คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : [Cutest Brother] บทที่ 8 : ยามวิกาล 2 (NC)
บทที่ 8
ยามวิกาล2
23.16 P.M.
ทุกคนต่างเข้านอนกันหมดแล้วในวันนี้ ทั้งามคนสามารถพาซูโฮกับเฉินกลับมาถึงที่ห้องพักได้อย่างปลอดภัย และทุกคนต่างก็ได้รู้วีรกรรมสุดเปิ่นของไคในคืนนี้ และทุกคนต่างก็หัวเราะออกมาและเอาไปแต่งต่อเรื่อยๆ เหมือนนิทาน โดยเฉพาะคนที่พยายามไม่หัวเราะมากอย่างดีโอ เมื่อไคเห็นว่าดีโอหัวเราะชอบใจด้วยความตลกขนาดนั้น เขาจึงไม่ยอมพูดกับใครเลย จากนั้นก็เข้านอน
ห้องหมายเลข 1
ทันทีที่ชานยอลกลับเข้าห้องนอนแล้ว แบคฮยอนก็ยังไม่ยอมพูดอะไรกับเขาเลยสักคำเดียว
“เฮ้อออ เหนื่อยจังเลยน้าวันนี้” ชานยอลแกล้งบ่นออกมาดังๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่แบคฮยอนก็ยังไม่แคร์ เขายังนั่งเล่นเกมกดอยู่บนเตียงและไม่ยอมแม้แต่จะหันหน้ามามองด้วยซ้ำ
“เอ.....ซื้อช็อคโกแลตมาด้วย จะกินเองดีมั้ยน้า”
“.....”
“เอ....หรือจะกินสลัดดีหว่า? ซื้อมาจากมินิมาร์ตใหม่ๆ เลยด้วยยย”
“.....”
“ดูหนังโป๊ดีมั้ยน้า”
“.....”
วูบ!
“ว้ากกกกกกกก!!!” ชานยอลตกใจอย่างถึงขีดสุดเมื่อจู่ๆ ไฟในห้องก็ดับ เขารีบคลำหาทางไปนอนที่เตียงทันที ก่อนจะพยายามควานหาตัวแบคฮยอนมาไว้ใกล้ๆ “กลัวแล้วๆๆ! ไฟดับบ!! แบคฮยอนอา นายอยู่ไหน”
“....”
วูบ!
ทันใดนั้นห้องของพวกเขาก็สว่าง แบคฮยอนก็นอนอยู่บนเตียงนั่นแหละ โดยมีชานยอลกอดแล้ววางคางบนไหล่เล็กด้วยความกลัว แต่พอไฟมาปุ๊บ ชานยอลก็ผละออกจากแบคฮยอนที่นั่งนิ่งอยู่ทันที
“นายจะแกล้งฉันทำไมเนี่ย” ชานยอลถามเมื่อรู้สึกว่าตัวเองพลาดท่าเข้าให้แล้ว “เฮอะ ไม่กลัวหรอกนะ ความมืดน่ะ มันก็แค่ความมืด! ฮะๆ! ฉันไม่กลัวหรอก!” ชานยอลพยายามหลอกตัวเองอยู่อย่างนั้นวนไปเวียนมาจนแบคฮยอนทนไม่ไหว จึงหันหน้ามาหาชานยอลด้วยสีหน้านิ่งๆ
“รอยลิปสติกนั่น....ไปได้มาจากไหนเหรอ” ในที่สุดแบคฮยอนก็ตัดสินใจรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีถามชานยอลออกมา เพราะตั้งแต่เข้าโรงแรมมา เขาก็เห็นรอบลิปสติกสีจางๆ อยู่ที่แก้มของคนตัวโต ดูเหมือนว่าเขาพยายามเช็ดมันออก และคนอื่นๆ ก็คงไม่สังเกตเห็น แต่มันตบตาแบคฮยอนไม่ได้
“ไม่มีอะไรหรอกน่า อย่าคิดมากสิ แค่อุบัติเหตุเท่านั้นเอง” ชานยอลแก้ต่างให้ตัวเอง แต่ภายในจิตใต้สำนึกจริงๆ แล้วเขากำลังรู้ว่า แบคฮยอนพยายามจับผิดเขาอยู่ และจะต้องทำให้ถึงที่สุดแน่เพื่อจะได้ความจริงออกมา
“อ้อ อุบัติเหตุ....นี่เอง” แบคฮยอนเอามือลูบคางแล้วทำหน้าเจ้าเล่ห์ สีหน้าแบบนี้แหละที่ชานยอลเกลียดและกลัวมันที่สุดเลย! ตอนนี้แบคฮยอนกำลังพยายามระงับอารมณ์ที่กำลังเดือดปุดๆ เอาไว้ข้างใน “อุบัติเหตุที่ว่าคงจะเป็นซูโฮหรือไม่ก็เฉินที่บังเอิญมีลิปสติกในมือแล้วลองทาล่ะสิ พอดีได้มาจากคนที่สงสาร เอ๊ะ! หรือไม่ก็จากพนักงานที่หลงสองคนนี้เข้าเลยเผลอทำลิปสติกตกไว้ แล้วหนึ่งในสองคนนี้ก็เอามาทา....แล้วตอนที่แบกกลับมา ไคก็ปวดแขน นายเลยอาสาเอาซูโฮมาแบกแทนอีกต่อนึง จากนั้นเป็นยังไงต่อนะ อ้อ หมอนั่นก็เสียหลักเลยเอาปากไปโดนแก้มนาย....อย่างนี้ใช่มั้ย”
“นาคิดบ้าๆ อะไรของนายเนี่ย!” ชานยอลแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าแบคฮยอนจะไม่ลุกมาตีเขาจริงๆ แต่เหตุการณ์แบบนี้ก็น่ากลัว และไม่ควรเสี่ยงที่จะเข้าไปนั่งใกล้ๆ จริงอยู่ที่เขากับแบคฮยอนมักจะทะเลาะกันเป็นประจำ แต่นั่นมันเรื่องง้องแง้ง แปบเดียวเดี๋ยวก็คืนดีกัน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ คนตัวโตรับรู้ถึงชะตากรรมของตนเองได้เลยว่าจะมีจุดจบยังไงในค่ำคืนนี้ถ้าหากเขาเข้าไปใกล้ๆ แบคฮยอน “มันไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย!!”
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง” แบคฮยอนแกล้งยิ้มไร้เดียงสา ทำหน้าราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเมื่อกี้เพิ่งพูดเรื่องตลกกันไปหยกๆ ตอนนี้เขาพร้อมจะใส่ร้ายพี่น้องทุกคนเพื่อที่จะเค้นหาความจริงจากปากไอ้ตัวโตกว่านี่! “งั้นก็มานอนสิ ^^”
“แบคฮยอน...” ชานยอลเองก็เริ่มโมโหแล้วเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้อยากจะเข้าไปทำร้ายคนตัวเล็กกว่าอยู่แล้ว
“ว่าไงจ๊ะ? ^^ มีอะไรเหรอ”
“นี่นายเป็นบ้าอะไร! บอกมาสิว่าโกรธอะไรอะ!”
“นี่นายมันโง่หรือโง่มากกันแน่ห๊ะ!” แบคฮยอนที่เริ่มทนไม่ไหวก็สะบัดผ้าห่มออกจากตัวแล้วยืนขึ้นบนเตียงก่อนจะกระทืบเท้าอย่างโมโหแล้วเตะหมอนของชานยอลตกลงไปบนพื้น “ทำไมนายไม่บอกฉันล่ะว่านายไปเอารอยลิปสติกบนแก้มมาจากไหน?!! เอามาจากใคร!!! ทำไมไม่บอก!!” แบคฮยอนตะโกนสุดเสียงด้วยความโมโห เขาไม่กลัวหรอกว่าห้องด้านข้างจะได้ยินหรือเปล่า และถ้าได้ยินจะรำคาญมั้ย เขาไม่สนหรอก ที่ต้องสนน่ะคือปัญหาตรงนี้ต่างหาก
“....” ชานยอลเงียบ แบคฮยอนเมื่อเห็นดังนั้นก็หัวเราะดังเหอะให้กับตัวเองเบาๆ อย่างน่าสมเพช
“คืนนี้นายนอนข้างล่าง แล้วเราจะไม่นอนด้วยกันอีก” แบคฮยอนว่าแค่นั้นก่อนจะล้มตัวนอนลงบนเตียง แน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะเดินลงไปแล้วเตะหมอนของชานยอลไปไกลๆ จากเตียงจนมันไปแนบเท้าเจ้าของหมอน ครั้นชานยอลจะจับตัวแบคฮยอนไว้ คนตัวเล็กก็เบี่ยงตัวหลบทัน กระนั้นชานยอลก็ไม่กล้าทำอะไรนอกเหนือจากนั้นอยู่ดี เพราะเขาเองที่ยอมให้ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาจู่โจมแล้วแบคฮยอนก็โมโห เขาจึงยอมจำนนโดยการนอนที่พื้นแข็งๆ เย็นๆ โดยไม่มีผ้าห่มในคืนนั้น
ห้องหมายเลข 2
“ห้องข้างๆ เสียงดังจังเลย....อื้อ...” ลู่หานที่เริ่มสัปหงกอยู่ที่โซฟาก็สะดุ้งตื่นเมื่อเสียงของแบคฮยอนที่เอ็ดตะโรเมื่อกี้ดังขึ้นก่อนที่มันจะเงียบไป ร่างเล็กตะกุยตะกายไปบนเตียงก่อนจะหลับตาลงพร้อมจะเข้าสู่ภวังค์ แน่นอนว่าเขาจงใจทำเป็นลืมสัญญาที่ให้กับเซฮุนเอาไว้ เพราะยังไงเสียที่นี่ก็เป็นโรงแรม มีหลายร้อยชีวิตนอนที่ตึกนี้ด้วยกัน และถ้าเขาเผลอครางเสียงดังเกินไป คนรอบๆ ห้องนอกจากจะเป็นพวกีพ่ชายของเขาจะได้ยินแล้ว ยังจะเป็นคนอื่นที่ได้ยินอีกด้วย ซึ่งนั่นมันน่าอายสำหรับเขามากเลยทีเดียว
“อะไรกัน จะนอนแล้วเหรอ” เสียงเซฮุนที่ค่อนข้างจะร่าเริงบันเทิงใจดังขึ้นข้างๆ ตัวร่างเล็ก เซฮุนไม่รอช้า เขารีบเลื่อนมืออันแสนซุกซนของเขาเข้าไปใต้เสื้อบางของอีกคนทันที ตอนนี้ลู่หานประจักษ์แล้วว่าเขาหนีมันไม่พ้นแน่ๆ และตอนนี้เขาคิดถึงไคที่มักจะมาขัดขวางพวกเขาทุกวิถีทางเหลือเกิน...
“อ๊า...เอ่อ นี่มันดึกแล้วนะครับ อื้ออ....ผมง่วง...”
“แสบตาเหรอ ปิดไฟก็ได้นะ” เซฮุนไม่สนใจคำขอร้องแบบอ้อมๆ แอ้มๆ ของน้องชายก่อนจะเดินปปิดไฟและกลับมาที่เตียงอย่างรวดเร็ว
“ผมไม่ได้แสบตา แต่ผมง่วง...”
“งั้นก็นอนสิ นายไม่เห็นต้องทำอะไรเลย เดี๋ยวพี่ทำให้ก็ได้”
“ปะ...เปล่า! ผม...ผมหมายถึงผมง่วงนอนจริงๆ พี่เองก็เหนื่อยแล้วจากการไปตามหาพี่ซูโฮกับพี่เฉิน เอ่อ พี่ก็น่าจะพักผ่อนเอาแรงบ้าง...”
“หือ?” เซฮุนที่กำลังจะจับลู่หานถอดกางเกงบางๆ สั้นๆ นั่นออกถึงกับหยุดและหรี่ตามองคนตัวเล็ก ตอนนี้เขาเดาออกแล้วว่าลู่หานแกล้งง่วงนอนชัดๆ เพราะไม่อยากมีอะไรกันนั่นเอง อีกทางนึงก็คือน้องน่าจะกลัวเจ็บมากกว่า “อ้อ ไม่เป็นไรหรอก งั้นเรานอนกันดีกว่า”
“คะ...ครับๆ” ลู่หานที่หลงเชื่ออุบายของคนตัวโตก็รีบเอาผ้าห่มมาห่มและรีบข่มตาหลับทันที เซฮุนที่เห็นดังนั้นก็ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าลู่หานนั้นตั้งใจโกหกชัดๆ
“เขยิบมานอนใกล้ๆ กันสิ” เซฮุนที่ยังไม่อยากนอนเพราะยังไม่เสร็จภารกิจก็อ้าแขนรอรับน้องชายที่นอนอยู่ข้างๆ ลู่หานที่คิดว่าเซฮุนไม่น่าจะคิดอะไรแล้วก็รีบเขยิบตัวเข้าไปนอนใกล้ๆ แล้วใช้แขนแกร่งเป็นหมอนทันที แม้ลู่หานจะอายอยู่ไม่น้อยที่ต้องมานอนตัวติดกันแทบทุกส่วนแบบนี้ แต่ก็ดีกว่าที่จะต้องมามีอะไรกันดึกๆ ดื่นๆ เหมือนครั้งแรกในตอนนั้น
มือหนาก็เริ่มลูบเข้าไปในเสื้อบางนั่นอีกครั้งก่อนจะเลื่อนไปถอดกางเกงขาสั้นออกอย่างรวดเร็ว ลู่หานที่ถูกจู่โจมอย่างกะทันหันแบบนี้ถึงกับสะดุ้งตื่นและเพิ่งจะมารู้ตัวว่าเสียท่าให้พี่ชายตัวเองไปเสียแล้ว
พรึ่บ!
เซฮุนกระชากผ้าห่มหนาสีขาวออกก่อนจะขึ้นคร่อมคนตัวเล็กกว่าที่ดูจะตกใจไม่น้อยกับการกระทำแบบนี้ เซฮุนยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะมองตรงลงมาที่ใบหน้าขาวเนียนของคนตัวเล็กที่ตอนนี้คาดว่าน่าจะหน้าแดงไปแล้วเรียบร้อย
“หัดโกหกกันเลยเหรอ นิสัยไม่ดีเลยน้าแบบนี้น่ะ” เซฮุนลูบไล้ต้นขาของร่างเล็กขึ้นไปช้าๆ อย่างจงใจก่อนจะมองอะไรบางอย่างที่ ‘ตื่น’ แล้ว “เป็นสามีภรรยากันนี่เค้าไม่ควรจะโกหกกันนะ รู้รึเปล่า”
“อ๊า....เอ่อ ผมไม่ได้โกหกนะครับ แค่อยากให้พี่นอนเท่านั้นเอง ก็น่าจะ...อ๊า...อื้อ...เหนื่อยแล้ว..”
เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ดหมาะสมจ้า ปอลิง. ฉากเอ็นซีไรเตอร์ยังไม่ได้แต่ง - -“ เดี๋ยวเอามาให้โหลดกันอ่านตอนหน้านะคะ
ห้องหมายเลข 3
ทุกคนต่างนอนหลับด้วยความเหนื่อยกันทั้งนั้น
1 ชม. ก่อนหน้านี้
“เฮ้ย!” ซูโฮที่ตื่นแล้วเพราะสัมผัสเย็นๆ จากเก้าอี้ม้าหินอ่อนตรงระเบียงสะดุ้งตื่นขึ้นมาและรีบเรียกหาเทาทันที
“มีอะไร” เทาเดินมาพร้อมกับถุงขนมในมือก่อนจะยื่นจานข้าวมาให้ซูโฮกิน เพราะกว่าซูโฮจะตื่น คนอื่นๆ ก็กินกันไปหมดแล้ว ซิ่วหมินที่ไม่สบายก็นอนกับฌแนที่เหนื่อยเต็มทนแล้ว เพราะตอนที่ซูโฮผล็อยหลับไปนั้น เขาถ่างตาดูพี่ๆ น้องๆ ที่จะมาช่วตลอดเวลา แต่ก็หลับตามซูโฮไปอีกคน ตอนนี้เลยเหลือแค่สองคนนี้เท่านั้นที่ยังไม่ได้นอน “กินซะ จะได้ไม่ปวดท้อง คนอื่นๆ เค้ากินกันหมดแล้วนะ”
“ขอบใจนะ” ซูโฮว่าก่อนจะรีบตักข้าวคำโตเข้าปาก เทาที่เห็นซูโฮกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยก็อดอมยิ้มไม่ได้
“คิคิ นายกินเหมือนตอนเด็กๆ เลย” เทายิ้มกว้างและหัวเราะออกมาเบาๆ ซูโฮหันไปมองหน้าเทาอย่างสงสัย
“ทำไม ฉันกินแบบนี้แล้วมันทำไมกัน ดูไม่ดีเหรอ ห๊ะ!” ซูโฮค้อนอย่างงอนๆ ก่อนจะลงมือกินข้าวต่อ
“เปล่าๆ เปล่าคร้าบบ” เทายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “เป็นพี่แท้ๆ ยังจะกินข้าวเลอะแก้มอีก รู้มั้ย ตอนนั้นนะ นายต้องได้พหผ้าเช็ดหน้าเลยด้วย ถึงกับมีผ้าเช็ดปากเหมือนลู่หานตอนกินข้าวเลย ยังกับเด็กๆ อะ ฮ่าๆๆ”
“เชอะ” ซูโฮสะบัดหน้าไปอีกทางด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็จริงอย่างที่เทาพูด ข้าวติดตรงแก้มเขาจริงๆ ตรงปลายจมูกด้วย “ก็ฉันหิวนี่ ใครจะไปกลับมาก่อนแบบนายกันล่ะ เป็นน้องแท้ๆ จะมาทิ้งพี่สองคนไว้ลำพังได้ยังไง”
“โอ๋ๆๆ งอนเหรอครับ” เทาเอามือไว้ตรงแก้มแล้วสะบัดไปมาเหมือนกำลังเล่นกับเด็ก เขาหัวเราะซะสนุกสนานอย่างกับลืมไปเลยว่าคนตรงหน้านี้เป็นพี่ของตน ซูโฮที่เห็นดังนั้นก็เลยรีบตักข้าวคำสุดท้ายเข้าไป “ก็ผมมองหาพี่ไม่เจอนี่ จะว่าไปผมเดินไปมาตั้งหลายรอบแน่ะ ร้อนเป็นบ้าเลยตอนนั้นนะ คนอย่างผมไม่สมควรจะไปอยู่ในที่ร้อนๆ ด้วยซ้ำไป....แล้วผมก็กลับมาก่อนพี่ไม่ได้กี่สิบนาทีเองนะ” เทาแก้ต่างให้ตัวเอง แต่นั่นก็เป็นความจริง
“อีกอ่อย อะเอาอานไปเอ็บ!” ซูโฮถือจานเตรียมจะเข้าไปในห้อง แต่เทาขวางไว้ก่อนเพราะคิดว่าซูโฮด่าตัวเองว่าอ่อย ซูโฮจึงรีบกลืนข้าวลงคอให้หมดก่อนจะพูดให้ชัดๆ “หลีกหน่อย จะเอาจานไปเก็บ”
“ม่ายยยยย” เทาทำท่ากวนประสาท ซูโฮก้าวไปทางซ้าย เขาก็จะไปทางซ้าย ถ้าซูโฮไปทางขวา เขาก็จะไปทางขวาเหมือนกัน
“หลีกหน่อยสิ ฉันเป็นพี่นายนะ ทำแบบนี้ต้องการอะไรห๊ะ น้ำยังไม่ได้อาบเลย”
“มาเล่นด้วยเฉยๆ”
“แต่ฉันไม่อยากเล่นกับนายนะ -*- นี่ซีเรียสนะ หลีก”
“ทำปบบนั้นน่ารักจังเลย ปุอิ๊งๆ แต่โทษที......โนเวยยยยย์” เทาเอามือเท้าสะเอวก่อนจะมองซูโฮที่ตัวเล็กกว่าทำแก้มป่องด้วยความงอน และตอนนี้ก็กำลังไม่พอใจ เทาที่เห็นดังนั้นก็เลยยิ้มกว้าง
ปึก!
“โอ๊ยยยย!!” เทาเอามือกุมเทาน้อยของตัวเองด้วยความเจ็บปวดก่อนจะล้มลงไปนอนดิ้นกับพื้นด้วยความเจ็บปวด ซูโฮหันมายิ้มเยาะใส่อย่างสะใจ เขาเดินเอาจานเข้าไปเก็บก่อนจะเดินมาหาเทาแล้วพยุงน้องชายที่ตัวโตกว่ามากขึ้นอย่างสุดความสามารถ “เจ็บบบ!! พี่ทำแบบนี้ทำไม”
“คึคึ คราวหน้าก็อย่าซ่าส์กับคนตัวเล็กอีก เข้าใจมั้ย” ซูโฮค่อยๆ พยุงคนตัวโตกว่ามานอนบนเตียงก่อนจะดีดหน้าผากอีกรอบจนเจ้าตัวร้องโอ๊ย “ถามว่าเข้าใจมั้ย”
“ขะ...เข้าใจ เข้าใจแล้ววว”
“ดี งั้นนอนกันเถอะ ไอ้น้องชาย”
ห้องหมายเลข 4
ไคกับดีโอยังไม่ได้พูดคุยกันเลยตั้งแต่เข้าห้องมา ไม่สิ ตั้งแต่ดีโอหัวเราะในความปอดแหกของเขาด้วยซ้ำ คนตัวเล็กรู้ดีว่าไคโมดหเรื่องอะไร แต่ก็ไม่รู้จะหาวิธีแก้เกมยังไงดี ไม่ว่าจะทำยังไงไคก็หลบหน้าเขาตลอด แถมไม่ยอมพูดด้วยสักคำ
“จงอิน....จงอินอา เรามาคืนดีกันนะ ฉันขอโทษ” ดีโอเดินไปนั่งใกล้ๆ ไคก่อนจะชูนิ้วก้อยขึ้นมาให้เกี่ยวก้อยกัน เหมือนเวลาพวกเขาเมื่อหลายสิบปีก่อนโกรธกัน ก็จะใช้วิธีนี้แหละเข้าช่วย “ฉันยอมรับว่ามันตลกจริงๆ แต่จงอินอา ฉันก็มีความรู้สึกนะ หัวเราะบ้างไม่ได้หรือไง”
“.....”
“โอเค นายไม่หายโกรธสินะ แต่ฉันจะบอกให้นายรู้ด้วยว่าฉันไม่ได้หัวเราะสีผิวของนายเหมือนกับคนอื่นๆ บ่อยๆ ถึงจะหัวเราะบ้าง แต่มันก็น้อย นายรู้ข้อนี้ดีนี่ ใช่มั้ยล่ะ”
“...”
“ถ้านายไม่พอใจนักที่ฉันทำแบบนี้ ก็ขอโทษที่หัวเราะใส่นาย ฝันดีนะ” ดีโอคว้าหมอนก่อนจะเตรียมเดินออกไปจากห้อง ไคที่เห็นดังนั้นก็ตกใจตาลีตาเหลือกทันที
“นั่น..นะ...นายจะไปไหน”
“ฉันจะไปนอนกับคนอื่น นายไม่พอใจฉันนี่ แถมยังไม่พูดคุยกับใครเลย ก็ขอโทษก็แล้วกัน นายคงจะนอนสบายกว่านี้ถ้าคนที่นายรำคาญไม่นอนด้วยในคืนนี้ ราตรีสวัสดิ์ คิมจงอิน”
“เดี๋ยวว!! อย่าเพิ่งไป!” ไครีบถลาไปดึงตัวซูโฮมาไว้ใกล้ตัวก่อนจะเอาตัวเองยืนพิงประตูเอาไว้ไม่ให้ดีโอออก ตอนนี้ต่างคนต่างก็น้อยใจกันและกันอยู่เต็มที “ฉันไม่ได้โกรธนาย ไม่ได้โกรธเลย จริงๆนะ ฉันแค่...แบบว่า เอ่อ.....อายอะ”
“หือ?” ดีโอเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจสุดขีด แต่เขาก็พยายามตีโพยตพายเอาเองว่า ไคคงจะอายที่ทำอะไรผิดพลาดแล้วทำมห้คนอื่นๆ ได้ยิน ซึ่งนั่นมันเป็นเรื่องเด็กอนุบาลนั่นเอง แต่เขากลับมากลัวซะอย่างนั้น แถมยังถูกน้องชายอายุน้อยกว่าอย่างเซฮุนตอกหน้าอีก ถ้าเป็นเขาเองคงจะถึงกับร้องไห้ไปเลย “ก็ได้ เราหายกันนะ” ดีโอยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวก้อยกันกับไค ร่างสูงก็ยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยวก้อยด้วย
ห้องด้านล่าง
<<คริสเลย์>>
ห้องนี้ไม่ได้มีเวลามามีอะไรกันมากนักเหมือนเด็กๆ บางห้องชั้นบน เลย์ก็มัวแต่ทำงานซะจนไม่ค่อยมีเวลาคุยกับคริสหรือพักผ่อนเลย
“เด็กๆ จะเป็นยังไงบ้างนะตอนนี้” เลย์ถามคริสทั้งๆ ที่ทั้งคู่ก็เร่งทำโอทีอยู่ คริสตอบกลับมาทั้งที่หันหลังให้กัน
“น่าจะสบายดีนะคุณ ชานยอลคอยคุมน้องๆ ได้อยู่แล้ว ไม่มีอะไรหรอกน่า ไม่ต้องห่วงหรอก ลูกก็โตๆ กันแล้วนะ” คริสตอบ หารู้ไม่ว่านั่นล่ะประเด็นสำคัญเลย ยิ่งชานยอลคุมซะด้วย เด็กหายไปตั้งสองสามคนแน่ะ แต่ที่พวกนั้นไม่ยอมบอกพ่อกับแม่ก็คงจะกลัวโดนตำหนิเสียมากกว่า
“คุณคิดเรื่องลู่หานรึยัง” เลย์ถามบ้างก่อนจะรีบพิมพ์ข้อความหาบอส
“คิด? คิดอะไร เด็กคนนั้นก็มีเซฮุนแล้วนี่ มันต้องดูแลน้องเล็กสุดได้อยู่แล้ว ไหนยังจะมีพี่ๆ อีกแน่ะ” คริสตอบก่อนจะหยุดทำงาน เขาเดินมานั่งข้างเตียงแล้วมองเลย์ที่กำลังเร่งทำงานมากมาย อีกทั้งยังกระดาษหลายแผ่นที่กองเต็มเตียงไปหมด ไหนจะยังโน๊ตบุ๊คอีก ทั้งที่สองสามวันนี้ที่พวกเขามาเที่ยว พวกเขาควรจะได้รับการพักผ่อนแท้ๆ
“ฮ้าวว ง่วงจัง” เลย์บิดขี้เกียจก่อนจะฟุบหน้านอนบนเตียง “ทำไมบอสต้องมาสั่งเอาตอนนี้ด้วย....มองอะไรอย่างนั้น ฉันจะไม่ทำกับคุณคืนนี้หรอกนะ”
“ก็มันเหนื่อย ผมอยากได้ยามารักษาความเหนื่อยซักหน่อยนี่” คริสว่าก่อนจะใช้มือหนาลูบไล้แผ่นหลังเนียนจนเลย์สะดุ้ง ความจริงเขาเกือบเคลิ้มกับมันไปแล้วรอบหนึ่ง แต่ในสถาณการณ์แบบนี้ งานก็ยังเคลียร์ไม่เสร็จ เขาไม่มีเวลามาร้องครางใต้ร่างคนตัวโตนี่ให้ฟังหรอก แถมยังจะต้องเสียเวลาไปอีกหลายชม. เพราะคนตัวโตนี่ใช่ว่าจะทำแค่ยกเดียวสักหน่อย
“อย่ามาปัญญาอ่อนน่าคริส ฉันรีบทำงานนะ เข้าใจไหม งานฉันเยอะกว่างานคุณอีก ถ้าอยากมากก็ไปช่วยตัวเองในห้องน้ำเถอะ” เลย์ตัดบทอย่างใจร้ายใจดำก่อนจะลุกมานั่งทำงานต่อ คริสเบ้ปาก
“มันก็น่าเบื่อน่ะสิ น่านะ ขอแตะนิดเดียวเอง นะเมียนะ” คริสอ้อนก่อนจะรีบคลานไปนั่งคร่อมเลย์ด้านหลังแล้วเอามือลูบไล้แถวๆ ตุ่มไตสีสวย
“อื้มม....”
“เคลิ้มแล้วใชมั้ยล่ะ บอกแล้ว คุณก็ต้องพักผ่อนเหมือนกันนะ” คริสบีบหน้าอกเลย์เบาๆ “นมใหญ่จัง คนอัพให้นี่เค้าก็ดี๊ดีเนอะ จับสบายมือดีแฮะ”
“คริส....”
“ว่าไงจ๊ะ”
“ไปทำงานไป” เลย์หันมาค้อนใส่คนตัวโตก่อนจะดึงมือหนาออกจากเสื้อ คริสที่เห็นเลย์เริ่มอารมณ์บูดก็อยากจะยอมแพ้ แต่เพราะเขาอยากจริงๆ ความหน้าด้านหน้าทนเลยทำให้เขานั่งหน้าหงออยู่ตรงนั้น “จะมานั่งทำหน้าเซ่ออะไรอยู่ตรงนี้อีก ไปเลยนะ ลุกไปจากเตียงแล้วไปนั่งทำงานในหลุมนั้นเลยไป๊!”
“แต่เมียจ๋า...”
“จะไปไม่ไปห๊ะ” เลย์เริ่มยัวะก่อนจะง้างฝ่ามือขึ้นแล้วตบที่หลังคนตัวโตกว่าแรงๆ อย่างไม่ปราณี คริสน้ำตาคลอเล้กน้อยด้วยความเจ็บ
“ขออีกแค่...”
“กลับไป!!!!” เลย์ตวาดก่อนจะง้างมือเตรียมชกเข้าไปอีก คริสที่เห็นดังนั้นก็หงอไปอีกรอบ
“จ้ะเมีย”
_________________________________________
ตอนนี้เป็นไงบ้าง -3- น่าจะชื่อว่าตอนกลัวเมียเนอะ อะไรแบบนี้ อุอิ อันที่จริงมันอาจจะไม่เสร็จเร็วเท่านี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเน็ตทีโอทีเป็นไรไม่รู้เช้านี้ที่บ้านไรเตอร์ OTL เลยต้องอพยพมาอัพฟิคแทน เซ็งเลย
ความคิดเห็น