ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขอโทษที...ก็หัวใจเพิ่งมีรัก

    ลำดับตอนที่ #18 : ตอนที่ 16 ฉันชอบเธอนะรสา

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.พ. 66


     คลิกดาวน์โหลด E-book :  https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNjAwMTQ2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NjoiMjI1MTQyIjt9

    “ เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ ” เสียงตอบรับอัตโนมัติหวาน ๆ ดังมาตามสาย ที่ไม่ว่าชายหนุ่มจะพยามยามต่อสายอีกสักกี่ครั้ง หรือส่งข้อความไปหาเธออีกสักกี่ที สิ่งที่ตอบกลับมาก็คือความว่างเปล่า  

             “ทำไมเธอต้องทำแบบนี้กับฉันด้วยรสา นี่เธอเกลียดฉันมากนักเหรอ” ม่อนตะโกนลั่นเดินกลับไปกลับมารอบห้องอย่างกระวนกระวายใจ

             “นี่มึง! จะเป็นแบบนี้อีกนานมั้ยวะ ถ้าเขาไม่รับก็เลิก ไปเหอะ เสียเวลาเปล่า” ภานุทนรำคาญไม่ไหวขอจุ้นเรื่องชาวบ้านสักหน่อย  

             “ ยุ่งน่าไอ้นุ จะนอนก็นอนไป วุ่นมากเดี๋ยวได้ตายก่อนวัยอันควรหรอก” ม่อนขู่ตาขวางยังคงสาละวนอยู่กับมือถือ

             “ กลัวตายล่ะ” ภานุทำตัวสั่นก่อนเด้งตัวขึ้นมาจ้องหน้าเพื่อน“ถามจริงมีธุระอะไรหนักหนาหรือวะ ถึงต้องโทรจิกขนาดนี้ด้วย ป่านนี้ยายรสาหลับฝันหวานไปถึงไหนต่อไหนแล้วล่ะมั้ง” 

             ภานุเหลือบมองนาฬิกาบนผนังห้องที่ล่วงเลยเข้าสู่เวลาของวันใหม่มาร่วมชั่วโมงกว่าแล้ว จะมีก็แต่คนบ้าอย่างม่อนเท่านั้นแหละที่ไม่ยอมหลับยอมนอน 

             “ พรุ่งนี้ค่อยโทรใหม่เหอะ” ว่าพลางปิดไฟเป็นการรวบรัดตัดความซะเลย 

             ม่อนจำต้องล้มตัวนอนทั้งที่ภายในใจร้อนรุ่ม ไม่เลย ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาจะแคร์ความรู้สึกของใครอีกคนได้มากเท่านี้มาก่อน  เพียงแค่คิดว่าเธอมีใจให้คนอื่น อกเขาก็แทบไหม้อยู่รอมร่อ นี่หากต้องถูก รสาเข้าใจผิดอีกใจเขาคงแตกเป็นเสี่ยง ๆ แน่ 

             ม่อนนอนคิดมากอยู่ทั้งคืน พยายามข่มตาให้หลับแต่ก็ทำไม่ได้ เหลือบมองนาฬิกาอีกทีเห็นว่าจวนจะหกโมงเช้าแล้ว ชายหนุ่มจึงตัดสินใจลุกจากที่นอนหยิบไม้เท้าและเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์ออกไปจากห้องทันที

     

             เช้าวันนี้รสาตื่นเร็วกว่าปกติ หลังจากที่เมื่อคืนมีฝนตกหนักทำให้อากาศค่อนข้างเย็นสบาย เธอจึงคิดอยากออกไปปั่นจักรยานเล่นรอบหมู่บ้าน เพื่อรับลมเย็นสบายและออกซิเจนที่สดชื่น แต่เพียงแค่เข็นรถจักรยานออกมาหน้าบ้าน สาวตากลมก็รู้ว่าอากาศดี ๆ ที่ว่าคงไม่ค่อยสดชื่นเท่าไหร่ซะแล้ว

             “มาทำไม” 

     หญิงสาวหน้าบูด ถามออกไปด้วยความไม่พอใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจะต้องหงุดหงิดขึ้นมาด้วย

             “ก็อยากเจอไม่ได้เหรอ” ม่อนยิ้มแฉ่ง รู้สึกว่าอารมณ์คุกกรุ่นเมื่อคืนหายเป็นปลิดทิ้ง เพียงแค่ได้มาเห็นหน้าบูด ๆ ของรสาก็เถอะ “แล้วนี่กำลังจะไปไหนเหรอ ขอไปด้วยคนสิ” 

    ร่างสูงจับแฮนด์รถตั้งใจจะช่วยเข็น แต่ก็ถูกเธอปัดมือออก

             “ ยุ่ง! ”  รสาดุก่อนขึ้นนั่งบนจักรยานและถีบมันออกไปโดยไม่สนใจคนข้าง ๆ

             “ เดี๋ยวสิรสา  คอยฉันด้วย”  ม่อนเขยกขาข้างดีและไม่ดีตามไปอย่างทุลักทุเล “เธอจะรีบไปไหน เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ โอ๊ย !!” 

             ความรีบร้อนทำให้ทั้งขาแท้ขาเทียมเกี่ยวกันพัลวันจนร่างชายหนุ่มกลิ้งคลุกฝุ่นไปมาสี่ซะห้าตลบจนมาหยุดอยู่ตรงล้อหน้าจักรยานพอดิบพอดี  

             “ว้าย !ม่อน” รสาทิ้งจักรยาน กระโดดลงไปดูเขาทันที “ เป็นไงบ้าง”

             “โอ๊ย! เจ็บ ฉันจะต้องขาหักซ้ำสองแน่ ๆเลย” เขากุมขาข้างที่หักแล้วร้องโอดโอย พยายามทำหน้าเหยเกเรียกร้องความเห็นใจสุดๆ

             “ สมน้ำหน้า!  ใครอยากใช้ให้นายมาตามฉันล่ะ ขากะเผลกแทบเดินไม่ได้แล้วยังทำซ่าอีก” 

             “ โห นี่เธอเห็นใจฉันมากเลยนะ หากฉันตายไปก็คงไม่เสียใจล่ะสิ” 

             “เรื่องอะไรฉันต้องเสียใจให้กับคนปากเสียอย่างนายด้วย เถียงได้อย่างนี้คงไม่เป็นอะไรแล้วสิ งั้นก็นั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวแล้วกัน” 

     รสาตวัดค้อน ลุกจะกลับไปที่จักรยาน ม่อนรีบคว้าแขนเธอเอาไว้

             “อย่าเพิ่งไปสิรสา ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอนะ”

             “แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนาย”

             “ขอร้องล่ะนะ ช่วยฟังฉันก่อนได้มั้ย..นะ..นะ”

             ม่อนใช้สายตาวิงวอนออดอ้อนจนหญิงสาวใจอ่อน เข้าไปช่วยพยุงเขาขึ้นนั่งบนจักรยาน ก่อนถีบพาไปหาที่คุยบริเวณสวนสาธารณะในหมู่บ้าน  บริเวณที่รสาเลือกเป็นม้านั่งใกล้ทะเลสาบ มีร่มเงาของต้นไม้ใหญ่กำบังดูเงียบสงบและเป็นส่วนตัวมากที่สุด

             “นายนี่ตัวหนักชะมัดยาก ถ้าเกิดขาฉันฉีกขึ้นมาล่ะก็ จะต้องรับผิดชอบด้วย” ปากบางบ่นงึมงำ พลางใช้มือนวดคลายกล้ามเนื้อบริเวณน่องที่สั่นงึกๆ ทั้งสองข้าง 

             ม่อนหัวเราะในลำคอเบาๆ มองเธอตาเป็นประกาย

             “นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอจะแข็งแรงไม่ใช่เล่นเลยนะเนี่ย” หัวหน้าว้ากเกอร์ปิดปากขำ ตาคมมองหญิงสาวเหมือนกำลังประเมินน้ำหนักตัวและปริมาณคอเลสเตอรอลในร่างกาย

             “นี่จะหาว่าฉันอ้วนงั้นเหรอ น่าเกลียดที่สุดเลย” รสากรี๊ด สูญเสียความมั่นใจอย่างแรง โดยเฉพาะเวลาถูกเขามองที่ต้นขา 

             “เฮ้ย! เปล่าสักหน่อย มันก็แค่ความประทับใจเท่านั้นเอง โดยเฉพาะกับต้นขาอันทรงพลัง”

             “อ๊าย! ยังอีก” หญิงสาวถลึงตา ฟาดมือไปที่ไหล่กว้าง “ ถ้าไม่หยุดพูดเรื่องนี้ล่ะก็ ต่อไปฉันจะไม่ยุ่งกับนายอีกแล้ว”

             “ โอเค ไม่พูดก็ได้  หายโกรธนะ” ม่อนยื่นนิ้วก้อยออกไปเกี่ยวกับนิ้วเล็ก ๆ อย่างง้องอน  “ฉันสัญญาต่อไปจะไม่ทำให้เธอโกรธอีกแล้ว เรามาดีกันเถอะ”

             “รู้ตัวก็ดี ขืนยังกล้ายั่วโมโหฉันอีกล่ะก็ นายจะโดนอย่างนี้” พอได้จังหวะเธอก็จับเขาหักนิ้วเป็นการสั่งสอนซะเลย

             “ โอ๊ย !เจ็บนะ รสา เจ็บ ”

             “ดี ต่อไปจะได้ไม่กล้าหือกับฉันอีก ” รสาออกแรงหักอีกสักพักจึงปล่อยมือ “ทีนี้จะซ่าอีกมั้ย”

             “อูย! โอย ! เธอนี่ซาดิสม์ชะมัด”

             “แน่ะ ยังไม่เข็ดอีก” 

             “ จ้าไม่บ่นแล้วก็ได้” เขาทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมพนมมือขอร้อง 

    รสายิ้มพอใจ สะบัดผมไปด้านหลังก่อนหันไปรับลมเย็นเบื้องหน้า 

             “ นี่รสา”

             “หือ”

             “วันนั้นที่หลังเวที แจงแค่ต้องการจะแกล้งฉันเท่านั้น  ตอนนี้เราสองคนไม่มีอะไรกันอีกแล้ว”

             “ก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับฉันซะหน่อย”

             “แต่ฉันรู้ว่าเธอยังโกรธอยู่”

             “ฉันไม่ได้โกรธ เพราะฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับนายเลยสักนิด”

             ดวงตาโตทอดมองผืนน้ำกว้าง อย่างคนพยายามปิดบังความรู้สึก  ของตัวเอง เพราะเพียงแค่นึกถึง ความขุ่นเคืองก็แล่นขึ้นมาเป็นริ้ว ๆ แล้ว ทำไมนะ ทำไม?เธอจะต้องรู้สึกอย่างนี้ด้วย ทั้งที่ก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาสักหน่อย

             “ ถึงอย่างนั้น ฉันก็อยากให้เธอรู้ ว่าเธอคือคนที่ฉันแคร์มากที่สุด ฉันชอบเธอนะรสา” ม่อนทอดเสียงต่ำอย่างอ่อนหวาน ไม่คิดจะปกปิดความรู้สึกใดๆ ที่มีต่อเธอ เพราะกลัวว่าถ้าพูดช้าไปกว่านี้ แล้วจะต้องเสียเธอไป

             รสาสบดวงตาคมที่เปี่ยมไปด้วยความอ่อนหวาน ที่เขาพูดออกมา มันเป็นความจริงงั้นเหรอ...

             “แล้วเธอล่ะ รสา เธอชอบฉันบ้างหรือเปล่า” ม่อนอยากรู้ความรู้สึกของเธอบ้างโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ 

             “ฉัน..ฉัน”

             รสาหัวใจเต้นเร็วขึ้นอย่างตื่นเต้น พลันสายตาเหลือบมองไปที่ขาข้างที่ใส่เฝือกของเขา  ซึ่งถูกเขียนอะไรไม่รู้จนเลอะเทอะไปหมด 

             “เมื่อไหร่จะเอาไอ้นี่ออกซะทีล่ะ ไม่รำคาญบ้างหรือไง” อยู่ๆ เธอก็โพล่งคำถามโง่ๆ ออกไปเพียงแค่อยากจะหนีออกจากสถานการณ์ตรงหน้า 

             “หะ..หา!” ม่อนหน้าเหวอ ปรับอารมณ์ตัวเองแทบไม่ทัน “ศุกร์หน้าก็เอาออกได้แล้วล่ะ ว่าแต่นี่เธอยังไม่ตอบคำถามของฉันเลยนะ”  

             “ศุกร์หน้างั้นเหรอ งั้นก็ตรงกับวันซ้อมใหญ่น่ะสิ” รสาเฉไฉไปเรื่องอื่น เพื่อที่จะหาทางเลี่ยงไม่ต้องตอบคำถามที่กดดันให้หัวใจของเธอเต้นแรง

             ม่อนแอบเสียใจเล็กน้อย ที่เห็นว่าเธอยังไม่พร้อมที่จะเปิดใจให้เขา แต่ไม่เป็นไร ต่อให้กำแพงหัวใจของเธอจะสูงสักแค่ไหน เขาก็จะพยายามปีนข้ามไปให้ได้ 

     

             แล้ววันซ้อมใหญ่ที่ว่าก็มาถึงในอีกอาทิตย์ต่อมา นับตั้งแต่วันที่ได้ปรับความเข้าใจกันความสัมพันธ์ระหว่างว้ากเกอร์หนุ่มและสาวตากลมก็ดูจะมีความเปลี่ยนแปลงมากขึ้น มันเป็นการเปลี่ยนไปในแบบที่เจ้าตัวเองคงไม่รู้ แต่กลับทำให้คนที่อยู่รอบข้างรู้สึกได้

             อย่างเช่นเมื่อวานก่อน ขณะที่รสากำลังต่อบทอยู่กับเอ็มเจ ม่อนได้เข้าไปแจ้งเรื่องปุ่มคอนโทรลในห้องควบคุมเสียงเสีย ทำให้เอ็มเจในฐานะผู้กำกับรีบไปจัดการโดยด่วน   และฝากให้ม่อนช่วยต่อบทกับรสาแทน  โบ้ทมองดูเหตุการณ์โดยตลอดแล้วก็รู้ด้วยว่านั่นเป็นแผนการขัดขวางความสัมพันธ์ระหว่างเอ็มเจกับรสา ปัญหาอะไรที่ม่อนบอก จริง ๆ แล้วไม่มีหรอก หรือถ้ามีมันก็สร้างเรื่องขึ้นมาทั้งนั้น ช่างเป็นแผนการชั่วร้ายและ แยบยลซะจนคนกลางอย่างรสาไม่ทันรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

             “ นี่รสา บทพูดตรงนี้เธอน่าจะใส่อารมณ์ให้มากกว่านี้หน่อยนะ ฉันยังไม่เห็นรู้สึกเลยว่ากำลังถูกบอกรัก”

            “แต่ฉันเล่นดีแล้วนี่ นายนั่นแหละที่ต่อบทไม่ได้เรื่อง”

            “อ้าว! ไหงพูดอย่างนั้นล่ะ  งั้นลองเล่นใหม่อีกทีจะได้รู้ไปเลยว่าใครกันแน่ที่ไม่ได้เรื่อง”

            รสาตกลงและเริ่มพูดบทของเธอก่อน โดยคราวนี้สาวตากลมพยายามแสดงอย่างมีสมาธิมากขึ้น

            “ โรเบิรต์ท่านจำสิ่งที่เคยพูดกับข้าเมื่อวันที่เราพบกันครั้งแรกได้หรือมั้ย ท่านบอกว่าข้าเป็นเหมือนฟ้าสูง ส่วนท่านนั้น คือ แผ่นดินต่ำ เส้นทางทั้งสองเป็นดั่งคู่ขนาน ไม่ว่านานเท่าใดก็มิอาจมาบรรจบกันได้ ข้าเข้าใจความหมาย แต่ก็อยากบอกให้ท่านรู้เช่นกัน ว่าในความต่างของการเป็นคู่ขนานพระเจ้าก็ยังทรงสร้างฟ้าให้เกิดมาคู่กับดิน  สร้างสายลมให้อิงกับเมฆหมอก และสร้างเราสองให้มาครองคู่กัน”

     รสาเงยหน้าจากบทขึ้นสบตาชายหนุ่ม

            “ ข้ารักท่านโรเบิร์ต”

            “ ข้าเองก็รักเจ้า แคทเธอรีน”

            เมื่อตาประสานตา ความรักถูกถ่ายทอดตามบทบาทของตัวละคร ม่อนที่อินจัดค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้าไปข้างหน้าจนใกล้สัมผัสตัวหญิงสาว  แต่รสาก็ดันมาจับแขนเขาไว้ซะก่อน

            “นี่ นายจะทำอะไร”

            “ก็จะกอดเธอตามบทไง” ม่อนหรี่ตาเจ้าเล่ห์ กางมือพร้อมโถมตัวเข้าใส่ “มามะ ที่รัก”

            “ อื๋อ! ไม่ต้องย่ะ ฉันซ้อมแค่บท ไม่ได้ซ้อมแอ็คติ้ง ถอยออกไปไกลๆ เลย” 

    รสายี้ปาก ผลักพ่อจอมลามกซะจนตกเก้าอี้ ชายหนุ่มได้แต่ร้องออกมาอย่างเสียดายสุดขีด       

    “เอาล่ะ นักแสดงทุกคน แสตน์บายที่หลังเวทีได้แล้วครับ” 

    ผู้กำกับเวทีตะโกนเรียกรวมตัวทำให้รสาที่กำลังคิดอะไรเพลิน

    รู้สึกตัวขึ้น เธอจึงหอบกระโปรงฟูฟ่องในชุดสตรีชั้นสูงยุควิคตอเรียนไปยืน ณ จุดแสตน์บาย พอคิดว่าจะต้องออกไปแสดงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ใบหน้าขาวก็เซียวลงอย่างเห็นได้ชัด จริงอยู่ว่าจากการซ้อมที่ผ่านมาทำให้ความเชื่อมั่นในตัวเธอกลับคืนมาระดับหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความกังวลใจอยู่ลึกๆ  กลัวว่าหากถึงวันแสดงจริงขึ้นมา ความเชื่อมั่นที่มีจะกลายเป็นความประหม่าและทำให้ทุกอย่างพังเหมือนที่ผ่านมาหรือเปล่า

             “ สู้เขานะรสา ฉันจะเอาใจช่วย ” ม่อนแอบมากระซิบข้างหู ขณะวิ่งผ่านเตรียมไปห้องควบคุมเสียง

             รสายิ้ม เพิ่งเห็นว่านอกจากที่เขาจะไปถอดเฝือกมาแล้วก็ยังไปตัดผมทรงใหม่มาอีกด้วย

             “ ขอบใจ นายเองก็สู้เขาล่ะ ”

             “โอเค” หนุ่มว้ากเกอร์ยักคิ้วทะเล้น เดินไปสองก้าวแล้วก็ถอยกลับมาใหม่ “ลืมบอกไป วันนี้เธอสวยที่สุดเลยนะ โชคดีนะจ๊ะเบบี๋” 

    เขาส่งจูบทำตาเจ้าชู้ใส่ จนรสาหน้าร้อนผ่าว อีตานี่บ้าชะมัด!  ทำไมต้องทำตาแบบนั้นใส่ด้วยก็ไม่รู้  

             หญิงสาวเผลอขยำกระโปรงตัวเองอย่างลืมตัว และก็หันไปเห็นแจงยืนมองเธอตาเขม็ง ความรุนแรงในแววตาทำให้รสาขนลุกซู่ขึ้นมาทันที

             “ ตื่นเต้นมั้ยรสา” เอ็มเจซึ่งแต่งตัวเสร็จเป็นคนสุดท้ายเข้าประจำจุดบล็อกกิ้งของตัวเอง 

             “ มาก ๆ เลยค่ะ กลัวจังว่าจะทำให้ละครล่ม”

             “ คิดมากน่า ซ้อมมาตั้งเยอะไม่พลาดหรอก อีกอย่างพี่ก็อยู่ใกล้แค่นี้เอง รับรองรสาต้องทำได้แน่ ๆ”

      เขาบอกเสียงหวาน กุมมือหญิงสาวเพื่อให้กำลังใจ และมันก็ทำให้รสาหน้าแดงยิ่งกว่าตอนถูกม่อนยิ้มเจ้าชู้ใส่ซะอีก

             “ ค่ะ รสาเชื่อพี่  อุ๊ย !” 

             แจงจงใจเดินแทรกผ่านกลางเพื่อให้มือที่เกาะกุมอยู่แยกจากกัน

             “ โทษที แต่ถึงเวลาแสดงแล้ว” เธอหันไปบอกสั้น ๆ พร้อมกับม่านด้านหน้าเวทีค่อย ๆ เลื่อนขึ้น

             การแสดงในฉากแรกของรสาผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พอผ่านเข้าสู่ฉากที่สองอาการเกร็งและประหม่าก็เริ่มน้อยลง จนเธอรู้สึกได้ถึงความมั่นใจที่กลับคืนมาร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว

             เรื่องราวดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงฉากแตกหักระหว่าง เลดี้แอนน์และลูกสาวซึ่ง ก็คือ  แคทเธอรีน โดยแจงผู้รับบทแม่จอมบงการก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครได้อย่างร้ายกาจจนเกิดเสียงฮือฮาจากคนดูเป็นระยะ

             “ ห้ามขัดคำสั่งแม่นะแคทเธอรีน  ไม่รู้รึไงว่าการไปรักกับไอ้นักประพันธ์ไส้แห้งนั่นจะนำความเสื่อมเสียมาสู่ตระกูลเราแค่ไหน”

             “ข้าไม่สน  ข้ารักโรเบิร์ตและหากเราสองต้องพรากจากกัน ข้าก็จะฆ่าตัวตาย!”

             “แคทเธอรีน!!” แจงฝาดฝ่ามือไปที่แก้มรสาตามบท “กล้าขู่ข้างั้นเหรอ”

    “ข้าไม่ได้ขู่เพียงแต่ต้องการให้แม่เห็นใจบ้าง” รสาจับที่หน้าตัวเอง รู้สึกได้ถึงความเจ็บแปลบ ที่แจงเล่นนอกบท  หญิงสาวตาวาวพยายามข่มความโกรธไว้ในใจและแสดงต่อไปอย่างมีสปิริต

             “ข้าไม่ฟังอะไรทั้งนั้น รู้หรือไม่ ว่าเจ้ามิใช่คนตัวเปล่าเล่าเปลือย หากแต่เป็นถึงคู่หมั่นของดยุคแห่งมอร์ การทำตัวตกต่ำเช่นนี้ ช่างน่าอดสูยิ่งนัก”

             “ข้าไม่สน เป็นตายอย่างไร ข้าก็ไม่สามารถแต่งงานกับ ผู้ชายกักขฬะและโหดร้ายเช่นนั้นได้เด็ดขาด ข้าจะไปถอนหมั้นเขาเดี๋ยวนี้”

             “อย่านะ” แจงคว้าข้อมือรสาไว้ บีบแน่นด้วยแรงเท่าที่มี

             “ปล่อยข้าท่านแม่” รสาพยายามดึงแขนออก ไม่ยอมแน่หากแจงจะเล่นนอกบทกับเธออีกเป็นครั้งที่สอง

             “ไม่ แม่จะไม่ให้เจ้าทำตัวเหลวไหลไร้ศักดิ์ศรีอีกต่อไปแล้ว”

             “ปล่อยข้านะ” 

             “ ไม่”  ทั้งคู่ดึงกันไปมาจนมาถึงขอบเวที  

             “ ได้โปรดท่านแม่ ปล่อยข้า” 

    รสาเผลอขยับตัวไปด้านหลัง จนทำให้ช่วงตัวหลุดออกไปนอกเวที เธอจับมือแจงแน่นด้วยกลัวว่าจะตกลงไป

             “ ไม่!”  แต่แจงกลับปล่อยมือออก ส่งผลให้ร่างรสาล่วงลงสู่พื้นเวทีด้านล่างท่ามกลางเสียงร้องของคนดู

             “ ว้าย! รสา” 

     

    คุยหลังอ่าน : ความวัวไม่ทันหาย ความความเข้ามาแทรกกันอีกแล้ว จะมีแฟนสักคนทำไมมันยากนัก เพื่อนๆ               ลุ้นกันอยู่หรือเปล่า

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×