ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักอันตรายคุณชายเย็นชา

    ลำดับตอนที่ #2 : บ้านหลังใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 52




    บทที่  1  บ้านหลังใหม่

     

                ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจออกมาจากที่นั้นได้    และฉันก็ทำให้แม่ร้องให้อีกจนได้ถึงแม้ว่าต่อหน้าฉันแม่จะมาส่งฉันพร้อมรอยยิ้มก็ตาม     ชีวิตฉันคงไม่เคยทำให้แม่ได้ภูมิใจเลยซักครั้งคอยก่อเรื่องให้แม่และคนรอบข้างต้องเดือดร้อนตลอด    ดังนั้น  ฉันจึงไม่ควรอยู่ใกล้คนที่ฉันรักเพราะพวกเขาจะเดือดร้อนเพราะฉันอย่างที่เคยเป็นมาตลอด    อย่างน้อยคนที่นี่ก็คงไม่ให้อภัยฉันตลอดเหมือนที่ฉันอยู่มัติซึโมโต้    ที่นี่ทุกสิ่งจะตัดสินโดยกฎไม่ใช่ความรู้สึกเหมือนที่มัติซึโมโต้   ป่านนี้จุนคงเกลียดฉันเข้ากระดูกดำไปแล้วที่ฉันขัดคำสั่งของเขาและออกมาแบบนี้    จุนเป็นคนเดียวที่ฉันแคร์มากที่สุดและเป็นคนเดียวในโลกที่สั่งฉันได้    แต่ฉันก็ขัดคำสั่งเขาจนได้และมันทำให้ฉันเจ็บปวดใจมากที่สุดไม่นึกเลยว่าการที่ไม่มีจุนอยู่ข้าง ๆ อย่างเคยจะเจ็บมากขนาดนี้

     

    “นี่ห้องของลูก” ชายวัยกลางกล่าวขึ้นขณะเปิดประตูให้ลูกสาวของเขา   ลูกสาวคนที่เขาไม่ได้พบมานับสิบปีไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากพบหน้าลุกและภรรยาของเขาแต่ฝ่ายนั้นเองต่างหากที่ไม่เคยอนุญาตให้เขาได้พบเลยซักครั้งทั้งที่เขาพยายามขอพบมานับครั้งไม่ถ้วนเหตุผลเดียวที่พวกเขาไม่ให้พบ  คือ    เขาเป็นคนของไนพารา   บริษัทด้านไอทีที่เป็นคู่แข่งรายสำคัญกับบริษัทมัติซึโมโต้     บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งในญี่ปุ่นที่ใคร ๆ ก็รู้ว่าพวกมัติซึโมโต้ไม่ได้เป็นเพียงบริษัทธรรมดาทั่ว ๆ ไป    มัติซึโมโต้ยังเป็นยากูซ่าที่ใคร ๆ ต่างก็กลัวกันไปทั่วทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะเป็นคู่แข่งกับมัติซึโมโต้ยกเว้นไนพารา  

     

    “ขอบคุณค่ะ” อายะกล่าวขอบคุณและเดินเข้าไปในห้องโดยที่ไม่หันมามองหน้าชายคนที่เป็นพ่อแท้ ๆ ของเธอ

     

    “เดี๋ยวอายะ”  อายะหันมาตามคำเรียก

     

    “มีอะไรค่ะ”

     

    “พรุ่งนี้ตอนเจ็ดโมงลูกต้องตื่นไปมหาวิทยาลัย”

     

    “เร็วขนาดนั้นเลยหรอค่ะ”

     

    “พ่อกลัวว่าลูกจะเรียนไม่ทัน     พ่อคิดว่ายิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี”

     

    “ค่ะ”  นี่ฉันต้องยอมรับความจริงแล้วใช่ไหม   ความจริงที่ฉันไม่อยากจะรับมันพรุ่งนี้ฉันต้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัยไนพารามหาวิทยาลัยคู่แข่งของมัติซึโมโต้    มหาวิทยาลัยที่อาจเป็นที่ปราถนาของใครหลาย ๆคนเพราะเมื่อจบจากที่นี่ก็จะได้ทำงานที่ไนพาราแต่ก็น้อยคนนักที่จะสามารถจบไปได้     ที่นั้นเป็นมหาวิทยาลัยเดียวในญี่ปุ่นที่ฉันไม่อยากจะเข้าแต่เพราะข้อตกลงระหว่างฉันกับพ่อฉันจำเป็นต้องเข้าเรียน   พวกนั้นจะคิดยังไงนะที่คนของมัติซึโมโต้เข้ามาเรียน........

     

    คุณหนูอย่าครับ”  ชายคนหนึ่งกำลังขว้างเจ้านายของเขา

     

    “อย่ามายุ่ง”นั้นเป็นคำที่ออกจากปากของเจ้านายเขาไม่มีทางขัดขวางเธอได้เลย   เขาไม่กล้าที่จะทำร้ายเธอเพราะเธอเป็นเหมือนเจ้าชีวิตของเขา   

     

    “อ๊าก!!!!!” นั้นเป็นเสียงสุดท้ายที่ได้ยินภายใต้ร่างที่นองไปด้วยเลือด     มันเป็นภาพที่ชวนสะอิดสะเอียนกับคนที่ได้พบเห็น

     

    “กรี๊ด!!!!!  อายะตื่นจากฝันร้ายที่เธอพยายามที่ลืมมันแต่มันก็ตามหลอกหลอนเธอตลอดเวลา    ทั้งที่อยู่ที่มัติซึโมโต้และอยู่ที่นี้หรือว่าเธอจะไม่สามารถลืมมันได้แต่การมาอยู่ที่นี้ก็ช่วยทำให้ภาพที่เธอเห็นชัดทั้งในความฝันและตื่นเลือนรางไปบ้างหวังว่าสักวันภาพหลอนเหล่านั้นมันจะหายไปจากชีวิต......   อายะยกมือขึ้นปาดเหงื่อเม็ดใหญ่ที่หน้าผากของเธอ   ก่อนที่จะลงจากเตียง....

     

    “มุชิเอระ    อายะนี่มันอะไรกัน”

     

     

    “ลูกต้องใช้นามสกุลของพ่อเข้าเรียนที่นั้น    การใช้นามสกุลมัติซึโมโต้จะทำให้ลูกลำบากและที่สำคัญอย่าบอกใครว่าลูกเป็นคนของมัติซึโมโต้”

     

    “ไม่....ยังไงหนูก็จะใช้นามสกุลมัติซึโมโต้ใครจะคิดยังไงหนูไม่สน”

     

    “อย่าดื้ออายะ...เชื่อพ่อเถอะว่ามัติซึโมโต้ไม่ใช่นามสกุลที่ลูกสมควรจะใช้ตอนเรียนที่ไนพารา”

     

    “ถ้าอย่างนั้นพี่นาระจะทำยังไง”   ป่านนี้พี่จะเป็นยังไงบ้างนะไม่รู้ว่าจะเข้ากับคนที่นั้นได้รึเปล่า

     

    “พี่เขาเป็นคนปรับตัวง่ายไม่ต้องเป็นห่วงพี่เขาหรอก   พ่อเชื่อว่าพี่เขาจะมีความสุข”

     

    “แล้วพี่เขาต้องย้ายมหาวิทยาลัยรึเปล่า”

     

    “พี่เขายังเป็นคนของไนพาราถึงแม้ว่าจะไปอยู่ที่มัติซึโมโต้”

     

    “พี่ยังเป็นไนพาราแต่หนูกลับต้องทิ้งทุกอย่างที่เป็นมัติซึโมโต้ยุติธรรมดีนะค่ะ”

     

    “ลูกเลือกเองนะอายะพ่อไม่เคยบังคับ” 

     

    “อะ”พ่อยื่นโน๊ตบุ๊คให้ฉัน

     

    “อะไรค่ะ”

     

    “ที่นั้นลูกต้องใช้นี่ในการเรียนและส่งงานอาจารย์”

     

    “อืม”

     

    “ตั้งรหัสผ่านซะ    และสร้าง  firewall  ไว้ด้วยเพื่อความปลอดภัยยิ่งเยอะเท่าไหร่ยิ่งดี  เออ...อีกอย่างลบ  cookie  ออกทุกครั้งเมื่อทำงานเสร็จแล้วเพื่อความปลอดภัย”

     

    “ทราบแล้วค่ะ”

     

    “ตอนนี้ลูกคงไม่สร้างไวรัสทำลายเหมือนเมื่อก่อนใช่ไหม”

     

    “เลิกนานแล้วหละค่ะ”

     

                นี่พ่อรู้เรื่องของฉันทุกเรื่องเลยหรอเนี้ยะ      ท่านไปได้ข้อมูลมาจากไหนนะหรือว่าฉันตั้งกำแพงไว้ไม่พอ  ก็ไม่นี่น่าที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีใครเจาะเข้าไปในฐานข้อมูลได้    แล้วพ่อรู้เรื่องนี้ได้ยังไงว่าฉันเป็นคนสร้างไวรัสป่วนคอมทั่วโลกเมื่อสามปีก่อน

     

    “พ่อค่ะ”

     

    “หือ”

     

    “พ่อรู้เรื่องไวรัสได้ไงค่ะ”

     

    “อย่าลืมซิอายะพ่อเป็นคนของไนพารานะ   พ่อรู้ทุกเรื่องของมัติซึโมโต้”

     

    “อืม”นี่ไนพารารู้เรื่องภายในของเรามากถึงขนาดนี้เชียวหรือเนี้ยะ    สมแล้วที่เป็นบริษัทชั้นนำทางด้านไอทีพวกนั้นคงเจาะระบบมาขโมยข้อมูลของไนพาราหละซิ

     

    “และที่สำคัญเหตุการณ์ครั้งนั้นก็เรื่องใหญ่ใช่เล่น     แถมไนพาราก็เป็นที่แรกที่โดนพ่อเดาได้ไม่ยากหรอกว่าเป็นฝีมือใคร”

     

    “แต่พ่อก็ไม่น่าที่จะรู้ว่าเป็นหนูทำนี่ค่ะ”

     

    “พ่อมีเซ็นต์เรื่องนี้น่ะ”

     

    “หือ”

     

    “สรุปคือพ่อเดา   ตอนแรกพ่อก็ไม่รู้หรอก...แต่เมื่อกี้ลูกพึ่งสารภาพกับพ่อ”

     

    “นี่พ่อหลอกหนูนี่ค่ะ”

     

    “.............”พ่อไม่ได้พูดอะไรออกมานอกจากคลีรอยยิ้มบางส่งมาให้ฉัน     ตอนแรกก็นึกว่าพ่อจะต้องดุและไม่ยอมรับฉันเป็นลูกซะแล้วแต่พอได้พบกันครั้งนั้น    พ่อใช่ว่าจะเลวร้ายอย่างที่ฉันจินตนาการเอาไว้แต่จะดีมากกว่านี้มากถ้าพ่อไม่บังคับให้ฉันเรียนที่ไนพาราและต้องเปลี่ยนจากนามสกุลมัติซึโมโต้เป็นมุชิเอระ

     

    “แล้วทำไมพ่อไม่แจ้งความตำรวจสากลมาจับหนูหละค่ะ”

     

    ทั้งที่มีโอกาสที่จะทำลายชื่อเสียงของมัติซึโมโต้   ไนพารามีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำแบบนั้น

     

    “เรื่องมันยาวน่ะอายะ”

     

    “ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่าค่ะ”

     

    พ่อมีอะไรบิดบังเราอยู่นะ......

     

    “นี่กุญแจรถของลูก    รถสปอร์ตสีดำที่จอดอยู่นะ” 

     

    “หนูไม่จำเป็นต้องใช้หรอกค่ะ”

     

    “พ่อมีคนขับรถคนเดียวและเขาก็ต้องไปส่งพ่อทีทำงานทุกวัน   ตอนนี้ก็ขับรถเองก่อนนะพ่อกำลังประกาศรับคนขับรถอีกไม่นานคงได้”

     

    “พ่อไม่ต้องรับคนขับรถเพิ่มหรอกค่ะหนูนั่งรถไฟไปมหาวิทยาลัยได้ค่ะ”

     

    “ไม่ได้   ลูกก็รู้ว่าทุกวันนี้มันอันตรายขนาดไหน”

     

    “หนูดูแลตัวเองได้ค่ะ”

     

                ฉันเดินออกจากบ้านหรือจะเรียกได้ว่าเป็นคฤหาสน์ก็ได้     โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของพ่อที่ดังไล่หลังฉันมา  ฉันรู้ว่าพ่อเป็นห่วงฉันมากแค่ไหนแต่การที่ฉันใช้ชีวิตสบายอย่างนั้นมาตลอดชีวิตมันทำให้ฉันอึกอัดไม่มีอิสรภาพ    อยู่ที่มัติซึโมโต้ฉันก็ไม่ต่างอะไรกับเจ้าหญิงที่ทุกคนคอยบริการทุกอย่างไม่ว่าจะอยากได้อะไรก็ได้มาฉันเบื่อกับชีวิตแบบนั้นเต็มทีเมื่อได้ออกมาจากมัติซึโมโต้แล้วฉันอยากจะเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีสิทธิพิเศษใด ๆ ทั้งสิ้น..........


    ขอเม้นด้วยนะค่ะพี่น้อง.......

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×