ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขอโทษที...ก็หัวใจเพิ่งมีรัก

    ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 12 อย่าลืมคิดถึงฉันบ้างล่ะ

    • อัปเดตล่าสุด 25 ม.ค. 66


    ใบหน้าขาวแลดูอ่อนวัยของรื่นฤดี ดูซีดเผือดขึ้นมาหลังจากได้รับฟังข่าวคราวลูกชายสุดที่รักจากโบ้ทเป็นที่เรียบร้อย เวลานี้อกเธอแทบเต้น ร้อนใจด้วยความเป็นห่วงลูกเหลือเกิน  หญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วม ตะโกนสั่งให้คนงานเตรียมข้าวของ ทั้งทำอาหาร เตรียมผลไม้ ไหนยังต้องเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเพื่อจะไปค้างกับลูกอีก 

    บรรยากาศในตึกแถว ที่ด้านล่างเปิด เป็นร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในตอนนี้จึงเหมือนเกิดการจลาจลย่อยๆ ของเหล่าคนงานที่ทำอะไรก็ดูจะไม่ทันใจเจ้านายไปซะหมด

    เธอนึกแล้วเชียวว่าจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เพราะสามวันที่ผ่านมา เธอรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก เห็นอะไรก็ดูเหมือนจะขวางหูขวางตาไปหมด โดยเฉพาะกับ มาโนช สามีที่เป็นต้นเหตุทำให้ลูกชายสุดที่รักต้องออกจากบ้านไปอยู่ไกลอกแม่  จะติดต่อแต่ละทีก็แสนยากเย็น ด้วยม่อนไม่ยอมลดศักดิ์ศรีกลับบ้าน   แม้จะมีโทรศัพท์แต่ก็ไม่ค่อยส่งข้อความหรือโทรมาหา เดือนหนึ่งโทรมานับครั้งได้ แล้วเวลาเธอจะเป็นฝ่ายไปเยี่ยมลูกเอง คนเป็นสามีก็มักจะหาข้ออ้างต่างๆ นานาไม่ให้เธอไปอีก

    จนรื่นฤดีอ่อนใจ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ความบ้าทิฐิ รักในศักดิ์ศรีของพ่อลูกคู่นี้จะสิ้นสุดลงซะที ตราบใดที่ยังไม่มีฝ่ายไหนยอมลงให้กันก่อน

    แต่เรื่องนี้เธอคิดว่ามาโนชนั่นล่ะเป็นฝ่ายผิด เขาไม่ควรบังคับใจลูกให้เลือกเรียนในสิ่งที่ไม่ชอบ  เพียงเพื่อสนองความต้องการของตัวเองเท่านั้น 

    การเป็นคนเผด็จการจนเคยตัวทำให้สามีของเธอเสียนิสัย คอยแต่จะบังคับคนอื่นให้ทำตามใจตัวเองอยู่เรื่อย ถึงบางครั้งเธอจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ต้องเงียบ คิดเสมอว่าตัวเองเป็นช้างเท้าหลัง ไม่ควรก้าวก่ายกับเรื่องของที่คนเป็นช้างเท้าหน้า 

    จนเมื่อม่อนลุกขึ้นมาปฏิวัติและออกจากบ้านไปนี่ละ ทำให้เธอเริ่มคิดว่าไม่ควรจะเออออตามความคิดของสามีเสมอไป เห็นทีจะต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติอะไรบ้างแล้ว หลังจากที่ต้องเป็นฝ่ายยอมอยู่เรื่อยมา

    “ไปไหนกันรื่น สั่งเด็กจัดของอย่างกับจะย้ายบ้านงั้นล่ะ”

    มาโนชเพิ่งลงมาจากชั้นสอง เห็นภรรยาสั่งคนงานจัดนู่นหยิบนี้อยู่ในครัวก็สงสัย

    “ก็จะไปเยี่ยมลูกน่ะสิ เจ้าโบ้ทโทร.มาบอกว่าม่อนขาหักเข้าโรงพยาบาล” 

    รื่นฤดีตวัดเสียงตอบแบบเสียไม่ได้  ทั้งที่ไม่อยากคุยกับคนที่ทำให้ลูกชายต้องออกจากบ้านนักหรอก

    “เข้าโรงพยาบาล ไอ้ม่อนมันไปทำอะไร นี่คงไปก่อเรื่องขับรถซิ่งจนเกิดอุบัติเหตุเข้าล่ะสิ  ฉันบอกแล้วว่าลูกชายตัวดีของเธอสักวันมันจะต้องเกิดเรื่องเพราะไอ้รถมอเตอร์ไซค์ที่เธอซื้อให้มันนั่นล่ะ” เขาโวยขึ้นมาทันที โดยไม่รอฟังว่าเกิดอะไรขึ้น 

    “เลิกมองลูกในแง่ร้ายได้มั้ย ม่อนไม่ได้ไปทำอะไรอย่างที่พี่พูดหรอก ลูกถูกคนดักปล้นต่างหาก โถ ลูกแม่ เคราะห์ร้ายจริงจริ๊ง” 

    โบ้ทไม่ได้บอกความจริงให้รื่นฤดีรู้  เพราะไม่อยากให้ม่อนถูกมองในแง่ไม่ดี  สู้บอกว่าโดนดักทำร้ายเพราะถูกปล้น ฟังดูน่าเห็นใจกว่าเยอะ

    “นี่คงไปหาเรื่องใครเขาล่ะสิ ถึงได้โดนทำร้าย มันเองก็กวนน้อยซะเมื่อไหร่ล่ะ”

     มาโนชไม่นึกสงสาร ยังคิดว่าเป็นเพราะม่อนต่อ  รื่นฤดีมองสามีตาแข็ง ตวาดใส่

    “พี่ไม่ต้องมาว่าลูกเลยนะ ถามจริงเหอะ  ไอ้การที่ม่อนมันขัดใจพี่ ทำให้พี่ไม่คิดว่ามันเป็นลูกอีกต่อไปแล้วใช่มั้ย”

    “ฉันคิดว่ามันเป็นลูกเสมอล่ะ ถ้ามันจะทำตัวดีกว่านี้ เธอก็เห็นนี่ว่ามันเป็นยังไง ชอบขี่รถซิ่ง ให้ช่วยงานที่ร้านก็ไม่ทำ วันๆ เอาแต่จะเที่ยวเล่น หาเรื่องคนอื่นเขาไปทั่ว”

    “แต่ลูกก็เรียนหนังสือไม่ใช่เหรอ เรื่องเที่ยวเตร่ขี่รถ มันก็เป็นแค่เรื่องหนึ่งที่วัยรุ่นเขาทำกัน ฉันไม่เห็นว่ามันจะสร้างความเดือดร้อนให้เราตรงไหน พี่เคยต้องตามไปแก้ปัญหาให้ม่อนมั้ยล่ะ”

    เจอย้อนกลับมาแบบนี้ ทำให้มาโนชอึ้ง เพราะถึงแม้ม่อนจะทำตัวเกเรในสายตาเขา แต่ก็ไม่เคยสร้างเรื่องสร้างราวให้เขาต้องตามปวดหัวเลยสักครั้ง คงมีเพียงแค่ความรู้สึกของเขาเท่านั้นที่อดจะอคติกับ พฤติกรรมของลูกชายคนเล็กไม่ได้

    “ถึงมันจะไม่เคยทำเรื่อง แต่ก็ใช่ว่าสิ่งที่มันกำลังทำอยู่จะเป็นเรื่องที่ดี ครอบครัวเราเคยมีใครเป็นอย่างมันบ้างมั้ยล่ะ พี่ๆ ของมันก็อยู่ในกฎในระเบียบกันทุกคน “ มาโนชกัดฟันเถียง

    “ก็เพราะความมีกฎระเบียบที่พี่ตั้งไว้น่ะสิถึงทำให้ม่อนทนไม่ได้ ต้องออกจากบ้านไปแบบนี้ ทำไมเหรอพี่ จำเป็นด้วยเหรอที่จะต้องให้ลูกเรียนในสิ่งที่เขาไม่อยากเรียน พี่ให้เจ้า แมน เจ้าไม้ เรียนอย่างที่พี่ต้องการไปสองคนแล้ว ก็น่าจะเกินพอ เหลือม่อนไว้คนให้ลูกได้เลือก ได้เป็นในสิ่งที่ต้องการไม่ได้หรือไง” 

    “มันก็ได้เรียนในสิ่งที่ต้องการแล้วไง เธอจะเอาอะไรอีก”

    “ได้เรียนแบบที่ต้องไปหาเงินเรียนเองอย่างนี้น่ะเหรอ  ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่าพี่จะใจดำกับลูกได้ถึงขนาดนี้ พี่ไล่ลูกออกจากบ้าน ไม่ยอมส่งเงินให้สักบาท แถมยังไม่เคยถามถึงด้วยความเป็นห่วงเลยสักครั้ง พี่เป็นพ่อประสาอะไรกัน”

    มาโนชหน้าแดงก่ำ มองภรรยาแววตาผิดหวังเช่นเดียวกัน เขาเป็นพ่อประสาอะไรน่ะเหรอ ก็เป็นพ่อที่รักลูกมากอยากเห็นลูกมีอนาคตที่ดี ทำงานมีหลักมีฐาน เขาถึงให้ลูกเรียนในคณะที่จะสามารถออกมาต่อยอดกับธุรกิจของครอบครัว  แต่ทำไมลูกถึงไม่ยอมเข้าใจ ไม่ว่าใคร ๆ ต่างก็มองว่าเขาเป็นฝ่ายผิดอีก

    “เธอจะไปเยี่ยมมันก็ไปเถอะ” มาโนชตัดบทดื้อๆ“นี่คงต้องออกค่าโรงพยาบาลให้มันด้วยใช่มั้ยล่ะ  พกเงินติดตัวไปด้วยก็แล้วกัน ต้องใช้อีกเท่าไหร่ก็โทรมาบอก” 

    ถึงจะไล่ม่อนออกจากบ้านอย่างไร แต่ในความเป็นพ่อเมื่อลูกเกิดเรื่องขึ้น เขาเองก็อดแสดงความห่วงหาอาทรไม่ได้เหมือนกัน

    “แล้วพี่ล่ะ ไม่คิดจะไปด้วยกันเหรอ พี่ไม่ได้เจอลูกมานานแล้วนะ” รื่นฤดีแตะไหล่มาโนชลองหยั่งความรู้สึกอีกฝ่ายเมื่อเห็นเขามีท่าทางอ่อนลง  “หายโกรธลูกเถอะนะพี่ ไหนๆ เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว ฉันว่าพี่ยอมเข้าใจ และสนับสนุนให้ลูกทำตามอย่างที่ตัวเองชอบดีกว่า ครอบครัวเราจะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมสักที นะพี่นะ”

    มาโนชขืนตัว ขยับไหล่ให้หลุดจากการเกาะกุม

    “รีบไปเถอะ ฉันจะกลับขึ้นไปดูบัญชีต่อ มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน

    เขาตัดบทก่อนจะเดินกลับขึ้นไปบนชั้นสอง รื่นฤดีได้แต่มองตามร่างสามีไปด้วยความอ่อนใจ 

     

    บนเตียงอันแสนนุ่ม เจ้าของร่างเล็ก ผิวขาว ตากลมโต กำลังนอนสยายผมดำขลับอ่านหนังสือเล่มใหม่ที่เพิ่งยืมมาจากชายในฝันอย่างตั้งอกตั้งใจ   เนื้อเรื่องในหนังสือชวนให้ติดตามอย่างที่พี่เอ็มเจว่าจริงๆ ซะด้วย เพราะจากที่เริ่มอ่านจนมาถึงตอนนี้ เกือบจะห้าชั่วโมงแล้ว แต่รสาก็ยังไม่มีทีท่าว่าอยากวาง หรือลุกไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวบ้างเลย  ดวงตากลมยังคงเพ่งอยู่กับตัวอักษร และเรื่องราวที่ผู้เขียนถักทอผูกกันจนเป็นปม ชวนให้ตื่นเต้นจนลุ้นระทึก

    และในช่วงที่กำลังสำคัญอยู่นั่นเอง เสียงมือถือก็ดังขึ้น รสาตกใจจนสะดุ้งโหยง ร้องออกมาอย่างขัดใจเล็กน้อย แต่เมื่อคิดว่าอาจจะคนที่เธอเฝ้ารอคอยโทร.มาก็ได้ ร่างเล็กจึงรีบคว้ามือถือขึ้นมากดรับทันที เบอร์ที่โทรเข้ามากลับไม่ใช่เอ็มเจ 

    “ฮัลโหล..” เธอกรอกเสียงลงไป

    “ไง..ทำอะไรอยู่” เสียงห้าวที่พูดกลับมาทำให้รสาเริ่มเอะใจ 

    “ใครน่ะ?”

    “นี่เธอจำเสียงว่าที่แฟนไม่ได้จริง ๆ เหรอ น่าน้อยใจชะมัด” คนปลายสายกวนกลับมาอีก

    “นายม่อน!” รสาร้องเสียงหลง รู้แล้วว่าเป็นใคร “นายไปเอาเบอร์มือถือฉันมาจากไหนน่ะ ฉันไม่เคยให้นายสักหน่อย”

    “ถึงเธอไม่เคยให้เบอร์กับฉัน แต่ฉันมีปากนี่ ถามเพื่อนเธอเองก็ได้”

    “ถามใคร แยมล่ะสิ”

    “จากใครก็ช่าง ฉันไม่ได้โทรมาเพื่อเล่นยี่สิบคำถามกับเธอนะ”

    “แล้วโทรมาทำไมไม่ทราบ”

    “ก็แค่อยากรู้ว่าเธอหายโกรธฉันเรื่องวันนั้นหรือยัง” น้ำเสียงของคนอีกฝั่งถามอย่างง้องอน

     “เรื่องอะไร?”

    “จะให้ฉันพูดออกมาจริงๆ เหรอ ก็เรื่องที่เราสองคน..”

     ม่อนแกล้งเว้นจังหวะยั่ว รสารู้ว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร รีบร้องขัดขึ้นมาอย่างทนไม่ได้

    “พอแล้วไม่ต้องพูด ฉันไม่อยากฟัง”

    “ นี่เธอไม่อยากฟังฉันขอโทษ เรื่องจูบวันนั้นเหรอ”

    “ใครใช้ให้นายพูดออกมา ไม่รู้จักอายบ้างหรือไง ทุเรศ!” 

    รสาตะโกนว่าไปตามสาย นี่ถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มชอบใจ เธอคงจะทั้งโกรธ ทั้งอายมากกว่านี้แน่

    “ฉันไม่ได้ตั้งใจจูบเธอจริงๆ นะ เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นอุบัติเหตุ”

    “รู้แล้วว่าเป็นอุบัติเหตุ ฉันเองก็ไม่ได้อยากจูบกับนายนักหรอก”

    “แต่ฉันอยากจูบกับเธออีกนะ เธอน่าจะลองอีกครั้งนะ คราวที่แล้วฉันไม่ทันตั้งตัวเท่าไหร่ เลยไม่ได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่  ถ้าเธอให้โอกาสล่ะก็ รับรองฉันจะทำให้ประทับใจไปอีกนานเลย รู้มั้ยใคร ๆ ก็ว่าฉันจูบเก่งทั้งนั้น” เขารีบบอกเธออย่างกระตือรือร้น

    “ ทุเรศ! ลามก ! หลงตัวเองที่สุด   โทรมามีเรื่องแค่นี้ใช่มั้ย ฉันจะได้อ่านหนังสือต่อ”

    “ใครบอก ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธออีก พรุ่งนี้มาเยี่ยมที่โรงพยาบาลหน่อยได้สิ”

    “เรื่องอะไรจะต้องไปด้วย เราไม่ได้สนิทกันสักหน่อย”

    “มาหน่อยเหอะน่า”

    “มีอะไรนายก็พูดมาตอนนี้ก็ได้ ทำไมจะต้องทำอะไรให้ยุ่งยากด้วย”

    “พูดตรงนี้ไม่สะดวก เธอมาก่อน แล้วก็รู้เองนั่นแหละ แค่นี้นะ” ม่อนเหมือนจะวางสายไปแล้ว แต่สักครู่ก็มีเสียงขึ้นมาอีก “อ้อ ลืมบอกไป ฝันดีนะ อย่าลืมคิดถึงฉันบ้างล่ะ”

    คราวนี้คนทางนู้นวางสายสนิท รสาได้แต่ทำตาปริบๆ รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าว ปากบ่นขมุบขมิบใส่คนที่มองไม่เห็นว่าบ้า

    ไม่รู้นายม่อนอยากให้เธอไปหาทำไม  เชอะ! เรื่องอะไรจะต้องทำตามที่เขาบอกด้วย  ยังไงเธอก็ไม่มีวันไปหานายนั่นเด็ดขาด   รสาคิดในใจ แล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ เพียงสักพัก โทรศัพท์เจ้ากรรมก็ดังขึ้นมาอีก สาวตากลมร้องออกมาหงุดหงิดสุดๆ นายม่อนเล่นบ้าอะไรของเขาเนี่ย! ว่างมากนักหรือไง

    “โทรมาทำไมอีก ถ้าว่างมากก็หลับตานอนๆไปซะ อย่ามารบกวนคนอื่นเค้า” 

    รสากดรับสายและตวาดแว้ดใส่  ฉับพลันหน้าเธอก็ถอดสี คิดอยากหาอะไรมาฆ่าตัวเองนัก เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่นายม่อน แต่เป็นพี่เอ็มเจต่างหาก

    “รับสายดุเดือดจัง นี่พี่โทร.มาผิดจังหวะหรือเปล่าเนี่ย” หนุ่มนักบาสว่าอารมณ์ดี

    “ขอโทษค่ะพี่เอ็มเจ คือเมื่อกี้มีเพื่อนโทร.มา ก็เลยนึกว่าเขาจะโทร.มาแกล้งอีก ขอโทษจริง ๆนะคะ” 

    “พี่ไม่โกรธหรอก ที่โทร.มาเนี่ยก็เพราะอยากรู้ว่ารสาอ่านหนังสือที่ให้ยืมไปแล้วหรือยัง? ”

    “อ่านแล้วค่ะ สนุกมากเลย กำลังถึงตอนเปิดเผยตัวฆาตกรพอดี”

    “อย่างนี้แสดงว่าพี่โทรมาขัดจังหวะน่ะสิ ขอโทษนะพี่ไม่รู้จริง ๆ”

    “ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ ถ้าจะมีคนผิดก็ควรเป็นคนก่อนหน้าพี่เอ็มเจต่างหาก นั้นล่ะตัวขัดจังหวะของแท้” รสาทำเสียงขึ้นจมูกนึกถึงคนที่นอนอยู่โรงพยาบาล

    “งั้นพี่ก็สบายใจ ว่าแต่เราไปลงชื่อสมัครเล่นละครของคณะมาเหรอ”

    ”รู้ได้ไงคะ” 

    “เพราะพี่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่จัดละครเรื่องนี้น่ะสิ และก็เป็นผู้กำกับด้วยนะ”

    “จริงเหรอคะ  ถ้างั้นพี่เอ็มเจก็ช่วยถอนชื่อรสาออกได้สิ? คือ เพื่อนรสาเขาถือวิสาสะไปลงชื่อให้น่ะค่ะ” สาวตากลมตื่นเต้น  มองเห็นทางที่จะได้ไม่ต้องไปทดสอบบทละครรำไร               

    “ ทำไมล่ะ บทนางเอกในเรื่องนี้เหมาะกับเรามากนะ ตอนแรกพี่กะจะมาชวนเองด้วยซ้ำ” 

    “อย่าเลยค่ะ  รสาคงเล่นละครไม่ได้หรอก มันฝืนตัวเองเกินไป นะคะพี่เอ็มเจ  ถอนชื่อให้รสาเถอะนะ”

     หญิงสาววิงวอน ไม่นึกเสียดายหากว่าจะต้องทิ้งโอกาสใกล้ชิดกับพี่เอ็มเจไปก็ตาม

    “พี่ว่า..รสาอย่าเพิ่งตัดสินใจอะไรตอนนี้ดีกว่า ลองไปทดสอบบทดูก่อน ถ้าเล่นไม่ได้จริงๆ พี่จะยอมถอนชื่อให้” 

    “รสาเล่นไม่ได้จริง ๆ ถอนชื่อออกเถอะนะ” 

    “ อย่าปฏิเสธตั้งแต่ยังไม่ได้ลองสิ และก็อย่าอ้อนซะให้ยาก พี่จะไม่ถอนชื่อให้จนกว่ารสาจะไปออดิชั่น แค่นี้นะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ที่หอประชุม พี่ไม่รบกวนแล้วล่ะ  กู๊ดไนท์จ้ะ” 

    “เดี๋ยวสิคะ พี่เอ็มเจ!” รสาพยายามเรียก แต่อีกฝั่งวางสายไปแล้ว

    จะทำอย่างไรดีล่ะ ถึงแม้พี่เอ็มเจจะเป็นผู้กำกับละครเรื่องนี้ก็เถอะ แต่รสาก็ยังคิดว่าตัวเองคงเล่นไม่ได้แน่ๆ  ไม่ใช่เพียงแค่บทนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นการแสดงอะไรก็ตาม เธอก็ทำไม่ได้ทั้งนั้น !!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×