ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [DECAMONO] เธอและฉันพบกันสวัสดี

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 8 : The appearance

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 56


    Chapter 8

                   ธันเดอร์ก้าวเข้ามาใกล้มาร์กี้ แต่หญิงสาวกลับก้าวขาไม่ออก

                   เธอกล้าเอาฉันไปเปรียบเทียบกับผู้ชายคนอื่น...

                   น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่งทว่าน่ากลัวราวกับภูเขาน้ำแข็ง

                   มาร์กี้หลับตาปี๋...รอรับบทลงโทษที่เธอไม่สามารถหนีไปไหนได้เลย 

                   ทว่าผิดคาดเมื่อธันเดอร์โยนสมุดเล่มนั้นลงบนเตียง  “…แล้วเราจะได้เห็นดีกัน เขาบอกพลางเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

                   มาร์กี้ลืมตาช้าๆ  พลางมองตามไปด้วยความไม่สบายใจ  ไม่รู้ว่าในใจธันเดอร์คิดอะไรอยู่ แต่ระดับเขาคงไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆแน่ๆเลย

                   โอยยยยยกูพลาดดดดดT^T”

                   เธอทิ้งตัวลงบนเตียง  แล้วหยิบสมุดตัวเองมาฉีกหน้านั้นทิ้งซะ

                   เธอเอาปากกามาเขียนหน้าใหม่ ซึ่งคราวนี้เขียนซะตัวใหญ่เต็มหน้า ราวกับจะเตือนตัวเอง

                   ผู้ชาย...ไม่ชอบการเปรียบเทียบ!’

                   ทางด้านนอก  ทุกคนต่างมองร่างสูงที่เพิ่งก้าวฉับๆออกมาจากห้องนอนด้วยความโกรธ  ธันเดอร์หันไปบอกคยูฮยอน “…มานี่หน่อยสิ

                   คยูฮยอนหันไปมองหน้าพลอยเพชรเป็นเชิงบอกว่า เดี๋ยวมานะ แต่พลอยเพชรก็ทำเหมือนไม่แคร์

                   แทนมึงจะอาบน้ำก่อนหรือให้กูอาบก่อน  เธอหันไปถามแทนอึน  ทำให้คยูฮยอนเกิดอาการน้อยใจเล็กๆที่พลอยเพชรไม่สนใจตนอีกแล้ว : ( แต่ก็จำใจเดินตามธันเดอร์ออกไป

                   มึงอาบก่อนก็ได้

                   “เดี๋ยวไปเรียนกันใช่มั้ยเนี่ย เยอึนถามขึ้น

                   อื้ม...ว่าแต่ ตกลงวิทยานิพน์อะไรอะ

                   “อ๋อ ก็คือว่า กายุนน่ะต้องเก็บหน่วยกิตสังคมศาสตร์ เลยเลือกเรื่องที่จะทำวิทยานิพนธ์ที่ค่อยข้างเกี่ยวกับจิตวิทยาและระบบการศึกษาไทย…”

                   แทนอึนพยักหน้าเหมือนจะรู้เรื่อง   พยายามตั้งใจฟังแล้วนะ...แต่พอมองหน้าเยอึนทีไร สติมันก็หลุดลอยทุกทีเลย

                   เราเห็นเธอเรียนพิเศษน่ะ เราเลยคิดว่าน่าจะเอาอันนี้มาเป็นประเด็นเชื่อมโยงได้ คงต้องมีการตามถ่ายรูปแล้วก็ศึกษาเกี่ยวกับชีวิตเด็กเรียนพิเศษนิดหน่อย แล้วค่อยเอามาเชื่อมโยงกับระบบการศึกษา

                   “อ๋อ คือ เธอจะต้องมาถ่ายรูปเรา ?”

                   “ใช้ แล้วเธอก็ต้องให้ข้อมูลที่เปิดเผยได้กับเราด้วย

                   เช่นอะไรอะ

                   “ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับวิทยานิพนธ์อะ เช่น เนื้อหาในการเรียนพิเศษดีกว่าการเรียนในห้องเรียนยังไง

                   “อ๋อ....

                   นึกอยากจะบอกเยอึนไปว่าแทนอึนไม่ถนัดในการสื่อสารเลยจริงๆ-3-  แต่ก็อยากจะช่วยเหลือให้เต็มที่

                   ทำทุกอย่างเหมือนเป็นงานของตัวเองเลย..”  แทนอึนนึกตำหนิกายุนอยู่ในใจ ทำไมโยนงานให้พี่สาวถึงขนาดนี้นะ

                   เยอึนได้แต่หัวเราะแห้งๆ เราทำให้น้องตลอดแหละ

                   “ทำไมกายุนไม่ทำเอง ?

                   เขาทำไม่เป็นหรอก

                   “ไม่ได้ละ... แทนอึนมองไปข้างหน้าด้วยแววตาที่มุ่งมั่น “…ต้องให้เขาทำงานเองบ้าง ไม่งั้นจะเอาตัวรอดไม่ได้นะ

                   เยอึนมองแทนอึนแล้วแอบนึกน้อยใจ ...ก็นึกว่าเป็นห่วงเรา ไม่อยากให้เราทำงาน

                ที่แท้ ก็เป็นห่วงกายุนนี่เอง

                   น้องเราเอาตัวรอดเก่งอยู่แล้ว555555 เราทำเพื่อกายุนได้ทุกอย่างแหละ

                   เยอึนไม่ได้โกหก แค่พูดให้ดูดีนิดหน่อยเท่านั้นเอง 

                   ตอนนี้ในสายตาของแทนอึน เยอึนคงกลายเป็นพี่สาวที่แสนดี ส่วนกายุนเป็นน้องสาวที่ไม่เอาไหน...

                   กายุนไม่รู้ตัวเลยขณะที่เธอกำลังสับสนกับความรู้สึกตัวเอง เธอกำลังโดนพี่สาวทำร้ายอย่างช้าๆ...




                   เมื่อวานโทรมามีอะไร   ยงฮวาคุยโทรศัพท์กับเกรฟในขณะที่กำลังเดินไปขึ้นรถเพื่อไปที่บริษัท

                   ฉันต้องมีอะไรด้วยเหรอ

                   “มีอะไรก็พูดมา ฉันไม่ค่อยว่าง  เขาทำเสียงแข็งและพยายามทำใจแข็งด้วย

                   พอได้ยินเสียงอีกครั้ง...ความทรงจำเก่าๆก็กลับคืนมา

                   ช่วงนี้ฉันเหงาๆเลยจะโทรไปคุยเล่นเฉยๆ ไม่ได้เหรอ

                   “…”

                   เขาเงียบและจัดวางกีตาร์ให้เรียบร้อยอยู่บนรถตู้ของศิลปิน  ยงฮวาปั้นหน้ายิ้มหันไปโบกมือให้กับแฟนคลับขณะที่จองชินและมินฮยอกเอาแต่นั่งเล่นตบแปะกันอยู่ด้านหลัง

                   เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่มั้ยเกรฟถามอย่างมีความหวัง

                   เธอเลือกโทรหาฉันเพราะเห็นว่าจงฮยอนมีคนใหม่แล้วล่ะสิ  ยงฮวาบอกอย่างรู้ทัน ในใจของเขาทั้งเจ็บทั้งแค้น

                   ผู้หญิงในข่าวนั่นน่ะเหรอ ฉันไม่สนใจหรอก ฉันสนใจแค่นาย

                   เหอะๆ

                   “ว่าไงล่ะ

                   “ฉันกำลังมีเป้าหมายใหม่ที่ดีกว่า อย่ามายุ่งกับฉันอีก”       

                   เขาหันไปฉีกยิ้มให้แฟนคลับทั้งสองข้างทางเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะปิดม่าน และปิดโทรศัพท์  ยงฮวาก้มหน้าลงอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง

                   น้องๆทั้งสองคนด้านหลังก็ต่างมองมาด้วยความห่วงใย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้  พวกเขาจึงหันไปเปิดม่านฝั่งของตัวเองและโบกมือให้แฟนคลับได้กรี๊ดกันอีกรอบ 

                   บ๊อยซ์บางคนก็คงสงสัยว่าทำไมวันนี้ไม่มีจงฮยอน บางคนก็คงไม่ทันสังเกต บางคนคิดว่าหนุ่มๆยิ้มแย้มแจ่มใสร่าเริงดีเหมือนจะไม่มีอะไร

                   พวกเขาตะโกนชื่อของหนุ่มๆกันอย่างมีความสุขโดยไม่อาจรู้ได้เลยว่าหลังผ้าม่านนั้น หัวใจของยงฮวากำลังเป็นทุกข์แค่ไหน

                   ทางด้านคนที่ถูกวางสายใส่ก็ทั้งอารมณ์เสียทั้งรู้สึกหมดหวังในชีวิต  อยู่กับฮยอกแจเธอไม่มีความสุขอีกต่อไปแล้ว  ส่วนเยซองนั้นตัดไปได้เลย รายนั้นหนีไปเป็นทหารแล้ว  เธอก็แค่อยากกลับไปหายงฮวา ที่อย่างน้อยเขาก็รักเธอมากกว่าใคร แต่กลับถูกปฏิเสธอย่างไม่เหลือเยื่อใย

                   แต่เกรฟก็เชื่อว่ายงฮวาจะต้องคิดถึงเธออยู่บ้างล่ะน่า

                   ทำอะไรอะ

                   เกรฟโยนโทรศัพท์มือถือของตนซ่อนไว้ใต้หมอนบนโซฟาทันทีที่ฮยอกแจเดินออกมาจากห้องน้ำ

                   เปล่านี่เธอรีบปฏิเสธ

                   “คุยกับใคร

                   เขาเช็ดผมอีกสองสามทีแล้วโยนผ้าเช็ดผมไปอีกทาง

                   ใคร ? ไม่ได้คุย

                   หญิงสาวพยายามจะไม่มีพิรุธ  แต่ฮยอกแจในผ้าเช็ดตัวผืนเดียวก็ยังโน้มตัวเข้ามาหา เอาโทรศัพท์มา

                   “ก็บอกว่าไม่ได้คุย

                   “อย่ามาตอแหล ไม่ชอบ

                   “…”

                   มันไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่แฟนหนุ่มหยาบคายกับเกรฟแบบนี้ แต่เธอก็ยังไม่ชิน และไม่ชอบด้วย

                   อย่ามาหยาบคาย เธอบอกเสียงแข็ง

                   หึ...

                   เขาใช้มือเพียงข้างเดียวผลักเธอออกไปด้านข้าง  แล้วคว้าโทรศัพท์ของเกรฟออกมา  เกรฟพยายามจะแย่งแต่สุดท้ายก็ถูกผลักล้มลงไปนอนอยู่บนโซฟา

                   จอง ยงฮวา... เขาอ่านออกเสียงเบอร์ที่โทรเข้าล่าสุดอย่างจงใจให้เธอได้ยิน

                   เมื่อกี๊นี่เองนี่

                   ฮยอกแจไม่ได้แปลกใจทว่ากลับยิ้มมุมปาก  เขาจำได้ว่าคนชื่อนี้ก็คือแฟนเก่าของเกรฟนี่เอง

                   หญิงสาวเงยหน้ามองเขาอย่างลุ้นตัวโก่งว่าฮยอกแจจะจัดการอย่างไร ตอนนี้นึกอะไรได้ก็โกหกไปก่อน เขาแค่โทรมาทักทายเฉยๆ เธอพูดเร็วจนลิ้นแทบจะพันกัน

                   ฮยอกแจไม่สนใจคำแก้ตัวโง่ๆแล้วกดโทรออก เขาโยนมันลงบนหมอนพลางคร่อมร่างบางเอาไว้

                   แล้วมันรู้หรือเปล่าว่าเธอมีผัวใหม่แล้ว

                   จะทำอะไรอะ  เกรฟเกร็งตัวอย่างกลัวๆและพยายามจะหลบหนี แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีหนทาง

                   น้ำกลิ่นหอมหยดจากเส้นผมของฮยอกแจลงบนร่างของเธอทีละเล็กน้อย  ฮยอกแจก้มลงซุกไซ้ซอกคอขณะที่ร่างบางพยายามจะขัดขืน  ...ก็มันยังไม่มีอารมณ์ตอนนี้นี่นา

                   ฮยอกแจ... ออกไปนะ!”

                   “ว่าไง...เธอบอกมันหรือเปล่าว่าตอนนี้เธออยู่กับลีฮยอกแจ

                   ดูเหมือนว่ายงฮวาจะรับสายแล้วด้วย ฮยอกแจจึงพยายามจะ ทำอะไรๆให้ปลายสายได้ยิน

                   ฮยอกแจ...อ๊ะ

                   เขาดูดแรงๆที่กลีบปากล่างของเธอเป็นการปิดปาก พลางเคลื่อนใบหน้าไปจูบหนักๆแทบจะทุกส่วนบนร่างกายของเกรฟ  ฮยอกแจ...ฮยอก..”  เสียงของเธอค่อยๆหายไปทีละน้อยเพราะอารมณ์ที่ถูกปลุกปั่นขึ้นอย่างรวดเร็ว

                   ไปบอกมันนะ…” เสียงของฮยอกแจเองก็แหบพร่าเช่นกัน “..ว่าผัวหวงมาก ไม่ต้องมายุ่ง

                   “อื้อ... 

                   ดูเหมือนนั่นจะไม่ใช่คำตอบรับแต่เป็นเสียงครางที่ห้ามเอาไว้ไม่อยู่  ฮยอกแจไม่สนใจว่าปลายสายจะมองเกรฟยังไง แต่เขาต้องการความสะใจที่จะประกาศว่าใครเป็นของใครก็พอ

     

                   นะเอยรอจนคิบอมกินข้าวเสร็จ  ก็กลับมาคุ้ยหายาในกล่องของตัวเอง  แล้วเอากลับไปให้คิบอม  วิ่งเข้าวิ่งออกอยู่สองห้องตรงข้ามกันนี้อยู่หลายรอบ  จนไปเรียนสายกว่าชาวบ้านเค้า

                   เราไปเรียนละนะ~   เธอเปิดประตูเข้ามาบอกคิบอมเป็นรอบสุดท้าย  ขณะที่ชายหนุ่มกำลังนอนดูทีวีภายใต้ผ้าห่มผืนหน้า และแผ่นเจลที่นะเอยขโมยพลอยเพชรมาแปะไว้บนหน้าผากหล่อๆ

                   อืม  คิบอมหันมามองเพียงเล็กน้อย  เขาพยักหน้าส่งๆเหมือนจะไม่สนใจ  ทำให้นะเอยยืนอยู่อย่างนั้นเหมือนอยากจะพูดอะไรต่อ และก็รอว่าเขาจะพูดอะไรต่อ

                   ในที่สุดคิบอมก็เป็นฝ่ายพูดขึ้น อย่ากลับค่ำล่ะ

                   “ทำไมอะ ? วันนี้เลิกเรียนดึกอะ นายจะไปทำงานหรือเปล่า ?

                   “ไป เดี๋ยวก็หายแล้ว

                   “อืม....อย่าป่วยกลับมาอีกล่ะ

                   “อืม....

                   พอนะเอยออกไป ทั้งห้องก็เหมือนมีแต่ความเงียบงัน  แม้จะเปิดทีวีไว้แต่คิบอมก็ไม่ได้สนใจดูเลย

                   เขาแค่กำลังคิดว่า เวลาไม่ตรงกันแบบนี้ เขาก็ไม่สามารถชวนเธอออกไปไหนได้เลยสินะ

                   แต่ว่า...มันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปนี่ คิบอมคิดว่าเขาไม่ควรเข้าใกล้เธอไปมากกว่านี้แล้ว

                นะเอยคงเป็นคนที่กำลังมีอนาคต เราไม่ควรจะเข้าไปทำลายอนาคตของเธอ... ปล่อยเธอเรียนหนังสือไปเถอะ

                   คิดได้ดังนั้นแล้วก็หลับตาลง  คยูฮยอนกับธันเดอร์ออกไปไหนด้วยกันไม่รู้ จงฮยอนก็ออกไปที่บริษัท  ส่วนคนป้อนข้าวป้อนน้ำของเขาก็ไปเรียนซะแล้ว คิบอมไม่เคยรู้สึกเหงาเท่านี้มาก่อนเลย....

     

                   ตั้งแต่ออกมาที่นี่  คยูฮยอนก็เกิดความรู้สึกแปลกๆเหมือนถูกเดินตาม  แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ เผื่อว่าเป็นคนของแม่เขา จะได้รู้ว่าเขาไม่แคร์หรอกว่าแม่จะส่งใครมาตาม

                   เขาจะอยู่ของเขาแบบนี้

                   นี่มึงชวนกูออกมาเพื่อสมัครงานเนี่ยนะ??”  เขาหันไปถามธันเดอร์ที่ชะเง้อมองอะไรบางอย่าง

                   ใช่ไง จะได้ไม่ต้องยืมเงินคนอื่น

                   คยูฮยอนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าธันเดอร์จอมขี้เกียจจะลุกขึ้นมาจัดการชีวิตของเขาแบบนี้ มึงมีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า ?”

                   คยูฮยอนมองธันเดอร์อย่างจับผิด ซึ่งร่างสูงก็ชะงักทันที อะไร ? ไม่มี

                   “มาที่เรียนพิเศษแบบนี้ มึงมาตามหาใคร?”

                   ธันเดอร์ไม่ตอบ แต่กลับทิ้งคยูฮยอนให้ยืนสมัครงานอยู่หน้าเคาน์เตอร์แล้วตัวเองก็บุกเข้าไปข้างใน  ทว่ามีเจ้าหน้าที่มาขวาง

                   ผู้ปกครองกรุณารอด้านนอกนะคะ

                   ธันเดอร์หันไปมองอย่างเย็นชา  ทำเอาเจ้าหน้าที่หญิงสตั๊นท์ไปนิดหนึ่งเพราะความหล่อ-//-

                   ผมไม่ใช่ผู้ปกครอง ผมมาหาเพื่อน

                   “เรียนที่นี่หรือเปล่าคะ? ><”

                   “กำลังจะลงเรียน นั่นไง  เขาชี้ให้ดูคยูฮยอนที่กำลังเหมือนลงทะเบียนอะไรอยู่ซักอย่าง  แล้วอาศัยจังหวะนั้นบุกเข้าไป  เขาเดินหาตามห้องต่างๆทุกซอยแต่ก็ไม่เจอ ธันเดอร์เริ่มจะอารมณ์เสีย

                   แต่แล้ว...

                   ผู้ชายหัวเทาๆหน้าไม่คุ้น  กำลังยื่นยางลบให้กับผู้หญิงตัวอวบๆขาวๆผมยาวสีน้ำตาลแดง ซึ่งธันเดอร์คุ้นหน้าเป็นอย่างดี

                   นั่นไง...ชัดเลย

                   ธันเดอร์เปิดประตูออกอย่างไม่เกรงใจใคร เด็กนักเรียนต่างหันมามองเขาเป็นตาเดียว

                   สูง...ขาว...เพอร์เฟ็ค ใครไม่มองก็บ้าแล้ว

                   มาร์กี้

                   ไม่บ่อยนักที่ธันเดอร์จะมาเรียกชื่อของเธออย่างนี้  หญิงสาวตกใจจนยางลบของเซฮุนตกพื้นแล้วกลิ้งๆๆไปอยู่แทบเท้าของธันเดอร์

                   ปกติมาร์กี้จะเห็นธันเดอร์ในชุดนอนที่มีแค่กางเกง-/- หรือไม่ก็ชุดบ้าๆที่ดูเหมือนสกปรกเพราะไม่ค่อยอาบน้ำ   แต่วันนี้...ชายหนุ่มใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางกับกางเกงขายาว อีกทั้งยังเซตผมดูเป็นทรง  มาร์กี้ไม่อยากจะนึกเลยว่าผู้ชายคนนี้คือคนเดียวกับไอ้บ้าหัวยุ่งๆที่วนเวียนอยู่แต่ในห้องนอนของเธอ

                   เซฮุนพิจารณาธันเดอร์ตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วพูดอย่างสุภาพ เก็บยางลบให้หน่อยครับ

                   เพื่อนของมาร์กี้รวมถึงเธอด้วยทุกคนกำลังงงเป็นไก่แจ้ตาแตก  ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าชายมัมมี่มาทำอะไรที่นี่  รู้แค่ว่าเขามาหาใคร

                   ธันเดอร์ละสายตาจากมาร์กี้แล้วหันมาจ้องตอบเซฮุน 

                   แต่ว่า....เขาว่ามันแปลกๆนะ-..-

                   ร่างสูงก้มเก็บยางลบแล้วยื่นให้กับเซฮุน ขอบคุณครับ~ ไอ้หนุ่มหน้าหล่อที่มาร์กี้บรรยายไว้ในสมุด ยิ้มหวานให้กับเขา  ธันเดอร์ว่า...มันแปลกมากเบยนะ-____-

                   ธันเดอร์หันมาถามมาร์กี้ เนี่ยเหรอ คนที่เธอ...

                   “อย่าพูดนะ!!!”

                   เธอต้องรีบหยุดเขาก่อนที่จะรู้สึกขายหน้าไปมากกว่านี้  เซฮุนมองทั้งสองสลับกันอย่างงงๆ  ดูเหมือนว่าสิ่งที่สองคนนี้กำลังส่งซิกซ์ให้แก่กันมันจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเขานะ

                   มีอะไรหรือเปล่าครับ  เซฮุนหันไปถามธันเดอร์

                   เนี่ยนะ...  ธันเดอร์ลดระดับเสียงลง  เขาเริ่มมองเซฮุนด้วยสายตาแปลกๆ  เซฮุนเองก็มองธันเดอร์แปลกๆเช่นเดียวกัน

                   นายอย่าไร้มารยาทสิ!”  มาร์กี้อดไม่ได้ที่จะด่าเขา

                   ก็ฉันอยากรู้นี่  เขาตอบราวกับเด็กเอาแต่ใจ

                   มันน่าตีจริงๆเลย!! มาร์กี้นึกในใจ  ตอนนี้เธออายคนในห้องมากๆ

                   ออกไปเลย

                   ธันเดอร์ยังยืนอยู่ที่เดิมแล้วพิจารณาเซฮุนอย่างเปิดเผย  จนชายผมเทาเริ่มจะหลบๆสายตา

                   ธันเดอร์ ! นี่มันไม่ใช่ห้องนอนของฉันที่นายจะมาหน้าด้านอยู่ได้ง่ายๆนะ!”

                   …. มาร์กี้พูดจนจบประโยคซะเสียงดังก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกไป

                   คุณพระ  ตอนนี้สีหน้าของเด็กแต่ละคนในห้องเหมือนหน้าเหยดของ9gag

                   ทำเอาธันเดอร์ก็ไม่รู้จะวางสีหน้ายังไงเหมือนกัน  เขาเกือบจะเผลอยิ้มแต่ก็เปลี่ยนรอยยิ้มนั้นให้เป็นกระตุกยิ้มมุมปากได้ทันท่วงที  หึ...เธอเป็นบ้าอะไรน่ะ จะเสียงดังทำไม

                   “นายนั่นแหละ จะเข้ามาสร้างเรื่องทำไมเล่าT^T!!”

                   “กี้...กูว่ามึงออกไปเคลียร์ข้างนอกเหอะ  แทนอึนหันมาบอกมาร์กี้อย่างเหลืออด

                   ไม่ต้องหรอก   ธันเดอร์หันมาบอกน้องตัวเอง  แต่สายตากลับอยู่ที่มาร์กี้ “…ค่อยเคลียร์ที่ห้องนอนก็แล้วกัน

                   ทิ้งระเบิดไว้ก็เดินออกไปเลย ไม่ปิดประตูซะด้วย  ทำเอาเดคาที่นั่งเรียนพิเศษอยู่ดีๆต้องเหงื่อตกไปตามๆกัน  อรรณพในจอทีวีก็สอนไปเรื่อยไม่ได้รู้เรื่องอะไรเล้ย

                   แต่คนจะปวดหัวที่สุดดูเหมือนจะเป็นมาร์กี้  ขณะที่เซฮุนยังมีหน้ามาให้กำลังใจ เธอโอเคนะ...มาร์กี้

                   ขณะเดียวกันทางด้านนอก  ธันเดอร์เดินออกมาหาคยูฮยอนและกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่แล้ว  วันนี้เขาดูเป็นผู้ชายอารมณ์ดีเหลือเกิน

                   ไอ้เราก็กังวลกับไอ้เซฮุนอะไรนี่ไว้ซะมากมาย...หึ ที่ไหนได้

                เป็นตุ๊ด !


    เมื่อมาถึงบริษัท FNC แคทรู้สึกเกร็งไปหมด  ทุกคนที่นี่ทำงานกันรวดเร็วมาก  พนักงานให้การต้อนรับเธอดีกว่าที่คิดไว้ พวกเขานำทางเธอและจงฮยอนไปยังห้องประชุมของผู้บริหารสูงสุด

                   พอแคทก้มลงมองมือของเธอและจงฮยอนที่จับกันไว้...ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมานิดๆ

                   พวกเขาหยุดลงตรงหน้าห้อง เพราะแคทขืนตัวไว้

                   เธอหันมามองใบหน้าของจงฮยอน...ภายใต้แว่นกันแดดสีดำสนิท

                   ไม่มีคำพูดใดๆระหว่างทั้งสอง แคทไม่แม้แต่จะมองเห็นแววตาของเขา  เพียงแค่รู้สึกถึงมือหนาที่บีบแน่นขึ้นและมุมปากของเขาที่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเป็นการให้กำลังใจ

                   เสี้ยววินาทีหนึ่งแคทรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน ทุกอย่างหยุดการเคลื่อนไหว

                   นี่เราฝันไปหรือเปล่า...เรากำลังจะสร้างเรื่องใหญ่กับศิลปินดังระดับประเทศนะ... แคทรียา รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่ ???

                   หลังประตูบานนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แคทรียา...อย่าก้าวเข้าไปนะ... อย่า !

                   “ไม่ต้องกลัว...

                   ในที่สุดจงฮยอนก็พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าแคทเอาแต่ยืนเหม่อจ้องหน้าเขา

                   “…พี่อยู่นี่ทั้งคน

                   แอ๊ด... ประตูเบื้องหน้าถูกเปิดออกโดยบุคคลที่รออยู่ในห้อง

                   เข้ามาสิ

                   ฮันซองโฮ ประธานค่ายวัยกลางคนยิ้มเย็น  ทำเอาแคทรู้สึกหนาวไปทั้งตัว

                   เขาเดินนำเข้าไปในห้อง แคททำท่าจะปล่อยมือจากจงฮยอน  แต่แล้วชายหนุ่มก็กึ่งลากกึ่งจูงเธอเข้าไปนั่งเผชิญหน้ากับท่านประธาน

                   ว่ากันสั้นๆเลยก็แล้วกันนะ

                   ซองโฮพูดนำอย่างไม่ถงไม่ถามซ้ากคำ

                   แคทแอบหันไปมองจงฮยอนที่นั่งนิ่งอย่างไม่เกรงกลัว  เธอสงสัยว่าศิลปินในวงการบันเทิง เบื้องหลังกล้องมีท่าทางที่หยิ่งยโสแบบนี้ทุกคนหรือเปล่านะ

                   ฉันสืบประวัติเธอมาหมดแล้ว โอนิรอยแคท...เดคาโมโน

                   เขาพูดชื่อของเธอทีละคำอย่างชัดเจน เธอเล่นกีตาร์เก่ง เป็นเด็กน่ารัก

                   แม้ท่านประธานจะดูใจดีกว่าที่คิดไว้ แต่แคทก็ยังรู้สึกโล่งไม่สุดอยู่ดี

                   เธอมาตกหลุมรักลีจงฮยอนจริงๆเหรอ ?

                   ดูเหมือนว่าฮันซองโฮจะอ่านเกมออก  ว่าจริงๆแล้วเรื่องของแคทกับจงฮยอนนั้นไม่มีอะไรเลย

                   แผนของคุณคืออะไร ว่ามาเลยเถอะ

                   จงฮยอนขัดขึ้น  เขาเบื่อกับคำพูดซับซ้อนที่ต้องให้เด็กอย่างแคทมานั่งตีความ เขานึกอยากจะตกลงเรื่องการแถลงข่าวให้มันเสร็จๆไปซะที

                   ฉันต้องการให้นายแถลงข่าวว่าพวกเธอไม่ได้เป็นอะไรกัน

                   “ห๊ะ!? ทำไมถึงทำแบบนั้น  จงฮยอนตกใจไม่น้อย  แคทหันไปมองเขา... ท่าทางของเขาช่างดูเท่เหลือเกิน เธอเผลอมองจงฮยอนจนลืมเครียดไป

                   แล้วแถลงต่อว่าแคทเป็นแค่เด็กฝึกของที่นี่ ที่นายจะต้องดูแล ก็เท่านั้น

                   “ทำไมไม่แถลงไปตามความจริง จะสร้างเรื่องโกหกเด็กฝึกอะไรนี่ให้มันวุ่นวายอีกทำไมจงฮยอนถาม

                   ซองโฮเลื่อนเก้าอี้เข้ามาใกล้พวกเขาทั้งสอง ก็ทั้งหมดนั่นแหละ คือความจริง... ชายวัยกลางคนดันกระดาษสีขาวพร้อมปากกาบนโต๊ะ มาอยู่ตรงหน้าแคท เธอก้มอ่านมันอย่างงงๆ

                สัญญาการเป็นเด็กฝึกหัดและว่าที่ศิลปินของค่าย FNC’

                   “ขอต้อนรับโอนิรอยแคท เดคาโมโน ที่กำลังจะกลายเป็น.. โอนิรอยแคท แห่งFNC”

                   ซองโฮยิ้มกว้างกว่าทุกครั้ง  ต่างหากแคทที่กำลังอึ้ง และจงฮยอนที่ช็อคไม่แพ้กัน  ทว่าไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็อ่านเกมออก

                   ผมรู้ว่าคุณทำแบบนี้เพื่ออะไร คุณจะไม่ให้โอกาสแฟนผมได้ตัดสินใจหน่อยเหรอ!”

                   “ตัดสินใจมาสิ! ถ้าไม่เซ็น...ก็เชิญลีจงฮยอนหายหน้าออกไปจากวงการบันเทิงได้เลย!”

                   ซองโฮลุกขึ้นยืน  จงฮยอนเองก็ลุกขึ้นประจันหน้ากับเขา ผมทำงานกับคุณมานาน ไม่นึกว่าจะใช่วิธีนี้

                   “ฉันใช้กับจูเนียลมาแล้ว...น้องไม่ได้บอกนายหรอกเหรอ

                   ซองโฮยิ้มเย็นอีกครั้ง  จงฮยอนชะงักไปครู่หนึ่ง

                   “จูเนียล...กับยงฮวา พวกเขาเคยเกิดเรื่องแบบนี้งั้นเหรอ จงฮยอนพึมพำกับตัวเอง แต่ซองโฮก็ให้คำตอบ ใช่...

                   แคทมองทั้งสองสลับกันอย่างงงๆ แม้จะตั้งใจฟังก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

                   ..จูเนียลกับยงฮวา ก็มีความสัมพันธ์เหมือนนายกับแคท  พวกเขากำลังเป็นเด็กที่หลงใหลกันและกันมากจนกระทั่งจูเนียลยอมทำทุกอย่างเพื่อยงฮวา  แล้วนายเห็นหรือเปล่า...สุดท้าย ฐานะของศิลปินกับเด็กฝึก  ก็ทำให้พวกเขาไปต่อด้วยกันไม่รอด  แล้วจะให้ฉันแถลงข่าวยืนยันความสัมพันธ์รักอันลึกซึ้งของเธอสองคนงั้นเหรอ ไม่กลัวว่าเวลาต่อมาพอเลิกกันแล้วจะหน้าแตกต่อหน้าแฟนคลับทั่วโลกหรือยังไง!”

                   จงฮยอนเงียบ... ขณะที่แคทลุกขึ้นยืนบ้าง  ไม่รู้อะไรดลใจให้เธอจับไหล่เขาไว้แล้วบีบมันเบาๆ

                   คุณดูถูกความรักของพวกเรา..  จงฮยอนพูดกับซองโฮเสียงเบาทว่าหนักแน่น

                   “คุณรู้แบบนั้นแล้ว แล้วคุณยังจะให้แคทมาเป็นเด็กฝึก เพื่อเป็นศิลปินของคุณ ซ้ำรอยจูเนียลอย่างนั้นน่ะเหรอ

                   ค่ายของฉันเป็นค่ายผลิตศิลปิน ! ไม่ใช่มูลนิธิคุณธรรมค้ำจุนโลกที่ต้องมาสนับสนุนความรักความเมตตาของใคร !”

                   ....

                   รู้อะไรมั้ย ความรักน่ะ หาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่โอกาส...เมื่อมันวิ่งเข้ามาหาเรา ก็ต้องคว้าเอาไว้

                   เขาบอกกับจงฮยอนแล้วยิ้มนิดๆ พลางหันไปมองหน้าแคท สาวน้อย...เซ็นสัญญาซะ ฉันขอให้เธอเป็นเด็กฝึกที่นี่อย่างมีความสุข และถ้าเธอขยันก็จะสามารถเดบิวท์ได้ในเวลาไม่นาน

                   ว่าพลางนั่งลงบนเก้าอี้เช่นเดิม แล้วถ้าเธอคิดว่าจะประคับประคองความสัมพันธ์แบบนี้ต่อไปได้จนตาย ก็ลองกันดู

                   จงฮยอนคว้าใบสัญญานั่นมาอย่างเหลืออด เขากำลังจะฉีกมันต่อหน้าท่านประธาน แต่แล้วแคทกลับห้ามไว้ เดี๋ยวก่อน พี่จงฮยอน!”

                   เขาหันมามองหน้าเธอ แต่แคทก็หลบสายตาและหันไปพูดกับซองโฮอย่างกล้าๆกลัวๆ  ฉันขอเวลาคิดดูก่อน...ได้หรือเปล่าคะ

                   “อยากให้ตัวเองเสื่อมเสียเป็นที่นินทานานกว่านี้หรือเปล่าล่ะ

                   แคทก้มหน้าลงอย่างผิดหวัง  ในใจร้อนรนและสับสนไปหมดเพราะไม่รู้ว่าจะตัดสินใจยังไง

                   เธอยังจะต้องคิดอีกเหรอเด็กน้อย  นี่มันโอกาสทองชัดๆนะ  เธอเป็นเด็กที่มีของอยู่ในตัว เป็นหมือนเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไน  ใครๆก็อยากดัง... เธอยังจะปฏิเสธอีกเหรอ ซองโฮหว่านล้อมเต็มที่

                   เธอจะเปลี่ยนนามสกุลมาเป็นFNC หรือว่า อยู่กับเดคาโมโน ที่ไม่มีใครรู้จักตลอดไป ?”

                   “คุณว่าอะไรนะคะ

                   แคทเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา  เธอคิดว่า...เขาพูดจาเริ่มไม่เข้าหูซะแล้ว

                   ฉันพูดอะไรผิดเหรอ ?

                   “คุณกำลังดูถูกวงของฉัน

                   “มันเป็นเรื่องจริงที่ทุกคนก็รู้ วงของเธอมันก็แค่วงธรรมดาที่เด็กมัธยมคนไหนก็มีได้ จริงมั้ย จงฮยอน..  ซองโฮหันไปหาจงฮยอน แคทเองก็หันไปมองจงฮยอนเผื่อว่าเขาจะเถียงอะไรเพื่อเธอได้บ้าง  แต่จงฮยอนกลับนิ่ง...ไม่ตอบอะไรเลยสักคำ

                   เสมือนกับเป็นการยอมรับคำดูถูกนั้น แคทรู้สึกโกรธยิ่งกว่าเดิม

                   ทำไมตอนนี้เหมือนไม่มีใครอยู่ข้างเราเลย เดคา...พวกมรึงอยู่ไหนกันนะ พวกมรึงจะรู้บ้างหรือเปล่าว่ากรูกำลังเจอกับอะไร...

                   พวกคุณ....

                   แคทก้มลงอ่านใบเซ็นสัญญาทั้งหน้าอย่างรวดเร็ว “…ฉันขอเปลี่ยนแปลงสัญญา แล้วฉันจะเซ็นมัน

                   ว่าพลางเติมข้อสุดท้ายลงไปอย่างรวดเร็ว  จงฮยอนวางสีหน้านิ่งและหันมามองแคทว่าเธอกำลังจะทำอะไรต่อไป  ข้อความที่แคทเขียนเป็นเงื่อนไขสุดท้ายก็คือ...

                   เมื่อได้เดบิวท์เป็นศิลปิน  ฉันจะใช้ชื่อเดิมที่ฉันต้องการ นั่นก็คือ เดคาโมโน

                   แคทยื่นมันใส่หน้าซองโฮอย่างไม่เกรงกลัวอีกต่อไปแล้ว  เธอกำลังโกรธมากที่ทุกคนมาตัดสินมาประเมินว่าวงของเธอและเพื่อนๆเป็นแบบนี้ พวกเขาไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้ด้วยซ้ำ ! แคทคิดว่าเธอจะต้องปกป้องเดคาโมโนให้ถึงที่สุด

                   ซองโฮอ่านมันและถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย  เขายอมๆเซ็นยอมรับข้อสุดท้ายที่เพิ่งถูกเติมขึ้น  แล้วยื่นมันกลับให้แคท

                   แคทไม่ได้ดีใจทว่ากลับรู้สึกมีพลังฮึดขึ้นมา  เธอตัดสินใจเซ็นสัญญานั้นอย่างรวดเร็วและกระแทกปากกาลงกับโต๊ะ

                   คุณประธานค่าย.. ขอบคุณนะที่ชื่นชมและให้โอกาสฉัน แต่กรุณาให้เกียรติวงของฉันด้วย!”

                   หญิงสาวพูดกับเขาอย่างฉะฉาน  พลางหันมามองจงฮยอนที่ยังคงนิ่งเงียบ

                   เขานิ่งจนเธอรู้สึกผิดหวัง ไม่รู้เลยว่าจงฮยอนกำลังคิดอะไรอยู่ รู้แค่ว่า...เธอรู้สึกเหมือนเธอต่อสู้อยู่คนเดียว

                   เนี่ยเหรอ...ที่บอกว่าจะช่วยกัน...

                   พี่...เป็นแบบนี้เองเหรอ

                   เสียงของแคทสั่นเหมือนจะร้องไห้  เธอเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว  แคทปิดประตูดังปัง!จนทั้งจงฮยอนและซองโฮก็ต่างสะดุ้ง

                   น้องแคท  จงฮยอนทำท่าจะเดินตามออกไป  ที่เขานิ่ง...ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะช่วยเหลือเธอ เพียงแต่จงฮยอนกำลังประเมินว่าผู้หญิงคนนี้จะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร  เผื่อว่าเขาจะรู้จักเธอมากขึ้น  และตอนนี้...เขาก็ได้รู้แล้ว ว่าแคทเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นสูงมาก

                   และความจริงแล้ว เธอเข้มแข็งมากๆ อาจจะมากกว่าเขาด้วยซ้ำ  เขามันขี้ขลาดที่ได้แต่เดินตามเกมของคนอื่น

                   เขาเริ่มรู้สึกว่า เขาชอบนิสัยที่กล้าหาญของเธอ และเขาจะไม่ปล่อยให้เธอต้องตกเป็นเหยื่อของประธานค่ายหน้าเงิน หรือใครหน้าไหนก็ตาม

                   จงฮยอนไม่ลืมที่จะหันมาหยิบใบสัญญาบ้าบอนั่นและฉีกมันทิ้งอย่างรวดเร็ว

                   ลีจงฮยอน ! นายทำอะไร !”

                   “เลิกทำแบบนี้ซะที ! ผมไม่ต้องการให้แคทเซ็นสัญญากับคุณ !!”

                   เขาหันมาตะคอกเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินออกไปจากห้องทันที  ทิ้งให้ท่านประธานยืนสบถด้วยความโกรธ

                   โธ่เว้ย ! มันจะแข็งข้อมากเกินไปแล้วนะ...

                   ทางด้านนอก  แคทวิ่งออกมาไกลแล้ว   ดวงตาเริ่มจะมีน้ำตาคลอและในใจก็เจ็บปวดแบบแปลกๆ  เธอกำลังจะวิ่งเข้าห้องน้ำหญิง ทว่า...

                   ใครบางคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำชายก็ทำให้แคทหยุดชะงัก

                   คุณ...

                   แคทเงยหน้ามองชายหนุ่มที่มีดวงตาแดงก่ำ  เส้นผมและใบหน้าเปียกปอน  สภาพเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนักมา

                   “…จองยงฮวา เจ้าของผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น….ใช่หรือเปล่า

     

                   โจวฮันนาลืมตาตื่นขึ้นมาภายในห้องสีขาว  เธอมองไปรอบๆอยู่พักหนึ่งเพื่อตั้งสติให้แน่ใจว่าที่ผ่านมาไม่ใช่ความฝัน

                   สามีของฉัน...ตายแล้วจริงๆเหรอ

                   คุณผู้หญิงครับ

                   ลูกน้องจำนวนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาหน้าตื่น  ดูเหมือนจะมีเรื่องเซอร์ไพรส์มาอีกแล้วสินะ

                   พวกเราเจอตัวคุณชายโจวคยูฮยอนแล้วนะครับ

                   หากเป็นเวลาปกติเธอคงดีใจ  แต่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายแบบนี้...ฮันนายิ้มไม่ออก

                   ลูกชายของฉัน...รู้ตัวหรือเปล่า ว่าพวกเธอตามเจอ

                   “ไม่ครับ ผมคิดว่าเขาไม่รู้

                   ดีละ...

                   เสียงของฮันนาแหบแห้ง  แต่เธอก็มีเรื่องสำคัญที่จะต้องสั่งการ “…ไม่ต้องจับตัวเขามานะ

                   ลูกน้องต่างมองหน้ากันอย่างงงๆ  คิดว่าคุณผู้หญิงคงกำลังช็อคเรื่องคุณผู้ชายเสียชีวิต ก็เลยพูดจาแปลกๆ   ตามหาตัวมาตั้งนาน...พอเจอแล้วกลับไม่ให้เอาตัวมา แปลกจริง !

                   “แต่ว่า ช่วยไปบอกเขาให้หน่อย ว่าพ่อเขาเสียแล้ว

                   ฮันนารู้ว่าทุกคนงง เธอจึงไขข้อข้องใจทันที ฉันแค่อยากรู้ว่า...ถ้ารู้ว่าพ่อตัวเองตาย เขาจะกลับมาหรือเปล่า จะมาไหว้ศพของพ่อบังกิดเกล้าที่เกลียดกันมาตลอดชีวิตหรือเปล่า

                   เธอพูดมันด้วยความเศร้าโศกเสียใจ  ลูกน้องทุกคนต่างพยักหน้ารับคำสั่ง  แล้วออกไปอย่างรวดเร็ว  ทิ้งให้ฮันนานอนหลับตาลงช้าๆ.... ทำใจยอมรับชะตากรรมชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป

     

                   คยูฮยอนตื่นเต้นดีใจที่ได้เริ่มงานเลยแต่ก็พยายามเก็บอาการ  เขาใส่ชุดสีดำเหมือนๆกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ แต่กลับดูหล่อน่ารักโดดเด่นกว่าใคร  คงเพราะใบหน้าเรียวและดวงตาที่คมราวกับหมาป่า แต่แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มสดใสราวกับดอกไม้

                   ผู้ชายอย่างคยูฮยอนคงจะเป็นความลงตัวที่สาวๆหลายคนหมายปอง....แต่สาวๆพวกนั้นจะต้องไม่ได้เห็นสภาพตอนเขาเล่นเกมนะ

                   ผู้หญิงคนไม่ชอบผู้ชายเล่นเกมหรอก... คยูฮยอนแอบคิดในใจ  เพราะอย่างนี้ความคิดที่จะโปรยเสน่ห์จึงต้องถูกพับเก็บ

                   เชาเดินตรวจไปตามทางเดิน  และเริ่มสอดส่องหาเป้าหมายที่ต้องการ

                   ยัยหน้าหมี...เธอเรียนอยู่ห้องไหนกันนะ

                   และแล้วสายตาอันแหลมคมก็หยุดลงตรงที่ผู้หญิงผมยาวๆ  กำลังเล่น Hay Day อยู่อย่างเมามันส์  คยูฮยอนเดินเข้าไปใกล้และสังเกตผ่านกระจกเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นพลอยเพชร

                   และแล้วเขาก็ยิ้มออก....

                   น้องครับ.. คยูฮยอนเปิดประตูเข้าไปเรียก  แต่พลอยเพชรก็ยังไม่สนใจ  จนแทนอึนเจ้าของไอโฟนที่นั่งอยู่ข้างๆต้องสะกิดเรียก

                   ..อย่าเล่นโทรศัพท์ครับ เก็บเลย

                   “..ไอ้...ไอ้หน้าหมา!!”

                   คยูฮยอนยิ้มมุมปากอย่างเป็นต่อ  ชณะที่พลอยเพชรด่าออกไปแล้วก็ยังอ้าปากค้างอย่างช็อคๆ

                   … ดูเหมือนว่าวันนี้เด็กๆจะไม่ได้เรียนอรรณพกันอย่างสงบสุขกันทั้งขั่วโมง เพราะเดคาโมโนเพียงกลุ่มเดียว-..-

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×