทิ้งไปตั้งแต่ตอนอยู่บนรถแล้วจนตอนนี้กลับมาถึงที่ห้องเขาก็ยังคงคิดเรื่องเดิมอยู่
“เป็นอะไรครับ ถอนหายใจทำไม ฮึ”
“ผมคิดอะไรปเรื่อยๆหน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก”คริสตอบไปเขาไม่อยากให้คนพี่ไม่สบายใจกับความคิดของเขาแต่ดูเหมือนคนพี่จะไม่ยอมปล่อยผ่านไปจึงลงไปนั่งข้างๆคนรักของตัวเอง
“มีอะไรหรือเปล่าคริส บอกพี่ได้นะ”
“ไม่มีอะไรครับจริงๆ มันไร้สาระหน่ะ”คริสว่าอย่างยิ้มๆ
“ก็ได้ครับถ้าคริสว่าอย่างนั้น แต่ถ้ามีอะไรไม่สบายใจต้องบอกพี่นะ โอเค๊”รอยยิ้มอบอุ่นถูกวาดขึ้นมาบนใบหน้าของสิงโตอีกครั้ง
‘ถ้าวันนั้นผมถามพี่ออกไปตามที่ผมคิดมันจะเป็นยังไงกันนะพี่สิง’คริสพี่ทิ้งตัวบนที่นอนเอ่ยคำถามขึ้นในใจราวกับถามใครบางคน
‘เห้อ ทำงานจนบ้าไปแล้วหรือไงวะไอ้คริสพอๆ เลิกบ้าซักที..’คริสว่าก่อนจะหลับตาพักผ่อน วันนี้เขาคงแค่เหนื่อยเกินไปเท่านั้นการนอนอาจจะทำให้เขามีสติมากกว่านี้
อีกด้านหนึ่งคนผิวสองสีกำลังขับรถพาตัวเองไปที่บ้านของคนอายุน้อยกว่าเขาซื้อข้าวเย็นไปเผื่อให้คนที่เขากำลังจะไปหาด้วย ทีแรกเขามาหาคริสแล้วที่โรงพยาบาลเมื่อตอนกลางวันแต่ดูเหมือนว่าคริสจะไม่ได้เข้ามาที่นี่เพราะเหมือนจะมีงานนอกตารางที่แทรกเข้ามา
และพอสิงโตเข้าไปสอบถามกับเคาท์เตอร์ทำให้รู้ว่าคนที่เขามาหาไม่น่าจะกลับเข้าโรงพยาบาลแล้ว น่าจะกลับบ้านเลยหลังจากทำงานเสร็จ เขาจึงถือวิสาสะมาหาอีกคนที่บ้านแทน มันอาจจะฟังดูไม่เข้าท่าที่มาหาอีกคนถึงที่โดยที่ไม่บอกอะไรหรือโทรเข้ามาหาก่อน
ใจจริงเขาอยากโทรไปหาอีกฝ่ายก่อนแต่ดูท่าแล้วคงยากหากเป็นตอนนี้ เขาอยากเจอคริสแต่ไม่กี่นาทีก็ยังดี ถึงแม้มันจะเหนื่อยแต่เขาก็ยังอยากมาเจอ ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้มตามเวลาไม่นานสิงโตก็พาตัวเองมาถึงบ้านหลังเดิมที่เขาเคยมาส่งคริส
‘กริ๊ง’
สิงโตเอื้อมมื้อไปกดกริ่งหน้าบ้าน เขาไม่รู้ว่าคริสกลับมาถึงหรือยังแต่ก็ยังยืนรอพักหนึ่งแต่ดูเหมือนว่าประตูบานตรงหน้าเขาจะไม่มีใครมาเปิดซักคน เขาจึงกดกริ่งซ้ำอีกทีเพื่อความแน่ใจว่าอีกคนไม่ได้อยู่บ้านจริงๆ แต่ดูเหมือนว่ารอบนี้จะไม่เป็นอย่างนั้น เขาได้ยินเสียงกุกกักๆอยู่ในบ้านก่อนจะมีเสียงตะโกนกลับออกมา
“ครับ ซักครู่ครับ”ไม่นานประตูบานตรงหน้าของสิงโตก็เปิดออกมาพร้อมเจ้าของบ้าน
“เอ๊ะ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ไง”ด้วยความรีบเจ้าของบ้านจึงไม่ได้ดูว่าใครเป็นคนมากดกิ่งก่อนเปิดประตู
“พี่ซื้อข้าวมาฝาก เห็นคนที่โรงบาลว่าคริสไม่ได้เข้าโรงบาลวันนี้พี่เลยเอามาฝากที่นี่”สิงโตตอบไปตามความจริงก่อนจะยื่นถุงอาหารไปให้คริสที่อยู่หลังประตูอีกฝั่ง
“อ่ะ พี่ซื้อมาฝาก”สิงโตยังคงยื่นถุงอาหารเย็นอีกฝ่ายซ้ำอีกครั้งเพราะคริสยังไม่มีทีท่าว่าจะรับมันไว้
คริสเองก็มองการกระทำของแขกผู้มาเยือน แววตายิ้มแย้มดูมีความสุขทั้งที่ร่างกายดูเหมือนจะหมดพลังงานอยู่ร่อมร่อคริสจึงรับอาหารในมือของอีกฝ่ายมาถือไว้ก่อนจะตัดสินใจพูดบางอย่างออกไป
“คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ผมว่าคุณเอาเวลาของคุณกลับไปพักดีกว่าที่จะเอาเวลามาเสียทิ้งอยู่ที่นี่”
“ไม่หรอก พี่แค่อยากเจอเราแค่ซักแปปก็ยังดีมันไม่เสียเวลาอะไรเลย”สิงโตว่าก่อนจะส่งยิ้มให้เจ้าของบ้านที่เขามาสำหรับสิงโตการมาเจอคนตรงหน้ามันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขสำหรับเขา มันไม่ใช่เรื่องเสียเวลาซักนิด
‘ครึ้ม’
ยังไม่ทันที่คริสจะได้พูดต่อเสียงฟ้าร้องดังขึ้นมาก่อนบอกสัญญาณว่าฝนกำลังตั้งเค้าว่าจะตกแต่ดูเหมือนว่าสัญญาครั้งนี้จะบอกช้าไปหน่อย เพราะหลังจากฟ้าร้องไม่ถึงนาทีฝนก็เทลงมาห่าใหญ่ราวกับจงใจแกล้งเจ้าของบ้าน
คริสที่ตากผ้าเอาไว้หลังบ้านแต่เช้ารีบผละออกจากประตูวิ่งไปหลังบ้านทันทีจนสิงโตเองอดตกใจไม่ได้จึงถือวิสาสะตามเจ้าของบ้านเข้าไปยังหลังบ้าน เขาเห็นอีกคนไล่เก็บผ้าที่แขวนตากไว้หลายตัวดูท่าแล้วคงเก็บไม่ทันแน่ๆ สิงโตจึงตัดสินใจช่วยอีกคนหนึ่งเก็บผ้าที่ตากเอาไว้
“นี่คุณทำอะไร กลับไปได้แล้วไม่เห็นหรือไงว่าฝนตก”
“พี่ช่วย เรารีบเก็บผ้าก่อนเถอะเดี๋ยวมันจะเปียกหมดซ่ะก่อน”
คริสได้แต่ฟึดฟัดมองอีกคนที่ถือโอกาสเดินตามเขาเข้ามาหลังบ้าน ก่อนจะรีบเก็บผ้าที่ตากเอาไว้จนหมดก่อนจะหอบกองผ้าเข้ามาในบ้าน
‘ทำไมต้องตกวันนี้ วันไหนไม่ซักดันไม่ตกแถมยังพาแขกไม่รับเชิญมาอีก’คริสเอาแต่บ่นใจในก่อนจะเอาผ้าที่เก็บมาเริ่มแขวนตากกระจายๆภายในบ้านสิงโตที่เห็นคริสทำแบบนั้นจึงช่วยตากอีกแรง
ตอนนี้สภาพของคนสองคนไม่ได้ต่างกันมากนัก สภาพเปียกฝนราวกับโดนใครเอาน้ำสาดมา เจ้าของบ้านจึงตัดสินใจเดินขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะหยิบผ้าเช็ดผมกับเสื้อผ้าตัวใหญ่ๆมาให้คนที่เปียกอีกคน ถึงแม้เขาจะไม่อยากเข้าใกล้อีกฝ่ายมากนักแต่เขาก็ไม่ได้ใจดำพอที่จะปล่อยให้คนที่ช่วยเขานั่งปอดบวมอยู่ในบ้านเช่นกัน
“ไปเช็ดผมแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ นี่เสื้อผ้าใหม่คุณคงพอใส่ได้”คริสว่าก่อนจะยื่นของที่หยิบออกมาจากห้องให้คนที่ยืนอยู่กลางบ้านเขาตอนนี้
“แต่ไม่เปลี่ยนก็ได้ ซักพักฝนคงหยุดแล้ว”คริสที่เห็นอีกฝ่ายนิ่งไปจึงดึงมือตัวเองกลับ ก่อนจะหมุนตัวออกไปเพื่อจะเอาของไปเก็บแต่ยังไม่ทันที่คริสจะเดินออกไปสิงโตก็รั้งที่ไหล่ของเขาเอาไว้ก่อน
“เปลี่ยนสิเปลี่ยน ขอบคุณนะ”พอคนอายุกว่าหายอึ้งก็รีบพูดออกไปทันที พร้อมกับยื่นมือไปรับของที่อีกฝ่ายถือมา
“ห้องน้ำอยู่ตรงนั้นคุณเข้าไปเปลี่ยนได้เลย”พอคริสพูดเสร็จสิงโตก็ดิ่งตรงไปยังห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เขามองเสื้อผ้าที่ถืออยู่ในมือก่อนจะยิ้มออกมา เขาไม่คิดว่าคริสจะให้เขายืมเสื้อผ้า มันทำให้ก้อนเนื้อข้างซ้ายของเขาเต้นแทบหลุดออกมา มันดีใจไปหมดถึงแม้คริสอาจจะแค่ทำตามมารยาทแต่เขาก็อดดีใจไม่ได้
ใช้เวลาไม่นานสิงโตก็ออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดใหม่เสื้อสีเทาตัวใหญ่กับกางเกงวอร์มผ้าสบาย สายตาของเขาหยุดที่คนตัวขาวที่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างมันเป็นภาพที่สวยแต่กลับดูเงียบเหงาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเห็นอย่างนั้นคนอายุมากกว่าจึงเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายก่อนจะนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งที่ไม่ไกลจากกันมากนัก
คริสราวกับตุ๊กตาแก้วที่ถูกวางตั้งเอาไว้เขาไม่ได้รู้สึกถึงการมาของอีกคน เขาจมอยู่กับความคิดของตัวเองความรู้สึกหลายๆอย่างตั้งแต่กลับมาเมื่อช่วงบ่าย กว่าจะละสายตากลับเข้ามาในตัวบ้านฝนก็หยุดตกลงมาเสียแล้วนอกจากนั้นยังมีสายตัวอีกคู่ที่มองมาที่เขาอีก
คนตัวขาวที่เห็นอย่างนั้นจึงเผลอเลิกคิ้วใส่อีกฝ่ายอย่างลืมตัวมันทำให้อีกคนระบายยิ้มออกมาได้อย่างง่ายดาย และการที่ฝนหยุดตกนั่นเป็นการบอกกลายๆว่าเวลาแห่งความสุขของแขกที่มาในวันนี้ได้หมดลงแล้ว
‘ตกนานกว่านี้ไม่ได้หรือไงนะ เห้อ’สิงโตได้แต่ขบคิดอยู่ในใจก่อนจะจำใจบอกลาเจ้าของบ้านที่เขามาหาวันนี้ ฝนที่เพิ่งหยุดตกทำให้ถนนตอนนี้ยังโล่งอยู่ ทำให้เขาขับรถกลับมาถึงบ้านโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน
‘หึ บ้าไปแล้วแน่ๆ’ตอนนี้เขารู้สึกราวกับตัวเองกำลังเป็นบ้าที่อยู่ๆมองเสื้อผ้าที่สวมแล้วก็ยิ้มออกมา ระหว่างที่สิงโตนั่งคิดอะไรไปเรื่อยๆ จู่ๆไฟหน้าจอโทรศัพท์เครื่องบางก็ส่วางขึ้นมาพร้อมกับข้อความจากใครบางคนที่เขาไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้ว...
Pearploy : สิงนี่เราแพรนะ เราเจอคริสที่มหาลัยวันนี้น้องกลับมาแล้ว
สิงรู้แล้วใช่มั้ย ?
................................................................................
มีความสุขใหญ่เลยนะคะพี่สิง ตอนนี้เราพาอดีตมาเสิร์ฟด้วยเบาๆ
ตัวเอียงๆจะเป็นพาสของอดีตนะคะ แถม แพรพลอยมาด้วยคนนึง
เราจะเห็นว่าคริสเป็นตัวละครที่ค่อนข้างคิดเยอะ เก็บเอาไว้ทุกอย่าง
แต่ไม่ได้แข็งกระด้าง น้องจะสร้างระยะห่างเอาไว้ตลอด
ไว้เจอกันตอนต่อไปค่าJ
ความอยากถูกรักของเพื่อนสาวคนพี่ คงทำให้เกิดรอยร้าวกับความรักของคู่รักได้ไม่ยาก หวังว่าจะไม่ได้เอาตัวเข้าแลก
น้องหมอน่าจะฟังพี่แพรสารภาพบาปสักหน่อย เราก็อยากรู้ มันอะไรกันนักกันหนา ตั้งแต่เริ่มอ่านจนถึงตอนนี้ ไม่มีตรงไหนที่ทำให้รู้สึกว่า พี่สถาปนิกคิดนอกใจ หรือรักน้องหมอน้อยลงเลย