คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 8 : The appearance
Chapter 8
ธันเดอร์ก้าวเข้ามาใกล้มาร์กี้ แต่หญิงสาวกลับก้าวขาไม่ออก
“เธอกล้าเอาฉันไปเปรียบเทียบกับผู้ชายคนอื่น...”
น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่งทว่าน่ากลัวราวกับภูเขาน้ำแข็ง
มาร์กี้หลับตาปี๋...รอรับบทลงโทษที่เธอไม่สามารถหนีไปไหนได้เลย
ทว่าผิดคาดเมื่อธันเดอร์โยนสมุดเล่มนั้นลงบนเตียง “…แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” เขาบอกพลางเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
มาร์กี้ลืมตาช้าๆ พลางมองตามไปด้วยความไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าในใจธันเดอร์คิดอะไรอยู่ แต่ระดับเขาคงไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆแน่ๆเลย
“โอยยยยยกูพลาดดดดดT^T”
เธอทิ้งตัวลงบนเตียง แล้วหยิบสมุดตัวเองมาฉีกหน้านั้นทิ้งซะ
เธอเอาปากกามาเขียนหน้าใหม่ ซึ่งคราวนี้เขียนซะตัวใหญ่เต็มหน้า ราวกับจะเตือนตัวเอง
‘ผู้ชาย...ไม่ชอบการเปรียบเทียบ!’
ทางด้านนอก ทุกคนต่างมองร่างสูงที่เพิ่งก้าวฉับๆออกมาจากห้องนอนด้วยความโกรธ ธันเดอร์หันไปบอกคยูฮยอน “…มานี่หน่อยสิ”
คยูฮยอนหันไปมองหน้าพลอยเพชรเป็นเชิงบอกว่า ‘เดี๋ยวมานะ’ แต่พลอยเพชรก็ทำเหมือนไม่แคร์
“แทนมึงจะอาบน้ำก่อนหรือให้กูอาบก่อน” เธอหันไปถามแทนอึน ทำให้คยูฮยอนเกิดอาการน้อยใจเล็กๆที่พลอยเพชรไม่สนใจตนอีกแล้ว : ( แต่ก็จำใจเดินตามธันเดอร์ออกไป
“มึงอาบก่อนก็ได้”
“เดี๋ยวไปเรียนกันใช่มั้ยเนี่ย” เยอึนถามขึ้น
“อื้ม...ว่าแต่ ตกลงวิทยานิพน์อะไรอะ”
“อ๋อ ก็คือว่า กายุนน่ะต้องเก็บหน่วยกิตสังคมศาสตร์ เลยเลือกเรื่องที่จะทำวิทยานิพนธ์ที่ค่อยข้างเกี่ยวกับจิตวิทยาและระบบการศึกษาไทย…”
แทนอึนพยักหน้าเหมือนจะรู้เรื่อง พยายามตั้งใจฟังแล้วนะ...แต่พอมองหน้าเยอึนทีไร สติมันก็หลุดลอยทุกทีเลย
“เราเห็นเธอเรียนพิเศษน่ะ เราเลยคิดว่าน่าจะเอาอันนี้มาเป็นประเด็นเชื่อมโยงได้ คงต้องมีการตามถ่ายรูปแล้วก็ศึกษาเกี่ยวกับชีวิตเด็กเรียนพิเศษนิดหน่อย แล้วค่อยเอามาเชื่อมโยงกับระบบการศึกษา”
“อ๋อ คือ เธอจะต้องมาถ่ายรูปเรา ?”
“ใช้ แล้วเธอก็ต้องให้ข้อมูลที่เปิดเผยได้กับเราด้วย”
“เช่นอะไรอะ”
“ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับวิทยานิพนธ์อะ เช่น เนื้อหาในการเรียนพิเศษดีกว่าการเรียนในห้องเรียนยังไง”
“อ๋อ....”
นึกอยากจะบอกเยอึนไปว่าแทนอึนไม่ถนัดในการสื่อสารเลยจริงๆ-3- แต่ก็อยากจะช่วยเหลือให้เต็มที่
“ทำทุกอย่างเหมือนเป็นงานของตัวเองเลย..” แทนอึนนึกตำหนิกายุนอยู่ในใจ ทำไมโยนงานให้พี่สาวถึงขนาดนี้นะ
เยอึนได้แต่หัวเราะแห้งๆ “เราทำให้น้องตลอดแหละ”
“ทำไมกายุนไม่ทำเอง ?”
“เขาทำไม่เป็นหรอก”
“ไม่ได้ละ...” แทนอึนมองไปข้างหน้าด้วยแววตาที่มุ่งมั่น “…ต้องให้เขาทำงานเองบ้าง ไม่งั้นจะเอาตัวรอดไม่ได้นะ”
เยอึนมองแทนอึนแล้วแอบนึกน้อยใจ ...ก็นึกว่าเป็นห่วงเรา ไม่อยากให้เราทำงาน
ที่แท้ ก็เป็นห่วงกายุนนี่เอง
“น้องเราเอาตัวรอดเก่งอยู่แล้ว555555 เราทำเพื่อกายุนได้ทุกอย่างแหละ”
เยอึนไม่ได้โกหก แค่พูดให้ดูดีนิดหน่อยเท่านั้นเอง
ตอนนี้ในสายตาของแทนอึน เยอึนคงกลายเป็นพี่สาวที่แสนดี ส่วนกายุนเป็นน้องสาวที่ไม่เอาไหน...
กายุนไม่รู้ตัวเลยขณะที่เธอกำลังสับสนกับความรู้สึกตัวเอง เธอกำลังโดนพี่สาวทำร้ายอย่างช้าๆ...
“เมื่อวานโทรมามีอะไร” ยงฮวาคุยโทรศัพท์กับเกรฟในขณะที่กำลังเดินไปขึ้นรถเพื่อไปที่บริษัท
“ฉันต้องมีอะไรด้วยเหรอ”
“มีอะไรก็พูดมา ฉันไม่ค่อยว่าง” เขาทำเสียงแข็งและพยายามทำใจแข็งด้วย
พอได้ยินเสียงอีกครั้ง...ความทรงจำเก่าๆก็กลับคืนมา
“ช่วงนี้ฉันเหงาๆเลยจะโทรไปคุยเล่นเฉยๆ ไม่ได้เหรอ”
“…”
เขาเงียบและจัดวางกีตาร์ให้เรียบร้อยอยู่บนรถตู้ของศิลปิน ยงฮวาปั้นหน้ายิ้มหันไปโบกมือให้กับแฟนคลับขณะที่จองชินและมินฮยอกเอาแต่นั่งเล่นตบแปะกันอยู่ด้านหลัง
“เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่มั้ย” เกรฟถามอย่างมีความหวัง
“เธอเลือกโทรหาฉันเพราะเห็นว่าจงฮยอนมีคนใหม่แล้วล่ะสิ” ยงฮวาบอกอย่างรู้ทัน ในใจของเขาทั้งเจ็บทั้งแค้น
“ผู้หญิงในข่าวนั่นน่ะเหรอ ฉันไม่สนใจหรอก ฉันสนใจแค่นาย”
“เหอะๆ”
“ว่าไงล่ะ”
“ฉันกำลังมีเป้าหมายใหม่ที่ดีกว่า อย่ามายุ่งกับฉันอีก”
เขาหันไปฉีกยิ้มให้แฟนคลับทั้งสองข้างทางเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะปิดม่าน และปิดโทรศัพท์ ยงฮวาก้มหน้าลงอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง
น้องๆทั้งสองคนด้านหลังก็ต่างมองมาด้วยความห่วงใย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ พวกเขาจึงหันไปเปิดม่านฝั่งของตัวเองและโบกมือให้แฟนคลับได้กรี๊ดกันอีกรอบ
บ๊อยซ์บางคนก็คงสงสัยว่าทำไมวันนี้ไม่มีจงฮยอน บางคนก็คงไม่ทันสังเกต บางคนคิดว่าหนุ่มๆยิ้มแย้มแจ่มใสร่าเริงดีเหมือนจะไม่มีอะไร
พวกเขาตะโกนชื่อของหนุ่มๆกันอย่างมีความสุขโดยไม่อาจรู้ได้เลยว่าหลังผ้าม่านนั้น หัวใจของยงฮวากำลังเป็นทุกข์แค่ไหน
ทางด้านคนที่ถูกวางสายใส่ก็ทั้งอารมณ์เสียทั้งรู้สึกหมดหวังในชีวิต อยู่กับฮยอกแจเธอไม่มีความสุขอีกต่อไปแล้ว ส่วนเยซองนั้นตัดไปได้เลย รายนั้นหนีไปเป็นทหารแล้ว เธอก็แค่อยากกลับไปหายงฮวา ที่อย่างน้อยเขาก็รักเธอมากกว่าใคร แต่กลับถูกปฏิเสธอย่างไม่เหลือเยื่อใย
แต่เกรฟก็เชื่อว่ายงฮวาจะต้องคิดถึงเธออยู่บ้างล่ะน่า
“ทำอะไรอะ”
เกรฟโยนโทรศัพท์มือถือของตนซ่อนไว้ใต้หมอนบนโซฟาทันทีที่ฮยอกแจเดินออกมาจากห้องน้ำ
“เปล่านี่” เธอรีบปฏิเสธ
“คุยกับใคร”
เขาเช็ดผมอีกสองสามทีแล้วโยนผ้าเช็ดผมไปอีกทาง
“ใคร ? ไม่ได้คุย”
หญิงสาวพยายามจะไม่มีพิรุธ แต่ฮยอกแจในผ้าเช็ดตัวผืนเดียวก็ยังโน้มตัวเข้ามาหา “เอาโทรศัพท์มา”
“ก็บอกว่าไม่ได้คุย”
“อย่ามาตอแหล ไม่ชอบ”
“…”
มันไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่แฟนหนุ่มหยาบคายกับเกรฟแบบนี้ แต่เธอก็ยังไม่ชิน และไม่ชอบด้วย
“อย่ามาหยาบคาย” เธอบอกเสียงแข็ง
“หึ...”
เขาใช้มือเพียงข้างเดียวผลักเธอออกไปด้านข้าง แล้วคว้าโทรศัพท์ของเกรฟออกมา เกรฟพยายามจะแย่งแต่สุดท้ายก็ถูกผลักล้มลงไปนอนอยู่บนโซฟา
“จอง ยงฮวา...” เขาอ่านออกเสียงเบอร์ที่โทรเข้าล่าสุดอย่างจงใจให้เธอได้ยิน
“เมื่อกี๊นี่เองนี่”
ฮยอกแจไม่ได้แปลกใจทว่ากลับยิ้มมุมปาก เขาจำได้ว่าคนชื่อนี้ก็คือแฟนเก่าของเกรฟนี่เอง
หญิงสาวเงยหน้ามองเขาอย่างลุ้นตัวโก่งว่าฮยอกแจจะจัดการอย่างไร ตอนนี้นึกอะไรได้ก็โกหกไปก่อน “เขาแค่โทรมาทักทายเฉยๆ” เธอพูดเร็วจนลิ้นแทบจะพันกัน
ฮยอกแจไม่สนใจคำแก้ตัวโง่ๆแล้วกดโทรออก เขาโยนมันลงบนหมอนพลางคร่อมร่างบางเอาไว้
“แล้วมันรู้หรือเปล่าว่าเธอมีผัวใหม่แล้ว”
“จะทำอะไรอะ” เกรฟเกร็งตัวอย่างกลัวๆและพยายามจะหลบหนี แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีหนทาง
น้ำกลิ่นหอมหยดจากเส้นผมของฮยอกแจลงบนร่างของเธอทีละเล็กน้อย ฮยอกแจก้มลงซุกไซ้ซอกคอขณะที่ร่างบางพยายามจะขัดขืน ...ก็มันยังไม่มีอารมณ์ตอนนี้นี่นา
“ฮยอกแจ... ออกไปนะ!”
“ว่าไง...เธอบอกมันหรือเปล่าว่าตอนนี้เธออยู่กับลีฮยอกแจ”
ดูเหมือนว่ายงฮวาจะรับสายแล้วด้วย ฮยอกแจจึงพยายามจะ ‘ทำอะไรๆ’ ให้ปลายสายได้ยิน
“ฮยอกแจ...อ๊ะ”
เขาดูดแรงๆที่กลีบปากล่างของเธอเป็นการปิดปาก พลางเคลื่อนใบหน้าไปจูบหนักๆแทบจะทุกส่วนบนร่างกายของเกรฟ “ฮยอกแจ...ฮยอก..” เสียงของเธอค่อยๆหายไปทีละน้อยเพราะอารมณ์ที่ถูกปลุกปั่นขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ไปบอกมันนะ…” เสียงของฮยอกแจเองก็แหบพร่าเช่นกัน “..ว่าผัวหวงมาก ไม่ต้องมายุ่ง”
“อื้อ...”
ดูเหมือนนั่นจะไม่ใช่คำตอบรับแต่เป็นเสียงครางที่ห้ามเอาไว้ไม่อยู่ ฮยอกแจไม่สนใจว่าปลายสายจะมองเกรฟยังไง แต่เขาต้องการความสะใจที่จะประกาศว่าใครเป็นของใครก็พอ
นะเอยรอจนคิบอมกินข้าวเสร็จ ก็กลับมาคุ้ยหายาในกล่องของตัวเอง แล้วเอากลับไปให้คิบอม วิ่งเข้าวิ่งออกอยู่สองห้องตรงข้ามกันนี้อยู่หลายรอบ จนไปเรียนสายกว่าชาวบ้านเค้า
“เราไปเรียนละนะ~” เธอเปิดประตูเข้ามาบอกคิบอมเป็นรอบสุดท้าย ขณะที่ชายหนุ่มกำลังนอนดูทีวีภายใต้ผ้าห่มผืนหน้า และแผ่นเจลที่นะเอยขโมยพลอยเพชรมาแปะไว้บนหน้าผากหล่อๆ
“อืม” คิบอมหันมามองเพียงเล็กน้อย เขาพยักหน้าส่งๆเหมือนจะไม่สนใจ ทำให้นะเอยยืนอยู่อย่างนั้นเหมือนอยากจะพูดอะไรต่อ และก็รอว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
ในที่สุดคิบอมก็เป็นฝ่ายพูดขึ้น “อย่ากลับค่ำล่ะ”
“ทำไมอะ ? วันนี้เลิกเรียนดึกอะ นายจะไปทำงานหรือเปล่า ?”
“ไป เดี๋ยวก็หายแล้ว”
“อืม....อย่าป่วยกลับมาอีกล่ะ”
“อืม....”
พอนะเอยออกไป ทั้งห้องก็เหมือนมีแต่ความเงียบงัน แม้จะเปิดทีวีไว้แต่คิบอมก็ไม่ได้สนใจดูเลย
เขาแค่กำลังคิดว่า เวลาไม่ตรงกันแบบนี้ เขาก็ไม่สามารถชวนเธอออกไปไหนได้เลยสินะ
แต่ว่า...มันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปนี่ คิบอมคิดว่าเขาไม่ควรเข้าใกล้เธอไปมากกว่านี้แล้ว
นะเอยคงเป็นคนที่กำลังมีอนาคต เราไม่ควรจะเข้าไปทำลายอนาคตของเธอ... ปล่อยเธอเรียนหนังสือไปเถอะ
คิดได้ดังนั้นแล้วก็หลับตาลง คยูฮยอนกับธันเดอร์ออกไปไหนด้วยกันไม่รู้ จงฮยอนก็ออกไปที่บริษัท ส่วนคนป้อนข้าวป้อนน้ำของเขาก็ไปเรียนซะแล้ว คิบอมไม่เคยรู้สึกเหงาเท่านี้มาก่อนเลย....
ตั้งแต่ออกมาที่นี่ คยูฮยอนก็เกิดความรู้สึกแปลกๆเหมือนถูกเดินตาม แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ เผื่อว่าเป็นคนของแม่เขา จะได้รู้ว่าเขาไม่แคร์หรอกว่าแม่จะส่งใครมาตาม
เขาจะอยู่ของเขาแบบนี้
“นี่มึงชวนกูออกมาเพื่อสมัครงานเนี่ยนะ??” เขาหันไปถามธันเดอร์ที่ชะเง้อมองอะไรบางอย่าง
“ใช่ไง จะได้ไม่ต้องยืมเงินคนอื่น”
คยูฮยอนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าธันเดอร์จอมขี้เกียจจะลุกขึ้นมาจัดการชีวิตของเขาแบบนี้ “มึงมีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า ?”
คยูฮยอนมองธันเดอร์อย่างจับผิด ซึ่งร่างสูงก็ชะงักทันที “อะไร ? ไม่มี”
“มาที่เรียนพิเศษแบบนี้ มึงมาตามหาใคร?”
ธันเดอร์ไม่ตอบ แต่กลับทิ้งคยูฮยอนให้ยืนสมัครงานอยู่หน้าเคาน์เตอร์แล้วตัวเองก็บุกเข้าไปข้างใน ทว่ามีเจ้าหน้าที่มาขวาง
“ผู้ปกครองกรุณารอด้านนอกนะคะ”
ธันเดอร์หันไปมองอย่างเย็นชา ทำเอาเจ้าหน้าที่หญิงสตั๊นท์ไปนิดหนึ่งเพราะความหล่อ-//-
“ผมไม่ใช่ผู้ปกครอง ผมมาหาเพื่อน”
“เรียนที่นี่หรือเปล่าคะ? ><”
“กำลังจะลงเรียน นั่นไง” เขาชี้ให้ดูคยูฮยอนที่กำลังเหมือนลงทะเบียนอะไรอยู่ซักอย่าง แล้วอาศัยจังหวะนั้นบุกเข้าไป เขาเดินหาตามห้องต่างๆทุกซอยแต่ก็ไม่เจอ ธันเดอร์เริ่มจะอารมณ์เสีย
แต่แล้ว...
ผู้ชายหัวเทาๆหน้าไม่คุ้น กำลังยื่นยางลบให้กับผู้หญิงตัวอวบๆขาวๆผมยาวสีน้ำตาลแดง ซึ่งธันเดอร์คุ้นหน้าเป็นอย่างดี
นั่นไง...ชัดเลย
ธันเดอร์เปิดประตูออกอย่างไม่เกรงใจใคร เด็กนักเรียนต่างหันมามองเขาเป็นตาเดียว
สูง...ขาว...เพอร์เฟ็ค ใครไม่มองก็บ้าแล้ว
“มาร์กี้”
ไม่บ่อยนักที่ธันเดอร์จะมาเรียกชื่อของเธออย่างนี้ หญิงสาวตกใจจนยางลบของเซฮุนตกพื้นแล้วกลิ้งๆๆไปอยู่แทบเท้าของธันเดอร์
ปกติมาร์กี้จะเห็นธันเดอร์ในชุดนอนที่มีแค่กางเกง-/- หรือไม่ก็ชุดบ้าๆที่ดูเหมือนสกปรกเพราะไม่ค่อยอาบน้ำ แต่วันนี้...ชายหนุ่มใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางกับกางเกงขายาว อีกทั้งยังเซตผมดูเป็นทรง มาร์กี้ไม่อยากจะนึกเลยว่าผู้ชายคนนี้คือคนเดียวกับไอ้บ้าหัวยุ่งๆที่วนเวียนอยู่แต่ในห้องนอนของเธอ
เซฮุนพิจารณาธันเดอร์ตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วพูดอย่างสุภาพ “เก็บยางลบให้หน่อยครับ”
เพื่อนของมาร์กี้รวมถึงเธอด้วยทุกคนกำลังงงเป็นไก่แจ้ตาแตก ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าชายมัมมี่มาทำอะไรที่นี่ รู้แค่ว่าเขามาหาใคร
ธันเดอร์ละสายตาจากมาร์กี้แล้วหันมาจ้องตอบเซฮุน
แต่ว่า....เขาว่ามันแปลกๆนะ-..-
ร่างสูงก้มเก็บยางลบแล้วยื่นให้กับเซฮุน “ขอบคุณครับ~” ไอ้หนุ่มหน้าหล่อที่มาร์กี้บรรยายไว้ในสมุด ยิ้มหวานให้กับเขา ธันเดอร์ว่า...มันแปลกมากเบยนะ-____-
ธันเดอร์หันมาถามมาร์กี้ “เนี่ยเหรอ คนที่เธอ...”
“อย่าพูดนะ!!!”
เธอต้องรีบหยุดเขาก่อนที่จะรู้สึกขายหน้าไปมากกว่านี้ เซฮุนมองทั้งสองสลับกันอย่างงงๆ ดูเหมือนว่าสิ่งที่สองคนนี้กำลังส่งซิกซ์ให้แก่กันมันจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเขานะ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” เซฮุนหันไปถามธันเดอร์
“เนี่ยนะ...” ธันเดอร์ลดระดับเสียงลง เขาเริ่มมองเซฮุนด้วยสายตาแปลกๆ เซฮุนเองก็มองธันเดอร์แปลกๆเช่นเดียวกัน
“นายอย่าไร้มารยาทสิ!” มาร์กี้อดไม่ได้ที่จะด่าเขา
“ก็ฉันอยากรู้นี่” เขาตอบราวกับเด็กเอาแต่ใจ
มันน่าตีจริงๆเลย!! มาร์กี้นึกในใจ ตอนนี้เธออายคนในห้องมากๆ
“ออกไปเลย”
ธันเดอร์ยังยืนอยู่ที่เดิมแล้วพิจารณาเซฮุนอย่างเปิดเผย จนชายผมเทาเริ่มจะหลบๆสายตา
“ธันเดอร์ ! นี่มันไม่ใช่ห้องนอนของฉันที่นายจะมาหน้าด้านอยู่ได้ง่ายๆนะ!”
…. มาร์กี้พูดจนจบประโยคซะเสียงดังก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกไป
คุณพระ ตอนนี้สีหน้าของเด็กแต่ละคนในห้องเหมือนหน้าเหยดของ9gag
ทำเอาธันเดอร์ก็ไม่รู้จะวางสีหน้ายังไงเหมือนกัน เขาเกือบจะเผลอยิ้มแต่ก็เปลี่ยนรอยยิ้มนั้นให้เป็นกระตุกยิ้มมุมปากได้ทันท่วงที “หึ...เธอเป็นบ้าอะไรน่ะ จะเสียงดังทำไม”
“นายนั่นแหละ จะเข้ามาสร้างเรื่องทำไมเล่าT^T!!”
“กี้...กูว่ามึงออกไปเคลียร์ข้างนอกเหอะ” แทนอึนหันมาบอกมาร์กี้อย่างเหลืออด
“ไม่ต้องหรอก” ธันเดอร์หันมาบอกน้องตัวเอง แต่สายตากลับอยู่ที่มาร์กี้ “…ค่อยเคลียร์ที่ห้องนอนก็แล้วกัน”
ทิ้งระเบิดไว้ก็เดินออกไปเลย ไม่ปิดประตูซะด้วย ทำเอาเดคาที่นั่งเรียนพิเศษอยู่ดีๆต้องเหงื่อตกไปตามๆกัน อรรณพในจอทีวีก็สอนไปเรื่อยไม่ได้รู้เรื่องอะไรเล้ย
แต่คนจะปวดหัวที่สุดดูเหมือนจะเป็นมาร์กี้ ขณะที่เซฮุนยังมีหน้ามาให้กำลังใจ “เธอโอเคนะ...มาร์กี้”
ขณะเดียวกันทางด้านนอก ธันเดอร์เดินออกมาหาคยูฮยอนและกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่แล้ว วันนี้เขาดูเป็นผู้ชายอารมณ์ดีเหลือเกิน
ไอ้เราก็กังวลกับไอ้เซฮุนอะไรนี่ไว้ซะมากมาย...หึ ที่ไหนได้
เป็นตุ๊ด !
เมื่อมาถึงบริษัท FNC แคทรู้สึกเกร็งไปหมด ทุกคนที่นี่ทำงานกันรวดเร็วมาก พนักงานให้การต้อนรับเธอดีกว่าที่คิดไว้ พวกเขานำทางเธอและจงฮยอนไปยังห้องประชุมของผู้บริหารสูงสุด
พอแคทก้มลงมองมือของเธอและจงฮยอนที่จับกันไว้...ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมานิดๆ
พวกเขาหยุดลงตรงหน้าห้อง เพราะแคทขืนตัวไว้
เธอหันมามองใบหน้าของจงฮยอน...ภายใต้แว่นกันแดดสีดำสนิท
ไม่มีคำพูดใดๆระหว่างทั้งสอง แคทไม่แม้แต่จะมองเห็นแววตาของเขา เพียงแค่รู้สึกถึงมือหนาที่บีบแน่นขึ้นและมุมปากของเขาที่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเป็นการให้กำลังใจ
เสี้ยววินาทีหนึ่งแคทรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน ทุกอย่างหยุดการเคลื่อนไหว
นี่เราฝันไปหรือเปล่า...เรากำลังจะสร้างเรื่องใหญ่กับศิลปินดังระดับประเทศนะ... แคทรียา รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่ ???
หลังประตูบานนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แคทรียา...อย่าก้าวเข้าไปนะ... อย่า !
“ไม่ต้องกลัว...”
ในที่สุดจงฮยอนก็พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าแคทเอาแต่ยืนเหม่อจ้องหน้าเขา
“…พี่อยู่นี่ทั้งคน”
แอ๊ด... ประตูเบื้องหน้าถูกเปิดออกโดยบุคคลที่รออยู่ในห้อง
“เข้ามาสิ”
ฮันซองโฮ ประธานค่ายวัยกลางคนยิ้มเย็น ทำเอาแคทรู้สึกหนาวไปทั้งตัว
เขาเดินนำเข้าไปในห้อง แคททำท่าจะปล่อยมือจากจงฮยอน แต่แล้วชายหนุ่มก็กึ่งลากกึ่งจูงเธอเข้าไปนั่งเผชิญหน้ากับท่านประธาน
“ว่ากันสั้นๆเลยก็แล้วกันนะ”
ซองโฮพูดนำอย่างไม่ถงไม่ถามซ้ากคำ
แคทแอบหันไปมองจงฮยอนที่นั่งนิ่งอย่างไม่เกรงกลัว เธอสงสัยว่าศิลปินในวงการบันเทิง เบื้องหลังกล้องมีท่าทางที่หยิ่งยโสแบบนี้ทุกคนหรือเปล่านะ
“ฉันสืบประวัติเธอมาหมดแล้ว โอนิรอยแคท...เดคาโมโน”
เขาพูดชื่อของเธอทีละคำอย่างชัดเจน “เธอเล่นกีตาร์เก่ง เป็นเด็กน่ารัก”
แม้ท่านประธานจะดูใจดีกว่าที่คิดไว้ แต่แคทก็ยังรู้สึกโล่งไม่สุดอยู่ดี
“เธอมาตกหลุมรักลีจงฮยอนจริงๆเหรอ ?”
ดูเหมือนว่าฮันซองโฮจะอ่านเกมออก ว่าจริงๆแล้วเรื่องของแคทกับจงฮยอนนั้นไม่มีอะไรเลย
“แผนของคุณคืออะไร ว่ามาเลยเถอะ”
จงฮยอนขัดขึ้น เขาเบื่อกับคำพูดซับซ้อนที่ต้องให้เด็กอย่างแคทมานั่งตีความ เขานึกอยากจะตกลงเรื่องการแถลงข่าวให้มันเสร็จๆไปซะที
“ฉันต้องการให้นายแถลงข่าวว่าพวกเธอไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ห๊ะ!? ทำไมถึงทำแบบนั้น” จงฮยอนตกใจไม่น้อย แคทหันไปมองเขา... ท่าทางของเขาช่างดูเท่เหลือเกิน เธอเผลอมองจงฮยอนจนลืมเครียดไป
“แล้วแถลงต่อว่าแคทเป็นแค่เด็กฝึกของที่นี่ ที่นายจะต้องดูแล ก็เท่านั้น”
“ทำไมไม่แถลงไปตามความจริง จะสร้างเรื่องโกหกเด็กฝึกอะไรนี่ให้มันวุ่นวายอีกทำไม” จงฮยอนถาม
ซองโฮเลื่อนเก้าอี้เข้ามาใกล้พวกเขาทั้งสอง “ก็ทั้งหมดนั่นแหละ คือความจริง...” ชายวัยกลางคนดันกระดาษสีขาวพร้อมปากกาบนโต๊ะ มาอยู่ตรงหน้าแคท เธอก้มอ่านมันอย่างงงๆ
‘สัญญาการเป็นเด็กฝึกหัดและว่าที่ศิลปินของค่าย FNC’
“ขอต้อนรับโอนิรอยแคท เดคาโมโน ที่กำลังจะกลายเป็น.. โอนิรอยแคท แห่งFNC”
ซองโฮยิ้มกว้างกว่าทุกครั้ง ต่างหากแคทที่กำลังอึ้ง และจงฮยอนที่ช็อคไม่แพ้กัน ทว่าไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็อ่านเกมออก
“ผมรู้ว่าคุณทำแบบนี้เพื่ออะไร คุณจะไม่ให้โอกาสแฟนผมได้ตัดสินใจหน่อยเหรอ!”
“ตัดสินใจมาสิ! ถ้าไม่เซ็น...ก็เชิญลีจงฮยอนหายหน้าออกไปจากวงการบันเทิงได้เลย!”
ซองโฮลุกขึ้นยืน จงฮยอนเองก็ลุกขึ้นประจันหน้ากับเขา “ผมทำงานกับคุณมานาน ไม่นึกว่าจะใช่วิธีนี้”
“ฉันใช้กับจูเนียลมาแล้ว...น้องไม่ได้บอกนายหรอกเหรอ”
ซองโฮยิ้มเย็นอีกครั้ง จงฮยอนชะงักไปครู่หนึ่ง
“จูเนียล...กับยงฮวา พวกเขาเคยเกิดเรื่องแบบนี้งั้นเหรอ” จงฮยอนพึมพำกับตัวเอง แต่ซองโฮก็ให้คำตอบ “ใช่...”
แคทมองทั้งสองสลับกันอย่างงงๆ แม้จะตั้งใจฟังก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“..จูเนียลกับยงฮวา ก็มีความสัมพันธ์เหมือนนายกับแคท พวกเขากำลังเป็นเด็กที่หลงใหลกันและกันมากจนกระทั่งจูเนียลยอมทำทุกอย่างเพื่อยงฮวา แล้วนายเห็นหรือเปล่า...สุดท้าย ฐานะของศิลปินกับเด็กฝึก ก็ทำให้พวกเขาไปต่อด้วยกันไม่รอด แล้วจะให้ฉันแถลงข่าวยืนยันความสัมพันธ์รักอันลึกซึ้งของเธอสองคนงั้นเหรอ ไม่กลัวว่าเวลาต่อมาพอเลิกกันแล้วจะหน้าแตกต่อหน้าแฟนคลับทั่วโลกหรือยังไง!”
จงฮยอนเงียบ... ขณะที่แคทลุกขึ้นยืนบ้าง ไม่รู้อะไรดลใจให้เธอจับไหล่เขาไว้แล้วบีบมันเบาๆ
“คุณดูถูกความรักของพวกเรา..” จงฮยอนพูดกับซองโฮเสียงเบาทว่าหนักแน่น
“คุณรู้แบบนั้นแล้ว แล้วคุณยังจะให้แคทมาเป็นเด็กฝึก เพื่อเป็นศิลปินของคุณ ซ้ำรอยจูเนียลอย่างนั้นน่ะเหรอ”
“ค่ายของฉันเป็นค่ายผลิตศิลปิน ! ไม่ใช่มูลนิธิคุณธรรมค้ำจุนโลกที่ต้องมาสนับสนุนความรักความเมตตาของใคร !”
....
“รู้อะไรมั้ย ความรักน่ะ หาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่โอกาส...เมื่อมันวิ่งเข้ามาหาเรา ก็ต้องคว้าเอาไว้”
เขาบอกกับจงฮยอนแล้วยิ้มนิดๆ พลางหันไปมองหน้าแคท “สาวน้อย...เซ็นสัญญาซะ ฉันขอให้เธอเป็นเด็กฝึกที่นี่อย่างมีความสุข และถ้าเธอขยันก็จะสามารถเดบิวท์ได้ในเวลาไม่นาน”
ว่าพลางนั่งลงบนเก้าอี้เช่นเดิม “แล้วถ้าเธอคิดว่าจะประคับประคองความสัมพันธ์แบบนี้ต่อไปได้จนตาย ก็ลองกันดู”
จงฮยอนคว้าใบสัญญานั่นมาอย่างเหลืออด เขากำลังจะฉีกมันต่อหน้าท่านประธาน แต่แล้วแคทกลับห้ามไว้ “เดี๋ยวก่อน พี่จงฮยอน!”
เขาหันมามองหน้าเธอ แต่แคทก็หลบสายตาและหันไปพูดกับซองโฮอย่างกล้าๆกลัวๆ “ฉันขอเวลาคิดดูก่อน...ได้หรือเปล่าคะ”
“อยากให้ตัวเองเสื่อมเสียเป็นที่นินทานานกว่านี้หรือเปล่าล่ะ”
แคทก้มหน้าลงอย่างผิดหวัง ในใจร้อนรนและสับสนไปหมดเพราะไม่รู้ว่าจะตัดสินใจยังไง
“เธอยังจะต้องคิดอีกเหรอเด็กน้อย นี่มันโอกาสทองชัดๆนะ เธอเป็นเด็กที่มีของอยู่ในตัว เป็นหมือนเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไน ใครๆก็อยากดัง... เธอยังจะปฏิเสธอีกเหรอ” ซองโฮหว่านล้อมเต็มที่
“เธอจะเปลี่ยนนามสกุลมาเป็นFNC หรือว่า อยู่กับเดคาโมโน ที่ไม่มีใครรู้จักตลอดไป ?”
“คุณว่าอะไรนะคะ”
แคทเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา เธอคิดว่า...เขาพูดจาเริ่มไม่เข้าหูซะแล้ว
“ฉันพูดอะไรผิดเหรอ ?”
“คุณกำลังดูถูกวงของฉัน”
“มันเป็นเรื่องจริงที่ทุกคนก็รู้ วงของเธอมันก็แค่วงธรรมดาที่เด็กมัธยมคนไหนก็มีได้ จริงมั้ย จงฮยอน..” ซองโฮหันไปหาจงฮยอน แคทเองก็หันไปมองจงฮยอนเผื่อว่าเขาจะเถียงอะไรเพื่อเธอได้บ้าง แต่จงฮยอนกลับนิ่ง...ไม่ตอบอะไรเลยสักคำ
เสมือนกับเป็นการยอมรับคำดูถูกนั้น แคทรู้สึกโกรธยิ่งกว่าเดิม
ทำไมตอนนี้เหมือนไม่มีใครอยู่ข้างเราเลย เดคา...พวกมรึงอยู่ไหนกันนะ พวกมรึงจะรู้บ้างหรือเปล่าว่ากรูกำลังเจอกับอะไร...
“พวกคุณ....”
แคทก้มลงอ่านใบเซ็นสัญญาทั้งหน้าอย่างรวดเร็ว “…ฉันขอเปลี่ยนแปลงสัญญา แล้วฉันจะเซ็นมัน”
ว่าพลางเติมข้อสุดท้ายลงไปอย่างรวดเร็ว จงฮยอนวางสีหน้านิ่งและหันมามองแคทว่าเธอกำลังจะทำอะไรต่อไป ข้อความที่แคทเขียนเป็นเงื่อนไขสุดท้ายก็คือ...
‘เมื่อได้เดบิวท์เป็นศิลปิน ฉันจะใช้ชื่อเดิมที่ฉันต้องการ นั่นก็คือ เดคาโมโน’
แคทยื่นมันใส่หน้าซองโฮอย่างไม่เกรงกลัวอีกต่อไปแล้ว เธอกำลังโกรธมากที่ทุกคนมาตัดสินมาประเมินว่าวงของเธอและเพื่อนๆเป็นแบบนี้ พวกเขาไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้ด้วยซ้ำ ! แคทคิดว่าเธอจะต้องปกป้องเดคาโมโนให้ถึงที่สุด
ซองโฮอ่านมันและถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เขายอมๆเซ็นยอมรับข้อสุดท้ายที่เพิ่งถูกเติมขึ้น แล้วยื่นมันกลับให้แคท
แคทไม่ได้ดีใจทว่ากลับรู้สึกมีพลังฮึดขึ้นมา เธอตัดสินใจเซ็นสัญญานั้นอย่างรวดเร็วและกระแทกปากกาลงกับโต๊ะ
“คุณประธานค่าย.. ขอบคุณนะที่ชื่นชมและให้โอกาสฉัน แต่กรุณาให้เกียรติวงของฉันด้วย!”
หญิงสาวพูดกับเขาอย่างฉะฉาน พลางหันมามองจงฮยอนที่ยังคงนิ่งเงียบ
เขานิ่งจนเธอรู้สึกผิดหวัง ไม่รู้เลยว่าจงฮยอนกำลังคิดอะไรอยู่ รู้แค่ว่า...เธอรู้สึกเหมือนเธอต่อสู้อยู่คนเดียว
เนี่ยเหรอ...ที่บอกว่าจะช่วยกัน...
“พี่...เป็นแบบนี้เองเหรอ”
เสียงของแคทสั่นเหมือนจะร้องไห้ เธอเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว แคทปิดประตูดังปัง!จนทั้งจงฮยอนและซองโฮก็ต่างสะดุ้ง
“น้องแคท” จงฮยอนทำท่าจะเดินตามออกไป ที่เขานิ่ง...ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะช่วยเหลือเธอ เพียงแต่จงฮยอนกำลังประเมินว่าผู้หญิงคนนี้จะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร เผื่อว่าเขาจะรู้จักเธอมากขึ้น และตอนนี้...เขาก็ได้รู้แล้ว ว่าแคทเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นสูงมาก
และความจริงแล้ว เธอเข้มแข็งมากๆ อาจจะมากกว่าเขาด้วยซ้ำ เขามันขี้ขลาดที่ได้แต่เดินตามเกมของคนอื่น
เขาเริ่มรู้สึกว่า เขาชอบนิสัยที่กล้าหาญของเธอ และเขาจะไม่ปล่อยให้เธอต้องตกเป็นเหยื่อของประธานค่ายหน้าเงิน หรือใครหน้าไหนก็ตาม
จงฮยอนไม่ลืมที่จะหันมาหยิบใบสัญญาบ้าบอนั่นและฉีกมันทิ้งอย่างรวดเร็ว
“ลีจงฮยอน ! นายทำอะไร !”
“เลิกทำแบบนี้ซะที ! ผมไม่ต้องการให้แคทเซ็นสัญญากับคุณ !!”
เขาหันมาตะคอกเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินออกไปจากห้องทันที ทิ้งให้ท่านประธานยืนสบถด้วยความโกรธ
“โธ่เว้ย ! มันจะแข็งข้อมากเกินไปแล้วนะ...”
ทางด้านนอก แคทวิ่งออกมาไกลแล้ว ดวงตาเริ่มจะมีน้ำตาคลอและในใจก็เจ็บปวดแบบแปลกๆ เธอกำลังจะวิ่งเข้าห้องน้ำหญิง ทว่า...
ใครบางคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำชายก็ทำให้แคทหยุดชะงัก
“คุณ...”
แคทเงยหน้ามองชายหนุ่มที่มีดวงตาแดงก่ำ เส้นผมและใบหน้าเปียกปอน สภาพเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนักมา
“…จองยงฮวา เจ้าของผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น….ใช่หรือเปล่า”
โจวฮันนาลืมตาตื่นขึ้นมาภายในห้องสีขาว เธอมองไปรอบๆอยู่พักหนึ่งเพื่อตั้งสติให้แน่ใจว่าที่ผ่านมาไม่ใช่ความฝัน
สามีของฉัน...ตายแล้วจริงๆเหรอ
“คุณผู้หญิงครับ”
ลูกน้องจำนวนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาหน้าตื่น ดูเหมือนจะมีเรื่องเซอร์ไพรส์มาอีกแล้วสินะ
“พวกเราเจอตัวคุณชายโจวคยูฮยอนแล้วนะครับ”
หากเป็นเวลาปกติเธอคงดีใจ แต่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายแบบนี้...ฮันนายิ้มไม่ออก
“ลูกชายของฉัน...รู้ตัวหรือเปล่า ว่าพวกเธอตามเจอ”
“ไม่ครับ ผมคิดว่าเขาไม่รู้”
“ดีละ...”
เสียงของฮันนาแหบแห้ง แต่เธอก็มีเรื่องสำคัญที่จะต้องสั่งการ “…ไม่ต้องจับตัวเขามานะ”
ลูกน้องต่างมองหน้ากันอย่างงงๆ คิดว่าคุณผู้หญิงคงกำลังช็อคเรื่องคุณผู้ชายเสียชีวิต ก็เลยพูดจาแปลกๆ ตามหาตัวมาตั้งนาน...พอเจอแล้วกลับไม่ให้เอาตัวมา แปลกจริง !
“แต่ว่า ช่วยไปบอกเขาให้หน่อย ว่าพ่อเขาเสียแล้ว”
ฮันนารู้ว่าทุกคนงง เธอจึงไขข้อข้องใจทันที “ฉันแค่อยากรู้ว่า...ถ้ารู้ว่าพ่อตัวเองตาย เขาจะกลับมาหรือเปล่า จะมาไหว้ศพของพ่อบังกิดเกล้าที่เกลียดกันมาตลอดชีวิตหรือเปล่า”
เธอพูดมันด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ลูกน้องทุกคนต่างพยักหน้ารับคำสั่ง แล้วออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ฮันนานอนหลับตาลงช้าๆ.... ทำใจยอมรับชะตากรรมชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป
คยูฮยอนตื่นเต้นดีใจที่ได้เริ่มงานเลยแต่ก็พยายามเก็บอาการ เขาใส่ชุดสีดำเหมือนๆกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ แต่กลับดูหล่อน่ารักโดดเด่นกว่าใคร คงเพราะใบหน้าเรียวและดวงตาที่คมราวกับหมาป่า แต่แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มสดใสราวกับดอกไม้
ผู้ชายอย่างคยูฮยอนคงจะเป็นความลงตัวที่สาวๆหลายคนหมายปอง....แต่สาวๆพวกนั้นจะต้องไม่ได้เห็นสภาพตอนเขาเล่นเกมนะ
ผู้หญิงคนไม่ชอบผู้ชายเล่นเกมหรอก... คยูฮยอนแอบคิดในใจ เพราะอย่างนี้ความคิดที่จะโปรยเสน่ห์จึงต้องถูกพับเก็บ
เชาเดินตรวจไปตามทางเดิน และเริ่มสอดส่องหาเป้าหมายที่ต้องการ
ยัยหน้าหมี...เธอเรียนอยู่ห้องไหนกันนะ
และแล้วสายตาอันแหลมคมก็หยุดลงตรงที่ผู้หญิงผมยาวๆ กำลังเล่น Hay Day อยู่อย่างเมามันส์ คยูฮยอนเดินเข้าไปใกล้และสังเกตผ่านกระจกเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นพลอยเพชร
และแล้วเขาก็ยิ้มออก....
“น้องครับ..” คยูฮยอนเปิดประตูเข้าไปเรียก แต่พลอยเพชรก็ยังไม่สนใจ จนแทนอึนเจ้าของไอโฟนที่นั่งอยู่ข้างๆต้องสะกิดเรียก
“..อย่าเล่นโทรศัพท์ครับ เก็บเลย”
“..ไอ้...ไอ้หน้าหมา!!”
คยูฮยอนยิ้มมุมปากอย่างเป็นต่อ ชณะที่พลอยเพชรด่าออกไปแล้วก็ยังอ้าปากค้างอย่างช็อคๆ
… ดูเหมือนว่าวันนี้เด็กๆจะไม่ได้เรียนอรรณพกันอย่างสงบสุขกันทั้งขั่วโมง เพราะเดคาโมโนเพียงกลุ่มเดียว-..-
ความคิดเห็น