ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขอโทษที...ก็หัวใจเพิ่งมีรัก

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 10 ใกล้ชิดกับชายในฝัน

    • อัปเดตล่าสุด 20 ม.ค. 66


     

    ** นิยายเรื่องนี้ วางขายในรูปแบบ Ebook แล้วนะคะ ไปตำกันได้ตอนนี้มีโปรอยู่เหลือเพียง 

     184 บาท เท่านั้น!!!  คลิกอุดหนุนไรท์ ที่นี่เลย  

    https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNjAwMTQ2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NjoiMjI1MTQyIjt9

     

     

    กลิ่นนี้ คือกลิ่นอะไรกันนะ  เย็นๆ ออกฉุนเล็กน้อย  ไม่เหมือนกลิ่นน้ำหอมทั่วไป แต่พอได้กลิ่นแล้วกลับทำให้นึกถึงความสะอาด เธอเคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อน กลิ่นเหมือนห้องพยาบาลตอนที่เข้าไปทำแผลกับม่อน

    ใช่ม่อน! รสาจำได้ว่าเธอกับเขากำลังเถียงกัน ก่อนที่จะล้มลงไป ม่อนคร่อมอยู่บนร่างเธอ  ริมฝีปากเราสัมผัสถูกกัน ไอร้อนจากการจูบยังคงกรุ่นอยู่ที่ปาก  เธอเสียจูบแรกให้กับอีตานั่นไปแล้ว...นายม่อน!!...นายบ้า!!

    แล้วต่อจากนั้นล่ะ เกิดอะไรขึ้น เธอวิ่งออกมาจนเกือบถูกรถชน  มีคนขับรถเปิดประตูออกมาดูอาการ เขามาประคองเธอไว้ คนขับรถคนนั้น...ภาพสุดท้ายที่รสานึกได้ก่อนหมดสติทำให้ตัวเธอเย็นยะเยือก เลือดลมดูจะหยุดไหลไปชั่วขณะ เขา คือ พี่เอ็มเจ รุ่นพี่ที่เธอแอบรักมานาน 

    ตาโตเบิกโพลงขึ้นมาอย่างไม่คาดฝัน สิ่งที่เห็นเวลานี้คือ ห้องสี่เหลี่ยมสีขาว เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงคนไข้  ด้านข้างมีถุงน้ำเกลือแขวนอยู่ ที่นี่ไม่ใช่ห้องพยาบาลในมหาวิทยาลัย แต่คงเป็นโรงพยาบาลที่ไหนสักแห่ง  และตรงปลายเตียงมีผู้ชายคนหนึ่งกำลังยิ้มให้เธอ พี่เอ็มเจยืนอยู่ตรงนั้น เขามองเธออยู่จริงๆ

    “ฟื้นแล้วเหรอครับ หมอบอกว่าน้องไม่เป็นอะไรมาก เพียงแค่ตกใจเกินไปหน่อยเท่านั้นเอง” เอ็มเจ ยิ้มอย่างอ่อนโยน เดินอ้อมมายืนข้างเตียง “พี่ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ทันระวังจนเกือบขับรถชนน้องเข้า”

    “ไม่ เป็นไรค่ะ ฉันผิดเองที่วิ่งทะเล่อทะล่าออกไปโดยไม่ดูให้ดีก่อน” รสาพูดตะกุกตะกัก เป็นเพราะตื่นเต้นที่เห็นชายในฝันมายืนคุยข้างๆ  “ขอโทษพี่ด้วยนะคะ”

    ชายหนุ่มมองสาวตากลมตรงหน้าอย่างเอ็นดู 

    “พี่ชื่อเอ็มเจ เรียนฟิล์มปีสี่” 

    “รสาค่ะ เรียนเอกเดียวกัน อยู่ปีสอง”

    “จริงเหรอ  ทำไมพี่ถึงไม่เคยเห็นน้องมาก่อนเลย”

    รสายิ้มบางๆ เขาจะเคยเห็นได้อย่างไง ในเมื่อเธอไม่เคยอยู่ในสายตาเขาเลยด้วยซ้ำ

    “สายน้ำเกลือนั้นหมอบอกอย่าเพิ่งเอาออกนะ ต้องรอให้หมดขวดซะก่อน” เขาร้องห้าม เมื่อเห็นรสาทำท่าจะลุกขึ้น หญิงสาวพอถูกเบรกก็ล้มตัวกลับไปนอนอย่างเก่า แต่ไม่วายหันมาถามเอ็มเสียงอ่อย

    “พอน้ำเกลือหมดก็กลับบ้านได้เลยใช่มั้ยคะ” เธอว่าหน้าซีด 

    “คงจะอย่างนั้นจ้ะ อ้าว แล้วทำไมทำหน้าแหยอย่างนั้นล่ะ หรือว่ากลัวเข็มฉีดยา”

    “กลัวซะยิ่งกว่ากลัวอีกค่ะ  แค่นึกว่าตอนนี้มีเข็มแหลม ๆ จิ้มเข้ามาในแขนก็ทำให้รู้เสียวไส้จนอยากเป็นลมไปอีกรอบแล้ว แฮะ ๆ น่าอายจังเลยนะคะ” รสาไม่รู้จะทำอะไรดีไปกว่าหัวเราะกลบเกลื่อนความขี้ขลาดของตัวเอง 

    “ไม่เห็นเป็นไรเลย ใคร ๆ ก็มีสิ่งที่กลัวด้วยกันทั้งนั้น พี่เองยังมีเลย แต่ไม่บอกให้ใครรู้หรอกนะ  เพราะมันเป็นความลับ” 

    เขาพูดดักไว้ เมื่อเห็นแววตาหญิงสาวฉายโตออกมาด้วยความอยากรู้เต็มที่ รสากึ่งขำกึ่งอายที่เอ็มเจรู้ทัน เลยเบนหน้าหนีไปอีกด้านหนึ่ง และก็เห็นนาฬิกาบนผนังห้อง

    “นี่สี่ทุ่มแล้วเหรอคะ ป่านนี้แม่คงนั่งไม่ติดแล้วล่ะมั้ง”

     รสาดีดตัวลุกลงจากเตียงอย่างร้อนรน เธอไม่เคยกลับบ้านผิดเวลามาก่อน  หากวันไหนต้องกลับดึกก็จะโทรบอกแม่ก่อนทุกครั้ง

    “ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวพี่ขับรถไปส่งและจะอธิบายให้ที่บ้านน้องเข้าใจด้วย ตอนนี้นอนให้น้ำเกลือจนหมดก่อนดีกว่า” เอ็มประคองร่างหญิงสาวให้กลับเข้าที่ตามเดิม

    “ไปส่งบ้านเหรอคะ” รสาทวนคำดีใจ พี่เอ็มเจจะไปส่งเธอที่บ้าน โอ๊ย! ตื่นเต้นจัง “แต่จะรบกวนพี่เกินไปหรือเปล่า”

    “ไม่หรอกจ้ะ อย่าลืมสิที่รสาต้องมานอนที่นี่ พี่ก็มีส่วนเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ไม่ต้องคิดว่าเป็นการเกรงใจหรอกนะ” 

    “ถ้าอย่างนั้นก็ ขอบคุณค่ะ” สาวตากลมยิ้มแก้มปริ แทบจะเก็บอาการดีใจไว้ไม่มิด 

    ระหว่างที่รอให้น้ำเกลือหมดขวด รสาลอบสังเกตหน้าเอ็มเจที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างเตียง  พออยู่ในระยะใกล้ ๆ แบบนี้ พี่เอ็มเจดูหล่อมากๆ ทั้ง ตา คิ้ว จมูก ช่างดูกลมกลึงและรับกับใบหน้าเรียวที่มีความอินเตอร์แบบหนุ่มเกาหลีผสมอยู่ ไม่ว่าจะมองมุมไหน พี่เอ็มเจก็ยังหล่อบาดใจได้ทุกมุมสิน่า 

    ช่างเหมือนความฝันจริงๆ ที่ผู้หญิงธรรมดาอย่างเธอ สามารถทำให้เขารู้ได้แล้วว่ามีตัวตนอยู่บนโลกนี้ด้วยอีกคน

    เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นจากกระเป๋าสะพายรสา เอ็มเจลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋ามาให้  ปลายสายคือแม่ของเธอที่โทรมาเพราะความเป็นห่วง รสาบอกแม่ว่าเธอกำลังจะกลับแล้ว และรับฟังคำพูด อีกสักพักก่อนจะกดปุ่มปิด

    “แม่ค่ะ เป็นห่วงที่ยังไม่เห็นกลับบ้าน” เธอบอกและเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าอย่างเดิม

    “งั้นก็กลับเลยแล้วกัน น้ำเกลือก็หมดขวดแล้วนี่” เอ็มชี้ไปที่ขวดน้ำเกลือ “เดี๋ยวพี่ จะไปตามนางพยาบาลมาถอดสายให้”

    “ค่ะ”  รสารับคำเสียงใส

     

    ในเวลาเดียวกันอีกด้านหนึ่งของกรุงเทพฯ ม่อนเข้ามาใน  ผับ red 88 สถานบันเทิงประจำที่เขามักจะมาเที่ยวบ่อยครั้ง แม้เวลานี้รอบกายจะมีจังหวะดนตรีเร่าร้อนและกลุ่มนักเที่ยวลีลาเด็ดเต้นกระจัดกระจายอยู่ตามทุกพื้นที่ของผับ แต่ก็ไม่ทำให้ม่อนนึกสนุกอยากวาดลวดลายไปตามเสียงดนตรีนั้นเลย  สิ่งที่เขาต้องการ คือ หาคนๆ หนึ่งให้พบ และเมื่อสายตาแลเห็นผู้หญิงร่างสูงโปร่ง ปล่อยผมยาวสยายปกคลุมเสื้อสายเดี่ยวรัดรูปและกระโปรงตัวสั้น กำลังปลดปล่อยลีลาสุดมันอยู่ท่ามกลางหนุ่มหน้ามนสองสามคน ม่อนก็ตรงเข้าไปกระชากแขนและลากเธอออกไปคุยกันนอกผับทันที 

    แจงค่อนข้างอารมณ์เสียเมื่อถูกใครไม่รู้มาดึงให้ออกไป แต่เมื่อเห็นว่าเป็นอดีตคนรักอารมณ์หงุดหงิดก็คลายลง เธอสะบัดผมให้กระจายไปด้านหลัง กอดอกและมองเขาอย่างท้าทาย

    “ไงคะ คิดถึงแจงแล้วล่ะสิ ถึงได้มาหาเนี่ย” 

    “วันนี้ไปหาเรื่องอะไรรสามา” ม่อนเมินคำพูดทักทายของแจง และต่อว่าเธอทันที 

    “ฟ้องเร็วจังเลยนะ ไหนว่าไม่ได้ยุ่งอะไรกับม่อนไง แล้วทำไมถึงรู้เรื่องนี้ได้” แจง เจ็บใจที่ รสาไม่ทำตามที่พูด “คิดไว้แล้วเชียวว่ายายนี่จะต้องร้ายไม่ใช่เล่น”

    “หยุดนะแจง ไม่ต้องไปว่าคนอื่น ที่ฉันอยากรู้คือเธอไปหาเรื่องเขาทำไม”

    “ก็มันอยากมายุ่งกับม่อนนี่  และม่อนเองก็เหมือนกันทำไมต้องไปยุ่งกับอีนั่นด้วย คิดบ้างหรือเปล่าว่าเราเป็นแฟนกันอยู่”

    “แต่เราเลิกกันแล้ว เธอไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวฉันอีก”  ม่อนแก้ให้ชัดเจนในแววตาเย็นชาจนแจงเจ็บลึก

    “นั่นม่อนพูดเองเออเองฝ่ายเดียว แจงยังไม่ได้เลิกด้วยซะหน่อย”

    “ยอมรับความจริงเถอะน่าแจงว่าเราไปกันไม่ได้ จะเสียเวลาทนกันไปทำไม”

    “ก็แจงยังรักม่อนอยู่ แจงยังไม่อยากเลิก ทำไม! แจงทำผิดอะไรหนักหนา เราถึงต้องเลิกกันด้วย " เธอเขย่าแขนเขาแววตาตัดพ้อ “ถ้าแจงไม่ดียังไง ม่อนบอกมาก็ได้นี่  แจงจะได้ปรับปรุงตัว  ไม่เห็นจำเป็นต้องเลิกกันเลย”

    “เธอก็รู้นี่ว่าฉันไม่ชอบนิสัยอะไรของเธอ แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่อยู่ข้างในนี้ต่างหากล่ะที่มันเปลี่ยนไปแล้ว” ม่อนชี้นิ้วไปตรงหัวใจของตัวเอง “มันไม่มีเธออยู่ข้างในอีกแล้ว"

    แจงอึ้ง น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาอย่างเจ็บปวด อ่านแววตาของม่อนออกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขามันคงไม่เหลืออะไรแล้วจริง ๆ เพราะเขาเป็นคนพูดตรง ใจคิดอะไรก็ทำในสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาอย่างนั้น

    “นี่นายชอบยายนั่นจริงๆ งั้นเหรอ” ทั้งที่รู้คำตอบ แต่แจงก็อยากถาม และม่อนก็ไม่เสียเวลาแม้แต่จะคิด

    “ใช่ ฉันชอบรสา”  

    “แล้วถ้าเกิดแจงท้องขึ้นมาล่ะ”

    “พูดอะไร!” ม่อนหัวเราะ เส้นเลือดตรงขมับตึงเครียดขึ้นมา “อย่ามาอำหน่อยเลย ฉันป้องกันตัวเองทุกครั้ง อีกอย่างถ้าเธอท้องขึ้นมา แน่ใจแล้วเหรอว่าเป็นลูกฉัน...”

    “ไอ้ชั่ว แกจะหาว่าฉันแรด ร่าน นอนกับผู้ชายไปทั่วงั้นเหรอ”

    “ฉันไม่ได้โง่นะแจง รู้หรือเปล่าว่าเรื่องของเธอ มันกลายเป็นเรื่องบลัฟกันในวงเหล้าของพวกผู้ชายกันจนสนุกปากว่าใครได้นอนกับเธอบ้าง กี่ครั้ง แล้วก็กี่ที เธออยากให้ฉันพูดอะไรมากกกว่านี้อีกมั้ยล่ะ”

    ม่อนตอกกลับไปอย่างเย็นชา  แจงกรีดร้อง รับไม่ได้ที่ถูกพูดความจริง ตรงเข้าไปทุบตีชายหนุ่มตามนิสัย ม่อนยืนนิ่ง ตั้งสติอย่างใจเย็น พยายามระงับอารมณ์โกรธไว้ให้ได้เหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ไหวแล้วจริงๆ

    “หยุด!! เลิก ทำตัวเหมือนคนบ้าได้แล้ว” ม่อนเขย่าตัวหญิงสาว ระเบิดอารมณ์ออกมาบ้าง “ไม่รู้จักอายคนอื่นบ้างหรือไง เห็นไม่ว่าเขามองกันใหญ่แล้ว”

    แจงหยุดร้อง หันไปมองบรรดาไทยมุงที่หยุดยืนดูเหตุการณ์อยู่โดยรอบ เธอกราดมองพวกนั้นตาขวาง

    “มองอะไร! ไม่เคยเห็นผัวเมียเขาทะเลาะกันหรือไง ไป! เลิกมองได้แล้ว ไป๊! ” 

    เธอตะโกนไล่ด้วยท่าทางหยาบคาย บรรดาไทยมุงแตกกระเจิง พฤติกรรมเมื่อครู่ ทำให้ม่อนตะลึงมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของแจงมากขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าแต่ก่อนเขาจะเคยตามจีบผู้หญิงอย่างนี้ได้

    ม่อนทนดูไม่ได้ เขาเดินหนีไปที่จอดรถมอเตอร์ไซค์อยู่ แจงเดินตามยังไม่ยอมเลิกราง่ายๆ กระโดดเข้ามาตะครุบหลัง และใช้เล็บยาวๆ ข่วนไปที่หลังเขาจนเป็นทางยาว

    “จะหนีไปไหนม่อน อย่าหวังเลยว่ากู จะปล่อยมึงไปง่ายๆ” แจงตะกรุยหลังม่อนซ้ำแล้วซ้ำอีก 

    ม่อนหมุนตัวขวับ ดวงตาลุกวาวประหนึ่งเปลวไฟที่ถูกจุดให้พวยพุ่งขึ้น หากเขาไม่เห็นเธอเป็น  ผู้หญิงล่ะก็ ป่านนี้คงต่อยเธอให้หงายคว่ำไปแล้ว   

    แต่ในเมื่อบรรทัดฐานของสังคมกำหนดไว้ว่าผู้ชายเป็นเพศที่แข็งแรงและไม่ควรทำร้ายผู้หญิงซึ่งเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า ม่อนจึงทำได้เพียงคว้าข้อมือของคนที่กำลังข่วนเขาไว้และบิดมันแน่น เหมือนกำลังบีบของเหลวๆ ให้แหลกคามือ 

    ใบหน้าแจงบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเจ็บปวด ร้องบอกให้เขาปล่อยมือเธอ ม่อนไม่ปล่อย เขายิ่งเพิ่มแรงบิดมากขึ้น จนเห็นน้ำตาแห่งความเจ็บปวดของอีกฝ่าย จึงยอมผ่อนแรงลง 

    “จำไว้ ถ้าเธอทำฉันอีกครั้ง ฉันจะทำเธอให้หนักเป็นสิบเท่าเลย” 

    ม่อนชี้หน้าจริงจัง ไม่แสดงว่าขู่เลยสักนิดก่อน สะบัดร่างหญิงสาวไป จนเซถลาเอาเกือบล้ม ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่แคร์ รีบเสียบกุญแจรถและขี่มันออกไปราวกับพายุ

    แจงจับข้อมือตัวเอง มองตามแผ่นหลังของคนที่เพิ่งขี่รถออกไป ด้วยความแค้นใจ  ดวงตาแจงแสดงความมาดร้ายอย่างไม่อาจคาดคะเนได้ 

     

    2 กรกฏาคม          

    ความฝันเป็นจริงแล้ว ! ในที่สุดฉันก็ทำให้พี่เอ็มเจรู้จักได้สำเร็จ วันนี้ตลอดทางหลังจากออกจากโรงพยาบาลมาถึงบ้าน ฉันกับพี่เอ็มเจได้คุยกันตั้งหลายเรื่อง พี่เอ็มเจชอบอ่านหนังสือแนวลึกลับฆาตกรรมเหมือนอย่างฉัน เขายังบอกเลยว่าฉันเป็นผู้หญิงที่แปลกมาก เพราะเขามักจะเห็นผู้หญิงชอบอ่านนิยายรักโรแมนติกกันมากกว่า แต่ฉันกลับชอบอ่านหนังสือฆาตกรรมซะนี่ แต่ก็ดีใจนะที่ได้รู้ว่าตัวเองมีอะไรบางอย่างที่คล้ายกับเขา

    พี่เขาใจดีกับฉันมาก ทั้งอ่อนโยนและมีความเป็นสุภาพบุรุษ ก่อนลงจากรถ พี่เอ็มเจสัญญาว่าจะให้ฉันยืมหนังสือเล่มหนึ่ง ฉันดีใจที่สุดเลยเพราะหนังสือเล่มนี้หายากมากและไม่มีตีพิมพ์ในท้องตลาดอีกแล้ว ถ้าพี่เอ็มเจให้ยืมจริง ๆ ก็จะเป็นเรื่องที่วิเศษที่สุด หวังว่าเขาจะไม่ลืมที่สัญญาหรอกนะ...

    รู้มั้ยว่าเรื่องที่ฉันได้คุยกับพี่เอ็มเจ ทำให้ฉันตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ  ไม่อยากหยุดคิดถึงเรื่องดีๆ แบบนี้แม้เพียงสักวินาที แต่อย่างที่ว่าเมื่อมีเรื่องดี ๆ แล้วก็ต้องมีเรื่องแย่ ๆ เกิดขึ้น ฉันแทบอยากจะลืมเรื่องที่ตัวเองจูบกับนายม่อนไปให้ได้ หากมียาลบความทรงจำขายล่ะก็ ฉันจะไปซื้อมากินทันที 

              ฉันไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไงเมื่อต้องเจอเขาอีกครั้ง หากไม่ต้องเจอกันอีกเลยก็คงดี เพราะแค่ทุกวันนี้เขาก็ทำให้ฉันฝันร้ายทุกคืนอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยคืนนี้ฉันคงฝันดี เพราะฉันได้เจอกับพี่เอ็มเจ ได้ทำในสิ่งที่เคยเป็นความฝันให้กลายเป็นจริงสักที…

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×