ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักอันตรายคุณชายเย็นชา

    ลำดับตอนที่ #4 : แรกพบ

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 52



    บทที่  3   แรกพบ

     

    มหาวิทยาลัยไนพารา

     

    ก็ไม่เลวแหะ”

     

     ตอนแรกก็นึกว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีแต่พวกไฮโซเดินไปเดินมาอวดความรวยกันซะอีก   แต่ผิดคาดที่นี้ก็เหมือนมหาวิทยาลัยทั่วไปไม่มีการเบ่งอำนาจจนน่ารำคาญ       ถ้าคนพวกนี้ไปเดินข้างนอกคงดูไม่ออกเลยนะว่าเป็นนักศึกษาของไนพาราที่โด่งดังทางด้านไอทีว่ากันว่าถ้าไนพาราสั่งนักศึกษาทุกคนสร้างไวรัสทำลายล้างโลกทั้งโลกก็จะตกเป็นของไนพาราได้ไม่ยาก     แต่นั้นมันก็แค่คำรำลือวันนี้แหละฉันจะได้รู้ซะทีว่ามันเป็นอย่างนั้นรึเปล่า

     

    “เอ๊ะ...นั้นมันไม่ใช่รถของไนพารานี่น่า”หญิงสาวคนหนึ่งนินทากับเพื่อนเมื่อเห็นรถลีมูซีนสีดำแล่นเข้ามาในเขตของมหาวิทยาลัย

     

    “เฮ้ยแก....นั่นมันตราตระกูลมัติซึโมโต้นี่น่า” 

     

    “แกแน่ใจนะ”

     

    “ร้อยเปอร์เซ็นต์”

     

                คำว่าตระกูลมัติซึโมโต้ทำให้ฉันต้องหันหน้าไปมองรถที่กำลังแล่นมาทางฉัน    มัติซึโมโต้ยังไงก็เป็นมัติซึโมโต้ไม่เคยกลัวอะไรเหมือนเคยคงมาส่งพี่หละซินะ   พี่อยู่ที่นั้นคงไม่ต่างอะไรกับเจ้าหญิงแถมพี่ยังเป็นคนน่ารัก  อ่อนโยนคนที่นั้นคงรักพี่มากกว่าฉันแล้วมั้งป่านนี้    รถผ่านหน้าฉันโดยที่ไม่ได้สนใจคนที่ยืนอยู่ข้างทางที่เคยเป็นเจ้านายของมันมาก่อน   ทุกอย่างนับจากนี้กำลังจะเปลี่ยนไปฉันต้องอดทนและรับทุกสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้

     

    ห้องเรียนคณะเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์

     

                ฉันเงยหน้ามองป้ายหน้าห้องอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ   นี่คือห้องและคณะที่พ่อเลือกให้ฉันโดยใช้อำนาจและอิทธิพลของการเป็นกรรมการประธานบริษัทไนพาราซึ่งปกติคนธรรมดาทั่วไปคงไม่ได้เข้ามาเรียนในไนพารากลางเทอมแบบนี้      

     

                ฉันเดินเข้าห้องไปท่ามกลางสายตาแปลกใจที่หลายคนส่งมาให้ฉัน    พวกนั้นคงสงสัยหละซิว่าฉันเป็นใคร   

     

    “อายะ” ฉันหันไปตามเสียงเรียกคงไม่ใช่ใครนอกจากพี่นาระ   ก็ใครที่นี้จะรู้จักฉันหละนอกจากพี่นาระฉันเดินไปหาพี่นาระโยทีไม่ได้สนใจสายตาของคนในห้องที่ยิ่งทวีความสงสัยมากขึ้นเมื่อพี่นาระเรียกชื่อฉัน 

     

    “พี่ก็อยู่ห้องนี้ด้วยหรอ”

     

    “อืม”

     

    “พี่หละน่าจะถามอายะมากกว่าทำไมถึงได้มาเรียนห้องเดียวกับพี่”

     

    “ฉันเรียนข้ามชั้นสองปีน่ะ”

     

    “อ่อ...นี่อายะเธอนั่งข้างพี่นะ”

     

    “อืม...” ฉันวางกระเป๋าและนั่งลงตรงที่พี่บอก

     

    “พี่เป็นไงบ้าง”

     

    “ดีมากเลยจ๊ะ    คนที่นั้นตอนรับพี่เป็นอย่างดีและแม่ก็ดีใจมากด้วยที่พี่ไปอยู่กับท่านแล้วอายะหละเป็นไงบ้าง”

     

    “ก็ดีพี่”

     

    ป่านนี้พวกเขาคงลืมฉันไปแล้วหละ     มันก็ดีแล้วไม่ใช่รึไงที่พวกเขาลืมฉันได้ฉันควรจะดีใจสิไม่ใช่รู้สึกใจหายแบบนี้

     

    “อรุณสวัสดิ์ไอชิ” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งทักทายผู้ชายคนหนึ่งร่างสูง    ผมสีดำยาวปะบ่าที่กำลังเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเพื่อน ๆ ของเขาไม่รู้เพราะอะไรทำไมฉันถึงสะดุดตาคนกลุ่มนี้นัก...

     

    “.............”คนที่ชื่อไอชิไม่ได้ตอบทักทายคนที่ถามตามมารยาทแต่กลับเดินผ่านหน้าโดยไม่ได้สนใจรวมทั้งเพื่อนของเขาด้วย     น่าหมั่นไส้ชะมัดถือว่าตัวเองหน้าตาดีรึไงถึงทำเป็นหยิ่งไม่ทักตอบเขา

     

    “คิระ    นายทำงานที่ฉันสั่งเสร็จแล้วใช่ไหม”

     

    “อืม”

     

    “แต่เรายังหาคนที่รับหน้าที่สร้าง firewall   ไม่ได้”

     

    “หาต่อไป”

     

    “อืม”

     

    “อรุณสวัสดิ์ไอชิ”พี่นาระทักทายไอ้หน้าเก๊กนั้นอย่างร่างเริง   เดี๋ยวก็โดนเมินหรอกพี่.....แต่......

     

    “อรุณสวัสดิ์นาระ”อ้าว...เลือกปฏิบัตินี่ว๊า.....

     

    “เป็นไงบ้างท่าทางงานคุณยุ่งนะไอชิ”

     

    “ก็นิดหน่อย” พอไอ้หมอนั่นพูดกับพี่ฉันเสร็จก็หันมามองหน้าฉัน  

     

    “นี่น้องสาวฉันชื่อ  อายะ”

     

    พี่นาระแนะนำฉันให้ไอชิ   ทำไมจะต้องแนะนำด้วยก็ไม่รู้ฉันไม่เห็นจะอยากรู้จักไอ้ขี้เก๊กนี่เลยซักนิด 

     

    “อายะนี่ ไอชิ   เพื่อนพี่”  ฉันพยักหน้าเพื่อแสดงให้รู้ว่าฉันรู้แล้วว่าไอ้หน้าเก๊กนี่เป็นใคร

     

    “ฉันไม่เคยรู้เลยว่าเธอมีน้อง”

     

    “น้องฉันไปอยู่กับแม่น่ะ   คงไม่แปลกที่คุณไม่รู้จัก”

     

    “แล้วมาทำอะไรที่นี้”  ไอ้นี่ถามแปลกมานี่ก็มาเรียนนะสิจะมาเป่ากบรึไง    หน้าตาก็ฉลาดไม่น่าจะโง่เลย.

     

    “น้องฉันพึ่งย้ายมาเรียนที่นี่วันแรกน่ะ”

     

    “อ่อ..คนนี้เองซินะที่คุณอาไอดะฝากเข้ามาเรียนที่นี้”  ชายร่างสูงคนหนึ่งในกลุ่มเอยขึ้น

     

    “หวังว่าเธอจะอยู่ที่นี่รอด”

     

    ไอชิพูดพลางส่งสายตาแปลก ๆ มาที่ฉัน   ฉันไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะนั้นมันหมายความว่ายังไง.....

     

     

     นี่มันอวยพรฉันใช่ไหม.....มาวันแรกก็โดนเขม่นซะแล้วฉัน     พอไอชิให้พรฉันแล้วมันก็เดินไปนั่งที่โต๊ะของเขาพร้อมกับเพื่อน ๆ   เปิดโอกาสให้ฉันได้ถามว่ามันเป็นใครมาจากไหนทำไมถึงได้วางมาดยังกับเป็นเจ้าของไนพารายังงั้นและคำตอบที่ฉันได้รับจากพี่ก็ทำเอาฉันปวดหัว    นี่ฉันไปโดนลูกชายประธานบริษัทไนพาราเหม็นหน้าแล้วหรอเนี้ยะ    ไอ้นั่นคงไม่ชอบที่ฉันใช้ระบบเส้นสายเข้ามาหละมั้ง   ฉันก็กะไว้แล้วว่าจะต้องเจอแบบนี้ตอนแรกกะว่าจะไม่สนใจแล้วเชียวแต่ไอ้คนที่เขม่นฉันดันเป็นถึงลูกประธานบริษัท     หึ....หึ....บางทีการอยู่ที่ไนพาราอาจจะไม่น่าเบื่ออย่างที่คิดก็ได้

     

    “อายะ.....ชื่อคุ้น ๆ นะนายว่าไหม”

     

    “ยามาดะนายคิดมากไปแล้วมั้ง”

     

    “คิระแกก็ลองคิดดูดี ๆ สิฉันว่ายัยนี่แปลก ๆ”

     

    “มัติซึโมโต้  อายะ   ลูกสาวบุญธรรมของประธานบริษัทมัติซึโมโต้  และเป็นคนสนิทของมัติซึโมโต้  จุนทายาทแห่งตระกูลมัติซึโมโต้” 

     

    “นายรู้ทำไมนายพูดตั้งแต่แรกไอชิ”

     

    “คุณอาขอร้องไม่ฉันบอกใครและพวกนายห้ามไปบอกใคร”

     

    “แล้วนายบอกพวกฉันทำไม”

     

    คุณอาบอกว่าไม่ให้บอกใครแล้วมันมาบอกพวกเขาทำไมฟะ   ยังงี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ 

     

    “ยัยนั่นเป็นมัติซึโมโต้   ฉันอยากให้พวกนายช่วยจับตาดูยัยนั่นช่วยฉัน”

     

    นั่นไง.....ว่าแล้วเชียว

     

    “นายกลัวรึไง”

     

    “กันดีกว่าแก้ไม่ใช่รึไง     ยัยนั่นเป็นคนสนิทของไอ้จุนมีข่าวลือว่ายัยนั่นเป็นคนที่สร้างไวรัสทำลายเมื่อสามปีก่อนโดยคำสั่งของมัติซึโมโต้    จุน”

     

    “อืม...แต่ดูท่าทางไม่น่าจะมีพิษสงอะไรนะ”

     

    “อย่าประมาทยามาดะ”

     

    “ถ้าเป็นอย่างที่นายบอกอายะก็เป็นลูกครึ่งมัติซึโมโต้กับไนพาราหละซิ”

     

    “ยัยนั่นเป็นมัติซึโมโต้   ก็เหมือนกับนาระที่เป็นไนพาราถึงแม้ว่าทั้งสองดูเหมือนเป็นลูกครึ่งของทั้งสองตระกูลแต่ในใจของทั้งสองก็เป็นคนหละฝั่งกัน”

     

    “นายแน่ใจจังเลยนะไอชิว่านาระเป็นไนพารา    อย่าลืมซิตอนนี้เธอไปอยู่ที่มัติซึโมโต้นะ” 

     

    “ฉันเชื่อในตัวนาระ”

     

    “ก็มันรักของมันยามาดะแกก็สงสัยอะไรมากเลยน๊า”

     

    “ไอ้คิระ”

     

    “ครับ ๆ ฉันจะไม่ล้อแกอีกแล้ว”

     

    ชั่วโมงเรียนวิชาคอมและการสื่อสาร

     

    “เอาหละวันนี้ครูจะให้ทุกคนสร้างโปรแกรมต้านไวรัสที่ครูจะส่งไปให้    แข่งกันซิว่านักศึกษาคนไหนจะสร้างทำลายไวรัสครูได้เร็วที่สุดและใครที่ไวรัสครูทำลายข้อมูลได้มากที่สุด   เอาหละเตรียมตัวได้5   …4…..3…..2…..1……let’s   go”

               

    เมื่อสัญญาณการปล่อยไวรัสสิ้นสุดลงนักศึกษาแต่ละคนก็ตั้งหน้าตั้งตาทำลายไวรัสนั้นอย่างขมักเขม่นรวมถึงฉันด้วย   ฉันไม่มีวันยอมให้ไวรัสกระจอกนั้นมาทำลายข้อมูลฉันได้หรอก     แต่มันก็ใช่ว่าจะง่ายเหมือนที่คิดไว้ในตอนแรกนี่ซินะไนพาราสมแล้วที่เป็นผู้นำด้านไอทีแต่ไนพาราจะรู้ว่ามัติซึโมโต้ก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน

     

    “เอ๊ะ..” ศาสตราจารย์หน้าห้องอุทานขึ้นอย่างแปลกใจก่อนที่จะรั่วนิ้วลงบนคอมพิวเตอร์แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ในคอมโดนทำลายเกลี้ยงแบบที่ไม่เหลือไว้ใน  back   up   ให้เรียกกลับได้อีกเลยรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้ามัจจุราชที่ทำลายข้อมูลศาสตราจารย์ได้สำเร็จ     ให้มันรู้ซะบ้างว่ามัติซึโมโต้ไม่ได้ด้อยไปกว่าไนพารา

     

    “มีอะไรรึเปล่าครับศาสตราจารย์”นายคนที่ชื่อคิระถามขึ้นด้วยความสงสัยเมื่อเขาสังเกตเห็นอาการของศาสตราจารย์ที่หน้าซีดไปตั้งแต่เมื่อกี้......

     

    “มีนักศึกษาสักคนในนี้ทำลายข้อมูลอาจารย์ทั้งหมด”

     

    “ว่าไงนะครับ”

     

    “เป็นไปได้ไงนะ” นักศึกษาต่างแปลกใจที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นที่ไนพารามหาวิทยาลัยที่มีระบบการป้องกันดีเยี่ยมแต่สาสตราจารย์กลับโดนตะลบหลังโดนทำลายข้อมูล

     

    “ใช่   เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นที่ไนพาราแต่มันก็เกิดขึ้นแล้วอาจารย์จะกลับไปตรวจสอบระบบภายในใหม่อีกครั้ง”

     

    “ศาสตราจารย์ค่ะแล้วผลของการทำลายไวรัสหละค่ะ”นักศึกษาคนหนึ่งถามขึ้นขณะที่ศาสตราจารย์กำลังเดินออกจากห้อง

     

    “ผลจะปรากฏที่หน้าจอของทุกคนเมื่อระบบกลับเข้าสู่ภาวะปกติ”  พอศาสตราจารย์พูดจบก็เดินออกจากห้องไปทิ้งความสงสัยไว้ให้นักศึกษาทั้งห้องว่าใครกันที่กล้าทำลายข้อมูลของไนพารา

     

    “แกว่าใครไอชิ”

     

    “จะมีใครหละคิระ”

     

    “อายะงั้นสิ”

     

    “คงไม่มีใครอีกแล้วหละ    พวกมัติซึโมโต้ก็ดีแต่ทำลายไม่เคยที่สร้างสรรค์อะไรอยู่แล้ว”

     

                เสียงเยาะหยันนั้นไม่ได้ออมเสียงเลยทำให้เกือบทั้งห้องได้ยินรวมทั้งอายะด้วย    นั่นเป็นการดูถูกที่รุนแรงที่สุดที่เธอเคยได้ยินมาไนพารายังไงก็เป็นไนพาราที่ไม่คิดว่าคนอื่นจะดีนอกจากพรรคพวกของตนเองไม่เคยที่จะหันไปมองด้านที่ดีของคนอื่นเลยซักนิด

     

    “มัติซึโมโตไม่ได้เป็นอย่างที่นายกล่าวหา”

     

    ฉันไม่มีวันยอมให้ใครมาดูถูกมัติซึโมโต้ที่เป็นเหมือนชีวิตฉันได้หรอกถึงแม้ว่าฉันจะอยู่ท่ามกลางคนของไนพาราก็ตาม

     

    “เธอจะปกป้องมัติซึโมโต้ไปทำไมอายะในเมื่อเธอออกจากที่นั้นมาแล้ว”

    ไอชิยังเยาะเย้ยอายะอย่างไม่ลดละ

     

    ฉันเป็นคนของมัติซึโมโต้”

     

    “ทั้งที่เธอใช้นามสกุลมุชิเอระนะหรอ”

     

    “ไม่ว่าใครจะหยัดเหยียดให้ฉันเป็นอะไรก็ตามแต่ในใจฉันก็ยังเป็นมัติซึโมโต้”

     

                เสียงฮือฮาจากนักศึกษาเริ่มที่จะดังขึ้นเรื่อย ๆ

     

    “แล้วเธอจะลำบากเมื่อคิดว่าตัวเองเป็นมัติซึโมโต้เมื่ออยู่ที่นี้อายะ”

     

    “ฉันว่าไนพาราจะลำบากมากกว่าที่มีคนของมัติซึโมโต้มาอยู่ที่นี้”

     

    ฉันไม่วันยอมแพ้นายหรอกไอชิให้มันรู้ไปสิว่าฉันกับนายใครจะแน่กว่ากัน......

     

    “นี่พวกเราผลคะแนนมาแล้ว”นักศึกษาคนหนึ่งเอ้ยขึ้น   และมันทำให้บทสนทนาของเราจบลงแค่นั้นนักศึกษาที่เคยมุ่งดูสถานการณ์ก็แยกย้ายกันไปที่โต๊ะของตัวเองเพื่อดูคะแนนการแข่งขันรวมทั้งฉันด้วย   ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าฉันกับไนพาราใครมันจะแน่กว่ากัน

     

    ผลคะแนน

    โทโมดะ   ไอชิ   30   วินาที

    มุชิเอระ     อายะ    31 วินาที

     

     

    นี่ฉันแพ้ไอ้นั่นหรอเนี้ยะให้ตายเถอะไม่น่าประมาทเลย     คราวหน้าฉันจะทำให้พวกนั้นเห็นศักยภาพของมัติซึโมโต้จริงๆ ให้ดูครั้งนี้ถือว่าปล่อยให้ชะล่าใจไปก่อนก็แล้วกัน

     

    “เฮ้ย....เป็นไปได้ไงเนี้ยะ”  คิระอุทานขึ้นด้วยความประหลาดใจนี่เขาแพ้เด็กนั่นไงกัน

     

    “นายแพ้ไม่แปลกหรอกคิระอย่าลืมซิว่าอายะเป็นมือหนึ่งของมัติซึโมโต้    ดีนะที่ไอชิไม่แพ้ยัยนั่นด้วยไม่งั้นคงได้อายกันไปทั่ว”

     

    “ไม่หรอกยามาดะบางทีอายะอาจจะชนะฉันไปแล้วถ้าไม่มั่วแต่สร้างไวรัสทำลายนั่น”

     

    “น่าสนใจนายว่าไหมไอชิ”

     

    “อืม...คิระบางทีเราอาจจะได้คนที่รับหน้าที่เราขาดก็ได้”

     

    “คุณสมบัติผ่าน”

     

    “แต่...ติดอยู่ที่ใจที่เป็นมัติซึโมโต้ไม่ใช่ไนพารา”

     

    “สุดยอดเลยอายะ”

     

    “แค่ฟลุ๊คน๊าพี่”

     

    “ไม่หรอก...มาเป็นอันดับสองแบบนี้เขาไม่เรียกฟลุ๊คหรอกนะอายะ”

     

    “พี่ก็ใช่ว่าจะไม่เก่งได้ตั้งอันดับห้า”

     

    “ก็ไม่เก่งเท่าอายะหรอกน๊า”

     

    “นี่...จะชมกันอีกนานไหม”

     

    ไอ้หมอนี่มันจะอะไรนักหนาเนี้ยะ   พี่น้องเขาชมกันเองแล้วมันไปหนักส่วนไหนของมันวะ

     

    “มีอะไรรึเปล่าไอชิ”

     

    “ไปกินข้าวกัน”

     

    นั่น..ตอนพูดกับพี่ทำไมมันคนละเสียงกับตอนที่พูดกับฉันเลยนะ   

     

    “อายะไปทานข้าวกันนะ”

     

    “อืม”

     

    “นี่เธอ....ฉันชื่อคิระนะ”

     

    ผู้ชายที่เป็นเพื่อนกับไอชิทักฉันอย่างอารมณ์ท่าทางนายนี่จะนิสัยไม่แย่เหมือนเพื่อนของเขา

     

    “อืม..หวัดดีฉันอายะ”

     

    ฉันทักทายไปตามมารยาทเดี๋ยวเขาจะหาว่ามัติซึโมโต้สั่งสอนมาไม่ดี

     

    “เป็นไงมาไงเธอถึงมาอยู่ที่ไนพาราได้”

     

    นั่น...คิดจะลวงความลับจากฉันรึไงนะ     เรื่องอะไรฉันจะบอกหละฝันไปเถอะ.....

     

    “เรื่องมันยาวน่ะ”

     

    “ไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร    แต่ฉันอยากเตือนเธอหน่อยนะว่าที่นี่น่ะไม่ค่อยชอบตระกูลมัติซึโมโต้นักหรอก”

     

    “เรื่องนั้นฉันรู้”

     

    “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทำไมเธอถึงออกมาจากมัติซึโมโต้แต่ไนพารายินดีต้อนรับเธอนะ”

     

    “ฉันว่าไม่”

     

    ฉันพูดพลางมองไปที่ไอชิที่เดินข้างพี่    สงสัยนายนี่กับพี่ฉันต้องคบกันอยู่แน่ ๆ

     

    “อย่าต้องไปสนใจไอ้ไอชิเลย   มันก็เป็นของมันยังงี้แหละไม่เคยจะญาติดีกับใครนอกจากพวกฉันและก็พี่ของเธอ”

     

    “เขาคบกันอยู่หรอ”

     

    “ก็ไม่รู้สิ....ไอ้นั่นมันไม่ค่อยจะยอมรับอะไรทั้งที่ท่าทางการแสดงออกมันเห็นอยู่ชัด ๆ”

     

    “ปากแข็งอย่างนี้เดี๋ยวก็โดนคนอื่นคาบไปหรอก”

     

    “ฉันก็เตือนมันแล้วแต่สงสัยมันมั่นใจในเสน่ห์ของมันหละมั้งถึงไม่ยอมบอกพี่เธอซักที”

     

    “ตรงไหนนะที่หมอนั่นมีเสน่ห์”

     

    “หือ.....เธอไม่มองเห็นเสน่ห์ของไอชิเลยหรอ”

     

    “ไม่เลยซักนิด”

     

    “แปลกนะ”

     

    “อะไร”

     

    “ก็สาว ๆ ที่นี่น่ะต่างก็ชอบไอชิทั้งนั้นรวมทั้งพี่เธอด้วย

     

    “ฉันอาจจะเกลียดความเป็นไนพาราในตัวเขา”

     

    “เธออาจจะรักไนพาราก็ได้ถ้าเธออยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆ    ไนพาราไม่ได้เลวร้ายอย่างที่พวกมัติซึโมโต้คิดหรอกหรือบางทีเธออาจจะรักไนพารามากกว่ามัติซึโมโต้ก็ได้”

     

    “ฉันอาจจะยอมรับไนพารามากขึ้นแต่จะให้ฉันรักไนพารามากกว่ามัติซึโมโต้คงจะเป็นไปไม่ได้”

     

    “อายะเธอไม่เหมือนกับที่ฉันไว้เลยนะ”

     

    “หือ..”

     

    “ก็ตอนแรกฉันนึกว่าเธอจะ......”

     

    คิระไม่ยอมพูดต่อ  แต่กลับเอาแต่จ้องหน้าฉันอยู่อย่างนั้น

     

    “จะอะไรอย่าปล่อยให้ค้างแบบนี้สิ”

     

    “ก็เธอดีกว่าที่ฉันคิดไว้ในตอนแรกน่ะ”

     

    “ฉันอาจจะไม่ดีอย่างที่นายคิดก็ได้”

     

     “ฉันว่าฉันมองไม่ผิดนะ   เออ...อีกเรื่องเรื่องที่เธอสร้างไวรัสในห้องเมื่อกี้น่ะเลิกทำแบบนั้นซะเถอะมันไม่เป็นผลดีกับใครหรอก   และคนที่เดือดร้อนมากที่สุดก็จะเป็นตัวเธอเอง”

     

    หมอนี่...เป็นห่วงฉันใช่ไหม   ฉันไม่ได้รู้สึกไปเองใช่ไหม

     

    “ฉันขอโทษ”

     

    “หือ...”

     

    “ทำไมหรอ”

     

    ทำไมต้องทำหน้าตกใจเหมือนเจอสัตว์ประหลาดขนาดนั้นด้วยนะ

     

    “ก็ฉันไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของเธอน่ะสิ”

     

    “ฉันผิดฉันก็ต้องขอโทษไม่เห็นจะแปลกตรงไหน”

     

    “...........”

     

    ไม่มีเสียงใดออกจากปากคิระมีเพียงรอยยิ้มสดใสที่ส่งมาให้ฉัน    บางทีคิระอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีของฉันได้

     

    เราเดินคุยกันมาเรื่อย ๆ จนมาถึงโรงอาหารของมหาวิทยาลัยหลังจากที่ทานอาหารเสร็จเราก็กลับไปเรียน        คิระยังชวนฉันคุยอย่างเคยซึ่งนั้นมันทำไมให้ไอชิไม่ค่อยที่จะพอใจมากนักแต่จะทำอะไรได้หละในเมื่อคิระไม่ได้เป็นทาสของเขาที่เขาจะสั่งให้ทำอะไรก็ได้

     

    เม้นด้วยเจ้าค่ะ
     

    เม้นค่ะเม้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×