ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขอโทษที...ก็หัวใจเพิ่งมีรัก

    ลำดับตอนที่ #20 : ตอนที่ 18 รักหรือแค่หลง

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.พ. 66


         ดาวน์โหลด E-book  https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNjAwMTQ2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NjoiMjI1MTQyIjt9

      “ว่าไงนะ! นี่แกตกลงเป็นแฟนกับพี่เอ็มเจแล้วงั้นเหรอ”  สาวร่างใหญ่ส่งเสียงแหลมปรี๊ดขึ้นมาอย่างกับนกหวีด ทำเอานักศึกษาทุกคนบริเวณลานหินอ่อน หันมองเป็นตาเดียว

    “เบาๆ สิจูน นี่แกจะตะโกนให้คนเขารู้ทั้งคณะเลยหรือไง” 

    รสารีบเอามือปิดปากเพื่อนสาว ก่อนที่เรื่องของเธอจะกลายเป็นข่าวกอสซิปไปอย่างรวดเร็ว

    “ก็คนมันช็อคนี่นา” จูนได้สติ หันมองรอบด้านแล้วทำเสียงกระซิบกระซาบ “จริงน่ะเหรอ ที่บอกว่าเขาสารภาพรักกับแกก่อน”

    รสายิ้มในหน้า ผิวขาวเป็นสีชมพูระเรื่อ โดยเธอเลือกบอกข่าวดีนี้กับเพื่อน ๆ หลังจากที่ละครเวทีสิ้นสุดลงแล้ว

    “ขอโทษที่บอกพวกแกช้าไปหน่อย คือเราสองคนตั้งใจว่าจะทุ่มเทให้กับละครก่อน เลยยังไม่ได้บอกใคร พวกแกคงไม่โกรธฉันหรอกนะ"

    “ย่ะ ก็มันเป็นข่าวดีนี่นา” จูนยิ้ม “เฮ้อ!ในที่สุดแกก็สมหวังในความรักสักที”

    “ฉันก็นึกทะแม่งๆ  ตั้งแต่ตอนที่ไปตามพวกแกในห้องพยาบาลแล้วว่าต้องมีอะไรสักอย่าง แถมเมื่อวานตอนเล่นละครเสร็จ แกสองคนก็ยังกอดกันกลมอีก รู้มั้ยว่านัยน์ตาเพื่อนมันร้อนผ่าวแค่ไหน” แยมจิ้มที่ลูกตา เห็นไฟริษยาแผดเผา

    “ ฉันแค่ดีใจเท่านั้นเอง อย่าทำเป็นแซวหน่อยเลย” รสาบิดตัวเขิน ช่วงเวลาที่ต้องปกปิดความลับเนี่ยมันก็ทรมานเหมือนกันแฮะ

    “แต่จะว่าไป เรื่องแกเนี่ยก็เหมือนนิยายจริงๆ เนอะ” จูนออกอาการเพ้อฝัน

    “แถมยังเป็นนิยายน้ำเน่าอีกต่างหาก น่าเอาไปเขียนเป็นหนังสือสักเรื่องมีหวังฉันคงดังระเบิด ระเบ้อ” นัทชักคันไม้คันมือ “ตอนนี้พวกแกคงจะสวีทกันน่าดูล่ะสิ”

    “บ้า!ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกก็เหมือนสเต็ปแฟนทั่วไปนั่นล่ะ” พูดแล้วรสาก็กระดากเมื่อนึกถึงเรื่องที่อาจข้ามสเต็ปไปแล้วนั้น

    “แหม! หมั่นไส้ว่ะ” แยมย่นจมูก “ แล้ววันนี้นัดกันไปไหนรึเปล่า”

    “ก็ว่าจะไปดูหนัง” สาวตากลมรีบดูนาฬิกาข้อมือ “ ถึงเวลานัดแล้ว ฉันไปก่อนนะพวกแกแล้วเจอกันพรุ่งนี้” 

    พูดยังไม่ทันจบรสาก็รีบคว้ากระเป๋าวิ่งออกไปทางลานจอดรถข้างตึก ที่เวลานี้มีรถเฟอร์รารี่สีดำมาจอดรับแบบตรงเวลาเป๊ะ

    สามสาวหน้าเหวอพยักหน้าเออออแบบตามไม่ทัน ทั้งมองกิริยารีบเร่งของเพื่อนด้วยความกังวลใจ จนอดที่จะเปรยออกมาไม่ได้

    “แกสองคนช่วยบอกฉันหน่อยสิ ทั้งที่ฉันน่าจะดีใจกับรสาแท้ ๆ แต่ทำไมถึงรู้สึกเหมือนกับยิ้มไม่ออกเลยล่ะ” แยมรำพึงด้วยความรู้สึกกังวลบอกไม่ถูก

    “ฉันเองก็เหมือนกัน ในใจมันห่วงชอบกล เหมือว่าเพื่อนเรากำลังเดินทางผิดยังไงก็ไม่รู้” นัทเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ทั้งพยายามหาเหตุผลให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีคำตอบกลับมา

    “พวกแกคิดมากกันไปหรือเปล่า ฉันว่าไม่มีอะไรหรอกมั้ง ดูพี่ เอ็มเจก็รักยายรสาดีออก” จูนกลับมองในแง่ดี  แยมส่ายหัวไม่เห็นด้วยอย่างแรง

    “ฉันว่าแกลืมอะไรไปอย่างนะ จำไม่ได้หรือไงว่าก่อนคบกับรสาเนี่ย พี่เอ็มเจควงผู้หญิงมาแล้วไม่รู้กี่คน แถมแต่ละรายก็คบแค่ช่วงสั้น ๆ เท่านั้น แล้วอย่างนี้หนุ่มหล่อแบบนั้นจะมาจริงใจกับเพื่อนเราได้เหรอ”

    “โด่..แก เพลย์บอยก็ต้องมีช่วงกลับใจกันบ้างสิวะ ฉันว่าคราวนี้พี่เอ็มเจดูจริงจังมาก เขาจะต้องทำให้รสามีความสุขได้แน่ ๆ” จูนเชื่ออย่างนั้น

    “ฉันว่าเราอย่าเพิ่งมาเถียงกันเพราะเรื่องความรู้สึกของคนอื่นเลย ที่สำคัญคือเพื่อนเราต่างหากว่ามันรักพี่เอ็มเจจริง หรือว่าแค่หลงกันแน่” 

    นัทเปิดประเด็นร้อนขึ้นมาใหม่และก็ทำให้สองสาวที่เหลืออึ้งไปตาม ๆ กัน

    “ก็ต้องรักสิ ในเมื่อพี่เอ็มเจเป็นผู้ชายคนเดียวที่รสามองมาตลอดสองปี” จูนตอบ

    “แกคิดอย่างนั้นเหรอ” นัทเลิกคิ้ว สายตาแสดงความไม่เห็นด้วยออกมาอย่างชัดเจน

    “แล้วแกคิดว่าไง” แยมถาม  สาวนัทถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่ตนรู้สึกออกมา

    “ฉันว่ารัก กับหลง มันต่างกันแค่นิดเดียวเองนะ มันก็เหมือนกับการที่แกปลื้มดาราหล่อๆสักคน ที่เห็นว่าเขาเก่ง เขาเท่ จะขยับไปไหนก็ดูดีในสายตาแกไปซะหมด ไอ้อาการแบบนี้ล่ะที่ฉันว่ามันคือ หลง”

    “งั้นก็หมายความว่ารสาไม่ได้รักพี่เอ็มเจจริง ๆ น่ะเหรอ”

    “ไม่รู้สิ มันก็แค่ความคิดของฉัน เรื่องจริงเป็นไง มีแค่รสาคนเดียวเท่านั้นที่ตอบได้”

    “แล้วแกว่ามันรู้ใจตัวเองหรือยังล่ะ”

    “ตัดสินใจได้ขนาดนี้ ถ้ายังไม่รู้ใจตัวเอง ฉันว่ามันก็โง่ที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลยล่ะ”

    “คิดแล้วฉันก็สงสารม่อน พวกแกก็เห็นว่าหลัง ๆมาเนี่ย สองคนนั้นดูสนิทกันจะตาย ฉันไม่อยากเห็นสภาพม่อนตอนอกหักเลยว่ะ ให้ตายเถอะ”

     แยมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรไปกับนัทและจูน ที่อยากให้ รสาเป็นแฟนกับม่อนมากกว่า เพราะอย่างน้อยพวกเธอก็รู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไรและจริงจังกับรสาแค่ไหน

    “อย่าพูดเลยแยม แค่คิดน้ำตาฉันก็ไหลพราก ๆ แล้ว เห็นทีฉันน่าจะเตรียมตัวไปดามอกให้ม่อนดีกว่า” นัทหยิบแป้งพัฟขึ้นมาทำสวย เผื่อม่อนจะหันมาชอบบ้าง

    “ตบแป้งให้ตาย ม่อนเขาก็ไม่มาสนใจกุ้งแห้งอย่างแกหรอก” จูนเหน็บด้วยความหมั่นไส้ พลางหยิบแป้งขึ้นมาตบบ้าง

    “อ้วนเป็นช้างน้ำอย่างแกเขาก็ไม่สนเหมือนกันแหละ”

    “ถึงอ้วนฉันก็ยังมีเนื้อ มีหนัง และมีนม ไม่เหมือนแกที่แห้งจนแทบไม่มีอะไรเลย”

    “เออ ปากเก่งไปเถอะ ไว้ฉันจะฟ้องพี่โบ้ทว่าแกชอบม่อนมากกว่าเขา” นัทขู่เพราะรู้มาว่าตอนนี้ทั้งสองคนกำลังคบกันอยู่

    “แกกล้าเหรอ” จูนเหลือกตาสูง

    “กล้าสิ แล้วฉันก็จะบอกอีกด้วยว่าตอนนอนแกบวมเป็นปลาพะยูนขึ้นอืดขนาดไหน”

    “ อื๋อ! ยายนัทแกกล้าก็ลองดู ฉันจะได้..”

    “พอสักที!” แยมเบรกแตก ลุกขึ้นเขกหัวเพื่อนคนละทีสองที “ ฉันล่ะเบื่อเวลาที่พวกแกกัดกันเหมือนหมาจริง ๆ  ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกันนะ คิดซิว่าใครควรเป็นคนบอกเรื่องนี้กับม่อนดี”

    สามสาวมองหน้ากันไปมา  ก่อนจะสรุปด้วยสัญชาติญาณและเปล่งเสียงออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

    “ ต้องไม่ใช่พวกเราแน่นอน!!”

     

    เสียงเพลงบรรเลงในคลับคืนนี้ ค่อนข้างเศร้าติดจะเหงาอยู่สักหน่อย ยิ่งกับบรรยากาศเงียบงันที่มีนักเที่ยวอยู่เพียงประปรายด้วยแล้ว แจงก็ยิ่งรู้สึกเหมือนว่าตัวเองมาอยู่ผิดที่ผิดทางและไม่ชอบสถานที่เที่ยวแบบนี้เอาซะเลย  ไม่รู้เหมือนกันว่าคนที่เธอมาพบวันนี้ทนทำงานในที่หดหู่อย่างนี้เข้าไปได้อย่างไร

    หญิงสาวย่นจมูกกับบรรยากาศพลางสอดส่ายตาหาคนที่อยากพบและแม้จะมีนักเที่ยวหัวงู จะพยายามเล่นหูเล่นตาใส่เธอบ้าง แจงก็ไม่สน จนเมื่อเห็นชายร่างสูงยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าบาร์ ก็ระบายยิ้มในหน้าเดินตรงไปหาเขาอย่างไม่รีรอ

    “ขอ ว็อดก้า มาตินนี่แก้วหนึ่งค่ะ” เธอสั่งบาร์เทนเดอร์หนุ่มที่กำลังก้มหน้าเช็ดแก้วอย่างขะมักเขม้น

    ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเงยหน้ารับคำสั่ง แล้วก็แทบหุบยิ้มแห่งไมตรีลงในฉับพลัน เมื่อได้พบหน้าผู้หญิงที่ไม่อยากเจอมากที่สุด  ท่าทางแสดงออกอย่างเปิดเผย ทำให้แจงอดแซวขึ้นไม่ได้

    “อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ถึงเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว แต่แจงก็มีสิทธิ์มาเที่ยวไม่ใช่เหรอ”

    “เที่ยวในสถานที่ ๆ ไม่เหมาะกับเธอเลยเนี่ยนะ ไม่ยักรู้ว่าชอบอะไรแบบนี้ด้วย” ม่อนว่าเพราะรู้จักแจงดี คนอย่างเธอน่าจะไปเที่ยวในผับที่เปิดเพลงดังๆ ให้เต้นมากกว่า

    “บางทีแจงอาจเปลี่ยนรสนิยมไปแล้วก็ได้”

    “งั้นเหรอ”

    ม่อนส่งแก้วเหล้าให้ เธอรับมา จงใจให้มือสัมผัสถูกเขาเล็กน้อยเพื่อดูปฏิกิริยา ซึ่งม่อนก็สะบัดมือตัวเองออกทันควัน แจงยิ้มค่อย ๆ จิบเครื่องดื่มทีละน้อย รู้สึกสนุกกับการได้แหย่อดีตคนรัก

    “อยากรู้จังว่าในคืนหนึ่ง ม่อนจะได้ทิปสักกี่บาท แต่คงจะเยอะน่าดูล่ะสิ ก็แหม! จะมีบาร์เทนเดอร์ที่ไหน ทั้งหล่อ ทั้งชงเหล้าเก่งขนาดนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสาว ๆ คงหลงกันน่าดู เพราะขนาดแจงเลิกไปนานแล้วยังอดคลั่งไม่ได้เลย คิดแล้วก็นึกถึงวันคืนอันแสนหวานของเราจัง”

    เธอยั่วเขาอีก ส่งผลให้ชายหนุ่มหมดความอดทน

    “ว่ามามีอะไร มานั่งเยินยอกันแบบนี้เสียเวลาเปล่า”

    “บอกแล้วไงว่าไม่มี แจงแค่ผ่านมาทางนี้ คิดถึงเลยแวะมาหา ทำไมต้องมองกันในแง่ร้ายด้วยล่ะ”

    “แจง!” ม่อนเสียงเข้ม จ้องแบบให้รู้ว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูดเลยสักนิด

    “ก็ได้ ก็ได้ แจงแค่อยากมาบอกว่าตอนนี้  แจงมีแฟนใหม่แล้วนะ เขาทั้งเก่ง ทั้งหล่อ และก็รวยกว่าม่อนมากด้วย”

    “ดีแล้วนี่ ฉันดีใจด้วย”

    “ขอบคุณ แต่ม่อนไม่อิจฉาแจงบ้างเหรอ ที่ได้เจอคนที่ดีกว่า”

    “ตลกน่ะ ทำไมฉันต้องคิดอย่างนั้นด้วย”

    “นั่นสิ แจงไม่น่าถามอะไรโง่ ๆ สงสัยคงเพราะอยากให้ม่อนรู้สึกในแบบเดียวกันมั้ง”

    “เธออิจฉาฉันเหรอ” ม่อนขำ เห็นว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระมาก

    “ก็ใช่น่ะสิ แจงอิจฉาที่ม่อนกำลังมีความรักใหม่กับรสาไงล่ะ หรือว่าไม่จริง  ตอนนี้นายสองคบกันแล้วสิ” 

    ม่อนไม่ตอบ ก้มหน้า ก้มตาเช็ดแก้วเหล้าต่อ  แจงยิ้ม แกล้งถามไปอย่างนั้นเพราะความจริงเป็นไงเธอก็รู้อยู่แล้ว

    “ยังหรอก”

    “อะไรกัน พูดแบบนี้ไม่เหมือนม่อนที่แจงรู้จักเลยสักนิด จำไม่ได้หรือไง ตอนที่เราเจอกันครั้งแรก แค่วันเดียวม่อนก็ขอแจงเป็นแฟนแล้ว  ม่อนเปลี่ยนไปมากเลยนะ”

    ม่อนอึ้ง รู้สึกได้เหมือนกันว่าตัวเองเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาดูใจเย็นมากขึ้น เริ่มรู้ว่าการได้ทำความรู้จัก ได้แกล้ง ได้แหย่ ผู้หญิงคนหนึ่งไปเรื่อย ๆ มันมีความสุขมากกว่าการแค่ได้เห็นหน้าและขอเป็นแฟนแบบฉาบฉวย  ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งจีรังอะไร กลับยิ่งทำให้เสียความรู้สึกมากกว่าเมื่อได้เห็นธาตุแท้ของกันและกัน  ม่อนไม่อยากให้ความรักของเขาจบลงแบบนั้น ต่อให้ใครมองว่าเขาเป็นแบดบอย มีผู้หญิงผ่านมามากมายอย่างไร แต่ม่อนก็จริงจังกับความรักทุกครั้ง และพอใจมาก ๆ กับความรู้สึกที่เป็นอยู่ตอนนี้

    “ ชะล่าใจแบบนี้ ระวังถูกมีดีคว้าไปซะก่อนนะ”

    “รสาไม่ใช่สิ่งของ และก็ไม่มีใครคว้าเธอไปจากฉันได้ด้วย” ชายหนุ่มบอกอย่างมั่นใจ ไม่รู้ว่าเข้าข้างตัวเองมากไปหรือเปล่า แต่รู้สึกได้ว่ารสาก็พอมีใจให้บ้างล่ะ

    “งั้นม่อนคงยังไม่ได้ยินข่าวลือน่ะสิ” แจงเปรย เหลือบตาขึ้นมองอย่างเหนือกว่า

    “ข่าวลืออะไร” เขาไม่ได้ไปเรียนมาสามวัน และก็ไม่ได้ยินข่าวลืออะไรเลยด้วย

    “ก็เรื่องที่รสากำลังคบอยู่กับพี่เอ็มเจ ผู้กำกับละครเวทียังไงล่ะ นี่เป็นข่าวฮอตที่สุดในคณะตอนนี้เลยนะ”

    “ไม่จริง ! นี่เธอจะมาไม้ไหนอีกล่ะเนี่ย”

    “ถ้าคิดว่าแจงโกหก ก็ลองไปถามพวกที่สนิทกับรสาดูสิ บางทีม่อนอาจรู้อะไรดี ๆ มากกว่านี้ก็ได้”

     แจงท้า เห็นม่อนช็อคและทำหน้าเครียดแบบนี้ก็รู้ว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร  คืนนี้เธอเริ่มเดินหมากบนกระดานแล้ว ที่เหลือคือรอให้ตัวละครแสดงไปตามบทบาทเท่านั้น ซึ่งจากการคาดเดา เรื่องราวคงดำเนินไปถึงจุดไคล์แม็กซ์อย่างช้าไม่เกินวันพรุ่งนี้แน่นอน

    ซึ่งมันก็ไม่ต่างไปจากที่แจงคิด เมื่อม่อนตะลุยหาตัวรสาทั่วคณะตั้งเช้าจรดบ่ายแต่ก็ไม่พบตัว จนเจอกับโบ้ทที่กำลังจะไปหาจูน นั่นล่ะเขาถึงรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน

    “นี่ จูน แกว่ามั้ยว่าตั้งแต่ที่ยายรสามีแฟนเนี่ย วันๆไม่ค่อยอยู่กับเพื่อนเลยเนอะ เลิกเรียนปุ๊บเป็นต้องออกไปกับแฟนปั๊บ ยิ่งช่วงที่พี่เอ็มเจใกล้แข่งบาสด้วยแล้ว ฉันแทบไม่ได้เห็นหน้ามัน  ฮึ! คิดแล้วก็น่าน้อยใจชะมัด หมั่นไส้พวกคลั่งรัก0ว่ะ” นัทบ่นกับคู่ซี้ร่างใหญ่ ขณะนั่งเล่นกันอยู่สองคน 

    จูนเงยขึ้นจากขนมขบเคี้ยว เหล่ไปทางนัทที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วทำหน้าเหนื่อยหน่าย

    “แกจะบ่นน้อยใจไปทำไม ยายรสามันมีแฟน อยู่กับแฟนไม่เห็นจะแปลก หรือจะให้มันอยู่ติดกับพวกเราจนแฟนขอเลิกล่ะ ไร้สาระสิ้นดี”

    จูนไม่เออออห่อหมกไปด้วยแถมยังว่ากลับอีก เล่นเอานัทค้อนตาขวับ

    “มากไปแล้วนะ ฉันบ่นแค่นิดเดียว ไม่เห็นต้องว่ากลับมาตั้งเยอะเลย ใช้สิฉันมันไม่มีความรักนี่ ไม่เหมือนใครบางคนที่บังเอิญมีคนหน้ามืด ตาบอดมาหลงจีบได้”

    “อิจฉาล่ะสิ ที่ฉันมีคนมาชอบ แต่แกไม่มี “ จูนลอยหน้าลอยตา จี้จุดใจดำ 

    “ย่ะ แม่คนมีเสน่ห์” นัทลากเสียงประชด หยิบขนมยัดเข้ามาปากจูนกำเบ้อเร้อ 

    “นี่กินเข้าไปเลย จะได้ไม่ต้องพูด”

    “โอ๊ย! เล่นบ้าอะไรของแก เดี๋ยวฉันได้ติดคอตายพอดี” จูนสำลักขนมจนไอคอกแคก “แล้วนี่ยายแยมมันหายไปไหนวะ บอกจะไปเข้าห้องน้ำแล้วก็หายไปเลย ฉันกะจะถามมันเรื่องกิจกรรมออกค่ายอาสาสักหน่อยแกเห็นมันบ้างหรือเปล่า” 

    จูนสอดสายตาหาเพื่อนสาวร่างเล็กโดยรอบ และตาสาวร่างใหญ่ก็แทบถลนออกมาจากเบ้า เมื่อเห็นร่างสุดเท่ของใครคนหนึ่งกำลังเดินตรงมาหา เธอรีบสะกิดเรียกนัทโดยเร็ว

    นัท ๆ แกดูนั้นสิ พี่โบ้ทของฉัน แหม ! คนอะไรก็ไม่รู้ ขนาดเดินยังดูเท่ซะไม่มีล่ะ”

    สาวร่างผอมหน้าตูมพอถูกสะกิดก็หันไปโดยพลัน..เดินพุงกระเพื่อมเนี่ยนะเท่  ตาบอดชะมัด ต้องอีกคนที่เดินมาด้วนสิ ถึงจะเรียกเท่ของแท้

    “ไงม่อน”

    นัทยกมือทักทาย แต่หนุ่มว้ากเกอร์ไม่สนใจ พอมาถึงโต๊ะก็ถามหารสาทันที หน้าตาเคร่งเครียดของเขาทำให้นัทรู้สึกสังหรณ์ขึ้นมาอย่างไรชอบกล

    “ไม่อยู่หรอกพอดีไป...” เธออ้ำอึ้ง ไม่รู้จะบอกความจริงหรือว่าโกหกดี “เอ่อ...”

    “ ไปไหนนัท “ ม่อนเร่งอย่างคนใจร้อน พอรู้ข่าวจากแจงเขาก็นอนไม่หลับทั้งคืน อยากเจอรสาเพื่อถามความจริงให้เร็วที่สุด

    “ฉันว่านายอย่ารู้เลย มันไม่เกี่ยวกับนายหรอก” 

    นัทยิ่งไม่บอก ม่อนยิ่งสงสัยว่ามันต้องเกี่ยวกับเขา เลยเปลี่ยนไปทางจูน ที่ยืนกระมิดกระเมี้ยนอยู่ใกล้โบ้ทแทน

    “แล้วจูนล่ะรู้หรือเปล่าว่ารสาไปไหน”

    “รู้ ไปดูพี่เอ็มเจซ้อมบาสที่สนามน่ะ”

    จูนตอบออกไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เพราะกำลังเขินอายที่ถูกโบ๊ททำตาหวานอยู่ข้างๆ

    “ยายจูน! ยายปากมาก รู้ตัวหรือเปล่าว่าแกพูดอะไรออกมา” นัทตวาดใส่เสียงดัง เข้าไปหยิกเนื้อแน่นๆ ที่แขนเพื่อน

    “โอ๊ย! อะไรเล่า แกมาหยิกฉันทำไม” จูนโวยวาย ยังไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป 

    “ยังมีหน้ามาถามอีก ปากมากอย่างแกสมควรโดนแล้ว” นัทตอบตาขุ่น  หันรีหันขวางไปทางม่อน พยายามอธิบายแบบนิ่มนวล  “ เออ ม่อน นายคงยังไม่รู้ว่า ตอนนี้รสาเขา...”

    “มีแฟนแล้ว” ชายหนุ่มตอบแทรก น้ำเสียงค่อนข้างกระด้าง 

    “นะ.. นายรู้เรื่องนี้แล้วเหรอ”

    “ใช่ ว่าแต่ตอนนี้สองคนนั้นอยู่ที่สนามบาสใช่มั้ย”

    “เออ ก็ใช่ ว่าแต่นายจะไปไหนม่อน! ม่อน!”

    นัทเรียกไว้ แต่ไม่ทันซะแล้ว เมื่อเขาเดินดุ่มๆตรงไปทางสนามบาสราวกับพายุ โบ้ทยังไม่รู้เรื่องอะไรพอเห็นเจ้าน้องตัวดีออกอาการคลั่ง ก็เลิกทำตาหวานวิ่งตามม่อนไปทันที

    “เป็นเพราะแกคนเดียวยายจูน ยายปากมาก” นัทหันมาพาลเอากับเพื่อนที่ทำหน้าเจื่อน จับปากตัวเองอย่างยอมรับผิด

    “แล้วทีนี้จะทำยังไงดีล่ะนัท”

    “จะทำยังไงเหรอ ก็ตามไปน่ะสิ”

    นัทออกวิ่ง จูนยังเงอะๆงะ สุดท้ายก็วิ่งตามไปอีกคน 

    ภายในสนามแยมและรสากำลังนั่งดูเอ็มเจซ้อมบาสอยู่บนอัฒจันทร์ วันศุกร์นี้มหาวิทยาลัยจะมีเกมแข่งขันบาสเก็ตบอลเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับมหาวิทยาลัยใกล้เคียง เอ็มเจเลยต้องอยู่ซ้อมบาสทุกเย็น ส่วนรสาก็คอยมาดูเขาเพื่อที่หลังเลิกซ้อมแล้วจะได้กลับบ้านด้วยกัน

    จังหวะที่ม่อนเดินเข้ามาในสนาม เอ็มเจยังคงซ้อมบาสอยู่ แต่ม่อนไม่สนใจว่าใครคือเอ็มเจ เขาเห็นแต่รสา อารมณ์บ้าดีเดือด ทำให้เขาพุ่งไปหาเธอแบบจู่โจม

    “รสา มานี่! เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ม่อนฉุดแขนหญิงสาวลากเธอให้ลุกจากที่นั่งแบบไม่นุ่มนวล

    “ปล่อยฉันนะ นี่! เป็นบ้าอะไรเนี่ย ปล่อย!”รสาขืนตัวเองไว้ ทั้งโมโหแกมตกใจไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ม่อนถึงได้ทำตัวเป็นหมาบ้าแบบนี้

    “เฮ้ย! ใจเย็นเพื่อน มีเรื่องอะไรก็ค่อย ๆพูดกันสิ  ทำแบบนี้รสาเจ็บนะ”

    แยมพยายามกล่อม แต่ม่อนไม่ใส่ใจ ตาคมเอาแต่จ้องตาอีกฝ่าย ใบหน้าทะเล้นที่รสาเคยเห็น เวลานี้มีแต่ความดุดันน่ากลัว ซึ่งเธอไม่ชอบให้ม่อนแสดงท่าทีอย่างนี้เอาซะเลย

    “เธอมีแฟนแล้วเหรอ รสา” ม่อนเค้นเสียง บีบแขนหญิงสาวแน่นด้วยลุ้นให้คำตอบไม่ใช่อย่างที่ได้ยินมา

    “นี่!นายทำแบบนี้กับฉันก็เพราะต้องการรู้แค่นี้เองเหรอ”

    “แล้วมันจริงมั้ยล่ะ เธอบอกฉันมาสิ”

    “จริง! และเขาก็อยู่ตรงนั้น” เธอชี้นิ้วไปทางเอ็มเจที่กำลังรับส่งบอลอยู่กับเพื่อนกลางสนาม “ พอใจหรือยัง"

    “เลิกกับมันซะ!”

    “อะไรนะ”

    “ฉันสั่งให้เธอเลิกกับมัน ได้ยินมั้ยรสา”

    “ไม่! “ รสาสะบัดแขนออกอย่างแรง “ทำไมต้องเลิก นายมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับนายเลยนะ”

    “เกี่ยวสิ ทำไมจะไม่เกี่ยว ฉันบอกไปแล้วนี่ ว่าฉันชอบเธอ แล้วทำไมเธอถึงได้ยังไปคบกับมันอีก” ม่อนถามแววตาตัดพ้อ

    “นี่นาย...”

    เสียงรสาขาดห้วงลง หมดแรงจะพูดอะไรได้มากไปกว่านั้น คงมีแค่ความรู้สึกหวั่นไหวเท่านั้นที่แทรกเข้ามาอย่างกะทันหัน หญิงสาวได้แต่นิ่งไม่รู้ว่าควรทำตัวเช่นไร

    ในเวลาเดียวกันที่ด้านหลังของทั้งคู่ โบ้ท จูนและนัท ได้วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา หน้าตาแต่ละคนยังไม่คลายความตื่นตระหนกเพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้น ซึ่งก็กลายเป็นผิดคาดเพราะต้องตกมาอยู่ในสภาวการณ์เงียบงัน  มองม่อนและรสาสบตากันนิ่ง แต่นั่น ยังไม่ใช่ปัญหาเท่ากับที่จูน เหลือบไปเห็น เอ็มเจจ้องมายังบริเวณที่พวกเธอยืนอยู่ แววตาหนุ่มนักบาสแสดงความสนใจ และละจากการซ้อม เดินขึ้นมาบนอัฒจันทร์อย่างไม่รีรอ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×