คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 เมื่อหัวใจเพรียกหา
รุ่งขึ้น ที่โต๊ะหินหน้าคณะ เมื่อรสามาถึงกลุ่มเพื่อนของเธอก็มากันครบหมดแล้ว ทุกคนต่างกำลังหมกมุ่นอยู่กับโปรเจกต์งานที่ต้องส่งในวันนี้ หญิงสาววางสมุดลงบนโต๊ะ ทรุดตัวนั่งลงด้วยท่าทางเซ็งๆ แถมยังถอนหายใจเฮือกใหญ่ เรียกร้องความสนใจจนเพื่อนทั้งสามจนต้องเงยหน้าขึ้นมามอง
“มาแล้วเหรอแก เมื่อวานหายไปไหนมาล่ะ ปล่อยให้พวกฉันรอตั้งนาน” แยมสาวห้าวร่างเล็กที่มือกำลังสาละวนอยู่กับโน๊ตบุ๊คเอ่ยทักเป็นคนแรก ยังความสงสัยมาให้สองสาวที่เหลือซึ่งก็อยากรู้คำตอบด้วยเหมือนกัน
“ฉันไปเจอพี่เอ็มเจกับแฟนใหม่มา เลยช็อกไปนิดหน่อย พวกแกก็รู้ว่าเวลาฉันเฮิร์ท มันจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น รู้แต่ว่าอยากเดินไปเรื่อยๆ”
“ก็เลยหนีกลับก่อนงั้นสิ” นัทสาวผิวคล้ำที่สุดในกลุ่มคาดการณ์ รสาพยักหน้าแทนคำตอบ สีหน้าเศร้าจนเพื่อนๆ ต้องเข้ามาปลอบ
“เฮ้ย! อย่าคิดมากน่า พี่เอ็มเจก็แบบนี้แหละ นึกว่าตัวเองหล่อ เปลี่ยนแฟนไปเรื่อย รับรองคราวนี้เดี๋ยวก็ต้องเลิกกัน ฉันจดสถิติเอาไว้หมดแล้ว ไม่เกินสามเดือน แกนับวันรอได้เลย” แยมตบบ่าให้กำลังใจ
“ใช่! ต่อจากนั้น แกก็จัดการเข้าไปสารภาพรักได้เลย แล้วผู้หญิงที่จะได้ควงกับพี่เอ็มเจเป็นคนต่อไป ต้องหนีไม่พ้นเพื่อนฉันคนนี้แน่นอน” จูนชูมือเชียร์เต็มที่
รสายิ้มบางๆ คิดว่าสิ่งที่จูนพูดมันไม่ง่ายเลยสักนิด ใช่ว่าพอเดินเข้าไปแล้ว เขาจะตอบรักทันทีเสียหน่อย หน้าตาเธอก็สุดแสนจะธรรมดา มีดีอยู่หน่อยก็ตรงดวงตากลมโตที่พอให้ดูบ้องแบ๊วขึ้นมาบ้าง แต่จะให้ไปเทียบกับสาวคนอื่นที่พี่เอ็มเจเคยควงน่ะเหรอ เธอคงไม่ติดฝุ่นเลยด้วยซ้ำ
“ขอบใจนะ แต่ฉันว่ามันคงยากน่าดู ”
รสาฝืนยิ้ม พยายามทำตัวเข้มแข็ง แต่ความเศร้าในแววตาก็ทำให้เธอแสดงบทบาทได้ไม่แนบเนียนนัก
“ฉันว่าเราอย่าเพิ่งมาพูดเรื่องแบบนี้กันดีกว่า นี่มันใกล้เวลาส่งงานอาจารย์โอ๋แล้วนะ ขืนส่งไม่ทันมีหวังโดนตัดคะแนนแหงๆ แกยิ่งเขี้ยวลากดินอยู่ด้วย นี่ก็เหลืออีกชั่วโมงเดียวเอง ฉันยังทำสไลด์พรีเซนต์งานหน้าสุดท้ายไม่เสร็จเลย ไม่รู้จะทันหรือเปล่า” แยมเตือนความจำให้ทุกคนหันมาใส่ใจกับงานโปรเจกต์ตรงหน้า
สี่สาวต่างรีบช่วยกันทำงานส่งอย่างเร่งด่วน ความที่ต้องแข่งกับเวลาทำให้รสาไม่มีเวลามาคิดเรื่องของตัวเองอีกแล้ว ตอนนี้เธอมีแต่งานที่ต้องทำให้เสร็จเท่านั้น
“เป็นไงส่งทันมั้ย? ”
นัทนั่งรอรสาที่เอารายงานไปส่งอยู่บริเวณโต๊ะหิน ส่วนแยมและจูนอาสาเข้าไปจองโต๊ะในโรงอาหาร รสายิ้มแฉ่งให้เพื่อน
“มือชั้นนี้แล้ว ดีนะที่พวกเราส่งช้าไปแค่ห้านาที ถ้าเกินกว่านั้น รับรองอด นี่ฉันต้องอ้อนวอนอยู่ตั้งนานเลยล่ะกว่าอาจารย์จะยอมใจอ่อน”
“เฮ้อ ! ค่อยยังชั่ว” นัทโล่งอกสุดๆ “ฉันว่าแล้วขบวนการเขี้ยวไม่มีใครเกินอาจารย์โอ๋ไปได้ โชคดีจริงๆ สาธุ สาธุ”
เธอหมุนตัวไหว้ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จนคนที่นั่งอยู่ในบริเวณนั้นหันมามองปิดปากขำกับท่าทางเพี้ยน ๆ ของนัท รสาเองก็อายเช่นกัน เธอรีบฉุดแขนเพื่อนสาวแล้วลากไปทางโรงอาหารทันที
ช่วงเวลาเที่ยง ๆแบบนี้ คนในโรงอาหารค่อนข้างจอแจ และพลุ่กพล่านอยู่มาก รสากวาดตาหาแยมและจูน จนเห็นสองสาวนั่งกันอยู่ตรงประตูอีกฝั่งของโรงอาหาร ความรีบร้อนทำให้ไม่ทันมองว่าชายคนหนึ่งกำลังลุกออกจากโต๊ะ อีกทั้งพื้นที่ระหว่างทางก็แคบมาก หญิงสาวจึงชนเข้ากับร่างใหญ่ให้อย่างจัง
สาวตากลมเงยหน้าขึ้นมองโดยอัติโนมัติ และก็ทำให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้ ค่อนข้างสูงทีเดียว เพราะเธอไม่ใช่แค่เงยหน้าอย่างเดียวแต่ต้องเรียกว่าแหงนหน้าขึ้นมากกว่า ดูจากชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์และแจ๊คเก็ตยีนส์ที่ใส่ ทำให้รสามั่นใจว่า เขาคงไม่ใช่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยแน่ เพราะที่นี่ไม่มีกฎให้ใส่ชุดนอกเข้ามา แต่ถ้าเป็นพวกชอบฝ่าฝืนกฎอันนี้เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
นอกจากนี้ เธอยังเห็นว่าเขามีรอยสักตรงแถวลำคอ หน้าตาดูเย็นชา เหมือนพวกตัวตึง ดูเป็นพวกแบดบอยอย่างไรก็ไม่รู้ แต่เอ๊ะ! ดวงตา ที่กำลังมองเธออยู่นี่สิ ทำให้รู้สึกคุ้นเคย เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน....
“นี่แกเป็นอะไรอ่ะ ยืนอึ้งอยู่ได้ แล้วเมื่อกี้ผู้ชายคนนั้นเขาขอโทษได้ยินหรือเปล่า” นัทสะกิดเรียกรสาที่มัวแต่ยืนนิ่ง จนไม่รู้ว่าคนที่เธอชนได้หายวับไปแล้ว
“ฮะ แกว่าเขาขอโทษฉันด้วยเหรอ ทำไมไม่เห็นได้ยินเลยล่ะ” หญิงสาวเพิ่งรู้สึกตัว นัทขมวดคิ้วยุ่ง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อน
“จะไปรู้ได้ไง เห็นแกยืนมองตาค้างอยู่นั่นล่ะ แต่จะว่าไปนายนั่นก็หน้าตาไม่เลวนะ ดูเท่ดี”
“สงสัยฉันต้องเคยเห็นเขามาก่อนแน่ๆ เลย ดวงตาแบบนั้นเคยเห็นที่ไหนนะ”
รสาพยายามนึกต่ออย่างติดใจ นัทส่ายหัวปลง ๆ จูงมือรสาไปทางโต๊ะที่แยมและจูนนั่งอยู่
ตลอดเวลาบนโต๊ะอาหารหญิงสาวพยายามนั่งคิด หากวันนี้ยังนึกไม่ออก เรื่องนี้จะต้องค้างใจเธอไปทั้งวันแน่ แล้วจู่ ๆเสียงสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ก็ดังขึ้น หน่วยความจำในสมองรสาแล่นปรู๊ดปร๊าดขึ้นมาทันที
ใช่แล้ว! นายคนเมื่อกี้คือ ผู้ชายที่ขับรถมอเตอร์ไซค์เมื่อวานนี้ มิน่าล่ะเธอถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับดวงตาของเขา
และเพราะที่นั่งของรสาติดกับบริเวณทางออกใกล้กับลานจอดรถ เธอจึงเห็นผู้ชายคนนั้นขับเจ้ามอเตอร์ไซค์รถแข่งออกไป โดยมีสาวผมยาวในชุดนักศึกษานั่งซ้อนท้ายไปด้วย หญิงสาวมองตาม รู้สึกทึ่งกับมาดขี่รถเท่ๆ ของเขา จนเมื่อเสียงรถเงียบไป รสาถึงได้ดึงตัวเองกลับมาสนใจกลุ่มเพื่อนอีกครั้ง
“เออ แยม เย็นนี้มีซ้อมเชียร์นี่ พวกว้ากเกอร์จะลงหรือเปล่า”
นัทถามแยมซึ่งเป็นว้ากเกอร์ กลุ่มคนที่มักทำหน้าดุและใช้เสียงเข้าข่มเวลาต้องการสร้างความรักและสามัคคีให้แก่น้องๆ
“ลงดิ หมู่นี้น้องชักเกกันใหญ่ เข้าเชียร์ไม่ถึงยี่สิบคน แล้วอย่างนี้จะเอาอะไรไปสู้คณะอื่นวะ”
ในกลุ่มสี่สาวแยมจะเป็นคนที่ห้าวที่สุด เรื่องพูดจาโผงผาง ไม่มีหางเสียงล่ะต้องยกให้แยม
ส่วนนัทและจูน สองสาวนี้ค่อนข้างออกแนวติงต๊องบวกโก๊ะมากกว่า แล้วก็เป็นคู่หูต่างขนาดที่เข้าขากันได้ดีจนเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“แล้วเรื่องหัวหน้าว้ากเกอร์ล่ะ ตกลงได้หรือยังว่าจะให้ใครเป็น” จูนถามบ้าง ทั้งๆ ที่ในปากสาวร่างใหญ่กำลังเคี้ยวฝรั่งตุ้ยๆ
“ได้แล้ว วันนี้ก็เห็นเองแหละ อยากบอกว่าเจอแล้วเป็นต้องหนาว” แยมทำหน้าขู่ ผสมโฆษณาชวนเชื่อ
“ทำไม หน้าตาหน้ากลัวมากเลยหรือไง สู้พี่โบ้ท หัวหน้าว้ากปีที่แล้วได้เปล่า”
จูนตาโตสนใจ นึกไปถึงรุ่นพี่ปีสาม ที่มีไซส์ขนาดจัมโบ้ หน้าตาละม้ายคล้ายไจแอ้นท์ในการ์ตูนโดเรม่อน แต่เป็นไจแอ้นท์ในภาคที่น่ากลัวกว่า คือ ชอบส่งเสียงดัง และเดินวางกล้ามไปทั่วคณะ หากรุ่นน้องคนไหนเผลอเดินผ่านแล้วไม่ยกมือไหว้ ล่ะก็ เป็นได้โดนซ่อมเช้า กลางวัน เย็น ไม่ได้กลับบ้าน กลับช่องแน่!
“โอ๊ย ไม่อยากจะบอกรับรองไม่เหมือนพี่โบ้ทหรอก แต่เรื่องความห่ามล่ะก็ไม่แพ้กัน” แยมการันตี ใบหน้าแฝงความนัย
ด้วยข้อมูลน้อยนิดบวกกับหน้าตาที่ดูเหมือนมีลับลมคมใน ยิ่งทำให้นัทกับจูน เพิ่มความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น สองสาวช่วยกันเขย่าแขนคะยั้นคะยอให้แยมบอกให้ได้ แยมได้ทีเล่นตัวส่ายหน้าท่าเดียว
“ทำไมแกไม่บอกให้มันกระจ่างไปเลยวะ หรือว่านายนั้นหน้าตาประหลาด มีสองหัว สี่เขาใช่เปล่า ถึงได้ทำปกปิด” รสาออกจะหมั่นไส้กับท่าทีแยมซะเหลือเกิน
“เขาไม่ได้ประหลาดหรอก แต่ฉันกลัวพวกแกรู้แล้วจะร้องกรี๊ดกันต่างหากล่ะ เอาเหอะเดี๋ยวเย็นนี้ก็รู้เองแหละ”
เธอโบกมือตัดบท ขี้เกียจพูดต่อแล้ว ในเมื่อทั้งง้าง ทั้งแง้ม ยังไง แยมก็ไม่ยอมพูด สามสาวเลยรามือ หันมาสนใจกับของหวานตรงหน้าต่อ
หลังจากอิ่มอร่อยกันเป็นที่เรียบร้อย สี่สาวเดินกลับเข้าไปในตึกเพื่อเรียนในชั่วโมงต่อไป แต่รสาก็ต้องชะงัก เพราะบังเอิญเห็นเอ็มเจและแฟนใหม่เดินจูงมือกันออกมา ความสวีทไม่อายสายตาใครของทั้งคู่ สร้างความบาดตาบาดใจให้กับรสา จนต้องผลุบตากลมโตของตัวเองมองไปยังพื้นด้านล่าง จ้องมันราวกันเป็นสิ่งสวยงามน่าพิศสมัยจนไม่อาจถอนสายตาขึ้นได้
“เป็นอะไรมากหรือเปล่ารสา เห็นหยุดเดินแถมยังก้มหน้างุดอีก พวกฉันเป็นห่วงนะ” แยมเข้ามาโอบไหล่ รสายิ้มบาง
“ไม่เป็นไรหรอก สบายมาก รีบเข้าเรียนกันเถอะ” รสาออกนำเพื่อน ๆ ไปอย่างคนที่ต้องการปกปิดความรู้สึก
สามสาวที่เดินตามมาข้างหลังมองตากันปริบๆ รู้หรอกว่าเวลาสาวตากลมทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้ แต่ลึก ๆ แล้วข้างในใจคงกำลังเฮิรท์หน้าดู
ความคิดเห็น