ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขอโทษที...ก็หัวใจเพิ่งมีรัก

    ลำดับตอนที่ #17 : ตอนที่ 15 จูบกับแฟนเก่า

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.พ. 66


            ซื้ออีบุ๊คเรื่องนี้ คลิกตรงนี้เลยค่ะ https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNjAwMTQ2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NjoiMjI1MTQyIjt9

    “ เฮ้ !  ว่าไงม่อน หายดีแล้วเหรอ  ไม่เจอกันนานเลยนะมึง” 

            เสียงทักทายจากบรรดาเพื่อนฝูงดังแทรกขึ้นมาเป็นระยะ  ตามทางที่ชายหนุ่มเดินเขยกไม้เท้าเข้ามาในหอประชุม  ซึ่งโดยส่วนมาก สตาฟทีมละคร จะเป็นสตาฟเก่าที่เคยทำงานเชียร์ร่วมกันมาก่อน  ม่อนเลยไม่รู้สึกเหมือนคนแปลกหน้าเวลาที่เข้ามาในที่แห่งนี้

    ชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบหอประชุมและก็เห็นพวกแยมนั่งทำอุปกรณ์บางอย่างอยู่ที่หน้าเวที ส่วนบนเวทีนั้น เขาเห็นรสากำลังยืนคู่กับผู้ชายคนหนึ่ง   ตารีหรี่วับ จ้องไปที่ชายแปลกหน้าด้วยความสนใจ

             “เฮ้ย ! ม่อน ออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อไหร่” 

             แยมเงยหน้าขึ้นมาเห็นหนุ่มร่างสูงผิวเข้มที่คุ้นเคยก็ดีใจใหญ่ 

             “เพิ่งวันนี้เอง พอดีคิดถึงเพื่อนก็เลยมาที่คณะก่อน”

             “โทษทีว่ะ ที่พวกฉันไม่ได้ไปเยี่ยมนายอีกเลย พอดียุ่ง ๆ อยู่กับละครน่ะ” 

             “ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ”

             “แล้วขาเป็นไง หมอบอกว่าจะเอาเฝือกออกได้เมื่อไหร่ “ นัทเข้ามาถามบ้าง

             “อีกสองอาทิตย์ ช่วงนี้คงต้องใช้ไม้เท้าไปก่อน ก็ได้เฮียแกแหละที่คอยเป็นพี่เลี้ยงให้” 

             ม่อนหมายถึงโบ้ทที่เอาแต่จ้องจูนนัยน์ตาหวานฉ่ำ จนสาวร่างอ้วนอายม้วนต้วนแทบจะกลิ้งได้สี่ตลบ

             “นั่นรสาอยู่กับใคร” 

             ม่อนหันไปทางเวทีอีกครั้ง  พอเห็นภาพรสากำลังหัวเราะต่อกระซิกกับชายที่เขาไม่รู้จัก ก็เจ็บจี๊ดขึ้นมานิด ๆ 

             “ อ๋อ พี่เอ็มเจ” จูนตอบโดยอัติโนมัติ ไม่ทันมองด้วยว่าม่อนมีสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นไรเมื่อได้ยินชื่อที่ว่า “นั่นล่ะหวานใจตัวจริงของยาย     รสาเลยนะ” 

             “หวานใจตัวจริง?” 

             “ อะไรล่ะ” 

             จูนสะบัดมือแยมกับนัทที่พยายามหยิกไม่ให้เธอพูดอะไรออกมา เพราะรู้ว่าม่อนกำลังตามจีบรสาอยู่ แต่สาวร่างใหญ่ไม่รู้และก็ไม่สามารถหยุดต่อมเม้าท์ของเธอได้

              “พี่เอ็มเจเป็นคนที่รสาแอบชอบ และก็คลั่งไคล้มานานแล้วด้วย”

             “ ชอบ! คลั่งไคล้!”

               ม่อนเหมือนจะคำราม  ลางสังหรณ์ที่เกิดขึ้นมันถูกต้องเป๊ะ ยิ่งดูภาพที่ทั้งคู่ซ้อมบทกันอย่างสนิทสนมด้วยแล้ว  ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนว่ารสากำลังห่างไกลออกไปทุกที

             “นายไม่ต้องคิดมากหรอกนะ มันก็เป็นแค่ความ...”แยมพูดยังไม่ทันจบม่อนก็ถามแทรกขึ้นมาเสียงเข้ม

             “ถ้าฉันจะเป็นสตาฟละครเวที ต้องไปสมัครที่ไหน” 

             “ก็ไปสมัครที่ ห๊า!..” 

       สามสาวรวมถึงโบ้ท ร้องออกมาพร้อมกัน

             ด้วยเหตุนี้เอง วันรุ่งขึ้นม่อนในฐานะสตาฟคนใหม่ จึงมาปฏิบัติหน้าที่อย่างขะมักเขม้น และเพราะขายังไม่หายดีเขาจึงได้รับมอบหมายงานให้ช่วยดูแลเรื่องเสียงประกอบละครเวทีไปพลาง ๆ ก่อน

             “นี่ พี่โบ้ท ผมล่ะสงสัยจริงว่าชาติก่อนเราไปทำกรรมอะไรไว้ ชาตินี้ถึงต้องมารับเคราะห์ทำงานอะไรแบบนี้ด้วย  รู้เปล่าว่าผมยังมีงานพิเศษที่ต้องทำอีกนะ” 

             ภานุนึกสงสัยในชะตากรรมตัวเอง ที่อยู่ๆ ก็ถูกลากให้มาเป็น สตาฟละครเวทีกับเขาด้วย ทั้งที่ไม่ได้สนใจเลยสักนิด  แถมงานที่ได้รับมอบหมายก็แสนจะหนัก ถูกใช้ให้ตอกนู่น  ตอกนี่จนแขนระบมไปหมดแล้ว 

             “ทนๆ เอาหน่อยเถอะวะไอ้นุ ถือว่าช่วยไอ้ม่อนมัน นี่ขามันก็ยังไม่ทันหายเดี้ยง เกิดหกล้มพิการขึ้นมาอีก มีหวังน้ารื่นเอาบังตอสับหัวพี่จนกลายเป็นหมูบะช่อแน่” โบ้ททำคอย่นเมื่อนึกสภาพตนเองตามที่ว่า

             “ช่วยมันแต่ซวยเราเนี่ยนะ “ ภานุบ่น “ ผมล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่ามันเกิดนึกประสาทอะไรขึ้นมา ถึงต้องลากเอาคนอื่นเข้ามายุ่งด้วยเนี่ย”

             “ ไว้อีกหน่อยมึงมีความรัก ก็คงรู้เองล่ะวะไอ้นุ”

              โบ้ทตบบ่าภานุ และมองเลยไปทางม่อนที่เดินเขยกไม้เท้าเข้าไปยังหลังเวที อย่างคนที่เข้าใจเหตุผล 

             ที่หลังเวที ม่อนถูกใช้ให้มาหาสายไฟเพื่อไปต่อกับแผงคอนโทรลในห้องควบคุมเสียง แต่เพราะยังยืนได้ไม่เต็มสองเท้าเลยทำให้ชายหนุ่มหาของไม่ถนัด ทั้งยังเพิ่มความหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปชั่วระยะหนึ่งแต่ม่อนก็ยังหาสิ่งที่ต้องการไม่เจอสักที

             “โธ่โว้ย! ไอ้สายไฟบ้าเนี่ย มันอยู่ไหนของมันวะ” 

              ม่อนสบถ และก็ลองเขยกไปที่ชั้นวางของอีกด้านหนึ่ง  จึงไม่ทันสังเกตว่ามีคนเดินเข้ามา

             “ใช้อารมณ์แบบนี้ แล้วเมื่อไหร่จะเจอล่ะ” แจงหยิบสายไฟในกล่องที่เพิ่งรื้อเสร็จออกมาส่งให้

             “เธอมาทำอะไรที่นี่” ม่อนถามแปลกใจ

             “ตายจริง นี่ม่อนไม่รู้เหรอ ว่าแจงเองก็เล่นละครเรื่องนี้เหมือนกัน” 

             ริมฝีปากสวยยิ้มหวานเดินเข้ามาใกล้ มองสภาพขาที่ยังเดี้ยงอยู่ของอีกฝ่ายก่อนยิ้มออกมา 

             “แล้วนี่เป็นไงบ้าง ขอโทษด้วยนะ ที่ไม่ได้ไปเยี่ยมเลย แจงกลัวว่าถ้าไปแล้วจะยิ่งทำให้ม่อนหายช้าลงน่ะ” 

             “ มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนี่ อีกอย่างเราสองคนก็ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วด้วย”

              “ ก็จริง เราเลิกกันแล้ว แจงจะมีสิทธิอะไรเข้าไปยุ่งกับชีวิตม่อนอีกล่ะ “ แจงเค้นยิ้มบางๆ สองมือเคลื่อนมาโอบรอบคอเขาไว้ “แต่..ถึงตอนนี้ แจงก็ยังลืมม่อนไม่ได้เลยนะ แจงยังรักม่อนอยู่นะ รู้มั้ย” 

            ร่างเล็กจะเข้าไปซบ แต่ถูกม่อนผลักตัวออกมองเธออย่างเย็นชา

             “แน่ใจเหรอ..ว่าเธอยังรักฉันอยู่จริงๆ แล้วทำไมถึงได้ให้คนมาทำร้ายฉันล่ะ”

             “นี่ม่อนพูดอะไรเนี่ย แจงไม่เห็นจะเข้าใจเลย” แจงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็ทำให้ม่อนเชื่อไม่ได้อยู่ดี 

             “เธอนี่ ไม่ควรจะมาเล่นละครเวทีเลยนะแจง กับบทโกหกง่ายๆ แค่นี้ เธอยังเล่นได้ไม่เนียนเลย” แววตาคมของเขาเหมือนเครื่องเอกซเรย์ชั้นยอดที่สแกนทะลุเข้าไปข้างในจิตใจของเธอได้ราวกับตาเห็น

             “นายรู้ได้ยังไงว่าเป็นฝีมือฉัน” เมื่อโกหกไม่เนียน แจงก็ยอมรับสารภาพตามตรง 

              ม่อนไม่พูดมากเปิดคลิปที่มีคนแอบถ่ายตอนแจงกำลังมีอะไรอยู่กับคนที่ทำร้ายม่อนที่ผับไปให้ดู

             “ทีนี้ เธอยังมีอะไรจะพูดกับฉันอีกมั้ยล่ะ”

             แจงอึ้ง ก่อนจะพูดความรู้สึกของตัวเองออกไป

             “ก็ม่อนอยากทำร้ายแจงก่อนทำไมล่ะ  โดนไปแค่นี้ยังไม่เท่ากับครึ่งหนึ่งที่แจงเจ็บเลยด้วยซ้ำ” 

             “ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าเราหายกัน ต่อไปฉันกับเธอไม่มีอะไรติดค้างกันอีก แล้วก็ช่วยเลิกยุ่งกับฉันสักทีเถอะ”

             ม่อนมองแจงเหมือนเป็นอากาศที่ว่างเปล่า ก่อนเขยกไม้เท้าจะเดินออกไป แต่แจงยังไม่ยอมปล่อยเขา เมื่อเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างตรงหลังม่าน เธอก็ดึงม่อนเข้ามาจูบในทันที  

             ตุ๊บ !!!

             “นี่เธอจะทำอะไรน่ะ”  ม่อนตั้งรับกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปไม่ทันผลักแจงออก พลางหันขวับไปทางต้นเสียงที่มีคนทำของตก  

             “ ใคร ?” 

             “........”

             “ ถามว่าใคร ออกมาเดี๋ยวนี้นะ” เขาเพ่งสายตาไปทางหลังม่าน ชายผ้าม่านขยับเล็กน้อย ก่อนจะเห็นร่างเล็กของรสาเคลื่อนตัวออกมา ทำให้ม่อนแทบช็อก 

             “ ขอโทษที่มาขัดจังหวะ ฉันแค่จะมานั่งซ้อมบทเท่านั้นเอง”  รสาพูดโดยไม่มองหน้าใคร เธอก้มหยิบบทที่ตกและรีบวิ่งออกไปทันที

             “เดี๋ยวสิ รสา! เรื่องที่เกิดขึ้นฉันอธิบายได้นะ รสา!” ม่อนตะโกนเรียก  พยายามจะเขยกไม้เท้าตามไป แต่เพราะความรีบเลยทำให้ม่อนพลาดล้มลง  “โธ่เว้ย!!!”

             “เปล่าประโยชน์น่า ขาใส่เฝือกอยู่อย่างนั้น ยังไงนายก็ตามเธอไม่ทันหรอก” แจงแสดงความหวังดีจะเข้าไปช่วยพยุง แต่ชายหนุ่มกลับปัดมือทิ้ง

             “เธอรู้อยู่แล้วใช่มั้ยว่ารสายืนอยู่ตรงนั้น”

             “แจงไม่รู้อะไรทั้งนั้น อย่ามาหาเรื่องกันสินะ” 

             “ ไม่รู้งั้นเหรอ เธอน่ะรู้ทุกอย่าง”

             “ก็แล้วแต่จะคิด  ยังไงก็ขอบคุณนะสำหรับจูบสุดท้าย  ฉันประทับใจมากๆ” เธอบอกเสียงใส ยิ้มร่าออกไปอย่างสะใจ  ปล่อยให้ม่อนนั่งกัดกรามแน่น เจ็บใจที่ต้องเสียคะแนนต่อหน้ารสาไปอีกครั้ง


     

             16  สิงหาคม 

    บ้า !! บ้าที่สุด ทำไมฉันถึงต้องไปเห็นเรื่องบ้าๆ แบบนั้นด้วยนะ   โอ๊ย !!!  แล้วทำไมในสมองฉันถึงไม่ยอมลบภาพน่าเกลียดพวกนั้นออกไปซะที  แค่คนเป็นแฟนเขาจูบกัน  ธรรมดาจะตายไป แล้วทำไมฉันต้องโมโหด้วยล่ะ นี่ฉันบ้าไปแล้วหรือเปล่า?

    แต่ช่างเถอะ !  รู้ว่าโกรธก็คือโกรธ ฉันไม่จำเป็นต้องมานั่งหาเหตุผลให้กับเรื่องนี้สักหน่อย  คอยดูนะต่อไปนี้ฉันจะไม่คิดถึงเรื่องนายให้เปลืองสมองอีกเลย สู้เอาเวลามาคิดถึงเรื่องการแสดงที่ฉันต้องเล่นกับพี่เอ็มเจดีกว่า 

            นับวันความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพี่เอ็มเจจะยิ่งสนิทกันมากขึ้น  เราได้เจอกันทุกวัน ซ้อมบทด้วยกัน  ตกเย็นพี่เอ็มเจก็จะขับรถมาส่งฉันที่บ้าน  เหมือนกับวันนี้ที่เขาก็มาส่ง  แถมเขายังเข้ากันได้ดีกับครอบครัวของฉัน  แม่ปลื้มเขามาก ๆ ทั้งยังชวนให้มาทานข้าวที่บ้านเราบ่อย ๆ อีกด้วย

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×