คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 : One kiss
Chapter 2 : One kiss
ภายในผับฮาร์ดร็อค บริเวณมุมอับและเงียบสงบ เวลาสองทุ่มครึ่ง
“อีแทนแม่งจะขี้นานไปไหนวะ กูแดกจนจะเมาตายอยู่และ”
นะเอยพึมพำอยู่คนเดียว เธอพยายามเบิ่งตามองภาพขวดเบียร์ที่เลือนลาง แม้จะมึนจนมองอะไรไม่ค่อยเห็นเธอก็ยังฝืนสังขาร รินเบียร์จนหมดขวดจนได้
“พี่ เอามาอีกขวด !”
ตะโกนสั่งพลางกระดกอึกใหญ่ “กูจะแดกให้มายเตา เย้ย ! เมาตาย เย้ย ! ถูกแล้ว”
นะเอยนั่งหัวเราะอยู่คนเดียว แล้วจู่ๆก็คอตก ซึมไปเหมือนคนบ้า..
แต่แล้วเสียงแหบต่ำของใครบางคนก็เรียกสติเธอกลับคืนมา “ฟังกีตาร์มั้ย เพลงละยี่สิบบาท”
นะเอยหันไปมอง เธอมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าผู้ชายตรงหน้ามีหน้าตาเป็นอย่างไร รู้แค่ว่าเขาถือกีตาร์สีขาวครีมมาตั้งท่าพร้อมเล่น
“นาย…เล่นเก่งแค่ไหน” นะเอยถามเสียงยานคาง เขาไม่ตอบ ทว่าเริ่มกรีดปลายนิ้วลงบนสายทั้งห้า ชายหนุ่มเกาสายอย่างลื่นไหลออกมาเป็นเสียงดนตรีที่ให้อารมณ์เศร้าสลดอย่างลึกซึ้ง
สีหน้าของเขานิ่ง แววตาไร้ความรู้สึกใดๆ ทว่าบทเพลงของเขากลับสร้างอารมณ์ได้อย่างงดงาม
มันคือเพลง River flows in you ที่นะเอยหลงใหล
“ฉันน่ะ ไม่เคยรู้มาก่อนเลย..” นะเอยเริ่มปรับทุกข์ “..ว่าฉันทำอะไรผิด ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันดูแลฮยอกแจอย่างดีมาโดยตลอด ฮึก!” ยิ่งมีดนตรีเศร้าๆคลอนะเอยก็เริ่มจะร้องไห้
“แต่เขากลับ…มีคนอื่น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเลิกกัน แต่ครั้งเนี้ย..มัน..มันเหมือนกับว่า..” นะเอยเริ่มสะอึกสะอื้นจนพูดไม่ออก น้ำตาหยดติ๋งๆ
“เหมือนกับว่าเราจะไม่กลับมาคืนดีกันอีกแล้ววววววแงงงงงงงงงงงงงง”
เธอปล่อยโฮและก้มหน้าลง เธอจึงไม่อาจมองเห็นแววตาที่เปลี่ยนไปของชายหนุ่มตรงหน้า
เสียงกีตาร์ยังคงดังต่อไปสักพัก จนกระทั่งนะเอยเงยหน้าขึ้น “นายไม่คิดจะพูดอะไรซักหน่อยเหรอ?”
“…”
เขายังคงเงียบ
“นายไม่คิดจะปลอบฉันหน่อยเหรอ!!”
เธอจับแขนของเขาแล้วเริ่มโวยวาย แต่เขากลับนิ่งเฉยและเล่นกีตาร์ต่อไปอย่างใจเย็น
ชายหนุ่มเพิ่มความหนักหน่วงของบทเพลงแล้วเปลี่ยนมาตีคอร์ดได้อย่างลื่นไหล เขาอ้าปากเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับร้องเป็นเพลงออกมาแทน
“ แม้ชีวิตไม่เป็นดั่งใจ หากผิดหวังท้อแท้เมื่อใด ยังมีกำลังใจอยู่ตรงนี้ พร้อมเสมอแค่เธอบอกมา
จะไปหาช่วยซับน้ำตา ไม่ว่าใครจะทำให้มันไหล
อย่าให้คนเพียงคนเดียว ทำชีวิตของเธอพัง เก็บความฝันของเธอเอาไว้
ร้องไห้กับฉันระบายออกจากหัวใจ แล้วเริ่มใหม่ยังไม่สาย
ร้องไห้กับฉันระบายออกจากหัวใจ ผ่านไปแล้วลืมมันไป..”
เสียงกีตาร์เบาลงเป็นสัญญาณว่าเพลงจบ น้ำตาของเธอยังไม่หยุดไหล…มันไหลออกมาอย่างเงียบๆ
นะเอยควักเงิน 20 บาทออกมาจากกระเป๋าอย่างช้าๆแล้วส่งให้กับเขา “เล่นอีกได้มั้ย ฉันจะดราม่าให้ตายไปเลย”
ชายหนุ่มไม่ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาเก็บเงินแล้วเริ่มบรรเลงเพลงต่อไป
“ หากเปรียบกับชีวิตของคน เมื่อยามสุขล้นจนใจมันยั้งไม่อยู่ ก็คงเปรียบได้กับฤดู คงเป็นฤดูที่แสนสดใส
แต่ถ้าวันหนึ่งวันไหนที่ใจเจ็บทนทุกข์ ดังพายุที่โหมเข้าใส่
บอกกับตัวเองเอาไว้ ความเจ็บต้องมีวันหาย ไม่ต่างอะไรที่เราต้องเจอทุกฤดู
อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง
เมื่อวันเวลาที่ฝนจาง ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ
ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ.. ”
นะเอยรินเบียร์ขวดที่ 6 แล้วยื่นให้กับเขาพร้อมเงินอีก 20 บาท ชายหนุ่มไม่ปฏิเสธ เขาดื่มรวดเดียวหมดแก้วอย่างชำนาญ
นี่มันเป็นอาชีพของเขาอยู่แล้ว..ได้เงินพร้อมกับได้เบียร์ คิมคิบอมเพียงแค่ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
และมีกฎที่เขาตั้งขึ้นเองว่า อย่าปล่อยใจไปกับลูกค้าเด็ดขาด เพราะหนึ่ง งานเล่นกีตาร์ตามผับแบบนี้ไม่เหมาะที่เขาจะมีแฟน และสอง…คิบอมเกลียดการผูกมัดเป็นที่สุด
“ความรักต้องพังลงไป อนาคตที่สุดก็ผ่านพ้นไป เหลือเพียงหัวใจที่ยับเยิน
บาดแผลลึกเกินเยียวยา ตื่นจากฝันเพราะถูกปลุกด้วยน้ำตา ทุรนทุรายหัวใจเหนื่อยล้า
ภาวนาให้ใจที่เจ็บจงเข้มแข็ง แม้มันจะไร้เรียวแรง จะฝืนลุกยืนให้ไหว
คนๆเดียวมันไม่มีสิทธิ์ขนาดนั้น ไม่ทำให้ช้ำถึงตาย ยังไงต้องรับให้ได้
ชีวิตแค่โดนทำร้าย แต่ที่สุดมันต้องไม่โดนทำลาย
แค่วันนี้หัวใจสลาย เตือนตัวเองว่าถึงยังไง ฉันยังต้องอยู่
ความรักลวงหลอกมันก็แค่เจ็บปวด ไม่มีค่า…
ให้มันมันทำลายชีวิตไม่ได้..”
เพราะเขาได้มองเห็นผู้คนที่อกหักมามากมาย…เขาจึงไม่ต้องการจะมีความรักกับใครบนโลกอันหลอกลวงใบนี้
เสียงของกลุ่มคนที่ตามหา ‘คุณชาย’ ยังคงดังใกล้ๆเข้ามาเรื่อยๆ พลอยเพชรกำลังจะพูดต่อแต่ชายหนุ่มตรงหน้าเขากลับเลื่อนนิ้วชี้มาจุ๊ปากพลอยเพชรแทน
เขาหันไปมองบอดี้การ์ดจำนวนไม่ต่ำกว่า 5 คนแล้วรีบหันกลับมา ชายหนุ่มตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เขากระซิบกับเธอเร็วๆ “อยู่เฉยๆนะ”
ร่างสูงโน้มเอียงใบหน้าให้ได้องศา แล้วเคลื่อนเข้าไปใกล้จนเรียวปากแทบจะสัมผัสกัน ชั่ววินาทีนั้นพลอยเพชรง้างมือกำลังจะต่อยไข่ !
แต่พอนึกขึ้นได้ว่านี่เป็นเพียงแผนการที่ไอ้คุณชายบ้านี่มันจะหลอกคนพวกนั้นเฉยๆ เธอก็จำต้องหลับตาปี๋และได้แต่รอเวลา
คนพวกนั้นหันมามองเพียงแว้บเดียว พวกเขาก็วิ่งผ่านไป..
“ปล่อยฉันได้รึยัง..” เธอถอยใบหน้าออกมากระซิบถาม
ชายหนุ่มไม่ตอบ เขาชะเง้อมองให้แน่ใจ แล้วจึงปล่อยพลอยเพชรโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว พลอยเพชรแทบจะล้มหน้าคว่ำแต่เธอก็ยังทำเหมือนไม่เป็นอะไร
ร่างสูงแอบหัวเราะหึหึกับภาพนั้น เขาสำรวจพลอยเพชรชัดๆตั้งแต่หัวจรดเท้า
เขานึกวิจารณ์เธออยู่ในใจแต่มันก็แสดงออกมาทางสายตา
“ไม่รีบหนีไปหรือไง” พลอยเพชรถามอย่างไม่พอใจนัก
“ก็อยากจะหนีอยู่หรอกนะ แต่ว่า…” เขาลากเสียงพลางก้มมองสิ่งที่อยู่ในมือของพลอยเพชร “..หิวอะ”
ชายหนุ่มลูบท้องตนเองอย่างน่ารักพลางยิ้มแหยๆ พลอยเพชรเบือนหน้าหนีภาพนั้นทันที ..ที่แท้ก็เด็กเกรียนดีๆนี่เอง
“นายเป็นคุณชายคงจะมีตังค์หนิ ไปซื้อไรกินดิ้ !”
“โหย..เงินมันมาพรุ่งนี้ ! ถือว่าคนกันเองละกันมาๆ แบ่ง”
“เห้ย!” พลอยเพชรเอาถุงขนมหลบหลังทันทีที่เขาทำท่าจะมาแย่ง แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ “มาแบ่งกันหน่อยมา !”
“จะบ้าเหรอ ! ไปซื้อกินเอง !”
“น้ำใจอะ!!”
“มีตังค์ก็ซื้อกินเองดิเห้ย!!”
“ตังค์เติงไรไม่มี๊!”
สภาพของพวกเขาตอนนี้ดูเหมือนเด็กที่วิ่งไล่จับกันอยู่ในสวนหลังบ้าน ช่างน่าสุนทรีย์
“ไม่มีได้ไง!!”
“เอาไปเล่นเกมหมดแล้ว เร็ว เดี๋ยวพรุ่งนี้คืนให้!!”
“หยุด !!”
พลอยเพชรหยุดสงครามแย่งอาหารด้วยการยืนฉีกขา 45 องศาแล้วกางมือยื่นไปข้างหน้า เส้นผมที่ตกลงมาปรกใบหน้านั้นพลิ้วไสว~
“ถ้านายอยากได้อาหาร..” เธอเงยหน้าขึ้น ชิ้ง~
“นาย ต้อง แลก…ด้วยการอัพเวล!!”
เธอประกาศกร้าว ดูเหมือนว่าชายหนุ่มตรงหน้าดูจะสนใจวิธีการต่อสู้เพื่ออาหารขึ้นมาทันที “และการที่นายจะอัพเวลได้ คือนายต้องทำภารกิจเพื่อเก็บไอเท็ม”
“ภารกิจนั้นคือ ?” เขาเลิกคิ้ว
“ภารกิจนั้นก็คือออออ” พลอยเพชรลากเสียงเพื่อเพิ่มเวลาคิดว่าจะวางแผนหลอกล่ออีตานี่ยังไงดีให้ตนได้หลุดพ้น
หรือว่า…จะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสดีนะ ? ปิ๊ง ! :D
“คือ นายต้องแปลงร่างเป็น พ่อบ้าน ! ไอเท็มของนายคือเศษขยะ ส่วนโบนัสคือฝุ่น เลเวลจะอัพตามความหลากหลายของเครื่องมือทำความสะอาดที่นายใช้..” พลอยเพชรก้าวเข้ามาหาเขาแล้วเงยหน้าถามอย่างท้าทาย “..สนป่าวพี่”
“สรุปคือจะให้ฉันทำความสะอาดห้องแลกกับอาหารว่างั้น”
“จะว่างั้นก็ได้ แต่นายควรมองว่ามันเป็นเกมนะ”
“งั้นฉันก็ควรมีสิทธิ์จะเลือกเล่นมากกว่านี้”
“นายจะไม่เล่นแล้วนอนหิวทั้งคืนก็ได้ ฉันไม่ห้าม”
“นี่เธอจะ…”
ชายหนุ่มเถียงต่อไม่ออก เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้กำลังถือไพ่เหนือกว่าจริงๆ
“ฮึ่ยยย ก็ได้วะ !”
พลอยเพชรยักคิ้วอย่างผู้มีชัย “ตามมา”
ในที่สุดกูก็ไม่ต้องเก็บห้องแล้ววว เอิ้กกกกก พลอยเพชรแอบทำหน้าฟิน
“นี่มันเสียเกียรติยศศักดิ์ของโจวคยูฮยอนเลยนะเนี่ย” เขาเดินตามไปบ่นไปอย่างเซ็งๆ ถ้าไม่ทำก็ไม่มีข้าวกิน ให้เลือกอะไรล่ะ !
“หึ รู้จักโปรเกมน้อยไปซะแล้ว…จะเล่นสูตรโกงให้แลคเลยคอยดู ! ยัยหน้าหมี !”
อีกฟากฝั่งหนึ่งของคอนโด
“โอเค แต๊งกิ้ว กู๊ดบาย แฮฟอะไนซ์เดย์”
ธันเดอร์บอกลาแท็กซี่ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เขารับกุญแจจากชั้นล่างของคอนโดแล้วก็ลากกระเป๋าขึ้นลิฟท์ไป
“ห้อง หก ศูนย์…ศูนย์เจ็ดหรือศูนย์แปดเนี่ย..” ร่างสูงมายืนพินิจพวงกุญแจอยู่ที่ชั้นหก
“เจ็ดละกัน” ว่าแล้วก็เปิดประตูเข้าไปโดยที่ไม่เอะใจอะไรบ้างเลย ชายหนุ่มเหวี่ยงกระเป๋าซะเต็มที่จนพวกมันกองกระจัดกระจายอยู่ตามมุมห้อง ธันเดอร์ไม่ได้ใส่ใจกระเป๋าสัมภาระที่วางอยู่ก่อนแล้วโดยแม้แต่น้อย
บางที อาจเป็นของเพื่อนร่วมห้อง ยังไงแทนอึนน้องสาว(?)ของเขาก็คงจัดการให้แล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง^-^
เมืองไทยนี่ร้อนจริงๆ.. คิดพลางจัดการถอดเสื้อยืดแขนยาวออก เผยให้เห็นถึงร่างกายท่อนบนที่แข็งแรงสมส่วนและมีสีผิวขาวเนียนที่น่าหลงใหล
ธันเดอร์ภูมิใจในรูปร่างของตนตลอดมา แต่ไม่เคยบอกใคร เขาเป็นประเภทชอบโชว์แบบไขสือ ประโยคยอดฮิตของเพื่อนๆที่อียิปต์ก็คือ ‘ธันเดอร์มันนิ่งอย่างเดียว มันไม่รู้อะไรหรอก!’ หรือไม่ก็ ‘เขาเฉยๆ คงไม่รู้สึกอะไร’ แต่หากไม่สนิทจริงผู้คนก็จะไม่รู้ว่าภายใต้ใบหน้าอันนิ่งสนิทนั้น..เขาคิดอะไรอยู่มากมาย
“มีอะไรกินบ้างนะ..” เขาหอบเลย์ที่อยู่หลังตู้เย็นไปหลายถุงเพื่อจะเอามานั่งกินข้างล่าง และเสียงกอกแกกนั้นเองที่ทำให้ใครบางคนตื่นจากห้วงนิทรา..
มาร์กี้ลุกขึ้นจากเตียงนอนอย่างงัวเงียและหวังว่าจะพบเพื่อนๆทุกคนพร้อมกับของกินแสนอร่อยเต็มห้อง ทว่า..
“กรี๊ดดดดดดดดดด”
“shit!!”
ต่างคนต่างอุทานอย่างตกใจกันและกัน ร่างอวบรีบวิ่งเข้าห้องไปคว้าหมอนข้างมาทำเป็นอาวุธทันที “นายเป็นใคร!!”
มาร์กี้ตั้งท่าจะเขวี้ยงหมอนข้างใส่เขา ขณะที่เลย์ยังคงคาปากธันเดอร์
“เธอล่ะ เป็นใคร”
“ฉัน..ก็เป็นเจ้าของห้องน่ะสิ!”
มาร์กี้ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงควบคุมน้ำเสียงตัวเองไม่ให้สั่นไม่ได้ นอกจากนี้ก็ยังควบคุมสายตาไม่ให้จับจ้องร่างกายของเขาไม่ได้อีกต่างหาก อีกทั้งมือบางก็เผลอจิกหมอนข้างแน่นอย่างไม่รู้ตัว
ความจริงก็คือ มาร์กี้ไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลยในสถานการณ์นี้
นางรู้สึกเฟลกับตัวเอง
“นายเข้ามาทำไม! แล้วนั่นมันขนมของฉันนะ!”
สีหน้าของชายหนุ่มเรียบนิ่ง แต่ดวงตากลับฉายแววบางอย่างที่มาร์กี้คาดเดาไม่ได้
“ฉันเป็นพี่ชายของแทนอึน” เขาบอกอย่างเอาแต่ใจนิดๆ เป็นเชิงว่าเขามีสิทธิ์จะอยู่ที่นี่
“อ้าว…เหรอ..” มาร์กี้ลดหมอนข้างในมือลง
แต่ฉันก็ยังรู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่ดี ! : (
“นายไม่ได้อยู่ห้องนี้ไม่ใช่หรือไง” น้ำเสียงของเธออ่อนลงเพียงเล็กน้อย แค่นี๊ดดดเดียวเท่านั้น
“อยู่สิ”
เขาบอกด้วยความไม่รู้แล้วเดินผ่านหญิงสาว เข้าไปนอนในห้องหน้าตาเฉย
เสี้ยววินาทีที่ไหล่หนาเฉียดเส้นผมของมาร์กี้ สิ่งเดียวที่เธอรับรู้ ณ ขณะนั้นคือ… หอมจัง
“เดี๋ยวนะ ฉันว่า..ไม่ใช่ละ ผิด” เธอรีบเดินตามเข้าไป
แต่ก็พบว่าร่างสูงใส่หูฟังสีดำ นอนเหยียดกายอยู่บนเตียงลายคิตตี้ของเธอเป็นอันเรียบร้อย
“นี่ ! เอาตัวเปื้อนทะเลทรายของนายออกไปเลยนะ นายต้องอยู่ห้องตรงข้ามไม่ใช่เหรอ!”
ธันเดอร์ได้ยินชัดเจน…แต่เขาทำเหมือนไม่
“อย่าทำตัวไร้มารยาทอย่างนี้สิ ! นายมัมมี่ !!!”
มาร์กี้ไม่กล้าแม้แต่จะเดินเข้าไปยืนข้างเตียง ก็เขาถอดเสื้ออยู่นี่นา…มันกุบกิบเกินไป-//-
“นายคิดว่าตัวเองเป็นฟาโรห์หรือไงถึงได้มายึดที่นอนประชาชนแบบนี้ เดี๋ยวปั๊ดระบำอียิปต์ขับไล่ซะเลย!”
ชายหนุ่มก็อยากจะวางหน้านิ่งต่ออยู่หรอกนะ แต่จู่ๆเขาก็หลุดยิ้มออกมา
..มันเป็นรอยยิ้มแรกของวัน
“ยิ้มหมายความว่าไง นายได้ยินเหรอ!” มาร์กี้ทนไม่ไหวแล้วนะเหวย เธอเดินเข้าไปถอดหูฟังเขาออกข้างหนึ่ง เธอพูดทีละคำอย่างชัดเจน “เก็ท เอาท์.”
“ระบำอียิปต์ก่อนสิ”
เขายิ้มกว้างขึ้นไปอีก มาร์กี้ถอยหลังออกมาโดยอัตโนมัติ เธอไม่รู้ว่าทำไปเพราะอะไร…ออร่าเข้าตางั้นเหรอ ไม่นะ มันก็ไม่ได้ขนาดน้านนนนนนเหรอ ? หรือว่า..เขาจะหล่อจนเธอหวั่นไหว-//-
ไม่นะ !! มันต้องไม่เป็นอย่างนั้น ไม่รู้สิ ! มาร์กี้ไม่รู้อะไรทั้งนั้น
“จะบ้ารึไง นายก็ระบำเองสิ ! ออกไป !”
“ให้แทนอึนกลับมาก่อนละกัน ฉันง่วง นอนละ” ธันเดอร์กลับมาทำหน้านิ่งดังเดิมซ้ำยังฉวยผ้าห่มกะเอามาคลุมโปงให้แสนสุข ทว่ามาร์กี้ก็พุ่งตัวเข้าไปกระชากไว้ได้ทัน “ไม่ได้นะ!!”
“ฮื่ออออ”
“ลุกขึ้นมา!” เธอยื้อแย่งผ้าห่มกับเขาจนกระทั่งเธอเป็นผู้ชนะ แต่นี่มันแค่ผ่านด่านแรกเท่านั้น.. มาร์กี้รวบรวมแรงทั้งหมดฉุดข้อมือของเขาให้ลุกขึ้น
“ไม่เอาน่าสาวน้อย”
“น้อยบ้านแป๊ะแกสิ!”
“แป๊ะฉันก็แป๊ะแทนนะ”
“ไอ้บ้า ! พี่น้องคู่นี้นี่..ชอบนอนเหมือนกันเลย” มาร์กี้ด่าไปหอบไปเพราะร่างสูงตัวหนักและแรงเยอะเหลือเกิน
“ข่าวดีก็คือ ฉันนอนเก่งกว่าแทนอีก”
“ข่าวร้ายชัดๆ! ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ!”
ธันเดอร์เริ่มรู้สึกว่านอนนิ่งๆให้ผู้หญิงฉุดแบบนี้มันก็จะดูเอาเปรียบไปหน่อย เขาจึงใช้มืออีกข้างต่อสู้กับเธอบ้างเพื่อเป็นการไม่ดูถูก
“เริ่มวิปแล้วนะเนี่ย” เขาบอกนิ่งๆแต่ในใจกำลังคิดการเกรียน
“โอ๊ย ! เจ็บ!” มาร์กี้อุทานเสียงดังเมื่อธันเดอร์ดันตัวขึ้นมายึดข้อมือทั้งสองของเธอไว้ได้อย่างง่ายดาย เขาพยายามจะรั้งร่างของเธอลงมาแต่ก็แอบออมๆแรง ขณะที่มาร์กี้ต้องขืนตัวเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
เกมพลิกผันเมื่อธันเดอร์กลับกลายมาเป็นผู้คุมเกม *0*
“หวงเตียงนักก็มานอนด้วยกันสิ”
แม้น้ำเสียงและสีหน้าของเขาจะเรียบเฉย แต่มันกลับทำให้มาร์กี้ยิ่งใจสั่น
หล่อโว้ย!!
“นายก็ลุกก่อนสิ”
“เนี่ย…เริ่มจะรุกแล้ว”
“ไอ้บ้าาาา!! ไอ้มัมมี่เปรต!”
“..รับซะทีดิ”
“ไอ้สฟิงซ์!!”
“อะไรสวิง?”
“สฟิงซ์ไม่ใช่สวิง!! หูไม่ดีเหรอ!”
“ฮื้ออออ ดีดิ ถามแบบนี้หยามมาก”
“ไอ้ทะลึ่ง!!!”
“ทะลึ่งอะไร?”
“ปล่อยฉันซะที!!”
ก่อนที่มาร์กี้จะหมดแรง.. ผ่าง!! ใครบางคนก็เปิดประตูเข้ามา..
พลอยเพชรอ้าปากค้างเมื่อมองทะลุเข้าไปในห้องนอน “กี้…คะ..ใคร?!?”
แต่ดูเหมือนว่าไอ้ ‘คุณชาย’ ที่เดินตามหลังมาจะไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขาชินตากับภาพแบบนี้ซะแล้ว ชายหนุ่มทำท่าจะเดินเข้าไปสำรวจในห้องตรงข้าม แต่เขาก็เปลี่ยนใจ เพราะจริงๆแล้วห้องตรงข้ามก็คือห้องของเขาที่หุ้นกันซื้อกับเพื่อนๆซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือธันเดอร์ แต่คยูฮยอนคิดว่าเขายังไม่ควรบอกพลอยเพชรหรือใครก็ตามให้รู้ตอนนี้
เพราะมันอาจจะส่งผลกับเขาด้านผลประโยชน์ในอนาคตต่อไป ;) คยูฮยอนจึงขออุบเงียบแล้วหาทางกินอาหารของพลอยเพชรให้ได้ก่อนดีกว่า
คยูฮยอนเดินผ่านเข้ามาหยิบไม้กวาดแล้วมาเดินก้มหน้าก้มตากวาดพื้นรอบๆตัวพลอยเพชร
ขณะเดียวกัน มาร์กี้เองก็คิดคำจะอธิบายไม่ถูก ธันเดอร์ฉวยโอกาสนั้นแกล้งยื่นหน้าเข้าไปทำเสียง จุ๊บ! อยู่ข้างพวงแก้มสีชมพู มาร์กี้สะดุ้งเฮือกแล้วหันมามองเขาอย่างเอาเรื่อง แต่ ณ ขณะนั้นเธอก็มือไม้อ่อนและเชื่องช้าเสียจนธันเดอร์คว้าผ้าห่มมาคลุมโปงนอนสำเร็จแล้ว
“เดี๋ยวนะเดี๋ยว กี้!” พลอยเพชรก็อึ้งจนไม่รู้จะพูดยังไง แล้วไอ้ไม้กวาดที่มันมางุ้งงิ้งอยู่ตรงตีนนี่มันก็น่ารำคาญซะเหลือเกิน “เฮ้ย หยุดกวาด!” เธอหันไปสั่ง
“เอ๊า”
“รำคาญ!” ตะคอกพลางก้าวฉับๆเข้าไปในห้อง
“เกิดอะไรขึ้นวะกี้!” เธอถามเสียงสูง มาร์กี้พยายามตั้งสติ “ก็ไอ้เนี่ยพี่ชายของอีแทน มันจะนอนที่นี่ กูเลยไม่รู้จะทำยังไง!”
“อ้าว ก็ให้เค้านอนไปก่อนดิ คงกลับมาเหนื่อยๆหรือเปล่า”
“ไม่พลอยยย! กูสิเหนื่อย!”
“เห้ย ใจเย็นๆ”
“ถ้ามึงอยู่ในเหตุการณ์เมื่อกี๊มึงจะไม่พูดกับกูแบบนี้”
“พี่คะ พี่..” พลอยเพชรหันไปเขย่าๆร่างใต้ผ้าห่ม แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ..
“มันไม่สนใจหรอก !”
“ก็ปล่อยเค้านอนไปก่อนละกัน กี้มึงก็น้อยๆหน่อยยังไงเค้าก็เป็นพี่” เธอบอกอย่างไม่พอใจนัก ทำให้มาร์กี้ยิ่งอารมณ์เสียยิ่งกว่าเดิม
นี่กูไม่ผิดอะไรเลยนะเนี่ย !
แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะได้เถียงกัน พลอยเพชรก็เหลือบไปเห็นไอ้คุณชายบ้ากำลังกอบโกยอาหารในตู้เย็นข้างนอกและทำท่าจะหนีออกไป “เห้ย หยุดนะ!”
ใบหน้าเขาเหวอเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าพลอยเพชรจับได้ เขาจึงรีบวิ่งออกไปในขณะที่พลอยเพชรออกวิ่งตามในทันที
ของกินพวกนั้นทั้งชีวิตกูเลยนะเว้ย !!
“ไอ้คุณชาย..ไอ้เด็กติดเกม หยุดเดี๋ยวนี้ !! ฉันบอกให้หยุด !!!”
และแล้วพลอยเพชรก็หายไปกับสายลม.. มาร์กี้ยืนอยู่ที่เดิมอย่างงงๆและเซ็งๆ
เธอหันไปมองธันเดอร์ที่ได้กลายเป็นมนุษย์ดักแด้ พลางถอนหายใจแรงๆอย่างจงใจให้เขาได้ยิน
“นอนอย่างกับมัมมี่ในโลง!” เธอยังบ่นไม่เลิก
“ฉันไม่มีทางให้นายได้นอนอย่างสบายหรอกนะ”
ว่าพลางโยนหมอนทั้งหมดสุมตัวเขา แล้วจัดการปิดแอร์ พลางเดินออกจากห้องไปด้วยอารมณ์ไม่ดีถึงขีดสุด
อีแทน…มึงกลับมามึงเละแน่!! ฮึ่ : ((((((
บทเพลงยังคงถูกจ้างให้บรรเลงต่อไปเรื่อยๆ เบียร์ก็เช่นกัน มันเข้าไปในปากของทั้งคู่แก้วแล้วแก้วเล่า แต่คิบอมก็เพียงแค่หน้าแดงๆกึ่มๆ ต่างจากนะเอยที่แทบจะลงไปนอนอยู่บนพื้นอยู่แล้ว
“นี่.. ศิลปินอย่างฉันน่ะ ก็มีโปรโมชั่นนะ” ดูเหมือนว่าคิบอมจะพูดมากกว่าเดิมเล็กน้อยเมื่อเมา
นะเอยพยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้นเป็นเชิงรับรู้ เธอแทบจะเงยหน้ามาพูดไม่ไหวอยู่แล้ว และเธอก็ร้องไห้อยู่ตลอดเวลาด้วย
“เล่น 20 เพลง แถม…one kiss”
คิบอมออกเสียงภาษาอังกฤษได้อย่างเซ็กซี่ นะเอยวางเงินอีก 20 บาทให้เขาโดยที่ไมรู้ด้วยซ้ำว่านี่เพลงที่เท่าไหร่แล้ว
คิบอมบรรเลงเพลงที่ 20 เป็นเพลงแคนนอนจังหวะช้าๆ ไม่มีเนื้อร้องใดๆ มันดึงอารมณ์ของคนที่กำลังเฮิร์ทไปได้พอสมควร
“เพลงที่ 20 จบแล้ว..”
แม้จะสัปหงกแต่นะเอยก็รอฟังเพลง One kiss ของพายุ เธอเปลี่ยนมาตะแคงใบหน้านอนลงกับโต๊ะแทน ทว่า…
..มันกลับไม่ใช่เพลงของพายุอย่างที่เธอคิดไว้
คิบอมเชยคางของเธอขึ้นมาประทับจุมพิตที่ริมฝีปากสีสดอย่างรวดเร็ว เขารู้ตัวว่าเขากำลังเมา และมันก็คงไม่ผิด..เมื่อผู้หญิงคนนี้ก็กำลังเมาเช่นเดียวกัน
“…”
นะเอยพูดไม่ออก สมองของเธอก็ยังมึนๆอยู่ ขณะที่คิบอมยิ้มกว้างจนแก้มปริ
“รู้สึกดีหรือเปล่า… อย่าเสียใจไปเลยนะ แค่คนๆเดียวเอง คนเราต้องอยู่ได้ด้วยตัวเองสิ”
เขาพูดออกมาจากใจ นะเอยเข้าใจทั้งหมดแต่เธอกลับแสดงออกอะไรไม่ได้เลย…นอกจากปล่อยให้น้ำตาไหล หัวใจเต้นแรงขึ้นทว่ากลับรู้สึกอ่อนล้าเหลือเกิน
“จูบฉัน..อีกครั้งได้หรือเปล่า”
ได้สิ.. เขาคิดในใจ ..เธอไม่ใช่คนแรกที่ฉันทำแบบนี้อยู่แล้ว
แม้คิบอมจะไม่ได้เข้าใจเรื่องราวของคนที่อกหักตั้งแต่ต้นจนจบ แต่เขาก็มีประสบการณ์และเซ้นส์มากพอที่จะรู้ว่าควรรับมือกับมันยังไง
ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกันอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้แนบแน่นยิ่งกว่าเดิม พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายเหลือเกิน สำหรับนะเอย..เธออาจจะเมาจนไม่รู้เรื่องว่าควรปฏิบัติตนยังไง แต่สำหรับคิบอมแล้ว เขาไม่ได้เมาขนาดนั้น เขาก็เพียงแค่..อยากช่วยเหลือคนที่ไม่มีความสุขก็เท่านั้นเอง
คิบอมพยายามคิดว่ามันเป็นแบบนั้น เขาบังคับตัวเองไม่ให้ใส่ความรู้สึกไปกับการจูบแต่ละครั้งเลยแม้แต่น้อย
ทว่าเมื่อเขาถอนจูบออกมา.. คิบอมกลับเลือกที่จะไม่ถอยใบหน้าไปไหน
“…”
เขาประทับริมฝีปากลงไปอีกเป็นครั้งที่สาม
ครั้งนี้มันไม่ใช่ความต้องการของคนเมาหรืออกหักอีกแล้ว มันเป็นความต้องการของผู้ที่ช่วยเหลืออย่างคิบอมเองต่างหาก
รสจูบนั้นหนักหน่วงและต่อเนื่องราวกับบทเพลงที่บรรเลงไม่หยุด ลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดกันยิ่งดึงดูดให้พวกเขาเข้าใกล้กันมากขึ้นไปอีก คิบอมรู้สึกว่า…มันไม่ควรจะมากไปกว่านี้แล้ว เขาผละใบหน้าออกมาอย่างยากเย็นแล้วกระซิบเสียงแหบพร่า “พรุ่งนี้…มาอีกนะ”
นะเอยไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ทว่าพยายามปรือตามองเขา
คิบอมอาจจะพูดแบบนี้กับทุกคน แต่เขาไม่เคยรู้สึกตามที่พูดขนาดนี้มาก่อนเลย
“..อยากให้มา” เขาเขย่าใบหน้าเธอเล็กน้อยเพื่อเรียกสติ
“อื้ออออ….”
ชายหนุ่มไม่รู้ว่านั่นคือการครางหรือตอบรับ แต่พอสิ้นเสียงของเธอ เธอก็หลับฟุบลงกับไหล่หนาทันที
เอาแล้วไง.. คิบอมนึกในใจ
ยังไม่ทันที่เขาจะได้คิดว่าจะทำยังไงกับร่างไร้สติ เสียงอันคุ้นเคยก็ดังมากจากด้านหลัง
“เห้ย ! ไอ้นักดนตรีเถื่อนนี่มาอีกแล้ว ! ออกไปจากผับกูเลยนะ เลิกมาดูดตังค์ลูกค้ากูซะที!!”
หากเป็นคืนที่ปกติคิบอมก็คงจะหลบหลีกออกไปพร้อมกับกีตาร์ได้อย่างง่ายดาย ทว่าในคืนนี้..ดูเหมือนว่าเขาจะงานเข้าซะแล้ว
ชายหนุ่มลากร่างของเธอออกมาพร้อมๆกับแบกกีตาร์อย่างทุลักทุเล ไหนจะบาร์เทนเดอร์ที่ตะโกนเรียกเพราะยังไม่ได้จ่ายเงิน คิบอมทำให้นะเอยกลายเป็นจอมโจรขโมยแดกเหล้าฟรีไปซะแล้ว.. แต่เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง จะปล่อยให้นอนอยู่แบบนี้เดี๋ยวก็ต้องโดนขโมยเงิน เผลอๆโดนลากไปลักหลับอีก คิบอมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนดีขนาดนี้มาก่อน
แต่การเป็นคนดีมันช่างเหนื่อยเหลือเกิน ชายหนุ่มแบกร่างของนะเอยขึ้นหลังวิ่งออกมาได้ไกลพอสมควรแล้วก็หลบเข้าไปในตรอกทางลัดอย่างชำนาญ
ในตอนนั้น อะไรบางอย่างก็หล่นออกมาจากกระเป๋ากางเกงของนะเอยพอดี คิบอมหยิบขึ้นมาดูทันที เขาคิดว่าเขาเริ่มสร่างเมาแล้วล่ะ
‘ห้อง 607 Home Of English’
มันคือกุญแจห้องที่แขวนป้ายระบุเลขห้องและคอนโดเอาไว้นั่นเอง เมื่ออ่านจบ..คิบอมก็ยิ้มเลย เขาหันไปพูดกับใบหน้าอันไร้สติราวกับว่าเธอจะรู้เรื่อง
“โธ่เอ๊ย..อยู่ห้องตรงข้ามกันก็ไม่บอก !”
ทำไมแทนอึนถึงทิ้งให้นะเอยอยู่คนเดียวงั้นเหรอ ?
บางครั้ง..คนเราก็เจอคนที่ใช่แบบไม่ทันตั้งตัว ;D แทนอึนพูดในใจ และนี่ไม่ได้พูดเพื่อเท่
เยอึนยังคงรินไวน์ให้แทนอึนอย่างต่อเนื่อง ผู้หญิงคนนี้เป็นคนคุยสนุก ยิ้มเก่ง เธอชวนแทนอึนมานั่งด้วยอย่างเฟรนด์ลี่ แตกต่างจากกายุนคนน้อง ที่หน้างออยู่ตลอดเวลาแล้วก็ออกไปเต้นกับผู้ชายซะงั้น
แทนอึนรู้สึกว่าเธอควรจะปลื้มใจที่ได้พูดคุยกับเยอึนมากขนาดนี้ แต่ไม่รู้ทำไม…สายตามันต้องเหลือบไปมองกายุนเป็นพักๆ
นี่เราคงไม่ได้หลายใจหรอกใช่มั้ยO_o แทนอึนคิด
“คิดอะไรอยู่เหรอ” เยอึนถามยิ้มๆ แทนอึนส่ายหน้าทันที
“เปล่า เราแค่รู้สึกว่าเราเมาน่ะ”
เยอึนพยักหน้าช้าๆอย่างใช้ความคิด แทนอึนมองใบหน้าที่มีเสน่ห์อย่างเพลิดเพลิน…ไม่ว่าจะตอนยิ้มหรือซีเรียส ก็ดูสวยไปซะหมด
เขาเพ้อจนไม่รู้ตัวหรอกว่า..ผู้หญิงตรงหน้าก็มองเขาแบบเดียวกัน
“งั้นเราไปออกกำลังกายกันมะ”
“หึ๊ ?”
“เต้นไง ยืดเส้นยืดสาย^-^”
“หึ๊ยย อย่าเลย”
แทนอึนปฏิเสธสั้นๆเพราะมัวแต่จ้องมองท่ายืดเส้นยืดสายของเยอึน เธอเพียงแค่บิดขี้เกียจและแอ่นตัวอย่างเป็นธรรมชาติแต่แทนอึนกลับมองว่ามันเซ็กซี่เหลือเกิน
“มานี่ดีกว่า เรามีอะไรให้ดู” แทนอึนยิ้มน้อยๆขณะที่เยอึนทำหน้าสงสัย เขาจูงมือบางออกไปจากตรงนี้ด้วยหัวใจอันเปี่ยมสุข
มือที่กำลังจับกันอยู่นี้..มันอาจประเมินหาความผูกพันไม่ได้ แต่ทำไมเยอึนกลับรู้สึกว่ามันอบอุ่นเหลือเกิน
ขณะเดียวกัน กายุนก็แทบไม่ได้ละสายตาไปจากทั้งคู่เลย เธอจูงมือผู้ชายที่ตามจีบเธออยู่เดินตามคู่นั้นไปบ้าง ทว่าเขากลับขืนตัวไว้
“คุณจะตามสองคนนั้นไปเหรอ ผมถามจริงๆเถอะ คุณแอบชอบแฟนพี่สาวคุณหรือเปล่าเนี่ย ดูจะสนใจเขาเหลือเกินนะ” ชายหนุ่มหัวเสีย แต่กายุนก็ยังหันมาแก้ข่าว “ฉันไม่ได้ชอบเขา ! แล้วเขาก็ไม่ใช่แฟนพี่สาวฉัน ฉันแค่รู้สึกว่าคนๆนี้ไม่น่าไว้ใจ จะตามไปคุ้มกันเผื่อเกิดอะไรขึ้นก็เท่านัน”
“แต่ผมไม่ไป นี่มันเป็นเวลาของเรานะกายุน !”
กายุนถอนหายใจหนักๆแล้วสบตากับเขา “งั้นเราก็จบกัน”
หญิงสาวเดินออกไปจากตรงนั้นทันที เธอไม่แคร์อะไรอยู่แล้ว ในเมื่อผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่เธอเลือกซักหน่อย
แต่มันก็ต้องไม่ใช่คนที่ชื่อแทนอึนอะไรนั่นด้วย
กายุนไม่อยากทำผิดต่อพี่สาวของตนเองอีกแล้ว เธอรู้สึกผิดมาโดยตลอดที่ผู้ชายที่เหมือนจะมาชอบเยอึนสุดท้ายกลับมาเป็นแฟนกับเธอ..แต่สองพี่น้องก็ไม่เคยได้เปิดใจพูดกันเลย ยิ่งด้วยความที่คนน้องปากแข็ง ทิฐิสูง ก็ยิ่งไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง กายุนเพียงอยากชดใช้ด้วยการปกป้องดูแลพี่สาวผู้อ่อนไหวของเธอให้ดีที่สุด
เธอแค่จะตามพวกเขาไปเพื่อปกป้องเยอึนเท่านั้น กายุนมั่นใจว่าตนไม่ได้ชอบแทนอึนอย่างแน่นอน
แต่บางครั้งกายุนก็มั่นใจมากเกินไปจนลืมคิดไปว่า…การเข้าไปยุ่งอาจทำให้แทนอึนหันมาชอบเธอก็ได้
To be continued
ความคิดเห็น