คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ผู้รอดชีวิต
ตอนที่ 2
หลังจากศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับภริยาของท่านพี่ รวมทั้งเรื่องขุมทรัพย์เดอร์วูนั่นด้วย ทุกอย่างมันดูแน่ชัดในเรื่องที่ว่าไม่มีคนเห็นว่าสองคนนั้น
แต่ถ้าคิดอีกแบบละว่าสองคนนั้นไม่ได้ไปด้วยกัน แยกไปคนละทางละ
ประเด็นนี้ถูกท่านพี่ตัดออกไปอย่างรวดเร็ว
‘ไม่มีทางเด็ดขาด’ เสียงปฏิเสธหนักแน่นทำให้เขาพิศวง
‘พี่แน่ใจได้อย่างไร’
‘ก็...................นางไม่มีทางทำแบบนั้นได้หรอก ไม่มีทางออกไปจากที่นี่ถ้าไม่มีคนพาไป’
อาจจะด้วยความรัก ทำให้ท่านพี่พูดออกมาแบบนี้ แต่จะใช่หรือ
‘แล้วทำไมพี่ถึงคิดว่า นางหายไปที่ป่าอาถรรพ์ละ’
‘นายก็เห็นอยู่ ว่าค้นหาจนทั่วแล้วแต่กลับไม่เจอแม้เงา แถมไม่ได้ล่องเรือออกไปอีก เจ้าจิตรกรนั่นจะพานางไปที่ไหนได้ นอกจาก ป่าอาถรรพ์’
‘ป่าอาถรรพ์ ที่ๆไม่มีคนได้กลับออกมา’ เมื่อนึกถึงความน่าพรั่นพรึง เขาก็พึมพำออกมา
‘ใช่ ข้อนั้นแหละที่พี่กลัวเหลือเกิน แต่นายอาจจะยังไม่รู้ คำกล่าวนั่นไม่เป็นจริงเสมอไปหรอก’
‘เอ๋..................มีคนได้กลับออกมาอย่างนั้นหรือ’ เมื่อตีความคำบอกเล่าจากพี่ชายได้เขาก็อดตกตะลึงไม่ได้ เป็นความจริงอย่างนั้นหรือที่มีคนได้กลับออกมาจากป่านรกนั่นได้
‘ใช่ น่าทึ่งใช่ไหมละ ตอนแรกที่พี่รู้พี่ยังไม่เชื่อเลย’
‘แล้วเขาเป็นใครครับ’
‘พรุ่งนี้เราจะไปหาเขา รอตอนนั้นละกันนะ นายไปพักผ่อนได้แล้วละดึกมากแล้ว’ ท่านพี่พูดให้เขาตื่นเต้นจนเกือบข่มตาหลับไม่ได้
*
*
*
กว่าจะได้ไปพบคนผู้นั้นก็เป็นกลางดึกของอีกคืน เนื่องจากคนคนนั้นไม่ต้องการให้มีคนรู้และไม่ชอบความร้อนตอนกลางวัน
เขาเลิกตื่นเต้นแล้วแต่หันมาสงสัยว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น การออกมาจากป่าอาถรรพ์ได้เป็นเรื่องมหัศจรรย์ถ้าประกาศออกไปต้องดังยิ่งกว่าพลุแตก
คิดไปร้อยแปดจนรถม้า มาหยุดหน้าโรงละครโอเปร่าเก่าแห่งหนึ่ง
บอดีการ์ด สี่นาย ลงมาจากรถม้าคันหน้า ก่อนจะเปิดประตูรถม้าให้พี่และเขา ท่ามกลางบรรยากาศวังเวง พนักงานต้อนรับที่ไม่รู้ว่าโผล่มาเมื่อไหร่ กล่าวสวัสดีต้อนรับเสียงแข็งๆหยั่งกะผีดิบ แล้วผายมือเชิญเข้าไปข้างใน บริกรที่เข้ามารับช่วงต่อ เดินนำทางผ่านทางเข้าจนถึงกลางตัวโรงละคร
บรรยากาศข้างในดีกว่าข้างนอกมาก ไม่มีกลิ่นอับแม้แต่นิดเดียว แสงไฟสลัวๆแต่บนเวทีสว่างแจ่มชัด นักสีไวโอลินกำลังบรรเลงบทเพลงหวานเศร้า และถ้าเขาจำไม่ผิดนักสีไวโอลินคนนี้คือ อีไมนด์ อัจฉริยะที่ชอบเก็บตัว ไม่น่าเชื่อว่าจะได้พบที่นี่
บริกรเดินมาหยุดที่โซฟาที่อยู่ชิดเวทีมากที่สุด รอจนพวกเขานั่งลงจึงเสริฟ์เครื่องดื่ม ก่อนจะหายตัวไปด้านหลังเวที
“นายยังจำนายกเทศมนตรี แมกซ์เวลล์ได้ไหม” ออฟสตารด์ถามขึ้น
“อืม จำได้สิ ผมนับถือเขามากเลยนะ น่าเสียดายที่ท่านจากไปเพราะเรือล่ม”
“ไม่ใช่หรอก ข่าวนั่นถูกบิดเบือนไป ความจริงท่านไม่ได้อยู่บนเรือลำนั้น”
“เอ๋ อย่าบอกนะว่า”
“ใช่ ท่านคือผู้รอดชีวิตจากป่าอาถรรพ์”’
“หึหึหึ...............แต่ไม่ได้ออกมาอย่างสง่างามหรอกนะ” เสียงของบุคคลที่สามดังขึ้น ทำให้สองพี่น้องต้องหันไปมอง
บอดีการ์ดหนึ่งคนเข็นรถเข็นที่มีอดีตนายกเทศมนตรีนั่งอยู่ แต่สภาพที่เห็นอาจเรียกว่ายังเป็นคนได้หรือไม่นั้น เขาไม่แน่ใจ
ภาพของบุคคลที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เขาตกตะลึง ถ้าไม่ใช่คนขวัญแข็งจริงๆมีหวังสลบไปแน่ๆ แขนสองข้างภายใต้เสื้อสูทแบนลีบและเขาคิดว่าคงไม่มีส่วนนั้นอยู่ภายใน ขาข้างหนึ่งหายไป ส่วนอีกข้างลีบเล็กและบิดเบี้ยว ใบหน้ามีแต่แผลเป็นที่เนื้องอกมาปิดทับตาและปาก
แล้วชายคนนี้พูดได้อย่างไร ไม่นานเขาก็กระจ่าง เด็กผู้ชายผมยาวผิวขาวซีดที่อยู่ข้างๆขยับปากพูด แต่เสียงที่ออกมากลับเป็นเสียงของชายชรา
“ว่าแต่มีเรื่องอะไรกัน ถึงอยากมาพบคนที่ตายไปแล้วอย่างฉัน”
หลังลุกทำความเคารพ พี่ชายเขาก็เล่าถึงเหตุผลที่มา
“ผมอยากได้ปาฏิหาริย์นั่น มันเป็นความหวังสุดท้ายของผม”
“แม้ต้องแลกด้วยชีวิต?” แมกซ์เวลล์ถามขึ้น
“ครับ แม้ต้องแลกด้วยชีวิต” คำตอบจริงจังชัดเจน ทำให้อีกพอใจ แต่เขากลับเป็นกังวล
“ฮ่าๆๆๆ พูดนะมันพูดได้ แต่ความจริงมันทำยาก เพราะปาฏิหาริย์ก็ต้องการสิ่งตอบแทนที่คุ้มค่า”
“ไม่ว่าอย่างผมก็จะทำครับ”
แมกซ์เวลล์ยิ้ม ถึงมองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ ชายใจดีได้เล่าเรื่องราวที่เขาได้เจอมา
อดีตนายกเทศมนตรี เล่าว่า เขาและเพื่อนๆนายทหารตำรวจได้เข้าร่วมโครงการสำรวจป่าอาถรรพ์เมื่อเจ็ดปีก่อน พวกเขาสามารถแล่นเรือเข้าอ่าวจามารของอาณาเขตตระกูลเดอร์วูได้ สองวันผ่านไปด้วยดี ถึงแม้จะมีสัตว์หน้าตาประหลาดเข้ามาป้วนเปี้ยน แต่ไม่ได้ทำอันตราย นักชีววิทยาตื่นเต้นดีใจที่ได้ค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่
แต่ในคืนต่อมาบังเกิดพายุใหญ่พังทลายเรือกระจุยเหมือนถูกฉีกกระชากด้วยุอ้มมือซาตาน ทุกคนถูกพัดหายไป ในตอนที่เขาพบว่าตัวเองอยู่บนชายหาดและยังไม่ตายนั่นเขาดีใจมาก เขาเดินเข้าไปในแผ่นดินหวังจะเจออะไรที่ช่วยเขาได้ ป่าที่เหมือนกับป่าทั่วไปเงียบกริบ
ทันใดนั้นเองก็มีบางสิ่งรัดขาเขาไว้ ยังไม่ทันจะได้ประมวลผลว่าเป็นอะไรแขนเขาก็ถูกฉีกกระชาก ความเจ็บปวดรุนแรงเข้าจู่โจม เสียงร้องโหยหวน คละเคล้ากลิ่นคาวเลือด เจ้าสัตว์ประหลาดมันกินแขนเขา แล้วฉีกขาไปอีกข้าง ช่วงเวลาสุดท้ายที่น่าสะพรึงกลัว เขาหมดหวังและกำลังจะตาย
สติสุดท้ายคือ เสียงร้องโหยหวนที่ไม่ใช่ของตัวเอง และภาพของบุคคลที่เขาไม่คิดว่าจะได้เจอ
“ใครครับ” ฮอร์แกนด์ถามขึ้นเมื่อชายชราหยุดเล่า
“หึหึ......พูดไปเธออาจไม่เชื่อ มันดูไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยป่าอาถรรพ์กับชายคนนั้น”
“คนๆนั้นช่วยท่านไว้หรือครับ” ออฟสตารด์ถามบ้าง
“อืม เขาช่วยฉันไว้และถ้าเธออยากเข้าไปในป่านรกนั่น เธอต้องไปขอความช่วยเหลือจากเขาเอง ฉันคงบอกได้แค่ที่อยู่ของเขาเท่านั้น”
“แค่นั้นก็เพียงพอแล้วครับ ขอบคุณท่านมากครับ”
“แล้วเขาเป็นใครกันครับ” ฮอร์แกนด์อยากรู้มากจนต้องถามอีกที ถ้าอย่างนั้นคนๆนั้นก็สามารถเข้าออกป่าอาถรรพ์ได้ตลอดเวลา ชายชราหันมายิ้มให้เขา
“คนที่เธอกำลังต้องการตัวมากที่สุดไง คุณตำรวจฮอร์แกนด์”
คนที่เขาต้องการตัวมากที่สุดในตอนนี้
หวังว่าคงไม่ใช่ แมกซ์เวลล์พยักหน้ายืนยันว่าที่เขาคิดถูกต้องแล้ว
ทำให้เขาต้องครางชื่อนั้นออกมา
“เจ้าฆาตกรโรคจิตนั่น............ไคล์”
#####
Thank for all comments
ปล.คนเขียนได้ด๊อกอิ้งงงงงงงง
ความคิดเห็น