คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : Love at first sight
Chapter 1 : Love at first sight
ในวันแรกของการขึ้นมาเรียนพิเศษที่กรุงเทพมหานคร ได้เกิดความวุ่นวายเล็กๆอันเป็นปกติของกลุ่มเดคาโมโน แม้จะมากันเพียงห้านางแต่ก็ยังเสียงดังโหวกเหวกประหนึ่งฝูงชะนี
ภายในห้องใหญ่ของคอนโดมิเนียมหรูระดับกลาง
“อ๊ายยยยย เตียงนอนนน!!”
มาร์กี้วิ่งกระโดดหมุนตัวลงบนเตียงนอนขนาดห้าฟุตด้วยท่าทีอันงดงาม
แต่แล้วก็ต้องโวยวายออกมาอีกครั้ง.. “เหี้ยแม่ง! โคตรแข็งเลยT^T!!”
สมาชิกที่เดินตามเข้ามาในห้องก็ต่างหัวเราะเยาะกันอย่างโหวกเหวก พลอยเพชรวางกระเป๋าไว้ข้างกำแพงแล้วนั่งแปะลงบนโซฟาพร้อมเน็ตบุ๊ค “มึงช่วยดูด้วยอีกี้”
“มึงงงงง กูอยากไปสยามปาร์ค” แคทรบเร้า
“ห้องใหม่ดูดีกว่าเดิมว่ะ” แทนอึนพึมพำ
“อีกี้หลบ กูนอนด้วย!” นะเอยกล่าว
“พวกมึงงงงไปสยามปาร์คกัน อีกี้อีเอย ลุก” แคทเดินเข้ามาในห้องแล้วตบๆก้นของหมูน้อยทั้งสอง
“ไม่!!” กี้ตอบเสียงแข็งพลางกอดหมอนข้างแน่น
“โอ้ยยยย ขี้เกียจ” นะเอยบ่นอุบอิบแล้วเดินไปส่องกระจก ซึ่งแคทคิดว่าคงอีกนานจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปหาพลอยเพชร “พลอยยย มึงอย่าเพิ่งเล่น ไปสยามปาร์คเป็นเพื่อนกู”
“กูไม่ว่าง กูมีนัดกับเอสเจ!” พลอยว่าเสียงสูงแล้วเริ่มเปิดยูทูบ ขณะที่แคทยังไม่ละความพยายาม “เอสเจดูเมื่อไหร่ก็ได้ เร็วๆ…สยามปาร์คเวลานี้แสงกำลังสวย กูอยากไปนั่งอินดี้”
“มึง..ไปชวนอีแทนไป๊”
“แทนนน มึงคือความหวังสุดท้ายของกู” แคทเบนเข็มไปทางแทนอึน
“พวกมึง หิวอะ” แต่แทนอึนกลับมองข้าม
“แทนนนไปสยามปาร์คแล้วไปหาอะไรกินกัน” แคทก็ยังลากไปได้ ซึ่งมันได้ผลซะด้วย “กินก่อนไปได้มั้ย”
“ได้ ขอแค่มึงไปเป็นเพื่อนกูเถอะ”
“เห้ยกูไปด้วยย กูหิววว” เสียงนะเอยดังมาจากในห้อง กลายเป็นว่ายูนิตย่อยที่แบ่งไปสยามก็ได้แก่แคท แทนอึน และนะเอย
ก่อนจะออกจากห้อง แทนอึนหันมาถามพลอยเพชรซึ่งดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ “กูบอกมึงยัง ว่าพี่ชายคนละแม่กูจะมาอยู่ห้องตรงข้ามอะ”
…
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากพลอยเพชร เนื่องจากนางกำลังหมกมุ่นอยู่กับคอม
“มึงจะมีญาติเยอะไปไหนวะอีแทน พี่ชายมึงนี่คนไหนวะ” มาร์กี้ตะโกนมาจากในห้อง
“เค้า..เพิ่งกลับมาจากอียิปต์อะ พวกมึงไม่เคยเห็น”
“ไกลแท้”
ทั้งสามออกจากห้องไปแล้ว ขณะที่มาร์กี้ควักไอโฟนออกมาเล่นHay Day ในใจก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย..
พี่ชายอีแทนจากอียิปต์…ต้องมาแนวหน้าเหียกๆ ตัวใหญ่ๆ เถื่อนๆแน่เลย แค่คิดก็ไม่ชอบให้มีผู้ชายประเภทนี้มาอยู่ห้องตรงข้ามแล้ว ! แม่งจะหอบผีมัมมี่มาหลอกหลอนพวกกูด้วยมั้ยเนี่ย…
“มึงงงงไหนว่ามาหาอะไรกินอะ”
แทนเริ่มจะวิปเมื่อแคทนั่งแปะลงบนม้านั่งในสยามพาร์คแล้วคว้ากระดาษกับดินสอออกมาวาดรูปราวกับจะไม่ไปไหนเลย
“พวกมึงไปกันสองคนละกันกูจะวาดรูป”
“เอ๊า”
แทนกล่าวอย่างงงๆแล้วทั้งสองก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไว้อาลัยให้กับความอินดี้ของแคท
“แคทมึงจะมาเพื่อวาดรูปจริงๆใช่มั้ย” นะเอยถามย้ำอีกที
“อือ มันสวยดีกูอยากวาด”
“เออ ปะแทนงั้นเราไปไรกินกันเถอะ กูหิวจะตายห่าอยู่แล้ว”
ทั้งสองพากันเดินออกไปหาอะไรกิน ทว่าไม่นานหลังจากนั้น..สุ้มเสียงสำเนียงเพลงร็อคก็ดังแว่วมาจากที่ไหนสักแห่ง ดึงให้แคทจู่ๆก็หลุดออกมาจากภวังค์แห่งศิลปะจิตรกรรม
“เห้ย..เพลงเพราะอะ” แคทวางปากกาลงแล้วหันไปตามเสียงนั้น
“ดนตรีสดแน่เลย..อยากดูอะ”
แคทเก็บทุกอย่างใส่กระเป๋า แล้วเดินตามเสียงนั้นไปราวกับต้องมนต์สะกด แคทเดินไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงด้านข้างเยื้องด้านหลังของลานพาร์คพารากอน
และแล้วภาพที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้แคทต้องชะงักกึก !
“ไอ้เหี้ย…หล่อสัด!”
ชายร่างสูง ผิวขาวสว่าง ผมสั้นสีน้ำตาลเข้ม ดวงตาคมมีแววอ่อนโยนซ่อนอยู่ลึกๆ จมูกโด่งเป็นสัน เรียวปากแดงคาบปิคกีตาร์สีดำ ขณะที่กำลังโซโล่กีตาร์อย่างมีสมาธิ
ท่าทางการโซโล่กีตาร์ของเขาดูนิ่งแตกต่างจากมือกีตาร์ทั่วไปที่จะต้องแอ็คหรือลงไปเล่นกับคนดู
แต่นั่นล่ะ…คือเสน่ห์ของเขาที่แคทมองเห็นมันตั้งแต่แรกพบ
จนกระทั่งถึงจังหวะสุดท้ายที่ต้องโซโล่ เขายิ้ม… ยิ้มอย่างเขินอาย ยิ้มอย่างน่ารักที่สุดเท่าที่แคทเคยเห็นมา รอยยิ้มนั้นมันทำให้แคทออกวิ่งทันที เพื่อที่จะไปมองดูชายในฝันของตนให้ชัดๆจากด้านหน้า
แต่แล้ว…
ปั้ก !
“โอ๊ย!”
แคทสะดุดขาตัวเองและตกลงไปอยู่ในหลืบอับๆที่ไม่มีใครเดินผ่านเลย เธอร้องโอดครวญแล้วพยายามดึงตัวออกมาจากช่องหลืบนั้นให้เร็วที่สุด ณ ตอนนี้ความเจ็บปวดที่ข้อเท้าก็ลืมมันไปหมดแล้วเพราะเธอต้องการแค่ได้มองเห็นคนๆนั้นก่อนที่เขาจะลงเวทีไป
“โอ๊ย…ช่วยด้วยค่ะ ! ช่วยด้วย !”
เพราะเสียงดนตรีดังเกินไปจึงทำให้ไม่มีใครได้ยินเธอเลย และผู้คนแถวนั้นก็ต่างสนใจเพียง ‘CNBLUE’ วงร็อคที่มาแรงอันดับหนึ่งในตอนนี้ แคทจึงได้แต่พยายามดึงขาตัวเองและกระโปรงยาวๆที่ไปติดอยู่ในหลืบนั้นออกมาด้วยแรงทั้งหมดที่มี
“โอ๊ย…ทำไงดีเนี่ย”
เธอตัดสินใจจะโทรเรียกให้แทนอึนและนะเอยรีบกลับมาช่วย แต่แล้ว…ความซวยก็มาเยือนเป็นรอบที่สอง
แก๊ง !
ฟึบ !
“ว้าย ! ไอโฟนช้านนนนนT^T!!”
ไอโฟนตอแหลสุดที่รักของแคทได้ตกกระทบราวสแตนเลสและลงไปสมทบในหลืบนั้นด้วย แคทแทบจะร้องไห้เมื่อได้ยินเสียงของไอโฟนกระทบกับพื้นปูน แคทพยายามจะเอื้อมมือลงไปสุดแขนเพื่อหยิบไอโฟนขึ้นมาแต่ก็ไม่เป็นผล
ณ ตอนนี้แคทไม่อยากให้ใครมาเห็นสภาพของตัวเองเลย แต่จะอยู่อย่างนี้ไปตลอดก็ไม่ได้ จึงได้แต่ร้องขอความช่วยเหลือต่อไป
5 นาทีผ่านไป…
การแสดงของ CNBLUE จบลง สมาชิกในวงทั้ง 4 ต่างดูรีบร้อน พวกเขาเดินลงมาจากเวทีโดยมีการ์ดคอยคุ้มกันอย่างเป็นระบบ
แคทพยายามตะโกนเผื่อว่าใครจะสนใจมองทางนี้บ้าง แต่เสียงกรี๊ดของเหล่าแฟนๆก็ดังกลบ รวมถึงเสียงตึงตังๆของการวิ่งตามเพื่อที่จะแย่งชิงโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับศิลปินที่ตัวเองรักมากที่สุด
แคทยังคงพยายามจะดึงขาของตัวเองขึ้น สายตาก็ยังจับจ้องมองตามชายในฝันของเธอไปจนเขาเดินเข้าไปในห้องทางด้านหลัง แคทไม่แน่ใจนักว่ามันคือห้องอะไร แต่ดูเหมือนว่า..
..ห้องนั้นจะมีทางเชื่อมต่อกับที่ๆเธอกำลังติดแหง็กอยู่
ตึง !
เสียงของเครื่องจักรบางอย่างดังมาจากด้านบน แคทกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองในขณะที่ความรู้สึกกลัวคืบคลานเข้ามา
ประตูเหล็กทั้งสองด้านค่อยๆถูกหย่อนลงมาสู่พื้นด้วยระบบอัตโนมัติ แสงจากด้านนอกค่อยๆหดหายไปเรื่อยๆจนกระทั่งประตูปิดลงสนิท ภายในบริเวณนั้นก็มีแต่ความมืด
แคทพูดอะไรไม่ออก..
เธอไม่รู้ว่าประตูนี้คืออะไร พวกเขาปิดมันทำไม สภาพหลืบที่เธอกำลังติดอยู่ตอนนี้กลายเป็นว่าดูเหมือนทางเดินแคบๆที่เชื่อมต่อโรงเก็บของทางด้านข้างของห้างพารากอน แต่ถ้าพวกเขาสั่งปิดประตูอย่างนี้…ไม่มีผู้คนผ่านมาเห็นเลย แล้วเธอจะออกจากที่นี่ได้อย่างไร ?
“พ่อจ๋าแม่จ๋า อาตา โตโต้…ช่วยหนูด้วยT^T!!”
ไม่นานหลอดไฟนีออนก็สว่างขึ้น แคทเงยหน้าขึ้นมองรอบๆอย่างตื่นกลัว มีเสียงผู้คนไม่เกิน 10 คนเดินมาจากด้านหลัง เธอรีบตะโกนทันที
“ช่วยด้วยค่ะ ! มีคนติดอยู่ตรงนี้ !”
ชายชุดดำที่เดินนำมาหยุดเดินทันที เขากางแขนออกเพื่อคุ้มกันคนที่ตามหลังมาด้วยสัญชาตญาณ
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ”
หนึ่งในคนทีเดินตามหลังถามแล้วชะเง้อหน้ามอง ผู้ที่เป็นบอดี้การ์ดจึงหันไปตอบ “ไม่แอนตี้แฟนก็ซาแซงแฟนแน่ๆ มุขนี้ผมเห็นจนเบื่อ.. พวกคุณอยู่กับเมเนเจอร์ตรงนี้ก่อน ผมจัดการเอง”
การ์ดชุดดำเดินตรงเข้ามาหาแคท เขาโยนอะไรบางอย่างใส่หน้าเธอ “เอ้านี่ ค่าขนม แล้วกลับไปเรียนหนังสือซะนะ อย่าทำให้พ่อแม่ต้องเดือดร้อนด้วยวิธีแบบนี้เลย”
แคทมองแบงก์พันประมาณสองสามใบที่ร่วงหล่นใส่มือเธออย่างอึ้งๆ ยังไม่ทันที่แคทจะเงยหน้าขึ้นมาแก้ข่าวอะไร การ์ดคนนั้นก็เดินนำไป พร้อมทั้งกลุ่มคนเล็กๆที่ดูเหมือนจะเป็นคนดังก็เดินตามไป พวกเขาเดินอย่างรวดเร็วจนแคทมองไม่ทันว่าใครเป็นใครแล้วก็งงไปหมดแล้ว
ยังไงก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกไปหมด แคทจะต้องขอให้พวกเขาช่วยดึงเธอขึ้นมาก่อน ไม่งั้นคงต้องนอนในนี้แน่ๆ “พี่ชาย ! เดี๋ยว..”
ชายที่เดินคนหลังสุดหันมาหาเธอ
“พี่…ช่วยดึงฉันขึ้นไปหน่อยนะคะ ขามัน..ติดร่อง”
“จงฮยอน ขึ้นรถเถอะน่า เดี๋ยวยัยแอนตี้แฟนคนนี้ก็ดึงนายตกลงไปด้วยหรอก”
เพื่อนศิลปินของเขาหันมาบอก แต่ดูเหมือนว่าจงฮยอนจะไม่สนใจ เพื่อนๆในวงก็ต่างเซ็งกับความใจดีเกินเหตุของจงฮยอนจึงพากันเดินต่อไปทางด้านหน้า “เดี๋ยวมันก็เดินตามมาเองหละน่า”
“จับมือฉันสิ” เสียงของเขานุ่มทุ้มและฟังดูอบอุ่น จงฮยอนยื่นมือให้กับแคท เขาระบายยิ้มบางๆอย่างเป็นมิตร.. ภายในความมืด
แต่รอยยิ้มนั้นก็ดูประหลาดในคราวเดียวกัน
แคทยื่นมือออกไปจับมือของเขาไว้ เธอพูดไม่ออก เธอไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าชายในฝันที่เล่นกีตาร์อยู่บนเวทีเมื่อครู่ จะมาอยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้
เหยดดดด เหี้ย ! หล่อ ! โอ้ย ทำไมต้องมาเจอกรูในสภาพนี้ด้วยเนี่ยT^T มือนิ่มอะ เป็นคนดีอีกต่างหาก ! ใจบุญ…พ่อพระ…เทวดาชัดๆ!!
จงฮยอน จงฮยอน จงฮยอน… กรูจะจำชื่อนี้ไปจนวันตาย !
“แทน…กูมีอะไรจะบอก”
นะเอยเดินนำมาหยุดอยู่ตรงหน้าผับแห่งหนึ่ง ผู้คนเริ่มจะหนาแน่นในบริเวณนี้เพราะเป็นเวลาหัวค่ำ “ไรอะ”
“กูแม่ง อกหักอะมึง”
“…”
“ฮยอกแจมันทิ้งกูอะมึงงง”
“เออ..กูรู้”
.”กูอยากเมาอะมึงงงง!!”
“นั่นไง”
นะเอยเข้ามาเกาะแขนแทนอึนพลางรบเร้าด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า “มึงงงง วันนี้ไม่ใช่วันพระอะแทน มึงไปเมาเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ มึงงงงง นานๆที”
“ไม่ดีมั้ง…”
“เนี่ยๆๆเข้าฮาร์ดร็อคกัน มึงไม่ต้องกินก็ได้ แทนนนนน”
แทนอึนเงียบไปด้วยความลำบากใจ ขณะที่นะเอยก็เงียบอย่างรอฟังคำตอบ ดวงตาตี่ๆมีน้ำตาคลอเอ่อล้น
จริงๆแล้วแทนอึนไม่ได้อยากจะใจร้ายกับนะเอยเท่าไรนัก แต่ตั้งแต่เดินมาจากสยามปาร์ค..เขาก็รู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังตามเขามาราวกับเงา
นั่นทำให้แทนอึนไม่สบายใจเลยจริงๆ
…
“ป้ะ!”
“เย้!”
แต่ในที่สุดแทนอึนก็ยอมตามใจ (ไม่ใช่อะไรหรอก ลึกๆก็อยากไง) ทั้งคู่พากันเดินเข้าผับโดยมีนะเอยเดินนำไปอย่างเริงร่า
แต่ทันทีที่หย่อนก้นลงบนเก้าอี้ แทนอึนก็รู้สึกถึงพลังงานบางอย่าง.. เสียงลำไส้ใหญ่กับลำไส้ตรงสลับกันทำงานอย่างแข็งขันเป็นสัญญาณบอกว่าแทนอึนควรไปขี้
“เอย มึงสั่งไปก่อนนะ”
“ทำไมอ้ะ”
“กูปวดขี้”
“เออๆมึงเอาอะไรล่ะ”
“อะไรก็ได้ สปายก็ได้”
“เออๆ”
ร่างสูงใหญ่รีบวิ่งฝ่าผู้คนที่กำลังแดนซ์กระจายไปยังห้องน้ำทันที เมื่อแทนอึนเข้าไปในห้องน้ำหญิง ภายในนั้นมีห้องส้วมเพียงสามห้อง แทนอึนกำลังจะเข้าห้องขวาสุด แต่กลับมีใครไม่รู้โผล่ตัดหน้าเขาเข้าไปก่อน แทนอึนจึงไม่สนใจแล้วรีบวิ่งเข้าห้องตรงกลางด้วยความเร็วสูง
ปู้ดดดดด
ต๋อม !
ฮ้าาาา ^o^
แต่ขณะที่เขากำลังปลดปล่อยความทุกข์ เสียงก๊อกๆก็ดังขึ้นจากห้องข้างๆ
“ขอโทษนะคะ มีทิชชู่หรือเปล่าคะ”
แย่งห้องน้ำกู… แต่เสียงเพราะจัง >< แทนอึนคิดในใจ
“มีค่ะ” เขาตอบไม่ถนัดนักเพราะกำลังเบ่งขี้
“อ๊าย ! ดีจัง.. ขอหน่อยได้มั้ยคะ ห้องนี้ไม่มีทิชชู่”
แล้วเจ้าของเสียงสวยก็ยื่นมือลอดผ่านช่องผนังมาข้างล่าง แทนอึนรู้สึกเขินๆแปลกๆยังไงไม่รู้…>< ถึงอย่างนั้นเขาก็รีบขี้ก้อนสุดท้ายให้เสร็จแล้วดึงทิชชู่ออกมาเยอะๆ พลางเอื้อมส่งไปให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ^-^”
มือนิ่มจัง… แทนอึนได้แต่คิดอยู่อย่างนั้น
และแล้วทั้งคู่ก็ทำธุระเสร็จพร้อมกัน พวกเขาเปิดประตูห้องน้ำออกมาพร้อมกันและเกือบจะเดินชนกัน
“อุ้ย!”
“ว้ายแหก!”
เธอคนนั้นอุทานเสียงดังก่อนที่จะยิ้มกว้าง “ฉันนี่แย่จังนะคะ เข้าห้องน้ำไม่ดูให้ดี แล้วยังจะเดินชนคุณอีก แหะๆ^^”
ทว่าแทนอึนสตั๊นท์ไป 3 วิ…
สวย..
อวบ..
อึ๋ม..
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!
“มะ..ไม่เป็นไร”
“ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
เธอยังคงยิ้มจนตาปิดแล้วคว้ามือแทนอึนมาเชคแฮนด์ …คือกูยังไม่ได้ล้างมือไง เขาคิด
“ถ้าไม่ได้คุณนี่ฉันต้องตายแน่ๆเลยค่ะ ชีวิตฉันคงจบสิ้น”
แทนอึนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยิ้มแหยๆแล้วก็พยักหน้าหงึกหงัก แต่แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในสมอง ทำความรู้จักซักหน่อยดีไหมวะ ?
ไม่ ! อย่าดีกว่า ช่างเถอะ
หรือว่า…จะลองชวนคุยดีวะ ?
ฮึ้ยยย อย่าเลย..
แต่แล้วคำพูดประโยคหนึ่งของมาร์กี้ก็แว้บเข้ามาในหัว ‘แทนมึงอะเหมือนคนจีบหญิงไม่เป็น มึงถึงได้แห้วอยู่จนทุกวันนี้ไง!’
…
เอาวะ!!
“งั้น..ฉันไปก่อนนะคะ”
เธอหันมายิ้มหวานให้กับแทนอึนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินตัวปลิวออกไป แทนอึนรู้สึกเหมือนมีอีกานับล้านบินผ่านตนไปก็ไม่ปาน
“โธ่เอ๊ย..แห้วอีกละ”
แทนอึนพึมพำแล้วพยายามขับไล่ภาพใบหน้าอันสวยคมนั้นออกไป ช่างมันเถอะวะอีแต๋น นี่มันคงไม่ใช่วันของเรา
ทว่า…
“เอาแล้วไง”
ข้าศึกก็ลงอีกรอบ แทนอึนวิ่งกลับเข้าห้องน้ำห้องเดิมไปอย่างรวดเร็ว
แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะหนักกว่าเดิม แทนอึนเบ่งขี้อย่างทุกข์ทรมาณ จนกระทั่งได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงเดินมาเข้าห้องน้ำทางขวา เขาก็ไม่กล้าเบ่งแรงเพราะกลัวเสียงรบกวน
และเมื่อการผจญภัยของขี้จบสิ้นลง แทนอึนก็ยื่นมือไปหยิบทิชชู่ด้วยความโล่งใจ โล่งก้น
ทว่า…(อีกแล้ว)
ผ่าง ทิชชู่หมด !!!!
ไบรอันจริงกู…เพราะยัยอ้วนเมื่อกี้แท้ๆเลยเชียว !
ก๊อกๆๆ “โทษนะคะ ห้องนั้นมีทิชชู่มั้ยคะ” แทนอึนจำต้องเคาะห้องน้ำทางขวาเพื่อขอทิชชู่ประทังชีวิต
“มี แป๊ปนะ”
แทนอึนรู้สึกว่าเสียงของเธอคล้ายๆเสียงผู้หญิงคนเมื่อกี๊ แต่ห้วนกว่ามาก
ไม่นานเธอก็ยื่นทิชชู่ลอดมาให้ แทนอึนกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณค่ะ”
ผู้หญิงสมัยนี้มือนิ่มกันหมดหรือกูมือแข็งเองวะ.. เขาคิดในใจ
คราวนี้แทนอึนทำธุระเสร็จก่อนคนห้องข้างๆ แต่พอเขาล้างมือเสร็จเรียบร้อย เธอกลับตะโกนออกมา “คุณ…ทิชชู่ห้องฉันให้คุณไปหมดแล้วน่ะ คุณเอาจากห้องอื่นมาให้ฉันหน่อยสิ”
ด้วยความมีน้ำใจ แทนอึนจึงเข้าไปในห้องน้ำห้องแรกแล้วดึงทิชชู่ออกมา แต่แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่า ยัยอ้วนคนเมื่อกี๊…บอกว่าห้องแรกทิชชู่หมดไม่ใช่หรือ !?
เอาแล้วไง… หรือเธอคนนั้นจะไม่เห็น ? ก็ไม่น่าเป็นไปได้นะ ทิชชู่ห้องแรกออกจะมีเยอะซะขนาดนี้
หรือว่า…เธอจะชอบเรา ก็เลยหาเรื่องคุย ><
จะบ้าเหรอ ! เขาจะมาปิ๊งเราเพราะเสียงตดรึไง หน้ายังไม่เคยเห็นกันเลย-.-
จู่ๆแทนก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าสตางค์วางอยู่บนชั้นหลังชักโครก เขาจึงรีบหยิบมันมาแล้วเปิดดู
“บัตรประชาชน..นี่มันของยัยอ้วนคนเมื่อกี๊นี่ ! ปาร์ค เย อึน…”
“คุณ ! ทิชชู่ฉันได้รึยัง !”
“อ้าวเห้ยลืมๆๆ”
แทนอึนรีบปิดกระเป๋าสตางค์แล้วเอาทิชชู่ไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ก่อน เมื่อเขาส่งทิชชู่ให้กับเธอแล้วเขาก็ยังคงยืนอยู่หน้าห้องน้ำ สำรวจกระเป๋าสตางค์สีเขียวอยู่อย่างนั้น
“โห…ขนาดรูปในบัตรประชาชนยังสวยเลย”
แทนอึนควักเงินออกมาดูด้วยความสงสัย “พกตังค์เยอะซะด้วยแฮะ”
แอ๊ดดดด
ขณะที่หญิงสาวในห้องน้ำเปิดประตูออกมาและกำลังจะกล่าวขอบคุณแทนอึน เธอกลับหยุดแล้วชี้หน้าเขา “คุณ ! นี่มัน..กระเป๋าตังค์พี่สาวฉันนี่ !”
เธอฉวยกระเป๋าสตางค์ไปจากมือแล้วเปิดดูบัตรประชาชน “ชัดเลย ! นี่คุณเป็นขโมยใช่มั้ย! ก็ว่าทำไมใช้ให้หยิบทิชชู่นาน”
“เฮ้ย ! เปล่านะ ! เราก็แค่…”
“ช่วยด้วยยยยย ! ช่วยด้วยยยย ! มันขโมยกระเป๋าตังค์พี่สาวฉัน !!”
แทนอึนเพิ่งสังเกตว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาและหุ่นคล้ายๆคนเมื่อกี๊ แต่ใบหน้าสวยหวานกว่าและตัวเล็กกว่า….แต่ก็ช่างเถอะ ! แทนอึนไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขาตรงเข้าไปคว้าตัวเธอไว้แล้วปิดปากไม่ให้เสียงเธอเล็ดรอดออกมา
“เธอ ! อย่าเพิ่งโวยวายสิ เดี๋ยวคนเข้าใจผิดหมด!”
“อ้วยอ้วยยยย อ้วยอ้วยยยย อะโอยยยยย!!!” (ช่วยด้วยยยยย ช่วยด้วยยยยย ขโมยยยยยย!!!)
“นี่ ! หยุดตะโกนก่อน ! เราไม่ได้ขโมยยยย เราเก็บได้!!”
“เอ็บไอ้แอ๊วเอาอังออกอาอำไม!! อ้วยอ้วยยยย!!!” (เก็บได้แล้วเอาตังค์ออกมาทำไม!! ช่วยด้วยยยย!!!)
“ก็เอาออกมาดูเฉยๆอะ โธ่เว้ย!”
แทนอึนไม่รู้จะจัดการยังไงกับผู้หญิงคนนี้แล้ว เขาพลิกร่างเธอแล้วดันให้ชิดผนัง เธอเบิกตาโพลงด้วยความตกใจพูดอะไรไม่ออก..ได้แต่ตกตะลึงกับใบหน้าคมที่เข้ามาในระยะใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ
“กว่าจะเงียบได้นะ..” แทนอึนกระซิบพลางส่งสายตาตำหนิ
หญิงสาวไม่อยากจะยอมรับเลยว่าเธอรู้สึกหวั่นไหวกับสายตาแบบนี้..
ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไรต่อ เสียงฝีเท้าที่ดังมาจากประตูหน้าห้องน้ำก็ทำให้ทั้งคู่ต้องหันไปมอง
“กะ..กายุน!” ผู้มาใหม่เรียกด้วยความตกใจ
“พี่เยอึน ! นายคนนี้…มันขโมยกระเป๋าตังค์พี่!!”
เยอึนนิ่งกว่าที่ควรเป็น นั่นทำให้กายุนผู้เป็นน้องแปลกใจและพยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากพันธนาการของแทนอึน แต่แทนอึนก็มัวแต่ลนและไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรก่อนดี
“พวกเธอ…รู้จักกันเหรอ?”
เยอึนภาวนาในใจไม่ให้พวกเขาเป็นอะไรกัน ไม่สิ…พวกเขาไม่ควรรู้จักกันด้วยซ้ำ !
เธอจะไม่แย่งผู้ชายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของฉันไปสักคนได้มั้ย…ฮอกายุน
กับคนนี้…พี่ขอเถอะนะ เธอไม่รู้หรอกว่าพี่ตามเขามาตั้งแต่สยามปาร์ค แล้วก็แกล้งทำเป็นทิชชู่หมด พี่ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพราะเชื่อว่ามันคือรักแรกพบ เธอ…กับเขา มาทำอะไรกันที่นีกันแน่ ??
แคทปลาบปลื้มจนลืมไปแล้วว่าเธอมาอยู่ในอ้อมแขนของจงฮยอนตั้งแต่เมื่อไหร่ ชายในฝันของเธออุ้มเธอมาจนถึงรถตู้ศิลปินของเขา เขาค่อยๆวางเธอลงด้วยความอ่อนโยน ขณะที่เพื่อนๆขึ้นรถกันหมดแล้วและมองมาอย่างเอือมๆ
“ฉัน…ขอถามอะไรพี่หน่อยได้มั้ยคะ”
“ได้สิ”
“ทำไมพี่ถึงช่วยฉันล่ะคะ”
จงฮยอนยิ้ม เขาถามกลับ “เธอเป็นแฟนคลับของฉันหรือเปล่าล่ะ”
แคทนึกในใจ แฟนคลับงั้นเหรอ…เราเพิ่งรู้จักเค้าแล้วก็ชอบเค้า ถือว่าเป็นแฟนคลับได้มั้ยนะ-//-
เป็นก็แล้วกัน !
“ค่ะ”
ดูเหมือนเด็กกระแสเลยเรา ขอเป็นอีบัวซักวัน !
“นั่นล่ะ พี่ต้องช่วยเหลือคนที่รักและสนับสนุนพี่อยู่แล้ว”
โชคดีที่เสียงอ้วกเสียงแหวะของเพื่อนร่วมวงจากในรถตู้ไม่ดังพอที่แคทจะได้ยิน เธอยิ้มอย่างเขินๆแล้วก็เริ่มไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อดี เธอจึงทำเป็นเดินไปทางอื่น
แต่แล้ว… ปั้ก !
“โอ๊ย!”
ข้อเท้าของแคทยังไม่แข็งแรงพอที่จะเดิน จงฮยอนรีบเข้าไปประคองเธอแล้วถามอย่างห่วงใย “เดินไม่ได้เหรอครับ..”
“เดินได้ก็เดินไปแล้วดิไอฟาย” ยงฮวาพึมพำอยู่ในรถด้วยความหมั่นไส้
“หม้อจัดเลยเพื่อนกู” มินฮยอกกล่าว
“ยัยนี่สำออยมากว่าม้างงงงง” จองชินบวก
“มัน…เจ็บๆอะพี่” แคทตอบไปตามตรงแล้วพยายามจะทรงตัวเพราะเกร็งสุดขีด แต่จงฮยอนก็ช่วยยังประคองอยู่
“ลองเดินอีกทีนะ”
แล้วแคทก็ต้องล้มอีกรอบ แต่ครั้งนี้จงฮยอนประคองไว้ได้ทัน เขาหันไปสบตากับคนขับรถตู้แว้บหนึ่งเป็นการส่งซิกซ์ให้ไปได้ แล้วจึงอุ้มร่างระหงขึ้นมาอีกรอบ
“ว้าย!”
“ฉันว่าต้องปฐมพยาบาลหน่อยแล้วล่ะ”
ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงร้านขายยาด้วยแท็กซี่ ซึ่งจงฮยอนนั้นใส่แว่นกันแดด มาสค์ และใส่หมวกมาเต็มยศเพื่อเป็นการพรางตัว แต่แคทคิดว่านั่นยิ่งดูเด่นผิดมนุษย์มนาทั่วไป
จงฮยอนวางร่างของแคทลงบนม้านั่งข้างๆร้าน มีเพียงแสงไฟข้างถนนเท่านั้นที่สาดส่องลงมาให้ทั้งคู่ได้มองเห็นกันและกัน
จงฮยอนคุกเข่าลง แคทรู้สึกเกรงใจแต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง
เขาถอดรองเท้าของเธอออกโดยไม่พูดไม่จา นิ้วเรียวสวยค่อยๆไล้ยาแก้ฟกช้ำลงรอบๆข้อเท้าของแคทอย่างเบามือ เขาบรรจงทายาและพันผ้าให้กับเธออย่างอ่อนโยน มันทำให้แคทรู้สึกปลื้มใจเสียจนคิดว่าฝันไป
ทำไมนักร้องดังอย่างเขาจะต้องมาทำอะไรเพื่อคนธรรมดาๆอย่างเรามากขนาดนี้ด้วยนะ…
“เดี๋ยวสิ ยังไม่เสร็จ” เขาพูดขึ้นเมื่อแคทกำลังจะชักเท้ากลับเพราะเธอเห็นว่าเขาพันผ้าและกลัดเข็มกลัดเรียบร้อยแล้ว
จงฮยอนควักอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า..มันคือปากกาเมจิกนั่นเอง เขาเขียนอะไรบางอย่างลงไปบนผ้านั้นอย่างเบามือและรวดเร็ว ดูเหมือนว่าเขาจะแกล้งไม่ให้แคทอ่านมันทัน จงฮยอนรีบเขียนและรีบใส่รองเท้าให้กับเธอ เขาลุกขึ้นยืนพลางพูดเสียงใส “ป้ะ ! คราวนี้ก็กลับบ้านได้แล้วนะเรา”
แคทยิ้มขอบคุณเขาอย่างจริงใจ เธอมีความสุขเหลือเกินที่เขาแสนดีกับเธอได้ถึงขนาดนี้ แคทลุกขึ้นยืนโดยมีจงฮยอนประคอง
“โอ๊ะ…เอาแล้วไง!”
“หืม?”
“พี่ชาย…ฉันลืมไอโฟนไว้ที่พารากอน!”
“เวร”
“พี่ชายคะ ทำไงดี!”
แคทเขย่าๆแขนของจงฮยอนโดยลืมความเกรงใจไปหมดสิ้น “ฮือออออ!! พี่ชาย!! ไอโฟนตอแหลที่รัก…ไอโฟนที่ได้มาเพราะน้ำพักน้ำแรง..ไอโฟนที่ใช้เงินทั้งชีวิตซื้อจนไม่เหลือเงินไว้ซื้อเคสและติดฟิล์มT^T!! พี่ชาย!!! ทำไงดี!!!”
“เดี๋ยวๆใจเย็นก่อนนะครับ” จงฮยอนแอบถอนหายใจเบาๆแล้วหันมารับมือกับแฟนคลับคนนี้ “เธอวางมันไว้ส่วนไหนของพารากอน จำได้หรือเปล่า?”
แคทหันกลับมาตอบจงฮยอนด้วยน้ำตานองหน้า.. “ในท่อใต้ราวสแตนเลสตรงทางเดินลับของห้างค่ะพี่ชาย..”
ขณะที่มาร์กี้กำลังหลับใหล น้ำย่อยในกระเพาะของพลอยก็งอแงขึ้นมา
“อีกี้หลับ-.- กูไปคนเดียวดีกว่า”
พลอยเพชรปิดเน็ตบุ๊คแล้วลงไปหาอะไรกินข้างล่าง เธอเดินไปคนเดียวในความมืดอย่างไม่กลัวอะไร
จนกระทั่ง…
“คุณชาย! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!”
ภายในซอยมืดเปลี่ยว พลอยเพชรได้ยินเสียงฝีเท้าของมนุษย์หลายคนกำลังวิ่ง ซึ่งดูเหมือนว่า…นี่คือการไล่ล่า
นี่คือสงคราม !
“เห้ย จับคุณชายไว้ดิ ไปไหนแล้ววะ!!” เสียงนั่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พลอยเพชรเริ่มรู้สึกว่าตนไม่ปลอดภัย เธอเดินกลับไปทางเดิมด้วยความรวดเร็ว
แต่จู่ๆกลับมีร่างสูงวิ่งมาซ้อนหลังเธอแล้วพาร่างของเธอหลบเข้าไปในซอกตึก เขาดันเธอชิดผนังตึกแล้วยึดมือทั้งสองของเธอเอาไว้ เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่พลอยเพชรตั้งสติไม่ทัน เธออุทานเสียงดังด้วยความตกใจ พลอยเพชรอ้าปากกำลังจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่ชายหนุ่มตรงหน้าเธอกลับชู่ว์ปากและจ้องมองเธอด้วยสายตากึ่งอ้อนวอนกึ่งบังคับ
“ให้ความร่วมมือฉันหน่อยเถอะ ขอร้อง”
เขากระซิบขอร้อง ทว่าพลอยเพชรกลับรู้สึกว่ามันดูเหมือนออกคำสั่งมากกว่า
“นายคงจะเป็นคุณชายที่พวกเขากำลังไล่ตามสินะ”
พลอยเพชรกระซิบบอกเขาอย่างไม่เกรงกลัวเลยสักนิด
“อืม..”
แล้วพวกเขาก็เงียบเพื่อฟังเสียงฝีเท้า แต่พวกเขากลับได้ยินเพียงเสียงลมหายใจและเสียงหัวใจที่เต้นระรัว ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะตื่นเต้นกับการไล่ล่าหรือเพราะอะไรกันแน่…
To be continued
ความคิดเห็น