คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ 13 ปมอดีตของรสา
เมื่อทุกอย่างไม่เป็นดั่งใจนึก ในวันคัดเลือกนักแสดงละครเวทีคณะ รสาจำต้องเข้าไปรับบทนางเองจากคณะกรรมการมาอ่านอย่างเสียมิได้ แม้ว่าตอนที่เดินเข้าไป เธอจะแอบเห็นพี่เอ็มเจยิ้มให้กำลังใจเธอก็ตาม แต่พอคิดถึงตอนที่ต้องแสดงต่อหน้าใครอีกหลายคน เธอก็รู้สึกประหม่าจนอยากเอาหน้ามุดดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด
“ บทเป็นไงบ้างแก พอจะเล่นไหวมั้ย? ” นัทชะโงกหน้าเข้ามาดูและดึงบทในมือเพื่อนไปอ่าน “ ก็ไม่เยอะเท่าไหร่ อย่างนี้คงพอจำได้ไม่ยาก”
“ให้ฉันเป็นคู่ซ้อมมั้ยแก นี่ไม่อยากจะคุยเลยนะว่าตอนเด็กฉันเคยเล่นละครมาก่อน รับรองถ้าให้ฉันเป็นแอ็คติ้งโค้ชให้ล่ะก็ แกจะต้องได้บทนางเองมาครองแน่ๆ” จูนยกมือเสนอตัวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
“ไอ้ที่ว่าเล่นเนี่ย ใช้ที่แกเป็นช้างน้อยตามหาแม่ เดินไปเดินมาอยู่บนเวทีหรือเปล่ายะ” นัทเยาะ ทำเอาจูนหน้าแดง รีบปฏิเสธพัลวัน
“ไม่ใช่ย่ะ ฉันไม่ได้เล่นเป็นช้างซะหน่อย แต่เล่นเป็นลูกหมูสามตัวต่างหากล่ะ”
“เออ ก็นั่นแหละ ว่าแต่อย่าทำหน้าอย่างนี้สิรสา เห็นแล้วปวดอึพิลึก” นัทเหลือบไปเห็นสีหน้าซีดเผือดที่ดูแหยสุดๆ ของเพื่อนแล้วกลุ้มแทน
“เป็นอะไรไป นี่แกคงไม่ได้จะเป็นลมหรอกใช้มั้ย” แยมกางสองมือโอบรอบ เตรียมเข้าไปประคอง
“ฉันทำไม่ได้หรอกแยม ฉันทำมันไม่ได้!”
พูดเสร็จ รสาก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินออกไปจากหอประชุมทันที
“อ้าว! เฮ้ย! เดี๋ยวสิ รสา รสา!”สามสาวเรียกเสียงดังลั่น และด้วยความตัวเล็ก ทั้งว่องไวกว่า แยมจึงใส่สปีดวิ่งตามไปดักหน้า และรั้งรสาไว้ทัน
“กลับเข้าไปข้างในซะ” เธอดุ ดึงมือสาวตากลมแล้วลากกลับเข้าไป
“ไม่! ฉันจะไม่ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำอีกต่อไปแล้ว” รสาบิดมือออก
“แต่แกต้องทำ เพราะมันเป็นความฝันของแกไม่ใช่เหรอ จะทิ้งมันไปอย่างนี้เนี่ยนะ! ”
“ไม่ใช่! อย่าทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย”
“แกน่ะสิที่ไม่รู้จักตัวเอง ไอ้นิสัยขี้กลัว ขี้แพ้เนี่ยเมื่อไหร่มันจะหายไปซะทีหา!” แยมด่าตรงและจี้จุด“ ฉันรู้ว่าเรื่องบนเวทีเมื่อสองปีก่อนมันทำให้แกเสียความมั่นใจและไม่กล้าเล่นละครอีก แต่จะเอาความผิดพลาดครั้งก่อนมาเป็นบรรทัดฐานว่าแกจะต้องเป็นอย่างนั้นอีกมันถูกแล้วเหรอ อย่าลืมสิว่าสิ่งที่เกิดขึ้นวันนั้น มันไม่ใช่เพราะว่าแกไม่มีความสามารถ แต่เป็นเพราะความกลัวต่างหากล่ะที่แกยังเอาชนะมันไม่ได้”
แยมเป็นเพื่อนกับรสาตั้งแต่สมัยมัธยม ดังนั้นเธอจึงรู้ปัญหาและสิ่งที่เกิดขึ้นกับรสา ว่าอะไรเป็นเหตุทำให้เพื่อนซี้นึกขยาดละครมาโดยตลอด แต่ถึงจะเข้าใจความรู้สึกและเห็นใจเพื่อนเพียงใด แยมก็ไม่เห็นด้วยกับการที่รสาจะถอยตั้งแต่ยังไม่ทันได้สู้เลยด้วยซ้ำ
“อย่ายอมแพ้สิ ฉันเชื่อว่าแกจะต้องชนะมันได้”
รสานิ่ง ความทรงจำครั้งที่เคยเล่นละครเวทีของโรงเรียนผุดเข้ามาในมโนภาพ เธอเคยรักการแสดงมาก ถึงขนาดขอแม่ให้ส่งไปเรียนด้านนี้อย่างจริงจัง และก็ได้รับบทสำคัญในละครเวทีประจำปีของโรงเรียน
หญิงสาวไม่เคยลืม ว่าเธอเฝ้าฝันให้วันแสดงจริงมาถึงโดยเร็ว เพื่อที่ทุกคนจะได้เห็นการแสดง และชื่นชมกับความสามารถที่เธอมี แต่สิ่งที่รสาเพิ่งรู้ในวันนั้นก็คือ..เธอกลัวคน เพียงวินาทีแรกที่ม่านบนเวทีเลื่อนขึ้น ขาเธอก็เริ่มสั่น จนเมื่อภาพผู้ชมนับร้อยสะท้อนเข้าในม่านตา เธอก็ประหม่าเสียจนพูดไม่ออก ลืมบท ลืมการแสดงที่เพียรพยามฝึกฝนมาแรมปีไปหมด เหตุการณ์ต่อจากนั้นเป็นเช่นไรรสาไม่อยากจำ รู้เพียงแต่ว่าเธอเป็นคนทำมันพัง...พังจนไม่คิดว่าชาตินี้จะกล้าไปเล่นละครกับใครได้อีก
“ฉันกลัวแยม แกได้ยินมั้ย ฉันทำไม่ได้หรอก” เธอโผเข้ากอดแยมและเริ่มร้องไห้
“อย่าพูดอย่างนั้นสิ มันก็แค่ความกลัวเท่านั้นเอง ลองพยายามอีกครั้ง มั่นใจในตัวเอง แกต้องทำได้” แยมลูบหลังปลอบประโลม
“ไม่ยักรู้ว่าเธอก็มาออดิชั่นกับเขาเหมือนกัน ”
เสียงพูดติดจะดูถูกนั้นทำให้รสาและแยมหันไปหาเจ้าของเสียงทันที และก็ได้พบกับแววตาไม่เป็นมิตรสะท้อนกลับมาจากใบหน้าเรียว ที่แต่งแต้มสีสันจนสวยเฉียบ
“ฉันนึกว่าเขาจะสกรีนคนก่อนออดิชั่นซะอีก” แจงกวาดไล่สายตามองรสาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า “ถ้ารู้ว่าเป็นอย่างนี้ ฉันคงไม่เสียเวลามาหรอก”
“งั้นก็กลับไปสิ ใครขอให้เธออยู่ล่ะ นึกว่าตัววิเศษกว่าคนอื่นงั้นเหรอ” แยมโต้ นึกหมั่นไส้กับท่าทางดูถูกของสาวเชียร์ลีดเดอร์นัก
“ฉันไม่ได้พูดกับเธอ อย่ายุ่ง! นี่มันเป็นเรื่องของฉันกับรสาเท่านั้น” แจงว่ากลับไม่ยอมแยมเหมือนกัน
“แต่ฉันไม่มีเรื่องอะไรกับเธอ” รสาบอกเนือย ๆ ไม่มีอารมณ์อยากทะเลาะกับใครเท่าไหร่
“มีสิ ทำไมจะไม่มีล่ะ จำเรื่องที่เธอสัญญากับฉันคราวก่อนไม่ได้เหรอ เธอพูดอะไรไว้รสา”
“โทษนะ ฉันจำไม่ได้ “
“คิดอยู่แล้วว่าจะต้องพูดแบบนี้ แต่อย่างว่าล่ะนะ มันคงเป็นนิสัยของพวกผู้หญิงหน้าด้านที่ทำกันนี่น่า”
“พูดดีๆ นะแจง! เธอไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันอย่างนี้ และก็ช่วยหลีกไปด้วย ฉันไม่อยากทะเลากับคนไม่มีการศึกษา” รสาโต้บ้าง เบี่ยงตัวหลบจะแยกไปอีกทาง แต่แจงกระชากแขนเธอไว้
“รู้มั้ย ว่าในชีวิตนี้ ฉันเกลียดผู้หญิงหน้าไหว้หลังหลอกอย่างเธอที่สุด คิดจะมาออดิชั่นเป็นนางเอกวันนี้น่ะเหรอ อย่าหวังซะให้ยาก น้ำหน้าอย่างเธอ ไม่มีทางเอาชนะฉันได้หรอก ไม่ว่าจะเป็นบทนางเอก หรือเรื่องผู้ชายก็ตาม” แจงยิ้มเหยียดก่อนคว้าแขนเพื่อนที่มาด้วยกันแล้วเดินเชิดเข้าไปในหอประชุม
“ ได้ยินที่ยายแจงพูดหรือเปล่ารสา มันตอกหน้าแกซะขนาดเนี้ย แล้วแกจะยอมแพ้ให้มันเหรอ”
“ไม่หรอกแยม วันนี้ ฉันต้องชนะให้ได้”
รสาประกาศก้องหมุนตัวกลับเข้าไปข้างใน เกิดเป็นความมุ่งมั่นมหาศาลที่จะลบคำสบประมาทให้ได้ แยมที่ยืนลุ้นอยู่ข้าง ๆ แอบทำมือสะใจที่เห็นเพื่อนฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง
“โรเบิร์ตท่านอยู่ที่ไหน ทำไม? ถึงไม่ออกมาพบข้า”
“ข้าอยู่นี้ แคทเธอรีน” ทั้งสองโผเข้ากอดกันด้วยความคิดถึง “ที่ข้าจำต้องไกลจากเจ้า ก็เพราะข้ากลัว กลัวเหลือเกินว่าหากมีใครมาเห็นเข้า เราสองคนจะต้องพรากจากกันอีก”
“ไม่แล้วล่ะ โรเบิร์ต นับจากนี้ไป ข้าและท่านจะอยู่ด้วยกันชั่ว นิรันดร์ เพียงท่านและข้าดื่มยานี้เท่านั้น โลกใบนี้ก็จะเป็นของเรา”
แคทเธอรีน ส่งยาพิษที่เตรียมมาให้แกโรเบิร์ต ก่อนจะดื่มยาลงไปอย่างมิได้กลัวความตาย เพราะรู้ว่าหลังจากนั้น ความรักของเธอจะไม่มีใครมาขัดขวางได้อีก
แจงแสดงบทของแคทรอรีนได้อย่างเฉียบคมและน่าทึ่งมาก ๆ ดูจากสีหน้าของกรรมการ คงจะพอใจในตัวเธอไม่น้อย เจอคู่แข่งที่น่ากลัวขนาดนี้แล้วรสายังจะเอาชนะได้อีกเหรอ
“ต่อไปตาแกแล้วนะ” แยมกระซิบบอก หลังจากที่ได้ยินกรรมการขานชื่อรสา “สู้ๆ ล่ะ พวกฉันจะเอาใจช่วย”
ความกลัวกลับมาอีกแล้ว รสาบอกกับตัวเองในใจ สติเหมือนจะลอยละลิ่ว แทบไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำตอนที่ถูกเพื่อน ๆ ดันขึ้นมาบนเวที ทุกสิ่งทุกอย่างดูเงียบกริบจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศที่เย็นเฉียบ ต่างกันเหลือเกินกับความตื่นเต้นภายในใจที่ดังโครมครามราวกับมีกลองตีรัวอยู่ข้างใน จนเมื่อถูกมืออุ่น ๆ ของใครคนหนึ่งสอดเข้ามา จับเอาไว้นั่นหละ รสาถึงได้รู้สึกตัว
“พี่เอ็มเจ” หญิงสาวมองเจ้าของมือด้วยความงุนงง “ขึ้นมาทำไมคะ”
เอ็มเจยิ้มหวานบีบมือที่เย็บเฉียบแน่นขึ้น
“ก็ถึงคิวพี่ออดิชั่นบทโรเบิร์ตน่ะสิ”
“อ้าว! แล้วพี่ไม่ได้เป็นผู้กำกับเหรอคะ”
“ผู้กำกับน่ะใช่ แต่พี่ลืมบอกไปว่าอยากเป็นพระเอกด้วยเหมือนกัน รสาจะให้พี่เป็นได้มั้ยล่ะ”
เอ็มเจยักคิ้ว ทำหน้าทะเล้นใส่ จนรสาหลุดหัวเราะออกมา ค่อยคลายความตื่นเต้นได้หน่อย เมื่อเห็นใบหน้าหญิงสาวสดใสขึ้น เขาจึงค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้าไป และลดเสียงพอให้ได้ยินกันแค่สองคน
“เรามาพยายามด้วยกันนะ พี่เชื่อว่ารสาต้องทำได้แน่ๆ “ เขาให้กำลังใจ
น่าแปลกที่ความรู้สึกของคนเรา บทจะดีขึ้นก็ดีได้อย่างน่าอัศจรรย์ แม้คำพูดของพี่เอ็มเจจะเป็นเพียงแค่คำสั้นๆ แต่กลับทำให้ใจเธออุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด และไม่เคยรู้ว่าตนเองจะมีพลังได้มากขนาดนี้เลย เอาล่ะ ! เป็นไงเป็นกัน ก็ให้รู้ไปว่าคนอย่างเธอจะเอาชนะตัวเองไม่ได้
“ โรเบิรต์ ท่านอยู่ที่ไหน ทำไม? ถึงไม่ออกมาพบข้า”
รสาเริ่มพูดบทของเธอในช่วงแรกอย่างติดๆ ขัดๆ แต่พอหลุดจากประโยคแรกไปได้แล้ว ความเป็นนักแสดงที่ถูกฝั่งอยู่ในตัวเองก็ค่อยๆ ทลายกำแพงออกมา จนทำให้สามารถเข้าถึงจิตวิญญาณของแคทเธอรีน หญิงสาวที่ถูกกีดขวางความรักได้จริง
มีอาจารย์ท่านหนึ่ง เคยบอกรสาว่าการที่เราจะเป็นนักแสดงที่ดีได้นั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ จะต้องรู้จักและเข้าใจตัวละครอย่างลึกซึ้ง ทั้งลักษณะนิสัย ความรู้สึก อารมณ์ จนเหมือนกลืนกินเอาทุกสิ่งเข้าไปกับร่างกายและจิตวิญญาณของเรา รสาไม่เคยลืมคำพูดเหล่านั้น เธอยังจดจำและนำมาปฏิบัติ
ดั่งเช่นในเวลานี้ หลังจากที่การแสดงสิ้นสุดลง เสียงปรบมือจากทั้งกรรมการและคนดูในหอประชุมดังกึกก้อง ทุกอย่างเหมือนเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า เธอทำสำเร็จแล้ว
“ยินดีด้วยนะรสา ในที่สุดแกก็ทำได้”
สามสาวกระโดดเข้ามากอดแทบจะพร้อมกัน ทันทีที่เสียงประกาศออกมาว่าเพื่อนของเธอได้รับบทแคทเธอรีน ส่วนพระเอกของเรื่องรับบทโดยเอ็มเจ
“ขอบใจมากนะ ที่เป็นกำลังใจให้”
“แค่นี้เรื่องจิ๊บๆน่า ” แยมขยิบตา หน้าบานจนแทบจะหุบไม่อยู่ “ ฮ่าๆ ฉันล่ะสะใจจริง ๆ เลย ที่ยายแจงถูกเขี่ยให้ไปรับบทแม่ แทนที่จะเป็นบทนางเอกอย่างที่โม้เอาไว้ อยากรู้นักทีนี้จะทำท่าผยองว่าเหนือกว่าคนอื่นได้อีกหรือเปล่า”
“เบา ๆ สิ แกเดี๋ยวยายแจงก็ได้ยินหรอก”
นัทเตือน หันมองรอบตัว แต่ไม่ทันซะแล้ว เมื่อแจงมายืนอยู่ข้างหลัง ได้ยินทุกอย่างชัดเต็มสองหู แยมเห็นอย่างนั้นแต่ก็ยังทำเฉยมองแจงแบบไม่รู้สึกผิดอะไร
“ขอโทษนะ แยมเขาไม่ตั้งใจจะพูดอย่างนั้นหรอก" รสายอมเป็นฝ่ายขอโทษแทนเพราะไม่อยากให้มีเรื่อง “ต่อไปลืมเรื่องเก่าๆ แล้วมาเป็นเพื่อนกันได้มั้ย”
สาวตากลมยอมอ่อนข้อให้ก่อน ไหนๆ ก็ต้องเล่นละครด้วยกันแล้ว เธอไม่อยากมีปัญหาภายหลัง แต่เจตนาที่ดีของรสา ก็ไม่ได้ทำให้ความขุ่นมัวในใจแจงดีขึ้นเลยสักนิด ตรงข้าม..มันกลับยิ่งทำให้แจงรู้สึกว่านั่นคือการเสแสร้งอย่างที่สุด
“จำไว้นะรสา เรื่องของเรามันยังไม่จบลงแค่นี้แน่”
ความคิดเห็น