คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 9 จูบนาย..และชายในฝัน
“ขอคุยด้วยหน่อยสิ” แจงพูดเหมือนออกคำสั่งมากกว่าจะเป็นการขอร้อง รสาไม่แปลกใจและก็ไม่แม้แต่จะสงสัยว่าทำไมคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนอย่างแจง จะมาขอคุยด้วย หากนั่นไม่ใช่เรื่องของ
“ได้สิ ” หญิงสาวตกลง
แจงเดินนำรสามาในที่ค่อนข้างลับตาและเงียบสงบ ใบหน้าเครียด ดวงตาแข็งกระด้างและดูไม่เป็นมิตรเท่าใดนัก
“มีอะไรจะพูด ก็พูดมาสิ” รสาไม่รอให้ตัวเองเป็นฝ่ายตั้งรับ พอทั้งคู่ประจันหน้ากันเท่านั้น เธอก็เริ่มรุกก่อนทันที
“เลิกยุ่งกับม่อนซะ! เขาเป็นแฟนของฉัน” แจงเริ่มเรื่องเสียงห้วน แววตาที่มองรสาแสดงความหึงหวงออกมาอย่าง
“ฉันรู้” รสาตอบ
“รู้แล้วยังกล้ามายุ่งกับเขาอีก ทำแบบนี้ตั้งใจจะแย่งแฟนคนอื่นสินะ”
“ฉันว่าเธอเข้าใจผิดแล้วล่ะ ฉันกับเขาเราเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น”
“คนรู้จักงั้นเหรอ แล้วที่เธอไปไหนมาไหนกับเขาล่ะ จะให้ฉันคิดว่ายังไง”
“ฉันไปเรื่องงานคณะ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวสักหน่อย ”
“แต่เธอใส่แจ็คเก็ตของเขา มีอะไรจะเถียงอีกหรือเปล่า”
“ไม่มี !เพราะมันไม่มีอะไรทั้งนั้น ขนาดเบอร์โทรศัพท์เขาฉันยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ แล้วฉันจะไปยุ่งกับเขาทำไม” รสาชักรำคาญที่ตัวเองต้องมาโดนซักขนาดนี้ “ฉันว่าแทนที่เธอจะมาหาเรื่องฉัน น่าจะไปคุยกับคนของตัวเองดีกว่ามั้ย”
“บอกไว้ก่อนว่าถ้าหน้ายังพอมียางอยู่บ้างก็อย่าเข้าใกล้เขาอีก” แจงตะคอกอย่างเหลืออด รสากำมือแน่น ดีกรีความโกรธพุ่งขึ้นทันที
“ยางน่ะ ฉันมีแน่ แล้วเธอล่ะ มียางบ้างหรือเปล่า ถึงได้มาทำตัวระรานคนอื่นอยู่แบบนี้ เอ๊ะ!ว่าแต่ว่าเขาเป็นผู้ชายของเธอจริงแน่เหรอ หรือว่าเขาไม่ได้อยากจะเป็นผู้ชายของเธอแล้ว”
“นี่แก!”
แจงตวาด เนื้อตัวสั่น เจ็บที่ถูกจี้ใจดำแล้วพูดข่มรสากลับ
“ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะ อย่าคิดว่าการที่ม่อนเข้าหาเธอก่อน มันจะหมายความว่าเขาสนใจเธออยู่ ม่อนน่ะขี้เล่นจะตาย เขาก็ชอบบริหารเสน่ห์ไปเรื่อยนั่นล่ะ แล้วก็มักจะมีผู้หญิงโง่ๆแบบเธอ หลงมาติดบ่วงเสน่ห์ของเขาซะด้วย”
ตาแจงมองจิกราวกับหญิงสาวเป็นตัวอะไรสักอย่าง สาบานได้ว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครมองเธอได้ต่ำต้อยเท่านี้มาก่อน ทำเอารสาโกรธจนแทบกระอัก ยิ่งกับคำว่า “หว่านเสน่ห์” ของแจงด้วยแล้ว เมื่อ คิดว่าที่ม่อนเข้ามาใกล้ชิด และขอเป็นแฟนนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะต้องการหว่านเสน่ห์ใส่เธองั้นเหรอ
รสาแยกจากแจงมาด้วยความโกรธที่ต้องมาถูกคนเรียกไปด่า ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด และหญิงสาวก็ยิ่งโมโหมากขึ้นอีก ทุกครั้งที่หันไปเห็นนายม่อนมองเธอและส่งตาหวานมาให้ ทั้งตอนที่กำลังจะแข่งเชียร์ และหลังจากการแข่งขันจบ
“ไอ้ผู้ชายเจ้าชู้..คิดว่าทำอย่างนี้แล้วฉันจะหลงเสน่ห์นายงั้นเหรอ”รสาคิดในใจ แล้วสะบัดหน้า เมินใส่พวกขี้หลี
หลังการแข่งขันกองเชียร์จบลงที่คณะเราได้เป็นแชมป์อีกสมัย รสาอยู่จนถึงงานเลิก พวกปีสองที่เป็นสตาฟนัดว่าจะไปฉลองกันต่อ รวมถึงสามสาวเพื่อนซี้ของเธอด้วย ถ้าเป็นวันอื่นรสาคงไม่ปฏิเสธ แต่สำหรับวันนี้ เธอรู้สึกเหนื่อยล้า ไม่มีอารมณ์อยากไปไหนหรือทำอะไรทั้งนั้น
เมื่อเก็บของเสร็จ รสาจึงขอตัวกลับ ความไม่สดชื่นของตนทำให้เธอนึกอยากล้างหน้าล้างตา สักหน่อย อย่างน้อยอาจทำให้เธอรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาบ้าง แต่พอออกมาจากห้องน้ำ คนที่เธอไม่อยากจะเจอที่สุดก็มายืนรออยู่ก่อนแล้ว แถมเอามือสอดในกระเป๋า เอนตัวพิงเสา วางท่าเท่จนน่าหมั่นไส้อีกด้วย
ความหมั่นไส้แกมเหม็นขี้หน้า ทำให้รสาเดินเชิดหน้าผ่านม่อนไป ไม่ทัก และก็ไม่ยิ้มให้
“เดี๋ยวก่อนรสา! “ ม่อนตามมาฉวยแขนเธอเอาไว้ ”เป็นอะไรเนี่ย! โกรธฉันเรื่องอะไร”
คนถามไม่เข้าใจที่อยู่ ๆ หญิงสาวก็ทำปั้นปึงใส่ด้วย
“ไม่ได้โกรธ จะต้องโกรธนายเรื่องอะไร ปล่อยแขนด้วย” รสาบิดแขนตัวเองเพื่อให้หลุดจากการจับกุม แต่ทำอย่างไรม่อนก็ไม่ยอมปล่อย
"บอกให้ปล่อยไงเล่า หูแตกหรือไง! ปล่อย!”
“ไม่! จนกว่าเธอจะบอกว่าโกรธฉันเรื่องอะไร อย่าคิดว่าไม่รู้นะ ฉันเห็นเธอพยายามหลบหน้าตั้งแต่ในงานแล้ว บอกมาซะดีๆ ว่ามีเรื่องอะไร”
“ก็บอกว่าไม่มี ไม่มีไงเล่า ไม่เข้าใจหรือไง”
“ต้องมี ไม่อย่างนั้นเธอไม่ทำท่าเย็นชาอย่างนี้กับฉันหรอก บอกมาซะดีๆ” มือใหญ่ออกแรงมากขึ้น ทำให้หญิงสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“ขอโทษ มือหนักไปหน่อย เจ็บมากหรือเปล่า”
ม่อนปล่อยแขนตามคำขอ แต่พอเห็นแขนขาว ๆ เริ่มมีรอยแดงรูปนิ้วมือปรากฏขึ้นมา เขาก็รู้สึกผิด
“นายก็ลองถูกคนตัวใหญ่กว่าบีบแขนดูบ้างสิ จะได้รู้ว่ามันเจ็บหรือเปล่า “เธอว่าพลางลูบแขนที่โดนจับไปมา ตวัดค้อนให้วงใหญ่ ปากเล็กยังคงบ่นต่อ “คนอะไรไม่รู้มือหนักยังกับไม่ใช่คน ทำเอาเกือบกระดูกหัก เป็นพวกสัตว์ประหลาดกลับชาติมาเกิดหรือไง”
“ก็ฉันขอโทษแล้วไง ยังจะมาบ่นอยู่ได้ แล้วที่ถามล่ะ จะบอกได้หรือยัง”ม่อนไม่ใส่ใจกับคำบ่น หันมาเร่งให้เธอตอบคำถาม รสาหยุดลูบแขน ยกมือขึ้นเท้าเอว ทำเหมือนหาเรื่องคนถาม
“วันนี้แฟนนายมาด่าฉัน และสั่งให้เลิกยุ่งกับนาย ทีนี้ชัดเต็มสองหูแล้วหรือยัง!” เธอตะโกนใส่เขา ใบหน้าบึ้งตึง ตาโตแทบถลนออกมาจากเบ้า
ม่อนนิ่งงัน แต่ที่ทำให้รสาแปลกใจที่สุดคือเขากลับยิ้มออกมา และก็เป็นยิ้มขำอย่างเพิ่งฟังเรื่องตลกมาหมาดๆ
“แจงมาหาเธองั้นเหรอ?” เขากลั้วยิ้ม
“ใช่! แล้วนี่นายฉีกยิ้มทำบ้าอะไร มันไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะ ที่แฟนนายมาหาเรื่องฉัน”
รสาตะคอกกลับอย่างเหลืออด งงซะไม่มี แทนที่จะตกใจ และทำท่าเสียใจ ที่แฟนตัวเองมาราวีคนอื่น นายม่อนกลับยิ้ม ทำเหมือนเป็นเรื่องตลกขบขันอย่างนั้นล่ะ
ม่อนหุบยิ้ม เขาไม่ได้ยิ้มขำเพราะเรื่องของแจง แต่เขากำลังขำหน้าตาน่าเอ็นดูของรสาตอนโกรธมากกว่า ถึงดวงตาเธอจะถลึงจนดูดุไปสักหน่อย ไม่ดูบ้องแบ๊วเหมือนตอนปกติ แต่มันก็ทำให้ม่อนเห็นถึงความน่ารักของเธอไปอีกแบบ
“ฉันขอโทษแทนแจงด้วยแล้วกัน เขาคงไม่ได้ว่าอะไรเธอมากใช่มั้ย”
“พูดอย่างนี้หมายความว่าไง? ต้องรอให้แฟนนายทำร้ายฉันก่อนใช่มั้ย ถึงจะคิดว่ามันมากน่ะ” รสาเสียงห้วน ม่อนยิ้มใจเย็นบอกต่อหน้าตาเฉย
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแต่แจงมักจะทำอย่างนี้บ่อย จนฉันชินแล้ว”
“นายกำลังจะบอกว่าตัวเองมีเสน่ห์มากงั้นสิ ถึงได้มีสาว ๆ มาพัวพันไม่ได้ขาด” รสาเยาะ หว่านเสน่ห์ใส่ไว้กี่คนแล้วล่ะ รวมถึงฉันด้วยหรือเปล่า?”
“พูดเรื่องอะไร ฉันไปหว่านเสน่ห์อะไรเธอ”
“ก็ที่นายตามฉันอย่างนี่ไง ตั้งใจจะแกล้งให้ฉันหลงเสน่ห์นายใช่มั้ยล่ะ นายมันก็พวกเจ้าชู้ ชอบอ่อยผู้หญิงไม่เลือก ขอบอกเลยนะว่าถ้าคิดจะมาบริหารเสน่ห์กับฉันล่ะก็ไปไกลๆ เลยไป เพราะฉันเกลียดผู้ชายแบบนี้ที่สุด”
“ฉันไม่เคยทำตัวอย่างนั้นกับใคร แล้วก็ไม่ได้หว่านเสน่ห์ใส่เธอด้วย แต่ถ้าเธอจะมาหลงเสน่ห์ของฉันเองก็ช่วยไม่ได้” ม่อนยั่วกลับ เพราะเริ่มฉุนรสาขึ้นมาบ้าง
“ใครหลงเสน่ห์นาย ประเมินตัวเองสูงเกินไปหรือเปล่า ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว และก็ไม่มีวันชอบนายด้วย” รสาแทบเต้น เมื่อโดนย้อนจี้จุดแบบนี้
“อ้าว! ถ้าเธอไม่ชอบฉัน แล้วทำไมต้องโกรธด้วย ที่โกรธเป็นเพราะคิดว่าฉันมาหว่านเสน่ห์ใส่ เพื่อหลอกเธอใช่มั้ยล่ะ”
“ใคร...โกรธนาย ฉันก็แค่ไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้ แบบนายต่างหากล่ะ”
“จริงเร้อ...” ม่อนไม่เชื่อ ส่งยิ้มกวนๆยั่วต่อ “ยอมรับมาสักเถอะว่าเธอชอบฉัน”
ม่อนเดินรุกเข้าหา อารมณ์โกรธที่กรุ่นอยู่เมื่อกี้กลายเป็นความสนุกและอยากเอาชนะสาวตากลมขึ้นมาซะแล้ว
“ฉันไม่ได้ชอบนาย! แต่เกลียดต่างหาก” รสาถอยหลังร่นเพราะการรุกไล่ของเขา
“เธอชอบฉัน!” ม่อนเดินหน้าต่อมาเรื่อยๆ
ยิ่งใกล้เท่าไหร่ รสาก็ยิ่งถอยมากขึ้นเท่านั้น แม้ท่าทางที่คุกคามของเขาจะทำให้ เธอกลัวอยู่ไม่น้อย แต่เพราะความต้องการชนะมีมากกว่า ความกลัวเลยสามารถถูกข่มลงไปเปลี่ยนเป็นความฮึด หญิงสาวรวบรวมพละกำลังทั้งหมด ตะโกนเถียงออกไปแบบจะทำให้เขานิ่งสนิทไปเลย
“ฉันไม่ได้ชอบ! บอกว่าไม่ชอบ!ไม่ชอบไง ว้าย!”
รสาไม่ทันมองว่าข้างหลังไม่มีกำแพงและเป็นที่ต่างระดับ เธอจึงก้าวพลาดสะดุดล้มลงไป ม่อนส่งมือยื่นออกมาช่วยจับไว้ แต่ไม่ทัน รสาเลยเผลอคว้ามือเขา ฉุดให้ตกลงมาด้วยกัน
ร่างสองร่างล้มลงไปนอนอยู่บนพื้นซีเมนต์ ด้านล่างคือร่างของรสา โดยมีม่อนนอนกึ่งคร่อม กึ่งทับอยู่ด้านบน ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ในระยะที่เรียกว่าใกล้กันมากที่สุด ตาประสานตา ปลายจมูกต่อกันจนแลดูเป็นเส้นโค้งมนได้รูป แต่ที่พิเศษไปกว่านั้น คือ ริมฝีปากที่แนบชิดและไอความร้อนที่ถ่ายเทสู่กันและกัน จนชั่ววินาที ผ่านไป ทั้งคู่ยังคงสงบนิ่งอยู่ในท่านั้น แล้วก็เป็นรสาที่รู้สึกตัวขึ้นมาก่อน ทันทีที่เห็นใบหน้าคมเข้มอยู่แนบชิด ความช็อคผสมตกใจ ทำให้เธอผลักม่อนออกอย่างแรงแล้วตบไปที่ใบหน้าเขา
“ฉันเกลียดนายที่สุดเลย! นายม่อน!” เธอตะโกนใส่หน้าก่อนหันหลังวิ่งหนีไปด้วยความอายแทบแทรกแผ่นดิน
ม่อนนิ่งงัน เขาแทบไม่ได้ยินด้วยซ้ำตอนที่รสาบอกว่าเกลียด สิ่งที่รู้ในเวลานี้ คือความอ่อนหวานนิ่มนวลจากริมฝีปากบางที่ยังคงกรุ่นอยู่ในความรู้สึกของเขา
ชายหนุ่มลูบไล้ริมฝีปากตัวเอง มีรอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก แต่เมื่อนึกถึงความแสบแปล๊บๆ ที่แก้ม เขาก็รีบพุ่งตัววิ่งตามเธอไปอย่างกระชั้นชิด
รสาวิ่งออกมาด้วยความเร็วเท่าที่ในชีวิตจะสามารถทำได้ จนพ้นจากตัวตึกออกสู่ถนนในมหาวิทยาลัย ความช็อคทำให้เธอไม่ทันมองว่ามีรถยนต์คันหนึ่งกำลังพุ่งตรงเข้ามา แสงไฟจากหน้ารถทำให้รสารู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น เธอยกมือป้องตัวเองตามสัญชาติญาณ
เสียงเบรกรถดังสนั่นหวั่นไหว ร่างรสาล้มไปบนพื้นห่างจากหน้ารถเพียงคืบ คนขับเปิดประตูออกมาอย่างตกใจ รีบถลาเข้ามาประคองร่างหญิงสาว ปากก็พร่ำถามว่าบาดเจ็บตรงไหนบ้าง?
รสาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เพียงแต่เธอกำลังช็อกตกใจเป็นหนที่สอง เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วเหลือเกิน เร็วจนคิดว่าหากคนขับเหยียบเบรกไม่ทัน ป่านนี้เธออาจจะตายไปแล้วก็ได้
“น้องๆ เป็นอะไรมากหรือเปล่า” เสียงถามด้วยความเป็นห่วงจากชายคนขับรถ
รสาค่อยๆลืมตาขึ้น ภาพที่เห็นค่อนข้างมัวจนมองไม่ชัด รู้แต่เพียงว่าคนตรงหน้าเป็นผู้ชาย และมีใบหน้าที่ช่างคุ้นตามาก เธอกะพริบตาเพื่อปรับสภาพการมองให้ชัดขึ้น คราวนี้เธอเห็นเขาได้อย่างชัดเจน เขาก็คือ
“พี่เอ็มเจ!”
รสาอุทานออกมาได้เท่านั้น สติเธอดับวูบ ไม่สามารถรับรู้เรื่องราวอะไรต่อจากนั้นได้อีกเลย
ม่อนที่วิ่งตามออกมา เขาหันมองหารสาโดยรอบ คิดในใจว่าคนตัวเล็กอย่างรสาบทจะวิ่งเร็ว คนตัวใหญ่อย่างเขาก็ตามไม่ทันเหมือนกัน ทั้งที่คิดว่าตามมาติดๆแล้วแท้ๆ แต่กลับมองไม่เห็นเธอเลยแม้เพียงแผ่นหลัง
ชายหนุ่มลงไปยืนบนกลางถนน หวังจะได้เห็นร่างเล็กๆจากที่ไหนบ้าง แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้าในระยะไกลมีเพียงหลังรถยนต์คันหนึ่งที่เพิ่งแล่นผ่านไปเท่านั้
ความคิดเห็น