คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ภริยา ที่หายไป
ตอนที่ 1
เวลา 21 นาฬิกา ยังไม่ถือว่าดึกสงัดแต่ถนนหนทางกลับเงียบกริบ ผู้คนต่างหมกตัวอยู่แต่ในบ้านของตนพร้อมกับ ล็อคประตูหน้าต่างเป็นอย่างดี ตั้งแต่หัวค่ำ ความหวาดผวาต่อสิ่งๆได้ครอบคลุมไปทั่งทั้งรัฐ
ท่ามกลางความเงียบ ได้ปรากฏ รถม้าคันหนึ่งวิ่งด้วยความเร็วปานกลางดูไม่ทุกข์ร้อน
ล้อเสริมยางที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ช่วยลดแรงกระแทกระหว่างพื้นคอนกรีตที่มีเฉพาะย่านคนรวย ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ ที่ตั้งเด่นเป็นสง่ากว่าหลังอื่นๆ แล้วจอดนิ่งสนิทหน้าประตู
ชายร่างสูงสวมสูทเต็มยศ ก้าวลงมาด้วยท่าทางสง่างาม กล่าวทักทายพ่อบ้านที่รอต้อนรับอยู่อย่างเป็นกันเอง
“สวัสดี คุณพอร์ต้า ไม่เจอกันนานนะ”
“สวัสดีครับ ท่านฮอร์แกนด์ ต้องขออภัยที่ต้องเรียนเชิญท่านมาในเวลาดึกเช่นนี้”
“ไม่เป็นไร ช่วงนี้คดีซ่าๆอยู่ ชั้นเลยว่าง ว่าแต่ท่านพี่มีเรื่องอะไรเร่งด่วนหรือ”
“เกรงว่า ท่านฮอร์แกนด์ ต้องสอบถามจากท่านออฟสตาร์ดเองจะดีกว่า เชิญทางนี้ครับ”
แล้วคุณพอร์ต้าพ่อบ้านก็เดินนำเขาไปทาง ห้องทำงานของพี่ชาย หลังจากที่เขาเข้ากรมตำรวจและทำงานฝ่ายสืบสวนสอบสวน ต้องตื่นตัวตลอดเวลา เขาจึงออกไปอยู่ที่บ้านพักส่วนตัวข้างนอกและกลับมาที่บ้านใหญ่บ้าง เวลาที่มีงานสำคัญๆ
ล่าสุดเขากลับมาที่นี่เมื่อสองเดือนก่อน ที่หายไปนานเป็นเพราะเขาต้องติดตามจับกุมตัวฆาตกรโรคจิต นามว่า “ไคล์” คดีนี้สร้างความน่าสะพรึงกลัวต่อเนื่องมายาวนาน
ไคล์เริ่มสังหารคนเมื่อสามปีที่แล้ว จำนวนคนที่ถูกฆ่าตอนนี้เกือบห้าสิบคน เหยื่อมีตั้งแต่ เด็กเล็กๆ วัยรุ่นหนุ่มสาว คนแก่ หลากหลายเชื้อชาติศาสนา ไม่มีจุดร่วมที่เหมือนกัน ไม่สามารถบอกได้ว่าฆาตกรสังหารเพราะเหตุใด
ไม่มีใครเคยเห็นหน้าค่าตาเจ้าฆาตกรคนนี้มาก่อน ไม่มีใครรู้ที่มาและที่ไป แต่ที่มันถูกขนานนามว่า ไคล์นั้น เนื่องมาจากเมื่อมันได้สังหารเหยื่อไปแล้ว จะพบรอยหยดน้ำเล็กๆ เหมือนหยดน้ำตาอยู่รอบๆตัวศพ
จะมีหรือคนที่กล้าสังหารผู้อื่นบริสุทธิ์แล้วยังมีหน้ามาร้องไห้ไว้อาลัย ให้กับผู้ตาย เขาคนหนึ่งละที่ไม่เชื่อเด็ดขาด
เขาเพิ่งรับคดีนี้มาดูแลเมื่อปลายปีที่แล้วด้วยความเต็มใจ ในฐานะของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แล้วเขาจะไม่ยอมให้ชาวบ้านอยู่อย่างหวาดกลัวเป็นอันขาด
ด้วยความสามารถและความทุ่มเท มีอยู่หลายครั้งที่เขาเกือบจะจับกุมตัวได้ แต่เจ้าไคล์ไวทายาด มันรอดเงื้อมือตำรวจได้ทุกครั้ง
เขายังจำภาพนั้นได้ดี ภาพที่ฆาตกรไคล์ ใช้มีดสั้นกระซวกร่างของนายตำรวจคนหนึ่งที่เป็นเหยื่อล่อ
ให้มันปรากฏกาย เหมือนมันจะรู้ว่ามีตำรวจอยู่รายรอบบริเวณขณะนั้น แต่มันไม่เกรงกลัวเลยซ้ำยังหันมาแสยะยิ้มให้เขาแล้วระเบิดหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
เสียงหัวเราะแหลมสูงคล้ายผู้หญิงแต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะยังปรากฏเสียงทุ้มก้องกังวานของเพศชายอยู่ คละเคล้ากลิ่นเลือดและความตาย สร้างความพรั่นพรึง ให้แก่ตำรวจทุกนาย แต่ไม่ใช่เขาแน่
เขากระโดดเข้าไปใกล้พร้อมยิงกระสุนปืนไปที่มันหลายนัดติดกัน พลันนั้นบังเกิดแสงสว่างจ้าจนเขาต้องหรี่ตา เมื่อแสงนั้นหายไป ก็ไม่พบแม้แต่ซากของเจ้าไคล์
เขาเจ็บใจมากที่ไม่สามารถจับกุมตัวมันได้และเมื่อตระหนักได้ว่านายตำรวจที่อาสาเป็นเหยื่อล่อต้องมาตายฟรีๆ ไม่ได้อะไรตอบแทนกลับมา กระทั่งใบหน้าของเจ้าฆาตกรก็ไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากตอนนั้นมันใส่ชุดคลุมสีดำและสวมหน้ากากครึ่งหน้าสีเงิน
ความคิดหยุดลงเมื่อพ่อบ้านพาเขามาที่ห้องๆหนึ่ง คุณพอร์ต้า ผลักบานประตู แล้วผายมือเชิญเขาเข้าไปข้างใน
“ท่านออฟสตารด์ครับ ท่านฮอร์แกนด์เดินทางมาถึงแล้วครับ”
ภาพพี่ชายนั่งเหม่อลอย ไม่รับรู้อะไร จนกระทั่งเขาเดินเข้าไปหา สร้างความกังวลให้เขาเป็นอันมาก พี่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
เบเนดิกต์ ออฟสตราด์ที่เขารู้จัก ร่าเริง มีความมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยม ไม่หวั่นเกรงสิ่งใด แม้แต่วิกฤติทางการเงินที่เกือบทำให้ธุรกิจโรงแรมของทางตระกูลเกือบล้มละลาย แต่พี่เขาก็สามารถกู้วิกฤติกลับมาได้ จนถูกขนานนามว่า นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่สุดแห่งยุค
“ท่านพี่มีอะไรหรือเปล่าครับ ถึงเรียกผมกลับมาด่วน”
เหมือนพี่เขาจะรู้สึกตัวแล้ว ออฟสตารด์ หันมาทางเขาท่าทางยินดีมากผิดปรกติ ก่อนจะเดินเข้ามาโอบไหล่ทักทายเขาอย่างเป็นกันเอง
“ดีใจจริงๆที่นายว่างมาได้”
“ผมกลับมาได้ทุกเมื่อครับ ถ้าพี่ต้องการ ว่าแต่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือครับ”
“คือว่าไม่นานมานี้พี่เจอผู้หญิงน่าสนใจอยู่คนหนึ่ง......”
แล้วพี่ชายคนเดียวของเขาก็เล่าเรื่องราวด้วยอาการโศกเศร้า ผู้หญิงคนนั้นสวยถูกใจพี่มากแต่ไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่ และพี่เองก็มีคู่หมั้นอยู่แล้วเป็นบุตรสาวของบารอนซาร์ดซึ่งท่านพ่อที่เสียไปแล้วของพวกเขาได้หมั้นหมายไว้ให้ตั้งแต่ท่านพี่ยังเด็ก พี่จึงรับหล่อนเข้ามาอยู่ในบ้านอย่างเงียบๆ
สามวันก่อนท่านพี่ได้ว่าจ้างแอนดี้ ลูกิง จิตรกรชื่อดัง มาวาดภาพของหล่อน แล้วหล่อนก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกับจิตรกรคนนั้น
ท่านพี่ร้อนใจมากแต่ไม่กล้าแจ้งความเพราะกลัวว่าคู่หมั้นจะรู้ จึงได้จ้างสายสืบ หลายคนออกตามหา แต่กลับไม่ได้เบาะแสอะไรเลย
ทั่วทั้งรัฐ ไม่สิทั้งทวีปนี้เลยมากกว่า ที่พี่ส่งคนออกไป
“อาจจะล่องเรือไปนอกทวีปนี้หรือเปล่า” เขาให้ความเห็นแต่พี่เขาไม่เชื่อ
“ไม่มีทางพี่ตรวจสอบแล้ว”
“งั้นก็ต้องตรวจให้ละเอียดในทุกๆที่”
“ไม่ต้องหรอก ลองคิดดูสิ จิตรกรที่ได้ชื่อว่าเรื่องมากเรื่องความหรูหราจะยอมไปอยู่ในกระท่อมปลายนาหรือ และฮาเนสเองก็สะดุดตา ได้เห็นแค่ครั้งเดียวก็จำได้ สายสืบบอกว่า ไม่มีใครเคยเห็นคนลักษณะนี้เลย พี่จนปัญญาจริงๆ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีแล้ว ที่พึ่งสุดท้ายของพี่คือเรานะ”
“ครับ ผมจะช่วยตามหาอย่างเต็มที่ ไม่ว่าพี่อยากได้อะไร ผมจะหามาให้ เรื่องตามหาพี่สะใภ้แค่นี้ ไม่น่ายาก ว่าแต่ผมอยากเห็นแล้วสิ ว่าเขาสวยขนาดไหน พี่ผมถึงได้หลงปานนี้”
คำพูดแซวช่วยคลายบรรยากาศได้บ้าง พี่เขาหัวเราะหึๆ ก่อนจะหยิบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะ มาส่งให้เขาดู
ภาพวาดที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่พอมองออกว่าคนเป็นแบบสวยงามแค่ไหน แค่ในรูปยังตรึงสายตาเขาได้ขนาดนี้ ไม่รู้ว่าถ้าได้พบกันจริงๆ เขาไม่ตะลึงไปเลยหรือ
ไม่แปลกใจเลยที่พี่เขาจะเศร้าโศกเสียใจเป็นอันมากเมื่อได้รู้ว่าภรรยาตัวเอง หายไป
“ผมอยากได้ข้อมูลที่สายสืบพี่ หามาได้หน่อยครับ” ไม่อยากให้พี่กลุ้มใจไปมากกว่านี้ เขารีบถามหาเบาะแสโดยด่วน
ซองสีน้ำตาลหลายอันถูกส่งมาให้ เขารับมาเปิดอ่านดูคร่าวๆ จนถึงซองสุดท้าย เนื้อความข้างใน ไม่เกี่ยวข้องกับตัวบุคคลใดๆเลย แต่เป็นสถานที่ๆหนึ่ง ที่เหมือนจะลางเลือนแต่ทุกคนกลับจดจำได้เป็นอย่างดี
ใจความบอกเล่าถึงประวัติ ตำนาน และนิทานปรัมปรา
เรื่องราวของ ขุมทรัพย์เดอร์วู
#####
เข้ามาชมเข้ามาเม้นกันเยอะๆเน้อ
ท่าน [Y]สายลม[พัดพา]ความเจ็บปวด & ท่าน ไอติม ขอบคุณมากครับที่ติดตาม
มันสั้นไปก็บอกได้จร้า
ความคิดเห็น