คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 6 เธออยากสนิทกับฉันมากกว่านี้มั้ย
แยมพารสามาหาตุ๋มที่กำลังรออยู่ โน้ตรายการของที่ต้องซื้อพร้อมกับค่าใช้จ่ายถูกยื่นมาให้ รสารับมาอย่างงงงวย ตอนนี้ในสมองไม่สามารถจดจำคำพูดอะไรที่ตุ๋มพร่ำบอกมาได้ทั้งนั้น เธอกำลังช็อคอย่างแรง ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเรื่องบังเอิญอย่างนี้เกิดขึ้นกับชีวิตจริง ๆ
เธอกำลังจะไปซื้อของกับนายม่อน ผู้ชายที่ชอบส่งยิ้มกวนให้ตามลำพัง และถึงแม้จะเคยตั้งป้อมเอาไว้แล้วว่าไม่ชอบเขา แต่ทำไม ตอนนี้ใจถึงเต้นไม่เป็นส่ำ มือเท้าดูเหมือนจะชาไปชั่วขณะ นี่ขนาดไม่ได้ไปยังเป็นแบบนี้ ถ้าขืนเจอหน้าเขาต้องคุยกับเขา เธอจะไม่อาการแย่ไปกว่านี้หรอกเหรอ
โอ๊ย! อยากจะบ้าตาย ทำไมต้องใจเต้นเร็วแบบนี้ด้วยนะ แล้วถ้าจะหันหลังวิ่งหนีไปตอนนี้จะมีใครว่าอะไรมั้ยเนี่ย!
“ฝากรสาเพื่อนเราด้วยนะม่อน”
แยมจูงมือรสามาส่งให้ชายหนุ่มถึงรถ แถมยังยักคิ้วหลิ่วตาพูดฝากฝั่งซะดิบดีอีกแน่ะ รสาพอเริ่มได้สติขึ้นมาบ้างก็ทำหน้าดุ เอียงคอเข้าไปกระซิบเพื่อนสาวเบาๆ
“ไม่ต้องทำเป็นฝากฉันกับเขาก็ได้ ฉันไม่ใช่เด็กอนุบาลนะยะ อีกอย่างรอให้กลับมาก่อนเถอะ พวกแกสามคนเสร็จ แน่! ” รสาทิ้งสายตามาดร้าย แต่แยมไม่กลัว ยิ้มกวนกลับมา
“เอาเหอะน่า รีบไปได้แล้ว โชคดีนะเพื่อน”
เธอกระซิบตอบ ผลักรสาไปข้างหน้าจนเซไปโดนตัวม่อน หญิงสาวสะดุ้ง รีบถอยกลับ หันไปทำหน้าตาเข่นเขี้ยวใส่เพื่อนสาวอย่างฝากไว้ก่อน
“ไปกันหรือยัง?” ม่อนถาม รสารีบเก็กหน้าเป็นปกติ
“ไปสิ”
เธอตอบ และขึ้นไปนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์คันใหญ่อย่างเก้ๆ กังๆ เบาะข้างหลังสูงกว่าที่นั่งคนขับข้างหน้ามาก ตัวรสาเองใช่ว่าจะสูง เธอออกจะมีรูปร่างกะทัดรัด ท่าทางตอนขึ้นรถจึงดูเหมือนปีนขึ้นไปอย่างไรอย่างนั้น
พอขึ้นนั่งได้ ก็ไม่รู้จะเอามือไม้ไปวางไว้ตรงไหน ได้แต่จับกับเบาะด้านหลังไว้ ไม่กล้ายื่นไปจับเอวคนที่นั่งด้านหน้า และเมื่อม่อนสตาร์ทรถ บิดแฮนด์จนเจ้ามอเตอร์ไซค์พุ่งออกไป ร่างเล็กก็ถลามาชนกับหลังเขา เธอส่งเสียงร้องโดยอัตโนมัติ ม่อนหยุดรถทันควัน
“ขอโทษ” รสาบอก รู้สึกอายที่ทำตัวเปิ่นให้เห็นอีกแล้ว
“จับเอวไว้ก็ได้นะ จะได้ไม่ตก” ม่อนพูดกลับมา
รสานิ่งคิดชั่วครู่ ก่อนค่อย ๆ เอามือไปจับชายเสื้อเขาไว้ อย่างน้อยก็ดีกว่าจับเอวล่ะน่า
ม่อนแอบอมยิ้มเล็กน้อย กับท่าทางประหม่าของรสา ก่อนขี่รถออกไปอย่างอารมณ์ดี
พาหุรัดช่วงบ่ายๆแบบนี้ ผู้คนค่อนข้างจะจอแจอยู่สักหน่อย รสาพาม่อนเดินเข้าออกร้านผ้าอยู่หลายร้าน ทั้งต่อรองราคา และต้องใช้ความอดทนในการสื่อสาร กรณีที่บางร้านมีคนขายเป็นแขกและพูดไทยไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีจนมาหยุดอยู่ที่ร้านสุดท้าย ระหว่างรอของ ม่อนเป็นฝ่ายพูดกับเธอประโยคแรกว่า
“ท่าทางเธอดูจะคุ้นเคยกับการต่อรองราคานะ สงสัยจะซื้อของบ่อย”
“ไม่บ่อยหรอก แต่เรื่องนี้มันอยู่ในสายเลือดมากกว่า” รสาบอก เห็นม่อนทำหน้างงก็เลยอธิบายต่อ “ ฉันเป็นลูกแม่ค้าน่ะ ที่บ้านก็เปิดร้านขายของเหมือนกัน” เป็นครั้งแรกที่เธอกล้าสบตาเขาจังๆ
“เหรอ แล้วขายอะไรล่ะ?”
สีหน้าคนถามดูจะสนใจจริงๆ แต่พอ รสานึกไปถึงหน้ากวนโอ๊ยของนายม่อนที่เคยมองแล้ว อารมณ์อยากล้างแค้นก็เกิดขึ้น จะเป็นอย่างไรบ้างนะหากว่าเธอกวนเขากลับ
“ทำไมฉันต้องบอกนายด้วย เราไม่ได้สนิทกันซะหน่อย”
เจอย้อนไปแบบนี้ ทำให้ม่อนตาวาวเป็นประกาย เขาประเมินรสาผิดไป ไม่นึกว่าผู้หญิงท่าทางเรียบร้อยแบบเธอจะกล้ากวนเขาขนาดนี้ ทำให้ม่อนนึกอยากต่อปากต่อคำเล่นดูบ้าง
“แล้วเธออยากสนิทกับฉันมากขึ้นกว่านี้มั้ยล่ะ” อยู่ๆ เขาก็ขยับตัวและยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอ
“ไม่..ใครอยากจะไปสนิทกับนายกัน” รสากระเถิบห่างออกมาอย่างระวังตัว
“ทำไม แล้วฉันไม่ดียังไง จะบอกให้รู้นะ ว่าถ้าเธอได้ลองทำความรู้จักกับฉันจริงๆ แล้วล่ะก็ เธอจะไม่พูดแบบนี้เด็ดขาด”
“หลงตัวเองชะมัดเลย คนที่เขามีดีจริงๆ เขาไม่พูดอวดตัวเองแบบนี้หรอกนะ”
“ถ้าเธอไม่เชื่อ งั้นจะลองพิสูจน์ดูก็ได้นี่”ฃ
“พิสูจน์อะไร”
ม่อนกำลังจะพูดต่อ พอดีกับที่คนขายของเอาเงินทอนและของมาให้ ก่อน รสาจึงถือโอกาสเดินหนีเขาไป
บรรยากาศด้านนอกตอนที่ทั้งสองเดินออกมาท้องฟ้า มืดครึ้มไปด้วยเมฆเหมือนฝนกำลังตั้งเค้า รสารีบเดินจ้ำไปที่รถ ส่วนม่อนพอเห็นหญิงสาวทำท่ารีบร้อน เขาก็แกล้งเดินเอื่อย ตั้งใจไปถึงรถให้ช้าที่สุด
ขณะที่รสากำลังจ้ำอ้าว ฝ่าฝูงชนเพื่อไปให้ถึงรถโดยเร็ว มีผู้ชายคนหนึ่งฉวยโอกาสเอามือมาจับหน้าอกเธอ รสาร้องตกใจ หันขวับมองเห็นเพียงด้านหลังของผู้ชายที่ฉวยโอกาส ม่อนเดินตามมา เห็นรสาหยุดก็สงสัย
“มีอะไรไม่รีบแล้วเหรอเดี๋ยวฝนตกนะ”
รสาเอามือจับที่หน้าอก ชี้นิ้วไปที่คนใส่เสื้อสีฟ้า เพิ่งเดินสวนไปได้ไม่ไกล
“ไอ้นั่น มันจับหน้าอกฉัน!!!!”
ได้ยินปุ๊บ ม่อนไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาใช้สปีดที่มีอยู่วิ่งตามคนใส่เสื้อสีฟ้าไป พอใกล้ถึงตัวเขาก็กระโดดถีบหลังนายนั่นเต็มแรง จนล้มไปนอนแหมะอยู่กับพื้น เท่านั้นยังไม่พอ ม่อนยังกระชากคอเสื้อหมอนั่นขึ้นมาแล้วเสยหมัดเข้าที่คางให้อีกหนึ่งดอก ก่อนจะปล่อยมือแล้วพูดใส่อย่างดุดัน
“ว่างมากนักเหรอ ชอบนักใช่มั้ยลวนลามผู้หญิงเนี่ย ดีเลย! จะจับส่งตำรวจซะให้เข็ด ไปลุกขึ้นมา!” ม่อนก้มไปฉุดแขนแล้วลากร่างอันอ่อนปวกเปียกของไอ้ลามกพาไปหาตำรวจ
นายคนนั้นขืนตัวเต็มที่ ได้แต่ยกมือไหว้ขอร้องว่าไม่อยากไป แต่ม่อนไม่ยอม เขาเกลียดนักไอ้พวกที่ชอบรังแกผู้หญิง รสายืนดูเหตุการณ์เห็นเรื่องชักจะไปกันใหญ่ รีบเข้าไปจับแขนห้ามม่อนไว้
“อย่าเลยม่อน นายสั่งสอนหมอนี่แล้วก็ช่างมันเถอะ พาส่งตำรวจไปจะเป็นเรื่องใหญ่นะ ฉันไม่อยากขึ้นโรงพัก”
ม่อนหยุดเดิน ปล่อยแขนนายนั่นตามคำขอ เขาเองก็ไม่อยากขึ้นโรงพักเหมือน แต่จะให้ปล่อยไปเฉยๆแล้วไม่ทำอะไรอีกน่ะ.. ไม่ใช่ม่อน
“กูไม่จับมึงแกส่งตำรวจก็ได้ แต่จำไว้ว่าอย่าฉวยโอกาสกับผู้หญิงอีก แต่ก่อนไปขอแถมไอ้นี่ให้แกหน่อยแล้วกัน” พูดจบหมัดหนักๆ ก็พุ่งตรงไปที่หน้านายนั่นเต็มแรง
เมื่อทำทุกอย่างเป็นที่ต้องการเรียบร้อย ม่อนหันหลังกลับเรียกรสาให้ตามมา ทิ้งให้หมอนั่นนอนนับดาวอยู่ข้างหลังพร้อมกับฝูงไทยมุงที่ยืนออกันจนแน่น เดินไปยังไม่ทันถึงรถ สายฝนก็โหมกระพือลงมาอย่างหนัก ทั้งคู่รีบหลบเข้าข้างทางได้อย่างทันท่วงที
“ฝนตกอย่างนี้ กว่าจะกลับไปถึงคณะคงเย็นมากแน่” รสาคาดคะเนเหตุการณ์ ม่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ มองสายฝนเช่นเดียวกัน
“เอาไว้ฝนซากว่านี้ เราค่อยลองขับรถฝ่าไปก็แล้วกัน”
ม่อนเสนอความคิด รสาพยักหน้า ความอึดอัดเกาะกุมใจ เธอค่อยๆเหล่ไปทางหนุ่มร่างสูง ทำท่าอึกอักนิดนึงก่อนจะพูดออกไป
“เออ ..ม่อน” รสาเรียกเบาๆ แววตาที่มองเขาฉายความเป็นมิตรมากขึ้น“เรื่องเมื่อกี้ขอบใจมากนะ ถ้าไม่ได้นายช่วยฉันคงถูกลวนลามฟรี และก็คงไม่มีโอกาสได้ตื้บนายนั่นหรอก"
“ไม่เป็นไร” เขาตอบ “ ว่าแต่เธอตื้บนายนั่นด้วยเหรอ ตอนไหนอ่ะ ทำไมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
ม่อนหน้าเหลอ นึกไม่ออกว่า รสาเอาเวลาช่วงไหนเข้าไปจัดการไอ้ลามก
“ตอนที่นายหันหลังแล้วเรียกฉันน่ะ ก่อนไปฉันแอบเข้าไปเตะนายนั่นทีหนึ่ง ค่อยยังชั่วหน่อยรู้สึกสบายใจขึ้นตั้งเยอะ” รสากัดริมฝีปากตัวเองยิ้มอายๆ
“อย่างนี้แปลว่าที่ฉันจัดการนายนั่นคงไม่มีความหมายน่ะสิ เพราะเธอจัดการเองได้แล้วนี่” เขาทำเหมือนน้อยใจ รสารีบพูดต่อ
“ทำไมจะไม่มีเล่า ตอนที่นายทั้งเตะ ทั้งต่อยนายนั่น ฉันสะใจเป็นบ้าเลย สมน้ำหน้าอยากมาจับหน้าอกฉันดีนัก นี่ขนาดว่าฉันไม่ค่อยมีนะอุ๊ย!” มือเล็กปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน แก้มแดงเป็นลูกตำลึง นึกขึ้นได้ว่าไม่ควรพูดถึงเรื่องหน้าอกหน้าใจตัวเองกับผู้ชาย “เออ ฉันว่าเปลี่ยนเรื่องพูดดีกว่า”
“ได้สิ แล้วจะพูดเรื่องอะไรดีล่ะ” ม่อนยิ้มกริ่ม
“เรื่องอะไรงั้นเหรอ อืมม์ อ๋อ ฉันอยากรู้ว่าชื่อ ม่อนของนายเนี่ย มาจากโปเกม่อนหรือเปล่า”
“เนี่ยเหรอคำถามของเธอ ไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้แล้วหรือไง”
ม่อนทำหน้าบอกไม่ถูก คิดว่าหากหญิงสาวลองใช้ สมองคิดซะนิด คงได้คำถามที่ดีกว่านี้แน่
“เหอะน่า นาย รีบตอบมาเร็วว่ามาจากโปเกม่อนหรือเปล่า”
“คนบ้าที่ไหน จะเอาชื่อมาจากโปเกม่อนมาตั้งเป็นชื่อคน พ่อแม่ฉันมีหัวคิดสร้างสรรค์กว่านั้นหรอกน่า”
“อ้าว แล้วถ้างั้น ชื่อนายได้มาจากไหนล่ะ” รสาสงสัย
ม่อนยืดตัว กอดอกบอกออกไปอย่างภาคภูมิใจ
“โดราเอม่อน”
สิ้นคำ รสาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เธอคิดว่าจะได้ยินคำตอบที่ดีกว่านี้ซะอีก ฮึๆ โดราเอม่อน ใช่ชื่อนี้ฟังดูดีกว่า โปเกม่อน จริงๆแฮะ ฮ่าๆๆ แต่ดูไปนายม่อนก็เหมาะกับชื่อโดราเอม่อนเหมือนกันนะ เพราะมองบางมุมก็ดูหน้าเหมือนแมวดี
“นี่เธอขำอะไร ตลกชื่อคนอื่นมากนักหรือไง”
ม่อนตะคอกถามหน้าแดง รสากอดท้องตัวกิ่ว พยายามกลั้นเสียงหัวเราะเต็มที่
“เออ ขอโทษ ฉันไม่ขำแล้วก็ได้”ยังไม่วายมีเสียงหัวเราะเล็ดออกมาเป็นระยะ “เมื่อกี้ฉันถามนายแล้ว ที่นี้ให้นายถามฉันกลับบ้าง มีอะไรอยากถามเกี่ยวกับชื่อฉันมั้ย? ฮิๆๆ”
“ไม่มี แต่ฉันอยากรู้ว่าเธอมีแฟนหรือยัง”
ม่อนยิงคำถามตรงเป้า จ้องหญิงสาวตาเขม็ง รสาหยุดขำ ตาโตเบิกกว้าง ไม่คิดจะโดนถามจู่โจมขนาดนี้
“ถามทำไม เรื่องนี้ฉันไม่ตอบ” เธอพูดรัวเร็ว เกิดอาการเขินขึ้นมาอีก
"อ้าว ทำไมล่ะ ก็เธอให้ฉันถาม แล้วทำไมไม่ตอบ”
“เรื่องอื่นถามได้ แต่เรื่องนี้ฉันไม่ตอบ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว เข้าใจหรือเปล่า”
“พูดอย่างนี้ รู้แล้ว เธอยังไม่มีแฟนแน่ๆ เลยใช่มั้ยล่ะ?”
ม่อนแหย่ ตาวาวระยิบชอบใจที่เห็นอีกฝ่ายแก้มแดง รสาทำหน้าไม่ถูกเลยตีหน้าเคร่งกลบเกลื่อน
“อยากคิดอย่างนั้นก็ตามใจ ฝนซาแล้ว กลับกันเถอะ”
เธอตัดบท เดินหนีไปซะดื้อๆ ใจจริง ตั้งใจหนีจากดวงตาที่เปล่งประกายของม่อนต่างหากล่ะ
แม้สายฝนจะเริ่มซาลงแล้ว แต่ยังคงมีละอองฝนตกลงมาอยู่ และก่อนจะขึ้นรถรสาเห็นม่อนถอดแจ๊คเก็ตยีนส์ที่เขาใส่ออกมาส่งให้
“ให้ฉันทำไม่น่ะ?” รสารับมาถือไว้หน้าเป็นรูปเครื่องหมายคำถาม
“เอาไว้คลุม เสื้อเธอจะได้ไม่เปียกมาก” ม่อนตอบไม่มองหน้า
รสาเพิ่งเห็นเขาทำท่าเขินก็คราวนี้ล่ะ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจ เมื่อเขาบอกมาอย่างนั้น เธอจึงสวมเสื้อแจ็คเก็ตด้วยความเต็มใจ
เสื้อของเขาค่อนข้างใหญ่สำหรับสาวตัวเล็กอย่างเธอมาก พอใส่เข้าไปแล้วตัวเธอเลยกลายเป็นเหมือนคนไม่มีแขนขึ้นมาทันที ซึ่งมันคงตลกมาก เพราะเธอเห็นเขาขำ
“ไม่ต้องเลย เป็นเพราะเสื้อนายตัวใหญ่ต่างหากล่ะ” รสารีบแก้ ม่อนยิ้ม ถือวิสาสะ ช่วยเธอพับแขนเสื้อ ทั้งสองข้างขึ้น ทำให้รสาหัวใจเต้นแรงขึ้นมาไม่ทันรู้ตัวกับท่าทีที่ดูอ่อนโยนของเขา
“ไปกันเถอะ ก่อนที่ฝนจะตกหนักลงมาอีกรอบ” ม่อนยิ้มก่อนขยับรถออกมาให้รสาขึ้นไปนั่ง
รถมอเตอร์ไซค์ของม่อนกลับเข้ามาที่คณะเกือบทุ่มตรง เสียงคันเร่งบิดดังก้องไปทั่วคณะ เพื่อนหลายคนที่ยังคงทำงานกันอยู่ หันมอง ผิวปากแซวเธอกับเขาอย่างสนุกสนาน แรกๆ รสาไม่เข้าใจว่าพวกเขาแซวกันทำไม แต่พอจอดรถแล้ว มีเพื่อนคนหนึ่งตรงเข้ามาบอกว่า ท่าทางของเธอและม่อนตอนอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์คล้ายกับพระเอกนางเอกในหนังฮ่องกง เรื่อง “ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ” อย่างไรอย่างนั้น
รสา เขินกับเสียงแซวของทุกคน เมื่อลงจากรถแล้วเธอก็แยกกับม่อน เดินเอาของที่ซื้อและเงินทอนไปให้ตุ๋มก่อนเลี่ยงไปหาเพื่อนๆ โดยลืมไปซะสนิทว่ายังไม่ได้คืนเสื้อแจ็คเก็ตให้เขา
“ว่าไงเพื่อน ไปกับม่อนมาสนุกมั้ย?”
สามสาวนั่งยิ้มแฉ่ง ตั้งป้อมรอแซวอยู่แล้ว
“ฉันว่าคงไม่สนุกอย่างเดียวมั้งแยม ดูนั่นสิ” จูนส่งสายตาไปที่เสื้อแจ็คเก็ตยีนส์ที่รสาใส่อยู่ “ตอนไปมันยังไม่มีเลยนี่จ๊ะ ไหงตอนกลับมันถึงมาอยู่กับเธอได้ล่ะ” จูนเคาะนิ้วไปที่ขมับของตัว สีหน้าครุ่นคิด
“เอ๊ะ! จูนหรือว่ารสากับม่อนเขา อะจึ๋ยๆๆ” นัททำหน้าลามก รสาตีแขนเพื่อนอย่างรู้ความคิด
“บ้าหรือไง ไม่มีอะไรสักหน่อย”
“แล้วมันเป็นยังไงล่ะยะ รีบบอกมาเร็ว” แยมเร่ง
“เขาแค่ให้ฉันใส่เพราะกลัวเสื้อจะเปียกฝนก็เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรลามกอย่างที่พวกแกคิดกันหรอก” รสาเหน็บ อดรู้สึกดีไม่ได้เมื่อคิดไปถึงตอนที่เขายื่นเสื้อมาให้
“ต๊าย! เป็นสุภาพบุรุษซะด้วย น่าปลื้มใจจริงๆเลย” จูนวี้ดว้าย นัยน์ตาเพ้อฝัน “ทำไมถึงไม่เป็นฉันที่ได้ใส่เสื้อตัวนี้นะ เขาคงสวมเสื้อให้แกเหมือนที่พระเอกทำให้นางเอกในละครใช่มั้ย รสา”
“น้ำเน่าไปแล้ว เขาแค่ส่งเสื้อให้ฉันเท่านั้นย่ะ”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่มันคงเป็นช่วงเวลาที่โรแมนติกมั่กมาก คิดดูสิ ท่ามกลางสายฝนพร่ำ พระเอกถอดเสื้อ แจ็คเก็ตออก และส่งให้นางเอง เพื่อให้เธอใส่กันฝน โดยที่เขายอมเป็นฝ่ายที่เปียกฝนซะเอง โอ๊ย! เท่ม้ากมาก”
“พอได้แล้วยัยจูน ไม่มีอะไรโรแมนติกสักนิด แกนี่ชักจะอ่านหนังสือนิยายมากเกินไปแล้วนะ ถึงได้มีอาการเพ้อเจ้อ ฝันลมๆแล้งแบบนี้” รสาว่า ถอดเสื้อ แจ็คเก็ตที่เปียกฝนออกวางพาดไว้บนตัก กลิ่นหอมกรุ่นจากเสื้อ เขายังคงติดกายเธออยู่
“ถามจริงรสา แกเริ่มชอบเขาขึ้นมาบ้างหรือยัง” นัทลองยั่งความรู้สึก “ ฉันว่านายม่อนเขาน่ารักนะ”
รสาอึ้ง ไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง จริงอยู่ว่าตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกดีกับม่อนขึ้นมาบ้าง เพราะเขามีน้ำใจช่วยเธอ แถมยังทำหน้าที่สุภาพบุรุษถอดเสื้อให้ใส่อีก แต่ความรู้สึกแบบนี้ก็ยังไม่เหมือนกับที่ชอบพี่เอ็มเจ มันเป็นเพียงแค่ความประทับใจที่เธอมีต่อเขาเท่านั้นฃ
“ยัง..”
รสาตอบหนักแน่น สร้างความผิดหวังให้แก่เพื่อนทั้งสามที่ร้องว้าออกมา อาการลุ้นจนออกนอกหน้าทำเอารสาหัวเราะ
“ทำไมต้องเสียดายกันขนาดนั้นด้วย อยากให้ฉันคบกับนายม่อนมากนักหรือไง”
สามสาวพยักหน้า แต่รสาส่ายหน้ารีบพูดต่อ
“งั้นฉันขอสั่งให้พวกแกเลิกคิด และก็เลิกแซวได้แล้ว เพราะนายนั่นไม่ใช่ สเปกของฉัน เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก โนเวย์”
รสาทำมือไขว้กัน ลุกขึ้นอย่างฉับไว “ฉันเอาเสื้อไปคืนดีกว่า ทิ้งไว้นานเดี๋ยวนายนั่นจะคิดว่าฉันอยากได้ ว้าย !”
รสาเผลอร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเกือบชนเข้ากับนายม่อนที่มายืนตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ “นี่นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!”
“เมื่อกี้นี้ แล้วทำไมเธอจะต้องทำหน้าเลิ่กลั่กอย่างนั้นด้วย” ม่อนหลี่ตา ก้มหน้าลงมามองรสาอย่างจับผิด “หรือว่าเธอ แอบนินทาฉันอยู่”
“ปะ..เปล่าซะหน่อย ฉันกำลังจะเอาเสื้อไปคืน นายมาก็ดีแล้ว ฉันจะได้ไม่ต้องเดิน อ่ะ”
จังหวะที่ส่งเสื้อให้แก่กันนั่นเอง ปลายนิ้วของม่อนเผอิญไปโดนนิ้วของหญิงสาวเข้า รสาตกใจชักมือออกมาทันควัน เสื้อแจ็คเก็ตร่วงลงสู่พื้น ทั้งคู่ก้มลงเก็บพร้อมกันโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้ศีรษะดูดเข้าหาชนกันดังโครม!!!!
“โอ๊ย!”
ทั้งรสาและม่อนต่างกุมศีรษะตนเอง ม่อนหยิบเสื้อที่ตกขึ้นมาแล้วลุกยืน รสาลุกตาม ลูบคลำหน้าผากไปมา
“เป็นไงบ้าง ขอโทษที ฉันไม่คิดว่าเธอจะก้มลงมาด้วย เจ็บมากหรือเปล่า” ม่อนแสดงความเป็นห่วงพลางสะบัดศีรษะตัวเองเพื่อให้หายมึน
“ถามได้ เจ็บน่ะสิ คนอะไรไม่รู้หัวแข็งเป็นบ้าเลย แล้วนี่หน้าผากฉันจะโนมั้ยเนี่ย”
รสาคลำไปที่บริเวณหน้าผาก เมื่อพบว่ามันนูนขึ้น หญิงสาวก็แทบร้องกรี๊ด ขยับตัวเรียกเพื่อนอย่างร้อนรน “แยมๆ แกมาดูให้ฉันทีเร็วว่ามันโนใช่มั้ย” แยมถลามาดูให้ทันที
“ใช่ รสามันโน ฉันว่าแกไปห้องพยาบาลดีกว่า จะได้หาอะไรมาทาให้ยุบ”
“เดี๋ยวเราพาไปเองแยม” ม่อนรับอาสาในฐานะที่มีส่วนทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ แยมไม่ว่าอะไรปล่อยให้ม่อนพารสาไปห้องพยาบาล
คล้อยหลังสามสาวกลับมานั่งหัวเราะงอหายขำกับอุบัติเหตุรักของเพื่อน ก็เรื่องช่างเป็นใจ ซะขนาดนี้แล้วจะให้พวกเธอเลิกลุ้นกันได้อย่างไร
อีกมุมหนึ่งในคณะ แจงมองดูเหตุการณ์ตั้งแต่ม่อนขี่มอเตอร์ไซค์มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งซ้อนท้ายเข้ามาด้วยความสนใจ เธอเพ่งดูให้แน่ใจว่าเสื้อที่อยู่บนตัวหญิงสาวคนนั้นใช่เสื้อ แจ็คเก็ตของม่อนหรือเปล่า และเมื่อเห็นชัดเจน อารมณ์หึงหวงของแจงก็พุ่งปรี๊ด เธอไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงได้ใส่เสื้อของม่อน เสื้อที่เธอยังไม่มีโอกาสใส่เลยด้วยซ้ำ
แจงกำมือแน่นอยากเข้าไปเอาเรื่องตั้งแต่ตอนนั้น แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ฉุดเธอไว้ บอกให้รอก่อน เธอยังไม่ควรเข้าไปจัดการอะไรตอนนี้ น่าแปลกที่อารมณ์ของแจงเย็นลงได้ทันที ม่อนทำกับเธอได้เจ็บแสบมาก ทั้งที่เธอยังไม่ทันตอบตกลงว่าจะเลิก เขาก็มีผู้หญิงคนใหม่มาเย้ยแล้ว ยิ่งได้เห็นแบบนี้ เธอยิ่งไม่มีวันยอมเลิกกับเขาเด็ดขาด
แจงมองไปที่รสาซึ่งกำลังเดินอยู่กับม่อนไปทางห้องพยาบาล บันทึกรายละเอียดทุกอย่างที่เห็นใส่ในหน่วยความจำสมอง สิ่งแรกที่ต้องทำต่อจากนี้คือ สืบให้รู้ก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?
ความคิดเห็น