ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขอโทษที...ก็หัวใจเพิ่งมีรัก

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7 เราลองมาเป็นแฟนกันดีมั้ย

    • อัปเดตล่าสุด 13 ม.ค. 66


    “คราวนี้จะทำยังไงดีล่ะ” รสาถามขึ้น เมื่อทั้งสองเข้ามาในห้องพยาบาลแล้ว และพบว่ายาแทบทุกชนิดนั้น ถูกเก็บใส่ตู้กระจกและล็อกเอาไว้อย่างดิบดี

    ม่อนมองเธอ ยิ่งนานรอยนูนบนหน้าผากรสาก็ยิ่งโตขึ้น โชคดีที่ม่อนเหลือบไปเห็นขวดยาหม่องถูกวางรวมอยู่กับสมุดและกล่องใส่ปากกาบนโต๊ะ เขาจัดการหยิบมันแล้วเอามาทาให้เธอ แต่รสาเอี้ยวตัวหลบ

    “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันทาเองก็ได้” 

    ม่อนจึงส่งยาหม่องให้หญิงสาว ที่เดินไปตรงตู้กระจกเพื่อจะดูว่าแผลอยู่ตรงไหนจะได้ทายาได้ถูก แต่เงาที่สะท้อนออกมาจากกระจกตู้ค่อนข้างมืด ทำให้เธอมองแผลตัวเองไม่ชัด ทาไม่ถูกจุดสักที

    “ไม่ใช่ตรงนั้น ขยับไปทางขวาอีกหน่อย” ม่อนช่วยบอกตำแหน่งให้ 

    “ตรงนี้เหรอ” เธอเลื่อนปลายนิ้วไปตามที่เขาว่า แต่ก็ยังไม่ใช่ตำแหน่งที่ถูกต้องอยู่ดี

     “ยังไม่ใช่ ขยับขึ้นไปอีก”

    “โอ๊ย! ยังไม่ถูกอีกเหรอ ทำไมมันถึงได้ยากแบบนี้น” รสาเริ่มบ่น ม่อนตัดรำคาญเลยดึงยาหม่องจากมือเธอมาแล้วทาให้เสียเอง

    “ให้ฉันช่วยแต่แรกก็จบเรื่องแล้ว จะดื้อทำไมก็ไม่รู้” เขาว่าก่อนจะค่อยๆ นวดคลึงยาไปบนหน้าผากเธออย่างเบามือ

    “ก็ฉันเกรงใจ ไม่อยากรบกวนนายนี่” รสาตอบงุบงิบในคอ ม่อนไม่กล้าทำตัวดื้ออีก เพราะกลัวถูกเขาบ่นกลับมา    

    “แล้วสรุป ฉันก็ต้องช่วยเธออยู่ดีเห็นมั้ยล่ะ” 

    ม่อนว่า แอบลอบมองใบหน้าและดวงตากลมดูสดใสของรสา ระยะห่างจากกันเพียงไม่กี่คืบ ทำให้เห็นใบหน้าเธอได้อย่างชัดเจน ดวงตาเธอโตเป็นประกาย จมูกเรียวเล็ก ผิวแก้มสีชมพูระเรื่อดูน่าสัมผัส  ม่อนหายใจแรงขึ้น รสาในตอนนี้ดูน่ารักมาก จนเขารู้สึกหลง

    ฝ่ายรสาเอง กำลังคิดว่าทำถูกหรือผิดกันแน่ที่ยอมปล่อยให้ม่อนทายาให้ เพราะเธอเพิ่งรู้ตัวว่าอยู่ใกล้ชิดกับผู้ชายมากเกินไปซะแล้ว 

    รสากลั้นหายใจ ช้อนสายตาขึ้นสบตาเขา เธอไม่เคยเห็นใครมีดวงตาเปล่งประกายหวานซึ้งเช่นนี้มาก่อน ความหวานเชื่อมแต่คมคายจากแววตานั่น ทำให้เธอใจสั่น หัวใจเต้นระรัว ทั้งหวั่นไหวและประหม่าเหลือเกินที่ต้องอยู่ใกล้เขาขนาดนี้

    นิ้วม่อนละจากหน้าผากรสา เขาก้มหน้าปิดฝายาหม่องและเก็บขวดยาไว้ในที่เดิม ความเงียบปกคลุมภายในห้องจนรู้สึกอึดอัด

    “ขอบใจนะ” รสาเป็นฝ่ายพูดขึ้นด้วยท่าทางเอียงอายเล็กน้อย “ดูเหมือนวันนี้นายจะช่วยฉันไว้หลายอย่างเลยนะ” 

    “ไม่เป็นไร ฉันเองก็มีส่วนทำให้เธอหัวโน เหมือนกันแหละ” ม่อนยักไหล่นั่งในท่าสบาย สายตาจ้องไปที่ลูกมะนาวบนหน้าผากเธอแล้วยิ้มขัน

     รสาเอามือขึ้นไปจับ ตั้งใจจะปิดมันไว้ รู้ว่าตอนนี้หน้าเธอคงดูไม่ได้แน่เมื่อมีเจ้าเนี่ยปูดขึ้นมา  ม่อนเหมือนจะอ่านความคิดเธอออก เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปรอบห้องเพื่อหาอะไรสักอย่าง  มือใหญ่ลองดึงลิ้นชักนู่นเปิดลิ้นชักนี้  แล้วก็เจอสิ่งที่ต้องการ 

    “พลาสเตอร์เหรอ” รสาหลุดถามออกมาเมื่อเห็นสิ่งที่เขาส่งมาให้

    “ฉันคิดว่าเธอคงไม่อยากให้ใครเห็นเจ้าลูกมะนาวนี้แน่ๆ เลยใช่มั้ย ไอ้นี่อาจช่วยเธอได้ ถึงมันจะปิดไม่มิดก็เถอะ”

    “จริงของนายอย่างน้อยมันคงดูดีกว่าที่ฉันเป็นตอนนี้”

    รสาขอบคุณเขาแล้วฉีกพลาสเตอร์ติดหน้าบนผาก  พอติดเสร็จเธอเดินไปดูตัวเองในตู้กระจก ยิ้มพอใจเล็กน้อยกับสภาพโดยรวมที่ดูดีขึ้น

    “นายเองก็น่าจะทายานะ  ถึงหน้าผากจะไม่โนเหมือนฉัน  แต่ก็คงช้ำหน้าดูเพราะรู้สึกว่าเราจะชนกันแรงมาก”  รสาเข้าไปใกล้เพื่อดูหน้าผากให้ “นี่จริงด้วย ช้ำซะเขียวอี๋เลย นายรีบทายาเถอะ มาเดี๋ยวฉันทาให้” 

    หญิงสาวกระวีกระวาดหยิบยาหม่องขวดเดิมมาทาให้ ความลืมตัวของรสาทำให้ทั้งสองใกล้ชิดกันอีกครั้ง คราวนี้ม่อนดูจะมีท่าทางชอบอกชอบใจมากกว่า เพราะเขานั่งมองหน้าเธอไปยิ้มไปจนรสารู้สึกตัว ชะงักมือที่ทาพลางส่งสายตาดุกึ่งอายให้

    “ยิ้มอะไร ฉันไม่ใช่ตัวตลกนะที่พอนั่งมองแล้วก็ขำได้” 

    เธอถามเสียงห้วน ม่อนยักคิ้วทำหน้าทะเล้นเหมือนที่เคยเห็นบ่อย ๆ 

    “ฉันไม่ได้รู้สึกว่าเธอตลกสักหน่อย แต่กำลังคิดว่าดูไปเธอก็น่ารักดี เราลองมาเป็นแฟนกันดีมั้ย”

    “พูดอะไรบ้าๆ นายถูกชนจนสมองเบลอไปแล้วหรือไง” รสาทำหน้าไม่ถูก คิดว่าเขาต้องสมองเลอะเลือนไปแล้วแน่ๆ

    “ฉันพูดจริงนะ เธอเองก็ยังไม่มีแฟนนี่น่า ลองคบกับฉันดูไม่เห็นจะเสียหายอะไรสักหน่อย” ม่อนรุกต่อ หน้าตาจริงจังมาก

    “นายรู้ได้ไงว่าฉันยังไม่มีแฟน? ฉันอาจจะมีแล้วก็ได้”

    “ไม่จริง ตอนที่ติดฝนแล้วฉันถามเธอ อาการของเธอมันฟ้องชัดๆว่ายังไม่เคยมีความรักมาก่อน” ม่อนหรี่ตามองแบบเจ้าเล่ห์ “ มันจริงใช่มั้ยล่ะ”

    “แล้วไง ถึงจะยังไม่มีแฟน แต่ฉันก็มีคนที่แอบชอบอยู่ ไม่เหมือนนายหรอก มีแฟนอยู่แล้วยังมาทำขี้หลีใส่คนอื่นอีก”

    รสาหน้าแดงก่ำ พยายามเถียงข้าง ๆ คู ๆ  และเหตุการณ์กลับกลายเป็นพลิกผัน เมื่อม่อนถูกจี้จุดบ้าง ชายหนุ่มเพียงแค่อึ้งไปเล็กน้อยพอตั้งสติได้ก็รีบแก้ต่างให้ตัวเองทันที

    “โอเค เมื่อก่อนฉันอาจจะมีแฟน แต่มันก็แค่เมื่อก่อน ตอนนี้ฉันโสดสนิท ไม่มีใครเป็นพิเศษ จะมีก็รอให้เธอตอบตกลงอยู่นี่ไง” ม่อนสบตาตรงๆ เขยิบเข้าไปใกล้ที่ละนิด “ว่าไงรสา ตกลงหรือเปล่า?”

    “ตกลงอะไรล่ะ แล้วทำไมนายต้องมาใกล้ฉันขนาดนี้ด้วยถอยออกไปห่างๆ ได้มั้ย?”

    รสาเอามือดันอกเขาไว้ ส่วนตัวเองถอยหลังจนไปติดผนัง สองมือยกขึ้นมากั้นไม่ให้เขาเข้าใกล้มากไปกว่านี้  แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าของม่อนยังคงเคลื่อนมาใกล้ๆ จนรสารับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ  ที่เป่ารดลงมาตรงหน้า

    “นี่ ฉันบอกให้นายถอยไป นายม่อน ถอยออกไปเดี๋ยวนี้นะ”

    “ไม่ จนกว่าเธอจะตอบคำถามฉัน ว่าไงล่ะ บอกมาเร็วๆ”

    ม่อนไม่ถอยกลับเอนตัวประชิดเข้าไปอีก รสาออกแรงดันสุดชีวิต เบี่ยงหน้าไปอีกด้านหนึ่ง เมื่อเขาโน้มหน้าเข้ามาหา

    “ฮึๆ” เขาหัวเราะกระหยิ่มใจสุดๆ “เธอไม่มีทางรอดแล้ว ตอบมาซะดีๆ”

    รสาหน้าแดงซ่าน รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังยืนอยู่กลางหน้าผา ไม่ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลังล้วนแต่ต้องตกลงไปข้างล่างทั้งนั้น หญิงสาวช้อนสายตามองคนที่กำลังก้มหน้ารอฟังคำตอบใจจดใจจ่อ แล้วกัดริมฝีปากตัวเองอย่างนึกโกรธ นี่! เขามีสิทธิอะไรถึงต้องมาทำท่าคุกคามเธออย่างนี้ด้วย

    ที่น่าเจ็บใจยิ่งกว่า คือเรื่องที่เธอบอกตัวเองได้แล้วแท้ๆ ว่าไม่ได้รู้สึกชอบพออะไรในตัวนายม่อนเลยสักนิด แต่ทำไมตอนนี้ปากเธอถึงไม่ยอมปฏิเสธออกไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราวนะ  แล้วดูแววตาเขาที่กำลังจ้องมองเธอสิ ช่างอ่อนหวาน ระคนทะเล้น ทำให้หัวใจเธอเต้นเร็วขึ้นมา เอาอย่างไรดีรสา  พูดออกไปซิ...บอกเขาไปซิว่าไม่!

    ก๊อกๆ ก๊อกๆ..

    เสียงเคาะประตูช่วยชีวิตดังขึ้น พร้อมร่างสันทัดของภานุที่เปิดประตูแล้วชะโงกหน้าเข้ามา รสาถอนหายใจโล่งอกดันม่อนให้ห่างจากตัว มองนายคนนั้นอย่างขอบคุณ ผิดกับม่อนที่ดูจะคบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไรไม่รู้

    “โทษทีว่ะ ถ้าเข้ามาขัดจังหวะ” ภานุยิ้มแหะๆ อย่างเกรงใจ มองม่อนที รสาที  “พอดีกูไปหามึงที่ใต้คณะแล้วเขาบอกว่ามึงอยู่ที่นี่ก็เลยตามมา” 

    หยุดเว้นจังหวะ อ่านสายตาม่อนที่ส่งมาถามว่าแล้วไง? ประมาณหาเรื่อง  ภานุเลยรีบพูดต่อ 

    “แบบว่าเมื่อกี้เจอพี่โบ๊ท เขาบอกให้มาชวนไปกินเหล้าด้วยกัน จะไปมั้ยวะ?” 

    ม่อนแสยะยิ้มให้ภานุ คิดว่าเจ้าเพื่อนตัวดีไม่น่าโผล่เข้ามาตอนนี้เลย เขากำลังรุก จนเกือบได้คำตอบอยู่แล้วเชียวถ้าหากไม่มีใครเข้ามาขัดจังหวะซะก่อน

    “เออ ไปก็ได้ บอกพี่โบ๊ทเลยว่าเดี๋ยวตามไป”

    “ไม่ไปด้วยกันเลยล่ะ”

    “ไปก่อนเถอะ กูยังมีเรื่องต้องทำอีก เสร็จแล้วเดี๋ยวตามไป”

    “เรื่องอะไรของมึงวะ ชักช้าเฮียเขาจะโกรธนะ”

    “เออ เหอะน่า มึงไปรับหน้าก่อนแล้วกัน”

    “เอางั้นเหรอ จะไม่ไปพร้อมกันจริงๆอ่ะ” ภานุลังเล ไม่แน่ใจว่าควรไปตามที่ม่อนบอกหรือเปล่า เพราะเหลือบไปเห็นสายตาวิงวอนของรสาที่ส่งมาประหนึ่งให้เขาอยู่ต่อหรือไม่ก็ลากเอานายม่อนไปด้วย

    “ใช่ มึงรีบไปก่อนเหอะ ปล่อยให้พี่โบ๊ทรอนานไม่ดี แกยิ่งผีเข้าผีออกอยู่ด้วย เผลอๆฉุนจัด จับพวกเราซ่อมกลางวงเหล้าจะซวยซะเปล่าๆ”

    เมื่อเพื่อนบอกมาอย่างนั้น ภานุก็สุดปัญญาจะช่วย อีกอย่างเขารู้จักนิสัยม่อนดี ไม่มีวันที่จะคิดทำอะไรมิดีมิร้ายกับผู้หญิงในที่ลับตาได้หรอก เพื่อนเขาคนนี้มีความเป็นสุภาพบุรุษพอ

    “โอเค รีบตามไปก็แล้วกัน” ภานุปิดประตูลงอย่างว่าง่าย 

    แล้วรสาก็กลับมาหายใจไม่ทั่วท้องอีกครั้ง เมื่อเจอเข้ากับแววตาคมกริบของม่อนที่ค่อยๆ โน้มหน้าลงมา เขาทำเหมือนกับว่ากำลังจะจูบเธอ แต่พออยู่ในระดับที่ใกล้จะถึงปากกลับเบี่ยงหน้าไปกระซิบที่ข้างหูแทน

    “หวังว่าจะเอาเรื่องนี้กลับไปคิดเป็นการบ้านนะ แล้วฉันจะมาทวงคำตอบวันหลัง” 

    ม่อนยิ้มหวาน ขยิบตาทิ้งท้ายให้ก่อนจะออกจากห้องพยาบาลไป  รสาได้แต่จับหน้าอกตัวเองมือสั่น

     เสียงในหัวใจเต้นดังตึก..ตัก..ตึก..ตัก   จะต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอแน่ๆ ความรู้สึกแบบนี้ อาการใจเต้นเร็วแบบนี้ ยิ่งกว่าตอนที่เจอกับพี่เอ็มเจซะอีก หรือนี่จะเป็นเพราะว่า...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×