คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 5 กามเทพแผลงฤทธิ์
เป็นเพราะกองเสื้อผ้าขนาดหนึ่งสัปดาห์ที่ภานุหอบออกมาซักบริเวณระเบียงแท้ๆ ถึงทำให้พื้นที่ขนาดสองเมตรกว่าแคบไปถนัดตา ไหนจะกะละมังสองใบ ที่ใบหนึ่งเอาไว้ใส่น้ำเปล่า กับอีกใบมีผงซักฟอกตีเป็นฟอง จนภานุต้องอัปเปหิตัวเองไปนั่งยอง ๆซักผ้าอยู่ในห้อง
ลึกเข้าไปด้านใน ม่อนกำลังนอนเล่นโทรศัพท์ เช็คความเคลื่อนไหวในแวดวงการแข่งรถมอเตอร์ไซค์อย่างเพลิดเพลิน ที่ทำอย่างนี้ได้ก็เพราะวันนี้เป็นเวรซักผ้าของภานุ สองหนุ่มได้ทำข้อตกลงตั้งแต่มาอยู่ด้วยกันแล้วว่า พวกจะผลัดกันซักผ้าอาทิตย์ละครั้ง ซึ่งข้อตกลงนี้รวมไปถึงการทำความสะอาดห้อง รีดผ้า และงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ อีกด้วย
และมักเป็นภานุที่ทำงานแบบนี้ได้ดีกว่าม่อน จนเพื่อนหลายคนแซวว่าเขาเปรียบเหมือนภรรยา ส่วนม่อนก็เป็นสามี ภานุได้ฟังก็ขำกลิ้งค่อนข้างเห็นด้วยกับคำเปรียบเทียบอยู่ไม่น้อย ไม่ใช่! เพราะเขามีท่าทางออกสาวหรอก แต่นั่นอาจเป็นเพราะเขามีความละเอียดรอบคอบมากกว่าม่อนที่ชอบทำอะไรแบบขอไปที เวลาซักผ้า ก็จะเพียงจุ่มเสื้อลงในกะละมังแฟ้บแล้วขยี้สองสามครั้งพอเป็นพิธี จากนั้นก็บิดผ้าชนิดที่เรียกว่า ถ้าบิดใหม่คงได้น้ำเอาไปถูบ้านอีกสักครึ่งถัง ยิ่งตอนรีดผ้าไม่ต้องพูดถึง เขาไม่เคยไว้ใจให้ม่อนรีดเสื้อให้อีกเลย หลังจากที่ทำเสื้อเขาไหม้ไปสามตัว ม่อนเป็นอย่างนี้ประจำ จนเขาต้องตามทำใหม่ให้ทุกครั้งและเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเหนื่อยถึงสองหน ภานุจึงรับอาสาทำงานนี้คนเดียว
ม่อนเองเหมือนจะละอายใจ เป็นต้องออกตัวกับเขาเสมอว่า
“ไอ้นุ มึงห้ามมาบ่นทีหลังนะว่ากูไม่ยอมทำ เพราะกูทำแล้ว แต่มึงเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายมาแย่ง”
แล้วเขาเองก็อยากจะพูดต่อซะเหลือเกิน ว่าที่เขาต้องมานั่งทำอยู่อย่างนี้ ไม่ใช่เพราะม่อนไม่ยอมทำให้มันเรียบร้อยหรอกเหรอ
แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เขารู้ว่าม่อนมาจากครอบครัวที่ค่อนข้างสบายและมีแม่ที่รักมาก ไม่ว่าเป็นเรื่องอะไรก็พร้อมทำให้ลูกได้ทุกอย่าง ผิดกับเขาที่เกิดมาเป็นลูกชาวสวนธรรมดา ไอ้เรื่องซักผ้า ถูบ้าน เขาช่วยเหลือตัวเองมาจนชินแล้ว
อีกอย่างเท่าที่คบกันมา ภานุมองว่าม่อนมีความเป็นผู้ชายแท้ๆ คือคิดว่างานบ้านเป็นงานของผู้หญิง ม่อนชอบงานอะไรก็ได้ที่เป็นหน้าที่ของผู้ชาย เช่นเปลี่ยนหลอดไฟ หรือซ่อมก๊อกน้ำ เวลาเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้น เขาแทบไม่ต้องขยับ เพราะม่อนรับอาสาจัดการเองทุกครั้ง ซึ่งมันก็แฟร์ดี
“หมู่นี้ไม่ค่อยเห็นแจงมาที่นี่เลย งอนกันอยู่เหรอ” ภานุเหลือบตาไปทางหนุ่มผิวเข้มที่นอนกระดิกขาอ่านนิตยสารด้วยท่าทางสบายอารมณ์ ม่อนไม่ตอบเพียงแต่รับคำในลำคอ
“อืมม์”
“มิน่า ไม่อย่างนั้นมึงคงไม่ได้มานอนกระดิกเท้าสบายใจเฉิบอย่างนี้หรอก ป่านนี้คงถูกยัยแจงลากไปไหนต่อไหนแล้วล่ะมั้ง” ภานุก้มลงขยี้ผ้าต่อ
แจงค่อนข้างเป็นคนเที่ยวเก่งชนิดที่เรียกว่า วันไหนไม่ได้ออกไปไหน เธอจะรู้สึกเหมือนไม่ได้อาบน้ำ เรื่องนี้ม่อนเองเคยบ่นให้เขาฟังบ่อยๆ และมักมาหยิบยืมเงินเขาไปเปย์ แจงบ้างในบางครั้ง สมัยที่คบกันแรกๆ
“กูเลิกกับแจงแล้วว่ะ” ม่อนโพล่งออกมาดื้อ ๆ
มือที่กำลังสาละวนอยู่กับผ้าในกะละมังชะงัก หันมองต้นเสียงหน้าเหลอ ม่อนวางโทรศัพท์ ลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนเตียง
“กูทนความเจ้าอารมณ์ของแจงต่อไปไม่ไหวแล้วเธอทำให้กูรู้สึกอึดอัด เหมือนกำลังถูกบีบคอเอาไว้อยู่ตลอดเวลา กูต้องการอิสระ อยากได้พื้นที่ส่วนตัวของกูคืนมา มึงเข้าใจกูใช่มั้ยไอ้นุ”
“แล้วเขายอมเลิกกับมึงเหรอ ท่าทางไม่ใช่ง่ายๆหรอกนะ เขาหวงมึงยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ซะอีก”ภานุวิตกแทน ม่อนเพียงแค่ยักไหล่ ดูไม่ซีเรียสอะไรสักนิด
“ไม่สนโว้ย เขาไม่เลิกแต่กูเลิก จะทำอะไรได้ อีกอย่างมึงก็รู้ว่าแจงเขาไม่ได้คบกูคนเดียว ลับหลังก็ยังคุยกับผู้ชายอีกตั้งหลายคน อย่านึกว่ากูไม่รู้”
“ไปว่าเขา มึงเองก็ไม่ได้คุยกับแจงคนเดียวเหมือนกันนั่นล่ะ เห็นมีผู้หญิงส่งข้อความทักมาแทบจะทุกคืน กูต้องทนฟังมึงคุยกับสาวไม่ซ้ำหน้า จนกูนี่ปวดหัวไปหมดแล้ว รู้มั้ย”
ภานุหมั่นไส้เพื่อนซี้ที่มีสาวมาพัวพันไม่ได้ขาด ยิ่งตอนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ด้วยแล้ว เขาแทบจะต้องหาอะไรมาอุดหูเพราะทนเสียงกรี๊ดกร๊าดของพวกสาวๆ ไม่ไหว
“พวกนั้นก็เพื่อนๆ กันทั้งนั้น ไม่มีอะไรหรอกน่า” ม่อนบอกปัด สักพักก็ถามภานุขึ้นมาลอยๆ ว่า
“ไอ้นุ มึงว่าผู้หญิงตาโตเนี่ย น่ารักมั้ยวะ?”
“มันก็ต้องดูว่าเธอตาโตแบบไหน ผู้หญิงตาโตมีตั้งหลายแบบ บางคนดูน่ารัก บางคนก็ดูไม่ค่อยดี ว่าแต่..” ภานุหยุด มองหน้าม่อน แล้วยิงคำถามอย่างรู้ทัน “หรือว่าเจอสาวคนใหม่แล้ว”
สายตาภานุจ้องจับผิด เหมือนกับตัวเองเป็นภรรยากำลังจับได้ว่าสามีนอกใจ ม่อนยักคิ้วกวน มองเพื่อนอย่างท้าทาย
“แล้วถ้าเจอ มึงจะว่าไง”
ภานุอึ้ง สักพักจึงยักไหล่ เขาจะมีสิทธิว่าอะไรในเมื่อไม่ใช่ตัวม่อน
“ไม่ว่าไง แต่ขอเตือนว่า ตราบใดที่มึงยังไม่เลิกกับแจงให้เรียบร้อย ก็อย่าเพิ่งริไปจีบคนใหม่เลย ไม่อย่างนั้น แฟนใหม่มึงนั่นล่ะ จะเดือดร้อนเพราะแจงเขาไม่ใช่ย่อยๆนะ ”
ภานุแสดงความหวังดี ถึงเขาจะไม่ได้เป็นแฟนกับแจง แต่พอรู้นิสัยอยู่บ้างหรอก ว่าเป็นคนเจ้าอารมณ์แค่ไหน
“ขอบใจที่เตือน แต่กูยังไม่ได้คิดไปจีบอะไรหรอก แค่เห็นว่าน่ารักดี ยิ่งตอนที่ทำหน้าเหลอหราด้วยแล้ว แค่นึกยังขำไม่หาย”
แล้วม่อนก็นั่งขำคนเดียว เขายังจำภาพดวงตากลมโตที่เบิกกว้างตอนรู้ว่าถูกจับได้ว่ากำลังแอบมอง แล้วไหนจะตอนที่เธอเขินเพราะถูกเขามองอีกล่ะ แก้มขาวกลายเป็นสีชมพูระเรื่อ แทบไม่ต้องปัดบลัชออนเลยสักนิด
ดูไปเธอก็น่ารักดี ผิวขาว ตาโต มีผมดำยาวสลวย เชื้อเชิญให้นึกอยากเข้าไปสัมผัสเหลือเกินว่าจะนุ่มจริงอย่างที่คิดไว้หรือเปล่า
“เฮ้ย! เลิกฝันหวานได้แล้ว” ภานุที่ซักผ้าเสร็จแล้ว ใช้ขาสะกิดที่หน้าแข้งม่อน“คืนนี้ไม่ไปแข่งรถเหรอ ไหนบอกว่าจะหาตังค์ให้ได้อีกสักหมื่น สองหมื่นไง"
“ไม่ล่ะ หมู่นี้ตำรวจชักเพ่งเล็ง เกิดโดนจับไปล่ะยุ่ง ขี้เกียจขอร้องให้พ่อต้องไปประกันตัว” ม่อนส่ายหน้า แค่คิดว่าต้องกลับไปง้อพ่อ เขาก็สยองแล้ว
“ตอนนี้ว่าจะพักไว้ก่อน งานพาร์ทไทม์ก็ทำอยู่ ค่าหอก็จ่ายแล้ว คงไม่เดือดร้อนเรื่องเงินเท่าไหร่ แต่ถึงเดือดร้อนจริงๆ ยืมมึงจ่ายไปก่อนก็ได้ เพราะมึงคงไม่ใจร้าย ขนาดไม่ยอมให้กูยืมหรอกใช่มั้ย”
ม่อนพูดดักไว้ก่อน รู้อยู่ หรอกว่าเพื่อนเป็นคนมีน้ำใจ ภานุหัวเราะ แสยะยิ้มให้
“เออ ทำเป็นรู้ดี สักวันเหอะ ถ้ากูไม่ยอมขึ้นมา มึงจะรู้สึก กูจะถีบให้ออกไปนอนข้างถนนซะให้เข็ด โทษฐานที่ ไม่มีเงินแล้วริกินฟรี อยู่ฟรี”
ภานุตวัดขาเตะม่อนจริงตามที่พูด เดชะบุญที่ม่อนตาไว หลบได้ทัน ขาล่ำสันของภานุเลยเตะถูกลมแทน
แต่ใช่ว่าจะยอมแพ้ เมื่อครั้งแรกเตะพลาด ครั้งที่สองเขาจะไม่ยอมให้พลาดเด็ดขาด ทั้งสองคนเลยวิ่งไล่เตะกันรอบห้อง ช่วงเวลาแบบนี้ภานุคงลืมไปแล้วล่ะมั้งว่ายังมีเสื้อผ้าอีกกองโตรอให้ตากอยู่
ยิ่งใกล้วันงานเฟรชชี่เดย์เข้ามาเท่าไหร่ บรรยากาศในคณะก็ยิ่งคึกคักมากขึ้น น้องปีหนึ่งจากเดิมที่มาเข้าเชียร์ไม่ถึงสิบคน ตอนนี้ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น สงสัยอาจเป็นเพราะสงสารรุ่นพี่ก็ได้มั้งที่ถูกพี่ปีสามซ่อม
เรื่องของเรื่อง มีอยู่ว่าวันหนึ่ง พวกเราซ้อมเชียร์กันตามปรกติ แล้วจู่ๆพี่โบ้ท หัวหน้าว้ากเกอร์ปีก่อนก็เดินนำพวกพี่ปีสามเข้ามา ตะโกนสั่งให้ปีสองทั้งหมดไปยืนข้างหลัง และออกคำสั่งให้น้องปีหนึ่งหลับตา จากนั้นก็จัดการซ้อมพวกเราปีสองทุกคน โทษฐานที่ทำให้น้องมาเข้าเชียร์ไม่ได้
สิ่งที่พี่โบ้ททำ รสาเคยเห็นพวกพี่ปีสามโดนมาแล้วตอนเธออยู่ปีหนึ่ง เธอรู้สึกอึ้งไปเหมือนกันที่พวกพี่ๆจะต้องมาถูกทำโทษต่อหน้าน้องๆ ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของพี่เลย มันเป็นเพราะพวกเธอต่างหากที่ไม่สามารถพาเพื่อนมาเข้าเชียร์ได้มากกว่านี้
รสาจำได้ว่าวันนั้นเธอถึงกับน้ำตาซึม สงสารพี่ นึกโกรธพวกเพื่อนไร้สำนึกที่ไม่ยอมมาเข้าเชียร์ทั้งที่งานนี้เป็นงานของตัวเองแท้ๆ ซึ่งมันก็ได้ผล
ความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องดูจะกลมเกลียวมากขึ้น น้องที่เห็นรุ่นพี่ถูกทำโทษแล้วสงสาร ยอมมาเข้าเชียร์เพิ่มขึ้น หรือบางคนยังคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัว ไม่ยอมเข้า มา อันนี้เราไม่ว่ากัน เพราะทุกคนมีอิสระทางความคิด ไม่มีรุ่นพี่คนไหนสามารถเอามีดไปจ่อคอบังคับขู่เข็ญให้น้องเข้าเชียร์ทั้งที่ไม่เต็มใจได้หรอก แล้วจะเป็นด้วยเหตุนี้ล่ะมั้งที่ทำให้รสามองการว้ากในแง่ดีกว่าแต่ก่อน
“รู้เปล่า รสา ฉันได้ยินแว่วๆ มาล่ะ ว่าม่อนเลิกกับแฟนแล้วนะ”
แยมเพิ่งประชุมทีมว้ากเสร็จเข้ามากระซิบข้างหู ขณะที่สามสาวกำลังสาละวนกับการทำอุปกรณ์เชียร์อยู่ แต่เหมือนเสียงกระซิบของสาวร่างเล็กค่อนข้างดังไปหน่อย เลยทำให้นัทและจูนหูผึ่งขึ้นมาทันที
“อะไรนะ พูดใหม่อีกทีซิ ใครกับใครเลิกกัน” จูนหยุดทำงาน ชะโงกหน้าเข้าไปถามด้วยท่าทางสอดรู้
“หูดีจริงนะ” แยมเหน็บเล็กน้อย แต่ก็เล่าให้ฟัง “ เมื่อกี้ฉันเพิ่งประชุมทีมว้ากมา ได้ยินคนที่อยู่ห้องเดียวกันกับม่อนซุบซิบกันว่า ตอนนี้ม่อนเลิกกับแฟนแล้ว ฉันมาคิดดู ข่าวนี้น่ามีมูลเพราะฉันไม่เห็นยัยแจงตามม่อนมาประชุมอีกเลยหลังจากลงว้ากน้องคราวก่อน ไม่อย่างนั้นนะทุกทีเป็นต้องตามติดทำอย่างกับกลัวแฟนหายงั้นแหละ"
“อย่างนี้แปลว่าจริงสิ งั้นเพื่อนเราก็มีหวังแล้ว” นัทกระแซะรสาที่ไม่ทีท่าว่าจะสนใจ
“แล้วไง ไม่เห็นเกี่ยวกับฉันสักหน่อย ใครจะเลิกกับใครก็เรื่องของเขา ฉันไม่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้าน” รสาเชิดหน้าตอบ
“น้อยๆ หน่อย นี่แกว่าฉันเหรอ เสียแรงที่อุตส่าห์หาข่าวเด็ดๆ มาให้” แยมว้ากใส่ “ไม่สนก็อย่าสน ทีหลังอย่ามาง้อก็แล้วกัน”
ว่าแล้วก็สะบัดหน้าพรืด แกล้งงอนใส่เพื่อน รสารู้อาการนี้ดี เลยไม่ได้ง้อ แต่อย่างใด ในมือยังคงทำอุปกรณ์ต่อไป
“พวกเธอตอนนี้มีใครว่างพอที่จะไปซื้อของให้หน่อยมั้ย พอดีต้องการซื้อผ้าขาวด่วนน่ะ” ตุ๋มหัวหน้า สตาฟเดินมาถามกลุ่มรสาด้วยท่าทางร้อนรน สี่สาวมองหน้ากันไปมา
“หาใครไม่ได้แล้วจริงเหรอ” รสาถาม
“ไม่มีน่ะสิ ถึงต้องมาถามกลุ่มเธอดู มีใครว่างหรือเปล่า”
รสามองกองพู่ที่ใกล้จะทำเสร็จแล้ว คิดว่าหากเธอรับอาสาไปซื้อให้ นัทและจูนคงทำต่อกันได้โดยไม่เหนื่อยเท่าไหร่
“เราไปซื้อให้ก็ได้ ที่ไหนล่ะ”
“พาหุรัดมั้ง แถวนั้นขายผ้านี่” ตุ๋มตอบ
“โอเค แล้วจะให้ฉันไปยังไงล่ะ คงไม่ให้ขึ้นรถเมล์ใช่มั้ย จากมหาวิทยาลัยเรากับพาหุรัดมันไกลอยู่นะ” รสายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู
“ นี่บ่ายโมงแล้ว กว่าจะไปถึงแล้วกลับมาคงเย็นมาก ยิ่งถ้าเจอรถติดๆด้วยอีก ไอ้เรื่องกลับมาให้ทันก่อนมืดคงยาก” รสากังวลแทน
“อ๋อ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราให้ม่อนขี่มอเตอร์ไซค์ไปให้จะได้รวดเร็วทันใจ” ตุ๋มให้คำตอบอย่างคนที่เตรียมการเอาไว้แล้ว ส่วนรสาอึ้งไปชั่วครู่ ไม่รู้ว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า
“เมื่อกี้ว่าอะไรนะ ใครที่จะให้ขี่รถไปกับเรา” สาวตากลมถามย้ำ หน้าตื่นตกใจอย่างกับเพิ่งเจอผีกลางวันแสกๆ
“ม่อนที่เป็นหัวหน้าว้ากเกอร์น่ะ พอดีเขามีมอเตอร์ไซค์เราเลยขอให้เขาช่วย ทำไมเหรอ ? ” ตุ๋มฉงน สงสัยว่าทำไม รสาถึงทำหน้าปูเลี่ยนขนาดนั้น
“ไม่มีอะไรหรอกตุ๋ม รสาเขาแค่ปวดหัวนิดหน่อย เดี๋ยวก็หาย ตุ๋มไปก่อนเถอะแล้ว รสาจะตามไปทีหลัง” นัทแก้ให้อมยิ้มจนหุบไม่อยู่
“งั้นเราไปบอกม่อนก่อนนะ แล้วรีบตามไปล่ะ”
หลังจากตุ๋มเดินไปแล้ว สามสาวส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาอย่างไม่บันยะบันยัง พวกเธอต่างรู้สึกชอบใจกับ เหตุการณ์ที่แสนจะเป็นใจให้กับรสาเหลือเกิน
ส่วนรสาคิดว่าไม่น่าตกปากรับคำกับตุ๋มเลย ทำไมถึงต้องเกิดเรื่องบังเอิญแบบนี้ด้วยนะ สาวตากลมหันไปสะกิดนัท ขอร้องให้ไปแทน นัทได้ทีเชิดไม่ยอม เธอจำต้องเปลี่ยนแผนไปขอร้องจูนเพราะเห็นว่าจูนก็ชอบนายม่อนอยู่ แต่อีกนั้นแหละ ดูเหมือนเพื่อนๆ จะจงใจ แกล้งเธอกันหมด ไม่มีใครยอมไปแทนเลยสักคน
เมื่อเห็นรสายืนนิ่ง จูนก็รีบแสดงความเป็นเพื่อนที่ดีหยิบกระเป๋าสะพายคล้องแขนให้ นัทเองกลายร่างเป็นช่างเสริมสวยจำเป็น หยิบหวีและแป้งขึ้นมาจัดการกับหน้าผมของเพื่อนจนสวยปิ๊ง สุดท้ายคือแยมที่รับหน้าที่จูงมือรสาไปส่ง ก่อนไปรสาได้ยินคำอวยพรของนัและจูนที่พูดกับเธอว่า
“โชคดีนะเพี่อน ขอให้สนุกล่ะฮิๆ ”
อ๊าย!!! นี่มันเนื้อคู่ชัดๆ พวกเพื่อนๆ ก็ช่างยุยง ส่งเสริมกันจริงๆ รสา..จะได้แฟนก็คราวนี้ล่ะ
ความคิดเห็น