ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มต้นของไดอารี่
เย็นวันที่ 20 พฤศจิกายน 2555
� �ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงวันที่ฉันท้อแท้มากครั้งหนึ่งในชีวิต ฉันไม่รู้จะก้าวต่อไปอย่างไรดี ทำไมฉันจึงทำเรื่องที่ไม่ควรทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ขณะนี้ฉันเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ตอนนี้เข้าเทอมที่สองแล้ว แต่ฉันยังทำตัวเชื่อยชาไม่กระตือรือร้นอย่างที่ควรจะเป็น�และรีบเร่งทำงานก่อนวันที่อาจารย์นัดส่งเพียงหนึ่งวัน ซึ่งฉันทำเช่นนี้มาตลอดในเทอมแรก เพราะปรับตัวไม่ได้ แต่แท้จริงแล้วฉันมีเวลามากมาย เหลือเฟือที่จะทำงานให้เสร็จก่อนกำหนดส่ง แต่กลับใช้เวลาที่มีอย่างมากล้นทำสิ่งไร้สาระ เช่น เล่นเกมในเฟรชบุ๊ก อ่านนิยายผ่านหน้าเว็บต่างๆ รวมทั้งดูรายการโทรทัศน์ต่างๆ จนดึก แล้วจึงมารู้สึกตัวว่าควรทำงานหรือการบ้านได้แล้วในเวลาหลังเที่ยงคืน ทำให้ตอนเช้ามีอาการง่วงซื่ม ทำอะไรเชื่องช้า�
� �สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นปัญหา แต่ปัญหานั้นคือตัวของฉันและนิสัยที่แก้ไม่หาก็คือขาดความใส่ใจในงานต่างๆ ที่ทำ ทำเพียงเพื่อให้มันเสร็จแบบของไปที ใช้ชีวิตให้หมดไปวันๆ หาสาระอะไรไม่ได้เลย เกาะพ่อแม่กินไปวันๆ ทั้งๆที่รู้ว่าพ่อและแม่ต้องทำงานหนัก แต่ฉันก็ยังคงเพิ่มภาระให้แก่ท่าน โดยเฉพาะแม่ที่ท่านอายุใกล้จะหกสิบแล้ว ท่านทำงานหนักเกือบทุกวันและต้องตื่นดึกดื่นเพื่อไปซื้อของที่ตลาดแล้วกลับมาทำของเพื่อไปขายตั้งแต่กลับจากตลาดเพื่อไปขายในตอนบ่าย และขายจนมืดค่ำ ท่านไม่ค่อยมีเวลานอนหลับพักผ่อนเลย และยังต้องค่อยปลุกลูกที่แสนเกียจคร้านไปเรียนแทบทุกวัน แต่นั้นยังไม่เท่าไหร่ฉันแทบไม่ค่อยทำงานบ้านเลยจนแม่ต้องทำงานบ้านแทนฉันทุกอย่าง ฉันชั่งเป็นลูกที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย แถมยังทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง ฉันเคยทำให้แม่เสียใจจนเป็นลมเพราะบอกแม่ว่าจะลาออกจากมหาวิทยาลัย ทำให้ฉันเลิกคิดที่จะลาออก แต่ถ้าถึงทางตันฉันก็คงต้องถอยมานับหนึ่งใหม่
� �สิ่งที่ฉันเล่ามาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ฉันหวังเพียงเพื่อระบายความในใจที่ไม่อาจบอกใครเป็นคำพูดได้ การเล่าสู่กันฟังนี้ทำให้ฉันสบายใจขึ้นมาก ฉันท้อแต่คงไม่ถอย แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ฉันคงต้องยอมแพ้
� �
��
� �ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงวันที่ฉันท้อแท้มากครั้งหนึ่งในชีวิต ฉันไม่รู้จะก้าวต่อไปอย่างไรดี ทำไมฉันจึงทำเรื่องที่ไม่ควรทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ขณะนี้ฉันเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ตอนนี้เข้าเทอมที่สองแล้ว แต่ฉันยังทำตัวเชื่อยชาไม่กระตือรือร้นอย่างที่ควรจะเป็น�และรีบเร่งทำงานก่อนวันที่อาจารย์นัดส่งเพียงหนึ่งวัน ซึ่งฉันทำเช่นนี้มาตลอดในเทอมแรก เพราะปรับตัวไม่ได้ แต่แท้จริงแล้วฉันมีเวลามากมาย เหลือเฟือที่จะทำงานให้เสร็จก่อนกำหนดส่ง แต่กลับใช้เวลาที่มีอย่างมากล้นทำสิ่งไร้สาระ เช่น เล่นเกมในเฟรชบุ๊ก อ่านนิยายผ่านหน้าเว็บต่างๆ รวมทั้งดูรายการโทรทัศน์ต่างๆ จนดึก แล้วจึงมารู้สึกตัวว่าควรทำงานหรือการบ้านได้แล้วในเวลาหลังเที่ยงคืน ทำให้ตอนเช้ามีอาการง่วงซื่ม ทำอะไรเชื่องช้า�
� �สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นปัญหา แต่ปัญหานั้นคือตัวของฉันและนิสัยที่แก้ไม่หาก็คือขาดความใส่ใจในงานต่างๆ ที่ทำ ทำเพียงเพื่อให้มันเสร็จแบบของไปที ใช้ชีวิตให้หมดไปวันๆ หาสาระอะไรไม่ได้เลย เกาะพ่อแม่กินไปวันๆ ทั้งๆที่รู้ว่าพ่อและแม่ต้องทำงานหนัก แต่ฉันก็ยังคงเพิ่มภาระให้แก่ท่าน โดยเฉพาะแม่ที่ท่านอายุใกล้จะหกสิบแล้ว ท่านทำงานหนักเกือบทุกวันและต้องตื่นดึกดื่นเพื่อไปซื้อของที่ตลาดแล้วกลับมาทำของเพื่อไปขายตั้งแต่กลับจากตลาดเพื่อไปขายในตอนบ่าย และขายจนมืดค่ำ ท่านไม่ค่อยมีเวลานอนหลับพักผ่อนเลย และยังต้องค่อยปลุกลูกที่แสนเกียจคร้านไปเรียนแทบทุกวัน แต่นั้นยังไม่เท่าไหร่ฉันแทบไม่ค่อยทำงานบ้านเลยจนแม่ต้องทำงานบ้านแทนฉันทุกอย่าง ฉันชั่งเป็นลูกที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย แถมยังทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง ฉันเคยทำให้แม่เสียใจจนเป็นลมเพราะบอกแม่ว่าจะลาออกจากมหาวิทยาลัย ทำให้ฉันเลิกคิดที่จะลาออก แต่ถ้าถึงทางตันฉันก็คงต้องถอยมานับหนึ่งใหม่
� �สิ่งที่ฉันเล่ามาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ฉันหวังเพียงเพื่อระบายความในใจที่ไม่อาจบอกใครเป็นคำพูดได้ การเล่าสู่กันฟังนี้ทำให้ฉันสบายใจขึ้นมาก ฉันท้อแต่คงไม่ถอย แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ฉันคงต้องยอมแพ้
� �
��
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น