ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [DECAMONO] เธอและฉันพบกันสวัสดี

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : Love at first sight

    • อัปเดตล่าสุด 28 ม.ค. 56


    Chapter 1 : Love at first sight

                    ในวันแรกของการขึ้นมาเรียนพิเศษที่กรุงเทพมหานคร ได้เกิดความวุ่นวายเล็กๆอันเป็นปกติของกลุ่มเดคาโมโน แม้จะมากันเพียงห้านางแต่ก็ยังเสียงดังโหวกเหวกประหนึ่งฝูงชะนี

                    ภายในห้องใหญ่ของคอนโดมิเนียมหรูระดับกลาง

                    “อ๊ายยยยย เตียงนอนนน!!”

                    มาร์กี้วิ่งกระโดดหมุนตัวลงบนเตียงนอนขนาดห้าฟุตด้วยท่าทีอันงดงาม

                    แต่แล้วก็ต้องโวยวายออกมาอีกครั้ง.. เหี้ยแม่ง! โคตรแข็งเลยT^T!!”

                    สมาชิกที่เดินตามเข้ามาในห้องก็ต่างหัวเราะเยาะกันอย่างโหวกเหวก  พลอยเพชรวางกระเป๋าไว้ข้างกำแพงแล้วนั่งแปะลงบนโซฟาพร้อมเน็ตบุ๊ค มึงช่วยดูด้วยอีกี้

                    “มึงงงงง กูอยากไปสยามปาร์ค แคทรบเร้า

                    ห้องใหม่ดูดีกว่าเดิมว่ะ แทนอึนพึมพำ

                    อีกี้หลบ กูนอนด้วย!” นะเอยกล่าว

                    พวกมึงงงงไปสยามปาร์คกัน อีกี้อีเอย ลุก  แคทเดินเข้ามาในห้องแล้วตบๆก้นของหมูน้อยทั้งสอง

                    ไม่!!”  กี้ตอบเสียงแข็งพลางกอดหมอนข้างแน่น

                    โอ้ยยยย ขี้เกียจ  นะเอยบ่นอุบอิบแล้วเดินไปส่องกระจก  ซึ่งแคทคิดว่าคงอีกนานจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปหาพลอยเพชร พลอยยย มึงอย่าเพิ่งเล่น ไปสยามปาร์คเป็นเพื่อนกู

                    “กูไม่ว่าง กูมีนัดกับเอสเจ!”  พลอยว่าเสียงสูงแล้วเริ่มเปิดยูทูบ  ขณะที่แคทยังไม่ละความพยายาม เอสเจดูเมื่อไหร่ก็ได้ เร็วๆสยามปาร์คเวลานี้แสงกำลังสวย กูอยากไปนั่งอินดี้

                    มึง..ไปชวนอีแทนไป๊

                    “แทนนน มึงคือความหวังสุดท้ายของกูแคทเบนเข็มไปทางแทนอึน 

                    “พวกมึง หิวอะแต่แทนอึนกลับมองข้าม

                    แทนนนไปสยามปาร์คแล้วไปหาอะไรกินกัน แคทก็ยังลากไปได้ ซึ่งมันได้ผลซะด้วย กินก่อนไปได้มั้ย

                    “ได้ ขอแค่มึงไปเป็นเพื่อนกูเถอะ

                    “เห้ยกูไปด้วยย กูหิววว เสียงนะเอยดังมาจากในห้อง  กลายเป็นว่ายูนิตย่อยที่แบ่งไปสยามก็ได้แก่แคท แทนอึน และนะเอย

                    ก่อนจะออกจากห้อง  แทนอึนหันมาถามพลอยเพชรซึ่งดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่  กูบอกมึงยัง ว่าพี่ชายคนละแม่กูจะมาอยู่ห้องตรงข้ามอะ

                    …

                    ไม่มีสัญญาณตอบรับจากพลอยเพชร  เนื่องจากนางกำลังหมกมุ่นอยู่กับคอม

                    มึงจะมีญาติเยอะไปไหนวะอีแทน พี่ชายมึงนี่คนไหนวะ มาร์กี้ตะโกนมาจากในห้อง

                    “เค้า..เพิ่งกลับมาจากอียิปต์อะ พวกมึงไม่เคยเห็น

                    ไกลแท้

                    ทั้งสามออกจากห้องไปแล้ว  ขณะที่มาร์กี้ควักไอโฟนออกมาเล่นHay Day ในใจก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย..

                    พี่ชายอีแทนจากอียิปต์ต้องมาแนวหน้าเหียกๆ ตัวใหญ่ๆ เถื่อนๆแน่เลย  แค่คิดก็ไม่ชอบให้มีผู้ชายประเภทนี้มาอยู่ห้องตรงข้ามแล้ว ! แม่งจะหอบผีมัมมี่มาหลอกหลอนพวกกูด้วยมั้ยเนี่ย

     

     

                    มึงงงงไหนว่ามาหาอะไรกินอะ

                    แทนเริ่มจะวิปเมื่อแคทนั่งแปะลงบนม้านั่งในสยามพาร์คแล้วคว้ากระดาษกับดินสอออกมาวาดรูปราวกับจะไม่ไปไหนเลย

                    พวกมึงไปกันสองคนละกันกูจะวาดรูป

                    “เอ๊า

                    แทนกล่าวอย่างงงๆแล้วทั้งสองก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไว้อาลัยให้กับความอินดี้ของแคท

                    แคทมึงจะมาเพื่อวาดรูปจริงๆใช่มั้ย”  นะเอยถามย้ำอีกที

                    “อือ มันสวยดีกูอยากวาด

                    “เออ ปะแทนงั้นเราไปไรกินกันเถอะ กูหิวจะตายห่าอยู่แล้ว

                    ทั้งสองพากันเดินออกไปหาอะไรกิน  ทว่าไม่นานหลังจากนั้น..สุ้มเสียงสำเนียงเพลงร็อคก็ดังแว่วมาจากที่ไหนสักแห่ง ดึงให้แคทจู่ๆก็หลุดออกมาจากภวังค์แห่งศิลปะจิตรกรรม

                    เห้ย..เพลงเพราะอะ  แคทวางปากกาลงแล้วหันไปตามเสียงนั้น

                    ดนตรีสดแน่เลย..อยากดูอะ

                    แคทเก็บทุกอย่างใส่กระเป๋า  แล้วเดินตามเสียงนั้นไปราวกับต้องมนต์สะกด  แคทเดินไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงด้านข้างเยื้องด้านหลังของลานพาร์คพารากอน

                    และแล้วภาพที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้แคทต้องชะงักกึก !

                    ไอ้เหี้ยหล่อสัด!”

                    ชายร่างสูง ผิวขาวสว่าง ผมสั้นสีน้ำตาลเข้ม  ดวงตาคมมีแววอ่อนโยนซ่อนอยู่ลึกๆ จมูกโด่งเป็นสัน  เรียวปากแดงคาบปิคกีตาร์สีดำ ขณะที่กำลังโซโล่กีตาร์อย่างมีสมาธิ

                    ท่าทางการโซโล่กีตาร์ของเขาดูนิ่งแตกต่างจากมือกีตาร์ทั่วไปที่จะต้องแอ็คหรือลงไปเล่นกับคนดู

                    แต่นั่นล่ะคือเสน่ห์ของเขาที่แคทมองเห็นมันตั้งแต่แรกพบ

                    จนกระทั่งถึงจังหวะสุดท้ายที่ต้องโซโล่ เขายิ้ม ยิ้มอย่างเขินอาย ยิ้มอย่างน่ารักที่สุดเท่าที่แคทเคยเห็นมา  รอยยิ้มนั้นมันทำให้แคทออกวิ่งทันที  เพื่อที่จะไปมองดูชายในฝันของตนให้ชัดๆจากด้านหน้า

                    แต่แล้ว

                    ปั้ก !

                    “โอ๊ย!”

                    แคทสะดุดขาตัวเองและตกลงไปอยู่ในหลืบอับๆที่ไม่มีใครเดินผ่านเลย  เธอร้องโอดครวญแล้วพยายามดึงตัวออกมาจากช่องหลืบนั้นให้เร็วที่สุด  ณ ตอนนี้ความเจ็บปวดที่ข้อเท้าก็ลืมมันไปหมดแล้วเพราะเธอต้องการแค่ได้มองเห็นคนๆนั้นก่อนที่เขาจะลงเวทีไป

                    โอ๊ยช่วยด้วยค่ะ ! ช่วยด้วย !”

                    เพราะเสียงดนตรีดังเกินไปจึงทำให้ไม่มีใครได้ยินเธอเลย  และผู้คนแถวนั้นก็ต่างสนใจเพียง ‘CNBLUE’ วงร็อคที่มาแรงอันดับหนึ่งในตอนนี้  แคทจึงได้แต่พยายามดึงขาตัวเองและกระโปรงยาวๆที่ไปติดอยู่ในหลืบนั้นออกมาด้วยแรงทั้งหมดที่มี

                    โอ๊ยทำไงดีเนี่ย

                    เธอตัดสินใจจะโทรเรียกให้แทนอึนและนะเอยรีบกลับมาช่วย  แต่แล้วความซวยก็มาเยือนเป็นรอบที่สอง

                    แก๊ง !

                    ฟึบ !

                    “ว้าย ! ไอโฟนช้านนนนนT^T!!”

                    ไอโฟนตอแหลสุดที่รักของแคทได้ตกกระทบราวสแตนเลสและลงไปสมทบในหลืบนั้นด้วย  แคทแทบจะร้องไห้เมื่อได้ยินเสียงของไอโฟนกระทบกับพื้นปูน  แคทพยายามจะเอื้อมมือลงไปสุดแขนเพื่อหยิบไอโฟนขึ้นมาแต่ก็ไม่เป็นผล

                    ณ ตอนนี้แคทไม่อยากให้ใครมาเห็นสภาพของตัวเองเลย  แต่จะอยู่อย่างนี้ไปตลอดก็ไม่ได้  จึงได้แต่ร้องขอความช่วยเหลือต่อไป

                    5 นาทีผ่านไป

                    การแสดงของ CNBLUE จบลง  สมาชิกในวงทั้ง 4 ต่างดูรีบร้อน  พวกเขาเดินลงมาจากเวทีโดยมีการ์ดคอยคุ้มกันอย่างเป็นระบบ

                    แคทพยายามตะโกนเผื่อว่าใครจะสนใจมองทางนี้บ้าง  แต่เสียงกรี๊ดของเหล่าแฟนๆก็ดังกลบ รวมถึงเสียงตึงตังๆของการวิ่งตามเพื่อที่จะแย่งชิงโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับศิลปินที่ตัวเองรักมากที่สุด

                    แคทยังคงพยายามจะดึงขาของตัวเองขึ้น  สายตาก็ยังจับจ้องมองตามชายในฝันของเธอไปจนเขาเดินเข้าไปในห้องทางด้านหลัง  แคทไม่แน่ใจนักว่ามันคือห้องอะไร  แต่ดูเหมือนว่า..

                    ..ห้องนั้นจะมีทางเชื่อมต่อกับที่ๆเธอกำลังติดแหง็กอยู่

                    ตึง !

                    เสียงของเครื่องจักรบางอย่างดังมาจากด้านบน  แคทกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ  เธอเงยหน้าขึ้นมองในขณะที่ความรู้สึกกลัวคืบคลานเข้ามา

                    ประตูเหล็กทั้งสองด้านค่อยๆถูกหย่อนลงมาสู่พื้นด้วยระบบอัตโนมัติ  แสงจากด้านนอกค่อยๆหดหายไปเรื่อยๆจนกระทั่งประตูปิดลงสนิท  ภายในบริเวณนั้นก็มีแต่ความมืด

                    แคทพูดอะไรไม่ออก..

                    เธอไม่รู้ว่าประตูนี้คืออะไร พวกเขาปิดมันทำไม สภาพหลืบที่เธอกำลังติดอยู่ตอนนี้กลายเป็นว่าดูเหมือนทางเดินแคบๆที่เชื่อมต่อโรงเก็บของทางด้านข้างของห้างพารากอน  แต่ถ้าพวกเขาสั่งปิดประตูอย่างนี้ไม่มีผู้คนผ่านมาเห็นเลย แล้วเธอจะออกจากที่นี่ได้อย่างไร ?

                    พ่อจ๋าแม่จ๋า อาตา โตโต้ช่วยหนูด้วยT^T!!”

                    ไม่นานหลอดไฟนีออนก็สว่างขึ้น  แคทเงยหน้าขึ้นมองรอบๆอย่างตื่นกลัว  มีเสียงผู้คนไม่เกิน 10 คนเดินมาจากด้านหลัง เธอรีบตะโกนทันที

                    ช่วยด้วยค่ะ ! มีคนติดอยู่ตรงนี้ !”

                    ชายชุดดำที่เดินนำมาหยุดเดินทันที  เขากางแขนออกเพื่อคุ้มกันคนที่ตามหลังมาด้วยสัญชาตญาณ

                    เกิดอะไรขึ้นน่ะ

                    หนึ่งในคนทีเดินตามหลังถามแล้วชะเง้อหน้ามอง  ผู้ที่เป็นบอดี้การ์ดจึงหันไปตอบ ไม่แอนตี้แฟนก็ซาแซงแฟนแน่ๆ  มุขนี้ผมเห็นจนเบื่อ.. พวกคุณอยู่กับเมเนเจอร์ตรงนี้ก่อน  ผมจัดการเอง

                    การ์ดชุดดำเดินตรงเข้ามาหาแคท  เขาโยนอะไรบางอย่างใส่หน้าเธอ เอ้านี่ ค่าขนม แล้วกลับไปเรียนหนังสือซะนะ อย่าทำให้พ่อแม่ต้องเดือดร้อนด้วยวิธีแบบนี้เลย

                    แคทมองแบงก์พันประมาณสองสามใบที่ร่วงหล่นใส่มือเธออย่างอึ้งๆ  ยังไม่ทันที่แคทจะเงยหน้าขึ้นมาแก้ข่าวอะไร  การ์ดคนนั้นก็เดินนำไป  พร้อมทั้งกลุ่มคนเล็กๆที่ดูเหมือนจะเป็นคนดังก็เดินตามไป  พวกเขาเดินอย่างรวดเร็วจนแคทมองไม่ทันว่าใครเป็นใครแล้วก็งงไปหมดแล้ว

                    ยังไงก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกไปหมด แคทจะต้องขอให้พวกเขาช่วยดึงเธอขึ้นมาก่อน ไม่งั้นคงต้องนอนในนี้แน่ๆ พี่ชาย ! เดี๋ยว..”

                    ชายที่เดินคนหลังสุดหันมาหาเธอ

                    พี่ช่วยดึงฉันขึ้นไปหน่อยนะคะ ขามัน..ติดร่อง

                    จงฮยอน ขึ้นรถเถอะน่า เดี๋ยวยัยแอนตี้แฟนคนนี้ก็ดึงนายตกลงไปด้วยหรอก

                    เพื่อนศิลปินของเขาหันมาบอก  แต่ดูเหมือนว่าจงฮยอนจะไม่สนใจ  เพื่อนๆในวงก็ต่างเซ็งกับความใจดีเกินเหตุของจงฮยอนจึงพากันเดินต่อไปทางด้านหน้า เดี๋ยวมันก็เดินตามมาเองหละน่า

                    จับมือฉันสิ  เสียงของเขานุ่มทุ้มและฟังดูอบอุ่น  จงฮยอนยื่นมือให้กับแคท เขาระบายยิ้มบางๆอย่างเป็นมิตร.. ภายในความมืด

                    แต่รอยยิ้มนั้นก็ดูประหลาดในคราวเดียวกัน

                    แคทยื่นมือออกไปจับมือของเขาไว้ เธอพูดไม่ออก เธอไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าชายในฝันที่เล่นกีตาร์อยู่บนเวทีเมื่อครู่ จะมาอยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้

                เหยดดดด เหี้ย ! หล่อ ! โอ้ย ทำไมต้องมาเจอกรูในสภาพนี้ด้วยเนี่ยT^T มือนิ่มอะ เป็นคนดีอีกต่างหาก ! ใจบุญพ่อพระเทวดาชัดๆ!!

                จงฮยอน จงฮยอน จงฮยอน กรูจะจำชื่อนี้ไปจนวันตาย !

     

     

                    “แทนกูมีอะไรจะบอก

                    นะเอยเดินนำมาหยุดอยู่ตรงหน้าผับแห่งหนึ่ง  ผู้คนเริ่มจะหนาแน่นในบริเวณนี้เพราะเป็นเวลาหัวค่ำ ไรอะ

                    “กูแม่ง อกหักอะมึง

                    “…”

                    “ฮยอกแจมันทิ้งกูอะมึงงง

                    “เออ..กูรู้

                    .กูอยากเมาอะมึงงงง!!”

                    “นั่นไง

                    นะเอยเข้ามาเกาะแขนแทนอึนพลางรบเร้าด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า มึงงงง วันนี้ไม่ใช่วันพระอะแทน มึงไปเมาเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ มึงงงงง นานๆที

                    “ไม่ดีมั้ง…”

                    “เนี่ยๆๆเข้าฮาร์ดร็อคกัน มึงไม่ต้องกินก็ได้ แทนนนนน

                    แทนอึนเงียบไปด้วยความลำบากใจ  ขณะที่นะเอยก็เงียบอย่างรอฟังคำตอบ  ดวงตาตี่ๆมีน้ำตาคลอเอ่อล้น

                    จริงๆแล้วแทนอึนไม่ได้อยากจะใจร้ายกับนะเอยเท่าไรนัก  แต่ตั้งแต่เดินมาจากสยามปาร์ค..เขาก็รู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังตามเขามาราวกับเงา

                    นั่นทำให้แทนอึนไม่สบายใจเลยจริงๆ

                    …

                    ป้ะ!”

                    “เย้!”

                    แต่ในที่สุดแทนอึนก็ยอมตามใจ (ไม่ใช่อะไรหรอก ลึกๆก็อยากไง)  ทั้งคู่พากันเดินเข้าผับโดยมีนะเอยเดินนำไปอย่างเริงร่า

                    แต่ทันทีที่หย่อนก้นลงบนเก้าอี้  แทนอึนก็รู้สึกถึงพลังงานบางอย่าง..  เสียงลำไส้ใหญ่กับลำไส้ตรงสลับกันทำงานอย่างแข็งขันเป็นสัญญาณบอกว่าแทนอึนควรไปขี้

                    เอย มึงสั่งไปก่อนนะ

                    “ทำไมอ้ะ

                    “กูปวดขี้

                    เออๆมึงเอาอะไรล่ะ

                    “อะไรก็ได้ สปายก็ได้

                    “เออๆ

                    ร่างสูงใหญ่รีบวิ่งฝ่าผู้คนที่กำลังแดนซ์กระจายไปยังห้องน้ำทันที  เมื่อแทนอึนเข้าไปในห้องน้ำหญิง  ภายในนั้นมีห้องส้วมเพียงสามห้อง  แทนอึนกำลังจะเข้าห้องขวาสุด  แต่กลับมีใครไม่รู้โผล่ตัดหน้าเขาเข้าไปก่อน  แทนอึนจึงไม่สนใจแล้วรีบวิ่งเข้าห้องตรงกลางด้วยความเร็วสูง

                    ปู้ดดดดด

                    ต๋อม !

                    ฮ้าาาา ^o^

                    แต่ขณะที่เขากำลังปลดปล่อยความทุกข์  เสียงก๊อกๆก็ดังขึ้นจากห้องข้างๆ

                    ขอโทษนะคะ  มีทิชชู่หรือเปล่าคะ

                    แย่งห้องน้ำกู แต่เสียงเพราะจัง >< แทนอึนคิดในใจ

                    มีค่ะ  เขาตอบไม่ถนัดนักเพราะกำลังเบ่งขี้

                    อ๊าย ! ดีจัง.. ขอหน่อยได้มั้ยคะ ห้องนี้ไม่มีทิชชู่

                    แล้วเจ้าของเสียงสวยก็ยื่นมือลอดผ่านช่องผนังมาข้างล่าง  แทนอึนรู้สึกเขินๆแปลกๆยังไงไม่รู้…>< ถึงอย่างนั้นเขาก็รีบขี้ก้อนสุดท้ายให้เสร็จแล้วดึงทิชชู่ออกมาเยอะๆ พลางเอื้อมส่งไปให้เธอ

                    ขอบคุณค่ะ^-^”

                    มือนิ่มจัง แทนอึนได้แต่คิดอยู่อย่างนั้น

                    และแล้วทั้งคู่ก็ทำธุระเสร็จพร้อมกัน  พวกเขาเปิดประตูห้องน้ำออกมาพร้อมกันและเกือบจะเดินชนกัน

                    อุ้ย!”

                    “ว้ายแหก!”

                    เธอคนนั้นอุทานเสียงดังก่อนที่จะยิ้มกว้าง ฉันนี่แย่จังนะคะ เข้าห้องน้ำไม่ดูให้ดี แล้วยังจะเดินชนคุณอีก แหะๆ^^”

                    ทว่าแทนอึนสตั๊นท์ไป 3 วิ

                    สวย..

                    อวบ..

                    อึ๋ม..

                    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!

                    “มะ..ไม่เป็นไร

                    “ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะ

                    เธอยังคงยิ้มจนตาปิดแล้วคว้ามือแทนอึนมาเชคแฮนด์ คือกูยังไม่ได้ล้างมือไง เขาคิด

                    ถ้าไม่ได้คุณนี่ฉันต้องตายแน่ๆเลยค่ะ ชีวิตฉันคงจบสิ้น

                    แทนอึนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยิ้มแหยๆแล้วก็พยักหน้าหงึกหงัก แต่แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในสมอง ทำความรู้จักซักหน่อยดีไหมวะ ?

                    ไม่ ! อย่าดีกว่า ช่างเถอะ

                หรือว่าจะลองชวนคุยดีวะ ?

                ฮึ้ยยย อย่าเลย..

                แต่แล้วคำพูดประโยคหนึ่งของมาร์กี้ก็แว้บเข้ามาในหัว แทนมึงอะเหมือนคนจีบหญิงไม่เป็น มึงถึงได้แห้วอยู่จนทุกวันนี้ไง!’

                    …

                    เอาวะ!!

                    “งั้น..ฉันไปก่อนนะคะ

                    เธอหันมายิ้มหวานให้กับแทนอึนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินตัวปลิวออกไป  แทนอึนรู้สึกเหมือนมีอีกานับล้านบินผ่านตนไปก็ไม่ปาน

                    โธ่เอ๊ย..แห้วอีกละ

                    แทนอึนพึมพำแล้วพยายามขับไล่ภาพใบหน้าอันสวยคมนั้นออกไป ช่างมันเถอะวะอีแต๋น นี่มันคงไม่ใช่วันของเรา

                    ทว่า

                    “เอาแล้วไง

                    ข้าศึกก็ลงอีกรอบ  แทนอึนวิ่งกลับเข้าห้องน้ำห้องเดิมไปอย่างรวดเร็ว

                    แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะหนักกว่าเดิม  แทนอึนเบ่งขี้อย่างทุกข์ทรมาณ  จนกระทั่งได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงเดินมาเข้าห้องน้ำทางขวา  เขาก็ไม่กล้าเบ่งแรงเพราะกลัวเสียงรบกวน

                    และเมื่อการผจญภัยของขี้จบสิ้นลง  แทนอึนก็ยื่นมือไปหยิบทิชชู่ด้วยความโล่งใจ โล่งก้น

                    ทว่า(อีกแล้ว)

                    ผ่าง  ทิชชู่หมด !!!!

                     ไบรอันจริงกูเพราะยัยอ้วนเมื่อกี้แท้ๆเลยเชียว !

                    ก๊อกๆๆ โทษนะคะ ห้องนั้นมีทิชชู่มั้ยคะ แทนอึนจำต้องเคาะห้องน้ำทางขวาเพื่อขอทิชชู่ประทังชีวิต

                    มี แป๊ปนะ

                    แทนอึนรู้สึกว่าเสียงของเธอคล้ายๆเสียงผู้หญิงคนเมื่อกี๊ แต่ห้วนกว่ามาก 

                    ไม่นานเธอก็ยื่นทิชชู่ลอดมาให้ แทนอึนกล่าวขอบคุณ ขอบคุณค่ะ

                    ผู้หญิงสมัยนี้มือนิ่มกันหมดหรือกูมือแข็งเองวะ.. เขาคิดในใจ

                    คราวนี้แทนอึนทำธุระเสร็จก่อนคนห้องข้างๆ  แต่พอเขาล้างมือเสร็จเรียบร้อย  เธอกลับตะโกนออกมา คุณทิชชู่ห้องฉันให้คุณไปหมดแล้วน่ะ  คุณเอาจากห้องอื่นมาให้ฉันหน่อยสิ

                    ด้วยความมีน้ำใจ แทนอึนจึงเข้าไปในห้องน้ำห้องแรกแล้วดึงทิชชู่ออกมา  แต่แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่า  ยัยอ้วนคนเมื่อกี๊บอกว่าห้องแรกทิชชู่หมดไม่ใช่หรือ !?

                    เอาแล้วไง หรือเธอคนนั้นจะไม่เห็น ? ก็ไม่น่าเป็นไปได้นะ ทิชชู่ห้องแรกออกจะมีเยอะซะขนาดนี้

                    หรือว่าเธอจะชอบเรา ก็เลยหาเรื่องคุย ><

                    จะบ้าเหรอ ! เขาจะมาปิ๊งเราเพราะเสียงตดรึไง หน้ายังไม่เคยเห็นกันเลย-.-

                    จู่ๆแทนก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าสตางค์วางอยู่บนชั้นหลังชักโครก  เขาจึงรีบหยิบมันมาแล้วเปิดดู

                    บัตรประชาชน..นี่มันของยัยอ้วนคนเมื่อกี๊นี่ ! ปาร์ค เย อึน…”

                    คุณ ! ทิชชู่ฉันได้รึยัง !”

                    “อ้าวเห้ยลืมๆๆ

                    แทนอึนรีบปิดกระเป๋าสตางค์แล้วเอาทิชชู่ไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ก่อน  เมื่อเขาส่งทิชชู่ให้กับเธอแล้วเขาก็ยังคงยืนอยู่หน้าห้องน้ำ  สำรวจกระเป๋าสตางค์สีเขียวอยู่อย่างนั้น

                    โหขนาดรูปในบัตรประชาชนยังสวยเลย

                    แทนอึนควักเงินออกมาดูด้วยความสงสัย พกตังค์เยอะซะด้วยแฮะ

                    แอ๊ดดดด

                    ขณะที่หญิงสาวในห้องน้ำเปิดประตูออกมาและกำลังจะกล่าวขอบคุณแทนอึน  เธอกลับหยุดแล้วชี้หน้าเขา คุณ ! นี่มัน..กระเป๋าตังค์พี่สาวฉันนี่ !”

                    เธอฉวยกระเป๋าสตางค์ไปจากมือแล้วเปิดดูบัตรประชาชน ชัดเลย ! นี่คุณเป็นขโมยใช่มั้ย! ก็ว่าทำไมใช้ให้หยิบทิชชู่นาน

                    “เฮ้ย ! เปล่านะ ! เราก็แค่…”

                    “ช่วยด้วยยยยย ! ช่วยด้วยยยย ! มันขโมยกระเป๋าตังค์พี่สาวฉัน !!”

                    แทนอึนเพิ่งสังเกตว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาและหุ่นคล้ายๆคนเมื่อกี๊ แต่ใบหน้าสวยหวานกว่าและตัวเล็กกว่า….แต่ก็ช่างเถอะ ! แทนอึนไม่สนใจอะไรอีกแล้ว  เขาตรงเข้าไปคว้าตัวเธอไว้แล้วปิดปากไม่ให้เสียงเธอเล็ดรอดออกมา

                    เธอ ! อย่าเพิ่งโวยวายสิ เดี๋ยวคนเข้าใจผิดหมด!”

                    “อ้วยอ้วยยยย อ้วยอ้วยยยย อะโอยยยยย!!!” (ช่วยด้วยยยยย ช่วยด้วยยยยย ขโมยยยยยย!!!)

                    “นี่ ! หยุดตะโกนก่อน ! เราไม่ได้ขโมยยยย เราเก็บได้!!”

                    “เอ็บไอ้แอ๊วเอาอังออกอาอำไม!! อ้วยอ้วยยยย!!!” (เก็บได้แล้วเอาตังค์ออกมาทำไม!! ช่วยด้วยยยย!!!)

                    “ก็เอาออกมาดูเฉยๆอะ โธ่เว้ย!”

                    แทนอึนไม่รู้จะจัดการยังไงกับผู้หญิงคนนี้แล้ว  เขาพลิกร่างเธอแล้วดันให้ชิดผนัง  เธอเบิกตาโพลงด้วยความตกใจพูดอะไรไม่ออก..ได้แต่ตกตะลึงกับใบหน้าคมที่เข้ามาในระยะใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ

                    กว่าจะเงียบได้นะ..”  แทนอึนกระซิบพลางส่งสายตาตำหนิ

                    หญิงสาวไม่อยากจะยอมรับเลยว่าเธอรู้สึกหวั่นไหวกับสายตาแบบนี้..

                    ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไรต่อ  เสียงฝีเท้าที่ดังมาจากประตูหน้าห้องน้ำก็ทำให้ทั้งคู่ต้องหันไปมอง

                    กะ..กายุน!” ผู้มาใหม่เรียกด้วยความตกใจ

                    “พี่เยอึน ! นายคนนี้มันขโมยกระเป๋าตังค์พี่!!”

                    เยอึนนิ่งกว่าที่ควรเป็น  นั่นทำให้กายุนผู้เป็นน้องแปลกใจและพยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากพันธนาการของแทนอึน  แต่แทนอึนก็มัวแต่ลนและไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรก่อนดี

                    พวกเธอรู้จักกันเหรอ?”

                    เยอึนภาวนาในใจไม่ให้พวกเขาเป็นอะไรกัน ไม่สิพวกเขาไม่ควรรู้จักกันด้วยซ้ำ !

                    เธอจะไม่แย่งผู้ชายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของฉันไปสักคนได้มั้ยฮอกายุน

                กับคนนี้พี่ขอเถอะนะ  เธอไม่รู้หรอกว่าพี่ตามเขามาตั้งแต่สยามปาร์ค แล้วก็แกล้งทำเป็นทิชชู่หมด  พี่ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพราะเชื่อว่ามันคือรักแรกพบ เธอกับเขา มาทำอะไรกันที่นีกันแน่ ??

     

     

                    แคทปลาบปลื้มจนลืมไปแล้วว่าเธอมาอยู่ในอ้อมแขนของจงฮยอนตั้งแต่เมื่อไหร่  ชายในฝันของเธออุ้มเธอมาจนถึงรถตู้ศิลปินของเขา  เขาค่อยๆวางเธอลงด้วยความอ่อนโยน  ขณะที่เพื่อนๆขึ้นรถกันหมดแล้วและมองมาอย่างเอือมๆ

                    ฉันขอถามอะไรพี่หน่อยได้มั้ยคะ

                    “ได้สิ

                    “ทำไมพี่ถึงช่วยฉันล่ะคะ

                    จงฮยอนยิ้ม เขาถามกลับ เธอเป็นแฟนคลับของฉันหรือเปล่าล่ะ

                    แคทนึกในใจ แฟนคลับงั้นเหรอเราเพิ่งรู้จักเค้าแล้วก็ชอบเค้า ถือว่าเป็นแฟนคลับได้มั้ยนะ-//-

                    เป็นก็แล้วกัน !

                    ค่ะ

                    ดูเหมือนเด็กกระแสเลยเรา ขอเป็นอีบัวซักวัน !

                    “นั่นล่ะ พี่ต้องช่วยเหลือคนที่รักและสนับสนุนพี่อยู่แล้ว

                    โชคดีที่เสียงอ้วกเสียงแหวะของเพื่อนร่วมวงจากในรถตู้ไม่ดังพอที่แคทจะได้ยิน  เธอยิ้มอย่างเขินๆแล้วก็เริ่มไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อดี  เธอจึงทำเป็นเดินไปทางอื่น

                    แต่แล้วปั้ก !

                    “โอ๊ย!”

                    ข้อเท้าของแคทยังไม่แข็งแรงพอที่จะเดิน  จงฮยอนรีบเข้าไปประคองเธอแล้วถามอย่างห่วงใย เดินไม่ได้เหรอครับ..”

                    “เดินได้ก็เดินไปแล้วดิไอฟายยงฮวาพึมพำอยู่ในรถด้วยความหมั่นไส้

                    หม้อจัดเลยเพื่อนกูมินฮยอกกล่าว

                    ยัยนี่สำออยมากว่าม้างงงงงจองชินบวก

                    มันเจ็บๆอะพี่ แคทตอบไปตามตรงแล้วพยายามจะทรงตัวเพราะเกร็งสุดขีด  แต่จงฮยอนก็ช่วยยังประคองอยู่

                    ลองเดินอีกทีนะ

                    แล้วแคทก็ต้องล้มอีกรอบ  แต่ครั้งนี้จงฮยอนประคองไว้ได้ทัน  เขาหันไปสบตากับคนขับรถตู้แว้บหนึ่งเป็นการส่งซิกซ์ให้ไปได้ แล้วจึงอุ้มร่างระหงขึ้นมาอีกรอบ

                    ว้าย!”

                    “ฉันว่าต้องปฐมพยาบาลหน่อยแล้วล่ะ

     

     

                    ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงร้านขายยาด้วยแท็กซี่  ซึ่งจงฮยอนนั้นใส่แว่นกันแดด มาสค์ และใส่หมวกมาเต็มยศเพื่อเป็นการพรางตัว  แต่แคทคิดว่านั่นยิ่งดูเด่นผิดมนุษย์มนาทั่วไป

                    จงฮยอนวางร่างของแคทลงบนม้านั่งข้างๆร้าน  มีเพียงแสงไฟข้างถนนเท่านั้นที่สาดส่องลงมาให้ทั้งคู่ได้มองเห็นกันและกัน

                    จงฮยอนคุกเข่าลง  แคทรู้สึกเกรงใจแต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง

                    เขาถอดรองเท้าของเธอออกโดยไม่พูดไม่จา  นิ้วเรียวสวยค่อยๆไล้ยาแก้ฟกช้ำลงรอบๆข้อเท้าของแคทอย่างเบามือ  เขาบรรจงทายาและพันผ้าให้กับเธออย่างอ่อนโยน  มันทำให้แคทรู้สึกปลื้มใจเสียจนคิดว่าฝันไป

                ทำไมนักร้องดังอย่างเขาจะต้องมาทำอะไรเพื่อคนธรรมดาๆอย่างเรามากขนาดนี้ด้วยนะ

                    “เดี๋ยวสิ ยังไม่เสร็จ  เขาพูดขึ้นเมื่อแคทกำลังจะชักเท้ากลับเพราะเธอเห็นว่าเขาพันผ้าและกลัดเข็มกลัดเรียบร้อยแล้ว

                    จงฮยอนควักอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า..มันคือปากกาเมจิกนั่นเอง  เขาเขียนอะไรบางอย่างลงไปบนผ้านั้นอย่างเบามือและรวดเร็ว  ดูเหมือนว่าเขาจะแกล้งไม่ให้แคทอ่านมันทัน  จงฮยอนรีบเขียนและรีบใส่รองเท้าให้กับเธอ  เขาลุกขึ้นยืนพลางพูดเสียงใส  ป้ะ ! คราวนี้ก็กลับบ้านได้แล้วนะเรา

                    แคทยิ้มขอบคุณเขาอย่างจริงใจ  เธอมีความสุขเหลือเกินที่เขาแสนดีกับเธอได้ถึงขนาดนี้  แคทลุกขึ้นยืนโดยมีจงฮยอนประคอง

                    โอ๊ะเอาแล้วไง!”

                    “หืม?”

                    “พี่ชายฉันลืมไอโฟนไว้ที่พารากอน!”

                    “เวร

                    “พี่ชายคะ ทำไงดี!”

                    แคทเขย่าๆแขนของจงฮยอนโดยลืมความเกรงใจไปหมดสิ้น  ฮือออออ!! พี่ชาย!! ไอโฟนตอแหลที่รักไอโฟนที่ได้มาเพราะน้ำพักน้ำแรง..ไอโฟนที่ใช้เงินทั้งชีวิตซื้อจนไม่เหลือเงินไว้ซื้อเคสและติดฟิล์มT^T!! พี่ชาย!!! ทำไงดี!!!”

                    “เดี๋ยวๆใจเย็นก่อนนะครับ  จงฮยอนแอบถอนหายใจเบาๆแล้วหันมารับมือกับแฟนคลับคนนี้ เธอวางมันไว้ส่วนไหนของพารากอน จำได้หรือเปล่า?

                    แคทหันกลับมาตอบจงฮยอนด้วยน้ำตานองหน้า.. “ในท่อใต้ราวสแตนเลสตรงทางเดินลับของห้างค่ะพี่ชาย..”

     

     

                    ขณะที่มาร์กี้กำลังหลับใหล  น้ำย่อยในกระเพาะของพลอยก็งอแงขึ้นมา

                    อีกี้หลับ-.- กูไปคนเดียวดีกว่า

                    พลอยเพชรปิดเน็ตบุ๊คแล้วลงไปหาอะไรกินข้างล่าง  เธอเดินไปคนเดียวในความมืดอย่างไม่กลัวอะไร

                    จนกระทั่ง

                    “คุณชาย! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!”

                    ภายในซอยมืดเปลี่ยว พลอยเพชรได้ยินเสียงฝีเท้าของมนุษย์หลายคนกำลังวิ่ง  ซึ่งดูเหมือนว่านี่คือการไล่ล่า

                    นี่คือสงคราม !

                    “เห้ย จับคุณชายไว้ดิ ไปไหนแล้ววะ!!” เสียงนั่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  พลอยเพชรเริ่มรู้สึกว่าตนไม่ปลอดภัย  เธอเดินกลับไปทางเดิมด้วยความรวดเร็ว

                    แต่จู่ๆกลับมีร่างสูงวิ่งมาซ้อนหลังเธอแล้วพาร่างของเธอหลบเข้าไปในซอกตึก เขาดันเธอชิดผนังตึกแล้วยึดมือทั้งสองของเธอเอาไว้  เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่พลอยเพชรตั้งสติไม่ทัน  เธออุทานเสียงดังด้วยความตกใจ  พลอยเพชรอ้าปากกำลังจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่ชายหนุ่มตรงหน้าเธอกลับชู่ว์ปากและจ้องมองเธอด้วยสายตากึ่งอ้อนวอนกึ่งบังคับ

                    ให้ความร่วมมือฉันหน่อยเถอะ ขอร้อง

                    เขากระซิบขอร้อง  ทว่าพลอยเพชรกลับรู้สึกว่ามันดูเหมือนออกคำสั่งมากกว่า

                    นายคงจะเป็นคุณชายที่พวกเขากำลังไล่ตามสินะ

                    พลอยเพชรกระซิบบอกเขาอย่างไม่เกรงกลัวเลยสักนิด

                    อืม..”

                    แล้วพวกเขาก็เงียบเพื่อฟังเสียงฝีเท้า  แต่พวกเขากลับได้ยินเพียงเสียงลมหายใจและเสียงหัวใจที่เต้นระรัว  ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะตื่นเต้นกับการไล่ล่าหรือเพราะอะไรกันแน่

     

                    To be continued               

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×